Veterinary CMU Mind Friend

Veterinary CMU Mind Friend ส่งเสริมภาวะใจที่ดี บรรเทาใจที่เหนื่อยล้า
ด้วยกระบวนการปรึกษาทางจิตวิทยา
เรื่องของใจ ไม่มีเรื่องไหนไร้สาระ

21/10/2025

“อ่านจนหัวแทบระเบิด” vs “พักให้สมองจำ”🧠 ช่วงสอบนี้คุณอยู่ฝั่งไหน (English version in comment)

ใกล้ช่วงสอบทีไร หลายคนมักเข้าสู่โหมด “อ่านยันเช้า กินกาแฟแทนน้ำ” เพราะคิดว่ายิ่งอ่านมาก ยิ่งจำได้ แต่ความจริงคือ สมองของเราไม่ใช่เครื่องจักร — เมื่อใช้งานหนักเกินไป ความสามารถในการจดจำกลับลดลงแทนที่จะเพิ่มขึ้น

💥 เมื่ออ่านหนักเกิน สมองไม่ได้จำ…แต่ว้าวุ่น
การอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่องโดยไม่พัก ทำให้ สมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งทำหน้าที่จัดเก็บความทรงจำ “ล้าเกินไป” จนประมวลข้อมูลใหม่ไม่ได้
ผลที่ตามมาคือ :
• จำเนื้อหาได้เพียงระยะสั้น
• สับสนระหว่างข้อมูลเก่า-ใหม่
• สมาธิลดลง ความเครียดเพิ่มขึ้น

นักจิตวิทยาเรียกภาวะนี้ว่า Cognitive Overload (ภาวะสมองล้นข้อมูล)
ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเราพยายาม “ยัดข้อมูล” เข้าไปในสมองมากเกินกว่าที่มันจะประมวลได้ในเวลานั้น

สมดุลคือคำตอบ: “อ่านก็สำคัญ แต่พักก็จำเป็น” ⚖
นักศึกษาหลายคนพลาด จำที่อ่านไม่ได้ เพราะ “อ่านหนักแต่ไม่พัก” จนสุดท้ายประสิทธิภาพตกลง ซึ่งสมองต้องการเวลา เพื่อบีบอัดและเชื่อมโยงข้อมูลอย่างมีระบบ ลองใช้เคล็ดลับง่าย ๆ เช่น
• เข้านอนให้พอ💤 ช่วยย้ายข้อมูลจากความจำระยะสั้นไปสู่ระยะยาว
• การพักสายตา เดินเล่น หรือฟังเพลง ดื่มน้ำ ยืดเส้น ช่วยลดระดับความเครียดและเพิ่มสมาธิ
• แบ่งเวลาอ่าน 25–40 นาที พัก 5–10 นาที⏱️
การพักไม่ได้แปลว่าขี้เกียจ แต่คือการ “รีเซ็ตระบบ” เพื่อให้สมองพร้อมรับข้อมูลใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
“การอ่านที่ดี ไม่ได้วัดจากชั่วโมงที่อ่าน แต่อยู่ที่คุณพักพอหรือยัง…ให้สมองได้จำจริง”
อ้างอิง
• Parrott, A. C. (1999). Does cigarette smoking cause stress? American Psychologist, 54(10), 817–820.
(ข้อมูลเรื่องผลของความเครียดและสมองในภาวะล้า)
• Taylor, G. et al. (2014). Change in mental health after smoking cessation: systematic review and meta-analysis. BMJ, 348, g1151.
(ข้อมูลเรื่องสมดุลทางจิตใจและความเครียด)

16/10/2025
แม้วันนี้จะเป็นวันสุขภาพจิตโลก แต่การดูแลจิตใจของตนเองสามารถทำได้ทุกวันน้า เรามาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ ด้วยการตระ...
10/10/2025

แม้วันนี้จะเป็นวันสุขภาพจิตโลก แต่การดูแลจิตใจของตนเองสามารถทำได้ทุกวันน้า เรามาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ ด้วยการตระหนักรู้ปัญหาสุขภาพจิตของเรากันเต้อะ ! 💪🏻

10 ตุลาคม 2568 วันสุขภาพจิตโลก World Mental Health Day 2025

กรมสุขภาพจิตขอเชิญชวนทุกท่านร่วมรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของความหวังและพลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปได้ด้วยสุขภาพจิตที่ดี

สัญลักษณ์ริบบิ้นสีเขียว เพื่อแสดงสัญลักษณ์แห่งการรับรู้และใส่ใจในสุขภาพจิต
บอกให้โลกรู้ว่าคุณไม่อยู่คนเดียว ยังมีคนที่คุณรักหรือคนรอบข้างใส่ใจในสุขภาพจิต 🌍💬

#วันสุขภาพจิตโลก2025 #วันสุขภาพจิตโลก

25/09/2025

หลายครั้งที่คนเรามักปล่อยให้อารมณ์ควบคุมชีวิตโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะผู้คนที่อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ (Highly Sensitive Person) ยกตัวอย่าง เช่น…
-------------------
ความเศร้าที่บอกให้เราหลีกหนี
ความกังวลที่บอกให้เราซ่อนตัว
ความโกรธที่ผลักให้เราเผลอทำร้ายใครสักคน
MOODY เชื่อว่าแล้วยิ่งเราทำตามเสียงเหล่านี้มากเท่าไร เราก็ยิ่งจมลึกลงในความรู้สึกด้านลบเหมือนวนเวียนอยู่ในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก เหมือนกับวันที่เราเศร้าแล้วไม่อยากลุกจากเตียง แต่ยิ่งซ่อนตัวเท่าไร ความเศร้าก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
วงจรนี้คือสิ่งที่นักบำบัดในแนวทางการบำบัดพฤติกรรมเชิงวิภาษวิธี (Dialectical Behavior Therapy - DBT) เรียกว่า ‘แรงกระตุ้นการกระทำ’ (Action Urge) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ผลักดันให้เราตอบสนองต่ออารมณ์ในแบบที่อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ซึ่งหนึ่งในทักษะที่ DBT แนะนำให้เราฝึกทำคือสิ่งที่เรียกว่า ‘Opposite Action’ หรือ การเลือกทำตรงข้ามกับสิ่งที่อารมณ์บอกให้ทำ เช่น
ถ้าเศร้าจนอยากปลีกตัว ให้ออกไปเชื่อมโยงกับคนอื่น
ถ้ารู้สึกละอายจนอยากปกปิด ให้ลองเล่าเรื่องของเราด้วยความภาคภูมิ
ถ้ากลัวจนอยากถอย ให้ลองก้าวออกไปเสี่ยงอย่างมีการวางแผน
ถ้าโกรธจนอยากโจมตี ให้ลองหันมาเลือกความอ่อนโยนแทน
เหมือนตัวอย่างจากเรื่องจริงของนักบำบัดผู้เขียนบทความต้นฉบับนี้เล่าไว้ว่า หลังจากวันทำงานอันหนักหน่วง เขากลับถึงบ้านพร้อมความเศร้าที่บอกให้แยกตัวออกไป แต่เขากลับเลือกใช้แนวทาง Opposite Action ด้วยการเปิดเพลงโปรดของลูกสาวแล้วชวนครอบครัวเต้นรำแทน และทันใดนั้น ความเศร้าที่ถาโถมก็เริ่มคลายลง กลายเป็นความเชื่อมโยงและเสียงหัวเราะที่ทำให้หัวใจเบาสบาย
ยิ่งสำหรับใครที่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์และความรู้สึกเป็นพิเศษ (Highly Sensitive Person - หรือ HSP) อาจรู้สึกว่าการใช้ Opposite Action อาจฟังดูยากกว่าคนอื่น เพราะโลกภายในของเรามักเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ลึกและรุนแรง
แต่ในขณะเดียวกัน HSP ก็มีข้อได้เปรียบ คือเรามีความไวต่อการรับรู้อารมณ์ เราสามารถตั้งชื่อและจับสัญญาณของความรู้สึกได้เร็วกว่า นั่นทำให้เรามีโอกาสเบี่ยงเบนพลังงานไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากเราใช้จุดแข็งนี้เพื่อก้าวข้ามแรงดึงดูดของอารมณ์ ทำให้ทักษะ Opposite Action กลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
บางทีสิ่งสำคัญคือการไม่กดดันตัวเองให้ต้องเปลี่ยนได้ทันที แต่เริ่มจากการลองหันไปทำสิ่งตรงข้ามกับอารมณ์ในเรื่องเล็กๆ ก่อน เช่น เมื่อความโกรธบอกให้พูดห้วนกับคนรัก ลองหันไปใช้คำพูดอบอุ่นแทน แล้วค่อยๆ รอผลลัพธ์เล็กๆ ที่เปลี่ยนแปลงได้จริง ความมั่นใจที่จะใช้มันในสถานการณ์ที่หนักกว่าจะค่อยๆ เติบโตตามมา
โดยผลลัพธ์ของแนวทางนี้ ยืนยันได้จากนักบำบัดหลายคนที่ทำงานด้านจิตวิทยามานานนับสิบปี พวกเขาเห็นตรงกันว่า Opposite Action เป็นหนึ่งในทักษะที่ทรงพลังที่สุด มันเรียบง่าย ใช้ได้กับหลายสถานการณ์ และที่สำคัญที่สุด มันได้ผลจริง
-------------------
แม้อาจไม่ง่ายเสมอที่จะเลือกทำตรงข้ามกับสิ่งที่อารมณ์กำลังบอก แต่ทุกครั้งที่เรากล้าที่จะลอง เรากำลังให้โอกาสตัวเองได้หายใจ ได้หลุดจากวงจรความรู้สึกด้านลบ และเปิดพื้นที่เล็กๆ ให้ความสุขและความสงบกลับมาเติมเต็มหัวใจอีกครั้ง

💬 ใครหลายคนคงเคยเผชิญกับสภาวะทางอารมณ์ที่เรียกว่า 'Grief' แต่อาจยังไม่มั่นใจว่าไอ้อารมณ์ตัวเนี้ย มันคืออะไร แล้วเกิดจากอ...
23/09/2025

💬 ใครหลายคนคงเคยเผชิญกับสภาวะทางอารมณ์ที่เรียกว่า 'Grief' แต่อาจยังไม่มั่นใจว่าไอ้อารมณ์ตัวเนี้ย มันคืออะไร แล้วเกิดจากอะไรได้บ้าง อีกทั้งมันยังมักมาคู่กับคำว่า Coping อีกด้วย แปลว่าอะไรล่ะเนี่ย? 😓
เริ่มที่ Coping หรือ การรับมือ น้ะ!
-
🖇 Coping มันคือการใช้กลยุทธ์ทั้งทางความคิดและพฤติกรรมเพื่อจัดการกับความต้องการทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงความเครียด ความยากลำบาก หรืออารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์ นั่นเองง
🎲 โดยการ Coping มีทั้งเน้นไปที่การเข้าไปจัดการปัญหา หรือเน้นไปที่การจัดการกับอารมณ์
มาต่อที่ Grief หรือความโศกเศร้าเลยน้ะ!
-
🥀 Grief มันคือปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลเผชิญกับการสูญเสีย ส่งผลให้รู้สึกเจ็บปวดมากบางครั้งอาจท่วมท้นเกินจะรับไหว ทำให้ต้องประสบกับความรู้สึกที่ยากจะรับมือหลากหลายความรู้สึก ตั้งแต่ความรู้สึกสะเทือนใจ ความโกรธ ความรู้สึกผิด ไปจนถึงความเศร้าโศกเหลือคณา
🍂 นอกจากนี้ความเจ็บปวดจาก Grief ยังมีผลเสียต่อสุขภาพกายเราอีกด้วย บางครั้งทำให้มีความยากลำบากในการรับประทานอาหาร การนอนหลับ หรืออาจทำให้ไม่มีสติในการตริตรองเรื่องง่าย ๆ ซึ่งปฏิกิริยาเหล่านี้จะหนักมากขึ้นหากสิ่งที่สูญเสียนั้นมีผลต่อใจเรามาก ๆ
🗝 โดยส่วนใหญ่เมื่อพูดถึง Topic การ Coping กับ Grief มนุษย์เรามักจะเชื่อมโยงกับการสูญเสียคนรัก แต่แท้จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียแบบใดก็สามารถทำให้เราตกอยู่ในสภาวะ Grief ได้ทั้งนั้น
-
💬 เช่น การสูญเสียสัตว์เลี้ยง การหย่าร้างหรือยุติความสัมพันธ์ การเผชิญกับความเจ็บป่วยร้ายแรง การตกงาน หรือการแท้งบุตร เป็นต้น
💬 โดยบุคคลมีความอ่อนไหว หรือมีการให้ความสำคัญกับเรื่องต่าง ๆ แตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากเราจะเศร้าโศกในเรื่องนั้น ๆ แม้คนอื่นจะไม่รู้สึกอะไรก็ตาม
🎼 โดยหลัก ๆ แล้ว Grief มี 5 Stages ได้แกกก่
-
1. Denial (ปฏิเสธ) : "เรื่องนี้ไม่จริง ไม่น่าเกิดขึ้นได้"
2. Anger (โกรธ) : "ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ใครเป็นคนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้!?"
3. Bargaining (ต่อรอง) : "จะเป็นอย่างไรถ้า..."
4. Depression (ซึมเศร้า) : "ฉันเศร้าเกินไปที่จะทำอะไร"
5. Acceptance (ยอมรับ) : "ฉันโอเคแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น"
🎼 ซึ่งจาก 5 Stages เหล่านี้ บุคคลไม่จำเป็นที่จะต้องเผชิญให้ครบทุกลำดับ หรือไม่จำเป็นต้องประสบจากลำดับ 1-5 เลย โดย Kübler-Ross กล่าวว่าเธอไม่ต้องการให้ลำดับเหล่านี้เป็นสิ่งที่นิยาม Grief ของบุคคล เพียงแต่อยากให้เห็นภาพชัดมากขึ้นเท่านั้น
-
--- 💬 โดยการเกิด Grief อาจเรียกได้ว่าเป็นห้วงอารมณ์ที่สับเปลี่ยนไปมาคล้ายกับรถไปเหาะ อาจเริ่มจากโกรธ ต่อรอง ปฏิเสธ แล้วกลับมาโกรธอีกครั้งก็ได้ แต่ทุกครั้งที่กลับมา ณ stage เดิม ความเข้มข้นทางอารมณ์จะลดลง และจะสามารถรับมือกับอารมณ์ได้ง่ายขึ้น จนท้ายที่สุดสามารถยอมรับและก้าวต่อไปข้างหน้าได้
🖼 Step เบื้องต้นในการรับมือกับ Grief
-
1. Face your feelings. - การเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเอง หรือการยอมรับอารมณ์ที่เป็นอยู่อาจเป็นเรื่องยาก แต่จำเป็น การหนีจากมันจะช่วยให้เรารู้สึกดีเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่นานไปความรู้สึกที่ไม่ได้รับการจัดการอาจนำไปสู่การเป็นซึมเศร้า วิตกกังวล ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ หรือการติดสารเสพติดได้
-
2. Express your feelings in a tangible or creative way. - แสดงอารมณ์ออกมาให้อารมณ์จับต้องได้หรือแสดงออกมาอย่างสร้างสรรค์ แม้ในบางครั้งจะไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ แต่การได้เขียนความคิด และ/หรือความรู้สึกของตนเองลงในสมุด ก็สามารถช่วยเรา Process สิ่งต่าง ๆ ที่ติดค้างภายในใจของเราได้ หรือนอกจากนี้จะลองเข้าร่วมกิจกรรมอาสาที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งก็ได้หากเราสูญเสียคนรักจากโรคมะเร็ง
-
3. Try to maintain your hobbies and interests. - พยายามไม่ถอยห่างออกจากสังคมหรืองานอดิเรกที่ทำเป็นประจำ การได้ทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ จะช่วยให้เราผ่อนคลายและบรรเทาความเครียดหรือความเศร้าโศกลงได้
-
4. Don’t let anyone tell you how to feel, and don’t tell yourself how to feel either. - อย่าบังคับให้ตัวเอง Move on หรือ "ควร" รู้สึกอย่างไร การรับมือกับ Grief นั้นใช้เวลา หากพร้อมที่จะ Move on เมื่อใด เมื่อนั้นจึง Move on เราสามารถใช้เวลากับตัวเองได้เต็มที่นะ!
-
5. Look after your physical health. - อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าสุขภาพกายกับจิตใจของเรามันเชื่อมโยงกัน ดังนั้นหากเราดูแลร่างกายของเราอย่างดี ก็จะเป็นสะพานเชื่อมที่ช่วยให้สุขภาพจิตของเราดีขึ้นตาม ๆ กันไปด้วย เช่น ออกกำลังกาย หรือกินอาหารให้ครบ 3 มื้อ โดยหลีกเลี่ยงสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ เป็นต้น
-
6. Plan ahead for grief “triggers.” - วันครบรอบ วันหยุด หรือวันสำคัญอื่น ๆ อาจเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกทางลบเดิม ๆ ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ต้นเหตุได้ ดังนั้นเราอาจวางแผนในการรับมือหรืออยู่กับความรู้สึกเหล่านั้นให้ได้เมื่อวันนั้นมาถึง เช่น การออกไปพบปะผู้คน หรือการไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่อย่างโดดเดี่ยว
Reference:
- Baker, K. (2024). The Grieving Process. https://eden-health.com/the-grieving-process/
- Smith, M., Robinson, L., Segal, J. (2025). Coping with Grief and Loss: Stages of Grief, the Grieving Process, and Learning to Heal. https://www.helpguide.org/mental-health/grief/coping-with-grief-and-loss

จบไปแล้วววกับกิจกรรม Me, in a basket (เปรียบฉันดั่งดอกไม้)!ขอบคุณน้อง ๆ ทุกคนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมนะคะ หวังว่าในกิจกรรมคร...
12/09/2025

จบไปแล้วววกับกิจกรรม Me, in a basket (เปรียบฉันดั่งดอกไม้)!
ขอบคุณน้อง ๆ ทุกคนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมนะคะ หวังว่าในกิจกรรมครั้งหน้าเราจะมีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกันอีกครั้ง 😊
สำหรับในเดือนถัดไปจะเป็นกิจกรรมอะไร Pls stay tuned! 🤓☝🏻

10/09/2025
ต่อจากโพสต์ที่แล้วเรื่องการจัดการความเครียด มีใครเคยใช้วิธีธรรมชาติบำบัดบ้างเปล่า? เช่น การไปเดินอ่างแก้วส่องคนมีคู่(😫) ...
09/09/2025

ต่อจากโพสต์ที่แล้วเรื่องการจัดการความเครียด มีใครเคยใช้วิธีธรรมชาติบำบัดบ้างเปล่า? เช่น การไปเดินอ่างแก้วส่องคนมีคู่(😫) เดินป่า(ไม่ใช่ในโรบล็อก) หรือไปค้างคืนบนดอย(😋) ถ้าได้ไปตอนนี้น้า คงจะฟินน่าดูเลยล่ะ! 🌳
แต่บางทีเราก็ไม่ได้มีเวลาว่างให้ไปทำกิจกรรมเหล่านี้บ่อย ๆ หรือถ้าฝนตกก็ยิ่งไม่สะดวกใหญ่เลย ถ้าอย่างนั้นเราจะทำธรรมชาติบำบัดกันได้ยังไงล่ะเนี่ย? 🤔
รอบนี้โดราเอม่อนขอนำเสนอ Natural Scenes Visualization หรือการจินตนาการถึงภาพสถานที่ทางธรรมชาตินั่นเองงง 🏔
— 💬 จากการศึกษาของ Koivisto และ Grassini (2024) พบว่าการจินตนาการถึงธรรมชาติมีผลให้ความเครียดของเราลดลงได้
ฟังดูเหมือนเป็นวิธีที่ง่าย แต่สำหรับบางคนนั้นค่อนข้างยากพอสมควรเลย คนเหล่านี้มีภาวะที่เรียกว่า 'Aphantasia' หรือภาวะนึกภาพไม่ออก อาการก็ตรงตามชื่อเลย คนกลุ่มนี้ไม่สามารถจินตนาการเป็นภาพต่าง ๆ ได้อย่างใจหวัง หรือนึกได้เพียงเลือนรางเท่านั้น 😓
— 💬 แต่คนที่เป็น Aphantasia ไม่ต้องน้อยใจไป! เพราะการจินตนาการที่ช่วยลด Stress ที่ได้ผลที่สุดมาจาก 'Involuntory mental imaginary' จ้า
—> ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือ การที่เราเคร่งคิดถึงซีนธรรมชาติ (Voluntory) ขณะที่ตัวเองไม่ผ่อนคลาย อาจทำให้การจินตนาการไม่ได้ผล 😧
—> แต่ถ้าเราใช้ตัวช่วย เช่น เปิดคลิปเสียงธรรมชาติ หรือการใช้ก้านหอมกลิ่นธรรมชาติ จะทำให้สมองนึกถึงซีนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้นเอง โดยที่เราไม่ต้องออกคำสั่งไปยังสมอง มันก็จะกลายเป็น 'Involuntory mental imaginary' ที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง!
🔺 เพราะอย่างนี้คนที่มีภาวะ Aphantasia ก็จะพลอยได้ประโยชน์ไปด้วยเนื่องจาก function ของ 'Involuntory mental imaginary' ของพวกเขายังดีอยู่!
🌳 ดังนั้นนอกจากการทำ Stabilization techniques (จากโพสต์ก่อนหน้า) อาจจะลอง Visualize ซีนทางธรรมชาติควบคู่ไปด้วยก็ได้นะ!
Reference:
- Bhagwat, R. (2025). Feeling Stressed? Imagining Nature Can Help You Relax, Scientific Study Says. https://www.realsimple.com/reduce-stress-nature-study-11724198
- Nanay, B. (2025). Visualizing Natural Scenes Reduces Stress. https://www.psychologytoday.com/us/blog/psychology-tomorrow/202505/visualizing-natural-scenes-reduces-stress
- Zeman, A. (2024). Aphantasia and hyperphantasia: exploring imagery vividness extremes. https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1364661324000342

01/09/2025

📚 สอบเสร็จแล้ว มาเช็คพลังใจกันหน่อย! ✨
หลังจากที่เราผ่านช่วงสอบที่หนักหน่วงกันมา ถึงเวลามารีชาร์จและประเมินพลังใจของตัวเองกัน 🧠💖
แค่สแกน QR Code หรือกดลิงค์ https://mentalhealth.cmu.ac.th/Views/MindSurvey
และเริ่มทำ แบบวัดพลังใจ
✨ ทำง่าย ข้อคำถามเพียง 9 ข้อ
✨ รู้ผลทันที
✨ ฟรี! สำหรับนักศึกษา มช. 🎉

🌈 วัดพลังใจกันแล้ว พร้อมลุยต่อ! 💪
#สุขภาพใจนักศึกษา

01/09/2025
☔ ฝนก็ตก เครียดก็เครียด จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?สำหรับนศ.ช่วงสอบคงเป็นช่วงที่เครียดที่สุด โดยเฉพาะเด็ก Vet อย่างเราที่เรียนก...
28/08/2025

☔ ฝนก็ตก เครียดก็เครียด จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?
สำหรับนศ.ช่วงสอบคงเป็นช่วงที่เครียดที่สุด โดยเฉพาะเด็ก Vet อย่างเราที่เรียนกันเป็น Block คงมีกราฟความเครียดที่สวิงทีเดียวเลยล่ะ 🕷👄🕷
ความเครียดก็ยังมีทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวอีก แล้วเราจะเช็คยังไงว่าตอนนั้นเราเครียดหรือไม่เครียด? ง่ายมั่ก! แค่สังเกตไม่กี่อย่างบนร่างกายก็รู้แล้ววว
— ถ้าเราสังเกตร่างกายตัวเองแล้วพบแว่ หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ เหงื่อออก กล้ามเนื้อหดเกร็ง ปวดศีรษะ หรืออ่อนเพลีย อาการเหล่านี้บ่งบอกถึงความเครียด จนในบางครั้งอาจนำไปสู่อาการ Panic attack ถ้าเรารู้ตัวช้า!
ฟังดูน่ากลัวทีเดียวเลยล่ะ 🕷👄🕷 แต่ถ้ามีวิธีรับมือเบื้องต้นอาการเหล่านี้ก็น่าจะดูน่ากลัวน้อยลงไปได้เยอะเลยน้ะ เพราะงั้นวันนี้โดราเอม่อนขอเสนอออ 'Stabilization เทคนิคนิคนิคส์ ((echo)) ' 🧘‍♀️
วันนี้ขอสอนวิชาให้สองอย่าง: (1) Muscle relaxation กับ (2) Breathing exercise ครับเชฟ 👨‍🍳
— ในตอนไหนที่สังเกตได้ว่าร่างกายเรากำลังเผชิญอยู่กับความเครียด ตอนนั้นแหละคือตอนที่เราต้องเริ่มใช้วิชาที่ผ้มกำลังจะสอน!
เริ่มจากวิชาแรก Muscle relaxation น้ะ
— > ให้เรานั่ง 💺 หรือนอน 🛌 ก็ได้ เอาให้โพสิชั่นของเรามันสบายที่สุด
— > จากนั้นให้เริ่มสังเกตการหดเกร็งกล้ามเนื้อของตนเอง ตั้งแต่หัวจรดเท้า
— > ส่วนรายละเอียด ลองทำตามคำบรรยายของคลิปนี้ได้เลยน้ะ
https://youtu.be/SNqYG95j_UQ?si=b6bYv8rFuyHEegdv
ต่อมาวิชาที่สอง Breathing exercise!
— > เมื่อเราผ่อนคลายกล้ามเนื้อของเราลงได้บ้างแล้ว ให้เรามา focus ที่ลมหายใจของเรา โดยจะควบคู่ไปกับการนับเลขเป็นจังหวะ 4-7-8 หรือ 4-4-8 ก็ได้
— > เริ่มจากให้วางมือข้างหนึ่งไว้บนหน้าอก และอีกข้างวางไว้บนหน้าท้อง
— > จากนั้นหายใจเข้าลึก ๆ 1 ครั้ง แล้วสังเกตดูซิว่าหน้าท้องของเราตอนหายใจเข้ามันพองตัวขึ้นไหม ถ้าพองขึ้นแทนที่จะแฟ่บลงก็แสดงว่าเราหายใจเข้าได้ถูกต้องแล้วล่ะ
— > เมื่อเราหายใจถูกต้องแล้ว เราจะเพิ่ม step ด้วยการนับเลขเข้าไป เช่น ถ้าเลือกใช้จังหวะ 4-4-8 จะมีขั้นตอนแบบนี้
:
— 💭 หายใจเข้าอย่างช้า ๆ 4 วินาที
— 💭 กลั้นลมหายใจไว้ 4 นาที
— 💭 ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก 8 วินาที
🌳 การทำแบบนี้นอกจากทำให้ตัวเราสงบลงแล้ว ยังช่วยเบี่ยงเบนความคิดด้านลบของเราด้วยนะ จากการที่เราไป focus อยู่กับการนับเลขและหายใจแทน 🤔
ถ้าอย่างนั้นในคราวหน้าที่เราสังเกตตัวเองได้ว่าเกิดความเครียดขึ้น อย่าลืมเอาวิชาที่ผ้มให้ไปใช้นะคร้าฟ ใครลองฝึกแล้วให้คอมเม้นอีโมจิ '😎' สุ่มแจก 10 บาทจ้า

ที่อยู่

คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยChiang Mai
Chiang Mai

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 16:30
อังคาร 08:30 - 16:30
พุธ 08:30 - 16:30
พฤหัสบดี 08:30 - 16:30
ศุกร์ 08:30 - 16:30

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Veterinary CMU Mind Friendผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram