24/07/2025
#วิธีสร้างความภาคภูมิในใจตัวเองให้ลูก
~**~**~**~**~**~**~**~**~**~**~**
หรือความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง คือ รู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถ ดีพอ มีคุณค่า และเป็นที่รักเป็นที่ต้องการของผู้อื่น
ดังนั้นความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นได้ เด็กต้องได้ "ทำ" อะไรบางอย่าง และได้ "รับรู้" ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี
ซึ่งทัศนคติและการปฏิบัติตัวของพ่อแม่คือสิ่งที่มีอิทธิพลอย่างมาก
* * * * *
วิธีที่จะช่วยสร้างให้เด็กมี self esteem ที่ดีคือ
1) ให้เด็กได้รับผิดชอบ :
การที่เด็กได้ช่วยเหลือตัวเอง ได้ทำงานที่เหมาะสมกับวัยและทำมันได้สำเร็จ จะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกดีว่า ฉันมีความสามารถ
หากเป็นสิ่งที่ยากขึ้น ต้องใช้ความพยายามและความอดทน ก็จะยิ่งเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองเมื่อทำได้สำเร็จ
ถ้าเป็นสิ่งที่พ่อแม่ขอให้ช่วย(และได้รับการขอบคุณ) ก็จะทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญ เป็นที่ต้องการ
2) ให้อิสระตัดสินใจเองตามความเหมาะสมแก่วัย
เด็กควรได้รับความไว้วางใจ มีอิสระในการเลือกสิ่งต่างๆด้วยตนเอง โดยผู้ใหญ่คอยแนะนำเมื่อเด็กต้องการและช่วยเหลือในส่วนที่เกินความสามารถ ไม่ใช่เข้าไปจัดการให้ทุกเรื่อง
การได้ฝึกคิดและตัดสินใจ ลองผิดลองถูก จะทำให้เด็กรู้จักรับผิดชอบ สามารถพึ่งตัวเองได้ แก้ปัญหาเป็น ทำให้มีความมั่นใจในตัวเอง เพราะหากผิดพลาด ก็จะเป็นประสบการณ์ที่เด็กควรได้เรียนรู้
เด็กบางคนแทบไม่เคยได้เลือกอะไรเลย ไม่ว่าอาหาร เสื้อผ้า ดนตรี กีฬา การเรียนยันอาชีพ พ่อแม่เลือกให้หมดด้วยความหวังดี แต่มองข้ามความต้องการของตัวเด็ก ซึ่งการเลี้ยงแบบปกป้องมากเกินไป (over protection) จะทำให้เด็กไม่รู้จักตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวผิด ในขณะเดียวกันก็เก็บกด ไม่มีความสุขกับสิ่งที่พ่อแม่คิดแทน รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับการยอมรับ เพราะพ่อแม่ไม่เคยโอเคกับความคิดเห็นของเด็ก
3) รับฟังลูก :
การตั้งใจฟังคือการแสดงออกที่ง่ายและชัดที่สุด ที่เราจะแสดงให้เห็นว่าคนๆนั้นมีความสำคัญหรือมีความหมาย ไม่เพิกเฉยละเลยต่อความคิด ความรู้สึก สิ่งที่ลูกอยากจะบอกเล่า
เคารพความคิดเห็นของเด็ก แม้ว่าเราจะไม่เห็นด้วย สนทนากันอย่างให้เกียรติเฉกเช่นเดียวกับที่เราเคารพให้เกียรติลูกค้าหรือผู้ร่วมงาน
4) ชมเชยเมื่อเด็กทำได้ดี และปลอบใจเมื่อผิดหวัง
ชมเชยเมื่อเด็กทำได้ดี โดยไม่ต้องรอให้ต้องทำได้ดีมากๆหรือดีที่สุด หรือเฉพาะเรื่องใหญ่ๆถึงจะชื่นชมได้ เพื่อที่เด็กจะได้มีความมั่นใจในสิ่งที่ทำ สะสมความรู้สึกดีกับตัวเองว่า “ฉันทำได้”
หากผิดหวังก็คอยปลอบใจ ไม่ตำหนิให้อับอายหรือเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น ทำให้เด็กมีกำลังใจที่จะพัฒนา ไม่รู้สึกว่าตัวเองแย่ที่ทำไม่ได้ ไม่เอาคุณค่าของตัวเองไปผูกโยงกับคะแนนหรือความสำเร็จ
ที่สำคัญคือเด็กจะค่อยๆรู้ว่า สมหวัง-ผิดหวังนั้นเป็นของคู่กัน แม้เขาจะไม่ได้ทำทุกอย่างได้เลิศเลอไปเสียหมด แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้พ่อแม่ไม่รักเขา
พ่อแม่บางคนไม่เคยชมเลยเมื่อเด็กได้ที่1 แต่จะว่าเมื่อไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ผิดๆว่า เก่งคือดี เด็กจะสงสัยในคุณค่าของตัวเอง และรู้สึกว่าพยายามสักเท่าไหร่ก็ไม่เคยดีพอสักที
สิ่งที่พ่อแม่ควรเน้นคือ เจตนามากกว่าผลลัพธ์ ชื่นชมที่ลูกมีความตั้งใจ มีความพยายาม แทนที่จะไปให้ความสำคัญกับความสำเร็จสุดท้ายเพียงอย่างเดียว
5) ตักเตือนอย่างเหมาะสม
หากเด็กทำไม่ถูก ให้ตักเตือน และบอกว่าที่ถูกควรจะทำยังไง เน้นที่การกระทำไม่ใช่ตัวบุคคล เช่น "แม่ไม่ชอบที่หนูเล่นของเล่นเสร็จแล้วไม่เก็บเข้าที่ เรามาช่วยกันเก็บนะ" แทนที่จะพูดว่า ทำไมเป็นคนไม่มีระเบียบแบบนี้ บลาๆๆ
พูดเป็นเรื่องๆ ไม่ควรบอกซ้ำๆย้ำไปย้ำมา ไม่ตำหนิไปทุกเรื่องเพราะจะทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองแย่มาก (ในสายตาของพ่อแม่) ทำอะไรก็ผิดไปหมด ไม่ดีสักอย่าง
6) ให้อภัย เมื่อลูกทำผิดพลาด
ไม่ซ้ำเติม แต่ชี้แนะและเป็นกำลังใจ ไม่มีใครทำทุกอย่างถูกต้องเหมาะสมไปเสียหมด แม้แต่ตัวพ่อแม่เองก็ตาม แล้วนับประสาอะไรกับผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิตน้อยกว่าเราเป็นสิบปี
* * * * *
ที่พูดมาทั้งหมดนั้นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อ พ่อแม่ "ยอมรับ" ในสิ่งที่เด็กเป็น
อย่าลืมว่า ลูกจะ "มองเห็น" ว่าตัวเองเป็นอย่างไร ก็ขึ้นกับภาพที่พ่อแม่ "สะท้อน" อยู่เรื่อยๆ
ไม่ว่าลูกจะเป็นเพศไหน ชอบเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้าม มีความสามารถอะไร มีความชอบในด้านไหน ทำอะไรได้ ทำอะไรพลาด
หากพ่อแม่ "พอใจ" เด็กก็จะรู้สึกว่าตัวเองนั้น "ดีพอ"
ซึ่งหากเราได้แสดงออกถึงความรักและความภาคภูมิใจในตัวลูกให้เขารับรู้แล้ว ความรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถ ดีพอ มีคุณค่า และเป็นที่รักเป็นที่ต้องการ ก็จะเกิดขึ้นและสะสมจนเป็นความเข้มแข็งทางจิตใจในที่สุด
~**~**~**~**~**~**~**~**~**~**~**
เครดิตบทความ : หมอคลองหลวง/หมอมีฟ้า
เครดิตภาพ : https://images.app.goo.gl/LsiiLTapzSCkmevq7