10/06/2025
ไขมันพอกตับ..ภัยเงียบที่มาแบบไม่รู้ตัว
#ไขมันพอกตับ คือ ภาวะที่มีไขมันเข้าไปสะสมที่เนื้อตับมากกว่า 5-10% และมักจะเป็น #ไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride) ปกติไขมันที่ร่างกายได้รับจะถูกเผาผลาญที่ตับและเนื้อเยื่อต่างๆ แต่เมื่อร่างกายได้รับเกินความต้องการ ไขมันส่วนนั้นจะถูกสะสมในรูปแบบเนื้อเยื่อไขมัน แล้วค่อยๆ สะสมที่ตับ จนมากเกินกว่าปกติ และส่งผลให้ตับทำงานผิดปกติ ...ในระยะแรกโดยทั่วไปจะไม่แสดงอาการ แต่ในบางรายที่มีการอักเสบของตับร่วมด้วยจะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดแน่น เจ็บบริเวณชายโครงด้านขวาเนื่องจากขนาดของตับที่โตขึ้น รวมถึงมีอาการเบื่ออาหาร ท้องผูกหรือท้องเสีย อาหารไม่ย่อย และอาจผอมลงโดยที่ไม่ได้ลดอาหาร พอนานวันขึ้น จะพัฒนาจนนำมาสู่การอักเสบภายในเนื้อตับอย่างเรื้อรัง ทำให้เกิดพังผืด เกิดภาวะตับแข็ง ซึ่งเป็นภัยเงียบที่อาจไม่รู้ตัวและอาจนำมาสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จนถึงแก่ชีวิตได้
#ภาวะไขมันพอกตับแบ่งได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้
🔹ระยะที่ 1 มีไขมันสะสมในเซลล์ตับ แต่ไม่มีการอักเสบของตับ จึงไม่มีอาการแม้จะติดตามอาการเป็นระยะเวลานาน
🔹ระยะที่ 2 มีไขมันสะสมในเซลล์ตับ และเริ่มมีการอักเสบของตับ อาจมีอาการร่วมที่ไม่หนัก แต่หากไม่ได้มีการรักษาอาจส่งผลให้เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังได้
🔹ระยะที่ 3 เกิดการอักเสบของตับอย่างต่อเนื่อง มีอาการบวมโตของเซลล์ตับ ซึ่งสามารถคลำพบได้ เซลล์จะค่อย ๆ ถูกทำลายลง และกลายเป็นพังผืด
🔹ระยะที่ 4 เซลล์ตับถูกทำลายไปมาก และมีพังผืดสะสมในตับ มีความรุนแรงจนส่งผลให้ตับทำงานไม่ปกติ สามารถทำให้เกิดเป็นภาวะตับแข็ง และนำไปสู่โรคมะเร็งตับได้
#ไขมันพอกตับเกิดจากอะไร❓
1. การดื่มแอลกอฮอล์
ดื่มมาก เสี่ยงมาก แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปจะถูกแปรรูปเป็นสารพิษและทำลายเซลล์ตับแถมยังขัดขวางกระบวนการเผาผลาญไขมันในตับทำให้เกิดการสะสมไขมันจนกลายเป็นไขมันพอกตับ และอาจพัฒนาไปเป็นโรคตับแข็ง มะเร็งตับได้ในที่สุด
2. มีโรคประจำตัว หรือ มีภาวะแทรกซ้อน
เป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้ไขมันไปสะสมในตับเกินขนาด จนกลายเป็นไขมันพอกตับได้ เช่น #โรคอ้วน #โรคเบาหวาน #โรคไทรอยด์ #โรคความดันโลหิตสูง #โรคไขมันในเลือดสูง โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี หรือการติดเชื้อเอชไอวี รวมถึง ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
3. พฤติกรรมการกิน
อาหารการกินสำคัญมาก! กินไม่ถูกต้องเหมือนเอาของเสียใส่ตับ กินมากเกินไป กินไม่เลือก กินแต่ของไม่มีประโยชน์ ยิ่งเสี่ยงอันตรายมากขึ้น ประเภทอาหารที่ควรต้องระมัดระวัง เช่น
▪️อาหารไขมันสูง : อาหารทอด อาหารมัน ๆ ขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว และผลไม้หวานปริมาณมาก
▪️อาหารแปรรูป : โซเดียม น้ำตาล และไขมันสูงส่งผลเสียต่อตับ
▪️เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล : กาแฟ ชานม และน้ำอัดลม🧋
#จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นไขมันพอกตับ❓
🟢การตรวจเลือด (Blood Test) – ตรวจหาค่า ALT, AST, ALP ที่ผิดปกติ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับตับ
#ไขมันพอกตับรักษาให้หายได้ไหม❓
โรคไขมันพอกตับ สามารถรักษาให้หายขาดกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
🔴ไขมันพอกตับอยู่ในระยะเริ่มต้น (ระยะที่ 1-2)
เริ่มต้นด้วยการ ปรับพฤติกรรม โดยการงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด🚫 ทานอาหารที่มี ประโยชน์ไขมันต่ำจำพวก ผัก ผลไม้ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
🔴ไขมันพอกตับอยู่ในระยะรุนแรง (ระยะที่ 3-4)
ปรับพฤติกรรมร่วมกับการป้องกันภาวะแทรกซ้อน หากมีภาวะตับอักเสบร่วมด้วย แพทย์อาจพิจารณาให้ยาลดการอักเสบและควบคุมระดับไขมันในตับ เช่น ยาต้านการอักเสบ ยาลดน้ำหนัก เพื่อป้องกันความเสียหายของตับและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ตรวจเลือด เพื่อติดตามการรักษาและตรวจหาภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับ
------