หมอเบาหวาน หมออาร์ม

หมอเบาหวาน หมออาร์ม y tế và sức khỏe

คนเป็นเบาหวานไม่ควรกินอะไร?หากคุณกำลังอยู่ในการรักษา ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามข้อจำกัดด้านอาหารดังต่อไปนี้:● เนื้อแดง: เนื้อว...
26/05/2022

คนเป็นเบาหวานไม่ควรกินอะไร?

หากคุณกำลังอยู่ในการรักษา ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามข้อจำกัดด้านอาหารดังต่อไปนี้:

● เนื้อแดง: เนื้อวัว เนื้อแกะ ไส้กรอก... เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานได้ 26-40% เนื้อแดงแปรรูปและปรุงที่อุณหภูมิสูงจะกระตุ้นการเจริญเติบโตและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โอกาสเกิดโรค

มันฝรั่ง: มันฝรั่งมีดัชนีน้ำตาลในปริมาณมาก ซึ่งเป็นสารที่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และในระยะยาว การเพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นอันตรายต่อเซลล์ของตับอ่อน ช่วยผลิตฮอร์โมนอินซูลินที่จำเป็น จำเป็นต้องเผาผลาญน้ำตาลในเลือด

● อาหารที่มีไขมัน: ไขมันสัตว์ เนย ชีส...มีคอเลสเตอรอลเป็นจำนวนมาก เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน

● อาหารหวาน: เค้ก ลูกอม น้ำอัดลม... จะทำให้น้ำตาลในเลือดของคุณเกินเกณฑ์ที่อนุญาต ทำให้โรคแย่ลง

● ผลไม้แห้ง แยมผลไม้: อาหารเหล่านี้มีน้ำตาลมาก เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ป่วย

ยาสูบ: พิษจากยาสูบส่งผลต่อตับอ่อน ลดการผลิตอินซูลินและควบคุมน้ำตาลในเลือด

ทำไมกินยาเบาหวานนานถึงไม่เห็นผล? การใช้ยาในระยะยาวนั้นมีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดมีความเสถียรส...
24/05/2022

ทำไมกินยาเบาหวานนานถึงไม่เห็นผล?
การใช้ยาในระยะยาวนั้นมีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดมีความเสถียรสูง แต่จะค่อยๆ มีประสิทธิภาพน้อยลงแม้เมื่อเพิ่มขนาดยา ก็ไม่มีผลเช่นกัน

ในกรณีอื่นๆ มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ได้รับยาลดน้ำตาลในเลือดสูง แต่ยังควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้เนื่องจากไม่ได้ควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด อย่าออกกำลังกาย อย่ากินยาที่ถูกต้อง ปริมาณและปริมาณที่เหมาะสมที่แพทย์แนะนำ

ปัจจัยทั้งหมดข้างต้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยามีความมันน้อยลงและมีประสิทธิภาพน้อยลง ดังนั้นผู้ป่วยจึงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด กินให้ถูก ออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน คุมเบาหวาน

การออกกำลังกายจะช่วยคุณ: ลดน้ำหนักและรักษาน้ำหนักให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2; เพิ่มการใช้กลูโคสในกล้ามเ...
23/05/2022

การออกกำลังกายจะช่วยคุณ: ลดน้ำหนักและรักษาน้ำหนักให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2; เพิ่มการใช้กลูโคสในกล้ามเนื้อเพื่อเป็นพลังงาน ซึ่งหมายความว่าหากคุณออกกำลังกายเป็นประจำ คุณจะมีน้ำตาลในเลือดต่ำ ลดปริมาณอินซูลินที่จำเป็นในเลือด การควบคุมความดันโลหิตที่ดี ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ลดคอเลสเตอรอลที่ "ไม่ดี" และเพิ่ม HDL "คอเลสเตอรอลที่ดี"; ลดความตึงเครียด; ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ลดอาการและอาการแสดงของภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล

การออกกำลังกายยังสามารถช่วยให้ผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 หลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวได้ โดยเฉพาะปัญหาหัวใจ ผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีแนวโน้มที่จะหลอดเลือดอุดตัน นี้สามารถนำไปสู่อาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง การออกกำลังกายทำให้หัวใจแข็งแรง การออกกำลังกายยังสามารถช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลที่ดีและช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหลอดเลือดหัวใจได้

มะระขี้นก (Momordica charantia L.) เป็นผักที่คนไทยรู้จักดีมาช้านาน และยังเป็นสมุนไพรที่ใช้กันมานานนับพันปี ในเอเซีย อาฟร...
21/05/2022

มะระขี้นก (Momordica charantia L.) เป็นผักที่คนไทยรู้จักดีมาช้านาน และยังเป็นสมุนไพรที่ใช้กันมานานนับพันปี ในเอเซีย อาฟริกา และละตินอเมริกา อายุรเวทใช้ผลมะระรักษาเบาหวาน โรคตับ บรรเทาอาการโรคเก๊าต์และข้ออักเสบ ตำรายาไทยใช้ใบมะระในตำรับยาเขียวลดไข้ รากในตำรับยาแก้โลหิตเป็นพิษ และโรคตับ
การรับประทานมะระขี้นกเป็นประจำ จะมีผลต่อระบบการย่อยไขมันในร่างกาย อวัยวะส่วนไหนต้องทำหน้าที่ย่อยไขมัน เมื่อไขมันถูกย่อยได้ดีขึ้น ทำให้ปัญหาของน้ำตาลส่วนเกินในกระแสเลือดถูกควบคุมโดยปริยาย แต่การรับประทานมะระขี้นก เช่น ต้มจิ้มน้ำพริกร่วมกับผักอื่น หรือกินดิบก็ยังไม่ได้ผลกับการรักษาระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเต็มร้อย
หากต้องการผลที่รวดเร็วให้ชะงัดอยู่หมัด ต้องนำผลสดของมะระขี้นกไปคั้นน้ำแล้วนำมาดื่ม ร่างกายจะได้รับเบต้าแคโรทีนจากมะระขี้นก เพราะผู้ป่วยเบาหวานหรือมีไขมันส่วนเกิน จะมีอนุมูลอิสระสูงกว่าคนทั่วไปเพราะภูมิต้านทานต่ำ อีกทั้งน้ำมะระขี้นกดูดซึมได้ดี ไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อย สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและเข้าถึงระบบเซลล์ในส่วนอวัยวะที่ร่างกายต้องการได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการสูญเสียธาตุอาหารน้อย วันนี้เราจึงมี สูตรน้ำมะระขี้นก สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน มาฝากกัน
สูตรน้ำมะระขี้นก แก้โรคเบาหวาน
ส่วนผสม
เนื้อมะระขี้นก 30 กรัม 3 ลูก
ใบเตยหอมตากแห้ง 15 กรัม 1 ช้อนคาว
น้ำต้มสะอาด 200 กรัม 14 ช้อนคาว
เกลือป่น 1 กรัม 5 ช้อนชา
น้ำมะนาว 15 กรัม ครึ่งลูก
วิธีทำน้ำมะระขี้นก
นำมะระขี้นกล้างให้สะอาด ผ่าซีก แกะเอาเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้นยาวๆ บางๆ ตามขวางของผลมะระ
นำใบเตยหั่นเป็นท่อนสั้นๆ ตากแห้งแล้วคั่วให้เหลืองกรอบ เก็บในขวดปากกว้าง
เอามะระขี้นก ใบเตยหอมและน้ำใส่ในหม้อต้มให้เดือด หรือถ้าไม่อยากต้ม จะใส่ในถ้วยแก้ว ที้งไว้ 5-10 นาที แล้วนำมาดื่มใด้ไม่ต้องกลัวว่าจะขมเวลาดื่ม เพราะแก้ไขด้วยการเอาใบเตยหอม และน้ำมะนาวมาผสม ช่วยกลบความขมของมะระขี้นกได้ดี
คุณค่าทางอาหาร : มีวิตามินเอสูงมากช่วยบำรุงสายตา
คุณค่าทางยา : น้ำมะระขี้นก ช่วยลดการเกิดต้อกระจกจากเบาหวาน ช่วยเจริญอาหาร ลดน้ำตาลในเลือด ลดไข้ แก้อาการข้ออักเสบ บำรุงน้ำดี
ข้อควรระวัง: การดื่มน้ำมะระขี้นกอย่าใส่มะระขี้นกจนขม เพราะสารอัลคาลอยด์ที่มีในรสขมจะทำให้ตับต้องทำงานหนัก หากตับมีปัญหาอาจทำให้ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิต โดยเฉพาะกับสุภาพสตรียิ่งมีความเสี่ยงสูง อาจมีอาการตกเลือดหรือแท้งได้ หากกินมะระขี้นกมากเกินขนาดหรือกินมะระขี้นกที่เริ่มสุกในขณะกำลังตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม อาจมีผู้ป่วยบางรายที่รับประทานหรือดื่มน้ำมะระขี้นกแต่ไม่ได้ผล โบราณบอกว่าธาตุมันไม่รับ ลางเนื้อชอบลางยา ก็ต้องเปลี่ยนวิธีอื่น ลองไปจนรู้ว่าอะไรที่ใช้ได้ ต้องใช้การรักษาหลายๆ แบบควบคู่กันไป โดยเฉพาะเรื่องการปรับพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร

ผลไม้ดีสำหรับคนเป็นเบาหวานสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาหารมีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อ...
20/05/2022

ผลไม้ดีสำหรับคนเป็นเบาหวาน
สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาหารมีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน แหล่งอาหารจากผลไม้มีความปลอดภัยสูงเมื่อใช้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2 ได้อย่างมาก
แล้วคนเป็นเบาหวานควรกินผลไม้อะไร?
🥗 รายการผลไม้ที่กิน
ส้มโอ ส้ม: มีฤทธิ์คล้ายอินซูลิน ดังนั้น ส้มโอจึงมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้มาก แต่ถ้าผู้ป่วยลดระดับไขมันในเลือดด้วยสแตติน ก็ไม่ควรรับประทานผลไม้นี้ในขณะหยุดยา เพราะมันมีศักยภาพที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่น rhabdomyolysis ความเป็นพิษต่อไตและตับ
- Blackberry Strawberry Blackcurrant ราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ผลไม้กลุ่มนี้มีฤทธิ์ในการรองรับไขมันในเลือด ควบคุมน้ำตาลในเลือด และลดความดันโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยส่วนผสม เช่น โพแทสเซียม ไฟเบอร์ โฟเลต แมกนีเซียม แมงกานีส สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซี
ลูกแพร์, พีช, ฝรั่ง, แอปเปิ้ล, แตงโม: ผลไม้กลุ่มนี้อุดมไปด้วยวิตามิน C, A, ไฟเบอร์และโพแทสเซียม แตงโมเพียงอย่างเดียวมีวิตามินมากมาย เช่น A, B, C, แคลเซียม, เหล็ก, ไฟเบอร์, แมกนีเซียม, โพแทสเซียม ฯลฯ
- อะโวคาโด, มะกอก: ผลไม้ที่ให้ไขมันดี, กรดอะมิโน, เส้นใยที่ละลายน้ำได้, วิตามิน A, B, C, E, แร่ธาตุเช่นโพแทสเซียม, แมกนีเซียม, สารต้านอนุมูลอิสระ, ปริมาณธาตุสังกะสี, แคลเซียมและธาตุเหล็ก
🛑 จำกัดการบริโภคผลไม้หวาน นำไปสู่ความดันโลหิตสูงได้ง่ายและไม่ดีต่อโรคเบาหวาน เช่น มะม่วง สัปปะรด ขนุน ทุเรียน...
- พันธุ์แห้ง กระป๋อง และแปรรูป เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลสูง หากคุณกินผลไม้แห้ง โปรดตรวจสอบรายการส่วนผสมอย่างระมัดระวัง เนื่องจากผู้ผลิตสามารถใช้น้ำตาลประเภทต่างๆ ในผลิตภัณฑ์ได้ เช่น น้ำตาลทราย น้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตสสูง เป็นต้น น้ำตาลกลับหัว สารให้ความหวานข้าวโพด เป็นต้น
จำกัดการใช้สมูทตี้และน้ำผลไม้เพราะน้ำผลไม้ ⅓ - ½ ถ้วยประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม เนื่องจากอยู่ในรูปของเหลว ร่างกายจะดูดซึมน้ำตาลเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2

คนเป็นเบาหวานควรทานอะไร?ปัจจุบันโรคเบาหวานเป็นหนึ่งในสามโรคที่เพิ่มขึ้นตามอายุ นอกจากการใช้ยาเพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือดแล้...
18/05/2022

คนเป็นเบาหวานควรทานอะไร?
ปัจจุบันโรคเบาหวานเป็นหนึ่งในสามโรคที่เพิ่มขึ้นตามอายุ นอกจากการใช้ยาเพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือดแล้ว การกินที่ถูกต้องสามารถช่วยได้มาก เมื่อคุณกินอาหารที่เหมาะสม อาหารที่เหมาะสมมีบทบาทสำคัญ:
อาหารผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทาน:
ข้าวกล้องหรือข้าวพอง
ถั่ว
ผักสีเขียว.
ผลไม้รสหวานน้อย เช่น แก้วมังกร ฝรั่ง ส้มโอ ส้ม แอปเปิ้ล..
นมปราศจากน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
อาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทาน:
ขนมปังขาว.
มันฝรั่งอบ
หุงข้าว.
ก๋วยเตี๋ยว.
ถนน.
ชนิดของขนม
น้ำอัดลม
ผลไม้หวาน เช่น แตงโม ลำไย ทุ่งนา มะม่วง ขนุน...
จำกัดสารให้ความหวานที่ให้พลังงานสูง เช่น กลูโคส...
ในเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ห้ามใช้สารให้ความหวานที่มีแคลอรีต่ำ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีสารให้ความหวาน "เบา"
อาหารรสเค็มไม่ควรรับประทาน โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง

17/05/2022
โรคเบาหวาน อาจเป็นโรคที่ขึ้นชื่อว่าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ โ...
17/05/2022

โรคเบาหวาน อาจเป็นโรคที่ขึ้นชื่อว่าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ โดยวันนี้เราก็ได้รวบรวมเคล็ดลับการลดน้ำตาลในเลือดอย่างได้ผลมาฝากกัน ซึ่งก็รับรองเลยว่าจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมเบาหวานได้อย่างอยู่หมัดแน่นอน
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นที่สุดของการมีสุขภาพดีจริงๆ เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง พร้อมการมีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ของผู้ป่วยเบาหวานได้อีกด้วย นั่นก็เพราะในขณะที่มีการออกกำลังกาย ร่างกายจะนำเอาน้ำตาลมาเผาผลาญเป็นพลังงาน ทำให้น้ำตาลในเลือดลดน้อยลงจากปกติ ดังนั้นหากออกกำลังกายบ่อยๆ ก็จะสามารถควบคุมเบาหวานได้
เน้นกินผักเป็นหลัก
การเน้นกินผักเยอะๆ เป็นอีกวิธีที่จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลง นั่นก็เพราะในผักมีไฟเบอร์ที่จะชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดให้เป็นไปอย่างช้าๆ จึงไม่ทำให้น้ำตาลพุ่งปรี๊ดจนเป็นอันตราย ทั้งยังช่วยลดระดับไขมันเลวในร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะผักใบเขียว เมล็ดฟักทอง มะเขือเทศ และผักบุ้ง เป็นต้น เพราะฉะนั้นมาเน้นกินผักเพื่อสุขภาพกันดีกว่า
เลือกกินอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ
เพราะน้ำตาลในเลือดสูงอยู่แล้ว จึงไม่ควรกินอาหารที่มีน้ำตาลสูงอย่างเด็ดขาด โดยให้เลือกกินเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลต่ำเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำเร็จรูปหรือปรุงเองก็ตาม ซึ่งก็ยกตัวอย่างอาหารน้ำตาลต่ำที่ผู้ป่วยเบาหวานสามารถกินได้ คือ ถั่วข้าวโพด ไข่ ข้าวโอ๊ต มันเทศและส้ม เป็นต้น
ดื่มน้ำขิงเป็นประจำ
น้ำขิง มีฤทธิ์ในการลดระดับน้ำตาลที่อยู่ในเลือดได้ดี ดังนั้นหากต้องการควบคุมเบาหวาน จึงควรดื่มน้ำขิงเป็นประจำทุกวัน โดยให้นำเหง้าขิงสด 1 เหง้ามาฝานแล้วต้มกับน้ำเปล่า จากนั้นนำมาดื่มอย่างต่อเนื่อง เพียงเท่านี้คุณก็จะมีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว ทั้งยังทำให้อาการป่วยเบาหวานทุเลาลงไปจนอยู่ในระดับที่ไม่อันตรายอีกด้วย
ดื่มน้ำบ่อยๆ
ผู้ป่วยเบาหวานมักจะขาดน้ำได้ง่าย ซึ่งก็เป็นผลให้อาการแย่ลงกว่าเดิม ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ ตลอดทั้งวัน โดยทั้งนี้เมื่อร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ก็จะทำให้ตับสามารถขับน้ำตาลส่วนเกินในเลือดออกไปพร้อมกับปัสสาวะได้ง่ายขึ้น จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงไปด้วยนั่นเอง เพราะฉะนั้นอย่าได้ละเลยการดื่มน้ำเลยเชียว
เพียงแค่ทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ ก็จะช่วยลดน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานได้อย่างง่ายดาย แถมยังช่วยลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นมาเริ่มลดระดับน้ำตาลในเลือดของคุณด้วยวิธีเหล่านี้กันเถอะ
ขอขอบคุณ

โรคเบาหวานกำลังเป็นภัยเงียบของคนไทยและทั่วโลก สหพันธ์เบาหวานนานาชาติรายงานล่าสุด พบทั่วโลกมีผู้ป่วยเบาหวานมากกว่า 371 ล้...
16/05/2022

โรคเบาหวานกำลังเป็นภัยเงียบของคนไทยและทั่วโลก สหพันธ์เบาหวานนานาชาติรายงานล่าสุด พบทั่วโลกมีผู้ป่วยเบาหวานมากกว่า 371 ล้านคน จำนวนยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดในปี พ.ศ.2573 จะมีมากถึง 552 ล้านคน โดยร้อยละ 80 อยู่ในประเทศด้อยพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนา
ในส่วนของไทย ผลการสำรวจสุขภาพคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศครั้งล่าสุด เมื่อปี 2552 พบคนไทยป่วยโรคเบาหวานกว่า 3.5 ล้านคน เสียชีวิตจากเบาหวานเฉลี่ยปีละเกือบ 8,000 ราย แนวโน้มพบในเด็กมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้เด็กไทยเผชิญความอ้วนและกินหวานมากขึ้น หากไม่มีการป้องกันควบคุมโรคที่ดีพอ คาดว่าในอีก8ปีข้างหน้า ไทยจะพบผู้ป่วยถึง 4.7 ล้านราย
ทั้งนี้ ที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้พบว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวาน 1 ใน 3 หรือประมาณ 1.2 ล้านคน ไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากไม่เคยได้รับการตรวจวินิจฉัยมาก่อน และผู้ป่วยบางส่วนรู้ตัวแล้ว แต่ไม่รักษา มีผู้ป่วยเบาหวานที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเพียงร้อยละ 29 อีกประมาณร้อยละ 70 คุมระดับน้ำตาลไม่ได้ เกิดโรคแทรกซ้อน ทั้งโรคหัวใจ เท้าเน่า ไตวาย แต่ละปีมีค่าดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานสูงถึง 47,596 ล้านบาท จึงต้องเร่งควบคุมป้องกัน ลดจำนวนคนป่วย
ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณีนิธิยานันท์ ภาควิชาอายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลและนายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ทางสมาคมฯ ได้ร่วมรณรงค์ให้สังคมไทยตระหนักถึงภัยคุกคามจากโรคเบาหวาน เพื่อให้คนไทยทุกคนรู้จักโรคนี้ และตระหนักถึงปัญหาและภัยของโรค มีความตื่นตัวการดูแลสุขภาพ รู้วิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรค และในกรณีที่เป็นโรคเบาหวานแล้วหากดูแลรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก และควบคุมให้ได้ตามแผนการรักษาของแพทย์ จะช่วยลดอัตราความพิการ การเสียชีวิต สามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงกับคนปกติทั่วไป
ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า สาเหตุหลักๆ ของเบาหวานเกิดจากการเสื่อมของเซลล์หรืออวัยวะที่ผลิตอินซูลิน เรามีอินซูลินไว้ควบคุมน้ำตาลไม่ให้สูงเกินกว่าระดับปกติ ดังนั้น เมื่อมีการเสื่อมของเซลล์หรืออวัยวะตัวนี้ ไม่ว่าจะจากสาเหตุใดก็ตามที่มีการทำลาย หรือว่าเสื่อมตามอายุ หรือว่าเสื่อมเพราะปัจจัยอื่น เช่น อ้วน ก็จะทำให้เกิดโรคเบาหวานขึ้น เพราะฉะนั้น พันธุกรรมจะเป็นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเปลี่ยนไม่ได้ แต่ต้องเป็นเพราะพันธุกรรม
แต่ด้วยวิถีชีวิตคนปัจจุบันที่มักจะเคร่งเครียดกับเรื่องราวต่างๆ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ชี้ว่าความเครียดนั้นไม่เพียงทำให้เกิดผลกระทบต่อส่วนต่างๆ หากแต่ยังมีส่วนในการทำให้เป็นโรคเบาหวานและเพิ่มระดับการเป็นโรคให้มากขึ้นด้วย
"ความเครียดกระทบหลายส่วน และเบาหวานก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะว่าเวลาเราเครียดจะมีฮอร์โมนหลายอย่างเพิ่มขึ้น และฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นนี้ก็เป็นฮอร์โมนที่ทำงานตรงกันข้ามกับอินซูลิน คือเป็นฮอร์โมนเพิ่มน้ำตาล ถ้าฮอร์โมนเพิ่มน้ำตาลมีมากขึ้น ระดับน้ำตาลก็จะสูงตามไปด้วยเป็นปกติ ทำให้เกิดเบาหวาน หรือสำหรับคนที่เป็นแล้วก็อาจจะทำให้ควบคุมได้ไม่ดีนัก" ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี กล่าว

ผักเชียงดา งานวิจัยและสรรพคุณ 19ข้อ : 1.ช่วยเพิ่มกำลังในการทำงานหนัก2.เป็นยารักษาเบาหวาน3.ช่วยทำให้เจริญอาหาร4.ช่วยบำรุง...
14/05/2022

ผักเชียงดา งานวิจัยและสรรพคุณ 19ข้อ :
1.ช่วยเพิ่มกำลังในการทำงานหนัก
2.เป็นยารักษาเบาหวาน
3.ช่วยทำให้เจริญอาหาร
4.ช่วยบำรุงสายตา
5.แก้ตาฝ้าฟาง มีอาการเคืองตา
6.ช่วยแก้หูชั้นกลางอักเสบ
7.รักษาไข้ อาการหวัด ลดไข้
8.แก้ไอ ขับเสมหะ
9.ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้และหอบหืด
10.แก้หลอดลมอักเสบ
11.แก้ปอดอักเสบ
12.ช่วยแก้โรคบิด
13.ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร
14.เป็นยาขับปัสสาวะ
15.ช่วยขับระดูของสตรีช่วย
16.แก้อาการบวมน้ำ
17.เป็นยาแก้โรคผิวหนัง
18.ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
19.ช่วยในการบำรุงสายตา

📍ทุกคนมีความเสี่ยงติดเชื้อ COVID-19 ได้ทุกคน แต่รู้หรือไม่ ? หากเป็นโรคเบาหวาน มีความเสี่ยงติดเชื้อที่รุนแรงกว่า😱✔️โดยจะ...
12/05/2022

📍ทุกคนมีความเสี่ยงติดเชื้อ COVID-19 ได้ทุกคน แต่รู้หรือไม่ ? หากเป็นโรคเบาหวาน มีความเสี่ยงติดเชื้อที่รุนแรงกว่า😱
✔️โดยจะมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่าผู้ที่ไม่เป็นเบาหวาน เช่นเดียวกับผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือโรคอ้วน
✔️เนื่องจากผู้เป็นเบาหวาน หากควบคุมน้ำตาลไม่ดี จะมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าคนปกติและเชื้อไวรัสจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง

โภชนบัญัติ 9 ประการสำหรับผู้สูงอายุกินอาหารให้หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม และหมั่นดูแลน้ำหนักตัวกินข้าวเป็นหลัก เน้นข้าว...
10/05/2022

โภชนบัญัติ 9 ประการสำหรับผู้สูงอายุ
กินอาหารให้หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว
กินข้าวเป็นหลัก เน้นข้าวกล้อง ข้าวขัดสีน้อย
กินพืชผักและผลไม้ตามฤดูกาลให้มากเป็นประจำ
กินปลา ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่วเป็นประจำ
ดื่มนมและผลิตภัณฑ์จากนมเป็นประจำ
หลีกเลี่ยงอาหาร ไขมันสูง หวานจัด เค็มจัด
ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มรสหวาน
กินอาหารสะอาด ปลอดภัย
งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
กินเพลิน เจริญตา พาจำดี มีพลัง
กินเพลิน
สร้างบรรยากาศการรับประทานอาหารให้อร่อย ด้วยการรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว มีกิจกรรมทำร่วมกัน เช่น ร่วมกันปรุงประกอบอาหาร เปลี่ยนบรรยากาศรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือไปเที่ยวทั้งครอบครัวเป็นบางโอกาส
เจริญตา
เลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน เอ บี1 บี12 ซี อี ลูทีน ซีแซนทีน ซิลิเนียม และสังกะสี ซึ่งช่วยในการทำงานของจอประสาทตา ชะลอการเกิดต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งพบใน ตำลึง ฟักทอง กะหล่ำดอก ผักบุ้ง บร็อคโคลี แครอท ข้าวโพด ฝรั่ง ส้ม มะละกอ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ตับ ไข่ หอยนางรม ปลา นม และน้ำมันพืช เป็นต้น
พาจำดี
บำรุงสมองและระบบประสาท ป้องกันการชาตามปลายมือปลายเท้า ด้วยการรับประทานอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า3 สารสื่อประสาทโคลิน เลซิตินและวิตามินบีต่างๆ ได้แก่ บี1 บี6 และบี12 เป็นต้น ซึ่งพบใน ปลาทะเลน้ำลึก ใบแปะก๊วย ไข่แดง กล้วย ถั่วเหลืองและข้าวกล้อง เป็นต้น
มีพลัง
ผู้สูงอายุ ต้องการพลังงาน 1,400 ถึง 1,800 กิโลแคลอรีต่อวัน ขึ้นอยู่กับอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง และการใช้พลังงานในแต่ละวัน ซึ่งควรเสริมสร้างกล้ามเนื้อและชะลอความเสื่อมของกระดูก ด้วยการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน แคลเซียม วิตามินดี เค และแมกนีเซียม ซึ่งพบใน นมและผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียวเข้ม เต้าหู้แข็ง ปลาเล็กปลาน้อย และงาดำ เป็นต้น เลือกรับประทานโปรตีนที่ดี เช่น ปลา ไข่ เนื้อสัตว์ไขมันต่ำย่อยง่าย ถั่วและธัญพืชต่างๆ
รับประทานให้หลากหลายครบ 5 หมู่ ไม่รับประทานของซ้ำๆเดิมๆ มีปริมาณที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันตามตารางแนวทางการรับประทานอาหารของผู้สูงอายุ เพียงเท่านี้ผู้สูงอายุก็จะมีภาวะโภชนาการที่ดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง ต่อสู้กับการเสื่อมถอยของร่างกายได้เป็นอย่างดี

ภาวะเลือดเป็นกรด DKA ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดภาวะ DKA (Diabetic Ketoacidosis) หรือภาวะน้ำตาลในเล...
10/05/2022

ภาวะเลือดเป็นกรด DKA ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ภาวะ DKA (Diabetic Ketoacidosis) หรือภาวะน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับเลือดเป็นกรด เป็นภาวะฉุกเฉินที่พบได้ในผู้ป่วยเบาหวาน แต่เดิมพบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน(เบาหวานชนิดที่หนึ่ง) ปัจจุบันพบได้บ่อยขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่สอง ซึ่งเป็นผู้ป่วยกลุ่มใหญ่ของโรคเบาหวาน ภาวะ DKA เป็นภาวะฉุกเฉินที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ดังนั้นผู้ป่วยและคนใกล้ชิดควรทำความเข้าใจถึงภาวะนี้ อาการ ปัจจัยเสี่ยงและทราบถึงอันตราย เพื่อเตรียมตัวรับมือและหาแนวทางป้องกันที่เหมาะสมได้
ภาวะ DKA คือภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับภาวะเลือดเป็นกรดจากการที่มีสารคีโตนสะสมในเลือด
อาการที่บ่งชี้ว่ากำลังเกิดภาวะ DKA
ผู้ป่วยจะมีอาการของน้ำตาลในเลือดสูง เช่น ปัสสาวะบ่อย คอแห้ง กระหายน้ำ รวมกับ อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อ่อนเพลียไม่มีแรง หอบเหนื่อย ลมหายใจมีกลิ่นผลไม้ ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ หากเป็นมากขึ้นจะมีอาการสับสน อาจเกิดภาวะช็อค หมดสติ และตรวจพบระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่า 250 มก. ต่อดล. ต้องระวังในผู้ป่วยที่กินยาเบาหวานบางกลุ่มอาจเกิดภาวะ DKA ได้ที่ระดับน้ำตาลต่ำกว่า 250 มก. ต่อดล.
Diabetic ketoacidosis (DKA) เป็นภาวะน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับเลือดเป็นกรดจากสารคีโตน มักพบในผู้ป่วยเบาหวานที่ฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ และมีภาวะเครียดของร่างกาย โดยหากมีอาการแนะนำให้รีบพาผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล ดังนั้นผู้ป่วยและคนใกล้ชิดควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะ DKA การปฏิบัติตัวยามเจ็บป่วย และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที

อาหารคนป่วยเบาหวาน และสิ่ง 3 ที่ห้ามกินโรคเบาหวานไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าเรารู้จักทาน รู้จักเลือกสักหน่อย จะสามารถควบคุ...
09/05/2022

อาหารคนป่วยเบาหวาน และสิ่ง 3 ที่ห้ามกิน

โรคเบาหวานไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าเรารู้จักทาน รู้จักเลือกสักหน่อย จะสามารถควบคุมเบาหวานได้อย่างแน่นอน ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ ได้รับข้อมูลจาก กรมการแพทย์ สถาบันโรคทรวงอก ถึงวิธีการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน จะใช้ชีวิตง่ายขึ้น หากเลือกทานอาหาร และใช้ชีวิตดังนี้

ผู้ป่วยเบาหวานต้องรู้

1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสม
2. รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
4. ใช้ยาตามแพทย์สั่งเพื่อลดความรุนแรงของโรค และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

อาหารของผู้ป่วยเบาหวาน ที่สามารถทานได้

1. ผลไม้หวานน้อย เช่น แอปเปิ้ล สาลี่ ชมพู่ ให้เลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวานจัดและผลไม้แปรรูป ยิ่งไม่ควรทาน

2. ผักใบเขียวดีกว่าผักประเภทหัว เช่น เผือก มัน เนื่องจากมีแป้งอยู่ปริมาณมาก
3. เนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย ไม่ติดมัน และหนัง เช่นเนื้อปลา ไข่ขาว เต้าหู้
ทั้งนี้สามารถเพิ่มรสชาติด้วย สมุนไพรต่างๆ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว

สิ่งที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องห้าม

1. ขนมหวานทุกชนิด
2. ขนมราดด้วยกะทิ
3. น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ นมเปรี้ยวรสต่างๆ นมปรุงแต่ง

ทั้งหมดนี้คืออาหารที่ควรเลือกทานและอาหารต้องห้ามของผู้ป่วยโรคเบาหวานนะจ๊ะ เอาเป็นว่า เป็นได้ ควบคุมได้ รักษาได้จ้า ...

ความรุนแรงของโรคเบาหวานไม่ได้อยู่ที่ระดับน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงเพียงอย่างเดียวครับ หากแต่อันตรายที่แท้จริงของโรคนี้อยู่...
06/05/2022

ความรุนแรงของโรคเบาหวานไม่ได้อยู่ที่ระดับน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงเพียงอย่างเดียวครับ หากแต่อันตรายที่แท้จริงของโรคนี้อยู่ที่ภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานที่คุณไม่คาดคิดว่าถ้าปล่อยให้ตนเองเป็นเบาหวานนาน ๆโดยไม่ทำการควบคุมจะมีผลเสียที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงของเบาหวานมีอะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบครับ
1. ชาที่บริเวณปลายมือปลายเท้า
อาการชาของโรคเบาหวานจะมีลักษณะชาเหมือนกับกำลังสวมถุงมือถุงเท้าอยู่ตลอดเวลาคือชาตั้งแต่บริเวณข้อมือข้อเท้าลงไป สาเหตุของอาการชานี้เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอยู่ตลอดเวลาจะไปทำลายเส้นเลือดฝอยที่บริเวณปลายมือปลายเท้า ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงเส้นประสาทที่บริเวณนั้นได้จึงทำให้การรับความรู้สึกที่บริเวณดังกล่าวค่อย ๆลดลงครับ อาการชาตามปลายมือปลายเท้านี้อาจดูไม่รุนแรงและไม่น่าเป็นพิษเป็นภัยอะไร แต่เพราะความรู้สึกที่ลดลงนี้เองที่ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเกิดแผลที่เท้าจนนำไปสู่การตัดขาได้ในที่สุด
2. แผลหายช้า ผิวหนังแห้งและมีอาการคันบ่อย
อีกหนึ่งภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของเบาหวานก็คือเมื่อเกิดแผลขึ้น แผลนั้นจะหายช้ามาก เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเชื้อแบคทีเรียรอบ ๆผิวหนังที่จะไปขัดขวางการสมานแผลของร่างกาย และหากแผลนี้เกิดขึ้นที่บริเวณเท้าก็อาจลุกลามกลายเป็นเนื้อตายจนนำไปสู่การสูญเสียอวัยวะได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยมักมีอาการผิวหนังแห้งและคันบริเวณผิวหนังซึ่งสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ที่เป็นเบาหวานเป็นอย่างมากครับ
3. ความผิดปกติทางสายตา
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “เบาหวานขึ้นตา” ซึ่งภาวะนี้เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงมากจนไปทำลายเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงจอประสาทตาและเส้นประสาทบริเวณนั้น และเส้นประสาทบริเวณนั้น รวมถึงน้ำตาลอาจไปทำลายเลนส์ตาอันเป็นสาเหตุของโรคต้อหิน ต้อกระจกและเส้นประสาทตาเสื่อมได้ หากยังไม่ควบคุมระดับน้ำตาลให้เป็นปกติก็มีโอกาสสูงมากที่ผู้ป่วยเบาหวานจะสูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด ภาวะแทรกซ้อนทางการมองเห็นไม่มีวิธีรักษา เราทำได้แต่เพียงชะลอความเสื่อมเอาไว้จากการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเท่านั้น
4. ไตเสื่อมและไตวาย
เช่นเดียวกับภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นที่ตำแหน่งอื่น ผู้ที่เป็นเบาหวานมีโอกาสเกิดภาวะไตเสื่อมจนลุกลามไปสู่อาการไตวายได้จากผลของน้ำตาลที่ไปทำลายหลอดเลือดฝอยที่บริเวณไตครับ เมื่อเส้นเลือดฝอยที่ไตถูกทำลายจะทำให้ไตมีการทำงานที่ผิดปกติไป และเมื่อเรายังปล่อยให้ไตถูกทำลายไปเรื่อย ๆโดยไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ท้ายที่สุดผู้ป่วยก็มีโอกาสเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้ในที่สุด
5. หลอดเลือดตีบตัน
นอกจากที่น้ำตาลจะไปทำลายเส้นเลือดฝอยก็ยังส่งผลให้หลอดเลือดขนาดใหญ่เกิดการหนาตัวทีละน้อยจนนำไปสู่อาการตีบตันของหลอดเลือดได้ ซึ่งหากบริเวณที่ตีบตันเกิดขึ้นที่อวัยวะสำคัญไม่ว่าจะเป็นสมอง ปอด หรือหัวใจและอาการเกิดขึ้นอย่างฉับพลันก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตหรือพิการของผู้ป่วยเบาหวานได้เช่นกัน
ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามครับ เพราะบางภาวะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันของผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นการดูแลตนเองจึงเป็นสิ่งที่คุณต้องทำและใส่ใจเพื่อให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขในระยะยาวครับ

สิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรปฏิบัติเลือกรับประทานอาหารจำพวกแป้งจากธัญพืชที่ไม่ขัดสี ในปริมาณที่พอเหมาะพยายามงดอาหารร...
05/05/2022

สิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรปฏิบัติ
เลือกรับประทานอาหารจำพวกแป้งจากธัญพืชที่ไม่ขัดสี ในปริมาณที่พอเหมาะ
พยายามงดอาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นหวาน มัน หรือเค็ม (โซเดียมน้อยกว่า 1,500-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน)
รับประทานผัก และผลไม้ที่ไม่หวานจัดเพื่อเพิ่มกากใยอาหาร
ควบคุมน้ำหนัก
งดสูบบุหรี่ และงดดื่มสุรา
ออกกำลังกายเป็นประจำในแบบแอโรบิค (moderate intensity) วันละ 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ตามคำแนะนำของแพทย์ กรณีไม่มีข้อห้าม
ระวังอย่ารับประทานยาใด ๆ เองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะยากลุ่มที่เป็นเสตียรอยด์ ยาฮอร์โมน หมั่นศึกษาหาความรู้ในการดูแลตนเอง
ทำจิตใจให้สงบ และผ่อนคลายความเครียด ไม่โกรธ หรือโมโหง่าย
ดูแลและตรวจเท้าทุกวัน เพื่อสำรวจแผลที่ง่ามนิ้วเท้า ฝ่าเท้า
ดูแลสุขภาพฟัน
ติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
รับประทานยาเพื่อควบคุมความดันโลหิต หรือเบาหวานตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
ผู้ป่วยและผู้ดูแลสังเกตอาการผิดปกติเนื่องจากภาวะน้ำตาลต่ำหรือสูงเกินไป เช่น หน้ามืด ใจสั่น หมดสติ
ภาวะน้ำตาลต่ำ คืออะไร
ภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือด น้อยกว่าหรือเท่ากับ 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร กรณีใช้ยา โดยเฉพาะกลุ่มอินซูลิน, ยารับประทานบางกลุ่ม
อาการ: หน้ามืด ใจสั่น หมดสติ แต่ในบางรายอาจจะไม่แสดงอาการได้

--โรคเบาหวานหายขาดได้จริงไหม?วิธีรักษาโรคเบาหวานในปัจจุบันหลักในการรักษาผู้ป่วยเบาหวานขึ้นอยู่กับชนิดของเบาหวาน ซึ่งประก...
04/05/2022

--โรคเบาหวานหายขาดได้จริงไหม?
วิธีรักษาโรคเบาหวานในปัจจุบัน
หลักในการรักษาผู้ป่วยเบาหวานขึ้นอยู่กับชนิดของเบาหวาน ซึ่งประกอบด้วย การใช้ ยารักษาโรคเบาหวาน (การฉีดอินซูลินสำหรับเบาหวานชนิดที่ 1 และยากินหรือฉีดอินซูลินร่วมด้วยสำหรับเบาหวานชนิดที่ 2) และการปรับวิถีการดำเนินชีวิตซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก
ในการปรับวิถีชีวิต หรือพฤติกรรมความเป็นอยู่ ควรต้องปรับในเรื่องอาหารการกิน คือ ต้องควบคุมอาหารโดยมีเป้าหมายเพื่อให้น้ำหนักลดลงช้าๆ มากกว่าที่จะพยายามททำให้น้ำหนักเป็นปกติ และพยายามหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง รวมทั้งเลี่ยงอาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ และควรออกกำลังกายอยู่เป็นประจำวันละ 30 – 60 นาที และลดการอยู่นิ่งๆ หรือนอนดูโทรทัศน์ และเล่นเกมคอมพิวเตอร์ แม้ว่าในปัจจุบัน โรคเบาหวานเป็นโรคที่ยังรักษาไม่หายขาด และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี ก็อาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้
นอกจากนี้ การให้ผู้ป่วยโรคเบาวานมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งสาเหตุและการดำเนินของโรค เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เช่นเดียวกันกับการมีส่วนร่วมของครอบครัว หากครอบครัวให้ความร่วมมือในการปรับเลี่ยนพฤติกรรมก็จะทำให้การรักษาประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
ในการรักษา แพทย์จะกำหนดเป้าหมายของการรักษาเพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดมีค่าใกล้เคียงกับระดับปกติอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสามารถแบ่งออกตามกลุ่มผู้ป่วย ดังนี้
การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1: เนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ จึงต้องวางแผนเรื่องการออกกำลังกาย การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง และการฉีดอินซูลินแบบหลายครั้งในหนึ่งวัน (MDI)
การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2: วิธีการรักษาได้แก่การควบคุมอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน การออกกำลังกาย การตรวจระดับน้ำตาลด้วยตนเอง และมีการใช้ยารักษาเบาหวานร่วมด้วย (มีผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ประมาณ 40% ที่ต้องฉีดอินซูลินร่วมด้วย) นอกจากการใช้ยาแผนปัจจุบันแล้ว การรักษาด้วยแพทย์ทางเลือกรวมทั้งการใช้สมุนไพรรักษาเบาหวานก็เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเช่นกัน
- ปัจจุบันผมต้องช่วยคนไข้ร้อยกว่าคนทุกวันอยู่จึงยุ่งมากไม่มีเวลาแชทเยอะ หากคุณสนใจกับยาเม็ดฟู่ SATOCHI ตัวนี้
คุณสามารถติดต่อโดยตรงกับผมหรือหมอพรทิพย์: 062-918-0589
หรือฝากเบอร์โทรไว้เราจะโทรกลับครับ

โรคเบาหวานคืออะไรโรคเบาหวาน (Diabetes) คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของฮอร์โมนที่ชื่อว่า อินสุลิน (Insulin) ซึ่...
03/05/2022

โรคเบาหวานคืออะไร
โรคเบาหวาน (Diabetes) คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของฮอร์โมนที่ชื่อว่า อินสุลิน (Insulin) ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจำเป็นต้องมีอินสุลิน เพื่อนำน้ำตาลในกระแสเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะสมองและกล้ามเนื้อ ในภาวะที่อินสุลินมีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการลดลงของปริมาณอินสุลินในร่างกาย หรือการที่อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายตอบสนองต่ออินสุลินลดลง (หรือที่เรียกว่า ภาวะดื้ออินสุลิน) จะทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลที่อยู่ในกระแสเลือดไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้มีปริมาณน้ำตาลคงเหลือในกระแสเลือดมากกว่าปกติ
สาเหตุของโรคเบาหวานเกิดจากการที่ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงมากขึ้นถึงระดับหนึ่ง จนทำให้ไตดูดกลับน้ำตาลได้ไม่หมด ซึ่งปกติไตจะมีหน้าที่ดูดกลับน้ำตาลจากสารที่ถูกกรองจากหน่วยไตไปใช้ ส่งผลให้มีน้ำตาลรั่วออกมากับปัสสาวะ จึงเป็นที่มาของคำว่า “โรคเบาหวาน” หากเราปล่อยให้เกิดภาวะเช่นนี้ไปนาน ๆ โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมาในที่สุด
ชนิดของโรคเบาหวาน
เบาหวานชนิดที่ 1 – เกิดจากภูมิคุ้มกันร่างกายทำลายเซลล์สร้างอินสุลินในตับอ่อน ทำให้เกิดภาวะขาดอินสุลิน
เบาหวานชนิดที่ 2 – เกิดจากภาวะการลดลงของการสร้างอินสุลิน ร่วมกับภาวะดื้ออินสุลิน และมักเป็นกรรมพันธุ์
เบาหวานชนิดพิเศษ – สาเหตุของโรคเบาหวานชนิดนี้อาจเกิดจากความความผิดปกติของตับอ่อน หรือเป็นโรคที่เกี่ยวกับการทำงานที่ผิดปกติของอินสุลินโดยกำเนิด
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ – เบาหวานชนิดนี้เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์และหายไปได้หลังคลอดบุตร แต่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต
อาการของโรคเบาหวาน
เบาหวานที่พบได้บ่อยที่สุด คือเบาหวานชนิดที่ 2 สาเหตุของโรคเบาหวานชนิดนี้เกิดจากกรรมพันธุ์และการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารประเภทแป้ง ของหวานมากเกินไป ภาวะน้ำหนักเกิน อ้วนลงพุง การขยับร่างกายที่น้อยลง ไม่ออกกำลังกาย เป็นต้น
เบาหวานชนิดนี้ มักเกิดในกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม โรคเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่าเกิดในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ เช่น อายุ 20 – 30 ปี ซึ่งสัมพัทธ์กับการรับประทานอาหารที่เป็นแป้ง ของหวาน หรือการออกกำลังกายที่ลดลง และ โรคอ้วน ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่อายุยังน้อย มีโอกาสจะควบคุมอาการโรคได้ยากกว่า เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่ายกว่า และมักจะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในช่วงอายุที่น้อยกว่า
ดังนั้น การควบคุมเบาหวานให้อยู่ในระดับที่ปกติ จึงมีความสำคัญอย่างมากรวมถึงการค้นหาโรคเบาหวานในกลุ่มเสี่ยง เพื่อป้องกันและการรักษาโรคเบาหวานได้อย่างทันท่วงที จะส่งผลให้ลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานระยะยาวได้
ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
เมื่อมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติเป็นระยะเวลานาน น้ำตาลที่สูงจะส่งผลโดยตรงต่อหลอดเลือดทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยทำให้เกิดภาวะอักเสบ และภาวะหลอดเลือดอุดตันได้ง่ายกว่าคนปกติ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยในภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง ทำให้น้ำตาลส่วนเกินไปเกาะกับเม็ดเลือดขาวที่ใช้ต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้เม็ดเลือดขาวมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆได้ลดลง ส่งผลให้เกิดภาวะติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่าย

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+66814825702

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หมอเบาหวาน หมออาร์มผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์