คลินิกรักษ์สมอง หมออดิศักดิ์

คลินิกรักษ์สมอง หมออดิศักดิ์ ตรวจรักษาโรคสมอง ปวดหัว ไมเกรน อัมพฤกษ์ อัลไซเมอร์ สมองเสื่อม อัมพฤกษ์ สั่น พาร์กินสัน

ตรวจรักษาโรคอัมพฤกษ์, อัมพาต, อัลไซเมอร์, ภาวะสมองเสื่อม, ปวดศีรษะ, เวียนศีรษะ, ไมเกรน, ลมชัก, พาร์กินสัน, อาการชา, อ่อนแรง,โรคสมองและระบบประสาท โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา

05/07/2025

คลินิกปิด
วันที่ 12 ก.ค 68
เปิดอังคาร พฤหัส เสาร์
Inboxนัดได้เลยนะคะ

🧠 ปวดไมเกรน… ควรกินยาไหม? กินตอนไหนดี?คำถามที่คนไข้ถามผมบ่อยๆ "หมอครับ ไมเกรนมาอีกแล้ว กินยาเลยดีไหม?" หรือ "กินยาบ่อยๆ ...
21/06/2025

🧠 ปวดไมเกรน… ควรกินยาไหม? กินตอนไหนดี?

คำถามที่คนไข้ถามผมบ่อยๆ
"หมอครับ ไมเกรนมาอีกแล้ว กินยาเลยดีไหม?" หรือ "กินยาบ่อยๆ จะติดไหมครับ?" วันนี้เลยอยากมาตอบให้ฟังแบบละเอียดนะครับ

✅ เรื่องยาแก้ปวดเฉียบพลัน - ต้องกินทันที!

อันดับแรกเลย ถ้าไมเกรนเริ่มมา **อย่ารอครับ** กินยาทันทีตั้งแต่เริ่มรู้สึกปวด หรือแม้แต่ตอนที่เริ่มมีอาการเตือน เช่น รู้สึกมึนๆ เห็นแสงแปลกๆ หรือรู้สึกว่าอีกไม่นานจะปวดแล้ว

ยาที่เราใช้กันอยู่มีหลายกลุ่มนะครับ:

1. Paracetamol (พาราเซตามอล)
เหมาะกับไมเกรนที่ไม่รุนแรงมาก ปลอดภัยค่อนข้างสูง

แต่ระวังในคนที่ตับทำงานผิดปกติ หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำนะครับ

2. กลุ่ม NSAIDs
เช่น Ibuprofen, Naproxen ช่วยลดอาการปวดและอักเสบได้ดี

แต่ระวังเรื่องระคายกระเพาะ ถ้าใครมีประวัติแผลในกระเพาะ หรือไตทำงานไม่ดี ไม่ควรใช้ครับ

3. กลุ่ม Triptans
เช่น Sumatriptan, Rizatriptan, Eletriptan

ตัวนี้พิเศษตรงที่ทำมาเฉพาะสำหรับไมเกรนโดยเฉพาะ ออกฤทธิ์ได้เร็วและตรงจุด ช่วยลดอาการได้ดี

แต่มีข้อควรระวังสำคัญคือ ห้ามใช้ในคนที่มีโรคหัวใจ หรือความดันสูงที่ควบคุมไม่ได้ หรือมีปัญหาเส้นเลือดตีบนะครับ

4. กลุ่ม Ergotamines
เช่น Dihydroergotamine

ตัวนี้จะใช้ในกรณีที่ยาตัวอื่นไม่ได้ผล แต่ระวัง **ห้ามใช้ร่วมกับยา Triptans** และห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ด้วยครับ

❗ ข้อที่ต้องระวังมากๆ

เรื่องสำคัญที่ผมอยากให้ทุกคนจำ คือ **อย่ากินยาแก้ปวดเกิน 10 วันต่อเดือน**

ทำไมล่ะ?
เพราะถ้ากินบ่อยเกินไป จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า "ปวดศีรษะจากการใช้ยาเกิน" ซึ่งจะทำให้ปวดหัวยิ่งบ่อยขึ้น แล้วก็ต้องกินยามากขึ้น เป็นวงจรที่ไม่ดีเลยครับ

ถ้าอาการปวดเป็นถี่หรือสร้างความทุกข์ทรมาน ควรพบแพทย์เพื่อพิจารณารับยาป้องกันการปวด

อีกเรื่องคือ อย่า "ทนปวด" แล้วค่อยกินยานะครับ เพราะถ้ารอให้ปวดมากแล้วค่อยกิน ยาจะคุมอาการได้ยากขึ้น

🛡️ เรื่องยาป้องกันไมเกรน

ถ้าใครปวดไมเกรนบ่อยๆ เช่น เดือนละ 4 ครั้งขึ้นไป หรือแต่ละครั้งปวดรุนแรงมาก กินยาแล้วไม่ค่อยหาย อาจต้องพิจารณาใช้ยาป้องกัน

ยาป้องกันมีหลายแบบ เช่น:
- ยากันชักบางชนิด อย่าง Topiramate, Valproate
- ยาความดันบางกลุ่ม อย่าง Propranolol, Candesartan
- ยากล่อมประสาทกลุ่ม Tricyclic อย่าง Amitriptyline
- หรือยาฉีดป้องกันรายเดือนแบบใหม่ เช่น CGRP monoclonal antibodies

ข้อดีของยาป้องกันคือ ช่วยลดจำนวนครั้งที่ปวด ลดความรุนแรง และลดการใช้ยาแก้ปวด ซึ่งยังสามารถใช้ยารักษาเฉียบพลันร่วมได้เมื่อมีอาการนะครับ

📌 สรุปง่ายๆ

- ไมเกรนมา กินยาทันที อย่ารอ
- ปวดบ่อย อาจต้องใช้ยาป้องกัน มาปรึกษาแพทย์
- ยาแก้ปวด อย่าเกิน 10 วันต่อเดือน
- ยาแต่ละชนิดมีข้อควรระวัง ต้องได้คำแนะนำจากแพทย์

ถ้าใครปวดไมเกรนเป็นประจำ เชิญเข้ามาคุยกันได้นะครับ
จะได้หายไวๆ และกลับไปใช้ชีวิตที่มีความสุขกัน

โรคสมองไว้ใจให้เราดูแล 🧠💙

นพ.อดิศักดิ์ กิตติสาเรศ
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคสมองและระบบประสาท

✅ผู้ป่วยใหม่กรุณาจองคิวตรวจล่วงหน้า

☎️จองคิวเพื่อรับบริการทางinbox หรือ โทร 093-2244626

📍 Healthy Clinic นิมมาน ซอย6 โครงการเดียวกับร้านหมูสองชั้น กดเพื่อดูเส้นทาง🚗 https://goo.gl/maps/G1tf2yyvFUd3xUZ46

😊😊มาง่าย เดินทางสะดวกทุกช่องทาง มีที่จอดรถ🚗ในโครงการ

#หมออดิศักดิ์รักษ์สมอง
#โรคสมองไว้ใจให้เราดูแล
#อยากให้คุณสุขภาพดีและมีความสุข
#ไมเกรน #โรคสมอง #ปวดหัว #สุขภาพสมอง #คลินิก #หมอสมอง

💙สมองเสื่อม ไม่ใช่แค่ความทรงจำเลือนลาง"จากบ้านที่เกือบแตก... กลับมาเป็นครอบครัวที่เข้าใจกันอีกครั้ง"เรื่องราวจากคนไข้เมื...
14/06/2025

💙สมองเสื่อม ไม่ใช่แค่ความทรงจำเลือนลาง

"จากบ้านที่เกือบแตก... กลับมาเป็นครอบครัวที่เข้าใจกันอีกครั้ง"

เรื่องราวจากคนไข้

เมื่อ 2 ปีก่อน คุณแม่เริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ ถามคำเดิมซ้ำไปมา
“กินข้าวหรือยัง?” “วันนี้วันอะไรนะ?”
แรกๆ เราก็ยังตอบได้ด้วยรอยยิ้ม แต่พอเริ่มบ่อยขึ้น… ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยใจ
จนมาถึงวันที่เจ็บปวดที่สุด…
คุณแม่เริ่มกล่าวหาคนในบ้านว่าขโมยของ
มองทุกคนด้วยความระแวง ไม่ไว้ใจใครเลย
เสียงหัวเราะในบ้านค่อยๆ หายไป
แทนที่ด้วยความเครียด น้ำตา และการทะเลาะกัน
เราคิดกันว่า... แม่ "แกล้ง" หรือ "หาเรื่อง"

แต่แล้ววันหนึ่ง เราก็ได้รู้ความจริง

สิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่... ไม่ใช่เพราะงอแงหรือดื้อ
แต่นี่คือ “โรคสมองเสื่อม” – ที่สามารถวินิจฉัยและดูแลได้!

✨ หลังจากคุณแม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
• อาการหวาดระแวงลดลง
• ความจำเริ่มดีขึ้น
• อารมณ์กลับมาคงที่
• และที่สำคัญ… ครอบครัวเราเรียนรู้วิธีดูแลที่ถูกต้อง

การเปลี่ยนแปลงที่เรานึกไม่ถึง... กลับเกิดขึ้นจริง
วันนี้... เราได้เห็นรอยยิ้มของแม่อีกครั้ง
นั่งคุยกันได้อย่างสงบ บ้านกลับมาอบอุ่น
และเราได้เรียนรู้ว่า… “นี่ไม่ใช่ความผิดของใครเลย”

🤝 หากตอนนี้คุณกำลังเจอสถานการณ์แบบนี้…
• คนในบ้านเริ่มหลงๆ ลืมๆ
• ถามคำเดิมซ้ำๆ ทุกวัน
• เริ่มระแวง หรือกล่าวหาคนใกล้ตัว
• ครอบครัวเริ่มเครียด สับสน ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน

ขอให้รู้ไว้ว่า... คุณไม่ได้อยู่คนเดียว
และยังมีทางช่วยเหลืออีกมากมาย

✅ การรักษาแบบองค์รวม
• วินิจฉัยอย่างแม่นยำ โดยแพทย์เฉพาะทาง
• ใช้ยารักษาที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละคน
• ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

📚 การให้ความรู้
• อบรมผู้ดูแล เพื่อเข้าใจโรคสมองเสื่อมให้มากขึ้น
• เทคนิคการพูดคุยและดูแลอย่างมีความสุข

💝 “โรคสมองเสื่อม เป็นโรคที่ดูแลรักษาให้ดีขึ้นได้"

โรคสมองไว้ใจให้เราดูแล 🧠💙

นพ.อดิศักดิ์ กิตติสาเรศ
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคสมองและระบบประสาท

✅ผู้ป่วยใหม่กรุณาจองคิวตรวจล่วงหน้า

☎️จองคิวเพื่อรับบริการทาง inbox หรือ โทร 093-2244626

📍 สถานที่: Healthy Clinic นิมมาน ซอย 6(ทางเข้าตะวันแดง) อ.เมือง จ.เชียงใหม่
🚗 https://goo.gl/maps/G1tf2yyvFUd3xUZ46

😊😊มาง่าย เดินทางสะดวกทุกช่องทาง มีที่จอดรถ🚗ในโครงการ

#หมออดิศักดิ์รักษ์สมอง
#โรคสมองไว้ใจให้เราดูแล
#อยากให้คุณสุขภาพดีและมีความสุข
#โรคสมอง #คลินิก #หมอสมอง #อัลไซเมอร์
#สมองเสื่อม #ดูแลผู้สูงอายุ #ความรักในครอบครัว

👴👵 "กันไว้ดีกว่าแก้" คำนี้ยังใช้ได้เสมอ! อย่ารอให้ความหลงลืมกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบคุณภาพชีวิตของคนที่คุณรัก 💖ปัจจุบั...
05/06/2025

👴👵 "กันไว้ดีกว่าแก้" คำนี้ยังใช้ได้เสมอ!
อย่ารอให้ความหลงลืมกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบคุณภาพชีวิตของคนที่คุณรัก 💖

ปัจจุบัน การดูแลสมองไม่ใช่แค่รอให้มีอาการ แต่เป็นการ ป้องกันล่วงหน้าและรู้ความเสี่ยงก่อนใคร!

💡 ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ล่าสุด นั่นคือ การตรวจประเมินความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์จากการเจาะเลือด! 🩸 ด้วยเทคนิคการวิเคราะห์ที่แม่นยำเพื่อดู การก่อตัวของโปรตีนเบต้าอะไมลอยด์ โอลิโกเมอร์ไรเซชั่น (Beta-amyloid Oligomerization) ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้สำคัญที่เกิดขึ้นตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของ "โรคอัลไซเมอร์" ก่อนที่คุณจะเริ่มมีอาการ

🔬 ทำไมต้องตรวจ Beta-amyloid Oligomerization?

รู้ก่อนใคร: ตรวจพบความเสี่ยงได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นที่อาการยังไม่ปรากฏชัดเจน
เตรียมพร้อมรับมือ: ช่วยให้คุณและครอบครัวสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพสมองได้อย่างทันท่วงที
ง่ายและสะดวก: เพียงแค่เจาะเลือด ไม่ต้องเดินทางไปตรวจที่ซับซ้อน

🌟 เริ่มต้นดูแลสมองของคุณและคนที่คุณรักตั้งแต่วันนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต!

📅 นัดหมายเข้ารับการตรวจประเมินความเสี่ยงอัลไซเมอร์ได้แล้ววันนี้

โรคสมองไว้ใจให้เราดูแล 🧠💙
นพ.อดิศักดิ์ กิตติสาเรศ
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคสมองและระบบประสาท

✅ผู้ป่วยใหม่กรุณาจองคิวตรวจล่วงหน้า

☎️จองคิวเพื่อรับบริการทางinbox หรือ โทร 093-2244626

👉การเดินทางมาคลินิก Healthy Clinic นิมมาน ซอย6 โครงการเดียวกับร้านหมูสองชั้น กดเพื่อดูเส้นทาง🚗 https://goo.gl/maps/G1tf2yyvFUd3xUZ46

😊😊มาง่าย เดินทางสะดวกทุกช่องทาง มีที่จอดรถ🚗ในโครงการ

#หมออดิศักดิ์รักษ์สมอง
#โรคสมองไว้ใจให้เราดูแล
#อยากให้คุณสุขภาพดีและมีความสุข

#ป้องกันอัลไซเมอร์ #ตรวจความเสี่ยงอัลไซเมอร์ #สุขภาพสมอง #เบต้าอะไมลอยด์ #ดูแลผู้สูงอายุ

🚨 ปวดหัวรุนแรงต่อเนื่อง อาจเป็นไมเกรนชนิดร้ายแรง Status Migrainosus🤔หลายคนคิดว่า "ไมเกรน" เป็นแค่ปวดหัวธรรมดา แต่รู้ไหมว...
03/06/2025

🚨 ปวดหัวรุนแรงต่อเนื่อง อาจเป็นไมเกรนชนิดร้ายแรง Status Migrainosus🤔

หลายคนคิดว่า "ไมเกรน" เป็นแค่ปวดหัวธรรมดา แต่รู้ไหมว่ามี Status Migrainosus ซึ่งเป็นไมเกรนร้ายแรง

⚠️ Status Migrainosus คืออะไร?
เป็นไมเกรนที่:
• ปวดต่อเนื่องนานกว่า 72 ชั่วโมง ไม่หยุดหย่อน
• ไม่ตอบสนองต่อยาทั่วไป
• ทำให้ผู้ป่วยปวดจนทำกิจวัตรไม่ได้
คิดดูสิ... ปวดหัวรุนแรงนาน 3 วันเต็ม ๆ โดยไม่มีช่วงพัก 😰

🔥 อาการที่ต้องระวัง
✅ ปวดหัวข้างเดียว รุนแรงเหมือนถูกตี
✅ คลื่นไส้ อาเจียน จนไม่สามารถกิน-ดื่มได้
✅ กลัวแสง กลัวเสียง จนต้องอยู่ในห้องมืด
✅ เหนื่อยหอบ วิงเวียน ไม่สามารถลุกยืนได้
✅ อาการไม่ดีขึ้นแม้กินยาแก้ปวด ตัวแรง

สถิติ: 1 ใน 100 คนไมเกรนจะเกิด Status Migrainosus 📊

🏥 การรักษาที่ถูกต้อง
ที่โรงพยาบาล:
• ให้น้ำเกลือแร่ทางเส้นเลือด
• ยาระงับปวดเฉพาะทาง (Triptans, DHE)
• ยาแปวดต้านการอักเสบ (NSAID, Steroid)
ไม่ใช่แค่: กินยาแก้ปวดทั่วไปแล้วนอนรอ! ⚡

🎯 เมื่อไหร่ต้องรีบมาพบหมอ?
มาเลย! หากมีอาการ:
• ปวดหัวรุนแรงเกิน 24-48 ชั่วโมง
• กิน-ดื่มไม่ได้เพราะอาเจียนมาก
• มีไข้ ชัก หรือหมดสติ สับสน
• ปวดหัวรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

"ไมเกรนไม่ใช่แค่ปวดหัว แต่เป็นโรคทางระบบประสาทที่ต้องรักษาอย่างจริงจัง"
หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการไมเกรนที่ผิดปกติ อย่าทนรอ

โรคสมองไว้ใจให้เราดูแล 🧠💙

นพ.อดิศักดิ์ กิตติสาเรศ
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคสมองและระบบประสาท

✅ผู้ป่วยใหม่กรุณาจองคิวตรวจล่วงหน้า

☎️จองคิวเพื่อรับบริการทางinbox หรือ โทร 093-2244626

📍 สถานที่: Healthy Clinic นิมมาน ซอย 6(ทางเข้าตะวันแดง) อ.เมือง จ.เชียงใหม่

👉การเดินทางมาคลินิก Healthy Clinic นิมมาน ซอย6 โครงการเดียวกับร้านหมูสองชั้น กดเพื่อดูเส้นทาง🚗 https://goo.gl/maps/G1tf2yyvFUd3xUZ46

👉VDO อธิบายการเดินทาง #1 จาก ถ.นิมมาน https://www.facebook.com/watch/?v=1360298697498061
👉VDO อธิบายการเดินทาง #2 จาก ถ.เลียบคลองชลประทาน https://www.facebook.com/watch/?v=2961768630586263

😊😊มาง่าย เดินทางสะดวกทุกช่องทาง มีที่จอดรถ🚗ในโครงการ

#หมออดิศักดิ์รักษ์สมอง
#โรคสมองไว้ใจให้เราดูแล
#อยากให้คุณสุขภาพดีและมีความสุข
#ไมเกรน #โรคสมอง #ปวดหัว #สุขภาพสมอง #คลินิก #หมอสมอง

03/06/2025

คลินิกปิด
วันที่ 7 มิ.ย 68
เปิดอังคาร พฤหัส เสาร์
Inboxนัดได้เลยนะคะ

พาร์กินสัน ไม่ได้มีแต่อาการสั่นหลายคนที่ได้รับการวินิจฉัย หรือสงสัยว่าตนเองเป็นโรคพาร์กินสัน(Parkinson’s disease)นั้น คว...
24/05/2025

พาร์กินสัน ไม่ได้มีแต่อาการสั่น
หลายคนที่ได้รับการวินิจฉัย หรือสงสัยว่าตนเองเป็นโรคพาร์กินสัน(Parkinson’s disease)นั้น ควรทราบว่าพาร์กินสันนั้น เป็นโรคที่เกิดจากการมีโปรตีนอัลฟา - ซินิวคลีน(Alpha-synuclein) สะสมในสมองผิดปกติ

ทำให้เกิดอาการแสดงตามตำแหน่งที่มีการสะสมของโปรตีน ได้แก่
ความผิดปกติในการเคลื่อนไหว (Motor symptoms) : มีอาการเคลื่อนไหวช้า(Bradykinesia), มือสั่นขณะอยู่เฉยๆ(Resting tremor), อาการแข็งเกร็ง (rigidity), ปัญหาการเดินติดขัด (Gait freezing), การเริ่มออกก้าวเดินผิดปกติ(Start hesitation), การติดขัดขณะหมุนตัว (Interruption in pivoting) หรือการเดินซอยเท้าถี่เล็ก ๆ (Shuffle and festination), มีการทรงตัวที่ไม่มั่นคง ล้มง่าย (Postural instability)

นอกจากนี้ยังพบความผิดปกติอื่นๆได้อีก (Non-motor symptoms)
ได้แก่
-> อาการปวด(Pain) : มีการเกร็งปวดที่กล้ามเนื้อแขนและขา
-> อาการอ่อนเพลีย(Fatique) รู้สึกไม่ค่อยมีแรง
-> ความจำผิดปกติ (Cognitive changes) ความสนใจจดจ่อ การวางแผน การใช้ภาษา และความจำแย่ลง
-> มีความดันต่ำ(Low blood pressure) การควบคุมความดันผิดปกติ ทำให้มีความดันที่แกว่งขึ้นลงได้
-> มีความรู้สึกหน้ามืด จะเป็นลม เวลาลุกขึ้นยืน จากความดันลดต่ำลง (Orthostatic hypotension)
-> ปัญหาด้านการปัสสาวะ (Urinary problems) จะมีการกลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ ปัสสาวะบ่อย ควรฝึกการควบคุมการปัสสาวะ
-> อาการท้องผูก(Constipation) ควรรับประทานน้ำให้เพียงพอ อาหารที่มีกากใย และออกกำลังกายให้มีการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ
-> การรับประทานอาหารและการกลืนผิดปกติ มีน้ำลายไหลออกมากผิดปกติ (Eating, swallowing and saliva control)
-> กินได้น้อย อิ่มเร็ว (Early satiety)
-> น้ำหนักลดลงผิดปกติ (Weight loss)
-> สูญเสียการรับรส และกลิ่น (Loss of sense of smell or taste)
-> มีอาการเหงื่อออกมากกว่าปกติ (Skin and sweating)
-> มีผื่นเป็นขุยขึ้นผิดปกติ (Seborrheic dermatitis)
-> การนอนหลับผิดปกติ ง่วงนอนตอนกลางวัน (Insomnia, excessive daytime sleepiness : EDS)
-> ภาวะขาอยู่ไม่สุข(Restless legs syndrome) : จะรู้สึกว่า มีอะไรมาไต่ที่ขาหรือมีการกระตุกของขา อาการมักเกิดขึ้นเวลาช่วงเวลาก่อนนอน หรือเวลานอน ตอนกลางคืนความรู้สึกจะรุนแรงมากจนทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าต้องขยับขา ลุกออกเดิน ก็จะรู้สึกดีขึ้น
-> มีการเคลื่อนไหวร่างกายผิดปกติ ขณะนอนหลับ (REM sleep behavior disorder : RBD)
-> ฝันร้าย (Vivid dreams)
-> มีอารมณ์ผิดปกติ (Mood disorders) เช่น ซึมเศร้า กังวลใจ ไร้อารมณ์ และ หงุดหงิดง่าย
-> เห็นภาพหลอน หรือมีอาการหลงผิด (Hallucinations and delusions)
-> มีปัญหาอวัยวะเพศไม่แข็งตัว (Erectile dysfunction)
-> การมองเห็นผิดปกติ ต้องพยายามมองใกล้ (Vision problems)

อาการเหล่านี้สามารถพบได้แตกต่างกันในแต่ละช่วงของโรค และนอกจากนี้ ยังมีอาการผิดปกติที่เกิดได้จากผลข้างเคียงของยาที่ใช้รักษาได้อีกด้วย จึงควรมีการติดตามและให้การรักษาที่ถูกต้องต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย

นพ.อดิศักดิ์ กิตติสาเรศ
อายุรแพทย์ สาขาประสาทวิทยา

#พาร์กินสัน
#มือสั่น
#ตัวแข็งเกร็ง
#เราอยากให้คุณสุขภาพดีและมีความสุข
#คลินิกรักษ์สมองหมออดิศักดิ์

เปิดบริการทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์
จองคิวตรวจ 0932244626
จอดรถหน้าคลินิกได้เลยนะครับ
แผนที่กดที่นี่ https://goo.gl/maps/2CdVmpwMyHBJ3PJs7

เวียนศีรษะเรื้อรัง: อาการรบกวนจนท้อใจ 🧠💫เวียนศีรษะที่เป็นๆ หายๆ มาหลายปี หลายคนมักคิดว่าเป็นเพียง "ความดันต่ำ" หรือ "พัก...
10/05/2025

เวียนศีรษะเรื้อรัง: อาการรบกวนจนท้อใจ 🧠💫

เวียนศีรษะที่เป็นๆ หายๆ มาหลายปี หลายคนมักคิดว่าเป็นเพียง "ความดันต่ำ" หรือ "พักผ่อนไม่เพียงพอ" แต่อาการนี้อาจเป็นผลมาจากสาเหตุที่ซับซ้อนและหลากหลาย ทั้งจากโรคทางระบบประสาท โรคอายุรกรรม หรือแม้แต่ผลข้างเคียงจากยา 💊

🔍 สาเหตุที่พบได้แก่

1️⃣ Vestibular Migraine (ไมเกรนที่ทำให้เวียนศีรษะ)
* ไมเกรนชนิดที่แสดงออกด้วยอาการเวียนศีรษะร่วมกับอาการปวดศีรษะ
* ผู้ป่วยจะรู้สึกคล้ายบ้านหมุนหรือรู้สึกลอยๆ นานเป็นนาทีถึงชั่วโมง
* มักกำเริบในช่วงเครียด นอนไม่พอ หรือเมื่อฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
* จุดสังเกต: เวียนศีรษะไม่สัมพันธ์กับท่าทาง อาจมีอาการแพ้แสง แพ้เสียงร่วมด้วย

2️⃣ BPPV (หินปูนในหูชั้นในหลุด)
* อาการเวียนศีรษะรุนแรงแบบบ้านหมุนเมื่อเปลี่ยนท่า เช่น ลุกนั่ง หรือหันศีรษะ
* เกิดเพียงไม่กี่วินาที แต่รุนแรงจนอาจคลื่นไส้อาเจียน
* จุดสังเกต: เวียนศีรษะสั้นๆ รุนแรง เกิดเฉพาะเมื่อเปลี่ยนท่า 🔄

3️⃣ Ménière's Disease (น้ำในหูไม่เท่ากัน)
* เวียนศีรษะรุนแรง ร่วมกับหูอื้อและมีเสียงในหู (tinnitus)
* อาการมักเป็นนานเป็นชั่วโมงและเกิดเป็นช่วงๆ
* การได้ยินอาจลดลงทีละน้อย โดยเฉพาะข้างเดียว
* จุดสังเกต: มีอาการทางหูร่วมด้วยเสมอ 👂

4️⃣ ความผิดปกติของสมองน้อยหรือก้านสมอง
* เวียนศีรษะร่วมกับการเดินเซ ทรงตัวไม่ดี หรือมองเห็นภาพซ้อน
* ไม่สัมพันธ์กับท่าทางและไม่หายเอง
* ต้องประเมินระบบประสาทและอาจต้องตรวจ MRI สมอง
* จุดสังเกต: มีอาการอ่อนแรง กลืนลำบาก พูดไม่ชัด → ควรพบแพทย์ด่วน! ⚠️

5️⃣ PPPD (เวียนศีรษะจากสมองและจิตใจ)
* รู้สึกโคลงเคลง เบลอๆ ตลอดทั้งวัน
* แย่ลงเมื่ออยู่ในที่คนเยอะ ที่สว่างจัด หรือมีสิ่งเคลื่อนไหวรอบตัว
* มักพบร่วมกับอาการวิตกกังวล ใจสั่น เหงื่อออก นอนไม่หลับ
* จุดสังเกต: รู้สึก "โคลงเคลง" ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อเครียดหรือตื่นเต้น 😰

6️⃣ ความดันโลหิตผิดปกติ
* ทั้งความดันต่ำ (เวียนเมื่อลุกเร็วๆ) และความดันสูง (เวียนศีรษะตอนเช้า)
* การขาดน้ำก็ทำให้มีอาการความดันต่ำลงได้เช่นกัน
* จุดสังเกต: อาจมีใจสั่น เหงื่อแตก หน้ามืดร่วมด้วย ❤️

7️⃣ ภาวะโลหิตจาง (Anemia)
* ขาดเหล็ก ขาดวิตามิน B12 หรือโรคเลือดอื่นๆ
* มักมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ใจสั่น
* จุดสังเกต: เล็บและเยื่อบุตาซีด 🩸

8️⃣ ความผิดปกติของหัวใจ
* ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) โดยเฉพาะ Atrial fibrillation
* จุดสังเกต: ใจสั่น เจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่ม โดยเฉพาะเมื่อออกแรง 💔

9️⃣ ปัญหาทางเมตาบอลิซึม
* ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงผิดปกติ
* ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ หรือไทรอยด์ต่ำ
* ภาวะแคลเซียมในเลือดผิดปกติ
* จุดสังเกต: น้ำหนักเปลี่ยนแปลง ขี้ร้อนขี้หนาวผิดปกติ เหนื่อยง่าย 🌡️

🔟 ยาที่อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ 💊
* ยาลดความดัน โดยเฉพาะกลุ่ม alpha-blockers, beta-blockers
* ยาขับปัสสาวะ ที่ทำให้เสียน้ำและเกลือแร่
* ยาต้านอาการซึมเศร้า และยาควบคุมอาการทางจิตเวช
* ยาต้านการชัก เช่น carbamazepine, phenytoin
* ยาจิตเวชกลุ่ม Benzodiazepines ที่ใช้ลดความวิตกกังวล
* ยาแก้ปวด โดยเฉพาะกลุ่ม opioids
* ยาปฏิชีวนะ บางชนิดที่มีผลต่อหูชั้นใน

⚠️ข้อควรระวัง⚠️
ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย🚨:
* เวียนศีรษะเกิดขึ้นทันทีและรุนแรงมาก
* มีอาการอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด หรือตามองไม่เห็นชั่วคราว
* ปวดศีรษะรุนแรงที่สุดในชีวิต
* มีไข้สูงร่วมกับคอแข็ง
* เดินเซหรือหกล้มบ่อย

อาการเวียนศีรษะเรื้อรังไม่ใช่เรื่องเล็กที่ควรปล่อยผ่าน หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการเวียนศีรษะที่เป็นมานานเกิน 1-2 เดือน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโดยเร็ว เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงและให้การรักษาที่เหมาะสม การรู้ทันและรักษาอย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะครับ 👨‍⚕️

นพ.อดิศักดิ์ กิตติสาเรศ
อายุรแพทย์ระบบประสาทวิทยา

#เวียนศีรษะ #บ้านหมุน #สุขภาพสมอง #ระบบประสาท #ไมเกรนเวียนหัว #หมอระบบประสาท #อาการแทรกซ้อนจากยา

สมองเสื่อมขี้ลืม..ทำของหาย แล้วชอบโวยวายหาว่าคนอื่นขโมยไป ต้องทำยังไงดีนะ
06/05/2025

สมองเสื่อมขี้ลืม..ทำของหาย แล้วชอบโวยวายหาว่าคนอื่นขโมยไป ต้องทำยังไงดีนะ

การจัดการเมื่อผู้ป่วยสมองเสื่อมกล่าวหาว่ามีการขโมยของ 🧠💭

หนึ่งในปัญหาที่ผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมต้องเผชิญคือ การที่ผู้ป่วยมักทำของหาย แล้วกล่าวหาว่าญาติหรือผู้ดูแลขโมยของไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งและความเครียดในครอบครัว 😟👨‍👩‍👧‍👦

ซึ่งพฤติกรรมนี้เกิดจากกลไกทางสมองหลายประการ:

🔹 ความบกพร่องของความจำ: ผู้ป่วยอาจลืมว่าตนเองเก็บของไว้ที่ใด หรือลืมว่าได้ใช้สิ่งของนั้นไปแล้ว
🔹 การเสื่อมของสมองส่วนหน้า: ทำให้ขาดความสามารถในการคิดเชิงเหตุผล จึงสรุปเองว่าถ้าไม่เจอของ แสดงว่ามีคนขโมยไป
🔹 ความกลัว: ความรู้สึกสูญเสียการควบคุมทำให้ผู้ป่วยพยายามหาเหตุผลมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น

🛠️ วิธีการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ ✅

1. ตอบสนองด้วยความเข้าใจ ไม่โต้เถียง 🗣️🤝
ตัวอย่าง: คุณแม่กล่าวหาว่าคุณขโมยสร้อยทองของเธอไป
วิธีรับมือ: แทนที่จะพูดว่า "แม่ ลูกไม่ได้ขโมย!" ให้ตอบว่า
"แม่ครับ หนูเข้าใจว่าแม่กังวลเรื่องสร้อยทอง มาช่วยกันหาดีกว่านะครับ"
แล้วช่วยค้นหาด้วยกัน หรือเบี่ยงเบนความสนใจไปที่กิจกรรมอื่น

2. สร้างสถานที่เก็บของที่แน่นอน 📦📍
ตัวอย่าง: คุณพ่อมักทำกระเป๋าสตางค์หาย แล้วกล่าวหาว่าคนในบ้านขโมย
วิธีรับมือ: กำหนดที่เก็บกระเป๋าสตางค์ที่ชัดเจน เช่น กล่องไม้บนโต๊ะข้างเตียง และติดป้ายบอกให้ชัดเจน
สร้างนิสัยให้เก็บของในที่เดิมทุกครั้ง และคอยเตือนอย่างนุ่มนวล
"คุณพ่อครับ กระเป๋าสตางค์ต้องเก็บไว้ในกล่องนี้เสมอนะครับ"

3. การจัดการกับของมีค่า (แก้ว แหวน เงิน ทอง) 💍💎💰
ตัวอย่าง: คุณยายมีเครื่องประดับมีค่าหลายชิ้น และมักกล่าวหาว่ามีคนขโมยไป
วิธีรับมือ:
- จัดทำบัญชีและถ่ายรูปทรัพย์สินมีค่าทั้งหมด พร้อมบันทึกรายละเอียด
- เก็บของมีค่าไว้ในตู้นิรภัย หรือที่ปลอดภัยที่ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
- พิจารณาทำเครื่องประดับจำลองที่คล้ายของจริง ให้ผู้ป่วยใช้ในชีวิตประจำวัน
- กำหนดเวลาให้ผู้ป่วยได้ดูหรือสวมใส่ของจริงในโอกาสพิเศษ ภายใต้การดูแลใกล้ชิด
- ขอความร่วมมือจากญาติ ให้รับทราบการจัดการทรัพย์สิน เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด

4. เตรียมของสำรองไว้ 🕶️🔄
ตัวอย่าง: คุณยายชอบกล่าวหาว่ามีคนขโมยแว่นตา ทั้งที่บางครั้งใส่อยู่บนศีรษะ
วิธีรับมือ: ซื้อแว่นตาสำรองที่เหมือนกันไว้ 1-2 อัน
"แว่นตาของยายอยู่นี่ครับ หนูเจอแล้ว"

5. จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย 🏡🛏️
ตัวอย่าง: คุณลุงชอบซ่อนเงินไว้ตามที่ต่างๆ แล้วลืม หลังจากนั้นก็กล่าวหาว่าแม่บ้านขโมย
วิธีรับมือ: ขออนุญาตช่วยจัดการเรื่องการเงิน โดยอาจเก็บเงินส่วนใหญ่ไว้ในบัญชี และให้เงินเล็กๆ น้อยๆ ไว้ใช้ประจำวัน
ตรวจเช็คที่ซ่อนประจำอย่างสม่ำเสมอ เช่น ใต้ที่นอน ในกระเป๋าเสื้อ หรือในหนังสือ

6. สังเกตรูปแบบพฤติกรรม และปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม 🌆💡
ตัวอย่าง: คุณตาจะกล่าวหาเรื่องขโมยมากขึ้นในช่วงเย็นเมื่อเริ่มมืด
วิธีรับมือ:
- เพิ่มแสงสว่างในบ้านช่วงเย็น
- ลดเงา หรือลบสิ่งของที่อาจทำให้สับสน เช่น รูปคน กระจก รูปปั้น
- ชวนทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ดูทีวี ฟังเพลง 🎶

7. ใช้เทคโนโลยีช่วย 📱🛰️
ตัวอย่าง: คุณแม่มักกล่าวหาว่ามีคนขโมยกระเป๋าเงิน
วิธีรับมือ:
- ติดอุปกรณ์ติดตาม เช่น Bluetooth tracker ไว้กับของสำคัญ
- ติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน (หลีกเลี่ยงห้องนอนและห้องน้ำ) เพื่อบันทึกกิจวัตรประจำวัน สามารถย้อนดูได้หากของหาย

🏥 เมื่อไรควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม

- เมื่อผู้ป่วยมีความหวาดระแวงรุนแรง จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- เมื่อมีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือเกิดความรุนแรงจากความเข้าใจผิด
- เมื่อเริ่มมีอาการหลงผิด หรือประสาทหลอน เช่น เห็นคนแปลกหน้าในบ้าน 👀

การเข้าใจว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นอาการของโรค ไม่ใช่การกระทำที่ตั้งใจ จะช่วยให้เราดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น
ผู้ป่วยอาจกำลังรู้สึกสับสน หวาดกลัว และท้อแท้
การดูแลด้วยความอดทนและความรัก คือสิ่งสำคัญที่สุด 💞

ทุกท่านมีประสบการณ์เป็นอย่างไรกันบ้าง? มาแบ่งปันเล่าให้ฟังกันบ้างนะครับ 😊

นพ.อดิศักดิ์ กิตติสาเรศ
อายุรแพทย์สาขาประสาทวิทยา

#โรคสมองเสื่อม #อัลไซเมอร์ #การดูแลผู้ป่วย #สุขภาพจิต
#หมออดิศักดิ์รักษ์สมอง

คนไข้สมองเสื่อมเห็นภาพหลอน ทำอย่างไรดี
01/05/2025

คนไข้สมองเสื่อมเห็นภาพหลอน ทำอย่างไรดี

การดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมที่มีอาการเห็นภาพหลอน 🧠👁️

การเห็นภาพหลอนเป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยสมองเสื่อม ซึ่งสามารถสร้างความกังวลใจให้ทั้งตัวผู้ป่วยและผู้ดูแล วันนี้มาคุยกันถึงวิธีรับมือและดูแลผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้อย่างเหมาะสม

ทำความเข้าใจอาการเห็นภาพหลอนในผู้ป่วยสมองเสื่อม 📝
อาการเห็นภาพหลอนในผู้ป่วยสมองเสื่อมเกิดจากความเปลี่ยนแปลงในสมองที่ส่งผลต่อการแปลผลข้อมูลที่รับเข้ามาทางประสาทสัมผัส ผู้ป่วยอาจเห็น:
• คนแปลกหน้าในบ้าน
• ญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว
• สัตว์หรือแมลงที่ไม่มีอยู่จริง
• วัตถุหรือสิ่งของที่เคลื่อนไหวได้

สิ่งสำคัญคือ สำหรับผู้ป่วย สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้น "มีอยู่จริง" ในการรับรู้ของพวกเขา ✨

ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการเห็นภาพหลอน 🛠️

1. ตอบสนองอย่างสงบและให้ความมั่นใจ 🧘‍♂️
• พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ไม่แสดงความตกใจหรือหวาดกลัว
• หลีกเลี่ยงการโต้เถียงหรือพยายามพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่มีอยู่จริง
• อาจพูดว่า: "คุณพ่อครับ หนูเข้าใจว่าคุณพ่อเห็นคนอยู่ตรงนั้น หนูไม่เห็นเหมือนคุณพ่อ แต่หนูเชื่อว่าคุณพ่อรู้สึกกังวล"

2. เบี่ยงเบนความสนใจอย่างแยบยล 🔄
• ชวนผู้ป่วยเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่น เช่น ดูรูปภาพเก่า ฟังเพลงที่ชอบ
• ชวนย้ายไปห้องอื่นหรือพื้นที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ
• อาจพูดว่า: "เรามาดูอัลบั้มรูปกันไหมครับ? มีรูปสมัยคุณพ่อ/คุณแม่หนุ่มๆ ที่หนูอยากให้ช่วยเล่าเรื่องราว"

3. จัดการสภาพแวดล้อมและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น 🏠🚫
• เพิ่มแสงสว่างในห้อง โดยเฉพาะในเวลากลางคืน และลดเงาที่อาจทำให้เกิดภาพลวงตา 💡
• นำกระจกออกหรือคลุมไว้ เพื่อป้องกันผู้ป่วยเห็นภาพสะท้อนและคิดว่าเป็นคนแปลกหน้า 🪞
• หลีกเลี่ยงรูปปั้น หุ่นจำลอง หรือตุ๊กตาที่มีลักษณะคล้ายคน ในห้องผู้ป่วย 🧸
• เก็บหรือนำออก ภาพถ่ายขนาดใหญ่ที่มีใบหน้าคน โทรทัศน์ที่ไม่ได้ใช้งาน และอุปกรณ์ที่มีการเคลื่อนไหว 📺
• ปิดม่าน เพื่อบังภาพสะท้อนจากกระจกหน้าต่างและปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อาจสร้างความสับสน
• จัดเก็บเสื้อผ้า โดยเฉพาะเสื้อคลุมหรือเสื้อโค้ทที่อาจดูคล้ายร่างคนในความมืด 👕
• ใช้ผ้าม่านและผ้าคลุมเตียงที่มีลวดลายเรียบง่าย

4. ตรวจสอบสาเหตุทางกาย 🩺
• สังเกตว่าผู้ป่วยมีอาการเจ็บป่วยอื่นๆ หรือไม่ เช่น ไข้ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
• ตรวจสอบว่าผู้ป่วยได้รับยาครบถ้วนและถูกต้องหรือไม่
• ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับน้ำอย่างเพียงพอ เพราะภาวะขาดน้ำอาจทำให้อาการแย่ลง

5. บันทึกรูปแบบของอาการ 📒
• จดบันทึกว่าอาการเกิดขึ้นเมื่อไหร่ (ช่วงเวลาของวัน)
• มีสิ่งกระตุ้นใดหรือไม่ เช่น ความเหนื่อยล้า ความหิว แสงสลัว
• อาการเห็นภาพหลอนเป็นแบบใด และผู้ป่วยมีปฏิกิริยาอย่างไร
• บันทึกนี้จะเป็นประโยชน์มากเมื่อพาผู้ป่วยไปพบแพทย์

6. รายงานแพทย์ 👨‍⚕️👩‍⚕️
• แจ้งแพทย์ทันทีเมื่อผู้ป่วยเริ่มมีอาการใหม่หรืออาการแย่ลง
• นำข้อมูลที่บันทึกไว้ไปปรึกษาแพทย์
• อาจมีการปรับยาหรือให้การรักษาเพิ่มเติม

เมื่อไรควรพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ด่วน ⚠️
• ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหรือเป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น
• อาการเห็นภาพหลอนทำให้ผู้ป่วยเกิดความทุกข์ทรมานอย่างมาก
• มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น สับสนรุนแรง พูดไม่ชัด เคลื่อนไหวผิดปกติ
• อาการเกิดขึ้นอย่างฉับพลันหรือแย่ลงอย่างรวดเร็ว

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ในคอมเมนต์ หรือนัดหมายเพื่อพบแพทย์ได้

นพ.อดิศักดิ์ กิตติสาเรศ
อายุรแพทย์สาขาประสาทวิทยา

#โรคสมองเสื่อม #การดูแลผู้ป่วย #อัลไซเมอร์
#ภาพหลอน #วุ่นวาย

01/05/2025

คลินิกปิด
วันที่ 3 พ.ค 68
เปิดอังคาร พฤหัส เสาร์
Inboxนัดได้เลยนะคะ

5 ตัวกระตุ้นไมเกรนที่คุณอาจไม่รู้ตัว 🧠💫ท่านทราบหรือไม่ว่า บางครั้งอาการปวดศีรษะไมเกรนของคุณอาจถูกกระตุ้นจากปัจจัยที่คุณไ...
29/04/2025

5 ตัวกระตุ้นไมเกรนที่คุณอาจไม่รู้ตัว 🧠💫
ท่านทราบหรือไม่ว่า บางครั้งอาการปวดศีรษะไมเกรนของคุณอาจถูกกระตุ้นจากปัจจัยที่คุณไม่เคยสังเกต? วันนี้จะกล่าวถึง 5 ตัวกระตุ้นที่มักถูกมองข้าม แต่ส่งผลต่ออาการไมเกรนของคุณได้อย่างมีนัยสำคัญ

1. การเปลี่ยนแปลงของระดับคาเฟอีนในร่างกาย ☕
หลายท่านอาจไม่ทราบว่า ไม่เพียงแค่การดื่มคาเฟอีนมากเกินไปที่กระตุ้นไมเกรน แต่การลดปริมาณคาเฟอีนอย่างกะทันหันก็เป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญเช่นกัน
เมื่อร่างกายคุ้นชินกับปริมาณคาเฟอีนที่ได้รับประจำ การเปลี่ยนแปลงระดับคาเฟอีนอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อหลอดเลือดในสมอง ทำให้เกิดการหดและขยายตัวผิดปกติ นำไปสู่อาการปวดศีรษะไมเกรนได้
คำแนะนำ: พยายามรักษาระดับการบริโภคคาเฟอีนให้คงที่ และหากต้องการลดปริมาณ ควรค่อยๆ ลดลงทีละน้อย

2. แสงจากหน้าจอในช่วงเวลากลางคืน 📱🌙
การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน โดยเฉพาะแสงสีฟ้าจากหน้าจอ สามารถรบกวนวงจรการหลับนอนและเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนที่สำคัญ
แสงสีฟ้าไม่เพียงส่งผลต่อการหลั่งเมลาโทนิน แต่ยังสามารถกระตุ้นเซลล์ประสาทที่ไวต่อแสงในจอตา (photoreceptors) ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับระบบประสาทไตรเจมินัล (trigeminal nerve) ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดไมเกรน
คำแนะนำ: งดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน หรือใช้โหมดกรองแสงสีฟ้า (night mode) และปรับความสว่างให้ต่ำลง

3. การเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศ 🌦️
หลายการศึกษาพบว่า การเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนหรือพายุกำลังจะมาถึง สามารถกระตุ้นอาการไมเกรนได้
การเปลี่ยนแปลงความกดอากาศส่งผลต่อแรงดันในโพรงอากาศและหลอดเลือดในสมอง ก่อให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อและการกระตุ้นเส้นประสาทไตรเจมินัล
คำแนะนำ: ติดตามพยากรณ์อากาศและเตรียมยาป้องกันไมเกรนไว้ล่วงหน้าเมื่อทราบว่าสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

4. การอดอาหารหรือมื้ออาหารที่ไม่สม่ำเสมอ 🍽️
การข้ามมื้ออาหารหรือการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดและเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนที่พบบ่อย
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) ส่งผลให้สมองขาดพลังงาน กระตุ้นการหลั่งสารเคมี เช่น กลูตาเมต และสารสื่อประสาทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดไมเกรน
คำแนะนำ: รับประทานอาหารให้ตรงเวลาสม่ำเสมอทุกวัน และพกอาหารว่างที่มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนติดตัวเสมอ

5. การเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่โดยไม่รู้ตัว 💺
ท่าทางการนั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง การก้มใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน หรือการนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม ล้วนก่อให้เกิดความตึงตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนที่สำคัญ
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ส่งผลโดยตรงต่อเส้นประสาท occipital nerve และ triggeminal nerve ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน
คำแนะนำ: จัดท่าทางการนั่งให้ถูกต้อง หมั่นยืดเหยียดกล้ามเนื้อคอและไหล่ทุก 30 นาที และพิจารณาการนวดบำบัดหรือกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการตึงตัวของกล้ามเนื้อ

การรู้จักและหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นเหล่านี้ เป็นส่วนสำคัญในการจัดการอาการไมเกรนอย่างมีประสิทธิภาพ ถามเพิ่มเติมในคอมเม้น หรือนัดหมายหมายเข้าพบแพทย์

นพ.อดิศักดิ์ กิตติสาเรศ
อายุรแพทย์สาขาประสาทวิทยา

#ปวดหัว #ไมเกรน #หมออดิศักดิ์

ที่อยู่

Nimmanhaemin Lane 6
Chiang Mai
50200

เวลาทำการ

อังคาร 17:00 - 19:30
พฤหัสบดี 17:00 - 19:30
เสาร์ 09:00 - 12:00

เบอร์โทรศัพท์

+66932244626

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกรักษ์สมอง หมออดิศักดิ์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง คลินิกรักษ์สมอง หมออดิศักดิ์:

แชร์

“เราอยากให้คุณมีสุขภาพดีและมีความสุข”

นพ.อดิศักดิ์ กิตติสาเรศ ผู้เชียวชาญโรคสมองและระบบประสาท คณะแพทยศาสตร์ มช. ตรวจรักษาโรคอัมพฤกษ์, อัมพาต, อัลไซเมอร์, ภาวะสมองเสื่อม, ความดันโลหิตสูง, ปวดศีรษะ, เวียนศีรษะ, ไมเกรน, ลมชัก, พาร์กินสัน, อาการชา, อ่อนแรง,โรคสมองและระบบประสาท โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา