โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ Traditional Thai Medicine Hospital, PSU
นวดบำบัด ยาสมุนไพร แม่หลังคลอด สปา โทร. 074282710, 0825197196

 #โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย #มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
09/07/2025

#โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย
#มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ด้วยโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อจ้างเหมาบริการ ตำแหน่ง Spa therap...
02/07/2025

ด้วยโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อจ้างเหมาบริการ ตำแหน่ง Spa therapist จำนวน 1 อัตรา เพื่อปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ รายละเอียดดังลิงค์แนบนี้ https://acrobat.adobe.com/id/urn:aaid:sc:AP:54503034-fbed-4532-a0b6-06ddc5eec9b1

#โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย
#มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ท่านั่งที่ถูกต้อง มีข้อดียังไง? #ลดอาการเมื่อยล้าและช่วยจัดระเบียบร่างกายไปในตัว ข้อสำคัญที่หลายคนทราบกันดี  ท่านั่งทำงา...
26/06/2025

ท่านั่งที่ถูกต้อง มีข้อดียังไง?
#ลดอาการเมื่อยล้าและช่วยจัดระเบียบร่างกายไปในตัว ข้อสำคัญที่หลายคนทราบกันดี ท่านั่งทำงานที่ถูกต้องส่งผลต่อโครงสร้างร่างกายของเราอย่างเห็นได้ชัด การปรับท่านั่งที่เหมาะสมจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้หลายส่วนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นแผ่นหลัง ต้นคอ แขน ข้อมือ ต้นขา ขา ฯลฯ
#ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้ในระยะยาว ท่านั่งที่ถูกต้องตามหลัก Ergonomics มีส่วนช่วยให้สุขภาพร่างกายของเราดีขึ้นด้วย เพราะในแต่ละวันหลายคนอาจใช้เวลาในการนั่งนานถึง 1 ใน 3 ของวัน ซึ่งตามหลักการทางการแพทย์ ท่านั่งที่ถูกต้องยังส่งผลดีไปถึงระบบย่อยอาหารและระบบหายใจได้ด้วย ทำให้ไม่ต้องคอยกังวลผลเสียที่จะตามมาจากการนั่งที่ผิดวิธี
#ส่งเสริมบุคลิกภาพที่ดีในการทำงาน การนั่งในท่าที่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ยังส่งผลในให้บุคลิกภาพดีขึ้นด้วย เพราะท่านั่งที่ถูกต้องจะเป็นการนั่งในท่าหลังตรง แผ่นหลังชิดกับเบาะหลัง ตั้งคอตรง และยืดไหล่ ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้นั่ง รวมถึงอาจช่วยในเรื่องความน่าเชื่อถือ ดูภูมิฐานขึ้นเวลานั่งทำงาน
#เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แน่นอนว่าถ้าเราจัดท่านั่งทำงานได้อย่างเหมาะสมในระหว่างวัน ก็จะช่วยลดอาการเมื่อยล้าหรือออฟฟิศซินโดรมไปได้ในตัว ทำให้การทำงานของเราเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น มีสมาธิจดจ่อกับการทำงานมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาการเจ็บปวดจากการนั่งหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่จะตามมา
#เพิ่มความสะดวกสบายในการทำงาน ท่านั่งที่ถูกต้อง นอกจากจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้นั่งแล้ว ยังช่วยให้การทำงานระหว่างวันให้มีความสะดวกสบายมากขึ้นด้วย เพราะถ้าเราจัดท่าทางและองศาในการนั่งให้มีความเหมาะสมกับสรีระร่างกายของเรา ไม่ว่าจะหยิบจับสิ่งของ หรือใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ บนโต๊ะทำงานก็สะดวกขึ้นไปด้วย

🌱การปรับท่านั่งที่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics)
1. นั่งหลังตรง
สิ่งที่ถูกต้อง : หลังตั้งตรง ช่วยลดอาการปวดคอ ปวดหลัง และเสริมบุคลิกภาพให้ดีขึ้น
สิ่งที่ผิด : หลังค่อมเป็นเวลานาน นอกจากจะทำให้ดูเสียบุคลิกภาพแล้ว ยังส่งผลโดยตรงกับกระดูกสันหลัง หากติดท่านั่งทำงานแบบนี้จนเป็นนิสัยโดยไม่ขยับเลย อาจทำให้กระดูกสันหลังเกร็งค้าง จนเกิดอาการเมื่อยล้าตลอดเวลา หนักสุดกระดูกจะคดงอผิดรูปถาวรได้

2. พิงพนักเก้าอี้ให้เต็มหลัง
สิ่งที่ถูกต้อง : ให้หลังสัมผัสกับพนักเก้าอี้เพื่อลดแรงกดที่คอ ไหล่ และหลัง โดยที่หลังต้องชิดติดกับพนักพิง บริเวณก้นกบไม่ควรเหลือช่องว่าง อาจใช้อุปกรณ์เสริมเก้าอี้อย่างเบาะรองหลัง จะช่วยให้เรานั่งหลังตรงได้อัตโนมัติ ช่วยรับน้ำหนัก ทำให้แผ่นหลังไม่เกร็งตึง และนั่งทำงานนานๆ ได้สบายขึ้น ส่วนศีรษะให้ตั้งตรงหรือก้มเล็กน้อย 10-15 องศา เพื่อให้สายตาขนานกับพื้น และจะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้าเสริมด้วยเบาะรองหัว ก็จะช่วยลดอาการปวดคอ บ่า ไหล่ได้
สิ่งที่ผิด : หากไม่พิงเก้าอี้ เอวจะต้องรับน้ำหนักของร่างกายมากขึ้น ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย

3. นั่งให้เต็มก้น
สิ่งที่ถูก : ช่วยให้กระดูกเชิงกรานรับน้ำหนักอย่างเหมาะสม ลดอาการเกร็งและเมื่อยล้า
สิ่งที่ผิด : นั่งไม่เต็มเก้าอี้ ปล่อยให้ตัวเองเลื่อนไปข้างหน้า หรือนั่งทำงานแบบหลังไม่ติดพนักพิง บางทีเก้าอี้ตัวใหญ่แต่เลือกนั่งแค่ซีกเดียว โดยท่านั่งทำงานแบบนี้จะทำให้หลังของเราต้องแบกรับน้ำหนักตัวแทนก้นกบ และกล้ามเนื้อหลังต้องทำงานมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย

4. ปรับความสูงเก้าอี้ให้พอดี
สิ่งที่ถูก : ควรเลือกใช้เก้าอี้ที่สามารถปรับระดับขึ้น-ลงได้ โดยปรับเก้าอี้ให้อยู่ในระดับที่พอดี ซึ่งระดับความสูงที่เหมาะสมคือ ข้อศอกต้องทำมุม 90 องศากับโต๊ะ ส่วนสายตาของเราจะต้องอยู่ในระดับเดียวกับจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งหน้าจอก็ควรอยู่ห่างจากระดับสายตาประมาณ 18-24 นิ้ว ป้องกันแสงจากหน้าจอที่สว่างเกินไป เพื่อลดอาการปวดคอ และช่วยถนอมสายตา อีกทั้งยังไม่ควรให้สายตาเราต้องก้มหรือเงยหน้ามากจนเกินไป
สิ่งที่ผิด : หากเก้าอี้สูงหรือต่ำเกินไป ต้องก้มเงยเวลามองจอ อาจทำให้ปวดเมื่อยต้นคอและสายตาล้าได้ง่าย

5. ข้อศอกตั้งฉาก 90 องศา
สิ่งที่ถูก : ปรับท่านั่งทำงานให้ข้อศอกของเราตั้งฉาก 90 องศา หรือวางแขนให้ขนานกับโต๊ะ และให้คีย์บอร์ดอยู่ระดับเดียวกับข้อศอกหรือข้อมือ เพื่อให้บริเวณหัวไหล่ได้ผ่อนคลาย ไหล่จะได้ไม่ตกและหลังจะได้ไม่งอ ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
สิ่งที่ผิด : หากข้อศอกไม่อยู่ในระดับที่เหมาะสม อาจทำให้ปวดหัวไหล่ และส่งผลให้ข้อมือเกิดอาการอักเสบ

6. ไม่นั่งไขว่ห้าง เข่าตั้งฉาก 90 องศา
สิ่งที่ถูก : นั่งให้เข่าตั้งฉาก 90 องศา โดยให้ข้อพับแนบชิดเบาะรองนั่ง และควรปล่อยพื้นที่ใต้โต๊ะให้เป็นที่ว่าง โล่ง ซึ่งการนั่งดังกล่าวจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดอาการปวดเมื่อย และไม่เกิดแรงกดทับเส้นเลือด
สิ่งที่ผิด : การนั่งไขว่ห้างนานๆ ส่งผลให้เกิดอาการชาและเมื่อยล้า เพราะเมื่อเราลงน้ำหนักไปที่ขาและเท้าข้างใดข้างหนึ่ง เลือดบริเวณขาจะไหลเวียนได้ไม่ดี ทำให้เมื่อย กล้ามเนื้อผิดรูป และอาจทำให้กระดูกสันหลังคดงอ เส้นประสาททำงานผิดปกติ ไปจนถึงหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทได้

7. ควรมีที่วางเท้า
สิ่งที่ถูก : เท้าติดพื้นหรือมีรองเท้าเพื่อให้ขาได้พัก ลดอาการปวดเมื่อยและกล้ามเนื้อเกร็ง ช่วยเสริมให้ท่านั่งทำงานถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) มากขึ้น โดยนำไปวางไว้บริเวณข้างล่างของโต๊ะ เพื่อใช้สำหรับการวางเท้าและบรรเทาหรือป้องกันอาการออฟฟิศซินโดรมที่อาจเกิดขึ้นได้จากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน
สิ่งที่ผิด : หากปล่อยให้ขาลอย วางไม่ถึงพื้นหรือวางได้ไม่ตรงจุด อาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยจากการเกร็งของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดอาการปวดได้ขาหรือสะ

ที่มาข้อมูล
https://www.mercular.com/review-article/recommend-7-ergonomics-sitting-position
https://www.bpksamutprakan.com/care_blog/view/411

สามารถสอบถามบริการหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดบริการทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤตกษ์)
ในเวลา จันทร์-อาทิตย์ เวลา 8.30-16.30 น. I นอกเวลา พุธ-ศุกร์ เวลา 16.30-19.30 น.
สอบถามข้อมูลบริการเพิ่มเติม
โทร. 074-282710, 082-5197196
#โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย
#มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

เคยไหม? อยู่เฉย ๆ ทั้งวัน แต่กลับรู้สึกเหนื่อย เหมือนเพิ่งกลับจากปีนเขา ทั้งที่แทบไม่ได้ขยับตัวเลย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากหลา...
14/06/2025

เคยไหม? อยู่เฉย ๆ ทั้งวัน แต่กลับรู้สึกเหนื่อย เหมือนเพิ่งกลับจากปีนเขา ทั้งที่แทบไม่ได้ขยับตัวเลย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ได้แก่

1. สมองล้า แม้ร่างกายไม่ล้า (Mental Fatigue)
ในทางจิตวิทยา สิ่งที่เรียกว่า “Mental fatigue” หรือ “ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ” มักเกิดจากการที่สมองคิดวนอยู่กับเรื่องเดิม ๆ เช่น ความกังวล ความไม่แน่นอน หรือปัญหาที่ยังไม่ได้แก้ แม้คุณนั่งเฉย ๆ แต่สมองกลับทำงานหนักกว่าการลุกไปเดินเล่นเสียอีก นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า ความเครียดเรื้อรัง (chronic stress) ทำให้ฮอร์โมน คอร์ติซอล เพิ่มสูง ส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น และไม่มีแรงจะทำอะไร

2. ขาดแรงกระตุ้นจากภายใน (Lack of stimulation)
ร่างกายคนเราต้องการ “การกระตุ้นระดับพอดี” เพื่อให้รู้สึกมีชีวิตชีวา
ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่น่าเบื่อ เงียบ หรือไม่มีจุดโฟกัส → สมองจะเข้าสู่ภาวะ “มึน เบลอ เฉื่อย” ทางจิตวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า under stimulation
สรุปคือ อยู่เฉยเกินไปก็เหนื่อยได้นะครับ เพราะสมองไม่มีอะไรให้จัดการแต่ก็ไม่ได้นอนพักจริง ๆ

3. หลับไม่ลึก ร่างกายไม่ฟื้น (Sleep & Brain Detox)
เวลาหลับ สมองเราจะมีระบบกรองของเสียที่เรียกว่า Glymphatic system
ถ้าคุณหลับไม่ลึก ระบบนี้จะทำงานไม่เต็มที่ → สมองไม่สดใส → ร่างกายรู้สึกเหนื่อยแม้ตื่นมาแล้ว แถมการใช้จอมือถือก่อนนอนก็รบกวนเมลาโทนิน ทำให้วงจรการหลับ-ตื่นเสียสมดุลอีกต่างหาก

4. รับรู้ข้อมูลเกินขีดจำกัด (Cognitive overload)
อยู่กับหน้าจอนานเกินไป โดยเฉพาะการเสพข่าวหรือเลื่อน feed ทำให้สมองถูกกระตุ้นด้วยข้อมูลแบบไม่หยุดพัก นี่คือสิ่งที่นักจิตวิทยาเรียกว่า “cognitive overload” หรือ “การโอเวอร์โหลดของข้อมูลในสมอง”
สมองต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการกรอง เลือก และประมวลผล → สุดท้ายเรารู้สึกเหนื่อยโดยไม่รู้ตัว

5. ความคิดวนซ้ำ (Overthinking)
การที่เรานั่งเฉย ๆ ทั้งวัน แต่ คิดเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา เช่น ความผิดพลาดในอดีต หรือกังวลอนาคต จะนำไปสู่สิ่งที่จิตวิทยาเรียกว่า Ruminative Thinking หรือ “การคิดวนหลุมดำ” ส่งผลให้เราเครียด เหนื่อย และวิตกกังวล ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

6. ความรู้สึกไม่มีเป้าหมาย (Lack of Progress)
ทางจิตวิทยามีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Goal Disengagement คือเมื่อคนเรารู้สึกว่า “วันนี้ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีอะไรสำเร็จ” แม้ไม่ได้ทำอะไร แต่จิตใจจะรู้สึก หมดแรง เพราะไม่เห็นความคืบหน้าในชีวิต ความรู้สึกว่า "วันนี้ก็เหมือนเดิมอีกวัน" ทำให้สมองหลั่ง โดปามีน ต่ำลง → พลังใจก็หายตาม

7. ภาวะซึมเศร้าแฝง (Hidden Depression)
หากคุณรู้สึกเหนื่อย เบื่อ เฉื่อย ติดต่อกันหลายวัน และไม่มีแรงแม้ทำสิ่งที่เคยชอบ อาจเป็นสัญญาณของภาวะ “ซึมเศร้าแฝง (Atypical Depression)”
ซึ่งไม่จำเป็นต้องร้องไห้หรือเศร้าหนัก แต่แสดงออกผ่านความเหนื่อยล้าและหมดไฟ

✌️✌️✌️เหนื่อย...ไม่ได้แปลว่าคุณขี้เกียจหรือไม่มีพลัง
แต่ร่างกายและจิตใจของคุณอาจกำลังขาดความสมดุล
การพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ ขยับร่างกายเบา ๆ และฝึกใจให้สงบ
คือทางออกง่าย ๆ ที่ช่วยลดความเหนื่อยแบบไม่รู้ตัวนี้ได้ครับ💚💚💚

การรักษาทางการแพทย์แผนไทย สามารถช่วยบรรเทาหรือปรับสมดุลร่างกาย อารมณ์ จิตใจได้ สามารถสอบถามบริการหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดบริการทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤตกษ์)
ในเวลา จันทร์-อาทิตย์ เวลา 8.30-16.30 น. I นอกเวลา พุธ-ศุกร์ เวลา 16.30-19.30 น.
สอบถามข้อมูลบริการเพิ่มเติม
โทร. 074-282710, 082-5197196

#โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย
#มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์


โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ร่วมจัดบูธในงานHealthy Living Songkhla 2025 โดยมีกิจกรรม worksh...
13/06/2025

โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ร่วมจัดบูธในงาน
Healthy Living Songkhla 2025 โดยมีกิจกรรม workshop 👥

📅 จัดระหว่างวันที่ 12 - 15 มิถุนายน 2568
🕓 เวลา 10.00 - 20.00 น.
📍 ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี

 #ภูมิแพ้อากาศหรือจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) เป็นโรคภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อจมูกเมื่...
06/06/2025

#ภูมิแพ้อากาศหรือจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) เป็นโรคภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย เป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อจมูกเมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้และอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบเฉียบพลัน ส่งผลให้เกิดการระคายเคือง ทำให้โพรงจมูกเกิดการอักเสบ และแสดงอาการต่าง ๆ ตามมา สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

📌ลักษณะอาการที่สำคัญ ได้แก่ คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม และคันจมูก ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การนอนหลับ และสมรรถภาพในการทำงานหรือเรียนหนังสือ

สำหรับผู้ที่ต้องการปรึกษาและรักษาโรคภูมิแพ้อากาศด้วยการแพทย์แผนไทย สามารถเข้ารับการตรวจประเมินได้ ณ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยสามารถสอบถามข้อมูลการรักษาได้ที่ 074-282710 หรือ 082-5197196

ข้อมูลประสิทธิภาพการรักษา เพิ่มเติม
https://www.ttmed.psu.ac.th/th/blog/332

#โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย
#มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

04/06/2025
31/05/2025
31/05/2025

ที่อยู่

Hat Yai

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 16:30
อังคาร 08:30 - 16:30
พุธ 08:30 - 19:30
พฤหัสบดี 08:30 - 19:30
ศุกร์ 08:30 - 19:30
เสาร์ 08:30 - 16:30
อาทิตย์ 08:30 - 16:30

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์:

แชร์