พัฒนาทักษะสมอง พฤติกรรม อารมณ์ เด็ก วัยรุ่น By อ.ณัติ นักจิตวิทยา

พัฒนาทักษะสมอง พฤติกรรม อารมณ์ เด็ก วัยรุ่น  By อ.ณัติ นักจิตวิทยา Brain Kid พัฒนาศักยภาพสำคัญทักษะสมองเด็กเพื่ออนาคตของลูกสู่ความสำเร็จแบบมีคุณภาพ

BRAIN KID มีการสอนช่วยให้การพัฒนาความสามารถของเด็กมีความพร้อม การพัฒนาศักยภาพสมองเป็นประโยชน์สำคัญต่อการจัดการเรียนรู้ของเด็ก

** ช่วงระยะเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับการเรียนรู้ของมนุษย์ คือ แรกเกิดถึง 7 ปี หากมาส่งเสริมหลังจากวัยนี้แล้วถือได้ว่าสายเสียแล้ว **

BRAIN KID เป็นหนึ่งช่องทางที่มีแรงบันดาลใจจากผู้ก่อตั้ง เห็นความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพสมองของเด็ก เพื่อสร้างอนาคตของลูกมีชีวิตที่สำเร็จอย่างมีคุณภาพและมีความสุข โดยผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาการพัฒนาศักยภาพสมองของเด็กโดยนักจิตวิทยา เด็ก วัยรุ่น และครอบครัว By อาจารย์ ณัติ

🧸🎓 คอร์ส หลักสูตรปรับพฤติกรรม เด็ก/วัยรุ่น (ชลบุรี)  ✅️ รับรองผล เด็กจะเปลี่ยนพฤติกรรมหลังเรียนคอร์สนี้🔥 รับโปรพิเศษ - ส...
21/05/2022

🧸🎓 คอร์ส หลักสูตรปรับพฤติกรรม เด็ก/วัยรุ่น (ชลบุรี)

✅️ รับรองผล เด็กจะเปลี่ยนพฤติกรรมหลังเรียนคอร์สนี้

🔥 รับโปรพิเศษ - สำหรับผู้สมัคร 50 ท่านแรกเท่านั้น‼️

❌️ ️ ปัญหาที่ผู้คนส่วนหนึ่งเผชิญ และหาทางออกไม่ได้

✔️ หลักสูตรนี้ สามารถแก้ไขปัญหาของพฤติกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด 👍🏆

✔️ ด้วยการปรับแก้ตรงจุดต้นตอของปัญหาเฉพาะบุคคล เน้นคุณภาพ

✔️ แบบต่อตัวต่อ และ แบบกลุ่ม เพราะ นิสัย และ พฤติกรรม ในวัยเด็กสำคัญ ต่อความสำเร็จในอนาคตของลูก

🏆📋 หลักสูตรปรับพฤติกรรม เด็ก/วัยรุ่น มีประสิทธิภาพมากกว่า 10 เท่า / ประหยัดเวลากว่าไปที่ศูนย์เรียน หรือ เข้าค่าย 10 เท่า (แออัด-ไม่ค่อยได้ประสิทธิภาพ)

🔥🔥 ค่าเรียนที่ดีที่สูดในตลาด เรียน 1 ต่อ 1 โดย นักจิตวิทยาเด็ก และครูผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก / ปรึกษาได้ตลอด 🔥🔥

✔️ เด็กๆ ที่มาเรียน เพียง 1 เดือน ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ คุณพ่อ คุณแม่ประหลาดใจและประทับใจมาก

✔️ หลักสูตรนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆในชีวิตของเด็กได้อย่างน่าทึ่ง‼️

🏆 ผลลัพธ์จากการเรียนคอร์สนี้ มีอะไรบ้าง

▪️ ปัญหาแก้ไขได้และเด็กเต็มใจอยากจะแก้ เด็กกล้าแสดงออกมากขึ้น
▪️ ปลดปล่อยศักยภาพภายในเพื่อเป้าหมายในอนาคตของเด็ก
▪️ เด็กมีระเบียบวินัยมากขึ้น
▪️ ควบคุมอารมณ์ อดทน รอได้
▪️ เด็กรู้สึกสนุกอยากเรียน
▪️ มีสมาธิในการเรียน
▪️ สร้างความมั่นใจให้เด็กเชื่อว่าเขาทำได้
▪️ มีแรงบันดาลใจ
▪️ มีเป้าหมายในชีวิต
▪️ แก้ปัญหาด้านความสัมพันธ์ มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
▪️ มองโลกในแง่ดี คิดบวกมากขึ้น
▪️ เรียนรู้การเข้าสังคม เป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัว เพื่อน และสังคม
▪️ สร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง
▪️ มีพลังบวกในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
▪️ เป็นที่รักของทุกคน
▪️ มีพลังในการเรียน เรียนเก่ง ประสบความสำเร็จในการเรียน
▪️ เด็กเห็นคุณค่าในตัวเอง รักตัวเองมากขึ้น
▪️ เด็กมี Mindset ชุดทักษะความคิดที่ยอดเยี่ยม ในการแก้ไขปัญหา และสร้างความสำเร็จในอนาคตของลูก
........................................................................................................................................

📩 จองคิวล่วงหน้า

นัดหมายจองคิว สมัครเรียน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร : 097-3245635
Lind id :

✅️ สนใจทักว่า "สนใจ" ค่ะ ^^
🔥 รับโปรพิเศษ - สำหรับผู้สมัคร 50 ท่านแรกเท่านั้น‼️
#หลักสูตรปรับพฤติกรรมด็ก/วัยรุ่น
#ปลุกพลังยักษ์ใหญ่ให้เด็ก
#เด็กฉลาด
#เด็กเก่งมีความสุข
#อยากให้ลูกฉลาด
#สอนพัฒนาศักยภาพสมองเด็ก

🧸🎓 คอร์ส หลักสูตรปรับพฤติกรรม เด็ก/วัยรุ่น (ชลบุรี)  ✅️ รับรองผล เด็กจะเปลี่ยนพฤติกรรมหลังเรียนคอร์สนี้🔥 รับโปรพิเศษ - ส...
19/05/2022

🧸🎓 คอร์ส หลักสูตรปรับพฤติกรรม เด็ก/วัยรุ่น (ชลบุรี)

✅️ รับรองผล เด็กจะเปลี่ยนพฤติกรรมหลังเรียนคอร์สนี้

🔥 รับโปรพิเศษ - สำหรับผู้สมัคร 50 ท่านแรกเท่านั้น‼️

❌️ ️ ปัญหาที่ผู้คนส่วนหนึ่งเผชิญ และหาทางออกไม่ได้

✔️ หลักสูตรนี้ สามารถแก้ไขปัญหาของพฤติกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด 👍🏆

✔️ ด้วยการปรับแก้ตรงจุดต้นตอของปัญหาเฉพาะบุคคล เน้นคุณภาพ

✔️ แบบต่อตัวต่อ และ แบบกลุ่ม เพราะ นิสัย และ พฤติกรรม ในวัยเด็กสำคัญ ต่อความสำเร็จในอนาคตของลูก

🏆📋 หลักสูตรปรับพฤติกรรม เด็ก/วัยรุ่น มีประสิทธิภาพมากกว่า 10 เท่า / ประหยัดเวลากว่าไปที่ศูนย์เรียน หรือ เข้าค่าย 10 เท่า (แออัด-ไม่ค่อยได้ประสิทธิภาพ)

🔥🔥 ค่าเรียนที่ดีที่สูดในตลาด เรียน 1 ต่อ 1 โดย นักจิตวิทยาเด็ก และครูผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก / ปรึกษาได้ตลอด 🔥🔥

✔️ เด็กๆ ที่มาเรียน เพียง 1 เดือน ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ คุณพ่อ คุณแม่ประหลาดใจและประทับใจมาก

✔️ หลักสูตรนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆในชีวิตของเด็กได้อย่างน่าทึ่ง‼️

🏆 ผลลัพธ์จากการเรียนคอร์สนี้ มีอะไรบ้าง

👉 ปัญหาแก้ไขได้และเด็กเต็มใจอยากจะแก้
เด็กกล้าแสดงออกมากขึ้น
👉 ปลดปล่อยศักยภาพภายในเพื่อเป้าหมายในอนาคตของเด็ก
👉 เด็กมีระเบียบวินัยมากขึ้น
👉 ควบคุมอารมณ์ อดทน รอได้
👉 เด็กรู้สึกสนุกอยากเรียน
👉 มีสมาธิในการเรียน
👉 สร้างความมั่นใจให้เด็กเชื่อว่าเขาทำได้
👉 มีแรงบันดาลใจ
👉 มีเป้าหมายในชีวิต
👉 แก้ปัญหาด้านความสัมพันธ์ มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
👉 มองโลกในแง่ดี คิดบวกมากขึ้น
👉 เรียนรู้การเข้าสังคม เป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัว เพื่อน และสังคม
👉 สร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง
👉 มีพลังบวกในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
👉 เป็นที่รักของทุกคน
👉 มีพลังในการเรียน เรียนเก่ง ประสบความสำเร็จในการเรียน
👉 เด็กเห็นคุณค่าในตัวเอง รักตัวเองมากขึ้น
👉 เด็กมี Mindset ชุดทักษะความคิดที่ยอดเยี่ยม ในการแก้ไขปัญหา และสร้างความสำเร็จในอนาคตของลูก
........................................................................................................................................

📩 จองคิวล่วงหน้า

นัดหมายจองคิว สมัครเรียน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร : 097-3245635
Lind id :

✅️ สนใจทักว่า "สนใจ" ค่ะ ^^
🔥 รับโปรพิเศษ - สำหรับผู้สมัคร 50 ท่านแรกเท่านั้น‼️

#หลักสูตรปรับพฤติกรรมด็ก/วัยรุ่น
#ปลุกพลังยักษ์ใหญ่ให้เด็ก
#เด็กฉลาด
#เด็กเก่งมีความสุข
#อยากให้ลูกฉลาด
#สอนพัฒนาศักยภาพสมองเด็ก

📋🧸 บุตรหลานของท่านเป็นอย่างนี้บ้างไหม❓️👉  ติดเกม สมาธิสั้น โมโหง่าย 👉  ชอบอยู่แต่บ้าน ไม่อยากออกไปไหน👉  คิดลบ เครียดง่าย...
13/05/2022

📋🧸 บุตรหลานของท่านเป็นอย่างนี้บ้างไหม❓️

👉 ติดเกม สมาธิสั้น โมโหง่าย
👉 ชอบอยู่แต่บ้าน ไม่อยากออกไปไหน
👉 คิดลบ เครียดง่าย มีความกลัว ไม่มั่นใจในตัวเอง
👉 สัมพันธภาพกับครอบครัว หรือกับเพื่อนไม่ดี
👉 เข้ากับคนอื่นได้ยาก ไม่อยากพบเจอใคร
👉 รู้สึกไม่มีกำลังใจ
👉 ไม่มีพลัง ไม่มีจุดมุ่งหมายในการเรียน
👉 ขาดแรงบันดาลใจในการเรียน
👉 ไม่รับฟังใคร ปิดกั้นตัวเอง มีโลกส่วนตัว
👉 อ่อนแอ ทั้งกายและใจ ท้อง่าย

🎓🎭 ทำไมเด็กต้องเรียนหลักสูตร NLP❓️

✅️ NLP คืออะไร❓️

👉 คุณเคยสงสัยกันบ้างไหม ว่าอะไรทำให้ลูกน้อยประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้❓️

👉 อะไรทำให้ลูกน้อยสร้างผลลัพธ์ได้ในตอนนี้และสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในอนาคตของลูกน้อย❓️

👉 เรามักจะถูกตั้งความคาดหวังจากสังคมว่า ถ้าเราได้รับความรู้ หรือทักษะบางอย่าง เราควรจะนำความรู้และทักษะเหล่านั้นมาสร้างผลลัพธ์ตามที่คาดหวังได้ “ถ้าพวกเขาเรียนเรื่อง A B C เขาควรจะต้องสร้างผลลัพธ์ D ได้นะ” แต่อย่างที่เราทราบกันดี คนนับร้อยที่มีเป้าหมายดียวกัน นั่งเรียนเรื่องเดียวกัน ฟัง Speaker คนเดียวกัน อยู่ในห้องเดียวกัน บางคนเรียนแล้วมีความรู้เพิ่มขึ้น สามารถพัฒนาตัวเองให้เติบโตในหน้าที่การงานได้ บางคนสามารถนำความรู้ที่เรียนมาสร้างผลลัพธ์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่ก็มีคนบางที่เรียนแล้วยังไม่ได้เข้าใจเนื้อหาเท่าที่ควร หรือบางคนที่เรียนแล้วไม่สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ได้ จึงเกิดเป็นคำถามที่ทรงพลังมากข้อหนึ่ง “อะไรคือความแตกต่าง ที่ทำให้คนบางคนสามารถสร้างผลลัพธ์ได้ ในขณะที่บางคนไม่สามารถทำได้❓️”

🏆🧸 NLP สำหรับเด็ก "ปลุกพลังยักษ์ใหญ่ให้เด็กน้อย" สอนลูกให้เป็นผู้นำที่มี MINDSET ที่ยอดเยี่ยม เก่ง อย่างมีความสุข

🎓🧸 หลักสูตร NLP (Neuro Linguistic Programming) สำหรับเด็ก 10-18

✅️ NLP คือ การโปรแกรมสมอง ปลุกจิตใต้สำนึกให้มีพลังคิดบวก เป็นคอร์สสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองที่ดีที่สุด ศาสตร์ NLP ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้ดีและยอดเยี่ยมที่สุด 🏆

การสั่งจิตใต้สำนึกให้คิดถึงแต่สิ่งที่ดีมีความสุข เชื่อมั่นในตัวเองว่าเราทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จได้ ปลุกยักษ์ในตัวเอง ดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมาใช้ได้อย่างสูงสุด เต็มความสามารถ แบบไร้ขีดจำกัด

🎓🧸สถาบัน NLP สำหรับเด็ก

🏆 หลักสูตรแนวศาสตร์แห่งความสำเร็จ ปลุกจิตใต้สำนึก NLP 2022
ปัญหาที่ผู้คนส่วนหนึ่งเผชิญ และหาทางออกไม่ได้ แล้วจะพบว่าแค่สั่งจิตใต้สำนึก ชีวิตเปลี่ยน

🎓🧸 หลักสูตร NLP จะช่วยให้จิตใต้สำนึกเปลี่ยนแปลงได้ เข้าถึงจิตใต้สำนึกได้อย่างแท้จริง ดึงพลังที่เศร้าหม่นหมองให้กลายเป็นพลังสว่าง สร้างพลังบวก ดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข 💗

🏆 "ความสำเร็จเกิดขึ้น 2 ครั้งเสมอ ครั้งแรกเกิดในจินตนาการ ครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้นจริง!!"

🎓🧸หลักสูตร NLP สั่งจิตใต้สำนึกชีวิตเปลี่ยน
โดย อาจารย์ณัติรัตน์ วริศจิตติบูรณ์

❤️ จากความเชื่อที่เรามี เปลี่ยนเป็นความเชื่อที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นในทุกด้าน!

⭕️ จงมีชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ล้นเหลือทุกๆวัน

🎓🧸 NLP สำหรับเด็ก รับตั้งแต่อายุ 10 - 18 ปีค่ะ

🎁 🧸ผลลัพธ์จากการเรียนคอร์สนี้ มีอะไรบ้าง❓️

ถ้าเชื่อว่าทำได้ ทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นได้‼️
1. มีแรงบันดาลใจ
2. มีเป้าหมายในชีวิต
3. มีความเชื่อมั่นในตนเอง
4. แก้ปัญหาด้านความสัมพันธ์ มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
5. มองโลกในแง่ดี คิดบวกมากขั้น
6. เรียนรู้การเข้าสังคม เป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัว เพื่อน และสังคม
7. สร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง
8. มีพลังในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
9. มีคนรัก และเป็นที่รักของทุกคน
10. มีความเข้าใจ และ มีสัมพันธภาพที่ดีกับคนในครอบครัวอย่างอบอุ่น
11. เรียนเก่ง ประสบความสำเร็จในการเรียน การเรียนดีเลิศ
12. มีความมุ่งมั่นในการใช้ขีวิตให้ประสบความสำเร็จในทุกด้านอย่างมีความสุขในอนาคต
13.. สุขภาพดี สุขภาพยอดเยี่ยม แข็งแรง อายุยืน
14. มีบุคลิกภาพดี มีความมั่นใจ ภาคภูมิใจในตัวเอง รักตัวเอง
15. อยากมีกำลังใจในการเรียน ในการใช้ชีวิต
16. มีพลังในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

✅️ NLP หรือ Neuro Linguistic Programming คือ การสั่งจิตใต้สำนึกให้ทำในสิ่งที่มีผลดีต่อการดำเนินชีวิต สุขภาพจิต และร่างกายให้แข็งแรงอย่างยอดเยี่ยม

🎓🧸สถาบัน NLP สำหรับเด็ก

หลักสูตรแนวศาสตร์แห่งความสำเร็จ ปลุกจิตใต้สำนึก NLP 2022
👉 ปัญหาที่ผู้คนส่วนหนึ่งเผชิญ และหาทางออกไม่ได้
แล้วจะพบว่าแค่สั่งจิตใต้สำนึก ชีวิตเปลี่ยน

✅️ ใช้เวลาเพียงแค่ 4 สัปดาห์ วันละ 1.5 ชั่วโมง เรียนวัน เสาร์ - อาทิตย์ สามารถเลือกช่วงเวลาเรียนได้ จะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆในชีวิตอย่างน่าทึ่ง!! 🏆

🎓🧸หลักสูตร NLP สำหรับเด็ก "ปลุกพลังยักษ์ใหญ่ให้เด็กน้อย"

🎓🧸NLP สำหรับเด็ก

👉 ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกยุคปัจจุบัน ความสำเร็จในระบบการศึกษาของลูก ไม่ได้การันตีความสำเร็จของลูกอีกต่อไปแล้ว จะสังเกตได้ว่า 10 ปีที่ผ่านมา งานต่าง ๆ เกิดขึ้นใหม่มากมาย หลายงานเป็นงานที่ยุคก่อน ๆ ไม่เคยเจอ ไม่เคยมีมาก่อน สำหรับคนที่ปรับตัวทัน บางคนประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ อยากมีความสุข ไปลอกแบบคนที่มีความสุข อยากมีความสัมพันธ์ที่ดี ไปลอกแบบคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดี หรืออยากประสบความสำเร็จ ไปลอกแบบวิธีคิด ความเชื่อ พฤติกรรมของคนที่ประสบความสำเร็จ เราจะมีพลังงานเหมือนบุคคลต้นแบบของเรา

👨‍💻 Dr.Richard Bandler และ John Grinder สนใจเรื่องพฤติกรรมมนุษย์ และวิจัยเรื่องนี้ สามารถช่วยทำให้คนประสบความสำเร็จ มีความสุข มีความสัมพันธ์ที่ดีได้อย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่ดีที่จะช่วยให้ลูกหลานเรา ประเทศของเรา พัฒนาและเจริญก้าวหน้า

👉 หลายท่านอาจเคยประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความสัมพันธ์กับลูก ลูกคิดลบ ทะเลาะกับพ่อแม่ หรือปัญหาที่ลูกท้อแท้ ลูกมีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียน ทะเลาะกับเพื่อน เด็กเครียด จนกลายเป็นปัญหาที่เด็กเข้ากับเพื่อนไม่ได้ และสุดท้ายเด็กไม่อยากไปโรงเรียน

🎓🧸หลักสูตร NLP เป็นคอร์สพัฒนาเด็ก โดยใช้หลักสูตรจิตวิทยาเด็ก มาเป็นส่วนประกอบในการเรียนรู้ พัฒนาความคิดเด็ก ให้มีพลังบวก มีพลังงานที่สูงขึ้น ส่งเสริมให้ลูกกล้าแสดงออก ให้ลูกมั่นใจ คิดบวก มีความสุขจากภายใน ภาคภูมิใจในตนเอง มีความมั่นใจ ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ

🧸💗แนวคิดทำยังไงให้ลูกมีความสุข

1. รักตัวเอง มีความสุขได้ต้องรู้จักการรักตัวเอง เพราะจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ต่าง ๆ ในชีวิตที่ดี
2. มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง แล้วจึงสามารถไปสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นได้ โลกจะเลือกคนที่เข้ากับคนได้ง่ายมากกว่าคนเก่ง นักธุรกิจที่เก่งล้วนมีความเชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์
3. ความสำเร็จ สามารถออกแบบชีวิต ไกด์ชีวิตตัวเองได้ในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ และอยู่อย่างมีคุณค่ากับผู้คน
........................................................................................................................................

📩 จองคิวล่วงหน้า

นัดหมายจองคิว สมัครเรียน - ประเมิน ได้ที่
โทร : 097-3245635
Lind id :
#หลักสูตรNLPสำหรับเด็ก #ปลุกพลังยักษ์ใหญ่ให้เด็ก #เด็กฉลาด #เด็กเก่งมีความสุข #อยากให้ลูกฉลาด #สอนพิเศษพัฒนาศักยภาพสมองเด

🏆🧸9 วิธีสอนลูกให้เป็นคนดี เก่ง และเติบโตอย่างชาญฉลาด 💗🎓🧩 เด็กที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 7-12 ปี ถือว่าเป็นเวลาที่พวกเขาจะไ...
08/05/2022

🏆🧸9 วิธีสอนลูกให้เป็นคนดี เก่ง และเติบโตอย่างชาญฉลาด 💗

🎓🧩 เด็กที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 7-12 ปี ถือว่าเป็นเวลาที่พวกเขาจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เผชิญกับโลกภายนอก และลองปรับตัวให้เข้ากับสังคม ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกันหรือกับผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นการเลี้ยงดูด้วยความใส่ใจจากคุณพ่อคุณแม่จะเป็นอีกหนึ่งต้นทุนสำคัญที่ช่วยให้ลูก ๆ ซึมซับ และเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิต พร้อมสร้างบุคลิกภาพที่มีทั้งความฉลาดทางสติปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ให้เด็ก ๆ เป็นที่รักของคนรอบข้าง และเติบโตขึ้นอย่างมีความสุขนั่นเอง

🧸 1) ฝึกการพูดคุย สื่อสารอย่างเป็นกันเอง
การฝึกให้ลูกพูดคุยและสื่อสารความต้องการของตัวเองออกมา จะช่วยให้พวกเขาได้ใช้กล้ามเนื้อในการออกเสียงมากขึ้น ทั้งการสะกดคำ การเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ และความกล้าแสดงออก นอกจากนี้ เด็กที่ช่างพูดคุยมักเป็นเด็กที่ฉลาด แถมยังรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี โดยคุณแม่สามารถใช้คำถามปลายเปิด เพื่อกระตุ้นให้เขาลองคิดและอธิบายด้วยประโยคที่ยาวขึ้นได้ เช่น “อะไรที่ทำให้หนูรู้สึกดีใจ?” หรือ “ทำไมถึงชอบงานอดิเรกนี้?” เป็นต้น

🧸 2) สอนลูกให้เป็นคนดี ด้วยหนังสือนิทาน
การอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน ไม่เพียงแค่จะช่วยให้ลูกคุ้นชินกับการใช้ภาษาและคำศัพท์ที่น่าสนใจ แต่คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถสอดแทรกคติสอนใจหรือแง่คิดผ่านการกระทำของตัวละคร เพื่อให้เด็ก ๆ เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แถมยังเป็นการใช้ช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันของคนในครอบครัว

🧸 3) ทำกิจกรรมที่หลากหลาย
เด็กในช่วงวัยนี้จะมีพัฒนาการที่ดีหากได้เรียนรู้ผ่านการเล่นและลงมือทำ คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้พวกเขาได้ทดลองงานอดิเรกที่หลากหลาย เพื่อให้ลูก ๆ ได้ค้นพบความชอบและความเก่งของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาหรือการวาดภาพระบายสี ที่สามารถต่อยอดไปเป็นทักษะอื่น ๆ ได้อีกในอนาคต

🧸 4) ออกกำลังกาย เล่นกีฬา เพิ่มพลังความแข็งแรง
การมีสุขภาพที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ เพราะพวกเขาจะได้ฝึกทักษะการใช้กล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างคล่องแคล่ว แถมเวลาที่ลูก ๆ เสียเหงื่อยังเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้สมองมีพัฒนาการที่สมบูรณ์และฉลาดขึ้นตามวัย

🧸 5) ฟังเพลง เสริมสร้างจินตนาการ
การให้ลูก ๆฝึกฟังดนตรีตั้งแต่ยังเล็กจะช่วยบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์และการผ่อนคลายทางอารมณ์ นอกจากนี้ คุณแม่ยังสามารถนำดนตรีมาดัดแปลงเป็นสื่อการสอน ไม่ว่าจะเป็นการจดจำคำศัพท์ ในเนื้อเพลงหรือการขยับร่างกายตามจังหวะที่จะช่วยเพิ่มสมาธิให้กับพวกเขาได้

🧸 6) ปล่อยให้ลูกได้ลองผิดลองถูก
คุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยให้เด็ก ๆ ได้ลองตัดสินใจทำบางสิ่งโดยมีเราคอยเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ เพราะนั่นจะเป็นวิธีที่ช่วยให้พวกเขาได้ฝึกการคิดและแก้ปัญหา ยกตัวอย่างเช่น การออกไปซื้อของจากร้านค้าใกล้ ๆ ให้ลูกได้ลองสอบถามราคา พูดคุยกับแม่ค้าด้วยตัวเอง หากได้รับการฝึกฝนเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง พวกเขาจะเติบโตไปเป็นเด็กที่มีความมั่นใจและช่วยเหลือตัวเองได้

🧸 7) ฝึกความมีน้ำใจ
การแบ่งปันและเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นอีกหนึ่งทักษะที่ทำให้ลูกเข้าสังคมได้ดียิ่งขึ้น คุณแม่อาจเริ่มต้นด้วยวิธีง่าย ๆ เช่น ให้เขานำของขวัญไปมอบให้กับผู้อื่นด้วยตัวเอง หรือฝึกให้ลูก ๆ พูด “ขอบคุณ” ทุกครั้งที่ได้รับความช่วยเหลือจนติดเป็นนิสัย

🧸 8) สอนให้เขารู้จักรักและภาคภูมิใจในตัวเอง
หมั่นชื่นชม ให้กำลังใจเมื่อลูกทำพฤติกรรมที่เหมาะสม จะช่วยให้เด็กรับรู้คุณค่าในตัวเองและกล้าแสดงออกมากขึ้น นอกจากนี้ คุณแม่ควรเน้นไปที่การชมแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ลูกเกิดการเรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาควรทำ เช่น “เก่งจังเลย วันนี้หนูช่วยกวาดบ้าน คุณแม่เลยไม่ต้องเหนื่อย” เป็นต้น

🧸 9) ลูกเติบโตได้ดี เมื่อมีครอบครัวเป็นแบบอย่าง
ครอบครัวเป็นสังคมที่ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อให้พวกเขาเกิดการซึมซับ ถ้าอยากให้ลูกเล่นกีฬา เราก็ควรที่จะอยู่เป็นคู่ซ้อมให้กับเขาในบางครั้ง หรือถ้าอยากให้ลูกเป็นเด็กที่สุภาพ อ่อนน้อม คุณแม่ก็ต้องพูดจาด้วยน้ำเสียงไพเราะ เพื่อให้ลูก ๆ จดจำและทำตามนั่นเอง
........................................................................................................................................

📩 จองคิวล่วงหน้า

นัดหมายจองคิว สมัครเรียน - ประเมิน ได้ที่
โทร : 097-3245635
Lind id :
#เด็กฉลาด #เด็กเก่งมีความสุข #อยากให้ลูกฉลาด #สอนพิเศษพัฒนาศักยภาพสมองเด็ก

🧸🚫 5 สาเหตุที่ทำให้ลูกเป็นเด็กดื้อต่อต้าน 👉 ความดื้อเป็นหนึ่งในพัฒนาการตามช่วงวัยของเด็ก โดยเฉพาะในเด็กวัยก่อน 6 ปี ที่ม...
07/05/2022

🧸🚫 5 สาเหตุที่ทำให้ลูกเป็นเด็กดื้อต่อต้าน

👉 ความดื้อเป็นหนึ่งในพัฒนาการตามช่วงวัยของเด็ก โดยเฉพาะในเด็กวัยก่อน 6 ปี ที่มักแสดงแสดงอาการต่อต้าน เพื่อทดสอบศักยภาพของตัวเอง และทดสอบกรอบหรือขอบเขตที่คุณพ่อคุณแม่กำหนดไว้ไปในคราวเดียวกัน
แต่เมื่อลูกโตพอที่จะเรียนรู้และเข้าใจคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ในสถานการณ์ไหน อาการดื้อที่เกิดขึ้นตามพัฒนาการก็ควรจะลดน้อยลงไปด้วย

👉ในทางกลับกัน หากยิ่งโต ลูกยิ่งมีอาการและพฤติกรรมดื้อและต่อต้านมากขึ้น นอกจากความดื้อตามธรรมชาติของช่วงวัยแล้ว การเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่ ก็ส่งผลให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมดื้อต่อต้านมากขึ้นได้เช่นกัน

🧸 1. ลูกไม่ได้รับการชื่นชมหรือกำลังใจเมื่อทำในสิ่งที่เหมาะสม ธรรมชาติของเด็กคือต้องการยอมรับจากคุณพ่อคุณแม่มากกว่าใคร โดยเฉพาะในเวลาที่ลูกตั้งใจทำตัวดี เป็นเด็กที่น่ารัก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะต้องการได้รับคำชมและกำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ แต่หากคุณพ่อคุณแม่เมินเฉย ไม่สนใจ หรือไม่ให้คุณค่ากับสิ่งที่ลูกทำ อาจทำให้ลูกพยายามเรียกร้องความสนใจไปในทางตรงข้าม เช่น ดื้อมากขึ้นและงอแงมากขึ้นได้

🧸 2. ลูกไม่ได้รับการสอนว่าพฤติกรรมที่ดีคืออะไร
บางครั้งที่ลูกดื้อหรือเล่นซน จนสร้างความไม่สบายใจให้คุณพ่อคุณแม่ อาจเป็นเพราะลูกยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ และยังไม่รู้ถึงผลของการกระทำนั้นๆ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรสอนลูกให้รู้จักแยกแยะว่าอะไรถูกอะไรผิด เมื่อเห็นว่าลูกมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ควรเข้าไปพูดคุยและตักเตือนในทันที เพื่อให้ลูกเข้าใจและไม่ทำพฤติกรรมนั้นซ้ำอีก

🧸 3. ลูกอาจจะเลียนแบบจากพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ หากคุณพ่อคุณแม่ลองย้อนกลับมามองพฤติกรรมของตัวเอง อาจพบว่าเวลาที่ลูกอารมณ์เสียแล้วพูดจาเสียงดัง เถียง ต่อต้าน ขว้างปา และทำลายข้าวของ อาจเป็นพฤติกรรมเดียวกับที่คุณพ่อคุณแม่ลืมตัว และทำให้ลูกเห็น เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าพอใจเช่นกัน ดังนั้น หากอยากเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกเชื่อฟัง ก็ต้องระวังพฤติกรรมของตัวเอง ไม่ให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีของลูกด้วย

🧸 4. ลูกอาจจะกำลังรู้สึกโกรธ เศร้า กังวล หรือไม่สบายใจ เมื่อลูหมีความรู้สึกที่ไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นในใจ แต่ด้วยช่วงวัยที่ยังเด็กเกินไป ทำให้ลูกไม่รู้ว่าจะรับมือและอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไร จึงแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ดื้อ ต่อต้าน ก้าวร้าว ทำร้ายคนอื่น และทำลายข้าวของ หากคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี ก็ควรเข้าไปให้คำปรึกษาและพูดคุยกับลูก และเปิดโอกาสให้ลูกได้ระบายความรู้สึกของตัวเองออกมา ก็จะช่วยลดพฤติกรรมต่อต้านและก้าวร้าวของลูกลงได้ค่ะ

🧸 5. ลูกมีความรู้สึกกดดันทางอารมณ์ (Emotional Stress) บางครั้งพฤติกรรมดื้อต่อต้านของลูก อาจมาจากการที่คุณพ่อคุณแม่กดดันลูกมากเกินไป เช่น กดดันให้ลูกเรียนหนังสือจนไม่มีโอกาสทำในสิ่งที่ชอบ ทำให้ลูกเกิดความเครียด อึดอัด และแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมดื้อต่อต้านได้
........................................................................................................................................

📩 จองคิวล่วงหน้า

นัดหมายจองคิว สมัครเรียน - ประเมิน ได้ที่
โทร : 097-3245635
Lind id :

#เด็กฉลาด #เด็กเก่งมีความสุข #อยากให้ลูกฉลาด #สอนพิเศษพัฒนาศักยภาพสมองเด็ก

04/05/2022
🧸💗การเลี้ยงลูกเชิงบวกคืออะไร  ➕️➕️คำนิยามของการเลี้ยงลูกเชิงบวก คือการเลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจทางพัฒนาการสมองของมนุษย์ พย...
02/05/2022

🧸💗การเลี้ยงลูกเชิงบวกคืออะไร ➕️➕️

คำนิยามของการเลี้ยงลูกเชิงบวก คือการเลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจทางพัฒนาการสมองของมนุษย์ พยายามทำให้สมองส่วนอารมณ์นิ่ง เพื่อให้เด็กได้ใช้สมองส่วนการคิดวิเคราะห์ให้มากขึ้น

🧸🎭วิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวก

1.เลี้ยงด้วยการฝึกให้เด็กคิด แทนการสั่ง

2. ใช้วิธีการตั้งคำถาม เช่นลูกทำน้ำหก เราก็แค่ถามเขาว่าจะทำยังไงดี ลูกฝึกคิดโดยที่ไม่ต้องมีอารมณ์

3. เปิดพื้นที่ให้แสดงอารมณ์ด้านลบได้ แต่ต้องฝึกวิธีจัดการ เช่น เมื่อลูกโกรธแล้วปาของ แทนที่เราจะดุลูก การเลี้ยงลูกเชิงบวกคือการมองผ่านพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก ไปสู่เรื่องของความรู้สึก เราอาจจะเข้าไปบอกว่าแม่เข้าใจที่หนูรู้สึกโกรธที่น้องมาแย่งของ เด็กก็จะเริ่มรู้สึกเย็นลง เพราะรู้สึกว่าเราเข้าใจเขา เมื่อสมองส่วนอารมณ์สงบ สมองส่วนคิดวิเคราะห์ก็จะเริ่มทำงาน ให้เราสอนลูกว่าเราโกรธได้นะ แต่การปาของนั้นทำไม่ได้ ถ้าหนูโกรธให้มาฉีกกระดาษตรงนี้ มาขยำลูกบอล ควรให้เด็กแสดงออกมาอย่าเก็บเอาไว้ หากเด็กโตหน่อยก็อาจจะใช้วิธีให้หายใจช้าๆ ทำให้เขาเห็นความโกรธ รู้จักจัดการความโกรธได้

🧸💗หลักการเลี้ยงลูกเชิงบวกด้วยแนวคิด 5 L

💗 LOVE
แม้ความรักจะเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ปัญหาส่วนของพ่อแม่รักหลายครอบครัวคือรักแต่แสดงออกไม่เป็น บางคนรักแล้วตามใจ บางคนรักแล้วสงสาร ขัดใจไม่ได้ไม่อยากให้ลูกผิดหวัง รวมถึงการที่เด็กหลายคนเติบโตมากับพ่อแม่ที่ทำงานเหนื่อยแล้วบอกว่าทำเพื่อลูก แต่จริงๆแล้วเด็กสะกดคำว่ารักผ่านเวลาคุณภาพ คือ เวลาที่มีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับลูก เล่นกับเขา ให้เขารู้สึกว่าเขามีตัวตน ให้เขามีความหมาย นั่นคือการแสดงออกทางความรักที่ถูกต้อง

🎨 LEARN
สมองของเด็กนั้นจะพัฒนามากในช่วง 6-7 ปีแรกของชีวิต เป็นช่วงที่เซลล์ประสาทกำลังเพิ่มจำนวน ซึ่งพ่อแม่มีหน้าที่ช่วยเพิ่มศัยกภาพของลูกได้ผ่านการเล่นทุกชนิด เช่น การอ่านนิทาน การปีนต้นไม้ การเล่น การมีปฎิสัมพันธ์กัน จะช่วยพัฒนาสมองมาก

🧩 LIMIT
เป็นการฝึกวินัยเชิงบวก ให้ลูกเรียนรู้ด้วยเหตุผล พ่อแม่ต้องบอกลูกว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ทำให้ลูกอยู่ในกฎกติกาที่ตกลงร่วมกัน

🧸 LET THEM GROW
บางครั้งก็ต้องปล่อยให้ลูกเรียนรู้จากความผิดของตัวเองบ้าง ฝึกให้ลูกเติบโต ปล่อยให้เขาโตขึ้นในวิถีที่เขาเป็นตัวเอง เลี้ยงให้เข้ามีชีวิตเป็นของตัวเอง

🎭 LET IT BE
เรื่องบางเรื่องไม่สามารถคอนโทรลได้ด้วยความสัมพันธ์ เรื่องบางเรื่องก็ต้องปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ L ตัวสุดท้ายตัวที่ห้าคือ Let it be การปล่อยวางอย่างเข้าใจ พ่อแม่ต้องบอกตัวเองไว้เสมอ ลูกไม่ใช่ของเรา ชีวิตเป็นของเขา พ่อแม่มีหน้าที่แค่คอยช่วยเหลือให้เขาเติบโต ไม่ใช่ควบคุม
....................................................

** 👩‍💻📝 รับประเมินพัฒนาการเด็ก วัยรุ่น และปรึกษาปัญหาครอบครัว โดยนักจิตวิทยา **

📩 จองคิวล่วงหน้า

นัดหมายจองคิวประเมินได้ที่
โทร : 097-3245635
Lind id :

#เด็กฉลาด #เด็กเก่ง #อยากให้ลูกฉลาด #สอนพิเศษพัฒาาศักยภาพสมองเด็ก

🧸👶เด็กเป็นวัยที่ละเอียดอ่อนและเปราะบาง เพราะพวกเขาอยู่ในช่วงที่กำลังเรียนรู้ ทำความเข้าใจ หรือซึมซับโลกที่ตนเองอาศัยอยู่...
01/05/2022

🧸👶เด็กเป็นวัยที่ละเอียดอ่อนและเปราะบาง เพราะพวกเขาอยู่ในช่วงที่กำลังเรียนรู้ ทำความเข้าใจ หรือซึมซับโลกที่ตนเองอาศัยอยู่ การจะเติบโตไปพร้อมกับตัวตนแบบไหน มีการรับรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รอบตัวยังไง จึงเป็นผลพวงมาจากสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง

🎭🧩การเลี้ยงลูกจึงเหมือนเป็นศาสตร์และศิลปะอย่างหนึ่งที่ซับซ้อน ละเอียดอ่อน และต้องให้ความใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะหลายครั้งเราจะเห็นว่าความบอบช้ำที่ฝังลึกอยู่ในใจมาจนถึงวัยผู้ใหญ่ ส่วนหนึ่งมาจากคำพูดที่ได้รับหรือสิ่งถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นความกังวล ความสับสน ความกลัว หรือความรู้สึกไม่ปลอดภัย

🎭🧩ถึงอย่างนั้นก็เชื่อว่า ไม่ใช่ผู้ปกครองทุกคนที่มีเจตนาจะทำร้ายลูกเสมอไป อาจจะพูดด้วยความเป็นห่วง หรือเพียงแค่อยากอบรมและให้บทเรียนก็เท่านั้น แต่คำพูดบางคำสามารถทำร้ายลูกได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งกว่ารู้ว่ามันสร้างความบอบช้ำได้ยังไง ก็ยากที่เยียวยาให้หายแล้ว ผู้ปกครองจึงควรระมัดระวังหรือตระหนักเกี่ยวกับคำพูดของตนเอง เพื่อที่ลูกๆ จะได้เติบโตมาพร้อมกับความรู้สึกที่ปลอดภัยและมั่นใจที่จะใช้ชีวิตมากขึ้น

👩‍💻💗วันนี้ อ.ณัติ ก็มีตัวอย่างคำพูดหรือประโยคที่ผู้ปกครองอาจไม่เคยรู้หรือไม่ทันได้สังเกตมมาก่อนว่ามีปัญหายังไง และถ้าไม่ใช่คำพูดเหล่านี้ จะมีคำพูดไหนบ้างที่ทดแทนกันได้ โดยที่ยังสามารถแสดงออกถึงเจตนาที่ดี และไม่สร้างความบอบช้ำให้กับลูกๆ ในอนาคต

🧩 เปรียบเทียบกับคนอื่น
“ดูอย่างลูกบ้านนู้นสิ” “หัดเอาอย่างพี่สาวบ้าง”

การเปรียบเทียบอาจดูเป็นวิธีที่ง่ายในการกระตุ้นให้เด็กมีความพยายามมากขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเก็บคำเปรียบเทียบมาเป็นแรงผลักดันเสมอไป ในทางกลับกัน พวกเขาอาจรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ความคาดหวัง หรือความรู้สึกที่ว่าตนเองไม่ดีพอสักที ทำให้ความมั่นใจที่มีค่อยๆ หดหายไปเรื่อยๆ

หากผู้ปกครองหวังดี หรือต้องการที่จะกระตุ้นความพยายามของเด็กๆ ที่จริงแล้วไม่จำเป็นจะต้องเปรียบเทียบพวกเขากับใครที่ไหนเลย แต่เปรียบเทียบกับตัวพวกเขาเองนั่นแหละดีที่สุด เช่น พูดถึงความพยายามของพวกเขาในอดีต ที่แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็รับรู้ได้ว่าพยายามแล้ว พร้อมทั้งชี้ให้เห็นว่า กระบวนการบางอย่างสามารถพัฒนาหรือปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้ได้ ค่อยๆ พยายามเรียนรู้ไป หรือจะชี้ให้เห็นถึงภาพในอนาคตว่า ถ้าปรับปรุงหรือพยายามตรงนี้ให้มากขึ้น จะเป็นผลดีกับตัวพวกเขายังไงบ้าง ซึ่งนอกจากจะไม่เป็นการบั่นทอนความมั่นใจแล้ว เด็กๆ ก็จะมีความรู้สึกที่อยากพยายามเพื่อตนเอง ไม่ใช่เพื่อคนอื่น เพราะความพยายามที่ทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่ความพยายามที่มีประสิทธิภาพในระยะยาวเท่าไหร่นัก

🧩 ตัดสินหรือกำหนดตัวตน
“เด็กผู้ชายต้องไม่ร้องไห้” “เด็กผู้หญิงต้องเรียบร้อย”

ด้วยความที่เด็กแต่ละคนเติบโตมาโดยที่ยังไม่รู้ตัวตนที่แน่ชัด จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะกำหนดให้พวกเขาไปเลยว่า เด็กผู้ชายจะต้องเป็นยังไง เด็กผู้หญิงจะต้องเป็นยังไง คนเราจะต้องมีสองเพศเท่านั้น หรืออาชีพนี้เหมาะกับเพศไหนที่สุด แต่เมื่อเติบโตขึ้น พวกเขาอาจมีชุดความคิดหรือการรับรู้บางอย่างที่ขัดแย้งไปจากสิ่งที่เคยถูกปลูกฝังมา หรือแม้แต่ความชอบที่ต่างไปจากสิ่งที่เคยถูกกำหนดให้ ทำให้เกิดความสับสน ความอึดอัดใจ และไม่กล้าที่จะปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างอิสระ

สิ่งที่ผู้ปกครองควรระมัดระวังคือคำพูดที่ตัดสินหรือกำหนดตัวตนของเด็กๆ เพราะบางอย่างที่พูดออกไปนั้น อาจเป็นค่านิยมที่แฝงอยู่ในสังคมมานาน และละเลยความหลากหลายของมนุษย์ ทางที่ดีควรเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ค้นหาความสนใจหรือตัวตนที่แท้จริง เพราะพวกเขาคือนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่สามารถหักห้ามความสงสัย จนกระทั่งได้เรียนรู้และทดลองด้วยตนเอง ซึ่งผู้ปกครองสามารถเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ ให้การสนับสนุน และเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่พวกเขาพร้อมจะเข้ามาขอคำปรึกษาได้ทุกเมื่อ

ให้เด็กๆ ได้มีโอกาสกำหนดตัวตนของตนเอง เพราะนั่นคือสิ่งที่จะอยู่ติดตัวพวกเขาไปตลอดชีวิต

🧩 ขู่หรือปลูกฝังด้วยความกลัว
“ถ้าไม่ตั้งใจเรียนจะให้ไปเก็บขยะ” “ถ้าดื้อจะทิ้งไว้ตรงนี้แหละ”

ผู้ปกครองหลายคนมักจะคิดว่า ‘ความกลัว’ คือสิ่งที่ทำให้เด็กเปลี่ยนแปลงตนเองเร็วที่สุด จึงนำบทลงโทษ เช่น การทอดทิ้ง การส่งไปเรียนโรงเรียนประจำ การไล่ออกจากบ้าน หรือการไม่ให้ค่าขนมมาใช้ข่มขู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นเพียงแค่ทางลัดในการดัดนิสัยเด็กๆ เท่านั้น และไม่ใช่บทเรียนที่จะทำให้พวกเขาเห็นคุณค่าของชีวิตได้ลึกซึ้งอย่างที่คิด

ในทางจิตวิทยาเด็กจึงพยายามขัดขวางผู้ปกครองออกจากความคิดในแง่ของการให้บทลงโทษ เพราะเด็กจะตอบสนองหรือมีการกระทำโดยอิงจากความกลัว มากกว่าที่จะคำนึงถึงความสำคัญของการกระทำนั้นจริงๆ สุดท้าย พวกเขาก็จะตอบสนองความคาดหวังของผู้ใหญ่โดยไม่เข้าใจเหตุผลอะไรเลย

ผู้เชี่ยวชาญมองว่าในกรณีนี้ ผู้ปกครองควรรับทราบและยอมรับทั้งพฤติกรรมที่ดีและไม่ดีของเด็กเสมอ และให้รางวัลแม้พวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้พวกเขาพยายามมากขึ้น หรือชื่นชมพวกเขาในยามที่ทำตัวดีหรือพยายามอย่างหนัก เพื่อที่พวกเขาจะได้หยุดไตร่ตรองถึงสิ่งที่พวกเขาทำดีแล้ว และอยากที่จะทำดีขึ้นกว่านี้ไปเรื่อยๆ

ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะผู้ปกครองจะต้องทำเป็นละเลยกับพฤติกรรมหรือการกระทำที่ไม่ดีของเด็ก เพียงแต่อาจจะเปลี่ยนการลงโทษเป็นการสร้างเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้พวกเขามีแรงจูงใจมากขึ้น เช่น เปลี่ยนจากการพูดว่า “จะไม่ให้เล่นคอมพิวเตอร์ถ้ายังทำการบ้านไม่เสร็จ” เป็น “ถ้าทำการบ้านเสร็จจะให้เล่นทันทีเลย” หรือหากพวกเขาทำอะไรผิดพลาดไป หรือมีพฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่น่ารัก อย่างน้อยๆ ลองรับฟังความคิด ความรู้สึก หรือความต้องการของพวกเขาดูก่อน บางทีพวกเขาอาจจะมีอะไรอยากพูดหรือระบายออกมา ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดได้ด้วย
และอีกปัญหาหนึ่งของการให้บทลงโทษหรือปลูกฝังเด็กๆ ด้วยความกลัว พวกเขาจะเติบโตมาอย่างไม่มีความมั่นใจ เพราะไม่ว่าจะทำอะไร พวกเขาจะมีความกลัวว่า ถ้าทำผิดพลาดหรือไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะไม่ได้รับการยอมรับหรือถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะจากคนที่ควรอยู่พวกเขามากที่สุดอย่างพ่อ แม่ หรือผู้ปกครอง

🧩 ตำหนิปมด้อย
“แต่งตัวอะไรไม่ดูหุ่นเลย” “กินอะไรเยอะ อ้วนเป็นหมูแล้ว”

ปัญหาการเหยียดหรือล้อเลียนรูปร่างหน้าตาเกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคม แต่ที่ไม่เคยสังเกตเลยก็คือ ผู้ปกครองหรือครอบครัวเด็กเองก็เป็นต้นเหตุของปัญหานี้เช่นกัน ด้วยความที่เป็นคนใกล้ชิดสนิทสนม เลยอาจจะคิดว่าสามารถหยอกล้ออะไรก็ได้ รวมถึงการตำหนิปมด้อยของพวกเขา เช่น อ้วน ดำ ขาใหญ่ ฟันเหยิน เป็นต้น

จากผลการสำรวจหนึ่งพบว่า ผู้หญิงมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือ 63 เปอร์เซนต์ เผยว่า พวกเธอเคยถูกเหยียดรูปร่างจากแม่ของตนเอง โดยที่แม่ของพวกเธอไม่ได้ตระหนักว่าคำพูดเหล่านั้นส่งผลต่อจิตใจเด็กยังไง และในอีกการสำรวจหนึ่งก็พบว่า เด็กจำนวน 1 ใน 3 ยอมรับว่าพวกเขาเคยถูกล้อและทำให้อับอายโดยผู้ปกครองของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักหรือรูปร่างหน้าตา

สิ่งที่ตามมาจากการถูกล้อเลียน ไม่ว่าจากใครก็ตาม พวกเขาจะเติบโตมาพร้อมกับความไม่มั่นใจและรู้สึกไม่ปลอดภัยกับรูปร่างหน้าตาของตนเอง และอาจนำไปสู่ความผิดปกติด้านการกิน เป็นโรคคลั่งผอม หรือหาทางออกด้วยวิธีที่อันตราย เช่น กินยาลดน้ำหนักที่อันตราย หรือทำศัลยกรรมในคลินิกที่ไม่ได้รับการรับรองความปลอดภัย
ในทางกลับกัน ผู้ปกครองควรปลูกฝังเด็กๆ ให้รักและพึงพอใจในตนเอง สนับสนุนหรือปกป้องพวกเขาจากการถูกล้อเลียนด้านรูปร่างหน้าตา หรือถ้าให้บทเรียนกับพวกเขาเกี่ยวกับปัญหามาตรฐานความสวยงามที่มีอยู่ในสังคมได้จะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะพวกเขาจะเติบโตมาพร้อมกับความมั่นใจในการใช้ชีวิต รวมถึงรู้จักยอมรับในสิ่งที่ตนเองและผู้อื่นเป็นมากขึ้นด้วย

🧩 ไม่ชมเพราะกลัวได้ใจ
“ก็ดีนะ แต่คราวหน้าทำให้ดีกว่านี้”

ไม่ชมหรอกเดี๋ยวเหลิง อย่าไปชมมากเดี๋ยวได้ใจ ผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองหลายคนมองว่า การชื่นชมหรือยกย่องเด็กมากจนเกินไป จะทำให้พวกเขาคิดว่าตัวเองทำดีแล้ว และไม่คิดที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อเวลาเด็กทำอะไรได้ดี จึงมักจะไม่ค่อยได้ชื่นชมอะไรมาก และฝากความคาดหวังในครั้งต่อๆ ไปแทน เช่น เทอมหน้าก็ทำให้ดีกว่าเดิมแล้วกัน หรือพยายามให้มากกว่านี้ก็จะดีนะ
แต่ความจริงก็คือ คำชมจากผู้ปกครองมีพลังมากมายมหาศาล นอกจากจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่เด็กต้องการแล้ว จริงๆ คำเหล่านั้นไม่ได้ทำลายความตั้งใจในการพัฒนาตัวเองของพวกเขาแต่อย่างใด เพราะการได้รับคำชื่นชม จะทำให้พวกเขาจะเห็นคุณค่าของการกระทำที่ดีนั้นมากขึ้น และอยากที่จะทำต่อๆ ไปเพื่อได้รับคำชมอีกครั้ง
แม้จะเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองคาดหวังเอาไว้อยู่แล้ว หรือมองว่าเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่อย่าลืมว่าสำหรับเด็กๆ แล้ว พวกเขาพยายามทำออกมาอย่างตั้งใจและสุดความสามารถของตนเอง เช่นเดียวกับผู้ปกครองบางคนที่ชื่นชมเด็กแค่เฉพาะตอนพวกเขาทำสำเร็จ ซึ่งที่จริงกำลังใจระหว่างทางก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
โดยการชื่นชมเด็กๆ ก็เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังเช่นกัน เพราะเด็กอาจเข้าใจผิดจากคำชมเหล่านั้น ผู้ปกครองจึงควรชื่นชมด้วยความจริงใจและยกผลลัพธ์ที่ดีจากกระทำของพวกเขามาเป็นคำชม เช่น เวลาเด็กแบ่งขนมให้กับเพื่อนแล้วผู้ปกครองชมว่า “โห หนูนี่นางฟ้าชัดๆ เลย” ซึ่งเด็กอาจนึกไม่ออกว่าเป็นยังไง ทั้งที่เมื่อคืนไม่ทำการบ้านด้วย ทำไมถึงได้เป็นนางฟ้า กรณีนี้ผู้ปกครองอาจเปลี่ยนคำชมนั้นเป็น “หนูใจดีมากเลยที่แบ่งขนมให้เพื่อนๆ” ตรงนี้เด็กจะเข้าใจได้ว่าการกระทำไหนที่พวกเขาทำได้ดีจนถูกชม และอยากที่จะทำสิ่งนั้นอีกเรื่อยๆ
....................................................

** 👩‍💻📝 รับประเมินพัฒนาการเด็ก วัยรุ่น และปรึกษาปัญหาครอบครัว โดยนักจิตวิทยา **

📩 จองคิวล่วงหน้า

นัดหมายจองคิวประเมินได้ที่
โทร : 097-3245635
Lind id :
#เด็กฉลาด #เด็กเก่ง #อยากให้ลูกฉลาด #สอนพิเศษพัฒาาศักยภาพสมองเด็ก

🧔👩‍🦱 คุณพ่อคุณแม่...อย่าทะเลาะกันเลยนะ 💗🧸🎎 สำนวนไทยที่ว่า “ลิ้นกับฟัน” อาจอยู่ในคู่ชีวิตแทบทุกคน ผู้ใหญ่ซึ่งมีประสบการณ์...
29/04/2022

🧔👩‍🦱 คุณพ่อคุณแม่...อย่าทะเลาะกันเลยนะ 💗🧸

🎎 สำนวนไทยที่ว่า “ลิ้นกับฟัน” อาจอยู่ในคู่ชีวิตแทบทุกคน ผู้ใหญ่ซึ่งมีประสบการณ์อาบน้ำร้อนมาก่อนก็มักใช้สำนวนนี้สั่งสอนคู่สามีภรรยาด้วยว่าความเป็นคู่ชีวิตใกล้ชิดเหมือนลิ้นกับฟันย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา ขอให้ใช้ความหนักแน่นในความรักและความปรารถนาดีต่อกันประคับประคองกันไป แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งต่างฝ่ายก็มักลืมทุกสิ่ง มุ่งแต่จะพิทักษ์สิ่งที่ตัวเองยึดถือโดยไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร

🎭 หลายกรณีที่การทะเลาะเบาะแว้งลุกลามบานปลายไปถึงขั้นเลิกราหย่าร้าง หากมีกันสองคนเรื่องก็จบลงเพียงเท่านี้ แต่ที่สร้างครอบครัวจนมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ เมื่อมีเหตุอะไรก็ตามแต่ให้ต้องกระทบกระทั่งกัน ต่างฝ่ายต่างยังคงถือทิฐิไม่พยายามผ่อนหนักผ่อนเบา จนเกิดเป็นปัญหาครอบครัวสร้างความทุกข์ใจให้กับลูกของตัวเองก็มีจำนวนไม่น้อย โยนภาระให้เด็กๆเข้ามามีส่วนร่วมกับปัญหาของผู้ใหญ่โดยไม่รู้ตัว

🎭 ปัญหาความไม่ลงรอยกันของแต่ละครอบครัวอาจแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางการเงิน ความคาดหวังและการปรับตัวเข้าหากัน แนวทางการเลี้ยงลูกต่างกัน การนอกใจหรืออะไรก็ตาม ผู้ใหญ่ไม่ควรส่งต่อสิ่งเหล่านี้ไปให้เด็กๆที่ไม่รู้เรื่องด้วยแบกรับเอาไว้ ผู้เขียนอยากให้บทความนี้เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายได้ฉุกใจคิดว่าความขัดแย้งกันในครอบครัวนั้นส่งผลร้ายต่อลูกๆที่เรารักได้อย่างไรบ้าง

🧸 1.ขาดความมั่นคงทางจิตใจ วัยเด็กเป็นช่วงเวลาสำคัญในการพัฒนาความมั่นคงทางจิตใจ เนื่องจากมีข้อจำกัดในการช่วยเหลือตัวเอง จึงต้องการความรักและการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด อารมณ์แปรปรวนของคุณพ่อคุณแม่จึงสามารถส่งผลต่อความรู้สึกไม่แน่นอนในชีวิต ซึ่งมีผลต่อความมั่นคงทางจิตใจโดยตรง

🧸 2.เกิดความเครียดและทุกข์ใจ การตกอยู่ภายใต้บรรยากาศตึงเครียดในครอบครัวเป็นประจำจนทำให้เกิดความเครียดและความทุกข์ใจสร้างข้อจำกัดต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กในแต่ละช่วงวัย เด็กมักขาดแรงจูงใจ ขาดความใส่ใจหรือไม่มีสมาธิมากพอที่จะทำกิจกรรมต่างๆให้สำเร็จลุล่วงได้ตามที่คาดหวัง

🧸 3.เกิดการเปรียบเทียบ วัยเด็กเป็นวัยที่เรียนรู้จากสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวตลอดเวลา การที่เด็กพบว่าความอบอุ่นใกล้ชิดในครอบครัวของตัวเองแตกต่างจากของเด็กคนอื่น ทำให้เกิดการเปรียบเทียบและแบกรับปัญหา จนอาจรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา สับสนและไม่มั่นใจว่าจะพึ่งพาใครเพื่อแบ่งเบาความทุกข์ได้

🧸 4.ขาดทักษะในการแก้ปัญหา เมื่อรู้สึกไม่มั่นคงและไม่มั่นใจว่าจะพึ่งพาใครได้ เด็กจึงมีแนวโน้มที่จะแก้ปัญหาด้วยการเลียนแบบพฤติกรรมความขัดแย้งที่อยู่ใกล้ตัว ทั้งการใช้อารมณ์และคำพูดต่อว่าคนอื่น หรือการหลบหนีปัญหา จนขาดการเรียนรู้ทักษะการใช้เหตุผล การพูดคุยและความอดทนในการแก้ปัญหา

🧸 5.หลุดจากกรอบทางสังคม เด็กที่ทุกข์ใจและรู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ไม่สามารถทำให้คนในครอบครัวดีกันได้มักขาดความมั่นใจในตัวเองและอาจตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้ใน 2 ทิศทาง คือ ปลีกตัวออกจากสังคม หรือเข้าร่วมกลุ่มเพื่อนที่มีพฤติกรรมแปลกแยกเพื่อปกปิดปมด้อยและทำให้ตัวเองดูโดดเด่น

🧸 6.เก็บไว้ในความทรงจำ เด็กที่เติบโตบนความขัดแย้งหรือการเลิกราของคุณพ่อคุณแม่มีแนวโน้มที่จะเก็บภาพความทรงจำที่ไม่ดีนี้ไว้กับตัวไปตลอดชีวิต ทำให้โอกาสประสบความสำเร็จในการสร้างครอบครัวของตัวเองลดลงด้วย เนื่องจากกลัวหรือฝังใจว่าจะต้องประสบปัญหาครอบครัวเช่นเดียวกับที่ตนได้เคยประสบมา

🎎 💗อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่บางกลุ่มยังมีความเข้าใจผิดๆหรือเห็นเพียงบางตัวอย่างที่ว่าการทะเลาะกันในครอบครัวเป็นเรื่องปกติ เด็กจะเรียนรู้และสามารถปรับตัวรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เอง แต่สิ่งที่ควรทำความเข้าใจคือ การเรียนรู้ของเด็กนั้นจำเป็นต้องได้รับการแนะนำอย่างใกล้ชิดภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย เพื่อให้เด็กค่อยๆปรับตัวและสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆได้อย่างเหมาะสม

🧩🧸 จึงเป็นหน้าที่สำคัญของทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่จะต้องไม่ปล่อยให้เด็กๆแบกรับความทุกข์ไว้โดยลำพังจนส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจในระยะยาว ลดการยึดถือตัวตนของตัวเอง ร่วมกันสร้างครอบครัวให้กับลูกๆบนพื้นฐานของความรักและความเข้าใจกัน สร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ ซึ่งเอื้อให้เด็กเติบโตเป็นคนที่มีจิตใจดีและอ่อนโยน โดยอาจลองพยายามใช้วิธีการตามข้อแนะนำต่อไปนี้
....................................................

** 👩‍💻📝 รับประเมินพัฒนาการเด็ก วัยรุ่น และปรึกษาปัญหาครอบครัว โดยนักจิตวิทยา **

📩 จองคิวล่วงหน้า

นัดหมายจองคิวประเมินได้ที่
โทร : 097-3245635
Lind id :

#เด็กฉลาด #เด็กเก่ง #อยากให้ลูกฉลาด #สอนพิเศษพัฒาาศักยภาพสมองเด็ก

ที่อยู่

Cholburi

เบอร์โทรศัพท์

+66973245635

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ พัฒนาทักษะสมอง พฤติกรรม อารมณ์ เด็ก วัยรุ่น By อ.ณัติ นักจิตวิทยาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง พัฒนาทักษะสมอง พฤติกรรม อารมณ์ เด็ก วัยรุ่น By อ.ณัติ นักจิตวิทยา:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram