ทีแอลซี เฮลธ์แล็บ จันทบุรี ตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด

06/09/2025

📌รู้ชัด“ภูมิแพ้…อะไร”???

✅เพียงเจาะเลือดตรวจ ก็รู้…ถึง 107 ชนิด(specific IgE 107 Types)
✅บอกระดับการแพ้ได้ 0-6 ระดับ
✅รู้ผลใน 3-7 วันทำการ

☎️ ติดต่อสอบถามได้ทุกช่องทาง
📍Tel : 03-960-5588 (091-009-8151)
📍FB Page : https://m.me/tlchealthlab/
📍Location : https://maps.app.goo.gl/TUGbAPEG6MUsxkHKA

📍ID Line :
📍เวลาทำการ : (จ-ส 7.00-18.00น.)
📍หยุด วันอาทิตย์

06/09/2025

📌รู้ชัด“ภูมิแพ้…อะไร”???

✅เพียงเจาะเลือดตรวจ ก็รู้…ถึง 107 ชนิด(specific IgE 107 Types)
✅บอกระดับการแพ้ได้ 0-6 ระดับ
✅รู้ผลใน 3-7 วันทำการ

☎️ ติดต่อสอบถามได้ทุกช่องทาง
📍Tel : 03-960-5588 (091-009-8151)
📍FB Page : https://m.me/tlchealthlab/
📍Location : https://maps.app.goo.gl/TUGbAPEG6MUsxkHKA

📍ID Line :
📍เวลาทำการ : (จ-ส 7.00-18.00น.)
📍หยุด วันอาทิตย์

ตรวจเลือด ตรวจสุขภาพ ข่าวสารสุขภาพ โรคติดต่อ การดูแลสุขภาพ

03/09/2025

📌เป็นเบาหวานโดยไม่รู้ตัว😱😱😱…น่ากลัวกว่า การมาตรวจเลือด

ไม่อยากเบาหวานขึ้นตา ลงไต ตัดขา
ต้องเช็กเลือดแบบนี้!

คนที่ติดตามผมมาน่าจะรู้แหละว่าผมเป็นเบาหวาน
บอกตรง ๆ เลยครับ ตอนผมเจาะเลือดครั้งแรก ผลออกมานี่ช็อกมาก
HbA1C 13.5 กับ น้ำตาลเช้า 340 คือไม่ใช่แค่เสี่ยงแล้ว แต่ เบาหวานล่อเต็มข้อเลย
สิ่งที่อยากบอกก็คือ ถ้าเรารู้จักตรวจเช็กให้เร็วกว่านั้น มันอาจไม่ต้องมาถึงจุดที่ “เจอทีเดียว โดนเต็ม ๆ”
เลยอยากเขียนโพสต์นี้ให้ทุกคนอ่านครับ ว่า จริง ๆ แล้วการตรวจเลือดเพื่อดูความเสี่ยงเบาหวาน มีอะไรบ้าง
ไม่ได้ยากเลย และบางอย่างก็ตรวจเองได้ด้วยซ้ำ

1. น้ำตาลตอนเช้า (FBS: Fasting Blood Sugar)
อันนี้เบสิคสุดครับ แค่เจาะเลือดหลังอดข้าว 8 ชั่วโมง ก็รู้เลยว่าน้ำตาลพื้นฐานเราเป็นยังไง
•ถ้าน้อยกว่า 100 mg/dL = ปกติ สบายใจได้
•ถ้า 100–125 = เสี่ยงแล้วนะครับ หรือที่หมอเรียกว่า ก่อนเบาหวาน (Prediabetes)
•ถ้าเกิน 126 = มีแนวโน้มเป็นเบาหวาน
พูดง่าย ๆ เลยคือ ถ้าตื่นเช้ามาน้ำตาลยังสูงเกิน 100 มันคือสัญญาณเตือนแล้วครับ

2. น้ำตาลสะสม (HbA1C)

อันนี้ดีนะครับ มันไม่ได้บอกแค่วันนี้ แต่คือ “เฉลี่ย 3 เดือนที่ผ่านมา”

•น้อยกว่า 5.7% = ปกติ
•แต่ถ้ามากกว่า5.7–6.4% = อยู่ในโซนเสี่ยงแล้วครับ
•≥ 6.5% = เบาหวานแน่นอน
ตอนผมตรวจครั้งแรกได้ 13.5% คือมันเลยเกณฑ์ไปไกลมาก ๆ
ตรงนี้เลยอยากเตือนว่าอย่าปล่อยให้ถึงขั้นนั้นครับ

3. ตรวจไขมันในเลือด
หลายคนคิดว่าอันนี้ดูแค่เรื่องหัวใจ แต่จริง ๆ มันบอกความเสี่ยงเบาหวานด้วยครับ
•ไตรกลีเซอไรด์ (TG) มากกว่า 150
•หรือ HDL (ไขมันดี) น้อยกว่า 50
แค่นี้ก็นับว่าเสี่ยงแล้วครับ
บางคนจะใช้สูตรง่าย ๆ คือ TG ÷ HDL ถ้ามากกว่า 2 อันนี้เสี่ยงแน่นอน
คิดง่าย ๆ เหมือนร่างกายเริ่มมีไขมันอุดตันท่อ ส่งสัญญาณว่าถ้าปล่อยไว้ เดี๋ยวเป็นเบาหวานชัวร์ ๆ

4. เช็กเองที่บ้าน น้ำหนัก–รอบเอว
ไม่ต้องรอไปโรงพยาบาลก็พอประเมินได้ครับ
ถ้า BMI มากกว่า 25 = เริ่มเสี่ยง
หรือถ้า รอบเอว (ซม.) ÷ ส่วนสูง (ซม.) มากกว่า 0.5 = เสี่ยงเหมือนกัน
เช่น สูง 170 ซม. ถ้ารอบเอวเกิน 85 ซม. ก็คือเริ่มมีไขมันในท้องเยอะขึ้นแล้ว ซึ่งสัมพันธ์กับการดื้อต่ออินซูลินครับ

5. เจาะแบบแอดวานซ์ Insulin Level & HOMA-IR
อันนี้สำหรับคนที่อยากรู้เชิงลึกว่าร่างกายเริ่ม “ดื้อต่ออินซูลิน” หรือยัง
•Insulin level ส่วนใหญ่ไม่ควรเกิน 10 (แต่ละแล็บอาจต่างกัน)
•HOMA-IR ใช้สูตรคำนวณจากค่าระดับน้ำตาล + อินซูลินตอนเช้า
การแปลผลก็ตามนี้เลยนะ
•ต่ำกว่า 1 = ดีมาก อินซูลินทำงานได้ดี
•มากกว่า 1–2.9 = เริ่มมีภาวะดื้อเล็กน้อยถึงปานกลาง
•เกินกว่า 2.9 = ภาวะดื้อชัด ๆ เสี่ยงเบาหวานเต็มที่

จากใจคนเคยเป็นเบาหวานนะครับ
ผมว่าไม่ต้องไปกลัวเรื่องเจาะเลือดหรือผลเลือดหรอก
สิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ คือการที่เราเป็นเบาหวานแล้วไม่รู้ตัว
เพราะกว่าจะรู้ ก็อาจเป็นตอนที่ขึ้นตา ลงไต หรือต้องตัดขาไปแล้ว
อันนั้นน่ากลัวกว่ามากครับ
ตรวจเช็กไว้ก่อนดีกว่า ปลอดภัยกว่าเยอะ
ใครสงสัยหรืออยากถามอะไร คอมเมนต์ไว้ได้เลยนะครับ

01/09/2025

📌ข่าวดี…สิทธิบัตรทอง “เจาะเลือด-ตรวจแล็บใกล้บ้าน”…24 รายการ “โดยไม่มีค่าใช้จ่าย” …เร็วๆนี้

☎️ ติดต่อสอบถามได้ทุกช่องทาง
📍Tel : 03-960-5588 (091-009-8151)
📍FB Page : https://m.me/tlchealthlab/
📍Location : https://maps.app.goo.gl/TUGbAPEG6MUsxkHKA

📍ID Line :
📍เวลาทำการ : (จ-ส 7.00-18.00น.)
📍หยุด วันอาทิตย์

01/09/2025

📌”โปรตีน” ต้องถึง!!! เพื่อการลดน้ำหนัก(เบิร์นไขมัน) ให้ได้ผลดี...
ลดโรค NCDs

31/08/2025

📌เคล็ดไม่ลับ…ปั้นหุ่นสวยด้วย IF

ทำ IF แล้วเหนื่อย เพลีย ไม่มีแรง?
แก้ง่ายๆ ทำตามโพสต์นี้เลย

หลายคนพอเริ่มทำ Intermittent Fasting (IF) ใหม่ ๆ ก็มักเจอปัญหาคลาสสิกเลยครับ เช่น หิวจนมือสั่น เพลียทั้งวัน สมองตื้อ ทำงานไม่ออก จนบางคนทนไม่ไหวต้องเลิกไป
ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว IF ถ้าทำให้ถูกวิธี ร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัว และพลังงานที่ได้จะเสถียรกว่าเดิมด้วยซ้ำ
วันนี้เลยอยากมาแชร์ 5 เทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยให้ทำ IF ได้แบบไม่เพลีย ทำไปแล้วรู้สึกโอเคกับร่างกายมากขึ้น

1. เลือกช่วงเวลาให้เข้ากับชีวิตเรา
บางคนเริ่มทำ IF แบบ 16/8 ตามสูตรเลย อด 16 ชั่วโมง กินได้ 8 ชั่วโมง แต่ดันไปเลือกเวลาที่ฝืนตัวเองเกิน เช่น ต้องหยุดกินตั้งแต่บ่ายสาม
แต่ชีวิตจริงเลิกงานสองทุ่ม จะไม่ให้หิวได้ไงล่ะครับ ผลสุดท้ายก็กลายเป็นเพลียเพราะไปฝืนตารางชีวิต
จริง ๆ แล้วหลักการของ IF คือการลดช่วงเวลากินเพื่อให้อินซูลิน (ฮอร์โมนเก็บพลังงาน) ลดลง ไม่ได้บังคับว่าทุกคนต้องทำเวลาเดียวกันหมด
เราควรเลือกเวลาที่เข้ากับตัวเองมากที่สุด อย่างถ้าเป็นคนตื่นเช้า ลองเริ่มกินมื้อแรกตอน 10 โมง แล้วปิดท้ายไม่เกิน 6 โมงเย็นก็พอ
แต่ถ้าใครเป็นสายทำงานดึก การกินถึงสองทุ่มก็ไม่ได้ผิด ขอแค่เป็นช่วงที่เราทำได้ต่อเนื่อง ไม่เครียด ไม่ฝืน แบบนี้โอกาสสำเร็จก็สูงขึ้นเยอะ

2. โปรตีนห้ามขาด ไม่งั้นจะเพลียง่าย
อีกสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คนทำ IF แล้วเพลียคือ “กินโปรตีนไม่พอ” เพราะพอเรากินน้อยลง หลายครั้งอาหารที่เลือกก็ไม่ครบ
อย่างบางคนกินแค่ข้าวกับผักนิดหน่อย พลังงานอาจพอ แต่โปรตีนไม่ถึง ร่างกายก็เลยโหยง่าย เหนื่อยง่าย กล้ามเนื้อก็หายไปด้วย
โปรตีนจริง ๆ สำคัญมากนะครับ เพราะมันช่วยคงมวลกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมร่างกาย และยังทำให้อิ่มนานขึ้น
เวลากินไม่ควรลืมใส่โปรตีนหลัก ๆ อย่างเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ไข่ เต้าหู้ หรือถั่ว พูดง่าย ๆ ว่าแต่ละมื้อถ้ามีโปรตีนกำกับอยู่ ความเพลียจะหายไปเกินครึ่งเลยครับ

3. ดื่มน้ำกับเกลือแร่ให้พอ
คนที่เริ่มทำ IF ใหม่ ๆ หลายคนจะบ่นว่าเวียนหัว มึน ๆ เพลีย ๆ จริง ๆ ส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะอดอาหารนะครับ แต่เพราะร่างกาย “ขับเกลือแร่ออก” มากขึ้น
โดยเฉพาะโซเดียม เพราะตอนเราอดอาหาร อินซูลินในเลือดจะต่ำลง แล้วไตจะปล่อยเกลือออกมามากกว่าเดิม ถ้าเราดื่มแต่น้ำเปล่าอย่างเดียวโดยไม่เสริมเกลือแร่ บางทีจะเหมือนน้ำล้นแต่พลังงานไม่มา
เพราะงั้นนอกจากน้ำเปล่า ลองเติมเกลือแร่เล็กน้อยเข้าไป เช่น น้ำเกลือแร่สูตรไม่มีน้ำตาล หรือซุปใส ๆ ที่มีเกลือหน่อย ๆ ก็ได้
จะช่วยให้สมดุลร่างกายดีขึ้น หัวไม่หมุน ไม่เพลียง่าย และทำให้ทำ IF ต่อได้สบายกว่าเยอะ

4. อย่ากลัวไขมันดี
หลายคนพอทำ IF แล้วเผลอคิดว่า เราต้องห้ามกินไขมันเลย เลยตัดเนื้อสัตว์ติดมัน น้ำมันทุกชนิด ขนมถั่วก็ไม่แตะ สุดท้ายพลังงานไม่พอ กลายเป็นสมองตื้อ เพลียทั้งวัน
แต่ความจริงคือ “ไขมันดี” อย่างโอเมก้า-3 (จากปลา) หรือไขมันไม่อิ่มตัวในอะโวคาโด น้ำมันมะกอก ถั่วอัลมอนด์ พวกนี้แหละเป็นพลังงานที่ร่างกายใช้ได้ยาวนาน
ไม่ทำให้น้ำตาลตกง่ายเหมือนคาร์บขัดสี แถมยังช่วยลดการอักเสบและบำรุงสมองอีกด้วย ถ้าเรากินให้พอดี ไม่มากเกินไป ไขมันดีนี่แหละจะเป็นตัวช่วยให้ทำ IF ได้แบบไม่เพลียเลยครับ

5. ค่อย ๆ ปรับ อย่าหักดิบ
ความผิดพลาดที่เจอบ่อยมากคือคนทำ IF แบบ “ใจร้อน”
วันแรกก็จัดไป 16 ชั่วโมงเลย ทั้งที่เมื่อก่อนกินวันละ 5 มื้อ
ของว่างเพียบ ร่างกายเลยช็อก น้ำตาลตก หัวหมุน เพลียหนัก
ทางที่ดีคือต้องให้ร่างกายปรับตัวครับ เริ่มจากเล็ก ๆ ก่อน เช่น กิน 12 ชั่วโมง อด 12 ชั่วโมง พอร่างกายเริ่มชินค่อยขยับเป็น 14 ชั่วโมง แล้วค่อยไป 16 ชั่วโมง
คล้ายกับการฝึกวิ่งมาราธอน วันแรกไม่มีใครวิ่ง 42 กิโลได้หรอก ต้องซ้อมทีละนิดจนร่างกายปรับตัวได้เอง แบบนี้เราจะไม่เพลีย และยังทำ IF ได้ยาว ๆ ด้วย

จริงๆแล้วการทำ IF ไม่ควรเป็นเรื่องทรมาน ถ้าเราเลือกเวลาให้เหมาะ กินโปรตีนและไขมันดีให้พอ ดื่มน้ำเกลือแร่เสริม ค่อย ๆ ปรับทีละนิด
ร่างกายจะไม่เพลียเลยครับ กลับกันจะรู้สึกสดชื่นขึ้น สมองปลอดโปร่ง และน้ำหนักก็จะค่อย ๆ ลดลงแบบยั่งยืน
สุดท้ายอยากบอกว่า IF ไม่ยากนะครับ ถ้าเราทำถูกวิธี มันจะกลายเป็นเพื่อนที่ช่วยให้สุขภาพเราดีขึ้นนะ
ใครมีคำถามคอมเมนต์ไว้ได้เลยนะครับ

26/08/2025

25/08/2025

📌มะเร็ง…รู้-เร็ว-รอด
✅แนะนำให้ตรวจสุขภาพและตรวจคัดกรองมะเร็ง กันนะคะ

24/08/2025

📌2025 เกณฑ์การวินิจฉัย ความดันเฉลี่ย มากกว่าหรือเท่ากับ 130/80 ถือว่าเป็นความดันโลหิตสูง🤭🫢🫢

23/08/2025

📌NCDs ไม่ต้องกินยาตลอดชีวิต…ทำแบบนี้ โดย นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย

ม่อยากกินยาลดไขมันไปตลอดชีวิต? หมอหัวใจจะบอกคุณว่า…ถ้าทำ 5 ข้อนี้ได้จริง ความเสี่ยงโรคหัวใจลดลงชัดเจน แล.....