15/06/2025
👨🏫พัฒนาการทางภาษาและการพูดของเด็กนั่นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ทารกแรกเกิดและพัฒนาไปเรื่อยๆ ตามช่วงวัยและประสบการณ์ที่เด็กแต่ละคนได้พบเจอ โดยมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อพัฒนาการ เช่น พันธุกรรม สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู และการกระตุ้น
ในวันนี้ครูนาวาจะได้สรุปข้อมูลภาพรวมของพัฒนาการทางภาษาและการพูดตามช่วงวัยต่างๆ:
🎂 แรกเกิด - 3 เดือน:
ด้านรับรู้และเข้าใจภาษา : (Receptive Language)
แสดงออกทางสีหน้าและท่าทางเพื่อสื่อสาร เช่น ร้องไห้เพื่อบอกความต้องการ
เริ่มทำเสียงต่างๆ เช่น เสียงคราง เสียงอ้อแอ้
ตอบสนองต่อเสียง เช่น หันหาเสียง หยุดร้องเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
จ้องมองใบหน้าของผู้พูด
ด้านแสดงออกทางภาษา : (Expressive Language)
ส่งเสียงเล็กๆ น้อยๆ เช่น เสียงอ้อแอ้
เลียนแบบการแสดงออกทางสีหน้า
ในช่วง 4 - 6 เดือน:
ด้านรับรู้และเข้าใจภาษา : (Receptive Language)
เริ่มส่งเสียงเลียนแบบเสียงที่ได้ยิน เช่น "บา" "มา"
หันหาแหล่งกำเนิดเสียง
ตอบสนองต่อชื่อของตัวเอง
แสดงความสนใจเมื่อได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงเล่านิทาน
ด้านแสดงออกทางภาษา : (Expressive Language)
เริ่มเปล่งเสียงพยัญชนะและสระผสมกัน (babbling)
หัวเราะและส่งเสียงครางเพื่อแสดงความรู้สึก
ช่วง 7 - 12 เดือน:
ด้านรับรู้และเข้าใจภาษา : (Receptive Language)
เข้าใจคำสั่งง่ายๆ เช่น "มานี่" "ไม่เอา"
เข้าใจชื่อของสิ่งของที่คุ้นเคย เช่น ขวดนม ของเล่น
ชี้บอกความต้องการหรือสิ่งของ
โบกมือบ๊ายบาย
ด้านแสดงออกทางภาษา : (Expressive Language)
เริ่มเลียนแบบเสียงและพยางค์ที่ได้ยิน
พูดคำแรกที่มีความหมาย เช่น "แม่" "พ่อ" "หม่ำ"
ใช้ท่าทางประกอบการพูด
ช่วง 1 - 2 ปี:
ด้านรับรู้และเข้าใจภาษา : (Receptive Language)
เข้าใจคำศัพท์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ
สามารถทำตามคำสั่ง 2-3 ขั้นตอนได้
สามารถชี้บอกรูปภาพในหนังสือได้
เริ่มใช้คำถามง่ายๆ เช่น "อะไร" "ที่ไหน"
ด้านแสดงออกทางภาษา : (Expressive Language)
มีคลังคำศัพท์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (ประมาณ 50-200 คำเมื่ออายุ 2 ปี)
พูดเป็นประโยคสั้นๆ 2-3 คำ เช่น "แม่ไป" "กินนม"
เลียนแบบคำพูดและวลีที่ได้ยินจากผู้ใหญ่
เริ่มใช้สรรพนามแทนตัวเอง เช่น "หนู" "ผม"
ช่วง 2 - 3 ปี:
ด้านรับรู้และเข้าใจภาษา : (Receptive Language)
เข้าใจคำถามที่ซับซ้อนขึ้น
สามารถทำตามคำสั่งที่มีความหมายซับซ้อนได้
เข้าใจเรื่องราวสั้นๆ
สามารถระบุสีและรูปทรงง่ายๆ ได้
ด้านแสดงออกทางภาษา : (Expressive Language)
พูดเป็นประโยคที่สมบูรณ์มากขึ้น 3-4 คำขึ้นไป
ใช้คำบุพบท (เช่น ใน บน ใต้) และคำเชื่อม (เช่น และ หรือ)
เล่าเรื่องราวสั้นๆ ได้
พูดคุยโต้ตอบกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
คำศัพท์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ประมาณ 900-1000 คำเมื่ออายุ 3 ปี)
ช่วง 3 - 4 ปี:
ด้านรับรู้และเข้าใจภาษา : (Receptive Language)
เข้าใจเรื่องราวที่ยาวขึ้นและซับซ้อนขึ้น
สามารถเปรียบเทียบสิ่งของได้
เข้าใจความหมายของคำตรงข้าม
สามารถทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ทางสังคมง่ายๆ ได้
ด้านแสดงออกทางภาษา : (Expressive Language)
พูดเป็นประโยคที่ซับซ้อนขึ้น ใช้ไวยากรณ์ได้ถูกต้องมากขึ้น
ใช้คำกริยาแสดงอดีตและอนาคตได้
เล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาได้
สามารถสนทนาโต้ตอบกับผู้อื่นได้อย่างต่อเนื่อง
ออกเสียงคำส่วนใหญ่ได้ชัดเจนขึ้น
ช่วง 4 - 5 ปี:
ด้านรับรู้และเข้าใจภาษา : (Receptive Language)
เข้าใจมุขตลกและปริศนา
สามารถบอกเหตุผลและแก้ไขปัญหาได้
เข้าใจความหมายของคำนามและคำคุณศัพท์ได้มากขึ้น
สามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ได้
ด้านแสดงออกทางภาษา : (Expressive Language)
สามารถพูดได้เกือบเหมือนผู้ใหญ่ ใช้ไวยากรณ์ที่ซับซ้อนขึ้น
เล่าเรื่องราวที่มีรายละเอียดมากขึ้น
สามารถแสดงความคิดเห็นและอธิบายสิ่งต่างๆ ได้
สามารถปรับการพูดให้เข้ากับสถานการณ์และผู้ฟังได้
ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการทางภาษาและการพูด:
👉 พันธุกรรม: มีผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ภาษา
👉สภาพแวดล้อม: การได้รับสิ่งกระตุ้นทางภาษาอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ
👉การเลี้ยงดู: การพูดคุย อ่านหนังสือ และเล่นกับเด็กช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา
👉สุขภาพ: ปัญหาการได้ยิน ปัญหาทางระบบประสาท หรือความผิดปกติอื่นๆ อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางภาษา
👨⚕️ การกระตุ้น: การส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสสื่อสารและแสดงออกทางภาษา
🙅♂️สัญญาณที่ควรระวังและปรึกษาแพทย์/ผู้เชี่ยวชาญ:
12 เดือน: ไม่ตอบสนองต่อเสียง ไม่เปล่งเสียงอ้อแอ้ ไม่ชี้บอกความต้องการ
18 เดือน: ไม่มีคำศัพท์ที่มีความหมาย ไม่ทำตามคำสั่งง่ายๆ
2 ปี: ไม่มีคำศัพท์ถึง 50 คำ ไม่พูดเป็นวลีหรือประโยค ไม่เลียนแบบคำพูด
3 ปี: พูดไม่ชัดเจนจนคนอื่นไม่เข้าใจ ไม่สามารถสนทนาโต้ตอบได้ ไม่สามารถทำตามคำสั่งง่ายๆ ได้
👨🏫 การเข้าใจพัฒนาการทางภาษาและการพูดของเด็กจะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาการของลูกได้อย่างเหมาะสม และสามารถสังเกตสัญญาณผิดปกติเพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ทันท่วงที