มณฑลคลินิกฝังเข็มและยาจีน กระทุ่มแบน สมุทรสาคร

04/09/2024

คนไข้ที่สนใจนัดหมายรับบริการฝังเข็ม
หรือติดต่อสอบถามรายละเอียด
☎️ 0915459782 / แชทผ่านข้อความเพจ
หรือหากคนไข้ที่ไม่สะดวกในการเดินทาง
เรามีบริการให้ถึงบ้าน 🏠

สะดวก สะอาด ปลอดภัย ให้บริการตามมาตรฐานวิชาชีพ

#ฝังเข็มกระทุ่มแบน #ฝังเข็มปวดเมื่อย #ฝังเข็มรักษาโรค #ฝังเข็มฟื้นฟูหลังการออกกำลังกาย #ฝังเข็มอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ #ฝังเข็มสมุทรสาคร #ฝังเข็มตลาดกระทุ่มแบน #ฝังเข็มคอบ่าไหล่ #ฝังเข็มออฟฟิศซินโดรม #ฝังเข็มโรคหลอดเลือดสมอง #ฝังเข็มผู้สูงอายุ #ฝังเข็มปรับสมดุลร่างกาย #ฝังเข็มบำรุงร่างกาย

22/10/2023

สอบถามรายละเอียด
จองคิวการรักษา
เน้นโทรสะดวกที่สุดค่ะ
ให้ข้อมูลได้ครบถ้วน
และรวดเร็ว ในข้อความทยอย
ตอบให้นะคะ
ขอบคุณมากค่ะ 🙏

23/07/2023

19/05/2023

กลับมาให้บริการตามปกติแล้ว
เคสที่จะเข้ามารับบริการ
สามารถโทรมานัดหมายล่วงหน้าและ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0915459782

20/06/2022

กรมการแพทย์แนะ “ฝังเข็ม” ช่วยปรับสมดุล บำบัดฟื้นฟูผู้ป่วย

โรคระบบประสาท
กรมการแพทย์ โดยสถาบันประสาทวิทยา เผยการฝังเข็มบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยโรคทางระบบประสาท ช่วยปรับการทำงานของร่างกายและอวัยวะต่างๆให้กลับสู่สภาพสมดุลปกติหรือใกล้เคียงปกติให้มากที่สุด

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า การฝังเข็มคือศาสตร์หนึ่งในแพทย์แผนจีน ซึ่งมีใช้กันมานาน โดยการใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมากฝังตามจุดฝังเข็มบนร่างกายตามทฤษฎีการแพทย์แผนจีน กลไกการรักษาโรคด้วยการฝังเข็ม ตามทฤษฎีวิทยาศาสตร์การแพทย์ปัจจุบันพบว่า การฝังเข็มเป็นการกระตุ้นตัวรับสัญญาณระบบประสาทของปลายประสาทหลายชนิดที่กระจายอยู่ในแต่ละชั้นของเนื้อเยื่อ ตั้งแต่ชั้นผิวหนัง เนื้อเยื้อใต้ผิวหนัง เยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อ เส้นประสาท และหลอดเลือด ทำให้เกิดสัญญาณประสาทผ่านเข้ามาในไขสันหลัง ซึ่งสัญญาณประสาทส่วนหนึ่งจะย้อนออกไปจากไขสันหลังเกิดเป็นวงจรสะท้อนกลับ(reflex) ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื้ออวัยวะบริเวณใกล้เคียงที่ถูกเข็มปัก เช่น มีการขยายตัวของหลอดเลือด มีการคลายตัวของกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง เป็นต้น สัญญาณประสาทอีกส่วนหนึ่งจะเคลื่อนที่ไปตามไขสันหลังเข้าสู่สมองเพื่อไปกระตุ้นศูนย์ควบคุมต่างๆในสมองให้มีการหลั่ง “สารสื่อสัญญาณประสาท” ออกมาหลายชนิดพร้อมกับการกระตุ้นสัญญาณประสาท โดยเฉพาะระบบประสาทอัตโนมัติ
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า การฝังเข็มบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วย ช่วยยับยั้งความรู้สึกเจ็บปวด คลายกล้ามเนื้อ ปรับการทำงานของอวัยวะและระบบต่างๆให้กลับสู่สภาพสมดุลตามปกติ ควบคุมการหลั่งฮอร์โมนให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดทั้งบริเวณเฉพาะที่และทั่วร่างกาย ช่วยปรับภูมิคุ้มกันของร่างกายให้อยู่ในสภาพปกติ เพื่อกำจัดเชื้อโรค ยับยั้งปฏิกิริยาภูมแพ้ที่ไวเกินไป ปฏิกิริยาการอักเสบ เป็นต้น ซึ่งการรักษาโรคด้วยการฝังเข็มมีอยู่กว้างขวางมากมาย ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก(WHO)ประกาศให้การรับรองและระบุโรคและกลุ่มโรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการฝังเข็มกว่า100โรค และมีรายงานวิจัยหลายรายงานพบว่า โรคบางโรครักษาโดยการฝังเข็มให้ผลการรักษาดีเทียบเท่าหรือมากกว่าการใช้ยา มีความปลอดภัยและลดโอกาสเสี่ยง ต่อผลข้างเคียงของการใช้ยาด้วย โดยสถาบันประสาทวิทยาเปิดให้บริการการรักษาด้วยการฝังเข็มควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน ผู้ป่วยที่จะเข้ารับการรักษาโดยวิธีฝังเข็มนั้น จะต้องผ่านการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ก่อนว่าสามารถเข้ารับการรักษาได้หรือไม่ ซึ่งมีโรคด้านระบบประสาทและไขสันหลังหลากหลายโรค เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ปวดศีรษะ ปวดเส้นประสาทบนใบหน้า ปวดคอ ปวดหลัง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท บาดเจ็บไขสันหลัง อัมพาตใบหน้า เส้นประสาทอักเสบ เป็นต้น การฝังเข็มจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบำบัดฟื้นฟูระบบต่างๆของร่างกายสู่สภาพสมดุลปกติ
***************************************
#กรมการแพทย์ #สถาบันประสาทวิทยา #การฝังเข็มบำบัดผู้ป่วยโรคระบบประสาท
-ขอขอบคุณ-
20 มิถุนายน 2565

20/01/2022

ไหนใครสายนักวิ่งบ้าง 🏃 ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมก่อนลงสนามหรือฟื้นฟูหลังลงสนามมาแล้ว ใช้การฝังเข็มเข้าไปช่วยได้ดีทีเดียว ลองอ่านบทความนี้จาก ThaiRun ฮับความสุขนักวิ่ง ดูค่ะ

ทำไม! นักวิ่งควรบำบัดด้วยการฝังเข็ม
การฝังเข็ม หรือ “Acupuncture” เป็นหนึ่งในศาสตร์จีนที่ถูกใช้มายาวนาน
ความเชื่อมั่นในแพทย์แผนจีนทำให้ปัจจุบันการรักษาบำบัดด้วยการฝังเข็ม
ถูกนำมาใช้ในแวดวงกีฬามากขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าเข็มเล็กๆ เหล่านี้ช่วยรักษานักกีฬาปีกหักมานักต่อนัก
ฝังเข็มดีอย่างไร ?
ศาสตร์แพทย์จีนเชื่อว่า อาการ “ปวดเมื่อย” หรือ “เจ็บปวด” เกิดขึ้นจากความไม่สมดุลของ ‘ชี่’ ภายใน รวมถึงการอุดกั้นของ ‘เลือด-ลม’ ในจุดต่างๆ ของร่างกาย สาเหตุเกิดได้จากตั้งแต่การกินอาหาร ความเครียด การใช้ร่างกายไม่สมดุล ไปจนถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ทำอย่าง จนเกิดเป็นความเสื่อม ร่างกายจะฟ้องผ่านอาการทางกาย การฝังเข็มเป็นการใช้เข็มขนาด 0.18 – 0.30 มิลลิเมตร เข้าไปในจุดต่างๆ ของร่างกาย เพื่อบำบัดและจัดการกับต้นตอที่สามารถนำไปสู่การเกิดโรคที่ร้ายแรงขึ้นในอนาคต
แพทย์แผนจีนจะใช้เข็มขนาดต่างๆ ปักลงไปตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นตำแหน่ง ‘แทนอวัยวะ’ จุดประสงค์ก็เพื่อ ‘ระบาย’ (เลือด - ลม อุดกั้น) หรือ ‘บำรุง’ ร่างกายขึ้นอยู่กับแพทย์จีนเป็นผู้พิจารณา โดยแพทย์จะกระตุ้นเข็มในจุดต่างๆ เหล่านั้นด้วยมือ หรือใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าโวลต์ต่ำ ช่วยกระตุ้นประมาณ 20-30 นาที
นักวิ่งควรได้ลองฝังเข็ม
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งบาดเจ็บ หรือไม่บาดเจ็บ การฝังเข็มก็เป็น “ทางเลือก” การฟื้นบำรุงร่างกายนักกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจ นักวิ่งส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการยืดเหยียดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ นานวันไปก็สามารถสะสมแต้มความเสื่อม และฟ้องผ่านความรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว มีข้อบ่งชี้เช่น นอนหลับไม่สนิท กระสับกระส่าย ต่อให้คิดเองว่าเราใช้ร่างกายส่วนล่าง (Lower Body) ในการวิ่ง คงไม่มีผลมากมายต่อส่วนบน แต่ความจริงแล้ว กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายโยงในสัมพันธ์กันและมีผลต่อกัน
สำหรับนักวิ่งบาดเจ็บ นอกจากรักษาด้วยการฝังเข็มแล้ว แพทย์พิจารณาใช้เครื่อง ‘ไบโอ สเปตรัม’ (Bio-Spectrum) ฉายเคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปช่วยกล้ามเนื้อในจุดที่ตึงอยู่ให้คลายตัวได้ นอกจากนี้แพทย์จีนยังพิจารณาการฝังเข็มร่วมกับการรักษาที่เรียกว่า การครอบแก้ว (Cupping Therapy) แต่ทั้งหมดนั้นต้องเป็นการรักษาแบบต่อเนื่อง ไม่มีศาสตร์ไหนช่วยได้ข้ามคืน
รักจะวิ่ง ก็ควรดูแลตัวเองอย่างดี
วิ่งด้วยกัน แข็งแรงไปด้วยกัน
บทความนี้ อนุญาตให้แชร์ได้ตามสะดวก
Original post โดย #นักวิ่งสายสุขภาพที่อยากวิ่งด้วยความสุขและไม่บาดเจ็บ

01/01/2022

❤️
❤️❤️
❤️❤️❤️

22/12/2021

อัพเดตวงการแพทย์แผนจีน
ขอบคุณข่าวจาก China Xinhua News

จีนเตรียมใช้ 'แพทย์แผนจีน' ป้องกันสายตาสั้นในเด็ก
สำนักงานกำกับดูแลแพทย์แผนจีนแห่งชาติจีนได้ออกหนังสือเวียนเพื่อดำเนินโครงการนำร่องการประยุกต์ใช้ยาแพทย์แผนจีน (TCM) เพื่อป้องกันภาวะสายตาสั้นในเด็ก
หนังสือเวียนที่ออกโดยสำนักงานฯ ร่วมกับคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน ระบุว่าโครงการนำร่องนี้ ซึ่งจะดำเนินการระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 2022 ถึง 31 ม.ค. 2023 จะส่งเสริมแนวทางการรักษาด้วยยาแพทย์แผนจีนในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การกดจุดฝังเข็มที่หูด้วยยาแผนจีนแบบเม็ด ในสถาบันการแพทย์และโรงเรียนในพื้นที่นำร่อง
คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการรักษาด้วยยาแพทย์แผนจีนแบบเม็ดชี้ว่าการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการตาล้า โดยช่วยคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อที่ช่วยในการเพ่ง (Ciliary) และกล้ามเนื้อลูกตา
นอกจากนั้น หนังสือเวียนยังเรียกร้องให้พื้นที่นำร่องปรับใช้มาตรการแก้ปัญหาเฉพาะสำหรับเด็กผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนและติดตามผลต่างๆ เพื่อสร้างฐานข้อมูลให้กับโครงการและรับรองคุณภาพของโครงการนี้ รวมถึงมุ่งสร้างความตระหนักในการป้องกันภาวะสายตาสั้นในเด็ก และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างอุปนิสัยที่นำไปสู่สุขภาพสายตาที่ดี
อ่านข่าวน่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : www.xinhuathai.com

03/12/2021

01/12/2021

ว่ากันด้วยเรื่อง การนอนหลับ ทางแพทย์แผนจีน

https://www.facebook.com/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%99-Traditional-Chinese-Medical-Volunteer-TCMV-106415141306094/

เหตุผลว่าทำไมถึงไม่ควรนอนเกินห้าทุ่ม ฉบับแพทย์แผนจีน

อย่างที่รู้กันว่าการแพทย์แผนจีนตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิด”หยิน-หยาง” โดยเชื่อว่าทุกสิ่งในจักรวาลล้วนแบ่งออกเป็น “หยิน” กับ “หยาง”☯️

หยินคือความเงียบสงบ หยางคือพลังงาน หากเปรียบเป็นช่วงเวลาหยางคือกลางวัน🌞 และ หยินคือกลางคืน🌙

ในทางการแพทย์แผนจีน คำว่า “สุขภาพดี” คือภาวะในอุดมคติที่หยินกับหยางสลับสับเปลี่ยนกันอย่างสมดุลและสม่ำเสมอ💞

หากเปรียบกับการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ “หยาง”ก็เป็นเหมือน ระบบประสาทซิมพาเทติก ที่มีชีวิตชีวา “หยิน”ก็เป็นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ที่เงียบสงบ เมื่อถึงเวลากลางวันระบบประสาทซิมพาเทติกจะมีบทบาทเด่น พอตกกลางคืนระบบประสาทพาราซิมพาเทติกจะมาทำหน้าที่แทน ก็เหมือนการสับเปลี่ยนของหยินและหยางเหมือนกันเลยค่ะ🤓

ในทางการแพทย์แผนจีนช่วงเวลา 1 ชั่วโมงก่อนและหลังเที่ยงคืน (ยามจื่อ : 23.00-00.59) คือช่วงเวลาสับเปลี่ยนของหยินกับหยางในร่างกาย และเมื่อสับเปลี่ยนเสร็จแล้วร่างกายถึงจะเริ่มสร้างเลือดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรเข้านอนก่อนห้าทุ่ม 😲

ในภาษาจีนถึงกับมีสำนวนว่า “การหลับในยามจื่อ สำคัญกว่าข้าว 1 มื้อ” เลยทีเดียว เพราะการสับเปลี่ยนของหยินกับหยางมีอิทธิพลต่อการสร้างเลือด หากไม่นอนร่างกายก็จะสร้างและเพิ่มเลือดไม่ได้😴

รู้แบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมนอนก่อนห้าทุ่มกันน้า เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่เพื่อนๆ คนไหนมีปัญหาการนอนไม่หลับ สามารถย้อนดูเทคนิคการนอนหลับด้วยการหายใจแบบสมบูรณ์ย้อนหลังได้นะคะ เผื่อจะช่วยอาการนอนหลับของเพื่อนๆได้ 💪🏻

ด้วยความปรารถนาดีจากTCMVค่ะ💕
แล้วพบกันใหม่วันพุธหน้า สวัสดีค่ะ🙆🏻‍♀️💖

#แพทย์แผนจีน

18/11/2021

13/10/2021