เบบี้ไบร์ท - Baby Bright

เบบี้ไบร์ท - Baby Bright ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก เบบี้ไบร์ท - Baby Bright, พัฒนาการเด็ก, 1/6 ถนนชาญอุทิศ ตำบลบางนาค อำเภอเมือง, Changwat Narathiwat.

เปิดสอนเด็กอายุ 2-7 ปี ด้วยหลักสูตรภาษาอังกฤษที่เน้นพัฒนาการครบทุกด้าน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์และการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ดูแลใกล้ชิดในบรรยากาศอบอุ่น เป็นมิตร พร้อมส่งเสริมศักยภาพของเด็กให้เติบโตอย่างมั่นใจ สมดุล และมีความสุขทุกวันค่ะ 💖✨

🍪🍲🍽️🍛
05/09/2025

🍪🍲🍽️🍛

27/08/2025

#โฟนิคส์ (Phonics) สำคัญอย่างไร??

โฟนิคส์ คือวิธีการเรียนอ่านเขียนและออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้หลักการถอดรหัสเสียงและการผสมเสียงตัวอักษร a ถึง z ทั้ง 26 ตัว ผู้เรียนจะต้องเข้าใจเสียงของตัวอักษรต่างๆ และออกเสียงเหล่านั้นให้ได้อย่างถูกต้องจึงจะสามารถผสมเสียงออกมาเป็นคำได้ ยกตัวอย่างเช่น การสะกดคำว่า cat ในสมัยเราๆ จะท่องกันว่า ซี-เอ-ที แคท แมว ซึ่งยากที่จะเข้าใจว่าทำไม ซี-เอ-ที ถึงกลายเป็นแคทไปได้ เพราะการท่องแบบนี้ไม่ได้ใช้หลักการผสมเสียงแต่เป็นการท่องจำการสะกดคำเสียมากกว่า
จากตัวอย่างนี้ ถ้าเรียนตามหลักโฟนิคส์ จะสอนให้รู้จักตัว “c” จากเสียงของมันคือเสียง “ค” (ออกเสียงเคอะ เบาๆ ในลำคอ) ตัว “a” เป็นเสียง “แอะ” และตัว “t” เป็นเสียง “ท” (ออกเสียง เทอะ เบาๆ ใช้ปลายลิ้นกระทบฟันหน้าบน) และผสมเสียงกันเป็น “ค-แอะ-ท แคท” (ลองออกเสียง ค-แอะ-ท ซ้ำๆ เร็วๆ จะพบว่าสุดท้ายจะออกเสียงเป็น “แคท”) หลักการถอดรหัสเสียง และผสมเสียงแบบนี้แหละค่ะที่เรียกว่าโฟนิคส์นั่นเอง ซึ่งผู้เรียนจะต้องฝึกผสมเสียงพยัญชนะ สระต่างๆ ที่หลากหลายจนคล่องแคล่วโดยใช้หลักโฟนิคส์นี้

“ #เรียนโฟนิคส์แล้วได้อะไร” การเรียนโฟนิคส์จะช่วยให้เด็กๆ ออกเสียงได้ถูกต้อง ทำให้พวกเขาสื่อสารภาษาอังกฤษได้ชัดเจน และสามารถอ่านเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถสะกดคำศัพท์ต่างๆ ได้ด้วยตัวเองอย่างคล่องแคล่วจากการรู้จักเสียงของตัวอักษรและเข้าใจหลักการผสมเสียง แม้ในช่วงแรกการเรียนแบบโฟนิคส์จะดูช้ากว่าการเรียนแบบท่องจำมาก เพราะเด็กต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจเสียงและหลักการผสมคำจากง่ายไปยาก ต้องฝึกซ้ำๆ เพื่อให้จำได้ และมีบทศึกษามากมายที่ยืนยันว่าเด็กที่เรียนการอ่านเขียนแบบนี้จะสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่านักเรียนทั่วไป และมีความแตกฉานทางภาษา รักการอ่าน การค้นคว้าหาความรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวเขาเองในอนาคต

#ส่งเสริมการศึกษาและกิจกรรมที่สมบูรณ์
#เสริมสร้างทักษะสังคมและเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง
#สอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติมที่ 085-506-4245
FB : เบบี้ไบร์ท - Baby Bright
Line: babybright_narathiwat
1/7 ถนนชาญอุทิศ (ซอย 912)
"ความฉลาดสอนได้"

#เบบี้ไบร์ทนราธิวาส
#พัฒนาการเด็กนราธิวาส
เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ 8.30 - 18.00น.

ทำไมเด็ก 2-3 ปีมัก “แย่งของเล่นกัน และเล่นคนเดียวมากกว่าเล่นกับคนอื่น? #ส่งเสริมการศึกษาและกิจกรรมที่สมบูรณ์ #เสริมสร้าง...
23/08/2025

ทำไมเด็ก 2-3 ปีมัก “แย่งของเล่นกัน และเล่นคนเดียวมากกว่าเล่นกับคนอื่น?

#ส่งเสริมการศึกษาและกิจกรรมที่สมบูรณ์
#เสริมสร้างทักษะสังคมและเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง
#สอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติมที่ 085-506-4245
FB : เบบี้ไบร์ท - Baby Bright
Line: babybright_narathiwat
1/7 ถนนชาญอุทิศ (ซอย 912)
"ความฉลาดสอนได้"

#เบบี้ไบร์ทนราธิวาส
#พัฒนาการเด็กนราธิวาส
เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ 8.30 - 18.00น.

ทำไมเด็ก 2-3 ปีมัก “แย่งของเล่นกัน และเล่นคนเดียวมากกว่าเล่นกับคนอื่น?
สมาคมกุมารแพทย์แห่งอเมริกา หรือ American Academy of Pediatrics (AAP) พบว่าในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ยังไม่สามารถ เข้าใจแนวคิดของ “การแบ่งปัน” ได้
เด็กวัย 1–3 ขวบมักจะมีพฤติกรรม มองโลกแบบศูนย์กลางที่ตัวเองเป็นหลัก (Egocentric) คือจะคิดถึงแค่ตนเอง และมักพูดว่า “อันนี้ของหนู อันนี้ของผม!” ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นปกติของช่วงวัยนี้ พ่อแม่ไม่ควร บังคับให้เด็กแบ่งปัน แต่ควรใช้วิธีสอนผ่านการ เป็นตัวอย่างที่ดี และสร้างความเข้าใจผ่านสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน
ซึ่งข้อมูลนี้เชื่อมโยงกับงานวิจัยของ MacLaughlin ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก ที่อธิบายว่าทักษะการแบ่งปันมักเริ่มพัฒนาเมื่อเด็กอายุประมาณ 3.5 ถึง 4 ปี ขึ้นไป ซึ่งทักษะที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งปัน คือ
- ทักษะการควบคุมตนเอง (Self-regulation)
- ทักษะการเข้าใจความคิดและความรู้สึกของผู้อื่น (Perspective-taking หรือ Theory of Mind)
ซึ่งทักษะเหล่านี้เริ่มพัฒนาชัดเจนขึ้นในช่วงอายุ 3–4 ปี โดยมีงานวิจัยในประเทศจีนพบว่า เด็กอายุ 4 ปี เริ่ม “แบ่งปันเองโดยไม่ต้องกระตุ้น” ขณะที่เด็กอายุน้อยกว่านั้นยังต้องได้รับคำแนะนำก่อน
ดังนั้นสามารถสรุปได้สั้น ๆ คือ
👶 เด็กต่ำกว่า 3 ขวบ: ยังไม่เข้าใจเรื่องการแบ่งปัน เป็นช่วงที่คิดถึงตนเองเป็นหลัก

👧 เด็กช่วง 3.5 – 4 ปี: เริ่มพัฒนาทักษะทางสังคมและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น เริ่มแบ่งปันได้เอง

🧑‍🏫 เด็กหลัง 4 – 5 ปี: เริ่มแบ่งด้วยความเข้าใจเรื่องความยุติธรรม และมีการคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่นอย่างชัดเจนขึ้น
สิ่งที่พ่อแม่สามารถทำได้ คือการช่วยให้ลูกเรียนรู้เรื่อง "การแบ่งปัน" อย่างเหมาะสมตามวัย โดยไม่เร่งรัดหรือกดดัน เช่น การใช้ตัวจับเวลาเพื่อผลัดกันเล่น รวมถึงการสะท้อนความรู้สึกของลูก เพื่อให้เขาเข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น
อ้างอิง

https://www.greatkidsinc.org/sharing-is-caringand-a-developmental-milestone/ #:~:text=The%20American%20Academy%20of%20Pediatrics,is%20that%20toddlers%20cannot%20share?

MacLaughlin, S. S. (2017, August 11). Helping young children with sharing

20/08/2025

📢 ที่ เบบี้ไบร์ท เบบี้ไบร์ท - Baby Bright ดียังไง?? 🤩
👧🧒 : ที่เบบี้ไบร์ท เน้นเด็กเป็นสำคัญ ทุกกระบวนการเรียนรู้เด็กจะได้ ลงมือปฏิบัติเเละเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม ได้เเก่...
-กิจกรรมพัฒนา ความฉลาดทั้ง8ด้าน
-ภาษาอังกฤษ
-โฟนิค ออกเสียงภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง
-การปฏิบัติตามคำสั่ง เข้าใจคำสั่ง
-ทักษะการฟัง การพูด การรอคอย
-ทักษะสังคม การอยู่รวมร่วมกับเพื่อนๆ การแบ่งปัน
-การช่วยเหลือตนเอง เช่น การทานข้าวด้วยตนเอง
-ฝึกทักษะเบื้องต้น เช่น ฝึกทักษะการเขียนเบื้องต้น
-ฝึกกล้ามเนื้อมือเพื่อเตรียมความพร้อมการเขียนหนังสือ
-ฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่เพื่อร่างกายแข็งแรง การเล่นเครื่องเล่นที่ถูกต้อง เป็นต้น

นอกจากนั้นเน้นความสนุก ความท้าทาย เเละความสุขของเด็ก 😊🥰

#ส่งเสริมการศึกษาและกิจกรรมที่สมบูรณ์
#เสริมสร้างทักษะสังคมและเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง
#สอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติมที่ 085-506-4245
FB : เบบี้ไบร์ท - Baby Bright
Line: babybright_narathiwat
1/7 ถนนชาญอุทิศ (ซอย 912)
"ความฉลาดสอนได้"

#เบบี้ไบร์ทนราธิวาส
#พัฒนาการเด็กนราธิวาส
เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ 8.30 - 18.00น.

04/08/2025

👏 เด็ก ๆ ที่นี้เรียนรู้ผ่านการเล่น และลงมือปฏิบัติโดยมีครูคอย scaffolding ให้กับเด็ก ๆ เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุขและสนุก ส่งเสริมพัฒนาการเด็กอย่างครบด้าน ด้านร่างกาย ด้านสังคม ด้านสติปัญญา และด้านอารมณ์และจิตใจ 🧒👧🥰

#ส่งเสริมการศึกษาและกิจกรรมที่สมบูรณ์
#เสริมสร้างทักษะสังคมและเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง
#สอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติมที่ 085-506-4245
FB : เบบี้ไบร์ท - Baby Bright
Line: babybright_narathiwat
1/7 ถนนชาญอุทิศ (ซอย 912)
"ความฉลาดสอนได้"

#เบบี้ไบร์ทนราธิวาส
#พัฒนาการเด็กนราธิวาส
เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ 8.30 - 18.00น.

"เด็กๆ จะเติบโต เมื่อเขาลงมือทำมากที่สุด"เด็กที่เติบโตอย่างดีจะมีวุฒิภาวะที่สมวัย"วุฒิภาวะ" ไม่ได้มาจากอายุที่มากขึ้นแต่...
29/07/2025

"เด็กๆ จะเติบโต เมื่อเขาลงมือทำมากที่สุด"
เด็กที่เติบโตอย่างดี
จะมีวุฒิภาวะที่สมวัย
"วุฒิภาวะ"
ไม่ได้มาจากอายุที่มากขึ้น
แต่มาจากความสามารถ
ในการรับผิดชอบต่อตัวเอง
และหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้
เด็กที่มีวุฒิภาวะที่ดีจะสามารถ...
- แก้ปัญหา
- จัดการอารมณ์
- จัดการเวลา
ได้อย่างเหมาะสม
โดยไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
หรือผู้อื่นเดือดร้อน
**********
"5 ข้อที่พ่อแม่ควรตระหนัก
และหักห้ามใจตัวเราเอง
เพื่อให้ลูกเติบโต"
(1) อย่าทำให้ในสิ่งที่เด็กควรทำได้ด้วยตัวเอง
อย่าทำทุกอย่างให้ลูก
อย่าช่วยเหลือลูกในสิ่งที่เขาควรทำได้ด้วยตัวเอง
เพราะลูกจะไม่ได้รับรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขา
เด็กควรได้ช่วยเหลือตัวเองตามวัย
เช่น
- กินข้าวเอง
- เก็บของเล่นเอง
- ใส่รองเท้าเอง
และเจอปัญหาตามวัย
ได้ลองแก้ ได้ลองผิดลองถูก
โดยมีเราที่แนะนำและสอน
ในสิ่งที่เขายังทำไม่ได้
แต่ไม่ใช่การทำให้ทันที
วัยของลูกจะบอกเราว่าเขาทำได้
แม้จะไม่เคยทำเด็กเรียนรู้ได้
เราสอนผ่านการ...
1. ทำให้ดู
เด็กซึมซับตัวอย่างจากเรา
2. พาเขาทำ จับมือทำ
เพื่อให้เขาจดจำ
3. ทำด้วยกัน
เคียงข้าง สู้ไปด้วยกัน
4. ให้เขาทำเอง
เราเฝ้าดู เด็กจะมั่นใจ
5. ทำเองได้ แม้ไม่มีเรา
นั่นคือเป้าหมายสูงสุด
ช่วงที่เด็กเพิ่งฝึกฝนทำสิ่งใหม่
อย่ามองผลลัพธ์เป็นสำคัญ
ให้มองสิ่งที่เขาทำได้
และเผื่อเวลาให้เขาได้ทำ
อดทน ใจเย็น คือคำตอบ
***
(2) อย่าทำให้เพียงเพราะ
ง่ายและสะดวกกับเรามากกว่า
อย่าทำให้ชีวิตของลูกมีแต่
ความสะดวกสบายและเรื่องง่ายๆ
เพราะเมื่อเขาเจออุปสรรคหรือเรื่องยาก
เขาจะไม่มีความอดทนเพียงพอที่จะเผชิญมัน
และเลือกที่จะหนีปัญหา
หรือให้ผู้อื่นรับผิดชอบแทนตัวเอง
ถ้าปัญหานั้นแก้ไม่ได้
หรือยากเกินวัย
เราจะไม่พาเขาหนีปัญหา
แต่เราจะเข้าไปช่วย
โดยการสอนและแนะนำ
พาเขาทำ พาเขาก้าวข้าม
ผ่านการเผชิญไปด้วยกัน
***
(3) อย่าทำให้เพราะ
ไม่อยากลูกลำบากหรือเหนื่อย
อย่าหลีกเลี่ยงความลำบาก
และปกป้องลูกจากความทุกข์
เพราะสักวันหนึ่งเมื่อเขาเผชิญกับสิ่งเหล่านี้
เขาจะไม่รู้วิธีรับมือกับมัน
ถ้าเราไม่ทำให้
ลูกไม่พอใจได้
ลูกโกรธได้
แต่เราจะยืนหยัด
รอลูกสงบ
อดทนพอ
ที่จะพาลูกทำสิ่งนั้นจนสำเร็จ
วินัยจะเกิดขึ้นเมื่อเราอดทน
ทำซ้ำๆ ทำสม่ำเสมอ
ไม่ว่าจะชอบ ไม่ชอบ
สนุก ไม่สนุก
เบื่อแสนเบื่อ
แต่เราจะทำไปกับลูก
เมื่อเกิดเป็นวินัย
อารมณ์จะลดลง
และเรื่องที่เคยยาก
ก็จะค่อยๆ ง่ายขึ้น
***
(4) อย่าทำให้เพราะ
อยากให้ลูกพึงพอใจและรักเรา
ผู้ใหญ่หลายคนกลัวเด็กไม่รัก
เลยเลือกที่จะตามใจ ไม่กล้าขัดใจ
และทำให้ในสิ่งที่เด็กควรทำเอง
ในกรณีนี้ให้เราระลึกไว้เสมอว่า
"ความรักไม่มีเงื่อนไข"
เราไม่ควรต้องทำให้เขาพึงพอใจ
เพื่อให้เขารักเรา
เรารักกันเพราะเรารักกัน
ความรักควรทำให้เด็กเติบโต
เรารักเขาจึงสอนให้เขาทำด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ทำให้เขาช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น
ถ้าลูกทำผิด
เราต้องกล้าสอนเขา
ไม่ปล่อยให้เขาทำต่อไป
"ขอโทษอีกฝ่ายเสมอ" คือขั้นแรก
"รับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ" คือขั้นที่สอง
และ "ไม่ทำผิดซ้ำสอง" คือขั้นที่สำคัญที่สุด
***
(5) แม้จะไม่ทำให้ ไม่แก้ปัญหาให้
แต่เคียงข้างเสมอและพร้อมสู้ไปด้วยกัน
อดทน
อดทน
และอดทน
ขอแค่โอกาส
ให้ลูกทำด้วยตัวเองก่อน
ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ผิดกฎ 3 ข้อ
1. ไม่ทำร้ายตัวเอง
2. ไม่ทำร้ายผู้อื่น
3. ไม่ทำลายข้าวของ
ให้ลูกทำ
ถ้าไม่ดี
เราสอน
ถ้าทำไม่ได้
เราสอนอีก
ถ้ายังไม่ได้อีก
ให้หาตัวช่วย
ปรึกษาคุณหมอ
แพทย์พัฒนาการ จิตแพทย์เด็ก
เพื่อหาทางออกร่วมกัน
เด็กแต่ละคนเรียนรู้ช้าเร็วต่างกัน
แต่เด็กทุกคนเรียนรู้ได้
และทำได้ หากได้รับโอกาสมากพอ
"เคียงข้างเสมอ"
ไม่ว่าปัญหานั้นเป็นเช่นไร
จะใหญ่หรือเล็ก
จะทุกข์หรือสุข
เราเลือกที่จะเคียงข้างลูก
จนเขาสามารถข้ามผ่าน
อุปสรรคปัญหาต่างๆ ไปได้
ในอนาคต...
แม้ไม่มีเราอยู่ตรงนั้นกับเขาแล้ว
ลูกจะใช้ชีวิตต่อไปได้ด้วยตัวเองได้
ในวันที่ลูกโตพอ
สิ่งสุดท้ายที่เราทำคือ "กล้าปล่อยมือ"
**********
การให้ลูกลงมือทำมากที่สุด
โอกาสและประสบการณ์
คือวัคซีนที่ดีที่สุด
ลูกจะเติบโตแข็งแรงทั้งกายใจ
และนั่นคือความรักที่แท้จริง
ที่พ่อแม่ควรมอบให้ลูก
เพื่อให้เขาเติบโตต่อไป
ด้วยรักจากใจ
เม
เพจตามใจนักจิตวิทยา"เด็กๆ จะเติบโต เมื่อเขาลงมือทำมากที่สุด"
เด็กที่เติบโตอย่างดี
จะมีวุฒิภาวะที่สมวัย
"วุฒิภาวะ"
ไม่ได้มาจากอายุที่มากขึ้น
แต่มาจากความสามารถ
ในการรับผิดชอบต่อตัวเอง
และหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้
เด็กที่มีวุฒิภาวะที่ดีจะสามารถ...
- แก้ปัญหา
- จัดการอารมณ์
- จัดการเวลา
ได้อย่างเหมาะสม
โดยไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
หรือผู้อื่นเดือดร้อน
**********
"5 ข้อที่พ่อแม่ควรตระหนัก
และหักห้ามใจตัวเราเอง
เพื่อให้ลูกเติบโต"
(1) อย่าทำให้ในสิ่งที่เด็กควรทำได้ด้วยตัวเอง
อย่าทำทุกอย่างให้ลูก
อย่าช่วยเหลือลูกในสิ่งที่เขาควรทำได้ด้วยตัวเอง
เพราะลูกจะไม่ได้รับรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขา
เด็กควรได้ช่วยเหลือตัวเองตามวัย
เช่น
- กินข้าวเอง
- เก็บของเล่นเอง
- ใส่รองเท้าเอง
และเจอปัญหาตามวัย
ได้ลองแก้ ได้ลองผิดลองถูก
โดยมีเราที่แนะนำและสอน
ในสิ่งที่เขายังทำไม่ได้
แต่ไม่ใช่การทำให้ทันที
วัยของลูกจะบอกเราว่าเขาทำได้
แม้จะไม่เคยทำเด็กเรียนรู้ได้
เราสอนผ่านการ...
1. ทำให้ดู
เด็กซึมซับตัวอย่างจากเรา
2. พาเขาทำ จับมือทำ
เพื่อให้เขาจดจำ
3. ทำด้วยกัน
เคียงข้าง สู้ไปด้วยกัน
4. ให้เขาทำเอง
เราเฝ้าดู เด็กจะมั่นใจ
5. ทำเองได้ แม้ไม่มีเรา
นั่นคือเป้าหมายสูงสุด
ช่วงที่เด็กเพิ่งฝึกฝนทำสิ่งใหม่
อย่ามองผลลัพธ์เป็นสำคัญ
ให้มองสิ่งที่เขาทำได้
และเผื่อเวลาให้เขาได้ทำ
อดทน ใจเย็น คือคำตอบ
***
(2) อย่าทำให้เพียงเพราะ
ง่ายและสะดวกกับเรามากกว่า
อย่าทำให้ชีวิตของลูกมีแต่
ความสะดวกสบายและเรื่องง่ายๆ
เพราะเมื่อเขาเจออุปสรรคหรือเรื่องยาก
เขาจะไม่มีความอดทนเพียงพอที่จะเผชิญมัน
และเลือกที่จะหนีปัญหา
หรือให้ผู้อื่นรับผิดชอบแทนตัวเอง
ถ้าปัญหานั้นแก้ไม่ได้
หรือยากเกินวัย
เราจะไม่พาเขาหนีปัญหา
แต่เราจะเข้าไปช่วย
โดยการสอนและแนะนำ
พาเขาทำ พาเขาก้าวข้าม
ผ่านการเผชิญไปด้วยกัน
***
(3) อย่าทำให้เพราะ
ไม่อยากลูกลำบากหรือเหนื่อย
อย่าหลีกเลี่ยงความลำบาก
และปกป้องลูกจากความทุกข์
เพราะสักวันหนึ่งเมื่อเขาเผชิญกับสิ่งเหล่านี้
เขาจะไม่รู้วิธีรับมือกับมัน
ถ้าเราไม่ทำให้
ลูกไม่พอใจได้
ลูกโกรธได้
แต่เราจะยืนหยัด
รอลูกสงบ
อดทนพอ
ที่จะพาลูกทำสิ่งนั้นจนสำเร็จ
วินัยจะเกิดขึ้นเมื่อเราอดทน
ทำซ้ำๆ ทำสม่ำเสมอ
ไม่ว่าจะชอบ ไม่ชอบ
สนุก ไม่สนุก
เบื่อแสนเบื่อ
แต่เราจะทำไปกับลูก
เมื่อเกิดเป็นวินัย
อารมณ์จะลดลง
และเรื่องที่เคยยาก
ก็จะค่อยๆ ง่ายขึ้น
***
(4) อย่าทำให้เพราะ
อยากให้ลูกพึงพอใจและรักเรา
ผู้ใหญ่หลายคนกลัวเด็กไม่รัก
เลยเลือกที่จะตามใจ ไม่กล้าขัดใจ
และทำให้ในสิ่งที่เด็กควรทำเอง
ในกรณีนี้ให้เราระลึกไว้เสมอว่า
"ความรักไม่มีเงื่อนไข"
เราไม่ควรต้องทำให้เขาพึงพอใจ
เพื่อให้เขารักเรา
เรารักกันเพราะเรารักกัน
ความรักควรทำให้เด็กเติบโต
เรารักเขาจึงสอนให้เขาทำด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ทำให้เขาช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น
ถ้าลูกทำผิด
เราต้องกล้าสอนเขา
ไม่ปล่อยให้เขาทำต่อไป
"ขอโทษอีกฝ่ายเสมอ" คือขั้นแรก
"รับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ" คือขั้นที่สอง
และ "ไม่ทำผิดซ้ำสอง" คือขั้นที่สำคัญที่สุด
***
(5) แม้จะไม่ทำให้ ไม่แก้ปัญหาให้
แต่เคียงข้างเสมอและพร้อมสู้ไปด้วยกัน
อดทน
อดทน
และอดทน
ขอแค่โอกาส
ให้ลูกทำด้วยตัวเองก่อน
ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ผิดกฎ 3 ข้อ
1. ไม่ทำร้ายตัวเอง
2. ไม่ทำร้ายผู้อื่น
3. ไม่ทำลายข้าวของ
ให้ลูกทำ
ถ้าไม่ดี
เราสอน
ถ้าทำไม่ได้
เราสอนอีก
ถ้ายังไม่ได้อีก
ให้หาตัวช่วย
ปรึกษาคุณหมอ
แพทย์พัฒนาการ จิตแพทย์เด็ก
เพื่อหาทางออกร่วมกัน
เด็กแต่ละคนเรียนรู้ช้าเร็วต่างกัน
แต่เด็กทุกคนเรียนรู้ได้
และทำได้ หากได้รับโอกาสมากพอ
"เคียงข้างเสมอ"
ไม่ว่าปัญหานั้นเป็นเช่นไร
จะใหญ่หรือเล็ก
จะทุกข์หรือสุข
เราเลือกที่จะเคียงข้างลูก
จนเขาสามารถข้ามผ่าน
อุปสรรคปัญหาต่างๆ ไปได้
ในอนาคต...
แม้ไม่มีเราอยู่ตรงนั้นกับเขาแล้ว
ลูกจะใช้ชีวิตต่อไปได้ด้วยตัวเองได้
ในวันที่ลูกโตพอ
สิ่งสุดท้ายที่เราทำคือ "กล้าปล่อยมือ"
**********
การให้ลูกลงมือทำมากที่สุด
โอกาสและประสบการณ์
คือวัคซีนที่ดีที่สุด
ลูกจะเติบโตแข็งแรงทั้งกายใจ
และนั่นคือความรักที่แท้จริง
ที่พ่อแม่ควรมอบให้ลูก
เพื่อให้เขาเติบโตต่อไป
ด้วยรักจากใจ
เม
เพจตามใจนักจิตวิทยา

"เด็กๆ จะเติบโต เมื่อเขาลงมือทำมากที่สุด"
เด็กที่เติบโตอย่างดี
จะมีวุฒิภาวะที่สมวัย
"วุฒิภาวะ"
ไม่ได้มาจากอายุที่มากขึ้น
แต่มาจากความสามารถ
ในการรับผิดชอบต่อตัวเอง
และหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้
เด็กที่มีวุฒิภาวะที่ดีจะสามารถ...
- แก้ปัญหา
- จัดการอารมณ์
- จัดการเวลา
ได้อย่างเหมาะสม
โดยไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
หรือผู้อื่นเดือดร้อน
**********
"5 ข้อที่พ่อแม่ควรตระหนัก
และหักห้ามใจตัวเราเอง
เพื่อให้ลูกเติบโต"
(1) อย่าทำให้ในสิ่งที่เด็กควรทำได้ด้วยตัวเอง
อย่าทำทุกอย่างให้ลูก
อย่าช่วยเหลือลูกในสิ่งที่เขาควรทำได้ด้วยตัวเอง
เพราะลูกจะไม่ได้รับรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขา
เด็กควรได้ช่วยเหลือตัวเองตามวัย
เช่น
- กินข้าวเอง
- เก็บของเล่นเอง
- ใส่รองเท้าเอง
และเจอปัญหาตามวัย
ได้ลองแก้ ได้ลองผิดลองถูก
โดยมีเราที่แนะนำและสอน
ในสิ่งที่เขายังทำไม่ได้
แต่ไม่ใช่การทำให้ทันที
วัยของลูกจะบอกเราว่าเขาทำได้
แม้จะไม่เคยทำเด็กเรียนรู้ได้
เราสอนผ่านการ...
1. ทำให้ดู
เด็กซึมซับตัวอย่างจากเรา
2. พาเขาทำ จับมือทำ
เพื่อให้เขาจดจำ
3. ทำด้วยกัน
เคียงข้าง สู้ไปด้วยกัน
4. ให้เขาทำเอง
เราเฝ้าดู เด็กจะมั่นใจ
5. ทำเองได้ แม้ไม่มีเรา
นั่นคือเป้าหมายสูงสุด
ช่วงที่เด็กเพิ่งฝึกฝนทำสิ่งใหม่
อย่ามองผลลัพธ์เป็นสำคัญ
ให้มองสิ่งที่เขาทำได้
และเผื่อเวลาให้เขาได้ทำ
อดทน ใจเย็น คือคำตอบ
***
(2) อย่าทำให้เพียงเพราะ
ง่ายและสะดวกกับเรามากกว่า
อย่าทำให้ชีวิตของลูกมีแต่
ความสะดวกสบายและเรื่องง่ายๆ
เพราะเมื่อเขาเจออุปสรรคหรือเรื่องยาก
เขาจะไม่มีความอดทนเพียงพอที่จะเผชิญมัน
และเลือกที่จะหนีปัญหา
หรือให้ผู้อื่นรับผิดชอบแทนตัวเอง
ถ้าปัญหานั้นแก้ไม่ได้
หรือยากเกินวัย
เราจะไม่พาเขาหนีปัญหา
แต่เราจะเข้าไปช่วย
โดยการสอนและแนะนำ
พาเขาทำ พาเขาก้าวข้าม
ผ่านการเผชิญไปด้วยกัน
***
(3) อย่าทำให้เพราะ
ไม่อยากลูกลำบากหรือเหนื่อย
อย่าหลีกเลี่ยงความลำบาก
และปกป้องลูกจากความทุกข์
เพราะสักวันหนึ่งเมื่อเขาเผชิญกับสิ่งเหล่านี้
เขาจะไม่รู้วิธีรับมือกับมัน
ถ้าเราไม่ทำให้
ลูกไม่พอใจได้
ลูกโกรธได้
แต่เราจะยืนหยัด
รอลูกสงบ
อดทนพอ
ที่จะพาลูกทำสิ่งนั้นจนสำเร็จ
วินัยจะเกิดขึ้นเมื่อเราอดทน
ทำซ้ำๆ ทำสม่ำเสมอ
ไม่ว่าจะชอบ ไม่ชอบ
สนุก ไม่สนุก
เบื่อแสนเบื่อ
แต่เราจะทำไปกับลูก
เมื่อเกิดเป็นวินัย
อารมณ์จะลดลง
และเรื่องที่เคยยาก
ก็จะค่อยๆ ง่ายขึ้น
***
(4) อย่าทำให้เพราะ
อยากให้ลูกพึงพอใจและรักเรา
ผู้ใหญ่หลายคนกลัวเด็กไม่รัก
เลยเลือกที่จะตามใจ ไม่กล้าขัดใจ
และทำให้ในสิ่งที่เด็กควรทำเอง
ในกรณีนี้ให้เราระลึกไว้เสมอว่า
"ความรักไม่มีเงื่อนไข"
เราไม่ควรต้องทำให้เขาพึงพอใจ
เพื่อให้เขารักเรา
เรารักกันเพราะเรารักกัน
ความรักควรทำให้เด็กเติบโต
เรารักเขาจึงสอนให้เขาทำด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ทำให้เขาช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น
ถ้าลูกทำผิด
เราต้องกล้าสอนเขา
ไม่ปล่อยให้เขาทำต่อไป
"ขอโทษอีกฝ่ายเสมอ" คือขั้นแรก
"รับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ" คือขั้นที่สอง
และ "ไม่ทำผิดซ้ำสอง" คือขั้นที่สำคัญที่สุด
***
(5) แม้จะไม่ทำให้ ไม่แก้ปัญหาให้
แต่เคียงข้างเสมอและพร้อมสู้ไปด้วยกัน
อดทน
อดทน
และอดทน
ขอแค่โอกาส
ให้ลูกทำด้วยตัวเองก่อน
ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ผิดกฎ 3 ข้อ
1. ไม่ทำร้ายตัวเอง
2. ไม่ทำร้ายผู้อื่น
3. ไม่ทำลายข้าวของ
ให้ลูกทำ
ถ้าไม่ดี
เราสอน
ถ้าทำไม่ได้
เราสอนอีก
ถ้ายังไม่ได้อีก
ให้หาตัวช่วย
ปรึกษาคุณหมอ
แพทย์พัฒนาการ จิตแพทย์เด็ก
เพื่อหาทางออกร่วมกัน
เด็กแต่ละคนเรียนรู้ช้าเร็วต่างกัน
แต่เด็กทุกคนเรียนรู้ได้
และทำได้ หากได้รับโอกาสมากพอ
"เคียงข้างเสมอ"
ไม่ว่าปัญหานั้นเป็นเช่นไร
จะใหญ่หรือเล็ก
จะทุกข์หรือสุข
เราเลือกที่จะเคียงข้างลูก
จนเขาสามารถข้ามผ่าน
อุปสรรคปัญหาต่างๆ ไปได้
ในอนาคต...
แม้ไม่มีเราอยู่ตรงนั้นกับเขาแล้ว
ลูกจะใช้ชีวิตต่อไปได้ด้วยตัวเองได้
ในวันที่ลูกโตพอ
สิ่งสุดท้ายที่เราทำคือ "กล้าปล่อยมือ"
**********
การให้ลูกลงมือทำมากที่สุด
โอกาสและประสบการณ์
คือวัคซีนที่ดีที่สุด
ลูกจะเติบโตแข็งแรงทั้งกายใจ
และนั่นคือความรักที่แท้จริง
ที่พ่อแม่ควรมอบให้ลูก
เพื่อให้เขาเติบโตต่อไป
ด้วยรักจากใจ
เม
เพจตามใจนักจิตวิทยา

22/07/2025

ที่ เบบี้ไบร์ท - Baby Bright เรียนยังไง?

ที่ เบบี้ไบร์ท เป็นการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษที่เน้นพัฒนาการครบทุกด้าน ผ่านการทำกิจกรรมสร้างสรรค์และการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ดูแลใกล้ชิดในบรรยากาศอบอุ่น เป็นมิตร พร้อมส่งเสริมศักยภาพของเด็กให้เติบโตอย่างมั่นใจ สมดุล และมีความสุขทุกวันค่ะ 💖✨

15/07/2025

❤️ กล้ามเนื้อมัดใหญ่สำคัญอย่างไร??

มีส่วนสำคัญต่อการทรงตัวโดยตรง กล้ามเนื้อมัดใหญ่จะเป็นกล้ามเนื้อบริเวณลำตัว แขน ขา เด็กที่มีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ จะมีนิสัยคล่องแคล่ว ว่องไว กระฉับกระเฉง เดิน วิ่ง กระโดด ได้มั่นคง ไม่ล้มง่าย และมีทักษะทางด้านการกีฬาที่ดีค่ะ 👏😊

#ส่งเสริมการศึกษาและกิจกรรมที่สมบูรณ์
#เสริมสร้างทักษะสังคมและเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง
#สอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติมที่ 085-506-4245
FB : เบบี้ไบร์ท - Baby Bright
Line: babybright_narathiwat
1/7 ถนนชาญอุทิศ (ซอย 912)
"ความฉลาดสอนได้"

#เบบี้ไบร์ทนราธิวาส
#พัฒนาการเด็กนราธิวาส
เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ 8.30 - 18.00น.

Big cleaning 🧹 🧼🧴🪣          มาตรการในการรักษาความสะอาด ภายในสถาบันเบบี้ไบร์ท ทางเบบี้ไบร์ทปฏิบัติแนวทางและมาตรการเตรียมค...
08/07/2025

Big cleaning 🧹 🧼🧴🪣

มาตรการในการรักษาความสะอาด ภายในสถาบันเบบี้ไบร์ท ทางเบบี้ไบร์ทปฏิบัติแนวทางและมาตรการเตรียมความปลอดภัย โดยมีการทำความสะอาดด้วยการเช็ด ล้าง ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ทั้งภายใน และภายนอกอาคารอาทิ ห้องเรียน เก้าอี้ โต๊ะเรียน อุปกรณ์ สื่อการเรียน ของเล่น

เด็ก ๆ ทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทางสถาบันเบบี้ไบร์ทค่ะ 😊💛

#ส่งเสริมการศึกษาและกิจกรรมที่สมบูรณ์
#เสริมสร้างทักษะสังคมและเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง
#สอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติมที่ 085-506-4245
FB : เบบี้ไบร์ท - Baby Bright
Line: babybright_narathiwat
1/7 ถนนชาญอุทิศ (ซอย 912)
"ความฉลาดสอนได้"

#เบบี้ไบร์ทนราธิวาส
#พัฒนาการเด็กนราธิวาส
เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ 8.30 - 18.00น.

02/07/2025

🧠 รู้ยัง? สมองเด็กเล็กพร้อมเรียนภาษาที่ 2 มากกว่าที่คิด! 👏
คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมว่า? เด็กเล็กมี ศักยภาพสูงสุด ในการเรียนรู้ภาษาที่สองตั้งแต่เกิด!

📌 งานวิจัยจาก Harvard University ระบุว่า สมองของเด็กในช่วง 0-7 ปี มีความยืดหยุ่นสูงสุดในการรับภาษา 🧠📈พวกเขาสามารถเรียนรู้ สำเนียง การออกเสียง และไวยากรณ์ ได้เหมือนเจ้าของภาษา ถ้าได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้อง!

🎯 ทำไมต้องเริ่มเร็ว?
✅ สมองเด็กซึมซับภาษาได้ง่าย เหมือนฟองน้ำ! 🧽
✅ สำเนียงเป๊ะ! เด็กที่เริ่มเร็วจะออกเสียงเหมือนเจ้าของภาษามากขึ้น 🗣️🎶
✅ เพิ่มทักษะสมอง ช่วยพัฒนาความคิด ความจำ และการแก้ปัญหา 🤓🧩
✅ ส่งเสริมความมั่นใจ เด็กที่ใช้ภาษาที่สองได้คล่องจะกล้าสื่อสารมากขึ้น 💬💡

สถาบัน เบบี้ไบร์ท - Baby Bright จัดการเรียนรู้โดยใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เด็ก ๆ มีความมั่นใจ และกล้าที่จะสื่อสารกับผู้อื่น 😊👏

#ส่งเสริมการศึกษาและกิจกรรมที่สมบูรณ์
#เสริมสร้างทักษะสังคมและเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง
#สอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติมที่ 085-506-4245
FB : เบบี้ไบร์ท - Baby Bright
Line: babybright_narathiwat
1/7 ถนนชาญอุทิศ (ซอย 912)
"ความฉลาดสอนได้"

#เบบี้ไบร์ทนราธิวาส
#พัฒนาการเด็กนราธิวาส
เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ 8.30 - 18.00น.

ที่อยู่

1/6 ถนนชาญอุทิศ ตำบลบางนาค อำเภอเมือง
Changwat Narathiwat
96000

เบอร์โทรศัพท์

+66855064245

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เบบี้ไบร์ท - Baby Brightผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram