30/01/2025
🧠☀️ วิตามิน D ลดอาการของโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลได้ เพราะช่วยลดการอักเสบเชิงประสาท (Neuroinflammation) และเพิ่มสารกระตุ้นการเจริญของเซลล์ประสาท (Neurotrophin)
วิตามิน D (Calcitriol) เป็นหนึ่งวิตามินที่ทำงานในรูปแบบฮอร์โมนที่เรื่องมากที่สุดชนิดหนึ่ง เพราะต้องอาศัยถึง 3 อวัยวะในการสร้าง แถมมีเงื่อนไขด้วยค่ะ
Step 1️⃣ [ผิวหนัง]
นำสารตั้งต้น 7-dehydrocholesterol เปลี่ยนเป็น cholecalciferol (D3): ขั้นตอนนี้ต้องใช้รังสี UVB ซึ่งพบได้มากสุด 10-15น สัมผัสเป็นเวลา 5-10 นาทีแบบไม่มีเครื่องป้องกัน แต่ถ้าจะสัมผัสช่วง 8-10น หรือ 15-17น ต้องสัมผัสนานกว่านั้น
Step 2️⃣: [ตับ]
เปลี่ยน D3 เป็น 25-OH-D3
Step 3️⃣: [ไต]
เปลี่ยน 25-OH-D3 เป็น 1,25-(OH)₂-D3 (Calcitriol): ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้ฮอร์โมนพาราไทรอยด์กระตุ้น ดังนั้นถ้ามีโรคไตเรื้อรังหรือต่อมพาราไทรอยด์เสียหาย ก็จะไม่ผ่านขั้นตอนนี้
หากได้รับวิตามิน D มาจากการกิน จะอยู่ในรูป D2 หรือ D3 จะลัดขั้นตอนที่ผิวหนังได้
❇️ แม้จะสร้างยาก แต่ประโยชน์นั้นมีมากมาย เรามักจะนึกถึงแต่ฤทธิ์ที่กระตุ้นการดูดซึมแคลเซียมและฟอสเฟตจากอาหาร เพื่อสนับสนุนการสร้างกระดูก ช่วยชะลอการลดของ bone mass ซึ่งนั่นก็ถูกต้องค่ะ เป็นฤทธิ์หลักเลย
แต่แท้จริงแล้ว วิตามิน D มีฤทธิ์หลากหลายมากๆ ที่จะพูดในบทความนี้คือ ช่วยควบคุมสารสัญญาณของระบบภูมิคุ้มกัน (Immunomodulators)
ก่อนไปถึงจุดนั้น อาจจะเกิดคำถามว่า อ้าว แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลล่ะ?
สองโรคนี้มีจุดเหมือนกันคือ มีกลไกการเกิดที่หลากหลาย มักจะต้องมีหลากหลายองค์ประกอบร่วมกันถึงจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นยีนเสี่ยงจากพันธุกรรม, การรับ stress ตั้งแต่ในวัยเด็กระดับสูง, เหตุการณ์รุนแรงในชีวิต, บุคคลิกภาพเสี่ยง, การเครียดเรื้อรัง, การเปลี่ยนแปลงแบคทีเรียในลำไส้ (Dysbiosis) ฯลฯ
และจุดที่เหมือนอย่างมากคือ มีกลไกการอักเสบเชิงประสาท (Neuroinflammation) ที่เกิดจากเม็ดเลือดขาว Microglia และ Astrocyte ปลดปล่อยสารก่ออักเสบออกมาในสมอง เร่งให้มีการเปลี่ยนแปลงสารสื่อประสาท, ลดการเชื่อมต่อ/จำนวนเซลล์ประสาท แล้วทำให้เกิดอาการของโรคตามมา
ซึ่งสองโรคนี้มักจะมีการเปลี่ยนแปลงบริเวณของสมองใกล้เคียงกัน เช่น Prefrontal cortex/ Hippocampus ทำงานลดลง การแตกแขนงของลดลง, Amygdala ทำงานมากขึ้น (เด่นในซึมเศร้า)
🔑 นี่คือจุดที่ทำให้ฤทธิ์ Immunomodulator ของวิตามิน D เข้ามาช่วยได้ดีมากๆ ค่ะ นั่นคือวิตามิน D จะช่วย
1️⃣ ยับยั้ง Microglia ไม่ให้เกิดกระบวนการตา.ยแบบปลดปล่อยสารก่ออักเสบ (NLRP3, pyroptosis) ทำให้ลดสารก่ออักเสบ IL-1b และ TNF-a ลง
2️⃣ ยับยั้งการสร้างสาร IL-12 ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ไปเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว Th1 ซึ่งตัวนี้เป็นตัวสนับสนุนการอักเสบ
3️⃣ สนับสนุนให้เซลล์ Th2 และ Treg สร้างสารต้านการอักเสบมากขึ้น นั่นคือ IL-10 (ยับยั้งแทบทุกสารก่ออักเสบ) และ IL-4 (ยับยั้ง Th1)
4️⃣ กระตุ้นสัญญาณ nrf2 เพิ่มการสร้างเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ (SOD, CAT, HO-1) เพราะว่าเวลามีการอักเสบเนื้อเยื่อจะสร้างสารอนุมูลอิสระมากขึ้น
5️⃣ เพิ่มเอนไซม์ที่ใช้ในการสร้างสารสื่อประสาท Dopamine (Tyr hydroxylase) และ Serotonin (Trp hydroxylase) ซึ่งสารสื่อประสาทสองชนิดนี้ มักต่ำลงมากๆ ในโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล
6️⃣ เพิ่มจำนวนแบคทีเรียกลุ่ม Bacteroidetes ในลำไส้ ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดี คอยผลิต Tryptophan ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ Serotonin คอยกระตุ้นปลายประสาทผนังลำไส้ (ENS - Vagal afferent) เพื่อส่งสัญญาณไปยังสมองให้สร้างสารสื่อประสาท serotonin มากขึ้น (Brain - gut axis)
7️⃣ เพิ่มการสร้างสาร BDNF ซึ่งเป็นสารกลุ่ม Neurotrophin ที่ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ประสาทแตกแขนงมากขึ้น (Neuroplasticity) และเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะใน hippocampus
ดังนั้นจะเห็นว่าวิตามิน D ช่วยลดการอักเสบ Neuroinflammation ซึ่งเป็นกลไกหลักที่จะเร่งอาการของสองโรคนี้ได้ดีมาก และสนับสนุนการเพิ่มสารสื่อประสาทและการแตกแขนงของเซลล์ประสาท
ทำให้ไม่แปลกที่จะพบว่า การมีวิตามิน D ต่ำ สัมพันธ์กับโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลมากขึ้นค่ะ
💎 สรุป:
▪️วิตามิน D ต้องใช้ UVB ในการสร้าง แต่ถ้ารับมาจากการกิน (D2, D3) จะลัดขั้นตอนนี้ แต่การเข้าสู่ร่างกายจะได้สัดส่วนน้อย
▪️วิตามิน D ช่วยลดการอักเสบเชิงประสาท, เพิ่มสารสื่อประสาท และปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยให้ซึมเศร้าและวิตกกังวลดีขึ้น