09/01/2024
“มะขามป้อม” กับการลดผลกระทบ pm 2.5 ที่มีต่อระบบทางเดินหายใจ
PM2.5 หรือ Particulate matter with diameter of less than 2.5 micron เป็นฝุ่นขนาดเล็กที่ประกอบด้วยก๊าซพิษและโลหะหนักที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน เกิดจากการเผาไหม้จากยานพาหนะ โรงงานไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงควันพิษจากการสูบบุหรี่ เนื่องจากฝุ่นเหล่านี้มีอนุภาคที่เล็กมาก ดังนั้นจึงสามารถหลุดจากการกรองของขนจมูกเข้าสู่ถุงลมปอด และจะถูกดูดซึมจากเส้นเลือดฝอยรอบถุงลมปอดเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งทําให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ ก่อโรคในระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน และสามารถทำให้เกิดการอักเสบในอวัยวะต่างๆ และภาวะเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) อันนำไปสู่การเกิดอาการแสบตา แสบจมูก เจ็บคอ ไม่สบาย ไอและมีเสมหะ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคเรื้อรังบางอย่าง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ภูมิแพ้ มีอาการเลวลง [1]
¬จากรายงานข้อมูลสถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) พบว่าในปี 2566 ค่าฝุ่น PM2.5 สูงกว่าปีที่ผ่านมา [2] ในขณะที่ผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว ทำให้ภูมิคุ้มกันไม่ดีอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้ ดังนั้นอาหารที่เรากินทุกวันเพื่อมุ่งหวังให้เกิดภูมิคุ้มกันที่ดี ลดการอักเสบ ลดการเกิดอนุมูลอิสระน่าจะมีประโยชน์
มะขามป้อมมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phyllanthus emblica L. และมีชื่อพ้อง Emblica officinalis อยู่ในวงศ์ Euphorbiaceae มีชื่อสามัญ ได้แก่ Indian gooseberry และ Amla หมอยาพื้นบ้านเชื่อว่ามะขามป้อมเป็นยาละลายเสมหะและบำรุงเสียงได้ดีที่สุดในด้านอายุระเวทใช้แก้ไอ แก้หอบ รักษาหลอดลมอักเสบ [3]
มะขามป้อมมีองค์ประกอบทางเคมีในพืชที่มีประโยชน์หลายประการ ได้แก่ สารประกอบแทนนิน (tannins), อัลคาลอยด์ (alkaloids), สารประกอบฟีนอล (phenolic compounds), กรดอะมิโน (amino acids), วิตามิน (vitamin) และแร่ธาตุต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งสารประกอบแทนนินที่มีนั้นเป็นส่วนทำให้มะขามป้อมมีรสชาติฝาด ส่วนสารประกอบฟีนอลก็ทำให้มีคุณสมบัติยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ นอกจากนี้มะขามป้อมยังอุดมไปด้วยวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก โดยมีมากกว่าผลไม้จำพวกส้มและมะนาวอีกด้วย [4,5] มะขามป้อมจึงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ฤทธิ์ต้านอักเสบ ลดไขมันในเลือด และต้านมะเร็งปอด โดยมีการศึกษาในหนูที่ได้รับก๊าซ SO2 เป็นเวลา 30 วัน และ 60 วัน เมื่อได้รับสารสกัดของมะขามป้อมขนาด 200 mg/kg จะช่วยปรับแร่ธาตุในร่างกายให้สมดุลหลังได้รับผลกระทบจากก๊าซพิษซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ กลุ่มที่ได้รับสารสกัดมะขามป้อมมีระดับโพแทสเซียม คลอไรด์ ไบคาร์บอเนต และโซเดียมในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม การรับประทานมะขามป้อมจึงช่วยลดผลกระทบจากก๊าซพิษซัลเฟอร์ไดออกไซด์อันเป็นแหล่งกำเนิดของ PM 2.5 ได้ [6]
จากการศึกษาสารสกัดจากมะขามป้อมในเซลล์ไขกระดูกของหนู เมื่อเปรียบเทียบกับกรดแอสคอร์บิกสังเคราะห์ในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน โดยให้หนูรับประทานสารสกัดของมะขามป้อมหรือกรดแอสคอร์บิกสังเคราะห์ เป็นเวลา 7 วันติดต่อกันก่อนที่จะให้หนูได้รับการฉีดตะกั่ว (Pb) และอะลูมิเนียม (Al) เข้าช่องท้องพบว่า การได้รับสารสกัดของมะขามป้อมหรือกรดแอสคอร์บิกสังเคราะห์สามารถลดความถี่ของการเกิด sister chromatid exchanges (SCEs) ที่เกิดจากโลหะทั้งสองได้ ซึ่งสารสกัดของมะขามป้อมให้ผลการป้องกันที่ดีกว่ากรดแอสคอร์บิกสังเคราะห์ในการลดความเป็นพิษต่อพันธุกรรมที่เกิดจากโลหะหนักทั้งสอง โดยเฉพาะกับตะกั่ว***ที่สารสกัดของมะขามป้อมให้ผลการป้องกันดีกว่ากรดแอสคอร์บิกสังเคราะห์อย่างมีนัยสำคัญ อาจเกิดจากการเสริมฤทธิ์กันของกรดแอสคอร์บิกกับส่วนประกอบจากธรรมชาติอื่น ๆ ที่มีอยู่ในสารสกัดของมะขามป้อม [7] ดังนั้นสารสกัดของมะขามป้อมจึงสามารถช่วยลดผลกระทบจากพิษในสิ่งแวดล้อมได้
สารต้านอนุมูลอิสระของมะขามป้อมยังเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงสารต้านอนุมูลอิสระในมนุษย์ โดยมีการศึกษาทางคลินิกในผู้สูบบุหรี่พบว่าระดับ peroxidation ลดลงอย่างมีนัยสําคัญและสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นในกลุ่มที่ได้รับสารสกัดของมะขามป้อม 250 มก. วันละสองครั้ง เป็นเวลา 60 วัน [8] และยังมีการศึกษาในผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยเป็น metabolic syndrome พบว่าการรับประทานสารสกัดของมะขามป้อม 250 หรือ 500 มก. วันละสองครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ช่วยลดระดับไขมัน และ peroxidation และกระตุ้นระดับ GSH แสดงถึงการปรับปรุงการทำงานของเซลล์บุผนังหลอดเลือด ความเครียดจากปฏิกิริยา oxidation การอักเสบทั่วร่างกาย และระดับไขมันอย่างมีนัยสำคัญ [9] ในขณะเดียวกันมีการศึกษาการรับประทานสารสกัดของมะขามป้อม 125 มก. ในคนที่มีสุขภาพดีพบว่ามีผลต่อสารต้านอนุมูลอิสระอย่างไม่มีนัยสำคัญ [10]
การศึกษาข้างต้นบ่งชี้ว่าสารพฤกษเคมีในมะขามป้อมสามารถออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยการจํากัดการสร้างผลิตภัณฑ์ oxidation เพิ่มสถานะของสารต้านอนุมูลอิสระ และกระตุ้นระบบป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย โดยเฉพาะในการศึกษาทางคลินิกที่มีแนวโน้มว่าสามารถป้องกันการเกิด oxidation ที่เกิดจากวิถีชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ หรือการจัดการโรค เช่น metabolic syndrome
นอกจากนี้ สาร polyphenols ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในมะขามป้อมยังสามารถออกฤทธิ์ทางชีวภาพอื่นๆ ได้นอกเหนือจากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น มีฤทธิ์ป้องกันโรคหัวใจ ลดการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด และต้านมะเร็ง โดยมีการศึกษาฤทธิ์ต้านมะเร็งของมะขามป้อมพบว่าสามารถเพิ่มการทำงานของ natural killer cell และ antibody dependent cellular cytotoxicity (ADCC) ทำให้หนูมีอายุยาวขึ้น 35% [11] ช่วยต้านฤทธิ์การทำลายเซลล์จาก chromium (VI) ทำให้อนุมูลอิสระลดลง และเพิ่มการรอดชีวิตของเซลล์ ยับยั้งฤทธิ์การกดภูมิคุ้มกันของ chromium (VI) ทำให้การเกิด phagocytosis และการสร้าง gamma-IFN กลับสู่ภาวะปกติ [12]
และมีการศึกษาที่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติต้านมะเร็งของมะขามป้อมพบว่า Pyrogallol ซึ่งเป็นส่วนประกอบของสารสกัดของมะขามป้อม ทำให้เกิดการหยุดวัฏจักรของเซลล์ในระยะ G2/M ยับยั้งการแพร่กระจาย และทำให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็ง lung adenocarcinoma (H441) และ squamous cell (H520) ของมนุษย์ (H441) [13] รวมถึงสารกัดมะขามป้อมยังป้องกันรอยโรคในปอดก่อนมะเร็ง โดยวิถีการส่งสัญญาณ IL-1β /miR-101/Lin28B [14] ดังนั้นจึงสามารถนำสารกัดมะขามป้อมมาใช้ในการควบคุมรอยโรคจากการอักเสบในปอดที่อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้
การรับประทานมะขามป้อมที่เป็นผลแก่จัดจะมีรสขม อมเปรี้ยว อมฝาด เมื่อกินแล้วจะรู้สึกชุ่มคอ ใช้สำหรับช่วยละลายเสมหะ กระตุ้นให้เกิดน้ำลาย จึงช่วยแก้การกระหายน้ำได้ดีและสามารถใช้ผลแห้งประมาณ 6-10 กรัม หรือผลสดประมาณ 10 กรัม ต้มกับน้ำดื่ม หรือคั้นเอาน้ำสำหรับดื่ม [3]
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มะขามป้อมชนิดชาชงที่สามารถใช้ครั้งละ 1 ซอง ชงกับน้ำร้อนประมาณ 120 - 200 มิลลิลิตร ดื่มหลังอาหาร วันละ 3 ครั้ง เพื่อบรรเทาอาการไอ เสียงแหบ แสบคอ และใช้สำหรับบำรุงสุขภาพ เพื่อต้านอนุมูลอิสระจากมลภาวะ ละลายเสมหะ และแก้การกระหายน้ำด้วย [15]
บทความโดย
นักศึกษาเภสัชศาสตร์ ชั้นปี 6
วลัยภรณ์ จันทร์ทรัพย์กา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
เอกสารอ้างอิง
1. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. ผลกระทบของวิกฤตฝุ่น “PM2.5” และแนวทางการมีกิจกรรม
ทางกายที่ปลอดภัย [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [สืบค้นเมื่อ 21 ธันวาคม 2566]. เข้าถึงจาก https://tpak.or.th/en/article/669
2. กรมควบคุมมลพิษ. ข้อมูลดัชนีคุณภาพอากาศ [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [สืบค้นเมื่อ 21 ธันวาคม 2566]. เข้าถึงจาก
http://air4thai.pcd.go.th/webV2/aqi_info.php.
3. สุภาภรณ์ ปิติพร. สมุนไพรอภัยภูเบศรสืบสานภูมิปัญญาไทย. กรุงเทพมหานคร: ปรมัตถ์การพิมพ์; 2547:64-5.
4. Khan K. H. Roles of Emblica officinalis in Medicine - A Review. Bot. Res. Intl. 2009;2(4):218-28.
5. Dasaroju S., Gottumukkala K. M. Current Trends in the Research of Emblica officinalis (Amla): A
Pharmacological Perspective. Int. J. Pharm. Sci. Rev. Res. 2014;24(2):150-9.
6. Yadav M. Role of Emblica officinalis in mitigating the sulphur dioxide induced toxicity in rattus
norvegicus (berkenhout). Int J Pharm Sci Res 2017; 8(9): 3899-03.
7. Dhir H, Roy AK, Sharma A. Relative efficiency of Phyllanthus emblica fruit extract and ascorbic
acid in modifying lead and aluminium-induced sister-chromatid exchanges in mouse bone marrow. Environ Mol Mutagen. 1993;21(3):229-36.
8. Biswas TK, Chakrabarti S, Pandit S, Jana U, Dey SK. Pilot study evaluating the use of Emblica
officinalis standardized fruit extract in cardio-respiratory improvement and antioxidant status of volunteers with smoking history. J Herb Med. 2014;4(4):188–94.
9. Usharani P, Merugu PL, Nutalapati C. Evaluation of the effects of a standardized aqueous extract
of Phyllanthus emblica fruits on endothelial dysfunction, oxidative stress, systemic inflammation and lipid profile in subjects with metabolic syndrome: a randomised, double blind, placebo controlled clinical study. BMC Complement Altern Med. 2019;19(1):97.
10. Kapoor MP, Suzuki K, Derek T, Ozeki M, Okubo T. Clinical evaluation of Emblica Officinalis Gatertn
(Amla) in healthy human subjects: Health benefits and safety results from a randomized, double-blind, crossover placebo-controlled study. Contemp Clin Trials Commun. 2019;17:100499.
11. Suresh K, Vasudevan DM. Augmentation of murine natural killer cell and antibody dependent
cellular cytotoxicity activities by Phyllanthus emblica, a new immunomodulator. J Ethnopharmacol 1994;44(1):55-60.
12. Sai Ram M, Neetu D, Deepti P, Vandana M, Ilavazhagan G, Kumar D, Selvamurthy W.
Cytoprotective activity of Amla (Emblica officinalis) against chromium (VI) induced oxidative injury in murine macrophages. Phytother Res. 2003 ; 17(4): 430-3.
13. Yang CJ, Wang CS, Hung JY, et al. Pyrogallol induces G2-M arrest in human lung cancer cells and
inhibits tumor growth in an animal model. Lung Cancer. 2009 Nov;66(2):162-8.
14. Wang CC, Yuan JR, Wang CF, et al. Anti-inflammatory Effects of Phyllanthus emblica L on
Benzopyrene-Induced Precancerous Lung Lesion by Regulating the IL-1β/miR-101/Lin28B Signaling Pathway. Integr Cancer Ther. 2017;16(4):505-515.
15. อภัยภูเบศร สมุนไพรไทย. ชาชงมะขามป้อม [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [สืบค้นเมื่อ 21 ธันวาคม 2566]. เข้าถึงจาก
https://www.abhaithaiherbs.com