วัดศิลาอาสนาราม ตำบลสะเดา อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์

วัดศิลาอาสนาราม  ตำบลสะเดา อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ มาถึงวัดเห็นดิน เห็นต้นไม้ ยังมิใช่เห็นวัด ดั่งความหมาย รู้จักวัตร ต้องฝึกหัดทั้งใจกาย

ชีวิตหนึ่งเกิดมาได้พบกัน  ได้ผูกพันเชื่อมโยงและอาศัยได้ใกล้ชิดสนิทจนรู้ใจ        เมื่อจากไปคงคิดถึงไม่เลือนราง
14/09/2025

ชีวิตหนึ่งเกิดมาได้พบกัน
ได้ผูกพันเชื่อมโยงและอาศัย
ได้ใกล้ชิดสนิทจนรู้ใจ
เมื่อจากไปคงคิดถึงไม่เลือนราง

พุทธภาษิตสอนใจ      ฝึกมองข้อเสียของตนเอง      คนเราจะมองเห็นคนอื่น มากกว่าเห็นตัวเอง จึงเป็นเหตุทำให้คนส่วนมาก จ้องมองแ...
09/09/2025

พุทธภาษิตสอนใจ
ฝึกมองข้อเสียของตนเอง
คนเราจะมองเห็นคนอื่น มากกว่าเห็นตัวเอง จึงเป็นเหตุทำให้คนส่วนมาก จ้องมองแต่ความผิดของคนอื่น มากกว่ามองความผิดตนเอง เรียกว่าวันหนึ่งๆ แทบจะไม่เคยตำหนิตัวเองเลย ตำหนิว่าแต่คนอื่นทั้งวัน ดังคำที่ว่า
"ความผิดของผู้อื่น เห็นได้ง่าย ส่วนความผิดของตน มองเห็นได้ยาก"
ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์ ทุกคนส่วนมาก ย่อมมีข้อบกพร่องด้วยกันทั้งนั้น แต่ไม่ต้องให้คนอื่นบอก หรือไม่ต้องบอกคนอื่น ควรฝึกมองให้เห็นด้วยตัวเอง เห็นแล้วตัวเองเป็นเช่นไร ไม่ดีก็แก้ไขให้ดี ดังคำที่ว่า
"มองตนเองให้ออก
บอกตนเองให้ได้
ใช้ตนเองให้เป็น
เห็นตัวเองให้ชัด"
คนที่มองตัวเอง เป็นคนที่มีธรรมะอยู่ในใจ เพราะธรรมะ เป็นเหมือนกระจกเงา สะท้อนให้มองเห็นตัวเอง หากเรามองเห็นตัวเองได้ จะมีประโยชน์มาก เพราะจะรู้ว่าตัวเองมีนิสัยดี หรือไม่ดีอย่างไร จะแก้ไขได้ ดีกว่ามองคนอื่น เสียเวลา ไม่มีประโยชน์ และเสียนิสัยอีกต่างหาก ดังคำประพันธ์ ที่ท่านกล่าวไว้ว่า
ตนเตือนตนของตนให้พ้นผิด
ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน
อย่าแชเชือนเตือนตนให้พ้นภัย
พระพุทธเจ้า จึงทรงตรัสสอนพวกเราว่า
"อัตตา อัตตะนา โจทะยัตตานัง แปลว่า จงเตือนตนด้วยตนเอง"
ดังนั้น เราควรหมั่นเตือนตัวเอง ด้วยตัวเองนี่แหละ ถือว่าเป็นสิ่งประเสริฐที่สุด

น้ำไม่ไหล… ขังไว้ย่อมเน่า ฉันใดคำนินทา…ได้ยินแล้ว ไม่ยอมปล่อยย่อม" ทุกข์ "ฉันนั้น***********************************  ✅ค...
07/09/2025

น้ำไม่ไหล… ขังไว้ย่อมเน่า ฉันใด
คำนินทา…ได้ยินแล้ว ไม่ยอมปล่อย
ย่อม" ทุกข์ "ฉันนั้น

***********************************
✅คำแปลความหมาย

"น้ำที่ไม่ไหลเวียน ขังอยู่ที่เดิมย่อมเน่าเสีย ฉันใด
การได้ยินคำนินทา (คำพูดนินทาในทางลบ) แล้วนำมาใส่ใจ ไม่ยอมปล่อยวาง ย่อมนำความทุกข์ใจมาให้ ฉันนั้น"

1. บทกวีนี้ใช้ "น้ำขัง" เป็น**อุปมา** เปรียบเทียบกับ "ใจของคน"
น้ำที่ไหลเวียนคือ น้ำที่สดใส มีชีวิตชีวา
น้ำที่ขัง** คือ น้ำที่ เน่าเสีย เพราะไม่มีการเคลื่อนไหวหรือตัวเอง

2. ใจที่ปล่อยวาง** คือ ใจที่แจ่มใส ไม่เก็บความทุกข์ไว้
ใจที่เก็บคำนินทา** คือ ใจที่ยึดติดกับคำพูดด้านลบของคนอื่น ไม่ยอมให้ผ่านไป เหมือนน้ำที่ขังอยู่จนกลายเป็นพิษ (ความทุกข์) ต่อตัวเอง

3. บทกวีนี้เป็นคำเตือนว่า การไปสนใจ คำนินทาหรือคำพูดในแง่ลบจากผู้อื่น แล้วนำมาเก็บไว้คิดกังวลใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะสร้างความทุกข์ให้กับตัวเองโดยใช่เหตุ
** โดยเปรียบเทียบว่าความทุกข์นั้นเกิดขึ้นเองได้เหมือนการเน่าของน้ำขัง

📌โดยสรุป:
บทกวีนี้สอนว่า อย่าเก็บคำนินทามาคิดให้ใจเป็นทุกข์ ให้รู้จัก "ปล่อยวาง"ไม่เก็บเอาคำพูดไม่ดีของคนอื่นมาใส่ใจ เหมือนน้ำที่ไหลเวียน ไม่เช่นนั้นใจจะ "เน่าเสีย" ด้วยความทุกข์ได้เอง…

ปริยัติ คือ การศึกษาพระธรรมคำสอนหรือพระไตรปิฎก ส่วน ปฏิบัติ คือ การน้อมนำคำสอนนั้นมาลงมือปฏิบัติเพื่อขัดเกลาตนเอง ทั้งสอ...
05/09/2025

ปริยัติ คือ การศึกษาพระธรรมคำสอนหรือพระไตรปิฎก ส่วน ปฏิบัติ คือ การน้อมนำคำสอนนั้นมาลงมือปฏิบัติเพื่อขัดเกลาตนเอง ทั้งสองส่วนนี้มีความสำคัญและเชื่อมโยงกัน โดยปริยัติเปรียบเสมือนแผนที่และความรู้ ส่วนปฏิบัติคือการเดินทางจริง เพื่อนำไปสู่ ปฏิเวธ คือผลที่เกิดจากการปฏิบัติที่ถูกต้อง
ปริยัติ (การศึกษา)
หมายถึง การศึกษาเล่าเรียนคำสอนในพระพุทธศาสนา ซึ่งก็คือพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่รวบรวมอยู่ในพระไตรปิฎก
เปรียบเสมือนแผนที่และเข็มทิศในการเดินทาง คือการมีความรู้และความเข้าใจในหลักธรรม
ปฏิบัติ (การลงมือทำ)
หมายถึง การนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาปริยัติมาลงมือปฏิบัติตามหลักธรรมนั้นๆ เพื่อขัดเกลาตนเองและพัฒนาจิตใจ
เปรียบเสมือนการเดินทางจริง คือการลงมือกระทำตามแผนที่ที่ได้รับมา
ความสัมพันธ์ของ ปริยัติ-ปฏิบัติ-ปฏิเวธ
ทั้งสามส่วนนี้สัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก โดยปริยัติคือรากฐานของการปฏิบัติ การปฏิบัติที่ถูกต้องย่อมนำไปสู่ผลที่เรียกว่า ปฏิเวธ
หากมีแต่ปริยัติโดยปราศจากการปฏิบัติ ก็เหมือนการสะสมรากไม้แต่ไม่งอกเป็นต้น เป็นเพียงความรู้ที่ไม่ได้นำไปใช้
ดังนั้น เพื่อให้เกิดผลสมบูรณ์ที่สุด จะต้องมีทั้งสามส่วน คือ การศึกษา (ปริยัติ) การลงมือทำ (ปฏิบัติ) และการได้รับผล (ปฏิเวธ) อย่างครบถ้วนและถูกต้อง

ขอเชิญพุทธศาสนิกชน ร่วมถวายภัตตาหารเพลและน้ำปานะแด่พระสงฆ์ สามเณร และอุบาสกอุบาสิกา โดยมี พระครูสันติธรรมาภินันท์(พระครู...
29/08/2025

ขอเชิญพุทธศาสนิกชน ร่วมถวายภัตตาหารเพลและน้ำปานะแด่พระสงฆ์ สามเณร และอุบาสกอุบาสิกา
โดยมี พระครูสันติธรรมาภินันท์(พระครูเจ้าคณะตําบลเทียบเจ้าคณะอําเภอชั้นเอก)
เป็นประธานสงฆ์
เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา เจริญพระพุทธมนต์
เวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกา ถวายภัตตาหารเพล รับพรกรวดน้ำ และร่วมปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยพร้อมเพรียงกัน
ณ วัดไทยเจริญมงคลธรรม
วันพระ ในวันอาทิตย์
ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๘

🦜 นกมองไม่เห็นฟ้า 🐠 ปลามองไม่เห็นน้ำ🚶🏻‍♂️คนมองไม่เห็นโลก***********************************      ประโยคนี้เป็นคำพังเพยหร...
24/08/2025

🦜 นกมองไม่เห็นฟ้า
🐠 ปลามองไม่เห็นน้ำ
🚶🏻‍♂️คนมองไม่เห็นโลก

***********************************
ประโยคนี้เป็นคำพังเพยหรือคำคมที่ใช้การเปรียบเทียบเพื่อสื่อความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับการไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวหรือสิ่งที่คุ้นเคยจนมองข้ามไป โดยสามารถแปลความหมายได้ดังนี้:

1. "นกมองไม่เห็นฟ้า"**
- นกใช้ชีวิตอยู่ในท้องฟ้า แต่กลับไม่เห็นความสำคัญหรือความงามของฟ้า เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่กับนกตลอดเวลา จนกลายเป็นเรื่องปกติที่มองข้ามไป

2. "ปลามองไม่เห็นน้ำ"**
- ปลาอาศัยอยู่ในน้ำ แต่ไม่เคยตระหนักถึงความสำคัญของน้ำ เพราะน้ำคือสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวมันตลอดเวลา จนไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของน้ำ

3. "คนมองไม่เห็นโลก"**
- มนุษย์ใช้ชีวิตอยู่บนโลก แต่กลับไม่เห็นคุณค่าหรือความมหัศจรรย์ของโลก เพราะความเคยชินหรือความวุ่นวายในชีวิตประจำวันจนละเลยที่จะสนใจสิ่งรอบตัว

✅**ความหมายโดยรวม**:
คำคมนี้สะท้อนถึงธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่มักมองข้ามหรือไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด เพราะความคุ้นเคยหรือการรับรู้จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา เช่น
- มนุษย์อาจละเลยความสำคัญของธรรมชาติ อากาศ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว
- การไม่รู้จักพอหรือไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว

✅**ข้อคิดที่ได้**:
ควรฝึกมองโลกด้วยความตระหนักรู้และรู้คุณค่าของสิ่งรอบตัว โดยเฉพาะสิ่งที่ดูเหมือนปกติธรรมดา เพราะสิ่งเหล่านั้นอาจมีความสำคัญมากกว่าที่คิด….

หลักธรรมฆราวาสธรรม 4 เป็นหลักธรรมสำหรับผู้ครองเรือน หรือผู้ที่ใช้ชีวิตทางโลก ให้ประสบความสำเร็จและมีความสุข ประกอบด้วย 4...
19/08/2025

หลักธรรมฆราวาสธรรม 4 เป็นหลักธรรมสำหรับผู้ครองเรือน หรือผู้ที่ใช้ชีวิตทางโลก ให้ประสบความสำเร็จและมีความสุข ประกอบด้วย 4 ประการ คือ สัจจะ (ความซื่อสัตย์) ทมะ (การฝึกตน) ขันติ (ความอดทน) และจาคะ (ความเสียสละ)
ความหมายของหลักธรรมแต่ละข้อ:
สัจจะ (ความซื่อสัตย์):
หมายถึง การประพฤติด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่คดโกง ไม่หลอกลวง พูดความจริง และมีความจริงใจต่อหน้าที่การงาน
ทมะ (การฝึกตน):
หมายถึง การฝึกฝนอบรมตนเองให้เป็นคนดี มีความอดกลั้น ข่มใจไม่ให้หลงไปในทางที่ผิด และรู้จักปรับปรุงตนเองให้เจริญก้าวหน้าอยู่เสมอ
ขันติ (ความอดทน):
หมายถึง การมีความอดทนต่อความยากลำบาก อุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต และมีความเพียรพยายามในการทำงาน
จาคะ (ความเสียสละ):
หมายถึง การรู้จักเสียสละ แบ่งปันสิ่งของ หรือความสุขส่วนตัว เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น และมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อสังคม

จะปรับตัวอย่างไร…ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากครั้งนี้ไปได้“ยอมรับความจริงว่าความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได...
17/08/2025

จะปรับตัวอย่างไร…ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากครั้งนี้ไปได้
“ยอมรับความจริงว่าความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การพยายามหลีกเลี่ยงหรือต่อต้านจะยิ่งทำให้มันคงอยู่กับเราอีกนาน ถ้ามองให้ดีจะเห็นว่าในโลกนี้ล้วนเป็นเรื่องราวของชีวิตที่ต้องมีการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดอยู่ทุกหนแห่ง ความทุกข์ยากเป็นของสาธารณะที่สามารถพบได้ทั่วไปในสถานการณ์ต่างๆทั่วโลก เช่น น้ำท่วม สึนามิ สงคราม การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 และภัยพิบัติทุกประเภท หรือแม้แต่ในครอบครัวของเราและของเพื่อน ก็ยังมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความตาย การสูญเสียและ เหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆเกิดขึ้น”

15/08/2025
โยม : ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้มีคนสร้างขึ้นมาใช่ไหมครับ แล้วใครเป็นผู้สร้างโลกนี้ขึ้นมา แล้วใครเป็นผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมาคร...
03/08/2025

โยม : ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้มีคนสร้างขึ้นมาใช่ไหมครับ แล้วใครเป็นผู้สร้างโลกนี้ขึ้นมา แล้วใครเป็นผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมาครับ

ตอบ : ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ มีทั้งเกิดขึ้นมาตามเหตุที่พร้อมสมบูรณ์ทำให้เกิด และเป็นฝีมือของมนุษย์ที่สร้างขึ้นมา

โยม : แล้วใครเป็นเป็นผู้สร้างโลกนี้ขึ้นมาครับ
ถาม : ต้นมะม่วงและต้นไม้อื่นๆในบ้านของเธอนี้ขึ้นมาได้ยังไงหรือ
ตอบ : ผมเป็นคนปลูกเองครับ
ถาม : จอก แหน ในกระถางบัวนี้หล่ะเธอก็เป็นคนปลูกใช่ไหม
ตอบ : อ้อ ไม่มีใครปลูกครับมันเกิดขึ้นเอง
ถาม : ถ้าไม่มีใครปลูกแล้วจอก แหน เขาจะเกิดขึ้นมาได้ยังไง
ตอบ : ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ รู้แต่ว่ามันเกิดขึ้นมาเองครับ
ถาม : แล้วกระถางบัวอันนั้นทำไมไม่มีจอกแหนล่ะ เธอตักออกหรือ
ตอบ : ไม่ได้ตักออกครับ กระถางนี้ไม่มีจอกแหนเกิดขึ้นครับ ผอก็แปลกเหมือนกัน
โลกนี้ไม่มีใครสร้างขึ้นมาหรอก โลกนี้เกิดขึ้นไปตามเหตุ เมื่อเหตุนี้สมบูรณ์สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เหมือนจอกแหน ทุกอย่างสมบูรณ์จอกแหนจึงเกิดขึ้น ถึงจะเป็นกระถางเหมือนกัน มีน้ำเหมือนกัน ปลูกพืชเดียวกัน แต่ความสมบูรณ์ไม่เพียงพอที่จะให้จอกแหนเกิด จอกแหนก็ไม่เกิด

เหมือนเมล็ดพืชกับดิน
เมล็ดพืชไม่สมบูรณ์แต่ดินดีก็งอกไม่ได้ เมล็ดพืชสมบูรณ์แต่ดินไม่ดีก็งอกไม่ได้

โยม : แล้วใครเป็นผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมาครับ
ตอบ : ไม่มีใครสร้างมนุษย์ขึ้นมาหรอก มนุษย์เกิดขึ้นเพราะเหตุที่ทำให้เกิดสมบูรณ์ มนุษย์จึงเกิด เมื่อเหตุที่ทำให้มนุษย์ดับ มนุษย์จึงดับ เหมือนจอกแหนในกระถางบัวของเธอนั้นแหละ

เธอควรพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริงว่า
ร่างกายของเรานี้ไม่มีใครสร้างขึ้นมา พ่อก็ไม่ได้สร้างขึ้นมา แม่ก็ไม่ได้สร้างขึ้นมา แม้เราเองก็ไม่ได้สร้างขึ้นมา แต่อาศัยเหตุ ณ ขณะนั้นสมบูรณ์จึงเกิด เมื่อถึงเวลาเหตุ ณ ขณะนั้นดับจึงดับ
เปรียบเหมือนเมล็ดพืชที่สมบูรณ์ ที่บุคคลหว่านลงไปในดินดี อาศัยดินที่สมบูรณ์ เมล็ดจึงงอกขึ้นได้ฉันใด

รูป-นาม ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ต่างก็อาศัยเหตุของการเกิดสมบูรณ์จึงเกิด เมื่อเหตุของการดับสมบูรณ์จึงดับ รูปและนามที่จะรวมตัวเป็นก้อนเดียวกันได้นั้นจะต้องอาสัยการเกิด(ชาติ)เป็นที่ตั้ง เมื่อมีชาติการเกิดขึ้นจึงมีเรา เมื่อมีเราจึงมีของๆเรา เมื่อมีของๆเราจึงมีการหวงกั้น เมื่อมีการหวงกั้นจึงมีความตระหนี่
สาธุ ขอให้พุทธบริษัททุกท่านจงมีดวงตาเห็นธรรม เห็นตามหลักสัจธรรมความจริง และขอให้มีความสุขความเจริญโดยทั่วกันทุกท่านทุกคนเทอญ
#ธรรม วิมุตติ พุทธกาล #นาม-รูป #ผู้สร้างโลก #ผู้สร้างมนุษย์

ความทุกข์มีหลายสาเหตุ แต่โดยหลักแล้วสามารถสรุปได้ดังนี้ ความทุกข์เกิดจาก การยึดติดในสิ่งต่างๆ (ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ) ทำให...
29/07/2025

ความทุกข์มีหลายสาเหตุ แต่โดยหลักแล้วสามารถสรุปได้ดังนี้ ความทุกข์เกิดจาก การยึดติดในสิ่งต่างๆ (ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ) ทำให้เกิดความยึดมั่นถือมั่น ก่อให้เกิดความทุกข์ นอกจากนี้ ความทุกข์ยังเกิดจาก อริยสัจ ๔ ซึ่งประกอบด้วย ทุกข์ (ความทุกข์), สมุทัย (เหตุของความทุกข์), นิโรธ (ความดับทุกข์), และ มรรค (หนทางดับทุกข์) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัณหา (ความอยาก) เป็นสาเหตุหลักของความทุกข์

ที่อยู่

๓๔ หมู่ ๑ บ้านสะเดา ต. สะเดา อ. บัวเชด จ. สุรินทร์
Bua Chet
32230

เวลาทำการ

จันทร์ 06:00 - 17:30
อังคาร 06:00 - 17:30
พุธ 06:00 - 17:30
พฤหัสบดี 06:00 - 17:30
ศุกร์ 06:00 - 17:30
เสาร์ 06:00 - 17:30
อาทิตย์ 06:00 - 17:30

เบอร์โทรศัพท์

+66899632690

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ วัดศิลาอาสนาราม ตำบลสะเดา อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram