ร้านขายยา แม็ก Pharmacy สาขา ใกล้เซเว่นเมืองเก่าชัยภูมิ

ร้านขายยา แม็ก Pharmacy สาขา ใกล้เซเว่นเมืองเก่าชัยภูมิ ❤️💊บริการใกล้ชิด เป็นมิตร ห่วงใย💊❤️

เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมากๆ ตัวช่วยสำหรับท่านที่เจ็บคอ ไอ เสียงแหบแห้ง ปรึกษาฟรีที่ ร้านขายยา แม็ก Pharmacy สาขา ใกล้เซเว่นเม...
11/06/2025

เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมากๆ ตัวช่วยสำหรับท่านที่เจ็บคอ ไอ เสียงแหบแห้ง ปรึกษาฟรีที่ ร้านขายยา แม็ก Pharmacy สาขา ใกล้เซเว่นเมืองเก่าชัยภูมิ และ แม็ก Pharmacy ร้านยาสีเหลือง สามแยกราชพฤกษ์ ชัยภูมิ 📍📍📍

09/06/2025

ไข้เลือดออกตอนนี้เริ่มระบาดแล้วนะครับ
สารพัดโรคเลยช่วงนี้

 1. ไข้เลือดออกไม่ติดต่อจากคนสู่คน เราไม่ติดจากการจับมือ กอด หรือหายใจรดกัน การติดเชื้อมาจาก “ยุงลายตัวเมีย” ที่ไปกัดคนที่มีเชื้อไวรัสเดงกี แล้วมากัดเราอีกที

2. ยุงลายชอบกัดกลางวัน นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด ยุงลาย ไม่ได้กัดกลางคืน เหมือนยุงก้นปล่อง แต่มันออกหากินช่วงกลางวัน โดยเฉพาะ เช้า–เย็น เพราะฉะนั้นกลางวันก็ต้องทายากันยุง ใส่เสื้อแขนยาวด้วย

3. ไม่ใช่ทุกคนที่ติดจะมีผื่น คนชอบจำว่าต้องมีผื่นแดงเต็มตัวถึงจะเป็นไข้เลือดออก จริง ๆ แล้วบางคนไม่มีผื่นเลย แต่มี ไข้สูงลอย ปวดหัว ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อย ปวดข้อ ซึม เหนื่อยง่าย

4. ไข้สูงลอย คือจุดต้องระวัง ถ้าอยู่ดี ๆ เป็นไข้สูง 39-40 องศา กินยาลดไข้ก็ไม่ค่อยลง หรือดีลงแป๊บเดียวแล้วกลับมาขึ้นใหม่ ให้สงสัยไข้เลือดออกไว้ก่อน โดยเฉพาะในช่วงที่มีระบาดแบบนี้

5. กินยาแก้ปวดผิดชีวิตเปลี่ยน ถ้าไม่รู้ว่าใช่ไข้เลือดออกหรือไม่ ห้ามรีบกินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน แอสไพริน เด็ดขาด เพราะจะทำให้เลือดออกง่ายขึ้น อันตรายถึงชีวิตได้ ยาพาราเซตามอลคือทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า

6. อาการที่ต้องรีบพบแพทย์ ถ้าเป็นไข้ 2-3 วันแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการเหล่านี้ต้องรีบมา รพ.ทันที → อาเจียนมาก เบื่ออาหาร ซึม เหนื่อย หอบ ปวดท้องมาก จุดเลือดออกตามตัว เลือดกำเดาออก อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายดำ

7. ระยะวิกฤตซ่อนอยู่ช่วงไข้ลด คนส่วนใหญ่นึกว่าไข้ลดคือดีแล้ว แต่ ไข้เลือดออกจะมีช่วงอันตราย หลังไข้เริ่มลดลงในวันที่ 4-6 เพราะเป็นช่วงที่เส้นเลือดรั่วง่าย เลือดออกในช่องท้องและปอดได้ เพราะฉะนั้นถ้าไข้ลดแล้วคนไข้กลับซึมลงต้องรีบกลับมา รพ.

8. การรักษาไม่มี “ยาเฉพาะ” ปัจจุบันยังไม่มี “ยาฆ่าเชื้อไวรัสเดงกี” โดยตรง การรักษาเป็นแบบประคับประคอง ดูแลสมดุลน้ำเกลือในร่างกายอย่างใกล้ชิด ต้องดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะถ้าระบายของเหลวในเส้นเลือดผิดเวลา อาจทำให้ช็อกได้

9. วัคซีนมี แต่ยังใช้จำกัด ตอนนี้ในไทยมีวัคซีนไข้เลือดออก ที่เริ่มใช้ได้ในบางกลุ่ม แต่ ยังไม่ใช่วัคซีนที่ฉีดกันได้ทั่วทั้งประเทศทุกคน และต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล ฉีดแล้วก็ยังต้องกันยุงเหมือนเดิม เพราะไม่ครอบคลุม 100%

10. คนเสียชีวิตทุกปี เพราะประมาท อย่าคิดว่าไข้เลือดออกเป็นแค่ “ไข้หวัดธรรมดา” ปี ๆ หนึ่งในไทยมีคนเสียชีวิตหลักร้อย–พันคน บางคนเป็นคนแข็งแรงมาก่อน ไม่รู้ว่าตัวเองเสี่ยง พอไป รพ.ช้า เสียชีวิตจากภาวะช็อกได้ง่ายมาก

หมอเจด...เจตนาดี

#หมอเจด #มะเร็งป้องกันได้ไม่ควรเป็น
#มะเร็งรักษาได้ไม่ควรตาย
#หมอเจดสุขภาพ #สุขภาพ
#สุขภาพดี #สุขภาพดีกับหมอเจด
#เบาหวานหายได้ #อ้วนได้ก็ผอมได้

06/05/2025

📋เช็คอาการทางผิวหนังผื่นแบบไหนคืออะไร เกิดจากอะไร ❓

• แมลงก้นกระดก
เป็นผื่นทางยาว แมลงชนิดนี้สามารถปล่อยสาร Pederin ออกมา ก่อให้เกิดความระคายเคืองกับผิวหนังมาก ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังของผู้ที่สัมผัสโดน และจะมีอาการแสบร้อน

• เห็บกัด จุดตุ่มสีแดง หรือก้อนเนื้อแข็งเล็กๆ การติดเชื้อจากการถูกเห็บกัด และมีอาการคัน

•เริม โรคติดต่อ จากการสัมผัสเป็นๆหายๆ มีอาการแสบร้อน มีตุ่มน้ำเกิดขึ้น บางรายอาจมีอาการไข้ร่วมด้วย จากกำเริบมากขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนแอ

• รูขุมขนอักเสบ รูขุมขนมีสีแดงคันพบได้ทุกส่วนของผิวหนังที่มีรูขุมขน พบมากในผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่มีสารดูดความชุ่มชื้นหรือรุนแรงกับผิว ทำให้รูขุมขนเกิดการอักเสบ

•ภูมิตก หรือภูมิแพ้ตัวเอง อันตรายถึงชีวิต อาการ ส่วนใหญ่มักแสดงออกทางผิวหนัง โดยสังเกตเห็นว่าบริเวณผิวหนังมีผื่นแดงขึ้น ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าแพ้น้ำ แพ้อากาศ แพ้เครื่องสำอาง บางคนอาจมีอาการผมร่วงร่วมด้วย

•อีสุกอีใส ปวดเมื่อยตามตัว หลังจากมีไข้จะมีผื่นแดง เม็ดเล็กๆต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำใส มากขึ้นเรื่อยเรื่อยบริเวณลำตัว ลามไปที่คอผิวหน้าและหนังศีรษะ แขนขา

•ลมพิษ เป็นผื่นบวม นูน แดง กระจายตามลำตัว แขนขา มีอาการคันท่วมด้วยแบ่งออกเป็น2ชนิดลมพิษแบบเฉียบพลันและลมพิษแบบเรื้อรัง

•สะเก็ดเงิน โรคผิวหนังที่รักษาไม่หายขาด ผื่นที่มีวงขอบเขตชัดเจน ผิวแห้งจนตกสะเก็ดและมีเลือดออก มีอาการเจ็บแสบคันร้อน

•หิด ตุ่มแดงและตุ่มน้ำใสเล็กๆสามารถติดต่อกันได้ทางการสัมผัส มีอาการคันมาก หากติดเชื้อครั้งแรกจะแสดงอาการใน2ถึง6สัปดาห์

•แพ้เหงื่อ ผื่นแดงคันบริเวณที่มีเหงื่อหรือตามข้อพับคอรักแร้ขาหนีบ คล้ายอาการอีสุกอีใส มักมีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย

•กลาก ผื่นแดงเป็นขุยที่อาจแตก แตกออก และลอกได้ ผื่นอาจลามออกเป็นวงสีแดง โดยจะมีผิวหนังที่ดูเหมือนปกติอยู่ตรงกลาง

•เกลื้อน ผื่นเป็นวงเล็ก ๆ รอบรูขุมขน หรือรวมกันเป็นปื้นใหญ่ มีขุยละเอียด ผื่นอาจมีสีขาว ชมพู หรือน้ำตาล ขึ้นเป็นวงเดียวหรือหลายวงก็ได้

•หมัดกัด ตุ่มนูนสีแดงเล็กๆ ที่แข็งเมื่อสัมผัส รอยแดงจะหายไปเมื่อกดลงไป รอยกัดของหมัดอาจทำให้คันมาก และอาจมีเลือดออกเมื่อเกา

•ผิวหนังอักเสบ ผิวหนังแดงและบวม แห้งแตกเป็นขุยหรือมีรอยแตก คันผิวอย่างรุนแรง ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว บางกรณีเป็นตุ่มน้ำใสหรือหนอง

•ผิวติดสาร เกิดเป็นตุ่มมีลักษณะคล้ายสิวขนาดเม็ดเท่าๆกันและถี่ มีสีแดงพร้อมกับอาการแสบคัน สภาพผิวโดยรวมอ่อนแอและแพ้ง่ายยิ่งขึ้น

•เชื้อราแมว ผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย มีทั้งวงเล็กและวงใหญ่ มีขุยบริเวณรอบผื่นแดง มีอาการคันตามผื่นแดงตลอดเวลา

🚨หากมีอาการแทรกซ้อนเช่น เป็นไข้ ท้องเสียหรือเกิดหนองติดเชื้อควรพบแพทย์ทันที

วิธีการดูแลต่อใต้โพสต์

ปรึกษาตรง https://opl.to/rabyexdamask

#ผิวแห้ง #แผลเป็น #น้ำเหลืองไม่ดี #รูขุมขนอักเสบ #สิวติดสาร #ผิวแห้งคัน

08/04/2025

ทำไมแพทย์จึงมักจะจ่ายวิตามิน D ในรูป D2, D3 ที่ต้องมาผ่านตับ/ไต?
ทำไมไม่ให้รูปใช้งานมาเลย (1,25(OH)2D - Calcitriol)

ตอบ:

1. วิตามิน D รูปที่พร้อมใช้งาน มีค่าครึ่งชีวิตสั้นมาก ไม่ทันไรก็โดนเอนไซม์ในร่างกายกำจัดทิ้งไปแล้ว เพราะแนวทางปกติของร่างกายคือ จะให้วิตามิน D มีอยู่ในรูปนี้สั้นที่สุด อยากใช้เยอะก็ค่อยเร่งให้ไต (ขั้นสุดท้าย) สร้างไวๆ แทน

เลยทำให้ไม่ค่อยสะดวก จะใช้ก็ต้องให้ถี่ เลยไว้ใช้สำหรับผู้ที่มีไตเสื่อมเรื้อรังระยะท้ายๆ ที่เปลี่ยนไม่ไหวแล้ว

2. แม้การสร้างวิตามิน D จะผ่านการสร้างถึง 3 อวัยวะ นั่นคือ ผิวหนัง —> ตับ —> ไต และตัวปัญหาของพวกเราคือผิวหนังเพราะต้องใช้ UVB

แต่จุดที่สำคัญที่สุดในมุมสรีรวิทยาคือขั้นสุดท้ายที่ไต เพราะอะไรให้ดูภาพเลยค่ะ

เพราะมันเป็นจุดที่ใช้ตัวควบคุมอัตราการสร้างวิตามิน D ให้พอเหมาะ เช่น

🎯 ถ้าตอนนั้นแคลเซียมในเลือดต่ำไป ก็จะมีฮอร์โมน Parathyroid (PTH) มาเร่งขั้นสุดท้ายนี้ให้เกิดไวมาก
🎯 ถ้าตอนนั้นแคลเซียมในเลือดสูงไป ฮอร์โมน PTH ต่ำลง ก็จะกดขั้นตอนนี้
🎯 ถ้าตอนนั้นฟอสเฟสในเลือดสูงไป กระดูกจะหลั่งฮอร์โมน FGF-23 มากขึ้น มากดขั้นตอนนี้ (เพราะร่างกายกลัวแคลเซียมฟอสเฟตสูงตีคู่กัน แล้วตกผลึกได้ง่าย)

การที่ได้รับในรูป D2, D3 ที่ต้องผ่านขั้นตอนนี้ก่อน มันเลยเหมือนเป็นการ “จูน” กับสรีรวิทยาของร่างกาย ประมาณว่าฉันให้สารตั้งต้นไปเยอะแล้วนะ แต่แกจะสร้างมากหรือน้อยแล้วแต่แกเลย

ทำให้ป้องกันผลข้างเคียงของวิตามิน D เกิน อย่างแคลเซียมในเลือดสูงจนเป็นอันตรายได้

แอบเกริ่นไว้ว่าการเลือกใช้ยา หรือแม้กระทั่งหายา/หาสารใหม่ๆ มารักษา ไม่ว่าจะเป็นตัวไหนก็ตาม

มันไม่ได้มองแค่ว่าออกฤทธิ์ยังไงเท่านั้น จุดสำคัญมากๆ คือ เราจะทำยังไงให้ยาไปถึงจุดออกฤทธิ์ และอยู่นานพอให้การเกิดรักษาค่ะ จึงเป็นที่มาว่าสารบางสารวิจัยมาฤทธิ์สารพัด แต่ใช้จริงไม่ได้ เพราะไม่สามารถส่งมัันไปถึงจุดที่ต้องการได้ดีพอค่ะ

ซึ่งองค์ความรู้ตรงนี้จะอยู่ในสาขาเภสัชวิทยา (Pharmacokinetics/Pharmadynamics)

22/02/2025

🔥 HDL ที่บอกว่าดี
มันไปช่วยเอาไขมันออกจากผนังหลอดเลือดยังไง?

1. กำเนิด HDL

▪️ตับและลำไส้เล็กสร้าง Apo-A1 ออกมา เป็นตัวสำคัญในการประกอบร่าง HDL

▪️Apo-A1 วิ่งไปรับเยื่อหุ้ม (Phosholipid) และคลอเลสเตอรอล กลายร่างเป็นรถบรรทุกกลมๆ ที่มีโพรงข้างในไว้เก็บ cholesterol

▪️ได้ HDL หน้าใหม่พร้อมทำงานตลอดชีพ

2. ทำงานตัวเป็นเกลียว เก็บ cholesterol จากที่ที่ไม่ควรอยู่

▪️HDL ไหลไปทั่วร่าง รวมทั้งผนังหลอดเลือดด้วย

▪️ที่ผนังหลอดเลือด จะมีเหล่าเม็ดเลือดขาวผู้หลงผิด หลงไปกินตัวขนส่ง Cholesterol ชื่อ LDL ทำให้ตัวมัน ขับ cholesterol ออกไปไม่ได้ แล้วกำลังจะตุย

▪️HDL จะเข้าไปประกบ กระตุ้นเครื่องปั้มชื่อ ABCA1/G1 ปั้ม cholesterol ที่ขังในเม็ดเลือดขาวให้เข้ามาสู่ตน

▪️HDL ใช้สกิลส่วนตัว (LCAT) เปลี่ยน cholesterol เป็น Cholesterol ester ซึ่งละลายน้ำได้น้อยมาก จึงเคลื่อนเข้าสู่ใจกลาง HDL ทำให้ผิว HDL พร้อมรับตัวใหม่ๆ เข้ามา

3. คืน Cholesterol สู่ตับ

▪️HDL เดินทางมาถึงตับ ใช้สวิตซ์ชื่อ SR-B1 ในการส่ง cholesterol เข้าเซลล์ตับ

▪️วิธีนี้ไม่ต้องต่อคิวแย่งกับพวก VLDL/LDL แถม HDL ตัวนั้นยังวนกลับมาทำงานได้ต่อด้วย (คือยืนหน้าบ้านแล้วส่ง cholesterol เข้าตับ ไม่ต้องเข้าตับทั้งก้อน HDL)

▪️อีกวิธีนึงคือ HDL จะกระจาย Cholesterol ไปให้ตัวขนส่งตัวอื่น (VLDL/LDL) แล้วแลกเอาไขมันไตรกลีไรด์มาแทน วิธีนี้เกิดเยอะแล้วไม่ดีเท่าไหร่ (มักเจอในคนดื้ออินซูลิน) เพราะไตรกลีเซอไรด์ใน HDL จะโดนสลายไป โมเลกุล HDL จะเล็กลงๆ เรื่อยๆ มีโอกาสสูงที่จะถูกเคลียร์ออกจากกระแสเลือดไป

▪️ตับที่รับ Cholesterol มา ก็จะขับทิ้งทางน้ำดี ไม่ก็เปลี่ยนไปสร้างสารอื่น (เช่น กรดน้ำดี)

วิธีที่เพิ่ม HDL ได้ดีที่สุดคือ ทำสภาพร่างกายให้กลับมาปกติเหมือนเดิม คือลดความอ้วน แก้การดื้อของอินซูลิน โดยการคุมอาหาร, รวมทั้งการออกกำลังกายก็เพิ่ม HDL ได้โดยตรงด้วยค่ะ

11/02/2025

📈 แบคทีเรียในลำไส้ที่ผิดปกติ อาจส่งเสริมให้เกิดความดันสูง เพราะขาดกรดไขมันสายสั้นที่คอยขยายหลอดเลือดและต้านอักเสบ แต่เพิ่มสารก่ออักเสบที่ทำให้หลอดเลือดตีบมากขึ้น

แบคทีเรียในลำไส้ ถือเป็นอวัยวะขนาดย่อมๆ ที่คอยผลิตสารควบคุมผนังลำไส้ และสร้างสารต่างๆ ให้กับร่างกายเรา แต่เป็นระบบที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายมาก เพราะน้องๆ ต้องเผชิญหน้ากับอาหารตลอด

การกินไฟเบอร์เข้ามาน้อย ร่วมกับโหลดสารอาหารให้พลังงานมาเยอะ สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงแบคทีเรียในลำไส้ (Dysbiosis) นั่นคือลดตัวดี (bacteroidetes) และเพิ่มตัวร้าย (Firmicutes)

จากการศึกษาพบว่า ภาวะนอนกรนและการกินเกลือในปริมาณมาก อาจเร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ให้ไวขึ้นไปอีก

ผลจากการเปลี่ยนแปลงคือ

▪️ลดการสร้างกรดไขมันสายสั้น (Short-chain fatty acid) ซึ่งคอยกระตุ้นให้ผนังลำไส้แข็งแรง ต้านอักเสบ คอยทำให้หลอดเลือดขยาย: ผลก็เลยตรงข้าม เซลล์เยื่อบุผนังลำไส้มีการขนส่งสารอันตรายในข้อถัดไปเข้าเลือดได้มากขึ้น, แนวโน้มร่างกายมีการอักเสบเพิ่มขึ้น

▪️ลดการสร้างแก๊สไข่เน่า (H2S) ซึ่งเห็นอย่างนี้ มีฤทธิ์ที่ดีต่อร่างกายนะคะ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความต้านทานได้: ดังนั้นพอสร้างได้ลดลง หลอดเลือดก็ตีบได้ง่ายขึ้น เพิ่มความต้านทาน

▪️เพิ่มการสร้าง Lipopolysacchride (LPS) ซึ่งเมื่อเข้าผนังไปเจอกับเม็ดเลือดขาว จะกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวหลั่งสารก่ออักเสบ

▪️เพิ่มการสร้างสารชื่อ TMA ซึ่งสารนี้จะถูกตับเปลี่ยนเป็น TMAO มีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างสารอนุมูลอิสระมากขึ้น

▪️ผลจากการอักเสบ จะทำให้มีการสร้างสารอนุมูลอิสระมากขึ้น ซึ่งออกฤทธิ์ทำลายแก๊สชื่อ nitric oxide ซึ่งถือเป็นผู้ดูแลประจำหลอดเลือด ผลคือทำให้เกิดภาวะ endothelial dysfunction คือขาดสารขยายหลอดเลือด หลอดเลือดมีแนวโน้มตีบได้ง่ายขึ้น

ผลลัพธ์สุดท้ายจะทำให้ร่างกายอักเสบมากขึ้น และหลอดเลือดอยู่ในสภาพที่ตีบได้ง่าย ขยายตัวยากขึ้น ความต้านทานสูงขึ้น เลือดไหลแรง และความดันสูงในที่สุด

แถมจากการศึกษายังพบว่าการเปลี่ยนแปลงแบคทีเรียในลำไส้ จะทำให้ระบบประสาทเพิ่มควาดันอย่าง sympathetic ทำงานมากขึ้นด้วย ก็ยิ่งทำให้หัวใจสูบฉีดแรง ความดันยิ่งสูง

ดังนั้นอย่าลืมดูแลแบคทีเรียในลำไส้นะคะ กินอาหารที่มีไฟเบอร์ผัก ผลไม้ พืชตระกูลถั่ว, พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, ควบคุมการกินเกลือโซเดียมไม่ให้สูงมากค่ะ

02/02/2025

#อินซูลินเก็บเกลือเข้าสู่ร่างกาย #อย่าโทษกินเค็มอย่างเดียว
#กินหวานนี่แหละตัวดีเลย

"ระวังกินเค็มความดันขึ้น ไตจะพังนะครับ"

นี่คือ คำแนะนำทางการแพทย์ดังกล่าวนี้ ผมได้ยินมาตั้งแต่เป็นนักเรียนแพทย์…
จนเป็นอาจารย์ และในที่สุด จนเป็นความดันโลหิตสูง เสียเอง

ใช่ครับ อ่านไม่ผิดหรอกครับ

และที่งง คือ โปรโมทกันมาก ให้ระวังโซเดียม แต่ไม่มีใครพูดเลยว่า

เบื้องหลังโซเดียม ที่ถูกดูดกลับมากมาย และความดันสูง

สาเหตุหนึ่งเกิดจาก การกินน้ำตาล-คาร์บมากๆ

จากการทบทวนความรู้ต่างๆทำให้พบว่า

ภาวะดื้ออินซูลินนั้นทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ด้วยกลไกหลายอย่าง
ได้แก่
1) มีการเพิ่มการดูดกับโซเดียมที่หน่วยไตหลายตำแหน่ง(ตามภาพ)

2) มีการกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติกผ่าน RAAS(Renin-Angiotensin-Aldosterone System)

3) มีการเพิ่มการหดตัวของกล้ามเนื้อในหลอดเลือด ผ่านกลไกของ การเพิ่มแคลเซียมเข้าเซลล์

รูปภาพที่ประกอบการโพสต์นี้ แสดงให้เห็นถึงผลของ ฮอร์โมนอินซูลิน ที่มีต่อการกระตุ้นให้ไต ให้ดูดกลับเกลือโซเดียมเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น ผ่าน receptor ต่างๆในรูป

ดังนั้นการรักษาภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือ การลดระดับอินซูลินที่สูงค้างนานๆ หรือ สูงมากบ่อยๆ

ก็จะส่งผลให้ความดันโลหิต กลับมาสู่สภาวะปกติได้

และมีรายงานการรักษา ในแนวทางนี้หลายรายงาน พบว่าสามารถช่วยให้ผู้ป่วย สามารถลดและหยุดยาลดความดันโลหิตได้

อย่างน้อยๆ ก็ ผมคนหนึ่งแหละครับ ที่หายจากความดันโลหิตสูง ด้วยการทำสิ่งที่ผมแนะนำ
อยู่ในเพจนี้

อย่ามัวแต่โทษเค็มนะครับ "หวานนี่แหละตัวดีเลย"

#หมอจิรรุจน์

สำหรับท่านที่สนใจเนื้อหาเพิ่มเติม เราเข้าไปอ่านใน Reference ที่แนบไว้ได้นะครับ

ที่มาภาพ:
Insulin resistance and hypertension: new insights, Kidney International Vol.87 2015

ที่มาข้อมูล
Obesity-related hypertension: pathogenesis, cardiovascular risk, and treatment. A position paper of The Obesity Society and the American Society of Hypertension. J Clin Hypertens (Greenwich). 2013; 15: 14

Insulin resistance, obesity, hypertension, and renal sodium transport. Int J Hypertens [online]. 2011; 2011: 391762

30/01/2025

🧠☀️ วิตามิน D ลดอาการของโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลได้ เพราะช่วยลดการอักเสบเชิงประสาท (Neuroinflammation) และเพิ่มสารกระตุ้นการเจริญของเซลล์ประสาท (Neurotrophin)

วิตามิน D (Calcitriol) เป็นหนึ่งวิตามินที่ทำงานในรูปแบบฮอร์โมนที่เรื่องมากที่สุดชนิดหนึ่ง เพราะต้องอาศัยถึง 3 อวัยวะในการสร้าง แถมมีเงื่อนไขด้วยค่ะ

Step 1️⃣ [ผิวหนัง]

นำสารตั้งต้น 7-dehydrocholesterol เปลี่ยนเป็น cholecalciferol (D3): ขั้นตอนนี้ต้องใช้รังสี UVB ซึ่งพบได้มากสุด 10-15น สัมผัสเป็นเวลา 5-10 นาทีแบบไม่มีเครื่องป้องกัน แต่ถ้าจะสัมผัสช่วง 8-10น หรือ 15-17น ต้องสัมผัสนานกว่านั้น

Step 2️⃣: [ตับ]

เปลี่ยน D3 เป็น 25-OH-D3

Step 3️⃣: [ไต]

เปลี่ยน 25-OH-D3 เป็น 1,25-(OH)₂-D3 (Calcitriol): ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้ฮอร์โมนพาราไทรอยด์กระตุ้น ดังนั้นถ้ามีโรคไตเรื้อรังหรือต่อมพาราไทรอยด์เสียหาย ก็จะไม่ผ่านขั้นตอนนี้

หากได้รับวิตามิน D มาจากการกิน จะอยู่ในรูป D2 หรือ D3 จะลัดขั้นตอนที่ผิวหนังได้

❇️ แม้จะสร้างยาก แต่ประโยชน์นั้นมีมากมาย เรามักจะนึกถึงแต่ฤทธิ์ที่กระตุ้นการดูดซึมแคลเซียมและฟอสเฟตจากอาหาร เพื่อสนับสนุนการสร้างกระดูก ช่วยชะลอการลดของ bone mass ซึ่งนั่นก็ถูกต้องค่ะ เป็นฤทธิ์หลักเลย

แต่แท้จริงแล้ว วิตามิน D มีฤทธิ์หลากหลายมากๆ ที่จะพูดในบทความนี้คือ ช่วยควบคุมสารสัญญาณของระบบภูมิคุ้มกัน (Immunomodulators)

ก่อนไปถึงจุดนั้น อาจจะเกิดคำถามว่า อ้าว แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลล่ะ?

สองโรคนี้มีจุดเหมือนกันคือ มีกลไกการเกิดที่หลากหลาย มักจะต้องมีหลากหลายองค์ประกอบร่วมกันถึงจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นยีนเสี่ยงจากพันธุกรรม, การรับ stress ตั้งแต่ในวัยเด็กระดับสูง, เหตุการณ์รุนแรงในชีวิต, บุคคลิกภาพเสี่ยง, การเครียดเรื้อรัง, การเปลี่ยนแปลงแบคทีเรียในลำไส้ (Dysbiosis) ฯลฯ

และจุดที่เหมือนอย่างมากคือ มีกลไกการอักเสบเชิงประสาท (Neuroinflammation) ที่เกิดจากเม็ดเลือดขาว Microglia และ Astrocyte ปลดปล่อยสารก่ออักเสบออกมาในสมอง เร่งให้มีการเปลี่ยนแปลงสารสื่อประสาท, ลดการเชื่อมต่อ/จำนวนเซลล์ประสาท แล้วทำให้เกิดอาการของโรคตามมา

ซึ่งสองโรคนี้มักจะมีการเปลี่ยนแปลงบริเวณของสมองใกล้เคียงกัน เช่น Prefrontal cortex/ Hippocampus ทำงานลดลง การแตกแขนงของลดลง, Amygdala ทำงานมากขึ้น (เด่นในซึมเศร้า)

🔑 นี่คือจุดที่ทำให้ฤทธิ์ Immunomodulator ของวิตามิน D เข้ามาช่วยได้ดีมากๆ ค่ะ นั่นคือวิตามิน D จะช่วย

1️⃣ ยับยั้ง Microglia ไม่ให้เกิดกระบวนการตา.ยแบบปลดปล่อยสารก่ออักเสบ (NLRP3, pyroptosis) ทำให้ลดสารก่ออักเสบ IL-1b และ TNF-a ลง

2️⃣ ยับยั้งการสร้างสาร IL-12 ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ไปเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว Th1 ซึ่งตัวนี้เป็นตัวสนับสนุนการอักเสบ

3️⃣ สนับสนุนให้เซลล์ Th2 และ Treg สร้างสารต้านการอักเสบมากขึ้น นั่นคือ IL-10 (ยับยั้งแทบทุกสารก่ออักเสบ) และ IL-4 (ยับยั้ง Th1)

4️⃣ กระตุ้นสัญญาณ nrf2 เพิ่มการสร้างเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ (SOD, CAT, HO-1) เพราะว่าเวลามีการอักเสบเนื้อเยื่อจะสร้างสารอนุมูลอิสระมากขึ้น

5️⃣ เพิ่มเอนไซม์ที่ใช้ในการสร้างสารสื่อประสาท Dopamine (Tyr hydroxylase) และ Serotonin (Trp hydroxylase) ซึ่งสารสื่อประสาทสองชนิดนี้ มักต่ำลงมากๆ ในโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล

6️⃣ เพิ่มจำนวนแบคทีเรียกลุ่ม Bacteroidetes ในลำไส้ ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดี คอยผลิต Tryptophan ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ Serotonin คอยกระตุ้นปลายประสาทผนังลำไส้ (ENS - Vagal afferent) เพื่อส่งสัญญาณไปยังสมองให้สร้างสารสื่อประสาท serotonin มากขึ้น (Brain - gut axis)

7️⃣ เพิ่มการสร้างสาร BDNF ซึ่งเป็นสารกลุ่ม Neurotrophin ที่ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ประสาทแตกแขนงมากขึ้น (Neuroplasticity) และเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะใน hippocampus

ดังนั้นจะเห็นว่าวิตามิน D ช่วยลดการอักเสบ Neuroinflammation ซึ่งเป็นกลไกหลักที่จะเร่งอาการของสองโรคนี้ได้ดีมาก และสนับสนุนการเพิ่มสารสื่อประสาทและการแตกแขนงของเซลล์ประสาท

ทำให้ไม่แปลกที่จะพบว่า การมีวิตามิน D ต่ำ สัมพันธ์กับโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลมากขึ้นค่ะ

💎 สรุป:

▪️วิตามิน D ต้องใช้ UVB ในการสร้าง แต่ถ้ารับมาจากการกิน (D2, D3) จะลัดขั้นตอนนี้ แต่การเข้าสู่ร่างกายจะได้สัดส่วนน้อย

▪️วิตามิน D ช่วยลดการอักเสบเชิงประสาท, เพิ่มสารสื่อประสาท และปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยให้ซึมเศร้าและวิตกกังวลดีขึ้น

28/01/2025

#ประโยชน์อะไรซ่อนอยู่ในการทำIF (Intermittent Fasting)? 👨‍⚕️🔎📝 ”Intermittent Fasting (IF)“ ไม่ใช่รูปแบบของอาหารลดน้ำหนัก แต่เป็น #แนวทางจัดสรรช่วงเวลาในการหยุดกิน (Fasting) ในช่วงระยะเวลานึงนั่นเอง
ดังนั้น ทุกคนจึงสามารถทำ IF ได้ เพราะการเว้นช่วงกินนั้น ไม่ใช่สิ่งใหม่เลย เพียงแต่สำหรับคนที่ต้องการฝึกทำเพื่อลดน้ำหนักนั้น ต้องเรียนรู้ เข้าใจเกี่ยวกับการทำให้ถูกต้องเหมาะสมกับปัญหาสุขภาพที่เราเป็นอยู่ก่อน เพื่อการวางแผนในการเว้นกินที่เหมาะสม และ การดินที่เหมาะสมร่วมด้วยนั่นเอง
👨‍⚕️📝 คอนเซปต์ของการทำ IF คือ การเว้นว่างให้ร่างกายเราได้พักจากการกิน การย่อย การดูดซึมอาหารบ้าง เพื่อให้กระบวนการสร้างเสริมลดลง กระบวนการเผาผลาญเพิ่มขึ้น ทั้งน้ำตาลสะสมในรูปไกลโคเจน (Glycogen) และ ไขมันสะสมในร่างกาย ก็จะสามารถเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ โดยผ่านกลไก ดังนี้ 🧬🧬

✅ การลดลงของระดับ Insulin ในเลือด - จึงทำให้ร่างกายสามารถดึงไขมันสะสมออกมาใช้เป็นพลังงานได้ (ในรูปกรดไขมัน FFAs & Ketones)

✅ การลดลงของสาร mTOR - ลดการสร้างไขมัน ลดการเก็บกรดอะมิโนในเซลล์กล้ามเนื้อ

✅ การเพิ่มขึ้นของ AMPK - กระตุ้นกระบวนการเผาผลาญในเซลล์
⭕ 3 ตัวนี้ ทั้ง Insulin-mTOR-AMPK เรียกว่า "Nutrients Sensors" นั่นเอง 👨‍⚕‍📝
👨‍⚕️📑 โดยสรุปแล้ว กระบวนการทางชีวเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกายสิ่งมีชีวิต รวมถึงมนุษย์ด้วย จากการทำ IF ได้แก่

- ลดกระบวนการสร้าง การเติบโตของเซลล์ หรือแม้แต่การสืบพันธุ์ลง เพราะเป็นช่วงใช้พลังงานที่ร่างกายสะสมไว้นั่นเอง

- ทำให้ร่างกายเข้าสู่ช่วงซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมไป

- ร่างกายต้านทานความเครียดได้ดียิ่งขึ้น

- รีไซเคิลของเสียในเซลล์ให้กลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้ง (Autophagy)

- กระตุ้นการสร้างเตาเผาของเซลล์ คือ ไมโตคอนเดรียให้มากขึ้น เซลล์จึงสร้างพลังงาน ATP ได้มากขึ้น การเผาผลาญดีขึ้น

- ส่งเสริมการมีอายุที่ยืนยาว ชะลอโรค ชะลอวัย ผ่านหลาย ๆ กลไกที่กล่าวมาข้างต้น
👨‍⚕️📝 Collectively, the organism responds to intermittent fasting (IF) by

- minimizing anabolic processes (synthesis, growth, and reproduction)
- favoring maintenance and repair systems
- enhancing stress resistance
- recycling damaged molecules
- stimulating mitochondrial biogenesis
- and promoting cell survival, all of which support improvements in health and disease resistance.
👨‍⚕️📝 ระยะเวลาของการหยุด/งดกิน (Fasting period) เพื่อลดน้ำหนัก ลดไขมันสะสม ส่วนใหญ่ คือ การ Fasting >14-16 ชม. ขึ้นไป ในงานวิจัยที่ศึกษาในคน พบว่า ระยะเวลาของการ Fasting ที่ 16-20 ชม. หรือ เรียกกันว่า IF 14/10 16/8 18/6 เป็นต้น ซึ่งเป็นชนิดของ IF ที่จำกัดช่วงเวลาการกินต่อวัน หรือ Time-Restricted Eating (TREs) นั่นเอง
👨‍⚕️💬 ส่วนคำถามที่ว่า เราควรทำนานแค่ไหนนั้น ? ตอบได้เลยว่า เราสามารถทำได้ทุกวันครับ ทำให้เป็น Lifestyle ของเราไปเลยยิ่งดี เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องให้ช่วงเวลาที่อด หรือ ที่เริ่มกินนั้น ต้องเท่ากันเป๊ะ ๆ ทุกวัน สามารถทำให้ยืดหยุ่นได้ตามบริบทชีวิตของแต่ละบุคคล เพราะไม่มีถูก ไม่มีผิด
👨‍⚕️🍲🥗 ช่วงที่กิน ก็ควรเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ได้สารอาหารครบถ้วน ไม่กินอาหารแปรรูปมากเกินไป (Real foods, Nutrient dense diet plan) นั่นเอง
หากใครที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น เป็นโรคเบาหวาน ไขมันสูง ความดันสูง อ้วน หรือ อื่น ๆ สนใจอยากทำ IF ที่เหมาะสมและได้ผลกับตัวเรามากที่สุด แนะนำปรึกษาคุณหมอที่เชี่ยวชาญ หรือ หมอที่เรารักษาอยู่ด้วยในตอนนี้จะดีมากครับ
ใครอ่านจบแล้ว ? ทำ IF แบบไหน ? และ Fasting ได้นานเท่าไรบ้าง ? เล่าให้หมอฟังหน่อยนะ รออ่านอยู่นะ 🙋🏻‍♀️🙋🏻‍♂️
Copyright © All Right Reserved.✍️


#หมอหล่อคอเล่า
Reference : 📑 Effects of Intermittent Fasting on Health, Aging, and Disease. N Engl J Med 2019; 381:2541-2551.

ที่อยู่

Chaiyaphum

เวลาทำการ

จันทร์ 07:00 - 21:00
อังคาร 07:00 - 21:00
พุธ 07:00 - 21:00
พฤหัสบดี 07:00 - 21:00
ศุกร์ 07:00 - 21:00
เสาร์ 07:00 - 21:00
อาทิตย์ 07:00 - 21:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ร้านขายยา แม็ก Pharmacy สาขา ใกล้เซเว่นเมืองเก่าชัยภูมิผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ร้านขายยา แม็ก Pharmacy สาขา ใกล้เซเว่นเมืองเก่าชัยภูมิ:

แชร์