ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารสุขภาพเฉพาะบุคคล FNTP

13/07/2025

gut brain axis สมองและทางเดินอาหารสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออกแล้ว (จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน) พฤติกรรมที่ผิดปกติของคนใกล้ตัว ให้ย้อนไปดูที่ทางเดินอาหารว่า มีอาการอะไรบ้าง และอาการเหล่านั้น ก็ต้องสาวไปยังอาหารที่กิน

คาร์โบไฮเดรต และไฟเบอร์ บางอย่างเป็นศัตรูกับทางเดินอาหาร (เนื่องจากร่างกายย่อยเขาไม่ได้ ดูดซึมก็ไม่ได้ และเขาก็เลยก่อปัญหา) เรามาดูกันว่า มีอะไรบ้าง

และที่น่าเป็นห่วงมาก ๆ คือ พวกเรายังกินกันอยู่ เพราะข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้ยินได้ฟังมา บอกว่า เขาดีต่อสุขภาพ #แต่ไม่ใช่กับสุขภาพทางเดินอาหาร #เชื่อFNTP

อังคารที่ 15 กรกฎาคม เวลาทุ่มครึ่ง เรามาฟังกันค่ะ
เตรียมคำถามไว้ พี่ปูพร้อมตอบ

13/07/2025

#กินวันนี้พรุ่งนี้เห็นผล อาหารช่วยสร้างสารสื่อประสาท จัดการความเครียด

•กลูตามีน จาก เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ปลาทู พาสลี่ย์ กะหล่ำม่วง ไข่
•แอลไทร็อกซิน ไก่ ไก่งวง ปลา ถั่วลิสง อัลมอนด์ อะโวคาโด งา เมล็ดฟักทอง
•กาบ้า จากตับสัตว์ ปลาแมคเคอเรล (ปลาทู) วอลนัท ผักโขม

ร่วมทานอาหารเย็น ฟังทอล์คเรื่องอาหารช่วยสุขภาพอารมณ์ที่ https://www.facebook.com/share/p/1AboYQhHLo/ หรือติดต่อคุณแอน โทร 09 7097 3575
เรียนคอร์สออนไลน์ด้วยตนเอง "โปรแกรมอาหาร (ปรับอารมณ์ เสริมสมอง รักษาทางเดินอาหาร) บู้สต์อารมณ์ ต้านซึมเศร้า ที่ https://myfullmeal.com/products/course-diet-for-depression

12/07/2025

สมองต้องการไขมัน
รู้หรือไม่ 60% ของสมองคือไขมัน
หากไม่ได้รับไขมันอย่างเพียงพอ สมองจะทำงานช้าลง ความจำลดลง อารมณ์แปรปรวน

ไขมันแบบไหนช่วยการทำงานของสมอง
• ถั่วต่างๆ เช่น อัลมอนด์ แมคคาเดเมีย ฮาเซลนัท ถั่วลิสง พีแคน งา พิสตาชิโอ วอลนัท เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง
• เนื้อสัตว์ต่างๆ เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ ไก่ ไข่ เป็ด เครื่องในสัตว์
• ชีสหมักแบบโบราณ เช่น เชดดาร์ ฟีต้า คอตเตจ
• พืชที่ให้น้ำมัน และน้ำมันที่ผ่านกระบวนการสกัดเย็น เช่น อะโวคาโด มะกอก มะพร้าว
• นมที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป และเนยแท้

ไขมันแบบไหนทำลายสมอง
มาการีน เนยเทียม น้ำมันพืช ชีสแปรรูป อาหารทอดน้ำมันท่วม ฮ็อตด็อก ไส้กรอก เนยถั่วอุตสาหกรรม มันฝรั่งทอด มันฝรั่งแผ่น มายองเนส เบเกอรี่อุตสาหกรรม

ร่วมทานอาหารเย็นฟังทอล์ค "อาหารช่วยสุขภาพอารมณ์" วันพฤหัสที่ 31 กรกฎาคม (ย้ายจากวันที่ 16 กรกฎาคม) ได้ที่ https://www.facebook.com/photo?fbid=1408443140225518&set=a.709273776809128 หรือโทรสอบถามรายละเอียดที่คุณแอน 09 7097 3575

12/07/2025

ฟังแบบ real time ค่ะ

11/07/2025

หากไม่มีปัญหาทางเดินอาหาร ชวนลูกเพจดีท็อกซ์กายใจเดือนละ 3 - 4 วัน

พี่ปู ดีท็อกซ์ใจด้วยการสวดมนต์ (วันอาสาฬหบูชา สวดไป 7 รอบ 7 ชั่วโมง ปกติสวด 2 รอบ 2 ชั่วโมง)

ดีท็อกซ์กายด้วยการกินอาหารมังสวิรัติ (โดยอาหารนั้นต้องไม่มีอะไรแปรรูป ไม่มีโปรตีนเกษตร ไม่ทอด ไม่ปรุงด้วยน้ำตาล ไม่ปรุงด้วยเกลือ) 1 มื้อ ที่เหลือดื่มน้ำคั้นจากผัก

สูตรที่ 1
เคล 3 ใบใหญ่
เซเลอรี่ 2 ท่อนยาว
แตงกวา หรือซูกินี่ 1 ผล
แอปเปิ้ลเขียว 1 ผล
มะนาว เล็กน้อย

สูตรที่ 2
แครอท 1 หัว
สับปะรด 1/4 ผล
บีทรู้ท 1/2 หัว
มะนาว เล็กน้อย

ร่วมทานอาหารเย็นฟังทอล์ค "อาหารช่วยสุขภาพอารมณ์" วันพฤหัสที่ 31 กรกฎาคม (ย้ายจากวันที่ 16 กรกฎาคม) ได้ที่ https://www.facebook.com/photo?fbid=1408443140225518&set=a.709273776809128 หรือโทรสอบถามรายละเอียดที่คุณแอน 09 7097 3575

11/07/2025

เรียบเรียงโดยเอื้อมพร แสงสุวรรณ FNTP (Functional Nutritional Therapy Practitioner) คนแรกของประเทศไทย/ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Sukina เพื่อสุขภาพ บริษัทเจเอสแอล โกลโบลมีเดีย/ ผู้จัดรายการวิทยุ Modern Health ทุกวันเสาร์เวลา 8.30 – 10.00 น. ทางสถานีวิทยุครอบครัวข่าว FM 106/ อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารชีวจิต (2004 - 2019) #ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารสุขภาพเฉพาะบุคคล

11/07/2025

รู้อย่างนี้แล้ว เราต้องเลิกยาเสพติดที่ชื่อ น้ำตาลกันล่ะ

Sweet Lies Episode 5 The Truth Unveiled (2010-2016)

ในวันที่ดูเหมือนธรรมดาวันหนึ่งของปี 2010 ดร. คริสติน เคิร์นส์ (Dr. Cristin Kearns) ทันตแพทย์รุ่นใหม่จาก UCSF กำลังเดินผ่านชั้นวางหนังสือเก่าๆ ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เธอไม่รู้เลยว่าขณะนั้นกำลังเดินเข้าใกล้การค้นพบที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์โภชนาการไปตลอดกาล

เคิร์นส์เริ่มต้นการเดินทางของเธอด้วยความสงสัยง่ายๆ ว่าทำไมอุตสาหกรรมน้ำตาลถึงได้ต่อสู้กับข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่าน้ำตาลเป็นสาเหตุของฟันผุ ในฐานะทันตแพทย์ที่เห็นผลกระทบของน้ำตาลต่อสุขภาพฟันโดยตรง เธอจึงเริ่มขุดคุ้ยหาความจริงที่ถูกฝังไว้ใต้ดิน

การเดินทางของเคิร์นส์เริ่มต้นจากการสังเกตุว่าทุกครั้งที่มีงานวิจัยชี้ให้เห็นผลเสียของน้ำตาล จะมีงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากอุตสาหกรรมน้ำตาลออกมาโต้แย้งทันที รูปแบบนี้ดูเหมือนจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจน

ปี 2011 เคิร์นส์ตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมุ่งมั่นสำรวจเรื่องนี้แบบเต็มตัว เธอเริ่มต้นด้วยการค้นหาเอกสารเก่าๆ ที่อาจจะเก็บไว้ในห้องสมุดต่างๆ ทั่วประเทศ เธอรู้ดีว่าหากมีสิ่งที่ถูกซ่อนไว้ มันก็คงจะถูกเก็บไว้ในที่ที่ไม่มีใครไปมองหา

การค้นพบครั้งแรกของเคิร์นส์เกิดขึ้นเมื่อเธอพบเอกสารใน University of Illinois ที่เก็บเอกสารเก่าๆ ของอุตสาหกรรมน้ำตาล ในกองเอกสารที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นเก่าแก่ เธอค้นพบบันทึกการประชุมและจดหมายที่แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมน้ำตาลมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการต่อสู้กับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา

เอกสารชิ้นหนึ่งที่ทำให้เคิร์นส์ตกใจคือบันทึกการประชุมปี 1975 ของ Sugar Association ที่ให้คำแนะนำแก่โรงงานน้ำตาลในโคโลราโดเกี่ยวกับวิธีการพูดคุยกับสื่อมวลชนเมื่อถูกถามเรื่องผลกระทบของน้ำตาลต่อสุขภาพ เอกสารนี้เผยให้เห็นว่าอุตสาหกรรมน้ำตาลมีแผนการสื่อสารที่ชัดเจนเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของตนเอง

แต่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในปี 2012 เมื่อเคิร์นส์ได้รับข้อมูลว่าเอกสารเก่าๆ ของ Sugar Research Foundation อาจจะถูกเก็บไว้ที่ Harvard University Library เธอเดินทางไปบอสตันด้วยความหวังที่จะพบสิ่งที่มีค่า แต่ไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เธอจะค้นพบจะเปลี่ยนแปลงความเข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์โภชนาการไปตลอดกาล

ในห้องสมุดเก่าแก่ของ Harvard เคิร์นส์ค้นพบสมบัติที่แท้จริง นั่นคือเอกสารนับพันหน้าที่เก็บไว้ในกล่องเอกสารที่ไม่มีใครไปสนใจมานานหลายทศวรรษ เอกสารเหล่านี้ประกอบด้วยจดหมายส่วนตัว บันทึกการประชุม และสัญญาต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบใต้ดินระหว่าง Sugar Research Foundation กับนักวิจัยจาก Harvard

จดหมายที่ทำให้เคิร์นส์ตกใจมากที่สุดคือจดหมายที่ส่งจาก John Hickson ผู้อำนวยการของ Sugar Research Foundation ถึงศาสตราจารย์ Fredrick Stare จาก Harvard School of Public Health ในจดหมายลงวันที่ 13 กรกฎาคม 1965 Hickson เขียนไว้ว่า

"เราอยากได้การทบทวนวรรณกรรมที่จะแสดงให้เห็นว่าไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ ไม่ใช่น้ำตาล"

ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือจดหมายตอบกลับจาก Stare ที่ระบุว่า "เราจะทำให้คุณพอใจ" และการที่ Harvard ได้รับเงินจำนวน 6,500 ดอลลาร์ (เทียบเท่าประมาณ 50,000 ดอลลาร์ในปัจจุบัน) สำหรับโครงการนี้ที่ได้รับชื่อว่า "Project 226" ตามที่เราได้รู้กันไปแล้วในตอนที่ผ่านมา

เคิร์นส์พบว่าโครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงการให้ทุนวิจัยธรรมดา แต่เป็นการซื้อผลลัพธ์ที่ต้องการจากสถาบันที่มีชื่อเสียง เอกสารเผยให้เห็นว่า Sugar Research Foundation ได้ส่งเอกสารต่างๆ ที่เลือกสรรมาแล้วให้กับนักวิจัย Harvard และขอให้พวกเขาเขียนบทความทบทวนวรรณกรรมที่จะสนับสนุนทฤษฎีว่าไขมันอิ่มตัวเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ ไม่ใช่น้ำตาล

การค้นพบนี้ทำให้เคิร์นส์เข้าใจถึงขนาดของการหลอกลวงที่เกิดขึ้น เธอพบว่าบทความที่ตีพิมพ์ใน New England Journal of Medicine ในปี 1967 ซึ่งมีอิทธิพลต่อนโยบายสาธารณสุขมาหลายทศวรรษ ถูกเขียนขึ้นภายใต้การสนับสนุนและการกำหนดทิศทางจากอุตสาหกรรมน้ำตาล
เคิร์นส์ใช้เวลาหลายปีในการตรวจสอบและวิเคราะห์เอกสารกว่า 2,000 หน้า ที่เธอเก็บไว้ในกล่องเอกสารสองกล่องในออฟฟิสที่ UCSF เธอต้องการให้แน่ใจว่าข้อมูลที่เธอค้นพบนั้นถูกต้องและสามารถยืนยันได้ เพราะเธอรู้ดีว่าการกล่าวหาที่ว่าอุตสาหกรรมน้ำตาลซื้อนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชื่อดังนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก

ปี 2013 เคิร์นส์เริ่มร่วมงานกับ ดร. ลอร่า ชมิดท์ (Dr. Laura Schmidt) และ ดร. สแตนตัน กลันทซ์ (Dr. Stanton Glantz) จาก UCSF ทั้งสองท่านมีประสบการณ์ในการศึกษาเอกสารลับของอุตสาหกรรมยาสูบมาก่อน พวกเขาเห็นว่าเทคนิคที่อุตสาหกรรมน้ำตาลใช้นั้นคล้ายคลึงกับสิ่งที่อุตสาหกรรมยาสูบทำเมื่อหลายทศวรรษก่อน

ทีมงานใช้เวลาสามปีในการวิเคราะห์เอกสารอย่างละเอียด พวกเขาจัดเรียงเอกสารตามลำดับเวลา ตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และสร้างเส้นเวลาที่ชัดเจนของการดำเนินการของ Sugar Research Foundation ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพที่ชัดเจนของการวางแผนที่ตั้งใจเพื่อหลอกลวงสาธารณะเรื่องผลกระทบของน้ำตาลต่อสุขภาพ

ผลงานวิจัยของทีมเคิร์นส์ได้รับการตีพิมพ์ใน JAMA Internal Medicine ฉบับวันที่ 12 กันยายน 2016 ภายใต้หัวข้อ "Sugar Industry and Coronary Heart Disease Research: A Historical Analysis of Internal Industry Documents" บทความนี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ปฏิกิริยาจากวงการวิทยาศาสตร์เมื่อข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยนั้นรุนแรงมาก นักวิจัยหลายคนรู้สึกตกใจที่ค้นพบว่าสิ่งที่พวกเขาเชื่อมานานหลายทศวรรษนั้นถูกสร้างขึ้นจากการหลอกลวงอย่างเป็นระบบ ดร. วอลเตอร์ วิลเลตต์ (Dr. Walter Willett) นักโภชนาการระดับโลกจาก Harvard ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า "นี่คือบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมสามารถบิดเบือนวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร"

สื่อมวลชนทั่วโลกให้ความสนใจกับข่าวนี้อย่างมาก หนังสือพิมพ์ใหญ่ๆ อย่าง The New York Times, The Guardian, และ CNN ได้นำเสนอข่าวนี้ในหน้าแรก ชื่อเรื่องต่างๆ ที่ออกมาล้วนแล้วแต่สื่อถึงความช็อกของการค้นพบ เช่น "How the Sugar Industry Shifted Blame to Fat" และ "Sugar Industry Paid Harvard Scientists to Blame Fat for Heart Disease"

การเปิดเผยครั้งนี้ทำให้เกิดการตื่นตัวในวงการวิทยาศาสตร์เรื่องความจำเป็นในการเปิดเผยแหล่งเงินทุนวิจัย หลายสถาบันเริ่มเข้มงวดกับการเปิดเผยข้อมูลเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และเริ่มมีการตั้งคำถามใหม่เกี่ยวกับงานวิจัยที่ได้รับเงินทุนจากอุตสาหกรรมต่างๆ

ปฏิกิริยาจากอุตสาหกรรมน้ำตาลเองก็เป็นที่น่าสนใจ Sugar Association ออกแถลงการณ์ปฏิเสธการกล่าวหา โดยอ้างว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติในยุคนั้น และพยายามเปลี่ยนประเด็นไปที่การพูดถึงความก้าวหน้าในวิทยาศาสตร์โภชนาการในปัจจุบัน แต่การแก้ตัวเหล่านี้ไม่สามารถปกปิดความรุนแรงของสิ่งที่เกิดขึ้นได้

ผลกระทบจากการค้นพบของเคิร์นส์ขยายไปสู่นโยบายสาธารณสุขในหลายประเทศ หน่วยงานกำกับดูแลอาหารในหลายประเทศเริ่มทบทวนคำแนะนำเรื่องการบริโภคน้ำตาล WHO ได้ปรับคำแนะนำเรื่องการบริโภคน้ำตาลให้เข้มงวดขึ้น และหลายประเทศเริ่มพิจารณาการเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง

ในปี 2018 ผลงานของเคิร์นส์ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการเมื่อ UCSF เปิดตัว Food Industry Documents Archive (FIDA) ซึ่งเป็นคลังเอกสารออนไลน์ที่เก็บรวบรวมเอกสารของอุตสาหกรรมอาหารกว่า 600,000 ฉบับ ทำให้นักวิจัยและสาธารณะสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างเสรี

การทำงานของเคิร์นส์ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเปิดเผยเรื่องน้ำตาลเท่านั้น เธอได้ขยายการศึกษาไปยังอุตสาหกรรมอาหารอื่นๆ และพบว่าเทคนิคที่ใช้ในการบิดเบือนวิทยาศาสตร์นั้นใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามใหม่ว่า "มีอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ทำเช่นนี้หรือไม่"
ปัจจุบันเคิร์นส์ยังคงทำงานในฐานะผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ UCSF School of Dentistry และเป็นอาจารย์ประจำที่ Philip R. Lee Institute for Health Policy Studies เธอมุ่งมั่นที่จะสร้างสาขาวิชาใหม่ที่เรียกว่า "food industry documents research" เพื่อศึกษาอิทธิพลของอุตสาหกรรมอาหารต่อวิทยาศาสตร์และนโยบายสาธารณสุข

บทเรียนที่เราได้รับจากการค้นพบของเคิร์นส์นั้นสำคัญมาก มันแสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นกลางเสมอไป และการที่เราไว้วางใจในสถาบันและนักวิจัยที่มีชื่อเสียงนั้นอาจจะเป็นอันตรายได้หากไม่มีการตรวจสอบและถ่วงดุล

สิ่งที่เกิดขึ้นกับการวิจัยเรื่องน้ำตาลในอดีตครับ เป็นเหมือนกับการที่เรายอมให้ใครคนหนึ่งเขียนประวัติศาสตร์ตามที่เขาต้องการ ในขณะที่ความจริงถูกฝังใต้ดิน ผลลัพธ์ที่ได้คือนโยบายสาธารณสุขที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริง และปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นในชั่วอายุคนหลายๆ ชั่วอายุคน

การค้นพบของเคิร์นส์ยังทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการเปิดเผยข้อมูลเรื่องแหล่งเงินทุนวิจัย การที่นักวิจัยไม่เปิดเผยว่าได้รับเงินจากอุตสาหกรรมใดนั้น เป็นการทำลายความไว้วางใจของสาธารณะต่อวิทยาศาสตร์ วันนี้เราจึงเห็นว่าวารสารวิทยาศาสตร์ต่างๆ เข้มงวดกับการเปิดเผยข้อมูลเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนมากขึ้น

สิ่งที่น่าคิดครับ คือการที่เราได้เห็นว่าอุตสาหกรรมน้ำตาลสามารถบิดเบือนวิทยาศาสตร์ได้มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ ทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า ในปัจจุบันนี้มีอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่กำลังทำสิ่งคล้ายๆ กันหรือไม่ และเราจะป้องกันการหลอกลวงในรูปแบบนี้ได้อย่างไร

ข้อมูลที่เคิร์นส์ค้นพบไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวในอดีตเท่านั้น แต่เป็นการเตือนใจเราให้ระมัดระวังและมีวิจารณญาณในการรับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลนั้นเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของกลุ่มคนบางกลุ่ม

ในที่สุดแล้ว การเปิดเผยความจริงเรื่อง Sweet Lies ของอุตสาหกรรมน้ำตาลก็เป็นชัยชนะของวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง แม้ว่าความจริงจะมาถึงช้าไปหลายทศวรรษ แต่มันก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าความจริงจะปรากฏออกมาในที่สุด และเป็นบทเรียนสำคัญที่เราต้องจำไว้ว่า

เมื่อวิทยาศาสตร์ถูกซื้อ สาธารณสุขก็ถูกขาย
และเรา คือผู้ที่จ่ายด้วยสุขภาพของเรา

แต่ แต่ แต่

สิ่งที่มีการค้นพบความจริงนี้แล้วนั้น ยังเป็นที่รับรู้น้อยนิดมาก ยังคงมีความเชื่อในสิ่งที่ SRF และ Ancel Keys สร้างรากฐานไว้มากรวมถึงยังคงปฎิเสธสิ่งคัดค้านต่างๆที่มีการเสนอขึ้นมาใหม่ นั่นจึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากที่รากฐานนี้แข็งแกร่งจนมีโอกาศน้อยมากที่จะถูกโค่นลงไปได้ง่ายๆ . . .เว้นแต่ว่า มีสิ่งควบคุมใหม่ ที่สามารถครอบงำได้แนบสนิทกว่าเดิม จนพวกเขาสามารถปล่อยมือจากอำนาจเก่าได้ แล้วมันคืออะไร?

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัว Ancel Keys หรือ SRF แต่เป็นกลุ่มที่ใช้รากฐานนี้สืบต่อกันมาต่างหากครับ ถ้าเราเลิกโทษใครบางคนเพื่อเป็นแพะแห่งความสบายใจ แล้วกลับมามองว่า ระบบ มันดำเนินต่อด้วยอะไร เราจะมองเห็นว่า ปัญหาอะไรที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

ภาพจำนี้ยังคงเกิดขึ้น ณ วินาทีนี้ และ อนาคตที่กำลังมาถึง
แค่อยู่ในหีบห่อที่ต่างไปแต่ข้างในนั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลง

คำถามที่สำคัญเหนือสิ่งใดคือ

เรายังต้องติดอยู่ในเขาวงกตนี้อีกนานแค่ไหน ตัวเรานั้นคือผู้เดียวที่ตอบได้ ไม่ใช่การพึ่งพาคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นหมอ ผู้เชี่ยวชาญ หรือ ผู้ฝึกสอนใดๆ

Don’t trust, verify

อนาคต อาจสายไปแล้วในวันนี้
#กูต้องรู้มั๊ย #ม้วนหางสิลูก

10/07/2025

ร่วมทานอาหารเย็น ฟังทอล์คเรื่องอาหารช่วยสุขภาพอารมณ์ที่ https://www.facebook.com/share/p/1AboYQhHLo/ หรือติดต่อคุณแอน โทร 09 7097 3575

เรียนคอร์สออนไลน์ด้วยตนเอง "โปรแกรมอาหาร (ปรับอารมณ์ เสริมสมอง รักษาทางเดินอาหาร) บู้สต์อารมณ์ ต้านซึมเศร้า ที่ https://myfullmeal.com/products/course-diet-for-depression

10/07/2025

สูตรน้ำมันราดอาหาร
บู๊สต์อารมณ์ประจำวัน

สูตรน้ำมันสูตรนี้ แนะนำโดย ดร.แมรี่ อีนิก ผู้เชี่ยวชาญด้านไขมัน เพื่อให้ร่างกายได้รับไขมันหลากหลายและสมดุล ไม่ว่าจะป็นโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 และไขมันอิ่มตัว ซึ่งควรมีสัดส่วนที่เหมาะสม

ส่วนผสม
น้ำมันมะพร้าว organic cold – pressed 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา organic cold – pressed 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก organic cold – pressed 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ ผสมน้ำมันทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกัน ใส่ขวดแก้ว วางไว้ในอุณหภูมิห้อง ใช้ราดอาหารจำพวกผัด นึ่ง แกง (หลังจากปรุงสุกแล้ว และอุณหภูมิอาหารลดลง พออุ่น ๆ พร้อมรับประทาน) มื้อละ 1 ช้อนโต๊ะ

ประโยชน์ต่อสุขภาพอารมณ์
เนื่องจาก 50% ของน้ำมันมะพร้าวคือ กรดไขมันสายกลาง หรือ MCT ที่จะเข้าสู่ร่างกายทางระบบน้ำเหลืองในทางเดินอาหาร ช่วยเพิ่มพลังงาน ช่วยทำให้อิ่ม และช่วยควบคุมน้ำหนัก โดยการลดไขมันในร่างกาย น้ำมันมะพร้าวจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว (ต่างจากไขมันชนิดอื่น ๆ)

มะพร้าวมีสารอาหารหลากหลาย เช่น ธาตุเหล็ก ซีเรเนียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม แมงกานีส ฟอสฟอรัส และวิตามินบี 1 บี 3 บี 5 บี 6 วิตามินอี และวิตามินเค ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ปกป้องตับ และระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ ก็จะช่วยให้ต่อมหมวกไตทำงานเป็นปกติ และช่วยให้อารมณ์เสถียร

เรียบเรียงโดยเอื้อมพร แสงสุวรรณ FNTP (Functional Nutritional Therapy Practitioner) คนแรกของประเทศไทย/ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Sukina เพื่อสุขภาพ บริษัทเจเอสแอล โกลโบลมีเดีย/ ผู้จัดรายการวิทยุ Modern Health ทุกวันเสาร์ เวลา 8.00 - 9.00 น. ทางสถานีวิทยุครอบครัวข่าว FM 106/ อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารชีวจิต (2004 - 2019) #ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารสุขภาพเฉพาะบุคคล

10/07/2025

เรา FNTP ไม่ได้ถูกสอนให้กินอาหารแก้อาการที่เป็น แต่เราถูกสอนให้หาสาเหตุที่แท้จริงของความผิดปกตินั้น ยกตัวอย่าง ท้องผูก อาจมาจากการย่อยในกระเพาะอาหารไม่ดี ก็ได้

10/07/2025

ขออนุญาตเลื่อนวันจัดงานค่ะ

มีลูกเพจร้องขอหลายท่านทีเดียว
จึงขอปรับวันจัดงานจาก 16 กรกฎาคม เป็นพฤหัส 31 กรกฎาคม 2568

ส่วนผู้ที่สมัครของวันที่ 16 กรกฎาคมมาแล้ว เดี๋ยวทีมงานจะติดต่อท่านไปค่ะ

ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วย และจะประชาสัมพันธ์ด้วยโปสเตอร์ใหม่อย่างเป็นทางการอีกครั้งเร็ว ๆ นี้ค่ะ

เรามาเจอกันดีกว่า
มาฟังพี่ปูบรรยาย มากินอาหารเย็นด้วยกัน (ถือกลับบ้านอีกกล่องหนึ่งด้วย)
และนำปัญหาแคลงใจเกี่ยวกับการใช้อาหารแก้ปัญหาจิตใจและอารมณ์ของตนเอง มาให้พี่ปูช่วยแนะนำทีละคน (คนละ 10 - 15 นาที)
วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคมนี้ ที่ร้านอาหารสุขภาพ Salada ณ ตลาดบองมาเช่ จตุจักร กรุงเทพฯ
สมัครให้ตนเอง ให้เพื่อน ให้คนในครอบครัว หรือใครที่มีปัญหาอารมณ์ ซึมๆ เศร้าๆ เครียด กระวนกระวาย คิดมาก ไม่สบายใจเนือง ๆ

09/07/2025

จากการศึกษาเมื่อหลายปีก่อน ที่ทำในนักศึกษาจำนวน 120 คน ดูการเสพติดของอาหารต่างๆ จำนวน 35 ชนิด เพื่อดูว่าเสพติดอะไรสูงสุด และในกลุ่มที่เสพติดนั้น อะไรอันตรายต่อสุขภาพสูงที่สุด

รายละเอียดงานวิจัยที่ https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0117959

ร่วมกินอาหารที่ร้าน Salada ตลาดบองมาเช่ และฟังบรรยาย "อาหารช่วยสุขภาพอารมณ์" สมัครด่วนที่ลิงก์ https://www.facebook.com/photofbid=1408443140225518&set=a...
หรือโทรหาคุณแอน 09 7097 3575