
14/10/2020
โรคต้อ..คืออะไร ที่นี่มีคำตอบ
♋ โรคต้อของตามีกี่โรค และมีความแตกต่างกันอย่างไร ??
📚 มาเรียนรูเรื่อง โรคต้อ 4 ชนิด
คำว่าต้อเป็นคำทั่วไปหมายถึงตา ดังนั้นเมื่อบอกว่าเป็นโรคต้อ ต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป็นโรคต้อชนิดใด ที่พบบ่อยๆ และควรทราบ เรียงลำดับตามความรุนแรงจากน้อยไปมาก คือ
1. โรคต้อลม (pinguecular)
✔ ลักษณะเป็นเยื่อสีขาว หรือ ขาวเหลือง บริเวณตาขาว ข้างๆ ตาดำ
✔ เกิดจากการถูกสิ่งระคายเคืองต่อเยื่อบุตา เช่น ลม ฝุ่น แสงแดด มาเป็นเวลานาน มักทำให้มีอาการเคืองตาง่าย
✔ ไม่ทำให้ตามัวหรือบอด
2. โรคต้อเนื้อ (pterygium)
▶ เป็นโรคที่ต่อเนื่องมาจากโรคต้อลม แต่เยื่อบุตาลามเข้ามาถึงบริเวณกระจกตาดำ (cornea)
▶ เป็นลักษณะคล้ายเนื้อเยื่อสีขาวออกแดง บริเวณกระจกตาด้านหัวตาหรือหางตา
▶ เกิดจากการถูกสิ่งระคายเคืองมาเป็นเวลานานหลายปี ทำให้มีอาการเคืองตาและตาแดง บริเวณต้อเนื้อเมื่อถูกสิ่งระคายเคือง
▶ ไม่ทำให้ตามัวหรือบอด
3. โรคต้อกระจก (cataract)
➡ เป็นโรคที่เกิดจากการขุ่นของเลนส์แก้วตา (lens) ในลูกตา ทำให้การมองเห็นภาพมีลักษณะคล้ายเป็นหมอก หรือควันขาวๆ บัง
➡ ส่วนมากมักเป็นจากการเสื่อมสภาพของเลนส์ตาตามอายุ
➡ อาจเป็นตั้งแต่กำเนิด หรือ เกิดหลังอุบัติเหตุต่อดวงตาก็ได้
➡ มักทำให้ตามัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจมองไม่เห็นในที่สุดถ้าไม่ได้รับการรักษา
4. โรคต้อหิน (glaucoma)
📍 เป็นโรคที่มีความดันในลูกตาสูงจากการระบายออกของน้ำเลี้ยงในลูกตา (aqueous) น้อยผิดปกติ ทำให้ลูกตาแข็งขึ้น จนกระทั่งกดขั้วประสาทตา (optic disc) ทำให้มีการเสียของลานสายตาการมองเห็น จนกระทั่งตาบอดสนิทได้ในที่สุด
✳ โรคต้อลมสาเหตุเกิดจากลม การใส่แว่นจะป้องกันโรคได้หรือไม่ ?
🎯 สิ่งระคายเคืองที่เป็นสาเหตุของโรคต้อลม เป็นไปได้ทั้งจากลม ฝุ่น หรือ แสงแดดจ้าๆ ซึ่งนอกจาก จะเป็นสาเหตุของโรคต้อลมแล้ว ยังทำให้ผู้ที่เป็นต้อลมอยู่แล้ว มีอาการเคืองตามากขึ้น และ ต้อลมลุกลามมากขึ้น เมื่อสัมผัสกับสิ่งระคายเคืองดังกล่าว
แว่นตามักช่วยกันลมเฉพาะจากทางด้านหน้า จึงไม่เพียงพอต่อการป้องกันทั้งลม ฝุ่น และแสงแดด
✔ ดังนั้นคำแนะนำที่ดีที่สุด จึงควรพยายามหลีกเลี่ยง บริเวณที่มีลม ฝุ่น หรือ แสงแดดจ้าๆ จะเป็นประโยชน์มากกว่า.
✳ โรคต้อเนื้อ เกิดจากการกินเนื้อ และหลังลอกต้อเนื้อควรงดอาหารประเภทเนื้อสัตว์จริงหรือไม่ ?
🎯 โรคต้อเนื้อ เกิดจากการเสื่อมสภาพของเยื่อบุตาบริเวณข้างตาดำ จากการสัมผัสสิ่งระคายเคือง เช่น ลม ฝุ่น แสงแดด แม้มีลักษณะคล้ายเป็นก้อนเนื้อ แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับอาหารประเภทเนื้อ และ การกินอาหารประเภทเนื้อหลังการลอกต้อเนื้อ ไม่ทำให้แผลเกิดการอักเสบ หรือ เกิดต้อเนื้อขึ้นใหม่ แต่อย่างใด
✳ โรคต้อกระจก จำเป็นต้องเป็นทุกคนหรือไม่ ?
🎯 โรคต้อกระจก เกิดจากการเสื่อมสภาพของเลนส์แก้วตา ทำให้เลนส์แก้วตา ซึ่งควรมีลักษณะใสมีสีขาว หรือ ขาวอมน้ำตาลมากขึ้น. เมื่อมนุษย์ทุกคนมีอายุมากขึ้น จะต้องเกิดการเสื่อมของเลนส์ตาทุกคน เมื่อการขุ่นของเลนส์ตามากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดปัญหาตามัว จะเรียกว่าเป็น โรคต้อกระจก
✔ ดังนั้นมนุษย์ทุกคนจะต้องเป็น ต้อกระจก แน่นอน แต่อาจเป็นตั้งแต่อายุมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
✳ โรคต้อกระจกสามารถใช้ยาหยอดรักษาให้หายได้หรือไม่ ?
🎯 ปัจจุบันยังไม่มียาหยอดตา หรือ ยากินที่สามารถให้การรักษาโรคต้อกระจกให้หายขาดได้ การรักษาที่ได้ผลคือ การผ่าตัด (หรืออาจเรียกว่าลอกต้อ) เอาเลนส์ตาธรรมชาติที่ขุ่นเป็นต้อกระจกออก และใส่เลนส์แก้วตาเทียม เข้าไปแทนที่ โดยวิธีการเอาเลนส์ตาที่เป็นต้อกระจกออก อาจใช้วิธีดันออกหรือใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) สลายออกก็ได้ แต่ยังไม่มีการใช้แสงเลเซอร์ในการผ่าตัดโรคต้อกระจก
✳ เลนส์แก้วตาเทียมใช้ได้นานกี่ปี และต้องดูแลรักษาอย่างไร ?
🎯 ปัจจุบันเทคโนโลยีในการผลิตเลนส์แก้วตาเทียม มีความก้าวหน้า มีภาวะแทรกซ้อนน้อย ใส่แล้วคล้ายธรรมชาติ ไม่ต้องการการดูแลรักษาใดๆ และ สามารถใช้เลนส์แก้วตาเทียมนั้นได้ตลอดอายุ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมอีก
✳ โรคต้อหิน ต้องรักษาโดยการผ่าตัดเสมอไปหรือไม่ และการผ่าตัดทำเพื่อวัตถุประสงค์ใด ?
🎯 โรคต้อหิน มีหลายชนิด ดังนั้นการรักษาจึงมีหลากหลายวิธี เช่น การใช้ยาหยอดตาลดความดันตา ยากินลดความดันตา การใช้แสงเลเซอร์ และการผ่าตัด
โดยในกรณีที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ไม่ใช่การผ่าเอาหินหรือของแข็งใดๆ ออกจากตา แต่เป็นการผ่าตัดเพื่อเปิดทางระบายน้ำเลี้ยงในลูกตา (aqueous) ออกจากลูกตา ทำให้ความดันตาลดลง และ ไม่เป็นอันตรายต่อขั้วประสาทตา
✳ โรคต้อต่างๆ เป็นโรคพันธุกรรมหรือไม่ ?
🎯 โรคต้อลมและต้อเนื้อ เป็นโรคที่เกิดจากการสัมผัสสิ่งระคายเคือง จึงไม่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
🎯 โรคต้อกระจกในผู้สูงอายุ เกิดจากการเสื่อมของเลนส์แก้วตาตามสภาพ ไม่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่โรคต้อกระจกที่เกิดในเด็ก หรือ เป็นแต่กำเนิดในบางราย อาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
🎯 โรคต้อหิน อาจเป็นได้ทั้งเป็น และ ไม่เป็นโรคพันธุกรรม แต่ในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหิน เมื่ออายุเกิน 40 ปีควรได้รับการตรวจวัดความดันตากับจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเฝ้าระวังโรคต้อหินที่อาจเกิดขึ้นได้
======================
📚 ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :
🔘 วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา พ.บ. ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
🔘ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ พ.บ. จักษุแพทย์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
🏨 ด้วยความปรารถนาดีจาก ศูนย์ตาดี healthy eyes
👉 Add Line : https://lin.ee/v7uRd8H ()
🔘 ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ดีคอนแทคพลัส
✔ อาหารเสริมบำรุงดวงตา ช่วยดูแลอาการตาแห้ง
เคืองตา แสบตา น้ำตาไหล เมื่อยล้าดวงตา
ปวดตา ตาพร่ามัว ให้ดีขึ้นได้
📱 โทรปรึกษาก่อนสั่งซื้อ
สายด่วน 082-499-1777 , 087-591-7495