LFC clinic by นพ. เถลิงศักดิ์ เพื่อการมีบุตร ฮอร์โมนสตรี แล็บเทคนิคการแพทย์

26/10/2025

ขอขอบคุณโครงการ เหมืองแร่ปลอดภัย ห่วงใยประชาชน
ที่ให้ LFC สหคลินิก เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ มอบของขวัญแก่ประชาชนในพื้นที่ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
ร่วมออกหน่วยตรวจสุขภาพ เพื่อการเฝ้าระวังโรค เป็นของขวัญปีใหม่ที่จะถึงนี้
#ตรวจสุขภาพ

25/10/2025

เลือดล้างหน้าเด็กคืออะไร เกิดเมื่อไหร่

🩸 Implantation Bleeding — เลือดออกขณะฝังตัวของตัวอ่อน

เลือดออกขณะฝังตัว (implantation bleeding) คือภาวะที่มีเลือดออกเล็กน้อยในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เกิดขึ้นจากกระบวนการที่ตัวอ่อนที่อยู่ในระยะบลาสโตซิสต์ (blastocyst) เคลื่อนจากท่อนำไข่มาฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrium) เพื่อเริ่มสร้างการตั้งครรภ์อย่างสมบูรณ์

กระบวนการนี้เป็นทั้ง “กลไกทางเคมีและทางกายวิภาค“ ที่ซับซ้อน และนี่เองจะเป็นเหตุให้หลอดเลือดฝอยบางส่วนของมารดาแตก จึงเกิดเลือดออกเล็กน้อยได้ครับ

••••

🔬 กระบวนการและสาเหตุของการเกิดเลือดออก

เมื่อถึงช่วงที่เรียกว่า “หน้าต่างแห่งการฝังตัว” หรือ window of implantation ซึ่งมักอยู่ระหว่างวันที่ 20–24 ของรอบเดือน (ประมาณ 6–10 วันหลังการตกไข่) เยื่อบุโพรงมดลูกจะอยู่ในภาวะที่พร้อมที่สุดต่อการรับตัวอ่อน ซึ่งภายใต้อิทธิพลของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน เยื่อบุนี้จะหนา นุ่ม และมีหลอดเลือดฝอยมากเพื่อเตรียมหล่อเลี้ยงการตั้งครรภ์ที่จะเริ่มต้น

ตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์จะลอยอยู่ในโพรงมดลูก และเริ่มสัมผัสกับผิวด้านในของเยื่อบุโพรงมดลูก กระบวนการนี้อธิบายแบบทางการแพทย์คือมีสามระยะ

1. ระยะ Apposition
เป็นการสัมผัสเบื้องต้นระหว่างผิวของตัวอ่อนกับชั้นเยื่อบุผิวด้านในของโพรงมดลูก (luminal epithelium) ซึ่งยังไม่ยึดแน่น แบบเพิ่ง landing มาสัมผัสแบบนั้น

2. ระยะ Adhesion
เซลล์ด้านนอกของตัวอ่อน หรือที่เรียกว่า trophoblast จะเริ่มสร้างสารยึดเกาะ เพื่อให้ตัวอ่อนจับติดแน่นกับเยื่อบุโพรงมดลูกมากขึ้น คือเริ่มเกาะแน่นขึ้นที่ชั้นผิวครับ

3. ระยะ Invasion
เซลล์ trophoblast จะเปลี่ยนรูปร่างเป็น syncytiotrophoblast ซึ่งมีความสามารถในการแทรกและย่อยผ่านเยื่อบุผิวเข้าไปในชั้นลึกของเยื่อบุโพรงมดลูกที่เรียกว่า stroma ซึ่งเป็นบริเวณที่มีหลอดเลือดฝอยจำนวนมาก ระหว่างการแทรกตัวนี้ เซลล์ของมารดาบางส่วนและผนังหลอดเลือดฝอยจะถูกย่อยสลาย ทำให้มีเลือดซึมออกมาในปริมาณเล็กน้อย เลือดนี้จะค่อย ๆ ถูกขับออกมาทางช่องคลอด เป็นสิ่งที่เราเรียกว่า “เลือดออกขณะฝังตัว” นั่นเอง

กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ เลือดนี้ไม่ได้มาจากมดลูกที่ลอกตัวเหมือนประจำเดือน แต่เกิดจากการที่ตัวอ่อนเริ่มฝังตัวและเปิดหลอดเลือดของมารดา เพื่อเริ่มต้นระบบไหลเวียนเลือดของรกในอนาคตนั่นเองครับ

••••

⏰ เกิดขึ้นเมื่อใด

เลือดออกขณะฝังตัวมักเกิดประมาณ 6–10 วันหลังจากไข่ตก หรือราวหนึ่งสัปดาห์ก่อนประจำเดือนรอบถัดไปจะมา ซึ่งนี่เองครับทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นประจำเดือนที่มาช้า หรือมาน้อยกว่าปกติ พอแพทย์ถามวันแรกของประจำเดือน เราจึงไม่ควรใช้วันนี้นะครับ เราจะใช้วันแรกของประจำเดือนที่มาในปริมาณปกติครับ เพราะเลือดล้างหน้าเด็กนี้ไม่ใช่ประจำเดือนแต่จริงแล้วเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ในระยะต้น

••••

👀 ลักษณะของเลือดออก

เลือดที่ออกมาจากการฝังตัวมักมีสีชมพูอ่อนหรือน้ำตาลอ่อน ไม่ใช่สีแดงสด ปริมาณมักน้อยมาก อาจเป็นเพียงรอยเปื้อนหรือหยดเล็ก ๆ และมักเกิดเพียงหนึ่งถึงสามวันเท่านั้น ไม่มีลิ่มเลือด ไม่มีกลิ่น และไม่ควรมีอาการปวดท้องรุนแรง บางคนอาจรู้สึกหน่วงท้องเล็กน้อยได้ ซึ่งเป็นอาการปกติจากการที่เยื่อบุโพรงมดลูกกำลังตอบสนองต่อการฝังตัวของตัวอ่อน

••••

⚠️ อันตรายหรือไม่

ถ้าจะตอบแบบทางการแพทย์ คำตอบนี้จะยาวมากพอควร แต่ขอสรุปว่า…

โดยทั่วไปเลือดออกขณะฝังตัวเป็นสิ่งที่ “ปกติและไม่อันตราย” พบได้ในหญิงตั้งครรภ์บางคน และไม่จำเป็นต้องเกิดกับทุกคน

อย่างไรก็ตาม หากเลือดออกมากผิดปกติ มีสีแดงสด มีกลิ่น หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะแท้งคุกคาม หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสมครับ

22/10/2025

👩‍⚕️ รู้จัก "การฉีดสีตรวจท่อนำไข่แบบส่องกล้อง" (Laparoscopic Chromopertubation)
หนึ่งในวิธีสำคัญสำหรับผู้มีบุตรยาก เพื่อเช็กว่า "ท่อนำไข่ตัน" หรือไม่
ทำยังไง?
เป็นการผ่าตัดเล็กที่ต้องดมยาสลบ โดยคุณหมอจะใช้การส่องกล้อง (Laparoscopy): เจาะรูเล็กๆ ที่หน้าท้อง (แผลเล็กมาก) เพื่อสอดกล้องเข้าไปดูมดลูก ท่อนำไข่ และรังไข่
และฉีดสี (Chromopertubation): ฉีด "สีฟ้า" เข้าไปในโพรงมดลูก

วินิจฉัยยังไง?

✅ ถ้าสีไหลผ่าน ปลายท่อนำไข่ออกมาได้ = ท่อไม่ตัน
❌ ถ้าสีไม่ไหลผ่าน หรือค้างอยู่ = ท่อตัน

ข้อดี: เป็นวิธีที่แม่นยำสูง และยังสามารถตรวจหาปัญหาอื่น เช่น พังผืด หรือ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (ช็อกโกแลตซีสต์) และอาจรักษาบางส่วนได้ในคราวเดียวเลยค่ะ

#การฉีดสีท่อนำไข่ #ตรวจท่อนำไข่ #มีบุตรยาก #ส่องกล้องนรีเวช

22/10/2025

ต้องการตรวจสุขภาพ แต่ไม่อยากนั่งรอนาน🫡
สะดวก สะอาด ที่จอดกว้าง
🌟 ตรวจและรอฟังผลกับแพทย์ได้เลย
🌟 ตรวจภายใน ดูแลเรื่องผู้หญิง
🌟 ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
🌟 ฉีดวัคซีน , ฉีดยาคุม
🕝 ไม่ต้องจองคิว โทร 080-2864696

20/10/2025

สวัสดีครับ สำหรับคนที่กำลังวางแผนทำ #เด็กหลอดแก้ว หรือเพิ่งย้ายตัวอ่อนไป นี่คือหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยและบีบหัวใจที่สุดครับ: "ย้ายตัวอ่อนแล้ว ทำไมไม่ท้อง?" 😥

สาเหตุหลักๆ ของภาวะการฝังตัวของตัวอ่อนล้มเหลว (Implantation Failure) ไว้ได้อย่างดี โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่:
* ปัญหาจากตัวอ่อน (The Seed 🌱): ตัวอ่อนไม่แข็งแรงพอ
* ปัญหาจากมดลูก (The Soil 🏞️): โพรงมดลูกไม่พร้อมสำหรับการฝังตัว
* ปัญหาอื่นๆ (The Environment 🌦️): ปัจจัยแวดล้อมที่รบกวนการฝังตัว

เรามาเจาะลึกแต่ละข้อพร้อมหลักฐานการแพทย์กันครับ

1. ปัจจัยจากตัวอ่อน: "ตัวอ่อนไม่ดีพอที่จะฝังตัว"
นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการย้ายตัวอ่อนแล้วไม่ตั้งครรภ์ครับ
* คำอธิบาย: แม้ว่าตัวอ่อนจะถูกคัดเกรดว่า "สวยงาม" (Good Morphology) ในห้องปฏิบัติการ แต่ความสวยงามภายนอกไม่ได้การันตีความสมบูรณ์ของ "โครโมโซม" ภายใน ตัวอ่อนที่มีโครโมโซมผิดปกติ (Aneuploidy) จะไม่สามารถฝังตัวได้ หรือหากฝังตัวได้ก็จะยุติการพัฒนาไปในที่สุด (แท้งในระยะแรก)
* Evidence-Based Medicine (EBM) จาก PubMed:
* งานวิจัยประเภท Systematic Review และ Meta-analysis (การทบทวนและวิเคราะห์งานวิจัยหลายชิ้น) ยืนยันตรงกันว่า ความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อน (Aneuploidy) คือสาเหตุหลักของภาวะการฝังตัวล้มเหลว (Recurrent Implantation Failure - RIF)
* มีการศึกษาพบว่า มากกว่า 60% ของตัวอ่อนมนุษย์ในระยะ Blastocyst อาจมีความผิดปกติของโครโมโซม (PMID: 30144808) และนี่คือกลไกการคัดเลือกตามธรรมชาติของร่างกาย
* การศึกษาใน Frontiers in Endocrinology (PMID: 40028443) สรุปว่า "ความสำเร็จในการฝังตัวของตัวอ่อนในเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (ART) ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของโครโมโซมตัวอ่อน (Embryo Euploidy) เป็นอย่างมาก" การตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อน (PGT-A) จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มอัตราการฝังตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ

และถ้าย้ายตัวอ่อนที่โครโมโซมปกติล่ะ
ก็ยังมีอัตราการไม่ฝังตัว (Implantation Failure Rate): หมายความว่าอัตราที่ตัวอ่อนปกติจะไม่ฝังตัวในรอบการย้ายครั้งนั้นๆ จะอยู่ที่ประมาณ 30% ถึง 50%
ตัวอย่างเช่น:
* งานวิจัยบางชิ้น (เช่นในวารสาร Fertility and Sterility หรือ Human Reproduction) ระบุว่า แม้จะเป็นตัวอ่อนที่สมบูรณ์ โอกาสที่จะไม่ฝังตัวก็ยังมีอยู่ประมาณ 30-35%
* ในขณะที่ข้อมูลอื่นๆ ชี้ว่าอัตราการฝังตัวที่ยั่งยืน (Sustained Implantation Rate) อยู่ที่ประมาณ 51% (PMID: 33608730) ซึ่งหมายถึงอัตราล้มเหลวที่ 49%
* บางแหล่งข้อมูลสรุปว่า "ประมาณ 1 ใน 3" (หรือ 33.3%) ของตัวอ่อนที่ปกติจะไม่ฝังตัว

โดยปัจจัยด้านตัวอ่อน (Embryonic Factors) ที่นอกเหนือจากโครโมโซม:
* การตรวจ PGT-A ไม่ได้สมบูรณ์ 100%: อาจมีภาวะ Mosaicism (ตัวอ่อนมีเซลล์ปกติและผิดปกติปนกัน) หรือมีความผิดปกติทางพันธุกรรมในระดับยีน (Gene-level) หรือไมโทคอนเดรีย (Mitochondrial issues) ซึ่งการตรวจ PGT-A ในปัจจุบันไม่สามารถตรวจจับได้
* ศักยภาพในการพัฒนา (Developmental Potential): พลังงานของตัวอ่อนอาจไม่เพียงพอที่จะ "ฟักตัว" (Hatch) ออกจากเปลือกและฝังตัวลงในเยื่อบุ

2. ปัจจัยจากมดลูก (โพรงมดลูกและเยื่อบุ)
ถ้าตัวอ่อนคือ "เมล็ดพันธุ์" โพรงมดลูกก็คือ "ผืนดิน" ต่อให้เมล็ดพันธุ์ดีแค่ไหน ถ้าดินไม่ดี ก็ไม่สามารถเติบโตได้ครับ

A. โรคเชิงโครงสร้าง: "ก้อนต่างๆ ติ่งผิดปกติในโพรงมดลูก"
* คำอธิบาย: เนื้องอกมดลูก (Myoma/Fibroids) หรือ ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก (Endometrial Polyps) ที่ยื่นเข้ามาในโพรงมดลูก สามารถ "กีดขวาง" บริเวณที่ตัวอ่อนจะฝังตัว หรือทำให้โพรงมดลูกอักเสบ และส่งผลต่อการตอบรับของเยื่อบุโพรงมดลูก
* EBM จาก PubMed:
* งานวิจัยใน PubMed Central (PMC3096716) พบว่าติ่งเนื้อในโพรงมดลูกอาจรบกวนการฝังตัวโดยการ "ขัดขวางเชิงกลไก" (mechanical interference) และเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของยีนที่จำเป็นต่อการฝังตัว (เช่น HOXA10)
* การศึกษาใน Journal of Assisted Reproduction and Genetics (PMID: 10478319) พบว่าแม้ติ่งเนื้อขนาดเล็ก (< 2 ซม.) อาจไม่ลดอัตราการตั้งครรภ์ แต่มีแนวโน้มเพิ่มอัตราการแท้งบุตร (Pregnancy Loss)
B. คุณภาพเยื่อบุโพรงมดลูก: "เยื่อบุโพรงมดลูกไม่ดีพอให้ฝังตัว"
* คำอธิบาย: หมายถึงภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูก "ไม่พร้อม" ที่จะรับตัวอ่อน (Lack of Endometrial Receptivity) อาจจะบางเกินไป (Thin Endometrium) หรือ "หน้าต่างการฝังตัว" (Window of Implantation) ไม่ตรงกับวันที่ย้ายตัวอ่อน หรือโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังต่างๆ เช่น การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หรือ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
* EBM จาก PubMed:
* ความสำเร็จในการฝังตัวขึ้นอยู่กับการ "สื่อสาร" (Cross-talk) ที่สมบูรณ์แบบระหว่างตัวอ่อนและเยื่อบุโพรงมดลูก (PMID: 34674825) หากเยื่อบุไม่พร้อม (Non-receptive) ตัวอ่อนที่สมบูรณ์ก็ไม่สามารถฝังตัวได้

3. ปัจจัยอื่นๆ ที่รบกวนการฝังตัว

A. ท่อนำไข่บวมน้ำ (Hydrosalpinx)
* คำอธิบาย: นี่คือจุดที่ในภาพชี้ว่า "ท่อนำไข่: บวมน้ำ" ภาวะนี้คือการที่ท่อนำไข่ตันและมีของเหลวคั่งค้างอยู่ ของเหลวนี้ (Hydrosalpingeal fluid) สามารถไหลย้อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูก และ "เป็นพิษ" ต่อตัวอ่อน (Embryotoxic) หรือชะล้างตัวอ่อนออกไป ทำให้ฝังตัวไม่ได้
* EBM จาก PubMed:
* นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนมากครับ งานวิจัยแบบ Meta-analysis ใน Human Reproduction Update (PMID: 10972525) สรุปว่า ภาวะท่อนำไข่บวมน้ำ "ลดโอกาสการตั้งครรภ์จากการทำ IVF ลงครึ่งหนึ่ง (by half) และเพิ่มอัตราการแท้งเองเป็นสองเท่า (doubled rate)"
* การรักษาก่อนย้ายตัวอ่อน เช่น การผ่าตัดท่อนำไข่ออก (Salpingectomy) หรือจี้ปิดท่อนำไข่ (Tubal ligation) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ในกลุ่มผู้ป่วยนี้ได้อย่างชัดเจน (PMID: 8671259)
B. เทคนิคขณะย้ายตัวอ่อน
* คำอธิบาย: ความชำนาญของแพทย์ในการใส่ตัวอ่อนกลับ (Embryo Transfer) มีผลอย่างมาก การย้ายที่นุ่มนวล ไม่ทำให้มดลูกบีบตัว และวางตัวอ่อนในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นกุญแจสำคัญ
C. โรคอื่นๆ: "โรคที่รบกวนการทำงานด้านการฝังตัว"
* คำอธิบาย: ในภาพชี้ไปที่รังไข่ ซึ่งอาจหมายถึงการทำงานของฮอร์โมน (Luteal Phase Support) หรือการพยุงการตั้งครรภ์ที่ไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังรวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น ภาวะภูมิคุ้มกัน (Immunological factors) หรือภาวะเลือดแข็งตัวง่าย (Thrombophilia) ที่อาจรบกวนกระบวนการฝังตัว

การย้ายตัวอ่อนไม่ติด ไม่ได้แปลว่าล้มเหลวเสมอไป แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และค้นหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อวางแผนในรอบต่อไปได้ดียิ่งขึ้นครับ ❤️
ปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลของคุณเพื่อวิเคราะห์ว่าในกรณีของคุณ ปัจจัยใดน่าจะเป็นสาเหตุหลัก และเราจะแก้ไขมันได้อย่างไรในครั้งต่อไป

#ย้ายตัวอ่อน #ทำไมไม่ท้อง #เด็กหลอดแก้ว #มีบุตรยาก #ความรู้คู่เฟซ #ภาวะมีบุตรยาก #ท่อนำไข่บวมน้ำ #ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก

19/10/2025

งานออกหน่วยบริการประชาชน อำเภอ แม่ทะ จังหวัดลำปาง ... ขอบคุณที่ใช้บริการทีมงาน LFC สหคลินิก #ตรวจเลือด #ตรวจเอกซเรย์ปอด

17/10/2025

ของฝากจาก TSRM วันที่2
#น้ำมะกรูดก็มา ส่วนใหญ่พบว่าไม่มีประโยชน์ แนะนำทานเป็นอาหารทั่วไปได้
#วิตามินที่พอจะมีประโยชน์ก็มี ส่วนใหญ่อาจจะไม่ถึงกับช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ แต่ก็มีรายงานถึงประโยชน์บ้าง

ดูแล้วมีคำถาม คอมเมนต์มาเลย

16/10/2025

จบไปแล้ว สำหรับการประชุม TSRM วันแรก

Hilight :
การย้ายตัวอ่อนในการเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกวิธีต่างๆ และระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ก่อนย้ายตัวอ่อน

ยากระตุ้นไข่ชนิดต่างๆ และผลศึกษาของการใช้ยา

ตัวอ่อน Mosaicism และการนำไปใช้

ทีมฟัง #รายงาน

15/10/2025

นพ. เถลิงศักดิ์ เข้าร่วมประชุม สมาคมเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ไทย
งดออกตรวจ 15, 17-19 ตค นี้
(รับเฉพาะเคสนัดอัลตราซาวด์ 19 ตค เวลา 16.00น)

ระหว่างนี้ ผู้ที่ประจำเดือนมา ต้องการกระตุ้นไข่ สามารถ ติดต่อ inbox ได้ตลอด และรับยาหน้าคลินิก ตึกหน้า ช่วง 8-17.00 น ได้ครับ

เจอกัน 20 ตค ค้าบบบ
ทักทาย inbox / Line clinic
ได้ตลอด 24 ชม เหมือนเดิม

13/10/2025

แสงสวย ยามแลงแลง
#อยากชวนเธอมาแอ่วตี้นี่
#วันหยุด #เปิดนะ

#คลินิกเพื่อการมีบุตร #สูตินรีแพทย์ #ตรวจภายใน #อัลตร้าซาวด์ #ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ #แก้หมัน #โรคสตรีวัยทอง #ตรวจฮอร์โมน #ตรวจสุขภาพ #บริการเจาะเลือดนอกสถานที่ #เจาะเลือดตามคำสั่งแพทย์ #ตรวจคัดกรองมะเร็ง #ตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ #ใบรับรองแพทย์ #ฉีดยาคุม #ฉีดวัคซีน #ฉีดวัคซีนHPV #ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

13/10/2025

ทำ IUI แล้ว ทำไมถึงไม่ท้อง? มาดูสาเหตุที่เป็นไปได้กัน

การทำ IUI หรือการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง เป็นหนึ่งในวิธีรักษาภาวะมีบุตรยากที่ได้รับความนิยม แต่หลายครั้งที่คู่รักต้องผิดหวังเมื่อผลลัพธ์ที่ได้คือ "ไม่ตั้งครรภ์" รูปภาพนี้ได้สรุปสาเหตุหลักๆ ที่อาจทำให้การทำ IUI ไม่ประสบความสำเร็จไว้ดังนี้

ปัจจัยจากฝ่ายหญิง
* ไข่:
* คุณภาพของไข่ไม่ดี: ไข่ที่ไม่มีคุณภาพ หรือไข่ที่ผิดปกติ จะไม่สามารถปฏิสนธิกับอสุจิหรือเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนที่แข็งแรงได้
* ไข่ไม่ตก: แม้จะมีการกระตุ้นไข่ แต่ในบางกรณีไข่อาจไม่ตกตามรอบที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ไม่เจออสุจิ
* ไข่ไม่สามารถเดินทางไปยังท่อนำไข่ได้: อาจเกิดจากพังผืดหรือความผิดปกติอื่นๆ ที่ขัดขวางการเดินทางของไข่

* ท่อนำไข่:
* ท่อนำไข่อุดตันหรือทำงานผิดปกติ: ท่อนำไข่คือบริเวณที่อสุจิและไข่จะมาพบกันเพื่อปฏิสนธิ หากท่อนำไข่ตันหรือมีปัญหา อสุจิก็ไม่สามารถเดินทางไปพบกับไข่ได้

* มดลูก:
* มีโรคที่รบกวนการปฏิสนธิและการฝังตัว: เช่น เนื้องอกในมดลูก, ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก หรือพังผืดในอุ้งเชิงกราน
* เยื่อบุโพรงมดลูกไม่ดีพอให้ตัวอ่อนฝังตัว: ความหนาและความสมบูรณ์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ตัวอ่อนฝังตัวและเจริญเติบโตต่อไปได้

ปัจจัยจากฝ่ายชาย
* อสุจิ:
* คุณภาพต่ำ ไม่ยอมผสมกับไข่: อสุจิอาจมีรูปร่างไม่สมบูรณ์ หรือไม่แข็งแรงพอที่จะเจาะเปลือกไข่เพื่อเข้าไปปฏิสนธิได้
* ส่งถึงหน้าบ้านยังหาไม่เจอ: แม้จะฉีดเชื้อเข้าไปใกล้ไข่แล้ว แต่อสุจิอาจมีปัญหาในการเคลื่อนที่ ทำให้ไม่สามารถว่ายไปหาไข่ได้
* จำนวนอสุจิต่ำ: ปริมาณอสุจิที่ฉีดเข้าไปอาจมีไม่มากพอที่จะเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ

สรุป
การทำ IUI เป็นเพียงการช่วยย่นระยะทางให้อสุจิได้พบกับไข่ง่ายขึ้น แต่ปัจจัยอื่นๆ ทั้งคุณภาพของไข่, คุณภาพของอสุจิ, ความสมบูรณ์ของท่อนำไข่และโพรงมดลูก ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการตั้งครรภ์ หากทำ IUI แล้วยังไม่ประสบความสำเร็จ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษาในขั้นต่อไป