
10/07/2025
อย่าเข้าใจผิดว่าการมีลูกเป็นดาวน์ซินโดรมนั้นเกิดเฉพาะในคุณแม่ที่มีอายุมาก แต่ความจริงแล้ว หญิงตั้งครรภ์ทุกคนล้วนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม เพราะสาเหตุของดาวน์ซินโดรมเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยการกินยา การดูแลสุขภาพ หรือการปฏิบัติตัวอย่างไร
ดาวน์ซินโดรมคืออะไร?
ดาวน์ซินโดรม (Down syndrome) เป็นภาวะที่เด็กมีโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 แท่ง ทำให้มีโครโมโซมรวมเป็น 47 แทนที่จะเป็น 46 ส่งผลต่อพัฒนาการทั้งทางร่างกาย สติปัญญา และการเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของแม่ หรือพ่อขณะตั้งครรภ์
ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามอายุ
แม้ทุกคนจะมีความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงของการมีลูกเป็นดาวน์ซินโดรมจะ เพิ่มขึ้นตามอายุของแม่อย่างชัดเจน เช่น หญิงที่ตั้งครรภ์ในช่วงอายุ 20–30 ปี มีโอกาสน้อยกว่าเมื่อเทียบกับหญิงที่ตั้งครรภ์ในวัย 35 ปีขึ้นไป ซึ่งความเสี่ยงจะสูงขึ้นมากในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป
ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ควรรู้
นอกจากอายุแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่เพิ่มความเสี่ยงในการมีลูกเป็นดาวน์ซินโดรม เช่น
• เคยมีลูกที่เป็นดาวน์ซินโดรมมาก่อน
• มีประวัติคนในครอบครัวเป็นดาวน์ซินโดรม
• เป็นพาหะของความผิดปกติทางพันธุกรรมบางชนิด (เช่น translocation)
• อายุของพ่อที่มากขึ้น แม้จะมีผลน้อยกว่าฝ่ายแม่แต่ก็อาจมีส่วน
• การตั้งครรภ์จากการรักษาภาวะมีบุตรยากในบางกรณี
ป้องกันไม่ได้ 100% แต่สามารถตรวจคัดกรองได้
เพราะดาวน์ซินโดรมเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม จึง ไม่สามารถป้องกันได้ด้วยการกินยา อาหารเสริม หรือการใช้ชีวิต อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสามารถตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่ช่วงต้นของการตั้งครรภ์ เช่น การตรวจเลือดของแม่ร่วมกับอัลตราซาวนด์ หรือการตรวจทางพันธุกรรมแบบไม่รุกล้ำ (NIPT)
หากผลคัดกรองพบว่าความเสี่ยงสูง ก็สามารถตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมได้ เพื่อให้ครอบครัวสามารถตัดสินใจและเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม
⸻
สรุป
• หญิงตั้งครรภ์ทุกคนมีความเสี่ยงที่จะมีลูกเป็นดาวน์ซินโดรม แม้อายุยังน้อย
• ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะหลังอายุ 35 ปี
• ไม่มีวิธีป้องกัน 100% เพราะเป็นเรื่องของพันธุกรรม
• ควรรับการตรวจคัดกรองตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อวางแผนการดูแลและตัดสินใจอย่างรอบคอบ
รู้ก่อน วางแผนก่อน คือกุญแจสำคัญในการรับมือกับภาวะดาวน์ซินโดรมอย่างมีสติและเข้าใจ
หากคุณหรือคนในครอบครัวกำลังตั้งครรภ์ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางพันธุกรรม เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณที่สุดค่ะ