จ้อย เพชรฆาตหน้าเรียว ปรับสมดุลใบหน้านวดหน้าบำบัด

จ้อย เพชรฆาตหน้าเรียว ปรับสมดุลใบหน้านวดหน้าบำบัด นวดหน้า นวดกษัย นวดไทย นวดหินร้อน

ใบหน้าต้องการออกกำลังกายเพื่อความ เฟริ์มและกระชับ การนวดหน้าเรียวสไตล์พราวิเนียแก้ปัญหาได้แน่นอน นอกจากนี้เรายังมีบริการกัวซาหน้า สปาหน้าทั้งบุรุษและสุภาพสตรี ติดต่อคุณจ้อย 0815458529

08/01/2023

ไปเจอตำรายาผีบอกเลยเอามาฝากกัน

ยาผีบอก คือ ยาที่ได้จากการฝัน หรือ เข้าทรงโดยผู้มาเข้าฝันหรือผู้เข้าทรงบอกตำรับยา เพื่อให้ผู้ใช้หายจากโรคเป็นการเอาบุญ เมื่อหายแล้วผู้ใช้ยาต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าของตำรับด้วย

ยาพอกแผล
ยาพอกแผลมีตัวยา 6 อย่าง คือ
1. ดอกชบาแดง 2. ใบชบาแดง 3. ทองสามย่าน 4. ใบตำลึง 5. ใบผักปริง6. หางตะเข้
วิธีปรุงยา เอาตัวยาทั้งหมดอย่างละเท่าๆ กัน ตำแล้วเคล้ากับสุรา ใช้พอกก็ได้ ทาก็ดี

เป็นลมพิษ ถูกตัวบุ้งคัน
มีตัวยาแก้ง่ายๆ ดังนี้
1. ใบตำลึง 2. สุราขาวหรือเหล้า 28 ดีกรี
สรรพคุณ แก้ปวดแผลต่างๆ บรรดาแผลที่ปวดแสบปวดร้อนยิ่งถูกกัน
วีธีปรุงยา เอาใบตำลึง ตำหรือบี้ แล้วคลุกกับเหล้าใช้ทาตรงที่เป็นลมพิษ หรือถูกตัวบุ้งคัน อาการคันจากตัวบุ้งและลมพิษก็จะหาย

ยารักษาริดสีดวงจมูก (ไซนัส)
มีอยู่ 2 ขนาน ขนานที่ 1 ตัวยามี 6 อย่างคือ
1. ขิงแห้ง 2. เจตมูลเพลิง 3. ดีปลี 4. ตองตึง 5. พริกไทย 6. รากสลิด
วิธีปรุงยา ตัวยาทั้งหมดอย่างละ 1 ส่วน ตำให้เป็นผงแล้วละลายกับน้ำร้อนรับประทาน
ขนานที่ 2 มีตัวยา 15 อย่างคือ
1. กระวาน 1 ส่วน 2. โกฐสอ 1 ส่วน 3. เจตมูลเพลิง 2 ส่วน 4. ชะเอม 1 ส่วน 5. ดีปลี 1 ส่วน 6. ตองตึง 1 ส่วน 7. เทียนขาว 1 ส่วน 8. เทียนเยาวพานิ 1 ส่วน9. เทียนสัตตบุษย์ 1 ส่วน 10. บุกรอ 1 ส่วน 11. ผลมะกล่ำใหญ่ 1 ส่วน 12. มะขามป้อม 1 ส่วน13. สมอไทย 1 ส่วน 14. สมอเทศ 2 ส่วน 15. สมุลแว้ง 1 ส่วน
วิธีปรุงยา เอาตัวยาทั้งหมดตำให้เป็นผง ละลายน้ำร้อนรับประทาน
ยาแก้โรคหนองใน
ยาขนานนี้เป็นยาขนานโบราณ ซึ่งใช้กันได้ผลทีเดียว ตัวยามี 4 อย่างคือ
1. กำมะถันเหลือง หนัก 1 บาท 2. ยาข้าวเย็นทั้ง 2 หนักอย่างละ 10 บาท
3. รากไม้รวก หนัก 30 บาท (ยาข้าวเย็นทั้ง 2 อย่าง รวมเป็น 4 อย่าง)
วิธีปรุงยา เอาตัวยาทั้ง 4 อย่างต้มกินเช้ากินเย็น

ยาแก้น้ำนมแห้ง
สตรีบางคนเกิดลูกแล้วน้ำนมเกิดแห้ง เพราะอาการภายในเกิดสำแดงจึงไม่มีน้ำนมให้ลูก ควรใช้ยาขนานนี้ ซึ่งมีตัวยาอยู่ 8 อย่าง ดังนี้
1. ยาข้าวเย็นใต้ทั้งสองอย่างรวมกันหนัก 5 บาท 2. ข้าวเหนียวดำ 3. ขิง หนัก 1 บาท 4. เจตมูลเพลิงหนัก 1 บาท 5.ใบตะเคียน 6. ชะเอมหนัก 1 บาท 7. รากไทยย้อยหนัก 1 บาท 8. หัวปลีกล้วยน้ำว้า
วิธีปรุงยา ใบตะเคียนหั่นใส่พอสมควร ข้าวเหนียวดำพอสมควรเหมือนกับใบคะเคียน หัวปลีกล้วยน้ำว้าผ่า 3 ชิ้น ทิ้งเสีย 2 ชิ้น เอาไว้ชิ้นเดียว หั่นเครื่องทั้งหมดใส่หม้อต้มกินเช้าเย็น น้ำมนที่แห้งก็จะไหลออกมา

ยาแก้โรคเบาหวาน
ถ้าเป็นเกิน 2 ปี กินแค่ 2 - 3 หม้อก็หายถ้าเป็นนานเพียงปีเดียวกินแค่หม้อเดียวก็หาย
มี 2 ขนาน ๆ ที่ 1 คือ
เถาวัลย์เปรียง, บานไม่รู้โรย, หัวสับปะรด, หัวเอี้ยง, รากมะละกอตัวผู้, หน่ออ้อ (ต้นอ้อ), สารส้ม, หญ้าสันกรด, หัวส้มกุ้ง, แก่นปรู, ยาข้าวเย็นทั้งสอง, กำมะถันเหลืองป่น, แก่นประดู่, แก่นมะหาด, แก่นสนเทศ, แสมทั้งสองสิ่ง สิ่งละเท่า ๆ กัน, และเปลือกอ้อยช้าง
วิธีปรุงยา เอาตัวยาทั้งหมดอย่างละเท่า ๆ กัน ถ้าหนัก 1 บาท ก็เอาอย่างละ 1 บาท เท่ากันหมด ต้มแล้วกินวันละ 3 เวลา
ขนานที่ 2 คือ
1. ทองพันชั่งทั้งต้นทั้งใบทั้งรากหนัก 6 บาท 2. ต้นเหงือกปลาหมอทั้งต้นทั้งใบหนัก 6 บาท
3. พญาร้อยรูหนัก 6 บาท 4. ข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้หนักอย่างละ 3 บาท
วิธีปรุงยา นำเอาทองพันชั่งและต้นเหงือกปลาหมอตากให้แห้ง แล้วต้มกับพญาร้อยรูและข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้ ต้มกินให้ครบ 6 หม้อยา เบาหวานจะหายขาด

ยาทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาว
สิทธิการิยะ หญิง - ชาย ท่านใดที่มีอายุล่วงเข้า 40 หรือ เลยไป โบราณท่านว่าเข้าวัยกลางคนร่างกายที่เคยกระชุ่มกระชวยเต็มไปด้วยพละกำลังวังชาก็ถดถ่อยอ่อนแอลงเป็นลำดับท่านให้เจียดยาสมุนไพรดังนี้
ทิ้งถ่อน ตะโกนา บรเพ็ด เมล็ดข่อย แห้วหมู พริกไทย มะตูมอ่อน โสม หนักอย่างละ 1 บาท บดให้ละเอียดคลุกกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอนเท่าเม็ดถั่วลิสง รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 เวลา ก่อนนอน และ ตื่นนอนทุกวัน เพิ่มพลังดีนักแล

ยาแก้โรคความดันโลหิตสูง
ของเดิมใช้กาฝากมะม่วงกร่อน (ตามที่นายแพทย์เยอรมันผู้หนึ่งบอก) แต่หลังจากที่คุณวิชาญได้ทดลองใช้กาฝากมะม่วงชนิดอื่น ปรากฏว่าใช้ได้เหมือนกันแต่ต้องใช้กาฝากชนิดหนา ๆ ชนิดบางไม่ค่อยดี สังเกตดอกจะมีลักษณะคล้ายดอกประทัดจีนสีแดง นำมาทั้งต้นทั้งใบเรียกว่าทั้ง 5 เลย แล้วเอามาย่างไฟให้เกรียมหรือจะตัดเป็นท่อน ๆ คั่วในกระทะให้เกรียมก็ได้ แล้วนำมาต้มต่างน้ำชา เพียง 3 วันจะรู้สึกทุเราลง
วิธีต้ม ให้ต้มทีละเต็มกา หรือหม้อขนาดก้นหม้อเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว รับประทานทีละ 1 แก้ว เรียกว่าต่างน้ำเลยทีเดียว มิใช่เพียงเช้าเย็นแต่ต้องรับประทานบ่อย ๆ ทั้งวัน อาการของความดันจะค่อยทุเราและหายขาดไปในที่สุด

ยาแก้โรคเบาหวาน
ขนานนี้จะผิดแผกไปจากที่เคยบอกไปในขนานที่แล้ว การรักษาอาจหายขาดได้เมื่อถูกกับยา ผู้ป่วยที่หายขาดมักจะหายด้วยยาคนละขนาน ตัวยามีดังนี้
1. ทองพันชั่งทั้งต้นทั้งใบทั้งรากหนัก 6 บาท
2. ต้นเหงือกปลาหมูทั้งต้นทั้งใบหนัก 6 บาท
3. พญาร้อยรูหนัก 6 บาท
4. ข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้หนักอย่างละ 3 บาท
นำเอาทองพันช่างและต้นเหงือกปลาหมูตากให้แห้งแล้วต้มกับพญาร้อยรูและข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้ต้มกินให้ครบ 6 หม้อยา เบาหวานจะหายขาด

ยาแก้โรคกษัยและวัณโรค
1. การบูรขาว 2. ปูนขาว 3. บอระเพชร 4. หัวแห้วหมู
วิธีปรุงยา นำตัวยาทั้ง 4 อย่างเท่า ๆ กัน เอาบอระเพชรและหัวแห้วหมูใส่ครกโขลกพอแหลก แล้วคลุกกับการบูรและปูนขาว จุดธูป 5 ดอก เสกด้วยพุทธคุณ 108 จบ ผึงแดดผึงน้ำค้างไว้สามวันสามคืนแล้วต้มกิน

ยารักษาแผลตะปูตำ
เมื่อถูกตะปูหรือโลหะที่เป็นสนิมดำ จะรู้สึกปวดมากยา 3 ขนานนี้จะช่วยได้เป็นอย่างดี
1. ไข่ไก่ต้มสุก แกะเอาเฉพาะไข่ขาวปิดตรงปากแผล สนิมโลหะในแผลจะถูกดูดออกมาจนหมดสิ้น
2. ข้าวสุกกับเกลือบดละเอียดปิดปากแผลก็ได้ผลเช่นเดียวกัน
3. หัวเปราะ ( ที่ใช้ผสมกับเครื่องแกง ) ตำกับเกลือพอกปากแผลก็ได้ผลเช่นเดียวกันแต่แสบหน่อย

ยาบำรุงเลือดสตรี
สตรีที่มีเลือดไม่ปกติมักจะมีอาการต่างผิดแปลกไปตามธาตุของแต่ละบุคคล เช่น ผอมแห้ง แรงน้อย หน้าแข้งตกสะเก็ด มีอาการซู่ซ่าไปทั้งตัว แขนขาเป็นเหน็บชา อ่อนเปลี้ยเพลียแรง กินไม่ได้นอนไม่หลับ มีอาการสะดุ้งผวาบ่อย ๆ ท่านให้ใช้ยา 7 สิ่งต่อไปนี้
1. ยาดำหนัก 1 บาท 2. ฝางหนัง 1 บาท 3. แกแลหนัก 1 บาท 4. คำฝอยหนัก 1 บาท
5. หญ้าไทร 1 กำมือ 6. ใบไผ่ป่า 1 กำมือ 7. ใบไผ่บาน ( ไผ่สีสุก ) 1 กำมือ
วีธีปรุงยา เอายาทั้งหมดนี้ใส่ในหม้อดินเติมน้ำ 3 ขัน ต้มเคี่ยวให้น้ำเหลือเพียงขันเดียว แล้วเอาน้ำยาต้มออกแยกไว้ แล้วเอาตัวยาทั้งหมดมาใส่ครกโขลกให้ละเอียดคลุกเคล้ากับน้ำยาที่ต้ม แช่ไว้สักพักใหญ่แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เอากากทิ้งไป เอาน้ำมาต้มอีกครั้งพอเดือดแล้วจึงเก็บไว้รับประทานเช้าครั้งเย็นครั้ง ทานก่อนอาหารจะรับประทานมากน้อยดูตามควร หนึ่งหม้อกินได้คนเดียว เมื่อจะต้มยาให้จุดธูป 5 ดอก บูชาที่เตาไฟอธิษฐานเอาตามใจ หายแล้วให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าของยาท่านด้วย

ยาอายุวัฒนะ
สิทธิการิยะ ยาอายุวัฒนะขนานนี้ท่านให้เอา
1. สมอไทย 5 ผล ลงด้วยพระเจ้า 5 พระองค์ ( นะ โม พุท ธา ยะ )
2. เมล็ดในสลอด ( กินลง ) 7 เม็ด ลงด้วยหัวใจพระธรรมเจ็ดคัมภีร์ ( สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ )
3. แห้วหมู 3 หัว ลงด้วย ( มะ อะ อุ )
4. บอระเพ็ด ยาว 3 องคุลี ตัด 3 ท่อน ลงด้วย ( อิ สวา สุ )
5. หัวเข้าค่า 4 หัว ลงด้วย ( ทุ สะ นิ มะ )
6. ใบโคนดินสอ 32 ใบ ลงด้วย ( อาการ 32 )
7. ยาดำหนัก 1 บาท
วิธีปรุงยา เอาตัวยาทั้ง 7 สิ่ง ใส่ในถ้วย 7 ใบ เอาน้ำผึ่งแท้ใส่ลงแช่ให้ท่วมตัวยาแล้วเสกด้วยคาถาว่า เสกขา ธัมมา อะเสกขา ธัมมา เนวะเสกขานา เสกขา ธัมมา ให้เริ่มทำยานี้ในวันเสาร์แช่ไว้จนครบ 7 วันเอาตัวยาออกมาผสมกับน้ำผึ้งที่แช่ใบโคนดินสอ เก็บเอาไว้เป็นกระสายน้ำผึ้งที่แช่ยาอื่น ๆ นำเอาไปเททิ้งในน้ำที่ไม่โสโครก เอายาที่ทำเป็นผงแล้วมาผสมกับน้ำผึ้งที่แช่ใบโคนดินสอ เวลาจะกินให้ปั้นเป็นลูกกลอน ขนาดเท่าเม็ดในพุทธรักษา ต้องเริ่มกินในวันพฤหัสบดี วันแรกกินเพียงเม็ดเดียว วันต่อไปวันศุกร์กิน 2 เม็ด วันที่ 3 วันเสาร์กิน 3 เม็ด แล้วหยุดดูกำลังเสียก่อน ถ้ากำลังน้อย ( ถ่ายมาก ) ให้ลดลงกินวันละ 3 เม็ด ตลอด ยานี้ท่านว่ากินไปได้ 15 วัน โรคภัยในตัวจะหายสิ้น มีกำลังดีมาก กินไป 1 เดือนเสียงจะกังวานไพเราะ กินไป 1 เดือนครึ่งจะคงกระพันชาตรีในตัว กินจนถึง 2 เดือนตัวจะเบาเดินเหินคล่องแคล่วปานลมพายุ กินถึง 3 เดือนมีปัญญากว่าคนทั้งหลาย กินถึง 4 เดือนปรารถนาสิ่งใดได้สมหวัง
ยาบำรุงสายตา
1. ผักบุ้งแดง ถอนเอาทั้งต้นทั้งรากนำมาตากแดดแล้วบดเป็นผงให้ละเอียด
2. พริกไทย บดเป็นผงให้ละเอียดเช่นเดียวกัน
3. น้ำผึ้งแท้
วิธีปรุงยา เอาพริกไทยกับผักบุ้งชั่งตามน้ำหนักดังนี้ ผักบุ้งแดงหนัก 3 ส่วน ต่อพริกไทย 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วใช้น้ำผึ้งผสมพอปั้นเป็นลูกกลอนได้ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด 2 เวลาเช้าเย็น ตามัว ตาฟาง ตาฝ้า ตาลม อาการรู้สึกแสบตา น้ำตาไหล จะหายได้อย่างเด็ดขาดในเวลาไม่ช้าและจะสดใสบริสุทธิ์แม้จะย่างเข้าวัยชราก็ตาม ต้องทานเป็นประจำ

ยาถอนพิษงู
1. ข้าวเปลือกข้าวเหนียว 1 กำมือ ใส่กระทะคั่วให้เป็นข้าวตอกหรือถ้ามีขายจะซื้อมาก็ได้
2. น้ำตาลโตนดอย่างน้ำตาลเมืองเพชรหรือน้ำตาลสรรพยาจังหวัดชัยนาท ห้ามมิให้มีกะทิปนเป็นอันขาด น้ำตาลมะพร้าวก็ใช้ไม่ได้ต้องน้ำตาลโตนดแท้ ๆ
วิธีปรุงยา เอาน้ำตาลโตนดละลายน้ำฝนให้ข้นหน่อยเพื่อให้รสค่อยข้างหวาน เตรียมไว้ 1 ถ้วยแกง ตรวจดูข้าวตอกอย่าให้ข้าวเปลือกปนแล้วเอาน้ำตาลที่เตรียมไว้คลุกเคล้ากันรอสักครู่พอให้ข้าวตอกยุ่ยแล้วก็กินให้มากที่สุดยานี้ท่านบอกว่าห้ามเรียกเก็บเงินจากคนป่วยไม่งั้นจะถูกงูกัดตายใน 3 – 7 วัน

ยารักษาฝ้า
ตำรับยามีดังนี้ ต้นตาลเดี่ยว ลักษณะคล้ายต้นตระไคร้ เวลาซื้อต้องซื้อเป็นคู่ เอาแต่มาตำให้ละเอียดแล้วคลุกกับเกลือป่น แล้วเอามาทาที่หน้าทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออก เว้น 15 วัน ทำใหม่อีกครั้ง จนครบ 3 ครั้ง สิวฝ้าจะหายไปอย่างน่าอัศจรรย์

ยาแก้พิษงูสารพัด
1. ต้นเสลดพังพอน เป็นยาแก้พิษงูที่ใช้ได้ผลชะงัดที่สุดชนิดหนึ่ง ผู้ที่ประสงค์จะช่วยชีวิตคนและตนเองในยามคับขันควรหาต้นไม้นี้ปลูกไว้
วีธีปรุงยา ใช้ใบสด 1 กำมือ ตำให้แหลกที่สุดใช้เหล้าขาว 1 ช้อนใหญ่ผสมแล้วขยำ แล้วครั้นเอาน้ำยาให้รับประทานครั้งเดียว กากยาให้เอาพอกแผล ก่อนจะพอกให้ตรวจดูเคี้ยวงูเสียก่อนอาจหักคาได้ ถ้าพบให้เขี่ยออกเสียก่อน ควรใช้กากพอกแผลเสียก่อนแล้วถึงเอาน้ำยากินจึงจะดี
2. ต้นจิงจ้อ บางแห่งเรียกว่าต้น “ น้ำเน้ ” เป็นเถาวัลย์เครือขึ้นเลื้อยพันไม้ใหญ่รากเป็นหัวแข็งชอบขึ้นริมห้วยหรือมีน้ำอยู่ใกล้ ๆ ออกดอกเป็นพวงระย้าสีน้ำเงิน ดอกใบคล้ายอินทนิลเครือ เคยมีผู้รู้เล่าว่าถูกงูเห่าพ่นพิษใส่ตาทั้งปวด แสบ ร้อน ลืมตาไม่ขึ้น เข้าใจว่าตาบอด พอดีเพื่อนเอาเถาจิงจ้อมาคั้นเอาน้ำหยอดตา รู้สึกเย็นวาบหายปวดแสบ ร้อนดังปลิดทิ้ง
3. มะละกอ ยางใช้แก้สารพัดพิษเช่นกัน ควรจะมีปลูกไว้ในบ้านเผื่อคราวจำเป็น

ยาลดความอ้วน
ใช้ บอระเพ็ดตากแห้ง แล้วบดให้ละเอียดนำมาคลุกกับน้ำผึ้งแท้ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดพอกลืน รับประทานตอนเช้า ครั้งละ 3 เม็ด ความอ้วนจะค่อย ๆ ลดลง ยังช่วยป้องกันเบาหวานด้วย
วีธีพิสูจน์น้ำผึ้ง เอาน้ำผึ้งหยดลงกระดาษแล้วยกกระดาษทำให้กลิ้งไปมา ถ้าเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอนถือว่าแท้

ตำรา “ ต้นเหงือกปลาหมอ ”
1. ตาเจ็บ ตาแดง ให้เอาต้นเหงือกปลาหมอตำกับขิงเอาน้ำหยอดตา
2. เหน็บชา เท้า มือ และทั้งตัว ให้เอาต้นเหงือกปลาหมอตำทาที่ตรงเจ็บ
3. งูกัด เอาต้นเหงือกปลาหมอตำเอาน้ำกินและทา
4. ฝีบวมขึ้น เอาต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อยตำเอาน้ำกินและทา
5. ริดสีดวงงอก เอาต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อยตำแล้วผสมกับน้ำมันงาหรือ น้ำมูต แล้วใช้ทา
6. ไข้หนาวสั่นทั้งตัว เอาต้นเหงือกปลาหมอกับขิงตำแล้วกิน
7. หูหนวกตาโต เอาต้นเหงือกปลาหมอตำเอาน้ำกิน แล้วเอาส้มป่อยต้มเอาน้ำมาอาบ
8. เจ็บหลังเจ็บเอว เอาต้นเหงือกปลาหมอกับชะเอมเทศตำเป็นผงละลายน้ำกินทุกวัน
9. ริดสีดวงแห้งหรือฝีในท้องและซูบผอมเหลืองทั้งตัว เอาต้นเหงือกปลาหมอมาตำละลายน้ำกินทุกวัน
10. ริดสีดวงมือเท้าตาย ร้อนทั้งตัวและเวียนศีรษะ ตามือ เจ็บทั้งตัว ตัวสากแห้งชื่อลมเพชฌฆาต 38 จำพวก เอาต้นเหงือกปลาหมอกับเปลือกมะรุมเท่า ๆ กัน ใส่หม้อเอาเหลือนิดนึง หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนฝาหม้อ เอาฟืน 30 ดุ้น ถ้าต้มเดือดแล้วให้อึดใจยกลง เวลากินให้อึดใจ
11. เจริญอายุ เอาต้นเหงือกปลาหมอ 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ตำเป็นผงละลายน้ำผึ้งกินทุกวัน ถ้ากินได้ 1 เดือน จะหมดโรคและมีสติปัญญา ถ้ากินได้ 2 เดือน จะเป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย
ถ้ากินได้ 3 เดือน ริดสีดวง 14 จำพวกจะไม่มีเลย
ถ้ากินได้ 4 เดือน ลม 108 จำพวกจะไม่มีเลย ตาแดงดังครุฑ หูได้ยินดังราชสีห์
ถ้ากินได้ 5 เดือน โรคภัยจะไม่มีเลย ถ้ากินได้ 6 เดือน เดินได้วันละ 1,000 โยชน์ ไม่มีเหน็ดเหนื่อย
ถ้ากินได้ 7 เดือน ผิวจะงาม ถ้ากินได้ 9 เดือน คมหอกคมดาบแทงฟันไม่เข้าเลย
12. มะเร็งแตกทั้งตัว เอาต้นเหงือกปลาหมอ พรก ดีปลี อย่างละเท่า ๆ กัน ตำให้เป็นผงชงกินกับน้ำร้อน
13. เจ็บตามตัวและเมื่อยสรรพางค์กาย เอาต้นเหงือกปลาหมอตำเอาน้ำกินและทา
14. ช้างแทง กระบือชน ตกจากที่สูง ถูกอาวุธ เอาต้นเหงือกปลาหมอตำแล้วทาที่แผล
15. ฝีที่รักแร้ ลำคอ เอาต้นเหงือกปลาหมอและขมิ้นอ้อย น้ำมันงามูตเก้าตำด้วยกันเคี่ยวเป็นน้ำมันใช้ทา
16. ผื่นแดงคันขึ้นมา เกาไม่รู้จักเจ็บ หูหนวกตาโต เอาต้นเหงือกปลาหมอต้มกินถ้าแก้คันเอามาต้มกับใบส้มป่อยอาบ
17. ลมจับ เอาต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ตำเป็นผงละลายกินกับน้ำร้อนแก้ลม 8 จำพวก
18. หญิงฤดูขาว โลหิตแห้งตั้งแต่ 1 – 3 เดือน เจ็บ ผอม เหลืองทั่วสรรพางค์กาย เอาต้นเหงือกปลาหมอตำเป็นผงละลายน้ำมันงาหรือน้ำผึ้งก็ได้กินทุกวัน
19. ประสานเนื้อให้ติดกัน เอาต้นเหงือกปลาหมอกับหัวสามสิบ อย่างละเท่า ๆ กันตำเอาน้ำทาประสานเนื้อ
20. เป็นมะเร็งที่ท้องจนตัวเหลือง เอาต้นเหงือกปลาหมอ กระชาย ระคำไก่สมอทั้งสามต้มกิน
21. ตามืดตามัว เอาต้นเหงือกปลาหมอ กะเพาทั้ง 2 อย่าง แสมสาร ใบทองหลาง ใบมนบอระเพ็ด เจตมูลเพลิง เท่ากันทุกอย่างตำปิดกระหม่อนแล้วเอาเหล็กเผาไฟให้ร้อนเอาวางทับยานั้น

ยาแก้มาลาเลียขึ้นสมอง
วิธีปรุงยา ให้พลีต้นผักเสี้ยนผี ถอนทั้งรากทั้งโคลน 3 ต้นคั้นผสมกับเหล้าขาว 28 หรือ 35 ดีกรีก็ได้ โดยตำหรือคั้นสด ๆ แล้วเอาสุราลงผสมคั้นเอาน้ำรับประทาน 2 ครั้งหายไม่เป็นอีก
วิธีพลี ให้พูดเองเออเอง โดยพูดกับต้นผักเสี้ยนผีว่า “ พ่อหมอจ๋าอยู่หรือเปล่า ” ตอบเองว่า “อยู่”
แล้วพูดต่อไปว่า “ มาเอาอะไรหละจ๊ะ ” ตอบเองว่า “ มาหาพ่อหมอขอต้นผักเสี้ยนผีเอาไปทำยารักษาไข้มาลาเรียจ๊ะ ” ตอบว่า “ เอาไปสิจ๊ะ เอาไปกินเถอะ ยานี้ดีกินแล้วหายจ๊ะ ” พร้อมถอนต้นผักเสี้ยนผีพร้อมกัน 3 ต้น พร้อมเอามาคั้นตามที่บอก

ยาขับเลือด
สตรีบางคนหลังคลอดบุตรแล้วแล้วเน่าและน้ำคาวปลาจะคั่งค้างอยู่ในร่างกาย ท่านให้เอายาตำรานี้ละลายน้ำสุราแล้วรับประทานจะขับเลือดเน่าและน้ำคาวปลาออกได้หมด ทั้งบำรุงเลือดให้มีระดูงาม แก้จุกเสียดเถาดาน แน่นหน้าอก แก้ริดสีดวงผอมแห้ง ตัวยามีดังนี้
1. ครั่งไม้ 2. หญ้ายองไฟหนัก 3 บาท 3. ดอกคำทั้ง 2 4. ตรีกฏุก 5. เทียนทั้ง5
6. ผักกะชับ 7. ฝางเสน 8. เลือดแรด 9. สารส้ม
วิธีปรุงยา ยาทั้งหมดนี้นอกจากหญ้ายองไฟน้ำหนักอย่างละ 1 บาท ผสมตำให้เป็นผงปั้นให้เป็นเม็ดก็ได้ แล้วใช้ละลายกับเหล้าขาวรับประทานวันละ 2 ครั้ง

ยาแก้เลือดร้าง
เป็นตัวยาบำรุงให้เลือดฝาดดีขึ้น ผิวพรรณผุดผ่อง เลือดลมเดินสะดวก สุขภาพแข็งแรง มีตัวยาเป็นส่วนผสมอยู่ 8 อย่างคือ
1. โกฐชะฏามังสีหนัก 3 บาท 2. แกลบข้าวเหนียวดำ 3 กำมือ 3. คำฝอยหนัก 5 สลึง4. ดอกคำไทยหนัก 1 บาท 5. เทียนดำหนัก 1 สลึง 6. น้ำอ้อยงบแท้ ๆ 3 งบ7. ผักเป็ดแดงหนัก 5 ตำลึง 8. ฝางหนัก 4 บาท
วิธีปรุงยา เอายานี้ต้มรวมกันกินเช้าเย็นทุกวัน

ยารักษาครรภ์
ยาขนานนี้สำหรับสตรีซึ่งเริ่มตั้งครรภ์ รับประทานได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ 1 เดือนขึ้นไปเป็นยาบำรุงครรภ์ที่จะทำให้เด็กในครรภ์แข็งแรงสมบูรณ์ทั้งแม่ทั้งลูกทำให้คลอดง่าย ตัวยามีดังนี้
1. กระลำหัก 2. กฤษณา 3. โกศทั้ง5 4. ขอนดอก 5. จันทร์ทั้ง2 6. ชะลูด 7. เทพทาเร 8. เทียนทั้ง5 9. ไม้สัก 10. ราก 30 11. สน 12. สักขี 13. สมุลแว้ง 14. อบเชย
วิธีปรุงยา เอาตัวยาดังกล่าวอย่างละเท่า ๆ กันต้มกิน
โกฐทั้ง 5 มีดังนี้
1. โกฐสอ 2. โกฐหัวบัว 3. โกฐเชียง 4. โกฐเขมา 5. โกฐจุฬาลัมพา

ยาดองสุรา
รับประทานได้ทั้งชายและหญิง สำหรับชายบำรุงเลือดบำรุงกำลัง สำหรับหญิงแก้หญิงที่อยู่ไฟไม่ได้บำรุงโลหิตให้งดงาม ตัวยามีดังนี้
1. กำลังวัวเถลิงหนัก 2 บาท 2. เขากวางอ่อนหนัก 4 บาท 3. เทียนทั้ง 5 หนักสิ่งละ 1 บาท 4. ฝางหนัก 4 บาท 5. ส้มกุ้งใหญ่หนัก 2 บาท 6. ส้มกุ้งน้อยหนัก 2 บาท 7. สารส้มหนัก 2 บาท 8. แสมทะเลหนัก 2 บาท
วิธีปรุงยา ตำตัวยาทั้งหมดให้ละเอียดเป็นผงห่อผ้าขาวบางแล้วดองสุราขาวรับประทานเช้าเย็น

Cr. พระอธิการ นพดล กันตสีโล วัดหนองรั้ว

22/08/2022
11/05/2022

Episode 93 สรีรวิทยาและชีวกลศาสตร์ของสุริยะนมัสการ

กราบเรียนครูโยคะทั่วโลกด้วยความเคารพ

บทความนี้ฉันเรียบเรียงด้วยความรักและอัศจรรย์ใจในโยคีศาสตร์เป็นอย่างมาก เมื่อได้หยิบงานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์เรื่อง สรีรวิทยาและชีวกลศาสตร์ของสุริยะนมัสการ ขึ้นมา ฉันได้บอกกับครูน็อทและครูสุขว่า

“ศาสตร์ทุกศาสตร์พัฒนาไปไกลจริง ๆ”

สิ่งที่ฉันเรียบเรียงนี้ point of view เป็นการมองจากคนนอกวงการที่ไม่สามารถทำอาสนะโยคะได้เลย แต่อยากบอกให้คนในวิชาชีพโยคะว่า “ท่านจงภูมิใจในอาชีพของท่านเถิด ศาสตร์โบราณที่อยู่คู่โลกมากว่าห้าพันปีต้องมีดีและดีเลิศ จึงไม่สูญหายไปตามกาลเวลา”

หากฉันเขียนผิดพลาดประการใด ฉันขอขมาและรับฟังข้อคิดเห็นจากครูโยคะทุกท่านด้วยใจถ่อมนะคะ

การบูชาพระอาทิตย์ซึ่งถือเป็นสุริยเทพเป็นการกระทำที่ชาวฮินดูถือว่ายิ่งใหญ่มาก พวกเขาเชื่อว่าแสงแห่งอาทิตย์คือความสว่างของโลกทางกายภาพและโลกแห่งจิตวิญญาณ ในทางวิทยาศาสตร์เองแสงอาทิตย์เป็นจุดกำเนิดสำคัญในการวงจรการถ่ายทอดพลังงาน เพราะพืชต้องนำแสงไปสร้างอาหาร และสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ก็มากินพืชหรือกินสัตว์ที่กินพืชนั้นต่อกันไปเป็นทอด ๆ ชาวพุทธส่วนหนึ่งเองถือว่าแสงอาทิตย์เปรียบเสมือนปัญญาแห่งจิตที่ตื่นรู้ได้นะคะ

สุริยะนมัสการเป็นชุดท่าของอาสนะโยคะที่ได้รับความนิยมมาช้านานและปัจจุบันยังคงใช้เป็นอาสนะที่กระทำกันอย่างต่อเนื่อง จากหลักฐานอ้างอิงที่ฉันได้อ่านมา กล่าวว่า อาสนะโยคะในชุดท่าสุริยะนมัสการประกอบด้วยท่าย่อย 10 ท่า ความโดดเด่นคือ เป็นการออกกำลังกายแกนกลางลำตัว แขน และขา ประกอบการฝึกการหายใจ อย่างต่อเนื่อง ในทางชีวกลศาสตร์เรียกว่า graceful flow หรือชุดท่าที่ต่อเนื่องอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายหากทำได้ถูกต้อง ด้วยนิสัยของนักวิทยาศาสตร์คือ อยากรู้ พวกท่านเหล่านั้นจึงเริ่มนำเอาสุริยะนมัสการมาศึกษาในแนววิทยาศาสตร์ เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ฉันขอเขียนเป็นข้อ ๆ ดังนี้

1. ชุดท่าเป็นการจัดสมดุลร่างกายระหว่างการก้มลำตัวไปด้านหน้าและการเหยียดลำตัวไปทางด้านหลัง โดยอ้างตามความเชื่อเหมือนรังสีแห่งดวงอาทิตย์ที่ฉายทาบทาไปทั่วโลก ส่วนลำดับของท่าเปรียบเสมือนการกระจายพลังงานไปทั่วทั้งร่างกาย ในความคิดเห็นส่วนตัวของฉันคือ ชุดท่าทั้งหมดเป็นการยืดระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอก ยืดกล้ามเนื้อและพังผืด และสิ่งสำคัญคือการยืดหลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ และหลอดน้ำเหลือง การไหลเวียนของออกซิเจน การเก็บกลับของเสียที่มีประสิทธิภาพ จึงใช้คำว่า กระจายพลังงานไปทั่วร่างกายดุจแสงอาทิตย์ฉาย นั่นเอง

2. Omkar ในปี ค.ศ.2007 ได้กล่าวว่า จุดเด่นของสุริยะนมัสการคือ ไม่ต้องการอุปกรณ์การฝึกที่ซับซ้อน ไม่ต้องการเนื้อที่มากมาย กระทำได้ไม่อยาก ยิ่งทำต่อเนื่องเท่าใดจะยิ่งส่งเสริมให้ร่างกายมีความยืดหยุ่น สดชื่น บางวิจัยเชื่อว่าเป็น การนำกายกลับสู่ความเป็นหนุ่มสาวหรือชะลอวัยได้

3. การศึกษาของ Prasad และคณะในปี พ.ศ.2001 Tran และคณะในปีเดียวกัน ได้สรุปว่าชุดท่าสุริยะนมัสการเพิ่มสมรรถภาพของหลอดเลือดและหัวใจได้ กลุ่มแรกทำการศึกษาในนักโยคะชาย ส่วนกลุ่มสองทำการศึกษาหัตถะโยคะกับ physical fitness จากผลการศึกษาที่ดีนี้ทำให้นักวิจัยกลับไปทวนงานของ Birch ในปี ค.ศ.1995 ที่เคยพูดไว้แล้วว่า ชุดท่าสุริยะนมัสการเสริมกำลังและความทนทานของกล้ามเนื้อ (บางอย่างยังไม่ถึงเวลาดังก็เลยต้องรอคนมาช่วย support ค่ะ)

4. DiClaro และคณะในปี ค.ศ. 1995 ยังสนับสนุน Birch เกี่ยวกับผลของชุดท่าสุริยะนมัสการเปรียบเทียบกับคนที่เดินลู่วิ่งว่า การออกกำลังกายทั้งสองอย่างนี้ช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจขณะพักต่ำลง นั่นหมายถึง หัวใจบีบตัวมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

5. กลับมาที่ Omkar เองได้ศึกษาลงลึกไปอีกว่า หากทำชุดท่าสุริยะนมัสการ 120 รอบ ในคนที่มีน้ำหนักตัว 55 กิโลกรัม ใช้พลังงาน 185 Kcal และคนที่มีน้ำหนักตัว 65 กิโลกรัม ได้ใช้พลังงานถึง 275 Kcal ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มีน้ำหนักตัว 77 กิโลกรัม เมื่อทำ 120 รอบใช้พลังงานถึง 380 Kcal นี่เป็นการเผาผลาญเหมือนว่ายน้ำหนึ่งชั่วโมงเลยนะคะ มันเริ่ดดดดดดมากกกกกกก

6. Chattha และคณะ ในปี พ.ศ.2008 ยังรายงานผลของการฝึกชุดท่าสุริยะนมัสการอีกว่า มีผลเพิ่มสมรรถภาพทางกายของสตรีวัยหมดประจำเดือน ลดความเครียด ภาวะวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าได้ไม่แตกต่างจากการออกกำลังกายทั่วไป และช่วยกระตุ้นการทรงท่าหรือ postural control ร่วมกับการทำงานของแขนและขาได้เป็นอย่างดี ในความคิดเห็นส่วนตัว หากเราฝึกตั้งแต่อายุน้อย ๆ และฝึกอย่างต่อเนื่อง น่าจะช่วยในเรื่องของฝึกการรับรู้ความรู้สึกในการทรงตัว หรือ proprioceptive training ได้เนาะ
ฉันเขียนมาถึงตอนนี้ ยิ่งอยากเขียนในรายละเอียดลงไป เพราะหลังจากยุคแห่งงานวิจัยที่กล่าวมาทั้ง 6 ข้อข้างต้น นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ละทิ้งการศึกษาชุดท่านี้แต่ยังคงไปร่วมมือกับวิศวกรเครื่องกล เพื่อต้องการหาเครื่องมือมาศึกษาว่า แต่ละชุดท่าย่อยของสุริยะนมัสการเกิดการเคลื่อนไหวของผิวข้อแบบใด หมุน หรือไถล ไปในทิศใด เร่งเร้าให้กล้ามเนื้อมัดใดทำงาน และโมเมนต์เกิดขึ้นในแต่ละข้อเป็นอย่างไร

ฉันจึงหยุดเขียนไม่ได้ค่ะ .........................ในตอนต่อไปฉันจะนำชุดท่าย่อยแต่ละท่ามาทำการวิเคราะห์ทางกายวิภาคศาสตร์และใช้หลักฐานการศึกษาทางชีวกลศาสตร์ร่วมกับสรีรวิทยาว่าเขาน่าจะมีประโยชน์อะไรบ้าง
หากท่านผู้อ่านอยากเรียน เขียนความคิดเห็นลงมาบ้างนะคะ อยากคุยกับทุกท่าน
ด้วยความรัก
วีเรศวร
5 พค 2565
บรรณานุกรม
Omkar, Meenakshi Mour, Debarun Das. A mathematical model of effects on specific joints during practice of the Sun Salutation e A sequence of yoga postures. Journal of Bodywork & Movement Therapies (2011) 15, 201e208.

12/04/2022
25/02/2022

[ชวนอ่าน E-books] #แอดชวนอ่าน "ตำรายา ตำรับโบราณ" เป็นตำราที่รวบรวมสรรพคุณของสมุนไพรต่าง ๆ มาทำเป็นยาเพื่อรักษาโรคภัยหรืออาการผิดปกติที่เกิดขึ้นตามร่างกาย
ตำรายาพระองค์เจ้าสายสนิทวงษ์ ปีที่พิมพ์: 2459
E-book: http://eresource.car.chula.ac.th/chula-ebooks/detail.asp?bcode=CHULAB003626

ตำราพระโอสถพระนารายณ์ ปีที่พิมพ์: 2460
E-book: http://eresource.car.chula.ac.th/chula-ebooks/detail.asp?bcode=CHULAB003300

ตำราสรรพคุณยา ฉบับของกรมหลวงวงศาธิราชสนิท ปีที่พิมพ์: 2462
E-book: http://eresource.car.chula.ac.th/chula-ebooks/detail.asp?bcode=CHULAB003924

ตำรายาพิเศษ ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ปีที่พิมพ์: 2464
E-book: http://eresource.car.chula.ac.th/chula-ebooks/detail.asp?bcode=CHULAB002494

ตำราแผนนวด และ บอกวิธีลมเกิด กับยาผู้ใหญ่และยาเด็ก / พระสัมพาหบดี ปีที่พิมพ์: 2469
E-book: http://eresource.car.chula.ac.th/chula-ebooks/detail.asp?bcode=CHULAB006079

ตำรายา และ มรณญาณสูตร ปีที่พิมพ์: 2470
E-book: http://eresource.car.chula.ac.th/chula-ebooks/detail.asp?bcode=CHULAB003299

เอกสารสาธารณสุขเรื่อง ปฐมพยาบาล และวิธีใช้ยาตำราหลวง ปีที่พิมพ์: 2482
E-book: http://eresource.car.chula.ac.th/chula-ebooks/detail.asp?bcode=CHULAB003634

ตำรายาไทย ปีที่พิมพ์: 2485
E-book: http://eresource.car.chula.ac.th/chula-ebooks/detail.asp?bcode=CHULAB005202

---------------------------
เปิดคลัง E-books จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รวบรวมเอกสารจากการสแกนหนังสือหายาก เอกสารยุคสงครามเย็น และไมโครฟิล์ม ให้อ่านออนไลน์กว่า 5,000 รายการ http://eresource.car.chula.ac.th/chula-ebooks/
---------------------------------------------------
ฝากติดตามเพจ "Rare Books Collection" ที่นำเสนอข่าวสาร สาระน่ารู้เกี่ยวกับหนังสือหายากในหลากหลายแง่มุม #หนังสือหายาก #ห้องหนังสือหายาก

19/01/2022

SURFACE ANATOMY

19/01/2022

PALPATION

30/12/2021

จริต ๖

เมื่อมาผูกเป็นเรื่องราวแล้ว จะมีจริต 6 ( จริต = ธาตุแท้ของใจ หรือปกติของใจที่โน้มเอียง เช่น โกรธง่าย ฯลฯ) จริตในพระพุทธศาสนา แสดงไว้ 6 ประเภทได้แก่

๑.ราคะจริต คนประเภทนี้มีราคะเป็นปกติของใจ ชอบของสวย ของงาม หน้าตายิ้มแย้ม เรียบร้อย โลภ ถือตัว ลบหลู่คุณคน ชอบหวาน กินช้า

๒.โทสจริต ประเภทนี้โกรธง่าย มักหงุดหงิด ทำอะไรรวดเร็ว ใจร้อน ริษยา ไม่เรียบร้อย ชอบเปรี้ยว กินเร็ว

๓.โมหจริต คนประเภทนี้ มีโมหะเป็นปกติของใจ มักเป็นคนเขลา งมงาย เชื่องช้า รู้ช้า ดื้อรั้น ไม่แน่ใจ ชอบรสไม่แน่ กินจุ

๔.วิตกกจริต คนประเภทนี้ มีความดำริตริตรอง เป็นปกติของใจ มักเป็นคนคิดฟุ้งซ่าน ใจนิ่งอยู่ยาก คิดมากเกิดไป พูดมาก ชอบมั่วสุม เกียจคร้าน

๕.สัทธาจริต คนประเภทนี้ มีความเชื่อเป็นปกติของใจ เป็นคนซื่อ ไม่มีแง่งอน เชื่อง่าย ไม่เป็นตัวของตัวเอง สอนง่าย

๖.พุทธิจริต คนประเภทนี้ เป็นคนเฉลียวฉลาด เชื่อยาก เจ้าความคิด กินน้อย ขยัน พูดเข้าใจง่าย

และไปบอกถึงลักษณะพฤติกรรม และนิสัยของบุคคล ที่เกี่ยวข้อง
กับธาตุทั้ง 4 (ดิน น้ำ ไฟ ลม) ของร่างกาย ถ้าลักษณะของผู้ที่มีธาตุทั้ง 4 (ดิน น้ำ ไฟ ลม) น้อย ให้สังเกตุ

1. ธาตุดินน้อย เป็นคนที่มีลักษณะ จิตหมกมุ่น ไม่พิจารณาลำดับเรื่อง ในการแก้ไขในเรื่องที่เกิด ปัญหาใหญ่ไม่ชอบทำ ชอบหมกมุ่นเรื่องเล็กๆ เรื่องไร้สาระของตนเอง ยึดมั่นถือมั่น เรื่องใดเรื่องหนึ่งจนเกินไป ไม่รู้จักปล่อยวาง ชีวิตมักขาดความสุข

2. ธาตุน้ำน้อย เป็นคนที่มีลักษณะ จิตท้อแท้ จิตขาดความตั้งมั่นและอดทน ไม่รู้ตัวตนขาดตกบกพร่องต่อหน้าที่ของตนเอง ไม่กล้าแสดงออกในสิ่งที่ดี ปฏิบัติในสิ่งที่ดีได้แต่ต้องกระตุ้นอยู่ตลอดเวลาจึงสำเร็จ รักความสบาย ทะเยอทะยาน แต่ขาดความเพียร

3. ธาตุไฟน้อย เป็นคนที่มีลักษณะ เกียจคร้าน ไม่ชอบคิด ไม่ชอบใช้ปัญญา ชอบทำอะไรแบบง่ายๆชอบทำตามกิเลสของตนเอง คิดอะไรง่ายๆ ชอบนอนทอดกาย ไม่ดิ้นรน จิตมีความอยากได้อยากดีสูง แต่ด้วยความเกียจคร้านจึงพอเพียงแค่เป็นอยู่

4. ธาตุลมน้อย เป็นคนที่มีลักษณะ สมาธิสั้นเหมือนคนปัญญาน้อย ชอบทำอะไรไม่พิจารณา ทำแล้วเมื่อเป็นผลเสียค่อยสำนึก วิตกกังวลในสังขารตนเอง ลืมตัวตนของตนเอง ปิดบังตนเอง มองตนเองดีเสมอ มองผู้อื่นติดลบ ไม่ยอมรับผู้ที่ด้อยกว่า ชอบให้ผู้อื่นเป็นบันไดให้เดิน ชอบเป็นใหญ่ในทางผิด ชอบความหรูหรา โอ้อวด เวลาทำอะไรด้วยความเพียรมักจะทำยากเพราะสมาธิสั้น

ลักษณะผู้ที่มีธาตุทั้ง 4 (ดิน น้ำ ไฟ ลม) มาก ให้สังเกตุ

1. ธาตุดินมาก เป็นคนทีมีลักษณะ ชอบความสันโดษ ไม่สนใจใคร ไม่ยุ่งกับใคร เป็นคนที่มีความดีและมีความสามารถอยู่ในตัว แต่เก็บไว้ไม่ถ่ายทอดผู้อื่น

2. ธาตุน้ำมาก เป็นคนที่มีลักษณะ จิตอยู่เหนืออารมณ์ตนเองไม่ได้ เหมือนคนที่มีจิตวกกลับ ทำสิ่งใดก็จะวนอยู่ที่เดิม ขาดการพัฒนาจิตเพื่อความก้าวหน้า ชอบทำความดีแต่ ไม่สม่ำเสมอ ไม่มีพิษมีภัยกับใครแต่เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จในการดำเนินชีวิต

3. ธาตุไฟมาก เป็นคนที่มีลักษณะ ประพฤติปฏิบัติตนด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ไม่รักษาสังขาร กล้าได้ กล้าเสียกับสิ่งที่มุ่งมั่นที่อยากได้ มีความอยากสูง เป็นคนทะเยอทะยานเกินความสามารถของตนเอง ดิ้นรนสิ่งที่ตนเองอยากได้จนลำบาก ขาดความจริงใจ เห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างต้องมีของแลกเปลี่ยน ไม่เสียสละตนเมื่อรู้ว่าไม่ได้สิ่งตอบแทน อยากได้ของผู้อื่นเป็นของตนเอง ไม่ปรารถนาดีต่อผู้อื่นที่ไม่ใช่คนของตนเอง อยากดีอยากเด่นในทางโลก ชอบทำร้ายผู้อื่น โดยหวังให้ตนเองได้ดีและสูงส่ง ข่มเหงจิตใจผู้อื่นด้วยการกระทำและวาจา

4. ธาตุลมมาก เป็นคนที่มีลักษณะ ชอบทุ่มเททำความดีต่อผู้อื่น โดยขาดการพินิจพิจารณา ไตร่ตรอง ว่าควรทำอย่างไรให้เหมาะสมกับตนเอง เวลาทำอะไรแล้วไม่ได้ผลตอบรับหรือผลตอบแทนดั่งที่ตนเองปรารถนา มักจะเสียใจเป็นที่สุด ลักษณะนี้เป็นการทำร้ายตนเองด้วยจิต

บุคคลใดมีธาตุทั้ง 4 (ดิน น้ำ ไฟ ลม) มากไปหรือน้อยไปให้รีบแก้ไข

โดยทางแพทย์สายพุทธ

21/11/2021
08/11/2021

การทำแชมพู

31/10/2021
29/10/2021

รวมท่ายืดไหล่ + Rotator Cuffs
และสอน Anatomy แบบเข้าใจง่ายๆ

ทำตาม + แชร์ แบ่งปันกันครับ
(มีการบ้านให้ลองทำ ท้ายอัลบั้ม)
ใครที่มีปัญหา

เจ็บไหล่
เมื่อยไหล่
เมื่อยลงแขน
เมื่อยหนอกคอ
เมื่อยขึ้นคอ
เมื่อยรักแร้
รู้สึกตื้อๆ ชาๆ ช่วงบ่า ไหล่
ควร ทำ!

แถม:

คลิปแก้เจ็บไหล่ จี๊ดๆเวลายกแขน
https://youtu.be/rWOrxsSP5WM

คลิปแก้หัวไหล่ลั่น ก๊อกแก๊ก
https://youtu.be/ARSd5Egi1Do

-------------------
Fitjunctions สอนโภชนาการ และการออกกำลังกาย โดยทีมงานเทรนเนอร์คุณภาพ ช่วยคุณแก้ปัญหา ลดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ และก้าวผ่านอุปสรรค์ต่างๆ

เรียนที่สตูดิโอ > http://www.fitjunctions.com/personaltraining

เรียน Online >
http://www.fitjunctions.com/onlinecourses
Line (มีตัว @ นำหน้า)
หรือโทร 091-873-6066

ที่อยู่

Khon Kaen

เวลาทำการ

จันทร์ 17:00 - 20:00
อังคาร 17:00 - 20:00
พุธ 17:00 - 20:00
พฤหัสบดี 17:00 - 20:00
ศุกร์ 17:00 - 20:00
เสาร์ 09:00 - 20:00
อาทิตย์ 09:00 - 20:00

เบอร์โทรศัพท์

+66815458529

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ จ้อย เพชรฆาตหน้าเรียว ปรับสมดุลใบหน้านวดหน้าบำบัดผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง จ้อย เพชรฆาตหน้าเรียว ปรับสมดุลใบหน้านวดหน้าบำบัด:

แชร์