คลินิกทันตแพทย์ปิยะรัตน์

คลินิกทันตแพทย์ปิยะรัตน์ เป็นสังคมแบ่งปัน ความรู้ สาระบ้างไ?

สวัสดี​ปีใหม่ 2023🎉💞💖ขอคุณพระศรี​รัตนตรัย​และ​สิ่งศั​กดิ์สิทธิ์​ทั้งหลาย​🙏 โปรดอวยพรให้ทุกท่าน ประสบแต่ความสุข ประสบความ...
01/01/2023

สวัสดี​ปีใหม่ 2023🎉💞💖
ขอคุณพระศรี​รัตนตรัย​และ​สิ่งศั​กดิ์สิทธิ์​ทั้งหลาย​🙏 โปรดอวยพรให้ทุกท่าน ประสบแต่ความสุข ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และสิ่งที่ปรารถนา​ ขอให้มีสุขภาพ​แข็งแรง​ สดชื่น แจ่มใสเบิกบาน เฮงๆรวยๆปังๆ ตลอดปี 2023 นี้นะคะ.. 💞💖🎉

คลินิกเปิดวันพฤหัส​บดีที่ 5 มกราคม
062-6354993, 038-272167

27/11/2022

การรักษารากฟัน คือขบวนการกำจัดเนื้อเยื่อในโพรงฟันและคลองรากฟันที่มีการติดเชื้อ และอักเสบ ร่วมกับการทำความสะอาดในคลองรากฟันให้ปราศจากเชื้อโรค จากนั้นจึงอุดคลองรากฟันและบูรณะตัวฟันเพื่อความแข็งแรงและสวยงามให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ

สาเหตุ
ฟันที่ต้องได้รับการรักษารากฟัน ส่วนใหญ่เป็นฟันที่ผุลึกมากจนทะลุโพรงประสาทฟัน ฟันที่ร้าว แตกหัก หรือสึกจนทะลุโพรงประสาทฟัน และฟันที่ได้รับแรงกระแทกจากอุบัติเหตุ ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ทำให้มีเชื้อโรคเข้าไปในโพรงประสาทฟันและทำให้เกิดการติดเชื้อของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟันได้

อาการ
ฟันที่ต้องได้รับการรักษารากฟัน มักมีอาการปวดฟันขึ้นมาเอง อาจปวดแบบเป็นๆหายๆ หรือปวดรุนแรงจนนอนไม่หลับ หรือทำให้ต้องตื่นเนื่องจากปวดฟันมาก หรือมีอาการเสียวฟันมากเวลาดื่มของร้อนหรือเย็น รู้สึกเจ็บฟันเวลาเคี้ยวอาหาร บางครั้งอาจพบว่าฟันเปลี่ยนสี มีสีคล้ำ หรือมีอาการเหงือกบวม มีตุ่มหนอง หรือบวมบริเวณใบหน้าได้

วิธีการรักษา
ขั้นตอนการรักษา เริ่มจากการใส่ยาชา ใส่แผ่นยางกันน้ำลาย จากนั้นจึงกรอฟันเพื่อเปิดทางเข้าสู่โพรงประสาทฟัน กำจัดเนื้อเยื่อที่มีการติดเชื้อออกด้วยเครื่องมือที่มีขนาดเล็ก ร่วมกับการล้างคลองรากฟันด้วยน้ำยาที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ และใส่ยาฆ่าเชื้อในคลองรากฟัน เมื่อฟันมีอาการที่ปกติแล้วจะทำการอุดคลองรากฟันเพื่อปิดช่องว่างไม่ให้เชื้อโรคกลับเข้ามาอาศัยได้อีก โดยปกติจะใช้เวลาการรักษาประมาณ 2-3 ครั้งขึ้นอยู่กับความยากง่ายและสภาพการติดเชื้อของฟันแต่ละซี่ หลังจากนั้นจึงทำการบูรณะตัวฟันให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ

คำแนะนำระหว่างการรักษา
หลังการรักษาในแต่ละครั้งอาจพบอาการปวดได้บ้าง ประมาณ 1-3 วันแรก สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรืออาการปวดเป็นมากขึ้น ให้กลับมาพบทันตแพทย์ และไม่ควรใช้ฟันกัดหรือเคี้ยวอาหารแข็งถ้าหากว่ายังไม่ได้บูรณะตัวฟันให้แข็งแรง อาจทำให้ฟันแตกหรือหักได้

ฟันที่ทำการรักษาจะอยู่ได้นานเท่าใด
ฟันที่ได้รับการรักษารากฟันและบูรณะตัวฟันเสร็จแล้ว จะสามารถอยู่กับเราได้นานเท่ากับฟันที่ปกติ ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพฟันและช่องปากของแต่ละคน

ฟันที่รักษาจะปวดได้อีกหรือไม่
ถ้าสามารถกำจัดสาเหตุและเชื้อโรคได้หมด และการบูรณะฟันทำได้ดีไม่รั่วซึม ร่วมกับการดูแลทำความสะอาดฟันที่ดีไม่มีการผุเพิ่มเติม ฟันก็จะไม่มีอาการปวดกลับมาอีก

การดูแลรักษา
สามารถดูแลรักษาได้เหมือนฟันปกติ โดยการแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟัน และหมั่นมาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟัน อย่างน้อยปีละ2ครั้ง

สรุป
โดยปกติแล้วฟันที่มีการติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน การถอนฟันก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่การรักษารากฟัน จะเป็นหนทางที่จะช่วยเก็บรักษาฟันให้คงอยู่ในช่องปากต่อไปได้ โดยไม่ต้องสูญเสียฟันและไม่ต้องใส่ฟันเทียม ซึ่งบางชนิดมีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับการรักษารากฟัน และถ้าเราดูแลฟันได้ดี ตรวจฟันสม่ำเสมอ เมื่อฟันผุก็ให้รีบอุดฟันตั้งแต่ที่ยังมีขนาดเล็กๆ อย่ารอจนมีอาการปวด ก็จะช่วยลดโอกาสที่จะต้องรักษารากฟันได้ครับ

บทความจาก
อจ.ทพ. ชิตพล ชัยมานะการ
ภาควิชาทันตกรรมหัตถการและวิทยาเอ็นโดดอนต์

คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

การรักษาทางทันตกรรมเพื่อฟื้นฟูสภาพช่องปาก (Oral Rehabilitation)การรักษาทางทันตกรรมเพื่อฟื้นฟูสภาพช่องปาก (Oral Rehabilit...
27/11/2022

การรักษาทางทันตกรรมเพื่อฟื้นฟูสภาพช่องปาก (Oral Rehabilitation)
การรักษาทางทันตกรรมเพื่อฟื้นฟูสภาพช่องปาก (Oral Rehabilitation)

การฟื้นฟูสภาพช่องปากคืออะไร?
การฟื้นฟูสภาพช่องปาก (Oral Rehabilitation) คือ การรักษาทางทันตกรรมบูรณะเพื่อแก้ไขความผิดปกติของระบบบดเคี้ยว โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ระบบบดเคี้ยวสามารถใช้งานได้ดังเดิม ข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อระบบบดเคี้ยวทำงานสัมพันธ์กันอย่างเป็นปกติ โดยการบูรณะอาจเกิดขึ้นกับฟันเพียงหนึ่งซี่ หรือฟันทุกซี่ในช่องปาก

การฟื้นฟูสภาพช่องปากมักทำในผู้ป่วยกลุ่มใด?
ผู้ป่วยแต่ละคนที่มารับการรักษาทางทันตกรรมเพื่อฟื้นฟูสภาพช่องปาก มักมาด้วยปัญหาและสาเหตุที่แตกต่างกันไป แต่ทุกสาเหตุของปัญหาล้วนนำมาสู่การเกิดรูปร่างใบหน้า รูปร่างฟันที่เปลี่ยนแปลง มีความสวยงามลดลง และการทำงานของระบบบดเคี้ยวด้อยประสิทธิภาพ

กรณีฟันสึก
ฟันสึก หมายถึง การที่ผิวฟันส่วนใดส่วนหนึ่งค่อยๆกร่อนหลุดไปทีละน้อย ซึ่งมักจะเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป หากเกิดการสึกมากจนผิวเคลือบฟันหายไปจนถึงชั้นเนื้อฟันจะเกิดการเสียวฟัน และหากสึกลึกมากจนถึงชั้นโพรงประสาทฟันก็จะทำให้เกิดการปวดขึ้นได้ ตัวฟันที่สั้นลงอาจส่งผลกระทบต่อความสวยงามทั้งในส่วนของรูปร่างฟันและรูปร่างใบหน้าที่แลดูสั้นลง กรณีที่ปัญหาเกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานอาจส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติที่ข้อต่อขากรรไกร และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับระบบบดเคี้ยวได้

ฟันสึกมีสาเหตุมาจากหลายๆ ปัจจัย ได้แก่
1. การขบเคี้ยวของแข็ง เช่น กระดูกไก่ กระดูกหมู ถั่ว ผลไม้ที่มีเปลือกแข็ง น้ำแข็ง เป็นต้น หรือรับประทานอาหารที่มีความเป็นกรดสูงบ่อยๆ เช่น อาหารรสเปรี้ยวจัด เครื่องดื่มที่มีกรดคาร์บอนิกต่างๆ เป็นต้น ซึ่งหากรับประทานต่อเนื่องกันเป็นเวลานานจะสามารถส่งผลให้ด้านบดเคี้ยวของฟันกรามสึกได้

2. การนอนกัดฟันในเวลากลางคืน หรือการขบเน้นฟันในเวลากลางวันเป็นอุปนิสัย

กรณีความผิดปกติทางพันธุกรรม
ในระดับพันธุกรรม ยีนหลายตัวมีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างของฟัน การกลายพันธุ์ระดับยีน สามารถทำให้เกิดความผิดปกติขึ้นกับฟันได้ ตัวอย่างเช่นผู้ป่วยในกลุ่มที่มีความผิดปกติในการสร้างเคลือบฟัน (Amelogenesis Imperfecta) ที่เกิดการกลายพันธุ์ที่กลุ่มยีน ที่มีความสำคัญต่อการสร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อการสร้างเคลือบฟันชั้น นอก ซี่งเป็นส่วนที่มีปริมาณแคลเซียมเป็นองค์ประกอบมากและมีความแข็งสูง เมื่อเกิดการกลายพันธุ์ที่ยีนดังกล่าว จึงส่งผลให้เคลือบฟันมีความแข็งแรงลดลง และอาจบางกว่าปกติมาก ฟันมีสีเหลืองมากหรือพบเป็นสีน้ำตาล รวมทั้ง มีลักษณะพื้น ผิวขรุขระ ผุง่าย สึกง่าย

กรณีสูญเสียฟันไปบางซี่และเกิดช่องว่าง
ฟันที่ถอนไปแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปผู้ป่วยที่ไม่ได้ทำการบูรณะเพื่อทดแทนช่องว่าง มักจะส่งผลให้เกิดการล้มเอียงของฟันข้างเคียงเข้าหาช่องว่าง เกิดการห่างของซี่ฟันอื่นๆ ส่งผลต่อความสวยงามและการดูแลทำความสะอาด

กรณีสูญเสียฟันไปหลายซี่
เมื่อมีการสูญเสียฟันไป ฟันคู่สบจะเริ่มมีการยื่นยาวลงมาสู่สันเหงือกว่าง จนในที่สุดอาจชิดติดสันเหงือกทำให้ยากต่อการบูรณะ กรณีการสูญเสียฟันหลังสาหรับบดเคี้ยว ผู้ป่วยจะใช้ฟันหน้าในการบดเคี้ยวแทนซึ่งจะส่งผลให้มีการยื่นขากรรไกรเพื่อทำการบดเคี้ยว ส่งผลกระทบต่อข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อระบบบดเคี้ยวเกิดการทำงานผิดปกติ มีอาการเจ็บปวด หรือเมื่อย และฟันหน้าบนจะสึกและอาจผายออกมาทางด้านหน้ามากขึ้น เป็นต้น
ตัวอย่างการบูรณะทางทันตกรรมเพื่อฟื้นฟูสภาพช่องปาก
บูรณะด้วยการอุดฟัน ,ทาครอบฟัน หรือทาฟันปลอม เพื่อแก้ไขรูปร่าง สี ความสูงของตัวฟัน และใบหน้า ปรับระนาบการสบฟันเพื่อให้ระบบบดเคี้ยวสามารถใช้งานได้โดยสมดุล ข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อระบบบดเคี้ยวทั้งหมดทำงานสัมพันธ์กันอย่างเป็นปกติ
ในการรักษาทางทันตกรรมเพื่อฟื้นฟูสภาพช่องปาก ผู้ป่วยควรได้รับคำแนะนาและการประเมินการรักษาจากทันตแพทย์ ผู้ป่วยแต่ละคนย่อมมีรูปแบบและแนวทางในการรักษาที่แตกต่างกันไปเนื่องมาจาก ระดับความยาก-ง่ายในการรักษา ความสามารถในการปรับตัวของผู้ป่วย ความจำเป็นต่อการเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมอื่นๆก่อนเข้าสู่ระยะบูรณะฟื้นฟูสภาพช่องปากเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งจะมีผลต่อระยะเวลาทั้งหมดที่ผู้ป่วยต้องใช้เพื่อการรักษา รวมทั้งผู้ป่วยที่ปัญหายังอยู่ในระยะเริ่มต้น เช่น มีการสึกของฟันระยะแรกเพียงเล็กน้อย หรือเพิ่งสูญเสียฟันไป หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็ว จะสามารถลดโอกาสการเกิดความผิดปกติของระบบบดเคี้ยวได้

ดังนั้น การตรวจสุขภาพช่องปากและฟันอย่างสม่ำเสมอ และพบทันตแพทย์เป็นประจำทุกๆ 6 เดือน จะช่วยให้ผู้ป่วยรับทราบสุขภาวะช่องปากของตนเองและสามารถเฝ้าระวังป้องกันการเกิดปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับระบบบดเคี้ยวโดยภาพรวมได้

บทความจาก
ทพญ.พัชรมัย อดออมพานิช
สาขาทันตกรรมประดิษฐ์
งานทันตกรรม รพ.ศิริราช
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ที่อยู่

Chonburi

เบอร์โทรศัพท์

+6638272167

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกทันตแพทย์ปิยะรัตน์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

ประเภท