Lurlaxy Cream เลอแลกซ์ซี่ครีม ครีมยานวดสมุนไพร ปวดขา ปวดเข่า ปวดข้อ ปวดหลัง

Lurlaxy Cream เลอแลกซ์ซี่ครีม ครีมยานวดสมุนไพร ปวดขา ปวดเข่า ปวดข้อ ปวดหลัง เลอแลกซ์ซี่ครีม ยานวดสมุนไพรบรรเทา

มารู้จักคุณนะประโยชน์ของ " #ขมิ้นชัน" พืชมหัศจรรย์ กันหน่อยขมิ้น หรือ ขมิ้นชัน ชื่อสามัญ Turmericขมิ้น ชื่อวิทยาศาสตร์ C...
31/01/2022

มารู้จักคุณนะประโยชน์ของ " #ขมิ้นชัน" พืชมหัศจรรย์ กันหน่อย

ขมิ้น หรือ ขมิ้นชัน ชื่อสามัญ Turmeric

ขมิ้น ชื่อวิทยาศาสตร์ Curcuma longa L. จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)

ขมิ้น เป็นพืชล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูลขิง มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าจะเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีตั้งแต่สีเหลืองเข้มจนถึงสีแสดจัด โดยถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีชื่ออื่น ๆ อีก เช่น ขมิ้นชัน ขมิ้นแกง ขมิ้นหยอก ขมิ้นหัว ขี้มิ้น หมิ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละภาคและจังหวัดนั้น ๆ นิยมนำไปใช้ในการประกอบอาหาร แต่งสี แต่งกลิ่นอาหาร เช่น แกงไตปลา แกงกะหรี่ เป็นต้น

ขมิ้นชันอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และเกลือแร่ต่าง ๆ รวมไปถึงเส้นใย คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน เป็นต้น และขมิ้นชันมีสรรพคุณทางยาที่รักษาอาการและโรคต่าง ๆ ได้หลายชนิด มีประวัติในการนำมาใช้ในการรักษามากกว่า 5,000 ปี สำหรับขมิ้นชันที่จะนำมาใช้ประโยชน์นั้น การเก็บเกี่ยวไม่ควรเก็บในระยะที่ขมิ้นเริ่มแตกหน่อ เพราะจะทำให้สารที่มีประโยชน์อย่างเคอร์คูมินในขมิ้นมีน้อย ส่วนเหง้าที่เก็บมาต้องมีอายุอย่างน้อย 9-12 เดือน และต้องไม่เก็บไว้นานเกินไป และไม่ให้ถูกแสงแดด เพราะน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นจะหมดไปเสียก่อน

เมื่อได้เหง้ามาแล้ว หากจะนำไปรับประทานเพื่อใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ ควรล้างให้สะอาดก่อน และไม่ต้องปอกเปลือก แต่หั่นเป็นแว่นชิ้นบาง ๆ แล้วนำไปตากแดดสัก 2 วันแล้วนำมาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นเม็ดเล็ก ๆ เท่าปลายนิ้วก้อย แล้วนำมารับประทานวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 2-3 เม็ด หลังอาหารและช่วงก่อนนอน หรือจะนำเหง้าแก่มาขูดเอาเปลือกออกแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด นำมาบดให้ละเอียด เติมน้ำแล้วคั้นเอาแต่น้ำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง หากนำขมิ้นมาใช้เป็นยาทาภายนอก เพื่อรักษาอาการแพ้ ผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ แมลงสัตว์กัดต่อย ให้นำเหง้าขมิ้นมาฝนผสมกับน้ำต้มสุก แล้วทาบริเวณที่เป็นวันละ 3 ครั้ง หรือจะนำเอาผงขมิ้นมาโรยก็ใช้ได้เช่นกัน

วิธีกินขมิ้นชัน
มีการศึกษาพบว่า การรับประทานขมิ้นตามเวลาที่อวัยวะต่าง ๆ กำลังทำงาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของขมิ้นให้มากขึ้น โดยวิธีกินขมิ้นชันควรรับประทานขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้ตามการรักษา

เวลา 03.00-05.00 น. ช่วงเวลาของปอด หากรับประทานช่วงเวลานี้จะช่วยในการบำรุงปอดช่วยให้ปอดแข็งแรง ช่วยป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูก ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง และช่วยเรื่องภูมิแพ้ หายใจไม่สะดวก
เวลา 05.00-07.00 น. ช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ สำหรับผู้ที่ขับถ่ายไม่เป็นเวลาหรือรับประทานยาถ่ายมานาน หากรับประทานขมิ้นในช่วงนี้จะช่วยฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ให้บีบรัดตัว เพื่อช่วยให้ขับถ่ายได้อย่างเป็นปกติ ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ขับถ่ายน้อยหรือมากจนเกินไป และช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย หากรับประทานพร้อมกับโยเกิร์ต น้ำผึ้ง นมสด มะนาว หรือน้ำอุ่น จะช่วยชะล้างผนังลำไส้ให้สะอาดได้
เวลา 07.00-09.00 น. ช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร จะช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง และยังช่วยแก้อาการปวดเข่า ขาตึง บำรุงสมอง ป้องกันโรคความจำเสื่อมได้อีกด้วย จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารที่เกิดจากการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และยังลดอาการท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมองและป้องกันความจำเสื่อมได้
เวลา 09.00-11.00 น. ช่วงเวลาของม้าม ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลบริเวณปาก บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน โรคเกาต์ การอ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป
เวลา 11.00-13.00 น. ช่วงเวลาของหัวใจ ช่วยบำรุงหัวใจให้มีสุขภาพแข็งแรง
เวลา 15.00-17.00 น. ช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ ช่วยบำรุงหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้อาการตกขาว และการทำให้เหงื่อออกในช่วงเวลานี้จะช่วยทำให้ร่างกายขับสารพิษออกไปจากร่างกายได้มาก
เวลา 17.00 น. จนถึงเวลาเข้านอน การรับประทานขมิ้นในช่วงนี้จะช่วยทำให้ความจำดีขึ้น เมื่อตื่นนอนจะไม่อ่อนเพลีย การขับถ่ายก็จะดีขึ้นด้วย
การหาซื้อขมิ้นมารับประทานเองไม่ว่าจะเป็นแบบผงหรือแบบแคปซูล ควรจะซื้อจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน มีความสะอาด ปลอดสารเคมี ไม่มีสารสเตียรอยด์ปลอมปน และในกระบวนการผลิตนั้นต้องไม่ผ่านความร้อนเกิน 65 องศา เพื่อคงคุณภาพของขมิ้น ใส่ใจกันสักนิดเพราะบางคนซื้อมารับประทานเองทุกวัน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย

สรรพคุณของขมิ้น
ขมิ้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยในการชะลอวัยและชะลอการเกิดริ้วรอย
ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนังมีสุขภาพดีแข็งแรง
ขมิ้นชันอาจมีบทบาทช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง เช่น โรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งปากมดลูก
ขมิ้นสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายได้
ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
ช่วยบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน
มีส่วนช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
ช่วยลดอาการของโรคเกาต์
ช่วยขับน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร
ช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจที่มีอาการผิดปกติ
ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคความจำเสื่อม
อาจมีส่วนช่วยในการรักษาโรครูมาตอยด์ (ยังไม่ได้รับการยืนยัน)
ช่วยลดการอักเสบ
ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
ช่วยรักษาอาการแพ้และไข้หวัด
ช่วยบรรเทาอาการไอ
ช่วยรักษาอาการภูมิแพ้ หายใจไม่สะดวกให้มีอาการดีขึ้น
ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยธาลัสซีเมียฮีโมโกบิลอี
ช่วยรักษาแผลที่ปาก
ช่วยบำรุงปอดให้มีสุขภาพดีและแข็งแรง
น้ำมันหอมระเหยในขมิ้นมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง
ช่วยรักษาอาการท้องเสีย อุจจาระร่วง โดยนำผงขมิ้นชันผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอนแล้วนำมารับประทานครั้งละ 3 เม็ด 3 เวลา
ช่วยแก้อาการจุดเสียด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ช่วยรักษาโรคลำไส้อักเสบ
ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้
ช่วยรักษาอาการลำไส้ใหญ่บวม
ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร
ช่วยในการขับลม
ช่วยบรรเทาอาการนิ่วในถุงน้ำดี
มีฤทธิ์ในการช่วยขับน้ำดี
ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร และทำความสะอาดลำไส้
ช่วยบำรุงตับ ป้องกันตับอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ และป้องกันตับจากการถูกทำลายของยาพาราเซตามอล
ช่วยบำรุงหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง
ช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวาร
ช่วยแก้อาการตกเลือด ด้วยการนำขมิ้นสดมาตำให้ละเอียด แล้วคั้นเอาน้ำมาผสมกับน้ำปูนใสแล้วรับประทาน
ช่วยแก้อาการตกขาว
ช่วยรักษาอาการปวดหรืออักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ
ช่วยแก้อาการน้ำเหลืองเสีย
ช่วยแก้ผื่นคันตามร่างกาย
ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคัน
ช่วยรักษากลาก เกลื้อน ด้วยการใช้ผงขมิ้นผสมกับน้ำ นำมาทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อนทุกวัน วันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาโรคผิวหนังพุพอง ตุ่มหนองให้หายเร็วยิ่งขึ้น
ช่วยรักษาแผลจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ ด้วยการนำขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วตำจนละเอียด คั้นเอาแต่น้ำมาทาบริเวณดังกล่าว
มีฤทธิ์ในการต่อต้านและฆ่าเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง และต่อต้านยีสต์ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ
ช่วยต่อต้านปรสิตหรือเชื้ออะมีบาที่เป็นต้นเหตุของโรคบิดได้
ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เช่น แบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคท้องเสีย แบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง เป็นต้น
มีฤทธิ์ในการต่อต้านการกลายพันธุ์ ต้านสารก่อมะเร็งที่มีความเกี่ยวข้องกับโรคที่เกิดจากการเสื่อมของร่างกาย และโรคเบาหวาน
ช่วยสมานแผลตามร่างกายให้หายเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการนำผงขมิ้นมาผสมกับน้ำแล้วทาลงบนบาดแผล และยังช่วยให้บาดแผลไม่ให้ติดเชื้อของกระต่ายและหนูขาวได้ และสามารถเร่งให้แผลที่ติดเชื้อหายได้
ขมิ้นยังมีสรรพคุณช่วยในการป้องกันการงอกของขนอีกด้วย โดยผู้หญิงชาวอินเดียมักนำขมิ้นมาทาผิวเพื่อป้องกันไม่ให้ขนงอก
ขมิ้นชันขัดผิว ใช้ทำทรีตเมนต์พอกผิวขัดผิวด้วยขมิ้น ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มนวล ขาวผ่องใส เต่งตึง ด้วยการนำขมิ้นสดมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปปั่นรวมกับดินสอพอง 2-3 เม็ด แล้วผสมกับมะนาว 1 ลูก ปั่นจนเข้ากัน นำมาพอกหน้าหรือผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ขมิ้นเป็นส่วนประกอบของทรีตเม้นต์รักษาสิวเสี้ยน สิวผด สิวอุดตัน
ขมิ้นเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งในเครื่องสำอางบำรุงผิวต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันแมลงศัตรูพืชได้อีกด้วย
ผลข้างเคียงของขมิ้นชัน
การรับประทานขมิ้นเพื่อการรักษาโรคใด ๆ ก็ตาม ถ้าหากเรารู้ว่าเราเป็นโรคอะไร แล้วรับประทานไปเรื่อย ๆ จนโรคนั้นหายไปแล้ว ก็ควรหยุดรับประทาน ถึงแม้ขมิ้นจะมีประโยชน์ก็จริง แต่หากร่างกายได้รับมากเกินความต้องการอาจจะกลายเป็นโทษเสียเอง ขมิ้นชันมีผลข้างเคียงคืออาการแพ้ เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดหัว นอนไม่หลับ ดังนั้นหากคุณรับประทานขมิ้นแล้วมีอาการดังกล่าว ควรหยุดรับประทานและหายาชนิดอื่นรับประทานแทน และยังมีความเชื่อเรื่องโทษและข้อเสียของขมิ้นในแถบภาคใต้ว่า การรับประทานขมิ้นที่มากเกินไปและถี่เกินไปนั้นแทนที่จะช่วยป้องกันโรคมะเร็ง อาจจะเป็นมะเร็งเสียเอง

อย่างไรก็ตาม คุณควรสังเกตอาการของตัวคุณเองด้วย เนื่องจากอาการท้องเสียนั้นเป็นอาการข้างเคียงทั่วไป อาจมีสาเหตุมาจากยาชนิดอื่นหรือจากภาวะของโรคที่เป็นอยู่แล้วร่วมด้วยก็เป็นได้ ดังนั้นคุณควรสังเกตอาการของตัวคุณเองด้วยว่าเดิมกินยาอื่นแล้วไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ แต่เพิ่งมามีปัญหาเมื่อตอนรับประทานขมิ้นร่วมด้วย ก็ควรสงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นผลข้างเคียงของขมิ้นก็ได้ แต่ทั้งนี้ถ้าคิดว่าเป็นผลข้างเคียงของขมิ้น คุณก็อาจจะรับประทานขมิ้นต่อไปได้ ด้วยการรับประทานซ้ำ และค่อย ๆ ปรับขนาดยา จาก 1 เม็ด เป็น 2 เม็ดต่อครั้ง แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ ก็อาจจะทำให้รับประทานขมิ้นต่อไปได้

การรับประทานอย่างพอประมาณและเหมาะสม รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ งดพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคคือสิ่งที่ถูกต้อง บางสิ่งบางอย่างถึงแม้มันจะมีประโยชน์มากก็จริง แต่ถ้ามันมากเกินไปก็จะเป็นโทษต่อตัวเราได้ จึงไม่ควรหลงละโมภ และรับประทานทานอย่างไร้สติ

ผิวสวยด้วยขมิ้น
1.สูตรขมิ้นสด (ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ)

ผิวสวยด้วยขมิ้นสูตรแรก ให้นำขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำไปปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
เสร็จแล้วนำมาปั่นด้วยเครื่องปั่น แล้วนำมาใส่กระปุกแช่ในตู้เย็นให้ครบ 1 สัปดาห์
ใช้คอตตอนบัดปั่นหูจิ้มน้ำขมิ้นแล้วนำมาทาหน้าก่อนล้างหน้า 15 นาที
ควรใช้ตอนเย็นหรือก่อนนอน เพราะอาจทำให้หน้าเหลือง ต้องล้างประมาณ 2 ครั้งถึงจะออกหมด
2.สูตรขมิ้นสด / ดินสอพอง / มะนาว (ช่วยให้ผิวหน้าผ่องใสเนียนเรียบ อ่อนเยาว์ สิวยุบเร็ว)

เตรียมวัตถุดิบดังนี้ ขมิ้นสดเล็กน้อย / ดินสอพอง 3 เม็ด / น้ำมะนาว 1 ผล
นำขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
นำขมิ้นที่หั่นแล้วมาปั่นรวมกับดินสอพองและน้ำมะนาวจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
จะได้เนื้อครีมเข้มข้น ล้างหน้าให้สะอาดแล้วนำครีมที่ได้มาพอกทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก
ควรทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งจะช่วยให้เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น
3.สูตรผงขมิ้น / น้ำมะนาว (ช่วยให้หน้าเนียนใส ช่วยลดอาการบวมแดงจากสิว ช่วยลดสิวและช่วยให้สิวยุบเร็ว)

นำผงขมิ้นมาผสมกับน้ำมะนาวพอข้น
นำมาแต้มบริเวณที่เป็นสิวก่อนนอนหรือจะพอกทั่วใบหน้าก็ได้
ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาทีแล้วล้างออก (หรือจนกว่าจะรู้สึกว่าแสบก็ให้ล้างออกได้เลย)
4.สูตรผงขมิ้น / น้ำนม (บำรุงผิวหน้าให้ผ่องใส อ่อนเยาว์ รักษาสิวเสี้ยน กระชับรูขุมขน รักษาแผลสิว)

นำผงขมิ้นผสมกับน้ำนมให้เข้ากัน
ล้างหน้าให้สะอาด แล้วนำขมิ้นที่ได้มาขัดบนผิวหน้าอย่างเบามือจนทั่วใบหน้า
พอกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ๆ
5.สูตรผงขมิ้น / น้ำผึ้ง (บำรุงผิวหน้าให้ผ่องใส อ่อนเยาว์ รักษาสิวเสี้ยน กระชับรูขุมขน รักษาแผลสิว)

นำผงขมิ้นผสมกับน้ำผึ้ง ผสมให้เข้ากัน
ล้างหน้าให้สะอาด แล้วนำขมิ้นที่ได้มาขัดบนผิวหน้าอย่างเบามือจนทั่วใบหน้า
แล้วพอกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ๆ
6.สูตรผงขมิ้น / ดินสอพอง (ช่วยฆ่าเชื้อโรค บรรเทาอาการสิว)

นำดินสอพองมาผสมกับผงขมิ้นแล้วคนให้เข้ากัน
เสร็จแล้วนำมาแต้มที่หัวสิว
หากจะนำมาพอกหน้าควรลดปริมาณผงขมิ้นลงจากเดิม
7.สูตรน้ำขมิ้น / นมสด / ดินสอพอง (ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง เรียบเนียน ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย แก้อาการผดผื่นคัน)

การทำน้ำขมิ้นให้นำขมิ้นสดมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นแว่นแล้วตำจนแหลก ผสมกับน้ำเล็กน้อย แล้วกรองเอาน้ำด้วยผ้าขาวบาง
เตรียมวัตถุดิบดังนี้ น้ำขมิ้น 1 ช้อนชา / นมสด 2 ช้อนชา / และดินสอพองสะตุ 5 เม็ดใหญ่
นำดินสอพองมาบดจนละเอียด แล้วใส่นมสด น้ำขมิ้นผสมลงไปคนให้เข้ากัน
นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
8.สูตรขมิ้นแห้ง / ว่านนางคำ / ไพล / ดินสอพอง (สูตรบำรุงผิว ลดสิว)

เตรียมวัตถุดิบดังนี้ ขมิ้นแห้ง 25 กรัม / ว่านนางคำ 200 กรัม / ไพล 50 กรัม / ดินสอพอง 1,000 กรัม
นำทุกอย่างมาผสมรวมกันแล้วบดให้ละเอียด
เสร็จแล้วนำมาพอกหน้าหรือผิวตัวประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นและตามด้วยน้ำเย็นสลับกัน
หากคุณผิวมันควรนำมาผสมกับน้ำมันมะกรูดเผาไฟ แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งควรนำไปผสมกับน้ำผึ้งหรือนมสด
แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, สนุกพีเดีย, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, เว็บไซต์มุสลิมไทยโพสต์

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)มารู้จัก " #ขมิ้นชัน" พืชมหัศจรรย์ กันหน่อย

ขมิ้น หรือ ขมิ้นชัน ชื่อสามัญ Turmeric

ขมิ้น ชื่อวิทยาศาสตร์ Curcuma longa L. จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)

ขมิ้น เป็นพืชล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูลขิง มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าจะเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีตั้งแต่สีเหลืองเข้มจนถึงสีแสดจัด โดยถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีชื่ออื่น ๆ อีก เช่น ขมิ้นชัน ขมิ้นแกง ขมิ้นหยอก ขมิ้นหัว ขี้มิ้น หมิ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละภาคและจังหวัดนั้น ๆ นิยมนำไปใช้ในการประกอบอาหาร แต่งสี แต่งกลิ่นอาหาร เช่น แกงไตปลา แกงกะหรี่ เป็นต้น

ขมิ้นชันอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และเกลือแร่ต่าง ๆ รวมไปถึงเส้นใย คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน เป็นต้น และขมิ้นชันมีสรรพคุณทางยาที่รักษาอาการและโรคต่าง ๆ ได้หลายชนิด มีประวัติในการนำมาใช้ในการรักษามากกว่า 5,000 ปี สำหรับขมิ้นชันที่จะนำมาใช้ประโยชน์นั้น การเก็บเกี่ยวไม่ควรเก็บในระยะที่ขมิ้นเริ่มแตกหน่อ เพราะจะทำให้สารที่มีประโยชน์อย่างเคอร์คูมินในขมิ้นมีน้อย ส่วนเหง้าที่เก็บมาต้องมีอายุอย่างน้อย 9-12 เดือน และต้องไม่เก็บไว้นานเกินไป และไม่ให้ถูกแสงแดด เพราะน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นจะหมดไปเสียก่อน

เมื่อได้เหง้ามาแล้ว หากจะนำไปรับประทานเพื่อใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ ควรล้างให้สะอาดก่อน และไม่ต้องปอกเปลือก แต่หั่นเป็นแว่นชิ้นบาง ๆ แล้วนำไปตากแดดสัก 2 วันแล้วนำมาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นเม็ดเล็ก ๆ เท่าปลายนิ้วก้อย แล้วนำมารับประทานวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 2-3 เม็ด หลังอาหารและช่วงก่อนนอน หรือจะนำเหง้าแก่มาขูดเอาเปลือกออกแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด นำมาบดให้ละเอียด เติมน้ำแล้วคั้นเอาแต่น้ำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง หากนำขมิ้นมาใช้เป็นยาทาภายนอก เพื่อรักษาอาการแพ้ ผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ แมลงสัตว์กัดต่อย ให้นำเหง้าขมิ้นมาฝนผสมกับน้ำต้มสุก แล้วทาบริเวณที่เป็นวันละ 3 ครั้ง หรือจะนำเอาผงขมิ้นมาโรยก็ใช้ได้เช่นกัน

วิธีกินขมิ้นชัน
มีการศึกษาพบว่า การรับประทานขมิ้นตามเวลาที่อวัยวะต่าง ๆ กำลังทำงาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของขมิ้นให้มากขึ้น โดยวิธีกินขมิ้นชันควรรับประทานขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้ตามการรักษา

เวลา 03.00-05.00 น. ช่วงเวลาของปอด หากรับประทานช่วงเวลานี้จะช่วยในการบำรุงปอดช่วยให้ปอดแข็งแรง ช่วยป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูก ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง และช่วยเรื่องภูมิแพ้ หายใจไม่สะดวก
เวลา 05.00-07.00 น. ช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ สำหรับผู้ที่ขับถ่ายไม่เป็นเวลาหรือรับประทานยาถ่ายมานาน หากรับประทานขมิ้นในช่วงนี้จะช่วยฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ให้บีบรัดตัว เพื่อช่วยให้ขับถ่ายได้อย่างเป็นปกติ ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ขับถ่ายน้อยหรือมากจนเกินไป และช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย หากรับประทานพร้อมกับโยเกิร์ต น้ำผึ้ง นมสด มะนาว หรือน้ำอุ่น จะช่วยชะล้างผนังลำไส้ให้สะอาดได้
เวลา 07.00-09.00 น. ช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร จะช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง และยังช่วยแก้อาการปวดเข่า ขาตึง บำรุงสมอง ป้องกันโรคความจำเสื่อมได้อีกด้วย จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารที่เกิดจากการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และยังลดอาการท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมองและป้องกันความจำเสื่อมได้
เวลา 09.00-11.00 น. ช่วงเวลาของม้าม ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลบริเวณปาก บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน โรคเกาต์ การอ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป
เวลา 11.00-13.00 น. ช่วงเวลาของหัวใจ ช่วยบำรุงหัวใจให้มีสุขภาพแข็งแรง
เวลา 15.00-17.00 น. ช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ ช่วยบำรุงหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้อาการตกขาว และการทำให้เหงื่อออกในช่วงเวลานี้จะช่วยทำให้ร่างกายขับสารพิษออกไปจากร่างกายได้มาก
เวลา 17.00 น. จนถึงเวลาเข้านอน การรับประทานขมิ้นในช่วงนี้จะช่วยทำให้ความจำดีขึ้น เมื่อตื่นนอนจะไม่อ่อนเพลีย การขับถ่ายก็จะดีขึ้นด้วย
การหาซื้อขมิ้นมารับประทานเองไม่ว่าจะเป็นแบบผงหรือแบบแคปซูล ควรจะซื้อจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน มีความสะอาด ปลอดสารเคมี ไม่มีสารสเตียรอยด์ปลอมปน และในกระบวนการผลิตนั้นต้องไม่ผ่านความร้อนเกิน 65 องศา เพื่อคงคุณภาพของขมิ้น ใส่ใจกันสักนิดเพราะบางคนซื้อมารับประทานเองทุกวัน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย

สรรพคุณของขมิ้น
ขมิ้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยในการชะลอวัยและชะลอการเกิดริ้วรอย
ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนังมีสุขภาพดีแข็งแรง
ขมิ้นชันอาจมีบทบาทช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง เช่น โรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งปากมดลูก
ขมิ้นสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายได้
ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
ช่วยบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน
มีส่วนช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
ช่วยลดอาการของโรคเกาต์
ช่วยขับน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร
ช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจที่มีอาการผิดปกติ
ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคความจำเสื่อม
อาจมีส่วนช่วยในการรักษาโรครูมาตอยด์ (ยังไม่ได้รับการยืนยัน)
ช่วยลดการอักเสบ
ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
ช่วยรักษาอาการแพ้และไข้หวัด
ช่วยบรรเทาอาการไอ
ช่วยรักษาอาการภูมิแพ้ หายใจไม่สะดวกให้มีอาการดีขึ้น
ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยธาลัสซีเมียฮีโมโกบิลอี
ช่วยรักษาแผลที่ปาก
ช่วยบำรุงปอดให้มีสุขภาพดีและแข็งแรง
น้ำมันหอมระเหยในขมิ้นมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง
ช่วยรักษาอาการท้องเสีย อุจจาระร่วง โดยนำผงขมิ้นชันผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอนแล้วนำมารับประทานครั้งละ 3 เม็ด 3 เวลา
ช่วยแก้อาการจุดเสียด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ช่วยรักษาโรคลำไส้อักเสบ
ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้
ช่วยรักษาอาการลำไส้ใหญ่บวม
ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร
ช่วยในการขับลม
ช่วยบรรเทาอาการนิ่วในถุงน้ำดี
มีฤทธิ์ในการช่วยขับน้ำดี
ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร และทำความสะอาดลำไส้
ช่วยบำรุงตับ ป้องกันตับอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ และป้องกันตับจากการถูกทำลายของยาพาราเซตามอล
ช่วยบำรุงหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง
ช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวาร
ช่วยแก้อาการตกเลือด ด้วยการนำขมิ้นสดมาตำให้ละเอียด แล้วคั้นเอาน้ำมาผสมกับน้ำปูนใสแล้วรับประทาน
ช่วยแก้อาการตกขาว
ช่วยรักษาอาการปวดหรืออักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ
ช่วยแก้อาการน้ำเหลืองเสีย
ช่วยแก้ผื่นคันตามร่างกาย
ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคัน
ช่วยรักษากลาก เกลื้อน ด้วยการใช้ผงขมิ้นผสมกับน้ำ นำมาทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อนทุกวัน วันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาโรคผิวหนังพุพอง ตุ่มหนองให้หายเร็วยิ่งขึ้น
ช่วยรักษาแผลจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ ด้วยการนำขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วตำจนละเอียด คั้นเอาแต่น้ำมาทาบริเวณดังกล่าว
มีฤทธิ์ในการต่อต้านและฆ่าเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง และต่อต้านยีสต์ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ
ช่วยต่อต้านปรสิตหรือเชื้ออะมีบาที่เป็นต้นเหตุของโรคบิดได้
ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เช่น แบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคท้องเสีย แบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง เป็นต้น
มีฤทธิ์ในการต่อต้านการกลายพันธุ์ ต้านสารก่อมะเร็งที่มีความเกี่ยวข้องกับโรคที่เกิดจากการเสื่อมของร่างกาย และโรคเบาหวาน
ช่วยสมานแผลตามร่างกายให้หายเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการนำผงขมิ้นมาผสมกับน้ำแล้วทาลงบนบาดแผล และยังช่วยให้บาดแผลไม่ให้ติดเชื้อของกระต่ายและหนูขาวได้ และสามารถเร่งให้แผลที่ติดเชื้อหายได้
ขมิ้นยังมีสรรพคุณช่วยในการป้องกันการงอกของขนอีกด้วย โดยผู้หญิงชาวอินเดียมักนำขมิ้นมาทาผิวเพื่อป้องกันไม่ให้ขนงอก
ขมิ้นชันขัดผิว ใช้ทำทรีตเมนต์พอกผิวขัดผิวด้วยขมิ้น ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มนวล ขาวผ่องใส เต่งตึง ด้วยการนำขมิ้นสดมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปปั่นรวมกับดินสอพอง 2-3 เม็ด แล้วผสมกับมะนาว 1 ลูก ปั่นจนเข้ากัน นำมาพอกหน้าหรือผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ขมิ้นเป็นส่วนประกอบของทรีตเม้นต์รักษาสิวเสี้ยน สิวผด สิวอุดตัน
ขมิ้นเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งในเครื่องสำอางบำรุงผิวต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันแมลงศัตรูพืชได้อีกด้วย
ผลข้างเคียงของขมิ้นชัน
การรับประทานขมิ้นเพื่อการรักษาโรคใด ๆ ก็ตาม ถ้าหากเรารู้ว่าเราเป็นโรคอะไร แล้วรับประทานไปเรื่อย ๆ จนโรคนั้นหายไปแล้ว ก็ควรหยุดรับประทาน ถึงแม้ขมิ้นจะมีประโยชน์ก็จริง แต่หากร่างกายได้รับมากเกินความต้องการอาจจะกลายเป็นโทษเสียเอง ขมิ้นชันมีผลข้างเคียงคืออาการแพ้ เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดหัว นอนไม่หลับ ดังนั้นหากคุณรับประทานขมิ้นแล้วมีอาการดังกล่าว ควรหยุดรับประทานและหายาชนิดอื่นรับประทานแทน และยังมีความเชื่อเรื่องโทษและข้อเสียของขมิ้นในแถบภาคใต้ว่า การรับประทานขมิ้นที่มากเกินไปและถี่เกินไปนั้นแทนที่จะช่วยป้องกันโรคมะเร็ง อาจจะเป็นมะเร็งเสียเอง

อย่างไรก็ตาม คุณควรสังเกตอาการของตัวคุณเองด้วย เนื่องจากอาการท้องเสียนั้นเป็นอาการข้างเคียงทั่วไป อาจมีสาเหตุมาจากยาชนิดอื่นหรือจากภาวะของโรคที่เป็นอยู่แล้วร่วมด้วยก็เป็นได้ ดังนั้นคุณควรสังเกตอาการของตัวคุณเองด้วยว่าเดิมกินยาอื่นแล้วไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ แต่เพิ่งมามีปัญหาเมื่อตอนรับประทานขมิ้นร่วมด้วย ก็ควรสงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นผลข้างเคียงของขมิ้นก็ได้ แต่ทั้งนี้ถ้าคิดว่าเป็นผลข้างเคียงของขมิ้น คุณก็อาจจะรับประทานขมิ้นต่อไปได้ ด้วยการรับประทานซ้ำ และค่อย ๆ ปรับขนาดยา จาก 1 เม็ด เป็น 2 เม็ดต่อครั้ง แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ ก็อาจจะทำให้รับประทานขมิ้นต่อไปได้

การรับประทานอย่างพอประมาณและเหมาะสม รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ งดพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคคือสิ่งที่ถูกต้อง บางสิ่งบางอย่างถึงแม้มันจะมีประโยชน์มากก็จริง แต่ถ้ามันมากเกินไปก็จะเป็นโทษต่อตัวเราได้ จึงไม่ควรหลงละโมภ และรับประทานทานอย่างไร้สติ

ผิวสวยด้วยขมิ้น
1.สูตรขมิ้นสด (ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ)

ผิวสวยด้วยขมิ้นสูตรแรก ให้นำขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำไปปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
เสร็จแล้วนำมาปั่นด้วยเครื่องปั่น แล้วนำมาใส่กระปุกแช่ในตู้เย็นให้ครบ 1 สัปดาห์
ใช้คอตตอนบัดปั่นหูจิ้มน้ำขมิ้นแล้วนำมาทาหน้าก่อนล้างหน้า 15 นาที
ควรใช้ตอนเย็นหรือก่อนนอน เพราะอาจทำให้หน้าเหลือง ต้องล้างประมาณ 2 ครั้งถึงจะออกหมด
2.สูตรขมิ้นสด / ดินสอพอง / มะนาว (ช่วยให้ผิวหน้าผ่องใสเนียนเรียบ อ่อนเยาว์ สิวยุบเร็ว)

เตรียมวัตถุดิบดังนี้ ขมิ้นสดเล็กน้อย / ดินสอพอง 3 เม็ด / น้ำมะนาว 1 ผล
นำขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
นำขมิ้นที่หั่นแล้วมาปั่นรวมกับดินสอพองและน้ำมะนาวจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
จะได้เนื้อครีมเข้มข้น ล้างหน้าให้สะอาดแล้วนำครีมที่ได้มาพอกทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก
ควรทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งจะช่วยให้เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น
3.สูตรผงขมิ้น / น้ำมะนาว (ช่วยให้หน้าเนียนใส ช่วยลดอาการบวมแดงจากสิว ช่วยลดสิวและช่วยให้สิวยุบเร็ว)

นำผงขมิ้นมาผสมกับน้ำมะนาวพอข้น
นำมาแต้มบริเวณที่เป็นสิวก่อนนอนหรือจะพอกทั่วใบหน้าก็ได้
ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาทีแล้วล้างออก (หรือจนกว่าจะรู้สึกว่าแสบก็ให้ล้างออกได้เลย)
4.สูตรผงขมิ้น / น้ำนม (บำรุงผิวหน้าให้ผ่องใส อ่อนเยาว์ รักษาสิวเสี้ยน กระชับรูขุมขน รักษาแผลสิว)

นำผงขมิ้นผสมกับน้ำนมให้เข้ากัน
ล้างหน้าให้สะอาด แล้วนำขมิ้นที่ได้มาขัดบนผิวหน้าอย่างเบามือจนทั่วใบหน้า
พอกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ๆ
5.สูตรผงขมิ้น / น้ำผึ้ง (บำรุงผิวหน้าให้ผ่องใส อ่อนเยาว์ รักษาสิวเสี้ยน กระชับรูขุมขน รักษาแผลสิว)

นำผงขมิ้นผสมกับน้ำผึ้ง ผสมให้เข้ากัน
ล้างหน้าให้สะอาด แล้วนำขมิ้นที่ได้มาขัดบนผิวหน้าอย่างเบามือจนทั่วใบหน้า
แล้วพอกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ๆ
6.สูตรผงขมิ้น / ดินสอพอง (ช่วยฆ่าเชื้อโรค บรรเทาอาการสิว)

นำดินสอพองมาผสมกับผงขมิ้นแล้วคนให้เข้ากัน
เสร็จแล้วนำมาแต้มที่หัวสิว
หากจะนำมาพอกหน้าควรลดปริมาณผงขมิ้นลงจากเดิม
7.สูตรน้ำขมิ้น / นมสด / ดินสอพอง (ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง เรียบเนียน ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย แก้อาการผดผื่นคัน)

การทำน้ำขมิ้นให้นำขมิ้นสดมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นแว่นแล้วตำจนแหลก ผสมกับน้ำเล็กน้อย แล้วกรองเอาน้ำด้วยผ้าขาวบาง
เตรียมวัตถุดิบดังนี้ น้ำขมิ้น 1 ช้อนชา / นมสด 2 ช้อนชา / และดินสอพองสะตุ 5 เม็ดใหญ่
นำดินสอพองมาบดจนละเอียด แล้วใส่นมสด น้ำขมิ้นผสมลงไปคนให้เข้ากัน
นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
8.สูตรขมิ้นแห้ง / ว่านนางคำ / ไพล / ดินสอพอง (สูตรบำรุงผิว ลดสิว)

เตรียมวัตถุดิบดังนี้ ขมิ้นแห้ง 25 กรัม / ว่านนางคำ 200 กรัม / ไพล 50 กรัม / ดินสอพอง 1,000 กรัม
นำทุกอย่างมาผสมรวมกันแล้วบดให้ละเอียด
เสร็จแล้วนำมาพอกหน้าหรือผิวตัวประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นและตามด้วยน้ำเย็นสลับกัน
หากคุณผิวมันควรนำมาผสมกับน้ำมันมะกรูดเผาไฟ แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งควรนำไปผสมกับน้ำผึ้งหรือนมสด
แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, สนุกพีเดีย, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, เว็บไซต์มุสลิมไทยโพสต์

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3019531608329562&id=1787684278180974
26/08/2021

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3019531608329562&id=1787684278180974

วิธีตรวจสอบเลข อย. ง่าย ๆ ปลอดภัยจากผลิตภัณฑ์หลอกลวง

อย. หรือ “สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา” (Food and Drug Administration) ที่ฉลากผลิตภัณฑ์นั้นเป็นเครื่องหมายที่แสดงให้ผู้บริโภครับทราบว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ได้ผ่านการพิจารณาด้านประสิทธิภาพ คุณภาพ และความปลอดภัย ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ซึ่งล่าสุดมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทำการ “สวมเลข อย.” นำเลข อย. ของผลิตภัณฑ์อื่นมาใช้บนฉลากผลิตภัณฑ์ของตนเอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนาไม่ดีของแบรนด์ผลิตภัณฑ์นั้น การไม่มีเลข อย. อย่างถูกต้องอาจเพราะมีสารอันตรายอยู่ในผลิตภัณฑ์หรือมีการผลิตที่ไม่ได้คุณภาพ เป็นอันตรายที่ผู้บริโภคอย่างเราต้องหันมาตรวจสอบ อย. และเลขที่ใบรับแจ้งเพื่อความปลอดภัยจากผลิตภัณฑ์สุขภาพลวงโลก วิธีตรวจสอบ อย. / เลขที่ใบรับแจ้ง นั้นง่ายมาก ๆ ด้วยวิธีการดังนี้ค่ะ โดยคลิกลิงค์ที่แนบมาให้นี้ และพิมพ์หมายเลขผลิตภัณฑ์ของ อย. ข้างกล่องหรือขวดนั้น ในช่องสืบค้น ก็สามารถจะทราบได้เลยว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องหรือปล่าวค่ะ

http://porta.fda.moph.go.th/FDA_SEARCH_ALL/MAIN/SEARCH_CENTER_MAIN.aspx

29/07/2021

👍เยี่ยมยอดมาก ผวจ.คนนี้ หัวเรื่อง แนวคิด​ New​ normal​ วัตถุประสงค์ ได้ใจจริงๆ
🎎 ผู้ว่าฯณรงค์​ศักดิ์​ โอสถธนากร​ ผู้​ว่าราชการ​จังหวัด​ลำปาง​ #ผู้ว่าหมูป่า
" #ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน​ "

15/04/2021

🎉👍เย้ๆๆๆ ไม่ต้องกลัวไวรัส​ร้ายอีกแล้ว ทีมแพทย์​พัฒนา​ #สมุนไพร​ไทย​ " #หัวกระชายขาว​ " ที่ใส่น้ำยาขนมจีน ม.มหิดล จด​ #สิทธิบัตร​ เรียบร้อยแล้ว

กฎหมายบังคับใช้แล้ว  #ห้ามญาติคนไข้ จ่ายเงิน รพ.เอกชนฯ กรณีฉุกเฉินเด็ดขาด หาก รพ.เรียกเงินหรือไม่ยอมรักษา โทร.1669 ทันที...
30/03/2021

กฎหมายบังคับใช้แล้ว #ห้ามญาติคนไข้ จ่ายเงิน รพ.เอกชนฯ กรณีฉุกเฉินเด็ดขาด หาก รพ.เรียกเงินหรือไม่ยอมรักษา โทร.1669 ทันที อย่างไรก็ตามเมื่อมีอาการวิกฤติฉุกเฉินให้รีบเข้า รพ.ที่ใกล้ที่สุดซึ่งมีขนาดใหญ่ทันสมัยพอเพียงจะให้การรักษาได้ มิฉะนั้นจะเสียเวลา ไม่ทันการ

โปรดช่วยกันแชร์
---
เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต คนไทยทุกคนมีสิทธิรักษาฟรีใน 72 ชม.ในทุกโรงพยาบาล ไม่มีสิทธิเรียกมัดจำหรือให้ญาติเซ็นรับสภาพหนี้ กรมสนับสนุนฯ มีหนังสือเวียนถึงรพ.ต่าง ๆ รพ.ใดเก็บเงินผู้ป่วยฉุกเฉิน มีโทษตามกฎหมายทันที (อ่านข่าวที่ลิงค์นี้ http://bit.ly/2kDFYK6)
---
วิกฤตคือ
1. #หัวใจหยุดเต้น #ไม่หายใจ ไม่ตอบสนองต่อการเรียก หรือกระตุ้น #ไม่มีชีพจร จำเป็นต้องได้รับการกู้ชีพทันที
2. การรับรู้ สติเปลี่ยนไป บอกเวลา สถานที่ คนที่คุ้นเคยผิดอย่างเฉียบพลัน
3. ไม่สามารถหายใจได้ปกติ #หายใจเร็ว แรง และ ลึก หายใจมีเสียงดังผิดปกติ พูดได้แค่สั้นๆ หรือ ร้องไม่ออก ออกเสียงไม่ได้ สำลักอุดทางเดินหายใจกับมีอาการเขียวคล้ำ
4. ระบบไหลเวียนเลือดวิกฤตอย่างน้อย 2 ข้อ คือ ตัวเย็นและซีด เหงื่อแตกจนท่วมตัว หมดสติชั่ววูบ หรือวูบเมื่อลุกยืนขึ้น
5. อวัยวะฉีกขาด เสียเลือดมาก เสี่ยงต่อการพิการ
6. อาการอื่นๆ ที่มีภาวะเสี่ยงต่อชีวิตสูง เช่น เจ็บหน้าอกรุนแรง แขนขาอ่อนแรงทันทีทันใด หรือกำลังชักขณะแรกรับที่จุดคัดแยก
---
หากยังถูกเรียกเก็บเงิน ให้โทร 1669 (สายด่วน สพฉ.- สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน)
---
ที่ผ่านมานโยบายนี้มีปัญหามาก รพ.เอกชนหลายแห่งเรียกเก็บโดยปชช.ไร้อำนาจต่อรอง เพราะชีวิตอยู่ในมือสถานพยาบาล บัดนี้เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว พวกเราปชช.ก็ต้องรู้สิทธิ และโต้แย้งเป็น จะได้ไม่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวกันอีกต่อไป
---
ข้อความนี้ดิฉันนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เป็นผู้จัดทำ

Cr.. มติชนออนไลน์

24/03/2021

📝ข้อมูลเพิ่มเติมของผู้วายชนม์ที่ชุมพรเพื่อเป็นอุทาหรณ์

วิ่งวันนึง​ 10​ กว่าโล​ ตีแบดทุกวัน​ เหล้าไม่กิน​ บุหรี่​ไม่สูบ
เสียชีวิตเมื่อคืนนี้​ แน่นหน้าอก​ หัวใจวายเฉียบพลัน​
วันเกิดเหตุ:
เป็นการแข่งขันกีฬาสีในวันที่​ 2 คือ วัน อาทิตย์ ที่ 21 เหตุเกิดช่วงประมาณ 17.20​ น. #เฮียกก​ ลงทำการแข่งเสร็จน่าจะประมาณ 15.00 น. ยังปกติ จนมาเกิดเหตุดังกล่าว ล้มหัวฟาดพื้นเสียงดังมาก เหตุเกิดสนาม​ 1 ผมนั่งอยู่สนาม​ 5 ยังได้ยินเสียงตอนหัวฟาดพื้น เฮียกกเริ่มมีอาการตั้งแต่วัน เสาร์ ที่ 20 อาการเริ่มแรกคือ เหนื่อย อ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว ตอนแรกจะไม่ลงแข่งจะหาคนลงแทน แต่คิดว่าคงไม่สบายธรรมดา ก็แข่งขันตั้งแต่วันแรกจนจบไม่มีปัญหาอะไร แต่ก่อนวันแข่งเท่าที่ทราบมา​ เฮียกก​ ได้ไปเล่นฟิตเนสแล้วมีอาการปวดหลังและทานยาคลายกล้ามเนื้อมาก่อน การเสียชีวิตสาเหตุที่สอบถามจากหมอน้อยเกิดจาก​ #เส้นเลือดในสมองแตก​1​เส้น บวกกับการล้มหัวฟาดที่รุนแรงเลยทำให้หัวกระโหลกร้าวและมีเส้นเลือกแตกเพิ่มอีก​1​เส้น​ #เลือดออกในสมอง ในที่เกิดเหตุก็มีหมอน้อย หมอไก่ พี่เล็ก 3 คนและพยาบาลอีก 3 คนที่เล่นอยู่ในสนาม ช่วยกันปั้มหัวใจปฐมพยาบาลจนมีสัญญาญชีพก่อนรถกู้ชีพ รพ.ชุมพร จะมาถึง และได้เสียชีวิตในเวลาตี​ 1 เฮียกกสุขภาพแข็งแรง เข้าฟิตเนส #ตีแบด และ​ #วิ่งมาราธอน เป็นประจำ สาเหตุหลักน่าจะมาจากอากาศในสนามที่ร้อนมากและทราบจากคนใกล้ชิดว่าเฮียกก​ชอบ​ #นอนดึก​ ตี​ 2​ - 3 เป็นประจำ
อย่าง​ไรแล้วรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ หมั่นตรวจสุขภาพบ่อยๆ อย่าคิดว่าเล่นกีฬาบ่อยๆ​ ร่างกายจะแข็งแรงเสมอไป และทานอาหารที่มีประโยชน์​ไม่ใช่ทานตามปาก​ เคสนี้เป็นอุทาหรณ์​ให้ทุกคนไม่ประมาทนะครับ

Cr.เพื่อนเฮีย​กก
🎎เผยแพร่เป็นวิทยา​ทานอุทิศ​ให้แด่​เฮียกก

🔹.🔸.🔹.🔸.🔹.🔸.🔹.🔸.🔹

ปรึกษา​ฟรี.ศูนย์​สุขภาพ​ 0950953366​

✔️ รับส่วนลดพิเศษ พิมพ์ " สนใจ​ " ใต้โพสต์👇ได้เลยจ้าา..🔥

🔹.🔸.🔹.🔸.🔹.🔸.🔹.🔸.🔹

🏆🏅อาจารย์​สาว​ ดร.​ออย​ ภาคเภสัช​ มช. นักวิจัยไทย คว้ารางวัลสมุนไพร​  #เสริมสร้างภูมิ​  #ต้านไวรัส พร้อมต่อยอดทำ​  #กัญช...
19/03/2021

🏆🏅อาจารย์​สาว​ ดร.​ออย​ ภาคเภสัช​ มช. นักวิจัยไทย คว้ารางวัลสมุนไพร​ #เสริมสร้างภูมิ​ #ต้านไวรัส พร้อมต่อยอดทำ​ #กัญชง​ - #กัญชา​ เป็นผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบ ที่สามารถทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งแบบชง หรือผง ส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้มากขึ้น

http://www.kaokrai.com/180364-2/

🔹.🔸.🔹.🔸.🔹.🔸.🔹.🔸.🔹

สอบถามผลิตภัณฑ์​หรือสั่งซื้อ​
✔️หรือ รับส่วนลดพิเศษ พิมพ์ " สนใจ​ " ใต้โพสต์👇ได้เลยจ้าา..🔥

🔹.🔸.🔹.🔸.🔹.🔸.🔹.🔸.🔹

นักวิจัยไทย คว้ารางวัลสมุนไพรต้านโควิด พร้อมต่อยอดทำกัญชาเป็นผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบ ที่สามารถ…

 #พังผืดทับเส้นประสาท​ ที่ข้อมือ คือ โรคในกลุ่มที่มีการกดทับของเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ซึ่งเกิดพังผืดที่หนาตัวขึ้นไปกดทับ...
17/03/2021

#พังผืดทับเส้นประสาท​ ที่ข้อมือ คือ โรคในกลุ่มที่มีการกดทับของเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ซึ่งเกิดพังผืดที่หนาตัวขึ้นไปกดทับถูกเส้นประสาท ทำให้ช่องที่ให้เส้นเอ็นผ่านขณะงอหรือเหยียดนิ้วแคบลง ส่งผลให้มีอาการปวดและชาตามนิ้ว เพราะเส้นประสาทถูกกดทับ และยังเป็นโรคที่นำพาไปสู่อาการกล้ามเนื้อโคนนิ้วหัวแม่มือด้านนอกลีบและอ่อนแรง

#สาเหตุของพังผืดทับเส้นประสาท​ ที่ข้อมือ

เกิดจากพังผืดบริเวณข้อมือมีขนาดใหญ่และหนามากขึ้น จนส่งผลให้เกิดความดันบริเวณข้อมือสูงมากขึ้น โดยมักเกิดจากผู้ที่ใช้ข้อมือซ้ำ ๆ ติดต่อกันหลายวันและใช้งานมากเกินไป เช่น การงอข้อมือ การแอ่นข้อมือ เป็นต้น โดยอาชีพที่เกิดความเสี่ยง คือ ชาวไร่ชาวสวน ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ หรือกีฬาที่ใช้ข้อมือมาก เป็นต้น

#อาการของพังผืดทับเส้นประสาท​ ที่ข้อมือ

มักมีอาการเริ่มต้นคือชานิ้วมือ โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง ซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อยในผู้หญิงวัยทำงาน โดยอาการชาจะค่อย ๆ เป็นบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ โดยส่วนมากมักจะมีอาการชาในตอนกลางคืนมากกว่าตอนกลางวัน และจะชาเกือบตลอดเวลาในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มือไม่ค่อยมีแรง หยิบจับของแล้วหลุดออกจากมือ และอาจไม่สามารถกำมือได้ เป็นต้น หากปล่อยทิ้งเอาไว้โดยไม่ได้รับการรักษาจะทำให้กล้ามเนื้อโคนนิ้วหัวแม่มือด้านนอกลีบได้อย่างถาวร

#วิธีการรักษาพังผืดทับเส้นประสาท​ ที่ข้อมือเบื้องต้น

ผู้ป่วยต้องเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาตามอาการและสาเหตุที่เป็น โดยมีการรักษาเบื้องต้น ได้แก่

การดามข้อมือ เป็นวิธีที่พังผืดยังไม่มีขนาดใหญ่มากโดยการดามให้ข้อมืออยู่นิ่ง ๆ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ข้อมือ โดยลดการใช้ข้อมือลงเท่าที่จะทำได้หรือทำการเปลี่ยนอุปกรณ์การทำงานให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
การผ่าตัด หากผ่าตัดบริเวณดังกล่าวจะช่วยลดการกดทับของเส้นประสาทข้อมือ

#ผ่าตัดพังผืดทับเส้นประสาท​ ที่ข้อมือหายขาดหรือไม่

การผ่าตัดสามารถรักษาโรคนี้ได้ แต่ยังมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีกหากผู้ป่วยยังมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็นพังผืดทับเส้นประสาททั้งการใช้ข้อมือบ่อย งอมือบ่อยทุกวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นหลังผ่าตัดจนหายแล้วควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือกิจวัตรประจำวันที่ใช้ข้อมือบ่อยให้ได้มากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นอีกครั้ง

การป้องกันพังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานให้ดียิ่งขึ้นเพื่อลดการเกร็งและลดการงอนิ้วมือลง

Cr.โรงพยาบาลเพชรเวช
https://www.petcharavejhospital.com/th/Article/article_detail/Carpal_unnel_syndromehttps://www.petcharavejhospital.com/th/Article/article_detail/Carpal_unnel_syndrome

มั่นใจได้เลยจ้าา..สินค้านี้บอกได้เลยว่านี่คือตัวใหม่ นี่คือตัวเก่า ในป้ายเดียวกัน.ผู้พัฒนา​คนเดียวกันคุณ​ภาพคับหลอด​ แต่...
25/02/2021

มั่นใจได้เลยจ้าา..สินค้านี้บอกได้เลยว่านี่คือตัวใหม่ นี่คือตัวเก่า ในป้ายเดียวกัน.ผู้พัฒนา​คนเดียวกันคุณ​ภาพคับหลอด​ แต่ราคาเท่าเดิม👍

ที่อยู่

Hat Yai
90110

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Lurlaxy Cream เลอแลกซ์ซี่ครีม ครีมยานวดสมุนไพร ปวดขา ปวดเข่า ปวดข้อ ปวดหลังผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท