07/07/2025
✏️ สรุปยาต้านเศร้า 13 กลุ่ม ครบจบในบทความ
เน้นให้เห็นว่ายาไปทำงานยังไงในสมอง
⚠️ โปรดอ่านก่อน: บทความนี้ เพียงอธิบาย ‘กลไกการออกฤทธิ์’ ว่ายาที่กินเข้าไป มันไปรักษาซึมเศร้าได้ยังไง, ส่วนการเลือกใช้ยานั้น ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างจิตแพทย์ เป็นคนประเมินจำเพาะต่อบุคคลไปค่ะ เพราะแต่ละตัวเด่นไม่เหมือนกัน
[ ความรู้เบื้องต้น ]
💔 โรคซึมเศร้า (Major depressive disorders) เป็น ‘โรค’ ที่มีรอยโรค กระจายตามสมองหลายจุด เซลล์ประสาทมีการฝ่อ เชื่อมต่อน้อยลง และหลั่งสารสื่อประสาทลดลง ไม่ใช่แค่ ‘สภาพจิตใจเปลี่ยนแปลง’ เท่านั้น แต่มันคือโรคทางสมองที่ทำให้สภาพจิตใจเปลี่ยนแปลง
💙 จุดเริ่มต้นโรคเกิดจาก การสัมผัส ‘หลายปัจจัยเสี่ยง’ จนถึงจุดที่กำเนิดโรคขึ้นมา แล้วกระจายไปทั่วสมอง ปัจจัยเสี่ยงนั้นได้แก่
▪️พันธุกรรม: มีโปรตีนที่ใช้ในการทำงานของสารสื่อประสาทผิดปกติไป
▪️เครียดรุนแรงในวัยเด็ก: สมองเกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของยีน (Epigenetics) ทำให้ไวต่อผลเชิงลบ
▪️เครียดเรื้อรัง: ทำให้มี cortisol สูงลอย เกิดผลเสียแค่เซลล์ประสาท
▪️เหตุการณ์รุนแรง: ทำให้ cortisol และ adrenaline สูงขึ้น ส่งการเปลี่ยนแปลงต่อเซลล์ประสาท
▪️แบคทีเรียในลำไส้ผิดปกติ (Dysbiosis): ขาดสารสื่อประสาทที่แบคทีเรียสร้าง มา ‘กระตุ้นระบบประสาทลำไส้ (ENA)’ ที่ใช้สื่อสารกับสมอง
▪️โรคเรื้อรังบางชนิด เชน นอนกรน
🧡ผลลัพธ์จึงทำให้
→ เซลล์ประสาททยอยฝ่อตัวลง เชื่อมต่อลดลง หลั่งสารสื่อลดลง
→ สารสื่อที่ต่ำ จึงขาดแรงกระตุ้นการสร้างสาร BDNF ที่ใช้งอกเซลล์ประสาท
→ อาการต่างๆ จึงปรากฎออกมาตามจุดของสมองที่ผิดปกติ
▪️เศร้า ดิ่ง: dlPFC, amygdala, OFC, sgACC, …
▪️ไร้สุขในการทำกิจกรรม: Reward system, antireward system
▪️ไร้สมาธิ ลืมง่าย: Hippocampus
▪️เคลื่อนไหวช้า: Basal ganglia, Raphe nu.
*กลไกอาการอื่นๆ อ่านได้ที่เพจเรา
🧠สมองแต่ละจุดที่ผิดปกติ มีการใช้สารสื่อประสาทที่แตกต่างกัน แต่จะวนไปวนมาไม่กี่ตัวนั่นคือ
▪️Serotonin (5-HT, S)
▪️Norepinephrine (NE)
▪️Dopamine (DA)
โดยสารสื่อประสาทเหล่านี้ นอกจากจะทำหน้าที่ตามปกติแล้ว ยังกระตุ้นให้เซลล์ประสาทสร้าง BDNF, NGF ด้วย ซึ่งเป็นเป้าหมายของการรักษา
💚การรักษาจึงต้องกินยา + ปรับสุขภาพจิต ปรับพฤติกรรม
สร้างเกราะป้องกัน ในระยะยาว และตลอดไป
————————————
[ สรุปกลไกยาแก้ซึมเศร้า ]
1️⃣ กลุ่มเพิ่ม serotonin - SSRI
(Selective Serotonin Reuptake Inhibitors)
เช่น Fluoxetine, Sertraline, Escitalopram
💊 ชื่อการค้า: Prozac, Zoloft, Lexapro
🗝️ กลไก:
▪️ บล็อกการดูดกลับ serotonin ที่ปลายประสาท
→ ปลายประสาทหลั่งไปแล้ว serotonin ค้างอยู่นานขึ้น
→ กระตุ้นเซลล์ประสาทถัดไปได้มากขึ้น
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
⸻
2️⃣ กลุ่มเพิ่มทั้ง Serotonin และ Norepinephrine (SNRI)
(Serotonin-Norepinephrine Reuptake Inhibitors)
เช่น Venlafaxine, Duloxetine
💊 ชื่อการค้า: Effexor, Cymbalta
🗝️ กลไก:
▪️ บล็อกการดูดกลับทั้ง S และ NE ที่ปลายประสาท
→ ปลายประสาทหลั่งไปแล้ว S กับ NE ค้างอยู่นานขึ้น
→ กระตุ้นเซลล์ประสาทถัดไปได้มากขึ้น
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
⸻
3️⃣ กลุ่มเพิ่มทั้ง Norepinephrine และ Dopamine (NDRI)
(Norepinephrine-Dopamine Reuptake Inhibitors)
เช่น Bupropion
💊 ชื่อการค้า: Wellbutrin
🗝️ กลไก:
▪️ บล็อกการดูดกลับทั้ง NE และ DA ที่ปลายประสาท
→ ปลายประสาทหลั่งไปแล้ว NE กับ DA ค้างอยู่นานขึ้น
→ กระตุ้นเซลล์ประสาทถัดไปได้มากขึ้น
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
⸻
4️⃣ กลุ่ม TCA
(Tricyclic Antidepressants)
เช่น Amitriptyline, Nortriptyline
💊 ชื่อการค้า: Elavil, Pamelor
🗝️ กลไก
▪️ บล็อกการดูดกลับทั้ง S และ NE ที่ปลายประสาทแบบไม่จำเพาะ
→ ปลายประสาทหลั่งไปแล้ว S กับ NE ค้างอยู่นานขึ้น
→ กระตุ้นเซลล์ประสาทถัดไปได้มากขึ้น
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
⚠️ ต่างกับข้อ 2 ตรงที่ TCA มีความจำเพาะต่ำ ทั้งนั้นมันไปยุ่งกับสารสื่ออื่นอีกมากมาย มาในรูปผลข้างเคียงที่เพิ่มขึ้น
⸻
5️⃣ กลุ่มยับยั้งการทำลายสารสื่อ - MAOI
(Monoamine Oxidase Inhibitors)
เช่น Phenelzine, Tranylcypromine
💊 ชื่อการค้า: Nardil, Parnate
🗝️ กลไก:
▪️ ยับยั้งเอนไซม์ชื่อ MAO
→ ลดการทำลายสารสื่อ S, NE และ DA
→ เซลล์ประสาทมีสารสื่อ สะสมมากขึ้น หลั่งได้มากขึ้น
→ กระตุ้นเซลล์ประสาทถัดไปได้มากขึ้น
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
⸻
6️⃣ กลุ่มยับยั้งการเบรกตัวเองของ S และ NE - NaSSA
(Noradrenergic and Specific Serotonergic Antidepressants)
เช่น Mirtazapine
💊 ชื่อการค้า: Remeron
*ตัวนี้อ่านแล้วอาจจะงงในทีแรกนะคะ*
ปกติแล้วเวลาเซลล์ประสาทหลั่งสารสื่อไป
→ สารสื่อจะกระตุ้นเซลล์ถัดไป
และย้อนกลับมา ‘ชะลอ’ การหลั่ง
→ สารสื่อจึงไม่หลั่งเยอะเกิน
🗝️ กลไก:
▪️ บล็อกตัวรับ alpha-2 และ 5HT2/5HT3
ซึ่งเป็นตัวรับสารสื่อ ที่ใช้ชะลอการหลั่งของ NE และ S
→ คราวนี้จึงไม่มีใครย้อนมาเบรกปลายประสาท
→ ปล่อย NE และ S ออกได้มากขึ้น
→ กระตุ้นเซลล์ประสาทถัดไปได้มากขึ้น
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
⸻
7️⃣ กลุ่มเพิ่ม serotonin และ ยับยั้ง serotonin ‘บางจุด’ - SARI
(Serotonin Antagonist and Reuptake Inhibitors)
เช่น Trazodone
💊 ชื่อการค้า: Desyrel
🗝️ กลไก: คล้ายกลุ่ม 1 (SSRI) คือ
1. บล็อกการดูดกลับ serotonin ที่ปลายประสาท
→ ปลายประสาทหลั่งไปแล้ว serotonin ค้างอยู่นานขึ้น
→ กระตุ้นเซลล์ประสาทถัดไปได้มากขึ้น
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
2. มีการยับยั้งการออกฤทธิ์ของ S บางจุด
คือจุดที่มีตัวรับชนิดย่อยชื่อ 5HT2A ผลคือ
→ ลดวิตกกังวล, นอนได้มากขึ้น
⸻
8️⃣ กลุ่มออกฤทธิ์คล้าย Melatonin
เช่น Agomelatine
💊 ชื่อการค้า: Valdoxan
🗝️ กลไก:
1. กระตุ้นตัวรับ Melatonin (MT1, MT2)
→ ปรับสมดุลนาฬิกาชีวิตทั้งเรือนหลัก (SCN) และเรือนย่อย
2. บล็อกตัวรับ 5-HT2C receptor
ซึ่งเป็นตัวรับสารสื่อ ที่ใช้ชะลอการหลั่งของ NE และ DA
→ คราวนี้จึงไม่มีใครย้อนมาเบรกปลายประสาท
→ ปล่อย NE และ DA ออกได้มากขึ้น
▪️ผลจากนาฬิกาชีวิตดี + NE/DA สูงขึ้น
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
⸻
9️⃣ กลุ่มเพิ่ม norepinephrine - NRI
(Norepinephrine Reuptake Inhibitors)
เช่น Reboxetine
💊 ชื่อการค้า: Edronax
🗝️ กลไก:
▪️ บล็อกการดูดกลับ NE โดยตรง
→ ปลายประสาทหลั่งไปแล้ว NE ค้างอยู่นานขึ้น
→ กระตุ้นเซลล์ประสาทถัดไปได้มากขึ้น
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
⸻
🔟 กลุ่มเพิ่ม serotonin และปรับการออกฤทธิ์ - SPARI
(Serotonin Partial Agonist and Reuptake Inhibitors)
เช่น Vilazodone
💊 ชื่อการค้า: Viibryd
🗝️ กลไก:
1. บล็อกการดูดกลับ S ที่ปลายประสาท
2. กระตุ้น receptor 5-HT1A
ผลทั้งคู่คือ:
→ ปลายประสาทหลั่งไปแล้ว S ค้างอยู่นานขึ้น
และยายังไปทำหน้าที่เหมือน S อีก (กระตุ้น 5-HT1A)
→ กระตุ้นเซลล์ประสาทถัดไปได้มากขึ้น
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
⸻
1️⃣1️⃣ กลุ่มเพิ่ม serotonin และปรับการออกฤทธิ์หลายจุด - SMS
(Serotonin Modulators and Stimulators)
เช่น Vortioxetine
💊 ชื่อการค้า: Trintellix
🗝️ กลไก: ‘เป็ด’ มากๆ
1. บล็อกการดูดกลับ S ที่ปลายประสาท
2. กระตุ้น receptor 5-HT1A
ผลทั้งคู่คือ:
→ ปลายประสาทหลั่งไปแล้ว S ค้างอยู่นานขึ้น
และยายังไปทำหน้าที่เหมือน S อีก (กระตุ้น 5-HT1A)
→ กระตุ้นเซลล์ประสาทถัดไปได้มากขึ้น
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
3. กระตุ้นตัวรับ 5-HT1B บ้าง
แต่ต้านตัวรับ 5-HT1D, 5-HT3, 5-HT7
→ เพิ่มการคิด (Cognitive function), ลดผลข้างเคียงต่างๆ
⸻
1️⃣2️⃣ กลุ่ม Neurosteroid
(GABAergic Modulators)
เช่น Brexanolone
💊 ชื่อการค้า: Zulresso
🗝️ กลไก:
▪️ รูปยาคล้ายสารชื่อ allopregnanolone
ซึ่งเป็นสเตียรอยด์ที่สมองใช้กัน
→ กระตุ้นตัวรับ GABA-A
→ ออกฤทธิ์เหมือนสารสื่อ GABA คือกดประสาท
→ อาการเศร้าดีขึ้น โดยอาการนี้ต้องเกิดมาจาก
ภาวะถอนฮอร์โมน progesterone เช่นหลังคลอด
⚠️ ยาใหมนี้จึงใช้ในภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
เพราะกลไกคือฮอร์โมน progesterone ร่วงลง
→ สาร allopregnanolone ลดลง
→ GABA ทำงานรุนแรงขึ้น → ทั้งเศร้า ทั้งกังวล
⸻
1️⃣3️⃣ กลุ่มปลดเบรก glutamate
(Glutamatergic Modulators)
เช่น Esketamine
💊 ชื่อการค้า: Spravato
🗝️ กลไก:
▪️ ยับยั้งตัวรับสารสื่อ glutamate ชื่อ NMDA
ซึ่งปกติตัวนี้ไว้เพิ่มการหลั่ง GABA
→ สารสื่อ GABA หลั่งลดลง
→ เซลล์ประสาทที่หลั่ง glutamate แบบไม่โดนเบรก
→ กระตุ้นเซลล์ประสาทถัดไปได้มากขึ้น (ด้วยตัวรับ AMPA)
→ สร้างสาร BDNF มากขึ้น มาฟื้นเซลล์ประสาทกลับคืนมา
⚠️ แปลกกว่าชาวบ้านทั้งหมดคือ ออกฤทธิ์เพิ่ม BDNF โดยตรง
————————————
🔮 สรุป:
🧠 ยาแก้ซึมเศร้าแบ่งตามกลไกหลักๆ ได้ 4 แบบ:
1. เพิ่ม serotonin อย่างเดียว:
SSRI, SARI, SPARI, SMS
2. เพิ่ม serotonin + norepinephrine:
SNRI, TCA, NaSSA
3. เพิ่ม norepinephrine + dopamine: NDRI, NRI
4. เพิ่มทั้ง 3 ตัว: MAOI
5. ออกฤทธิ์เหมือน Melatonin: Agomelatine
6. ออกฤทธิ์เหมือน Neurosteroid: Brexanolone
7. เพิ่ม Glutamate: Esketamine
🧠 ทุกกลุ่มจะลงเอยที่เพิ่มการงอกของเซลล์ประสาท
แต่เล่นที่สารสื่อคนละประเภทกัน ดังนั้น
✔️ ตำแหน่งของสมองที่ดีขึ้นตามลำดับ จะไม่เหมือนกัน เช่น SNRI จุด Basal ganglia จะดีขึ้นไว การทำอะไรเชื่องช้า จะดีขึ้นเด่น
✔️ ผลข้างเคียงจะไม่เหมือนกันเลย
✔️ รายละเอียดเชิงกายภาพของยาไม่เหมือนกัน
💊 ยังมียาที่มักใช้รักษาร่วมอีกมากมาย เช่น ยาช่วยหลับ (BZD: Lorazepam, …), ยากลุ่มต้านจิตเภท - แต่ใช้เพื่อต้านเศร้านะ (Quetiapine)
————————————
💡 ดังนั้นจะเห็นว่า ยาต้านเศร้าต้องรอเซลล์ประสาทฟื้นฟู
จึงต้องใช้ต่อเนื่องอย่างน้อย 2–6 สัปดาห์ถึงจะเห็นผล
⚠️ ห้ามหยุดยา หรือ ปรับยาเอง
✅ เคล็ดลับดูแลตัวเองร่วมด้วย:
▪️ กลับมาออกกำลังกายให้ได้ เพิ่มความแรงได้ยิ่งดี
▪️ ถ้ากลับมานอนหลับได้ ให้เซ็ตเป็นความสำคัญแรกๆ การนอนได้ปกติ 6-8 ชม. และคุณภาพดี เร่งการฟื้นได้มาก
▪️ งดแอลกอฮอล์ เพราะเพิ่มการเป็นซ้ำได้มาก
▪️ นัดจิตบำบัด และบริหารจิตสม่ำเสมอ
▪️ ตรวจติดตามแพทย์เสมอ มีอะไรคุยกับแพทย์ก่อน
▪️ Detect จุดอันตราย จุด trigger ให้ได้ เลี่ยงจนกว่าจะพร้อม (ถ้าเลี่ยงได้), มี toxic person (ในมุมเรา) ถอยห่างก่อน ตัดได้ตัด จะเกรงใจใคร เกรงใจน้องสมองของเราก่อนจ้าเธอ