กายฮักษาคลินิกกายภาพบำบัด - Gaihugsa Physio Clinic Lampang

กายฮักษาคลินิกกายภาพบำบัด - Gaihugsa Physio Clinic Lampang บำบัดรักษาอาการบาดเจ็บทางโครงร่างและกล้ามเนื้อ โรคจากการทำงาน การบาดเจ็บทางการกีฬา ตลอดจนการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย อัมพฤกษ์อัมพาต รับทำกายภาพบำบัดถึงที่บ้าน

20/09/2025

ภายหลังระยะเวลาราว 1 ปีของโครงการนำร่อง ที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้ร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง (อบจ.ลำปาง) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และภาคีเครือข่าย เดินหน้าศึกษาวิจัยการใช้ระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) เข้ามาพัฒนาระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ แม้อาจนับได้เป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่ตัวระบบถูกนำออกมาใช้งานจริง หากแต่ผลที่เกิดขึ้นนั้นกลับจุดประกาย และกลายเป็นการต่อยอดที่เพิ่มขึ้นตามมาอีกมากมาย

นับจากเฟสแรกของโครงการที่ดำเนินการในปี 2567 โดยใช้ระบบ Telemedicine เข้ามายกระดับบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ. สต.) สังกัด อบจ.ลำปาง จำนวน 10 แห่ง มาในปี 2568 นี้ ได้เกิดการขยายต่อในเฟสสอง ที่ดำเนินการในพื้นที่ รพ.สต. แห่งใหม่ของ จ.ลำปาง เพิ่มอีก 10 แห่ง แล้วยังมีการต่อยอดไปสู่จังหวัดใหม่คือ ลำพูน และ กระบี่ เพื่อนำไปใช้งานใน รพ.สต. พื้นที่จังหวัดละ 20 แห่งอีกด้วย

ขณะเดียวกันตัวของระบบ Telemedicine เองก็ยังถูกพัฒนายกระดับไปสู่ระบบบริการสุขภาพทางไกลบูรณาการ (Telehealth) ที่ครอบคลุมบริการสุขภาพอีกหลากหลายระบบ เช่น การพยาบาล (Tele-nursing) การให้คำปรึกษาด้านยา (Tele-pharmacy) การฟื้นฟูสมรรถภาพ (Tele-rehabilitation) เป็นต้น
------------------------------
อ่านเพิ่มเติมได้ที่คอมเมนต์
------------------------------
#ข่าวสุขภาพ #ข่าวสาธารณสุข

09/08/2025

😊 Dr. W EP. 197 Part 1: "ฟื้นฟูเอ็นไขว้หน้า (ACL)... กี่เดือนถึงกลับไปเล่นกีฬาได้? 🗓️ ทลายความเชื่อเรื่อง 'Timeline'!"

สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ! หนึ่งในคำถามที่ผมได้ยินบ่อยที่สุดจากคนไข้หลังผ่าตัดสร้างเอ็นไขว้หน้าใหม่ (ACLR) ก็คือ "หมอครับ/คะ อีกกี่เดือนถึงจะกลับไปวิ่ง/เตะบอล/เล่นบาสได้?" และคำตอบที่หลายคนมักจะได้ยินหรือคาดหวังก็คือ "ประมาณ 9 เดือน" หรือ "1 ปี"

แต่ในความเป็นจริงแล้ว การยึดติดกับตัวเลขบน "ปฏิทิน" เพียงอย่างเดียว เป็นแนวคิดที่ค่อนข้างล้าสมัยและอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการบาดเจ็บซ้ำได้ครับ!

ดูรูป Timeline ของการเดินทางที่ยาวไกลนี้ แต่หัวใจสำคัญที่ซ่อนอยู่ไม่ใช่ตัวเลขเดือน แต่เป็นคำว่า "Criteria-based" หรือ "การอิงตามเกณฑ์ความสามารถ" ครับ

🤔 ปัญหาของการยึดติดกับ 'ปฏิทิน' (The Problem with Calendar-Based Rehab)

➡️ ทุกคนไม่เหมือนกัน: ร่างกายของแต่ละคนตอบสนองต่อการผ่าตัดและการฟื้นฟูไม่เท่ากันครับ บางคนอาจฟื้นตัวเร็ว บางคนอาจต้องใช้เวลามากกว่านั้น การกำหนดว่าทุกคนจะพร้อมที่ 9 เดือนเท่ากันจึงไม่สมเหตุสมผล

➡️ สร้างความรู้สึกปลอดภัยที่ผิดๆ (False Sense of Security): นักกีฬาอาจจะคิดว่า "โอเค ครบ 9 เดือนแล้ว กลับไปเล่นได้เลย!" ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ, การควบคุมการเคลื่อนไหว, หรือความมั่นใจทางจิตใจอาจจะยังไม่พร้อมเลย การกลับไปเล่นในสภาพนี้คือการเพิ่มความเสี่ยงในการบาดเจ็บซ้ำอย่างมหาศาล

➡️ กระตุ้นให้เกิดการ 'ข้ามขั้นตอน': การมี "เส้นตาย" ที่ชัดเจน อาจทำให้นักกีฬาและผู้ดูแลพยายามเร่งรัดกระบวนการฟื้นฟูให้ทันตามกำหนด โดยที่ยังไม่ทันได้สร้างพื้นฐานในแต่ละระยะให้แข็งแรงพอ

✅ แนวทางที่ถูกต้อง: การเดินทางที่อิงตาม 'เกณฑ์ความสามารถ' (The Modern Approach: A Criteria-Based Journey)

ไทม์ไลน์ที่เห็นในภาพควรถูกมองเป็นเพียง "กรอบเวลาชีวภาพ" ที่บอกว่าเนื้อเยื่อ (Graft) ของเราต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ในการซ่อมสร้างและปรับตัว แต่การจะ "ผ่าน" ไปสู่ระยะต่อไปได้นั้น นักกีฬาจะต้อง "สอบผ่าน" เกณฑ์ความสามารถต่างๆ ของแต่ละระยะเสียก่อนครับ

มาดูรายละเอียดของแต่ละเฟสกันครับ:

➡️ Phase 1: 0–3 Months (Early Rehab - ระยะฟื้นฟูช่วงแรก)

เป้าหมายหลัก: ในช่วงนี้เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การรีบกลับไปวิ่ง แต่อยู่ที่การ สร้างพื้นฐานที่แข็งแรง ครับ คือ:

- ลดอาการปวดและบวม

- ฟื้นฟูองศาการเคลื่อนไหว (ROM) ให้กลับมาเต็มที่ (โดยเฉพาะการ เหยียดเข่าให้สุด (Full Extension) สำคัญมาก!)

- ​"ปลุก" การทำงานของกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps) ที่มักจะ "หลับ" หรือถูกยับยั้งไปหลังผ่าตัด (Arthrogenic Muscle Inhibition) และค่อยๆ เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (Hamstrings) อย่างปลอดภัย

- ฟื้นฟูรูปแบบการเดินให้กลับมาเป็นปกติ

เกณฑ์เพื่อไปต่อ (Example Criteria): เข่าเหยียดสุดได้เท่าข้างดี, งอได้เต็มที่, ไม่มีอาการบวม, สามารถเกร็งกล้ามเนื้อ Quadriceps ได้ดี (Good quad control), เดินปกติโดยไม่กะเผลก

➡️ Phase 2: 3–6 Months (Initial Return to Activity - ระยะกลับสู่กิจกรรมเบื้องต้น)

เป้าหมายหลัก: เมื่อพื้นฐานดีแล้ว เฟสนี้จะเน้นการ สร้างฐานความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาทั้งหมด, เริ่มฝึกการเคลื่อนไหวในหลายระนาบ (Multi-planar movement), และค่อยๆ แนะนำการฝึกกระโดดเบื้องต้น (Plyometric introduction) อย่างปลอดภัย

เกณฑ์เพื่อไปต่อ: ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาข้างที่ผ่าตัดต้องกลับมาได้อย่างน้อย 80-90% เมื่อเทียบกับข้างดี, การทรงตัวขาเดียวดีเยี่ยม, สามารถทำท่ากระโดดพื้นฐานได้ด้วยฟอร์มที่ถูกต้องและไม่เจ็บ

➡️ Phase 3: 6–12 Months (Graft Maturation - ระยะที่เส้นเอ็นใหม่แข็งแรงขึ้น)

เป้าหมายหลัก: นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญมากที่ เส้นเอ็นที่ผ่าตัดสร้างใหม่ (Graft) กำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างและเพิ่มความแข็งแรง (Remodeling and Revascularization) การออกกำลังกายในเฟสนี้จะมีความเข้มข้นสูงขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ Graft ปรับตัว และจะเริ่มมีการฝึกทักษะที่จำเพาะต่อกีฬามากขึ้น

จุด 9 เดือน: ที่เรามักจะได้ยินกันว่าเป็นเวลาที่ "กลับไปเล่นได้" จริงๆ แล้วมันคือ "ระยะเวลาขั้นต่ำ" ที่ Graft จะมีความแข็งแรงพอสมควร แต่จะกลับไปเล่นได้ก็ต่อเมื่อ "สอบผ่านเกณฑ์ความสามารถทั้งหมดของเฟสก่อนหน้าแล้วเท่านั้น" ไม่ใช่การได้ไฟเขียวอัตโนมัติ!

➡️ Phase 4: 12–24 Months (Return to Sport & Performance - ระยะกลับไปเล่นกีฬาและสมรรถภาพสูงสุด)

เป้าหมายหลัก: กลับไปเล่นกีฬาได้อย่างมั่นใจ, มีสมรรถภาพสูงสุด, และมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำน้อยที่สุด

เกณฑ์: ต้องผ่าน ชุดการทดสอบสมรรถภาพเพื่อการกลับไปเล่นกีฬา (Return-to-sport testing battery) ที่ครอบคลุมทั้งความแข็งแรง, การกระโดดในรูปแบบต่างๆ, ความคล่องตัว, และที่สำคัญคือ ความมั่นใจทางจิตใจ

ทำไมถึงอาจจะนานถึง 2 ปี?: มีงานวิจัยจำนวนมากที่ชี้ว่า แม้นักกีฬาหลายคนจะ "กลับสู่สนาม (Return to Play)" ได้ที่ 9-12 เดือน แต่การจะกลับไปสู่ "ระดับฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดเท่าเดิมก่อนเจ็บ (Return to Performance)" นั้น อาจจะต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี เลยทีเดียวครับ!

​💪 หัวใจของการฟื้นฟู ACL: เลือกท่าออกกำลังกายให้ถูก!
​สำหรับผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บของเอ็นไขว้หน้า (ACL) การเลือกท่าออกกำลังกายที่เน้นกล้ามเนื้อที่ถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะกล้ามเนื้อแต่ละส่วนจะทำหน้าที่เป็น "ตัวป้องกันแบบไดนามิก (Dynamic Stabilizer)" ที่แตกต่างกันไปครับ

​➡️ ทำไมต้องเน้น Hamstrings เป็นพิเศษ? (ACL Injury: Hamstring is King!)
​เหตุผลทางชีวกลศาสตร์: เอ็นไขว้หน้า (ACL) ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กระดูกหน้าแข้ง (Tibia) เคลื่อนมา "ด้านหน้า" มากเกินไป... และกล้ามเนื้อ Hamstrings (กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง) เมื่อหดตัวจะช่วย "ดึง" กระดูกหน้าแข้งให้ไป "ด้านหลัง" ซึ่งเป็นการออกแรงในทิศทางตรงกันข้ามพอดี!

​การเสริมสร้าง Hamstrings ให้แข็งแรงจึงเปรียบเสมือนการสร้าง "เอ็นไขว้หน้าที่มีชีวิต (Living ACL)" ขึ้นมาช่วยพยุงข้อเข่า ลดแรงเฉือนที่กระทำต่อเอ็นที่สร้างขึ้นใหม่ และลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บซ้ำ

​➡️ แล้ว Quadriceps (กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า) ล่ะ? ต้องระวังอะไร?
​ต้องฝึกด้วย "ความระมัดระวัง" ครับ! โดยเฉพาะในระยะแรก
​เหตุผลทางชีวกลศาสตร์: การออกกำลังกายที่เน้น Quadriceps ในท่า Open-Chain (เช่น ท่านั่งเตะขา - Leg Extension) โดยเฉพาะในช่วงที่เหยียดเข่าเกือบสุด จะสร้างแรงดึงกระดูกหน้าแข้งมา "ด้านหน้า" ซึ่งเป็นแรงเฉือนที่อาจเป็นอันตรายต่อเอ็นไขว้หน้าที่ยังไม่แข็งแรงพอ (จริงๆ ใช้ open chain exercise ได้ ถ้าอยู่ในจังหวะที่เหมาะสม ติดตามอ่านใน EP 197 Part2)
​ท่าที่เหมาะสม: จึงควรเน้นการฝึก Quadriceps ในท่า Closed-Chain (เช่น Squats, Leg Press, Step-ups) ในช่วงมุมที่ไม่ลึกเกินไปในช่วงแรก เพราะท่าเหล่านี้จะมีการหดตัวร่วมของ Hamstrings ช่วยพยุงข้อเข่าได้ดีกว่า

​ทำไมต้องปลุก Quadriceps?: หลังการผ่าตัดหรือบาดเจ็บที่เข่ารุนแรง จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "Arthrogenic Muscle Inhibition" ซึ่งคือการที่สมอง "สั่งปิด" หรือ "ลดคำสั่ง" ที่ส่งไปยังกล้ามเนื้อ Quadriceps เพื่อป้องกันข้อเข่าที่กำลังบอบช้ำ ซึ่งเป็นกลไกป้องกันตัวของร่างกาย แต่ก็เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการฟื้นฟูระยะแรกครับ การ "ปลุก" ให้ Quad กลับมาทำงานได้อีกครั้งจึงเป็นสิ่งจำเป็น

​➡️ ตัวอย่างท่าเน้น Hamstrings สำหรับ ACL Injury:
​Hamstring Curls (แบบนอนคว่ำ)
​Glute Bridge
​Romanian Deadlift (RDL)

💡 Dr. W's Take: ข้อคิดจาก Dr. W

➡️ "เวลาช่วยเยียวยา แต่เวลาไม่ใช่นักกายภาพบำบัด" (Time is a healer, but it's not a therapist): เวลาช่วยให้เนื้อเยื่อซ่อมแซมตัวเองตามชีวภาพ แต่การฟื้นฟู "Function" หรือ "การทำงาน" ของร่างกาย ต้องมาจากการออกกำลังกายที่มีคุณภาพและเป็นขั้นตอน

➡️ ท่องประโยคนี้ไว้เลยครับ: "ทำตามเกณฑ์ให้ผ่าน อย่าสักแต่ว่านับเดือน" (Meet the markers, don't just mark the months): ความพร้อมของร่างกายสำคัญกว่าตัวเลขบนปฏิทินเสมอ

➡️ การฟื้นฟูคือการทำงานเป็นทีม: ต้องอาศัยความมุ่งมั่นจากตัวนักกีฬา, การนำทางที่ถูกต้องจากนักกายภาพบำบัด, และความอดทนที่ได้รับการสนับสนุนจากศัลยแพทย์

➡️ ความพร้อมทางจิตใจสำคัญไม่แพ้ร่างกาย: นักกีฬาที่ร่างกายแข็งแรงแต่ยังคงมีความกลัวการเคลื่อนไหว ก็ยังมีความเสี่ยงสูงต่อการบาดเจ็บซ้ำครับ

✨ เคสตัวอย่างจากคลินิก: เมื่อ "ปฏิทิน" ไม่ใช่คำตอบของการฟื้นฟู ACL ✨
"น้องวิน" นักฟุตบอลเยาวชนวัย 17 ปี ผู้มีความฝันอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้รับการผ่าตัดสร้างเอ็นไขว้หน้าใหม่ (ACLR) ที่เข่าข้างขวา และได้มาทำกายภาพบำบัดที่คลินิก ในช่วงประมาณ 6 เดือนหลังการผ่าตัด
การประเมิน (Assessment):
➡️ Subjective (อาการและการรับรู้ของผู้ป่วย):
น้องวินมีความมุ่งมั่นและขยันในการทำกายภาพฯ มาก แต่ก็มีความกดดันสูงเช่นกัน เขาเล่าว่า: "โค้ชบอกว่าผมต้องรีบฟิตให้ทันเปิดฤดูกาลหน้าครับ ซึ่งมันก็ประมาณ 9 เดือนหลังผ่าตัดพอดี เพื่อนผมที่เคยเจ็บแบบเดียวกันก็กลับไปเล่นได้ตอน 9 เดือน ผมต้องทำให้ได้ครับ"
เขารู้สึกว่าเข่า "โอเค" ในชีวิตประจำวัน แต่ลึกๆ แล้วยอมรับว่า "ยังรู้สึกกลัวๆ" เวลาคิดถึงจังหวะที่ต้องสปรินท์แล้วหยุดกะทันหัน หรือการบิดตัวเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้
➡️ Objective (การตรวจร่างกาย - โดยไม่ยึดติดกับปฏิทิน):
ไม่ได้สนใจว่านี่คือเดือนที่ 6 แต่ทำการ ทดสอบสมรรถภาพทางกายตามเกณฑ์ (Criteria-Based Testing) และพบว่า:
ROM (องศาการเคลื่อนไหว): ทำได้เต็มช่วง -> ผ่าน! ✅
Strength (ความแข็งแรง): เมื่อทดสอบกำลังกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps) ด้วยเครื่องวัดแรง (Dynamometer) พบว่ากำลังของขาข้างที่ผ่าตัดยังอยู่ที่ 70% เมื่อเทียบกับข้างที่ดี (Limb Symmetry Index - LSI = 70%) -> ยังไม่ผ่าน! (เกณฑ์มักจะอยู่ที่ >90%)
Functional Tests: การกระโดดขาเดียวไปข้างหน้า (Single-leg hop for distance): LSI อยู่ที่ 75% -> ยังไม่ผ่าน!
Psychological Readiness: ให้ทำแบบสอบถามความพร้อมทางจิตใจ (เช่น ACL-RSI) ได้คะแนนค่อนข้างต่ำ ซึ่งยืนยันความรู้สึก "กลัว" ที่เขาได้บอกไว้

➡️ NKT/NMI Assessment:
พบการทำงานที่ถูกยับยั้ง (Inhibited) ของกล้ามเนื้อ Quadriceps (โดยเฉพาะ VMO) และ Gluteus Medius ข้างที่ผ่าตัด
ร่างกายมีการใช้กลยุทธ์ชดเชยโดยการทำงานที่หนักเกินไป (Facilitated) ของกล้ามเนื้อ Hamstrings (Hamstring dominance)

แผนการรักษา (Intervention Plan - เปลี่ยนโฟกัสจาก "ปฏิทิน" สู่ "เกณฑ์ความสามารถ" และ "ชีวกลศาสตร์"):
🧠 1. Pain Science Education (PSE) & The Timeline Discussion - สำคัญที่สุด!
- การสนทนาที่อาจจะยาก แต่จำเป็น:
Dr W: "น้องวินครับ จากผลการทดสอบในวันนี้ พี่ต้องบอกตรงๆ ว่าร่างกายของเรา 'ยังไม่พร้อม' ที่จะกลับไปเล่นฟุตบอลในอีก 3 เดือนข้างหน้าตามไทม์ไลน์ 9 เดือนที่เราคาดหวังกันครับ"
- ให้ความรู้เชิงชีวกลศาสตร์:
"ไทม์ไลน์ 9 เดือนเป็นแค่กรอบเวลาคร่าวๆ ครับ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการฟื้นฟู 'Function' ที่ถูกต้อง"
- อธิบายบทบาทของกล้ามเนื้อ: "เอ็นไขว้หน้า (ACL) ที่เราทำมาใหม่ มันทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กระดูกหน้าแข้งเลื่อนมา 'ข้างหน้า' มากไป... ข่าวดีคือเรามี 'ผู้ช่วย' ที่ดีที่สุดในร่างกายเราครับ นั่นคือ 'กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง หรือ Hamstrings' "
- "ทุกครั้งที่ Hamstrings หดตัว มันจะช่วย 'ดึง' กระดูกหน้าแข้งไปข้างหลัง ซึ่งเป็นการ 'ช่วยปกป้อง' เอ็น ACL ใหม่ของเราโดยตรงเลยครับ ดังนั้น การสร้าง Hamstrings ให้แข็งแรงจึงเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ในการป้องกันการเจ็บซ้ำ"
- "ส่วนกล้ามเนื้อหน้าขา (Quadriceps) ก็สำคัญ แต่เราต้องฝึกอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะท่าเตะขา (Leg Extension) ในช่วงแรก เพราะมันจะไปสร้างแรงดึงที่เอ็นใหม่ของเราได้ครับ"
- ปรับเปลี่ยนเป้าหมายร่วมกัน:
"เป้าหมายของเราไม่ใช่การ 'กลับให้ทัน' แต่คือการ 'กลับไปอย่างแข็งแกร่งและปลอดภัย' โดยมี Hamstrings เป็นเหมือน 'บอดี้การ์ด' ส่วนตัวของเข่าครับ"

📈 2. Load Management:
วางแผนการฝึกซ้อมโดยอิงตามความสามารถปัจจุบัน ห้ามมีการซ้อมแบบปะทะโดยเด็ดขาด

⚙️ 3. NKT/NMI Corrective Strategy:
- Release: คลายกล้ามเนื้อ Hamstrings ที่ทำงานหนักเกินไปในฐานะ "ตัวชดเชย"
- Activate: ปลุกการทำงานของ Quadriceps (VMO) และ Gluteus Medius ที่ "หลับ" อยู่ด้วยท่าฝึกเฉพาะเจาะจง เพื่อให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานอย่างสมดุล

💪 4. Criteria-Based Progressive Program (โปรแกรมที่มุ่งสู่การ "สอบผ่าน"):
Phase 1 (ปัจจุบัน - เน้นสร้างฐานความแข็งแรงและความสมดุล):
เป้าหมายหลัก: ทำให้ LSI ของ Quadriceps และ Hamstrings สูงกว่า 90% ให้ได้
โปรแกรมการฝึกจะเน้นที่:

Hamstring Strengthening (เน้นเป็นพิเศษ):
- Hamstring Curls: ทั้งแบบนอนคว่ำและนั่ง
- Glute Bridges & Hip Thrusts: เพื่อสร้างความแข็งแรงของทั้งก้นและ Hamstrings
- Romanian Deadlifts (RDLs): ฝึกการทำงานของ Hamstrings และ Glutes ในท่าที่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริง

Safe Quadriceps Strengthening:
- เน้นท่า Closed-Chain เช่น Squats, Leg Press, Step-ups โดยควบคุมช่วงการเคลื่อนไหวให้เหมาะสมและปลอดภัย

Phase 2 (เมื่อความแข็งแรงผ่านเกณฑ์):
- เริ่มโปรแกรม Plyometrics และ Neuromuscular control ที่เข้มข้นขึ้น เช่น การฝึกกระโดดลงพื้น, การเปลี่ยนทิศทาง โดยเน้นการลงพื้นด้วยกลไกที่ถูกต้อง (ใช้สะโพกและ Hamstrings ช่วยซับแรง)
Phase 3 (Return to Sport):
- เมื่อ วินสามารถผ่านชุดการทดสอบสมรรถภาพทั้งหมดได้ และคะแนนความพร้อมทางจิตใจสูงขึ้น เมื่อนั้น เขาจึงจะพร้อมที่จะเริ่มกลับไปซ้อมกับทีมอย่างเป็นขั้นตอน

ผลลัพธ์ (Outcome):
การสนทนาที่เน้นชีวกลศาสตร์ช่วยให้วินเข้าใจ "เหตุผล" ที่ต้องฝึกแต่ละท่า และเปลี่ยนโฟกัสจากการ "เร่งรีบ" ไปสู่การ "สร้างร่างกายให้พร้อม"
อาจจะต้องใช้เวลาถึง 12 เดือน กว่าที่วินจะสามารถผ่านเกณฑ์ทั้งหมดได้ แต่เมื่อเขากลับสู่สนาม เขากลับไปในสภาพที่:
ร่างกายแข็งแรงสมมาตร โดยมี Hamstrings ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ
มีกลไกการเคลื่อนไหวที่ปลอดภัย และมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำลดลงอย่างมาก
และที่สำคัญคือ มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ข้อสังเกต: เคสนี้แสดงให้เห็นว่าการฟื้นฟู ACL ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่การทำตามปฏิทิน แต่คือการทำความเข้าใจ "บทบาท" ของกล้ามเนื้อแต่ละมัด และออกแบบโปรแกรมที่ "จำเพาะ" ต่อการบาดเจ็บนั้นๆ การสร้าง "บอดี้การ์ด" ที่แข็งแกร่งอย่าง Hamstrings คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้นักกีฬากลับไปสู่สนามได้อย่างยั่งยืนและปลอดภัยครับ!

📖 References :
➡️ Grindem, H., Snyder-Mackler, L., Moksnes, H., et al. (2016). Simple decision rules can reduce reinjury risk by 84% after ACL reconstruction: the Delaware-Oslo ACL cohort study. British Journal of Sports Medicine, 50(13), 804-808.

➡️ Barber-Westin, S. D., & Noyes, F. R. (2011). Factors used to determine return to unrestricted sports activities after anterior cruciate ligament reconstruction. Arthroscopy: The Journal of Arthroscopic & Related Surgery, 27(12), 1697-1705.

➡️ Escamilla, R. F., et al. (2012). Anterior cruciate ligament strain and tensile forces for weight-bearing and non-weight-bearing exercises: a guide to exercise selection. Journal of Orthopaedic & Sports Physical Therapy, 42(3), 208-220.

➡️ Hewett, T. E., et al. (2005). Biomechanical measures of neuromuscular control and valgus loading of the knee predict anterior cruciate ligament injury risk in female athletes: a prospective study. The American Journal of Sports Medicine, 33(4), 492-501.

➡️ Neumann, D. A. (2016). Kinesiology of the Musculoskeletal System: Foundations for Rehabilitation (3rd ed.). Elsevier.

📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการกายภาพบำบัดได้ที่:
❤️ บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด (JR Physio)
เว็บไซต์: www.jrphysio.com
📍 สาขาเยาวราช:
⏰ เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร)
📞 080-425-9900
💬 Line: .cn (หรือสแกน QR Code ที่หน้าเพจ/เว็บไซต์)
💻 Facebook: https://www.facebook.com/jrphysiochinatown
🗺️ แผนที่: (ค้นหา "บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช" บน Google Maps) หรือ https://maps.app.goo.gl/mAwdMtETvgrW2yYT9
📍 สาขาเพชรเกษม 81:
⏰ เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ)
📞 094-654-2460
💬 Line: (หรือสแกน QR Code ที่หน้าเพจ/เว็บไซต์)
💻 Facebook: https://www.facebook.com/jrphysioth
🗺️ แผนที่: (ค้นหา "บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเพชรเกษม 81" บน Google Maps) หรือ https://maps.app.goo.gl/7XdgGKqzXQ3qfsDeA

😊 เรายินดีให้คำปรึกษาและดูแลสุขภาพของคุณครับ!

07/08/2025
21/07/2025

⚡ Russian Current: จากเวทีโอลิมปิกสู่ห้องกายภาพบำบัด
เรื่องเล่าของกระแสไฟฟ้าที่ปลุกกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรงกว่าที่เคย

ในปี 1977 ท่ามกลางเสียงเชียร์และความตึงเครียดของเวทีโอลิมปิก ดร. Yakov Kots นักสรีรวิทยาชาวรัสเซีย เฝ้ามองร่างกายของนักกีฬาทีมชาติอย่างพินิจ... ไม่ใช่เพื่อชมลีลา แต่เพื่อศึกษาการหดตัวของกล้ามเนื้อ และตั้งคำถามที่ไม่มีใครกล้าถามในยุคนั้นว่า

“จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราสามารถใช้ไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดตัวแทนการสั่งงานจากสมอง?”

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ภายหลังรู้จักกันในชื่อ Russian Current หรืออีกชื่อคือ Tone Burst Current — กระแสไฟฟ้าชนิดพิเศษที่ Kots เชื่อว่าสามารถสร้างแรงหดตัวของกล้ามเนื้อได้มากกว่า maximal voluntary contraction หรือการหดตัวสูงสุดจากความพยายามของมนุษย์เอง

📡 วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง Russian Current
Russian Current เป็น กระแสไฟฟ้าสลับความถี่กลาง (2500 Hz) ที่ถูกปรับให้อยู่ในรูปของ Burst-Modulated Sinusoidal AC ซึ่งหมายถึง:

ความถี่พาหะ (Carrier Frequency): 2500 Hz

ความถี่ของการปล่อยคลื่น (Burst Frequency): 50 bursts/second (50 Hz)

แต่ละ burst มีความยาว 10 ms

สลับกับช่วงพัก 10 ms (duty cycle 50% แบบสัมพัทธ์)

ความยาวพัลส์เฉลี่ยภายใน burst: 200–400 µs

ความแรงกระแสสูงสุด: 70–100 mA (ขึ้นกับความทนของผู้ป่วย)

ถึงแม้ Russian Current เป็นคลื่นความถี่กลาง แต่เพราะมันถูก “หั่น” ออกเป็นคลื่นสั้น ๆ จึงสามารถกระตุ้น เส้นประสาทมอเตอร์ (motor nerves) ได้เหมือนกับคลื่นความถี่ต่ำ

💪 กลไกทางสรีรวิทยา
Russian Current กระตุ้น motor units แบบ synchronous (หดตัวพร้อมกัน) ต่างจากการหดตัวธรรมชาติที่ motor units ทำงานสลับกัน (asynchronous)

ทำให้เกิดแรงหดตัวสูงอย่างรวดเร็ว → กระตุ้นกล้ามเนื้อ Type II (fast-twitch)

ส่งผลให้เกิด muscle hypertrophy อย่างมีประสิทธิภาพ

บล็อกการรับรู้ความเจ็บปวดบางส่วนผ่าน Pain Gate Theory

เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถฝึกกล้ามเนื้อด้วยตนเองได้ เช่น หลังผ่าตัด หรืออ่อนแรงจากการเจ็บป่วย

🧪 Protocol ดั้งเดิมและทางคลินิก
✅ Kots Protocol (10/50/10)
กระตุ้นกล้ามเนื้อ 10 วินาที

พัก 50 วินาที

ทำซ้ำ 10 ครั้ง ใช้เวลารวม 10 นาที

ทำสัปดาห์ละ 1–5 ครั้ง ต่อเนื่อง 3–4 สัปดาห์

✅ รูปแบบการรักษา (ตามเป้าหมาย):

เมื่อพูดถึงการประยุกต์ใช้ Russian Current ทางคลินิก จุดประสงค์หลักมีอยู่ 3 ประการ ได้แก่ การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การลดอาการเกร็งหรือหดเกร็งของกล้ามเนื้อ (muscle spasm) และการลดอาการบวมจากการขาดการหดตัวของกล้ามเนื้อ (oedema) ซึ่งแต่ละกรณีมีแนวทางการใช้งานที่แตกต่างกันเล็กน้อย ทั้งในเรื่องของความแรง ความถี่ ระยะเวลาการกระตุ้น และช่วงเวลาการเปิด–ปิดกระแสไฟฟ้า

⭐ ในกรณีที่ต้องการ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ จะตั้งค่าความแรงของกระแสไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ทำให้เกิดการหดตัวแบบเต็มที่ (tetanic contraction) โดยใช้ความถี่กระแสที่ประมาณ 50–70 Hz และความยาวของ pulse duration ประมาณ 150–200 ไมโครวินาที ซึ่งเหมาะกับการกระตุ้นกล้ามเนื้อประเภท fast-twitch (type II) เพื่อให้เกิดการ hypertrophy ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การกระตุ้นในช่วงนี้ควรทำร่วมกับกิจกรรมของผู้ป่วย เช่น การเกร็งกล้ามเนื้อแบบอยู่กับที่ (isometric contraction) ในหลายมุมของข้อต่อ หรือใช้ร่วมกับการเคลื่อนไหวแบบช้า ๆ (slow-speed isokinetics) และการเคลื่อนไหวในช่วงเล็ก ๆ (short arc) เมื่อยังมีข้อจำกัดด้าน ROM

⭐ ในกรณีของ การลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ (muscle spasm) จะใช้ความแรงของกระแสในระดับที่ผู้ป่วยสามารถทนได้ โดยยังคงให้เกิดการหดตัวแบบ tetanic การตั้งค่าความถี่จะอยู่ที่ 50–175 Hz ซึ่งมากหรือน้อยขึ้นกับระดับความไวของกล้ามเนื้อ และช่วง on–off time จะถูกตั้งไว้ให้เหมาะสม เช่น on 5–12 วินาที และ off 8–15 วินาที เพื่อให้กล้ามเนื้อได้มีโอกาสฟื้นตัวระหว่างรอบการกระตุ้น

⭐ ในกรณีที่ต้องการ ลดอาการบวมน้ำ (oedema) ซึ่งเกิดจากการไม่มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น หลังจากเข้าเฝือกหรือผ่าตัด จะตั้งค่ากระแสให้กระตุ้นได้เพียงหดตัวเล็กน้อยหรือแค่ให้มองเห็นได้ (visible contraction) โดยใช้ความถี่ประมาณ 35–50 Hz ความยาวพัลส์ราว 400 ไมโครวินาที และตั้งช่วง on และ off time สั้น ๆ ประมาณ 1–2 วินาที เพื่อให้เกิดการบีบตัว–คลายตัวของกล้ามเนื้อแบบสลับกัน ซึ่งส่งผลดีต่อระบบการไหลเวียนและการระบายน้ำเหลือง

สำหรับ ระยะเวลาการรักษา โดยรวมในทุกกรณี มักตั้งไว้ประมาณ 10–15 นาที ต่อครั้ง และสามารถทำซ้ำได้วันละ 1 ครั้ง สัปดาห์ละหลายวัน ตามแผนการรักษาและความเหมาะสมของผู้ป่วย

⚠️ ข้อห้ามใช้
ผู้มี Pacemaker, ภาวะ หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ลิ่มเลือด, หรือ ตั้งครรภ์บริเวณท้อง/หลัง

บริเวณที่ได้รับการฉายรังสี, ผู้ป่วยมะเร็ง, ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว, เด็กพิเศษ

ห้ามใช้ใกล้ Carotid sinus (เส้นเลือดใหญ่บริเวณคอ)

🔁 การพัฒนาและท้าทายทางวิทยาศาสตร์
แม้ Russian Current จะถูกยกย่องในช่วงแรก แต่ในงานวิจัยยุคใหม่พบว่า:

ความถี่ 1000 Hz และ burst สั้น 2–5 ms อาจให้ แรงบิดกล้ามเนื้อมากกว่า

ทำให้เกิด Aussie Current ซึ่งมี burst 4 ms และให้ผลดีเรื่องแรงกล้ามเนื้อและ fatigue ที่ช้ากว่า

Russian Current อาจไม่ใช่ “ที่สุด” อีกต่อไป แต่เป็น “รากฐาน” ของนวัตกรรม electrotherapy ที่ต่อยอดจนถึงปัจจุบัน

⭐ สรุป: ทำไม Russian Current ยังสำคัญ?
Russian Current คือคลื่นแรกที่ทำให้โลกรู้ว่า "เราสามารถฝึกกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า"
ไม่ใช่เพื่อแทนการออกกำลังกาย แต่เพื่อช่วยผู้ที่อ่อนแรง ฟื้นฟูเร็วขึ้น และกลับไปสู่ชีวิตที่เคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นหลังการผ่าตัด เส้นเอ็นขาด กล้ามเนื้อฝ่อลีบ หรือแม้แต่ในนักกีฬาที่ต้องการเรียกพละกำลังกลับมา — คลื่นนี้คือคำตอบแรกๆ ของยุคใหม่แห่งการบำบัดด้วยไฟฟ้า

ขอบคุณบทความต้นฉบับ
Russian Current; NITHIN NAIR (MPT-1) UNDER GUIDANCE OF Dr. Pothiraj P. (PT) https://www.slideshare.net/slideshow/russian-current-87249963/87249963 #14

Susan L. Micholvitz, James W. Bellew, Tomas P. Nolan Jr. Modalitities for Therapeutic Intervention 5th Edition pg.228

25/06/2025

😊 Dr. W EP. 162: "ออกกำลังกายสู้เข่าเสื่อม! 🏃‍♂️💪 ไขความลับ 'Lubricin' และ 'Irisin' สองฮีโร่พิทักษ์ข้อ"

สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ! โรคข้อเข่าเสื่อม (OA) เป็นโรคข้อที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการเสื่อมสลายของกระดูกอ่อน (Cartilage) ที่คลุมผิวข้อ ทำให้เกิดอาการปวด, ข้อฝืด, และใช้งานข้อได้ไม่ดีเท่าเดิม กลไกการเกิดโรคมีความซับซ้อนมากครับ เป็นผลมาจากความไม่สมดุลระหว่างกระบวนการสร้างและสลายภายในข้อ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากทั้งพันธุกรรม, สิ่งแวดล้อม, การเผาผลาญ, และปัจจัยทางชีวกลศาสตร์ (O'Brien & McDougall, 2013; Mobasheri & Batt, 2016)

แม้ว่าเราจะคุ้นเคยกับการออกกำลังกายเพื่อช่วยบรรเทาอาการข้อเสื่อม (อย่างที่เราคุยกันใน EP 148) แต่เคยสงสัยไหมครับว่าลึกลงไปแล้ว การออกกำลังกายมันไปทำอะไรกับข้อของเรากันแน่? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับฮีโร่ 2 ตัวที่ถูกกระตุ้นได้ด้วยการออกกำลังกายครับ!

🦸‍♂️ ฮีโร่คนที่ 1: Lubricin - สุดยอดสารหล่อลื่นในข้อ! (The Joint's Super-Lubricant!)

➡️ คืออะไร? (What is it?): Lubricin (อ่านว่า ลู-บริ-ซิน) เป็นไกลโคโปรตีนชนิดหนึ่ง หรือพูดง่ายๆ คือ "สารหล่อลื่นชีวภาพ" ที่ร่างกายของเราสร้างขึ้นโดยเซลล์ที่บุผิวข้อ (Synoviocytes) และเซลล์กระดูกอ่อนที่ผิวข้อ (Chondrocytes) (Jay & Waller, 2014)

➡️ ทำหน้าที่อะไร? (What does it do?): หน้าที่หลักของมันคือการสร้าง "ชั้นฟิล์มหล่อลื่น" เคลือบผิวข้อต่อ ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างกระดูกอ่อนสองชิ้นไม่ให้เสียดสีกันโดยตรง โดยเฉพาะในสภาวะที่มีแรงกดสูงๆ และการเคลื่อนไหวที่ความเร็วต่ำ มันจึงจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานที่เป็นปกติของข้อต่อ ช่วยป้องกันการสึกหรอของกระดูกอ่อน และลดการยึดติดของเซลล์ในข้อ (Ruan et al., 2022)

➡️ การออกกำลังกายช่วยยังไง? (How does exercise help?):

"การเคลื่อนไหวของข้อ (Joint Motion)" คือกุญแจสำคัญ! งานวิจัย (เช่น Kakinuma et al., 2014) พบว่าการออกกำลังกายในระดับปานกลาง, การลงน้ำหนักที่เหมาะสม, และการกระตุ้นเชิงกล จะไปกระตุ้นให้เซลล์ในข้อผลิตสาร Lubricin ออกมาในน้ำไขข้อ (Synovial Fluid) มากขึ้น!

เมื่อมี Lubricin มากขึ้น การหล่อลื่นในข้อก็ดีขึ้น กระดูกอ่อนก็สึกหรอน้อยลง ซึ่งกลไกนี้จะช่วย "ชะลอ" การเกิดข้อเสื่อมได้ (Conti et al., 2012) นี่คือเหตุผลว่าทำไมการออกกำลังกายถึงเป็นทั้งมาตรการ "ป้องกัน" และเป็นเหมือน "ยาจากธรรมชาติ" ในการดูแลปัญหาข้อเสื่อมครับ

🦸‍♀️ ฮีโร่คนที่ 2: Irisin - สารสื่อสารจากกล้ามเนื้อผู้พิทักษ์ข้อ! (The Anti-inflammatory Muscle Messenger!)

➡️ คืออะไร? (What is it?): Irisin (อ่านว่า ไอ-ริ-ซิน) เป็น "ไมโอไคน์ (Myokine)" หรือสารที่มีลักษณะคล้ายฮอร์โมน ซึ่งถูก ปล่อยออกมาจาก "กล้ามเนื้อลาย (Skeletal muscles)" ของเราเมื่อมีการหดตัว หรือก็คือเวลาที่เรา "ออกกำลังกาย" นั่นเองครับ (Tsuchiya et al., 2021)

➡️ ทำหน้าที่อะไร? (What does it do? - ตรงนี้สุดยอดมากครับ!):

- ลดการอักเสบ (Anti-inflammatory): Irisin ช่วยลดการผลิตสารสื่ออักเสบตัวร้ายอย่าง Interleukin-1 (IL-1) และ Interleukin-6 (IL-6)

- ปกป้องเซลล์กระดูกอ่อน (Chondroprotective): ช่วย ยับยั้งการตายของเซลล์กระดูกอ่อน (Chondrocytes)

- ยับยั้งเอนไซม์ทำลายล้าง: ช่วยลดการทำงานของเอนไซม์กลุ่ม Metalloproteinases (MMP-1 และ MMP-13) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่คอย "ย่อยสลาย" หรือทำลายโครงสร้างของกระดูกอ่อน

- รักษาสภาพ Matrix: ช่วยรักษาสภาพของ Extracellular matrix (ECM) ซึ่งเป็นโครงข่ายโปรตีนที่สำคัญในกระดูกอ่อน

- กระตุ้นการแบ่งตัว: ช่วยกระตุ้นให้เซลล์กระดูกอ่อนมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวน (Li et al., 2020)

➡️ การออกกำลังกายช่วยยังไง? (How does exercise help?):

"การหดตัวของกล้ามเนื้อ (Muscle Contraction)" คือตัวกระตุ้น! เมื่อเราออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจะปล่อย Irisin เข้าสู่กระแสเลือด

มีงานวิจัยที่น่าสนใจพบว่า ระดับของ Irisin ในเลือดและในน้ำไขข้อ จะ "ยิ่งต่ำ" ในผู้ป่วยที่มีข้อเสื่อม "รุนแรงขึ้น" (Vadalà et al., 2021; Gürbüz et al., 2016) และเมื่อ Irisin ต่ำ ค่าการอักเสบ (CRP) ก็จะสูงขึ้น (Yaz-Boyla et al., 2015)

งานวิจัยยังชี้อีกว่า "การออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูง (High-intensity physical activity)" อาจจะช่วยเพิ่มระดับ Irisin ในเลือดได้ดีกว่า การออกกำลังกายความเข้มข้นต่ำ (Tsuchiya et al., 2014)

🖼️ Active Lifestyle vs. Sedentary Lifestyle

➡️ Active Lifestyle (วิถีชีวิตที่แอคทีฟ - คนที่ออกกำลังกาย):

- การเคลื่อนไหวข้อต่อ (Joint Motion) ➡️ กระตุ้นการสร้าง Lubricin มากขึ้น

- การหดตัวของกล้ามเนื้อ (Muscle Contraction) ➡️ กระตุ้นการสร้าง Irisin มากขึ้น

ผลลัพธ์: ฮีโร่ทั้งสองตัวช่วยกันปกป้องข้อต่อ ทำให้มีสารหล่อลื่นเพียงพอ การอักเสบต่ำ กระดูกอ่อนแข็งแรง นำไปสู่ ข้อเข่าที่สุขภาพดี (Healthy knee joint)

➡️ Sedentary Lifestyle (วิถีชีวิตที่เนือยนิ่ง - คนที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว):

- การเคลื่อนไหวข้อต่อน้อยลง ➡️ การสร้าง Lubricin ลดลง

การหดตัวของกล้ามเนื้อน้อยลง ➡️ การสร้าง Irisin ลดลง

ผลลัพธ์: ข้อต่อขาดฮีโร่ผู้พิทักษ์ ทำให้ขาดสารหล่อลื่น, เกิดการอักเสบได้ง่าย, และกระดูกอ่อนถูกทำลายมากขึ้น นำไปสู่ ภาวะข้อเสื่อม (Osteoarthritis)

💡 Dr. W's Take: ข้อคิดจาก Dr. W

➡️ นี่คือหลักฐานระดับโมเลกุลที่ดีมาก ที่ช่วยยืนยันว่า ทำไมเราถึงแนะนำให้ "ออกกำลังกาย" เพื่อดูแลปัญหาข้อเข่าเสื่อม มันไม่ใช่แค่เรื่องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบเข่าให้แข็งแรงเท่านั้น

➡️ มันคือการ "กระตุ้น" ให้ร่างกายของเราใช้กลไกการ "ป้องกันและซ่อมสร้าง" ตามธรรมชาติของตัวเอง!

➡️ พบว่าการออกกำลังกาย "ความเข้มข้นสูง" อาจจะช่วยเพิ่ม Irisin ได้ดีกว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และสนับสนุนประโยชน์ของการฝึกความแข็งแรง (Strength training) ซึ่งเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้ออย่างดี

➡️ ขณะเดียวกัน พบว่า "การเคลื่อนไหวข้อต่อ" เป็นสิ่งสำคัญในการสร้าง Lubricin ก็ตอกย้ำถึงความสำคัญของการทำกิจกรรมที่สม่ำเสมอและมีความหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องหนักหน่วงเสมอไป

➡️ สิ่งนี้ตอกย้ำแนวคิดที่ว่า "Exercise is Medicine" อย่างแท้จริง เพราะมันทำงานลึกลงไปถึงระดับเซลล์และโมเลกุลเลยครับ!

✨ เคสตัวอย่างจากคลินิก✨

คุณสมใจ อายุ 58 ปี เป็นพนักงานบัญชี มีอาการปวดเข่าซ้ายจากภาวะข้อเสื่อมระยะเริ่มต้นถึงปานกลางมาเป็นปี คุณสมใจมีวิถีชีวิตที่นั่งทำงานเป็นส่วนใหญ่ และ "กลัว" การออกกำลังกายเพราะเชื่อว่าจะทำให้เข่าเจ็บและเสื่อมเร็วขึ้น

การประเมิน (Assessment):

➡️ Subjective:

ปวดเข่าซ้ายตื้อๆ ฝืดๆ โดยเฉพาะตอนเช้า หรือหลังนั่งนานๆ

มีความเชื่อฝังใจว่า "การพักผ่อนคือยาที่ดีที่สุดสำหรับเข่าเสื่อม"

➡️ Objective:

บวมเล็กน้อยรอบเข่า, มีเสียงกรอบแกรบ (Crepitus), กล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps) และสะโพก (Gluteal muscles) อ่อนแรง

➡️ NKT/NMI Assessment:

พบการทำงานที่ Inhibited ของกล้ามเนื้อ VMO และ Gluteus Medius ข้างซ้าย

แผนการรักษา (Treatment Plan - เน้นการให้ความรู้และกระตุ้นกลไกธรรมชาติ):

🧠 1. Pain Science Education (PSE) & The "Hero" Story:

จุดเปลี่ยนสำคัญ! นักกายภาพฯ ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการบอกให้ไปออกกำลังกายทันที แต่เริ่มต้นด้วยการให้ความรู้

อธิบายเรื่องข้อเสื่อมว่าเป็นกระบวนการ "Wear and Repair" ไม่ใช่ "Wear and Tear" อย่างเดียว

เล่าเรื่อง "ฮีโร่ 2 ตัวที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย" ให้คุณสมใจฟังด้วยภาษาง่ายๆ:

🦸‍♂️ ในข้อเข่าของเรามี 'เจลหล่อลื่นธรรมชาติ' (Lubricin) อยู่ การที่เราขยับข้อเข่าอย่างสม่ำเสมอเนี่ย มันเหมือนกับการไปปลุกให้โรงงานผลิตเจลหล่อลื่นนี้ทำงาน ทำให้ข้อของเราไม่ฝืด ไม่เสียดสีกันครับ

🦸‍♀️ "และที่สำคัญกว่านั้น เวลาที่เราออกแรงเกร็งกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเดินหรือยกของ กล้ามเนื้อของเราจะปล่อย 'ฮอร์โมนพิทักษ์ข้อ' (Irisin) ออกมาช่วยลดการอักเสบและช่วยซ่อมแซมกระดูกอ่อนครับ"

"การนั่งนิ่งๆ เพราะกลัวเจ็บ มันก็เหมือนกับการปล่อยให้ฮีโร่สองตัวนี้หลับไป แล้วข้อเข่าของเราก็ขาดคนดูแลครับ"

การให้ความรู้แบบนี้ช่วย เปลี่ยนมุมมองของคุณสมใจจาก "ความกลัว" ไปเป็น "ความเข้าใจ" และเห็นว่าการออกกำลังกายไม่ใช่ "ภัยคุกคาม" แต่เป็น "การกระตุ้นให้ร่างกายรักษาตัวเอง"

📈 2. Load Management:

เริ่มต้นด้วยกิจกรรมที่ "กระตุ้น แต่ไม่คุกคาม" เพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นการสร้าง Lubricin

⚙️ 3. NKT/NMI Corrective Strategy:

Release กล้ามเนื้อที่ตึง, Activate กล้ามเนื้อ VMO และ Glutes ที่อ่อนแรงในท่าง่ายๆ ก่อน

🏃‍♂️💪 4. Targeted Exercise Program (เพื่อปลุกฮีโร่ทั้งสอง!):

เพื่อกระตุ้น Lubricin (เน้นการเคลื่อนไหว - Joint Motion):

เริ่มต้นด้วยการ ปั่นจักรยานอยู่กับที่แบบไม่มีแรงต้าน หรือการบริหารข้อเข่างอ-เหยียดในน้ำ (Aquatic exercise) เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของข้อต่อซ้ำๆ อย่างนุ่มนวล

เพื่อกระตุ้น Irisin (เน้นความเข้มข้นของการทำงานกล้ามเนื้อ - Muscle Contraction Intensity):

เมื่อคุณสมใจเริ่มมั่นใจและอาการปวดลดลง ค่อยๆ เพิ่ม การออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรง (Strength training) ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้ออย่างเข้มข้น

เช่น ท่าลุก-นั่งเก้าอี้ (Sit-to-stand), ท่า Leg press , ท่า Glute bridges, หรือท่า Step-ups บนบันไดเตี้ยๆ

เป้าหมายไม่ใช่การทำแบบ High-Impact HIIT แต่เป็นการ "กระตุ้น" กล้ามเนื้อให้ทำงานหนักพอที่จะกระตุ้นการหลั่ง Irisin

ผลลัพธ์ (Outcome):

อาการปวดและฝืดตึงที่เข่าของคุณสมใจลดลง

ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบเข่าและสะโพกเพิ่มขึ้น

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือทัศนคติ: คุณสมใจไม่กลัวการเคลื่อนไหวอีกต่อไป เขามีความเข้าใจว่าทุกๆ ก้าวที่เดิน หรือทุกครั้งที่ออกกำลังกาย คือการ "ปลุกฮีโร่" ในร่างกายให้มาช่วยดูแลข้อเข่าของเขา ซึ่งความเข้าใจนี้ทำให้เขามีกำลังใจที่จะดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ข้อสังเกต: เคสนี้แสดงให้เห็นว่าการนำความรู้ระดับโมเลกุล (Lubricin & Irisin) มาอธิบายด้วยภาษาง่ายๆ สามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการทำ Pain Science Education ช่วยลดความกลัว และเสริมพลังให้ผู้ป่วยหันมาดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการจัดการภาวะข้อเข่าเสื่อมในระยะยาวครับ!

📖 References:

➡️ Vadalà, M., Russo, F., De Salvatore, S., et al. (2023). The Role of Lubricin, Irisin and Exercise in the Prevention and Treatment of Osteoarthritis. International Journal of Molecular Sciences, 24(6), 5126.

➡️ Jay, G. D., & Waller, K. A. (2014). The biology of lubricin: near frictionless joint lubrication. Matrix Biology, 39, 17-24.

➡️ Kakinuma, T., Kudo, S., & Itai, Y. (2014). Effects of moderate exercise on the lubrication of the articular cartilage of the rat knee joint. Journal of Applied Physiology, 117(7), 756-762.

➡️ Li, C., Chen, J., Li, Y., et al. (2020). Irisin protects against osteoarthritis by inhibiting chondrocyte apoptosis and cartilage matrix degradation. Aging (Albany NY), 12(12), 11571–11584.

➡️ Tsuchiya, Y., & Ochi, E. (2021). Irisin and its role in chronic diseases. Endocrinology and Metabolism, 36(1), 1-13.

➡️ Tsuchiya, Y., Ando, D., Goto, K., et al. (2014). High-intensity exercise is more effective in increasing serum irisin levels than low-intensity exercise. Physiological Reports, 2(6), e12044.

➡️ Vadalà, M., De Salvatore, S., Ambrosio, L., et al. (2021). The effects of irisin on the cartilage in osteoarthritis. Journal of Clinical Medicine, 10(3), 543.

📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการกายภาพบำบัดได้ที่:

❤️ บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด (JR Physio)

เว็บไซต์: www.jrphysio.com

📍 สาขาเยาวราช:

⏰ เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร)

📞 080-425-9900

💬 Line: .cn (หรือสแกน QR Code ที่หน้าเพจ/เว็บไซต์)

💻 Facebook: https://www.facebook.com/jrphysiochinatown

🗺️ แผนที่: (ค้นหา "บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเยาวราช" บน Google Maps) หรือ https://maps.app.goo.gl/mAwdMtETvgrW2yYT9

📍 สาขาเพชรเกษม 81:

⏰ เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ)

📞 094-654-2460

💬 Line: (หรือสแกน QR Code ที่หน้าเพจ/เว็บไซต์)

💻 Facebook: https://www.facebook.com/jrphysioth

🗺️ แผนที่: (ค้นหา "บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด สาขาเพชรเกษม 81" บน Google Maps) หรือ https://maps.app.goo.gl/7XdgGKqzXQ3qfsDeA

😊 เรายินดีให้คำปรึกษาและดูแลสุขภาพของคุณครับ!

ที่อยู่

200/6 ม. 5 ถ. จามเทวี ต. ห้างฉัตร
Hang Chat
52190

เวลาทำการ

จันทร์ 17:00 - 21:00
อังคาร 17:00 - 21:00
พุธ 17:00 - 21:00
พฤหัสบดี 17:00 - 21:00
ศุกร์ 17:00 - 21:00
เสาร์ 08:00 - 21:00
อาทิตย์ 08:00 - 21:00

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ กายฮักษาคลินิกกายภาพบำบัด - Gaihugsa Physio Clinic Lampangผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram