
09/04/2024
ยาละลายลิ่มเลือดในภาษาทั่วไป ถูกพูดให้เข้าใจง่ายในมุมมองบุคคลสายอาชีพอื่น
จริงๆ หมายถึงยาถึง 3 กลุ่มที่มีข้อบ่งชี้และผลข้างเคียงแตกต่างกันเลยค่ะ
ยาละลายลิ่มเลือด (Antithrombotic drug)
ที่ว่าอาจจะเป็น
▪️ยาต้านการทำงานของเกล็ดเลือด (Antiplatelet drugs) เช่น Aspirin, Clopidogrel, Ticagrelor
▪️ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) เช่น Warfarin, Heparin เช่น Enoxaparin, DOAC เช่น Dabigatran, Rivaroxaban
▪️ยาสลายลิ่มเลือด (Fibrinolytic agents) เช่น Streptokinase, Alteplase
โดยยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด
กับยาต้านการแข็งตัวของเลือด
จะชะลอให้การเกิดลิ่มเลือดช้าลง
เพื่อให้กลไกการสลายลิ่มเลือด โดยธรรมชาติ
สามารถเอาชนะได้
ในขณะที่ยาสลายลิ่มเลือด จะเร่งกระบวนการ
สลายลิ่มเลือดโดยธรรมชาติให้เกิดไวขึ้น
โดยทั่วไปที่เป็นยากินใช้กันตอนอยู่ที่บ้าน
มักจะหมายถึง
✅ ยาต้านการทำงานของเกล็ดเลือด
ไม่ก็
✅ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ค่ะ
ส่วนยาสลายลิ่มเลือด จะให้กันที่ รพ. เพราะมีข้อห้ามมากมาย เป็นยาอันตราย และต้องติดตามขณะให้ด้วย
ซึ่งยากลุ่มสลายลิ่มเลือด มักจะพ้องกับ “ยาละลายลิ่มเลือด” แบบที่บุคคลทั่วไปใช้กันค่ะ
_______________
เวลาร่างกายต้องการสร้างลิ่มเลือดเพื่ออุดแผลใดๆ จะมีกลไกดังนี้ค่ะ
1️⃣ การแข็งตัวของเลือดปฐมภูมิ (Primary hemostasis)
▪️เกล็ดเลือดมาเกาะ collagen ที่ผนังด้วยกาวยึดชื่อ von Willebrand factor
▪️เกล็ดเลือดถูกกระตุ้นให้พร้อมทำงาน พร้อมกับหลั่งสารกระตุ้นเกล็ดเลือดตัวอื่นให้พร้อมทำงานด้วย
▪️เกล็ดเลือดมาเกาะกลุ่มกันโดยกาวหลวมๆชื่อ fibrinogen
2️⃣ การแข็งตัวของเลือดทุติยภูมิ (Secondary hemostasis)
▪️รอยแผลปลดปล่อยสารชื่อ tissue factor ออกมา
▪️สารนี้กระตุ้นโปรตีนช่วยแข็งตัวของเลือด (coagulation factors) เป็นทอดๆ
▪️สุดท้ายจะมีการเปลี่ยนกาว fibronogen จากขั้นตอนที่ 1 ให้เป็นกาวประสิทธิภาพสูงชื่อ Fibrin ทำให้เราได้ลิ่มเลือดที่แข็งแรงอุดแผล
3️⃣ การสลายลิ่มเลือด (Fibrinolysis)
▪️แผลปลดปล่อยสารชื่อ tissue plasminogen activators ออกมา
▪️สารนี้ทำให้ตัวย่อยลิ่มเลือดชื่อ plasminogen ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานชื่อ plasmin
▪️Plasmin เข้าไปตัดกาว fibrin ทำให้เกล็ดเลือดหลุดออกจากกัน ลิ่มเลือดเลยค่อยๆสลาย
ในภาวะปกติ กลไกฝั่งแข็งตัว กับ สลายลิ่มเลือด จะได้สมดุลกัน แต่ถ้ามีแผลขึ้นมา เช่น แผลภายนอก หรือแผลจากการฉีกขาดของคราบไขมัน (Plqgue ruptured) จะทำให้กลไกการแข็งตัวเด่นขึ้นมา จนเกิดลิ่มเลือด
ในบางโรค เราไม่อยากให้เกิดลิ่มเลือด เพราะมันจะอุดหลอดเลือด เช่น กลุ่มโรคหัวใจขาดเลือด
จึงมีการรักษาโดยการให้ยาชะลอการแข็งตัวของเลือด โดยใช้กลุ่มต้านเกล็ดเลือด และต้านการแข็งตัวของเลือด
ในรายที่เป็นรุนแรง และพึ่งเป็นมาไม่นาน ถึงจะพิจารณาให้ยาสลายลิ่มเลือดที่ รพ. เลย เพื่อเร่งเปิดหลอดเลือด
แต่เนื่องจากเป็นยาอันตราย หากเวลาผ่านไปนานแล้ว แพทย์จะไม่ให้ เพราะมีโทษมากกว่าประโยชน์ เช่น ไปสลายลิ่มเลือดจุดที่ไม่ควรสลาย ทำให้เกิดเลือดออก
ดังนั้น ลองดูดีๆว่าหมายถึงยากลุ่มไหนค่ะ
ถ้าขี้เกียจจำ แนะนำว่าพกยาติดตัวไป รพ. เสมอค่ะ