28/08/2024
เรารู้ว่าอาหารที่มีรสเค็มจากเกลือ[ Sodium Chloride ] ส่งผลร้ายกับร่างกาย แต่เราอาจได้รับอันตรายจากโซเดียมแฝงที่พบในอาหารอีกหลายชนิด ได้แก่ โมโนโซเดียมกลูตาเมตหรือผงชูรส, โซเดียมไนไตรท์ ช่วยป้องกันการเน่าเสียของอาหาร และทำให้เนื้อสัตว์มีสีที่สดใหม่อยู่เสมอ มักจะอยู่ในอาหารจำพวก ไส้กรอก หมูยอ กุนเชียง และปลาเค็มตากแห้ง, โซเดียมเบนโซเอตหรือสารกันบูด ที่มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว สามารถละลายในน้ำได้ มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ มักจะอยู่ในอาหารจำพวก น้ำอัดลม น้ำผลไม้ อาหารดอง และน้ำส้มสายชู, โซเดียมไบคาร์บอเนตหรือเบกกิ้งโซดา (Baking Soda) ช่วยให้ลักษณะอาหารฟูขึ้น อยู่ในอาหารจำพวก เบเกอรี่ เค้ก คุกกี้ และขนมปัง, โซเดียมอัลจิเนต มีคุณสมบัติที่ทำให้ให้เกิดการคงตัว ลักษณะอาหารที่ใช้โซเดียมอัลจิเนตเป็นส่วนประกอบ จึงมีลักษณะหนืด ข้น มักจะอยู่ในอาหารจำพวก เจลลี่ ไข่มุก และไอศกรีม, โซเดียมซอร์เบต สารกันเสียชนิดหนึ่ง มักจะอยู่ในอาหารจำพวก เนย ชีส และโยเกิร์ต
ตัวอย่างโรคที่เกิดจากการบริโภคโซเดียมมากเกินไป:ไตวาย, โรคกระดูกพรุน, โรคความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดในสมอง, โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร, โรคหอบหืด
วิธีลดโซเดียมในอาหาร: ควรบริโภคอาหารธรรมชาติ เช่น ทำอาหารเองจาก ผักสด ผลไม้สด และธัญพืช, หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารแปรรูป หรืออาหารแช่แข็ง, หลีกเลี่ยงเครื่องปรุงรสต่างๆ โดยเฉพาะผงชูรส, หลีกเลี่ยงอาหารลดจัด ไม่ว่าจะเป็น เค็มจัด หวานจัด, หลีกเลี่ยงวัตถุดิบอาหารที่มีส่วนของโซเดียมแฝง โดยการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ
แม้ว่าจะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติเค็มแล้ว แต่โซเดียมก็ไม่ได้มีอยู่เฉพาะในอาหารรสชาติเค็ม เพราะ เครื่องดื่มบางอย่างที่มีรสชาติหวาน ก็มีโซเดียมแฝงอยู่เยอะ เช่น น้ำอัดลม, น้ำผลไม้สีสันต่างๆ ควรบริโภคน้ำเปล่าแทน โดยองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้กำหนดมาตรฐานเอาไว้ว่า ร่างกายควรได้รับโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หากได้รับปริมาณโซเดียมตามที่กำหนดนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ขึ้น แก่ร่างกายได้
#ลดโซเดียม #โซเดียมแฝง