16/03/2024
🥴โรคลมชักคืออะไร⁉️
โรคลมชักเป็นโรคที่เกิดจากกลุ่มอาการชักอันเนื่องมาจาก การที่สมองส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดทำงานมากเกินปกติไปจากเดิมชั่วขณะ จากไฟฟ้าของการชักเกิดขึ้นและกระจายออกไปในบริเวณส่วนต่างๆของสมอง อาการแสดงที่เกิดขึ้นนั้น ขึ้นกับว่าเป็นส่วนใดของสมองที่ได้รับการกระตุ้นและอาการจะดำเนินอยู่ชั่วครู่
🙌โรคลมชักมีสาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง🙌
1️⃣ ความผิดปกติทางด้านโครงสร้างสมอง สาเหตุจากรอยโรคในสมองได้แก่ แผลเป็นที่ฮิปโปแคมปัส (สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ), เนื้องอกสมอง, เส้นเลือดสมองผิดปกติ, หลังการได้รับบาดเจ็บทางสมอง, การขาดอ็อกซิเจนหลังคลอดจากการคลอดลำบาก
2️⃣ พันธุกรรม ได้แก่ กลุ่มอาการที่เด่นชัดและเริ่มเกิดโรคลมชักตามอายุ, ความผิดปกติทางระบบประสาทร่วมกับผิวหนัง, เซลล์สมองพัฒนาผิดรูปบางชนิด
3️⃣ สาเหตุจากโรคติดเชื้อ เช่น ไข้สมองอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส, แบคทีเรีย, การติดเชื้อโปรโตซัวหรือพยาธิในสมอง
4️⃣ สาเหตุจากภาวะเมตตาบอลิซึม เช่นภาวะความไม่สมดุลของสารน้ำ, เกลือแร่และน้ำตาล ได้แก่ภาวะระดับเกลือโซเดียมในเลือด และระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงหรือต่ำเกินไปเป็นต้น
5️⃣ สาเหตุจากภูมิคุ้มกัน เป็นสาเหตุที่เกิดจากภาวะภูมิคุ้มกันของตนเองเช่นโรคไข้สมองอักเสบบางชนิด Rasmussen encephalitis, Limbic encephalitis และโรคภูมิคุ้มกันต่อต้านตนเอง (SLE) เป็นต้น
6️⃣ ยังไม่ทราบสาเหตุ (Unknown) ได้แก่ โรคลมชักที่ไม่พบรอยโรคในสมอง (Non-lesional epilepsy)
ชนิดของอาการชัก (Epileptic seizures) ที่พบได้บ่อย ๆ
🔸อาการชักเฉพาะที่ (ทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว) โดยกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติอาจรบกวนสมองส่วนที่ควบคุมการทำงานแห่งใดแห่งหนึ่งในร่างกาย ทำให้เกิดอาการต่างๆ โดยที่ยังไม่รู้ตัว เช่น อาการชา หรือกระตุกของแขนขาหรือใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งเป็นซ้ำๆ โดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากนี้อาจมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง หวาดกลัวความรู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกเหมือนฝัน หูแว่ว เห็นภาพหลอน หรือหัวใจเต้นผิดปกติ
🔸อาการชักแบบเหม่อลอย ผู้ป่วยมักจะมีอาการเตือนนำมาก่อนเหมือนดังที่กล่าวมาแล้ว ตามด้วยอาการเหม่อลอยผู้ป่วยมักจะทำปากขมุบขมิบหรือเคี้ยวปากหรือมือเกร็งหรือขยับไปมา อาจคลำตามเสื้อผ้าอย่างไม่รู้ตัว เคลื่อนไหวแขนขาอย่างไร้จุดหมายโดยไม่รับรู้สิ่งรอบข้างแล้ว โดยที่จำเหตุการณ์ระหว่างนั้นไม่ได้ อาการเหม่อลอย จะนานประมาณไม่กี่วินาที จนถึงหลายๆ นาทีหลังจากนั้นผู้ป่วยมักจะมีอาการสับสน ในผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการพูดไม่ได้หรือยกแขนข้างใดข้างหนึ่งไม่ได้อีกหลายนาทีกว่าจะตื่นเป็นปกติ
🔸อาการชักแบบเกร็งกระตุกทั้งตัว (Focal to bilateral tonic-clonic) เกิดจากการที่กระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติรบกวนเวลาการทำงานของสมองทั้งหมด จะเกิดอาการชักที่เรียกว่า “อาการชักทั่วทุกส่วน” หรือที่เรียบว่าลมบ้าหมู ชนิดที่พบบ่อยคือ อาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว ผู้ป่วยจะสูญเสียความรู้สึกตัวทันที และล้มลงกล้ามเนื้อจะแข็งเกร็งทั่วทั้งตัวตาจะเหลือกค้าง น้ำลายฟูมปาก อาจจะกัดลิ้นตนเองหรือปัสสาวะราด ระยะเวลาชักนานประมาณ 2-3 นาที หลังชักมักจะเพลียและนอนหลับหลังจากหยุดชัก
🔸อาการชักแบบเหม่อนิ่ง (Absence) พบได้บ่อยในวัยเด็ก อาการจะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นมาก ผู้ป่วยจะจ้องไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายเป็นระยะเวลาสั้นๆ คล้ายเหม่อประมาณ 2-3 วินาที แล้วกลับมาทำสิ่งที่ค้างอยู่ต่อไปโดยมักไม่มีการเคลื่อนไหวแขนขา
☄️การตรวจวินิจฉัยโรคลมชัก มีอะไรบ้าง
การตรวจเพื่อวินิจฉัย ได้แก่การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง มีทั้งการตรวจแบบปกติทั่วไปใช้เวลาบันทึกการตรวจประมาณ 20- 30 นาที และการตรวจแบบบันทึกเป็นเวลานาน 2 ชั่วโมงจนถึง 24 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มโอกาสตรวจพบความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าสมอง
❇️ การตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง เพื่อหาสาเหตุชักจากความผิดปกติในสมอง
❇️ การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์เพื่อหาจุดความผิดปกติของสมองที่ทำให้เกิดอาการชัก เช่น PET scan และ SPECT
❇️ ปัจจุบันมีการตรวจเลือดหาสาเหตุทางพันธุกรรมในโรคลมชักบางชนิดที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
📛โรคลมชักรักษาหายหรือไม่📛
โรคลมชักบางชนิดรักษาหายขาดได้ เช่นชนิดที่พบสาเหตุที่ชัดเจนและแก้ไขได้ แต่ส่วนใหญ่มักควบคุมอาการได้ด้วยยารักษาโรคลมชักและผู้ป่วยจำนวนหนึ่งดื้อต่อการใช้ยารักษา จำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่นการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
โรคลมชักมีวิธีการรักษากี่วิธี ⁉️การรับประทานยาต้องรับประทานตลอดชีวิตหรือไม่ ⁉️
แบ่งได้ 2 วิธีใหญ่ๆ คือ ใช้ยากันชักอย่างเดียว และ ใช้ยากันชักร่วมกับวิธีอื่นๆเช่นการผ่าตัด, การกระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้า, การใช้อาหารสูตรพิเศษ ketogenic diet คืออาหารที่มีสัดส่วนของไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ และโปรตีนที่เพียงพอเหมาะสม�การรับประทานยานานเท่าใดขึ้นกับชนิดของโรคลมชัก และบางชนิดไม่จำเป็นต้องรับประทานยาตลอดชีวิต
การรับประทานยากันชักมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง❓ยาแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันอย่างไร❓
ผลข้างเคียงในระยะสั้น และผลข้างเคียงในระยาว ผลข้างเคียงในระยะสั้นมักป็นผลที่เกิดขึ้นได้ทันทีหลังรับประทานยา เช่น ภาวะมึนงง เวียนศีรษะ ง่วงซึมเนื่องจากยาออกฤทธิ์ที่เซลสมอง ผลข้างเคียงระยะยาว ได้แก่ ผลกระทบต่อการทำงานของตับและไตเสื่อมลง ผลกระทบด้านความคิด ความจำ สมาธิ ผลด้านน้ำหนักตัวพบทั้งน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงกว่าปกติ ซึ่งยากันชักแต่ละชนิดจะมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน ยากันชักปัจจุบันที่ใช้มีทั้งยาที่ผลิตรุ่นแรกๆและรุ่นใหม่ๆ ใช้รักษาโรคลมชักได้ดีไม่ด้อยกว่ากันขึ้นกับชนิดของโรคลมชักและขนาดการใช้ยาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล เพราะฉะนั้นการใช้ยาจึงจำเป็นที่จะต้องใช้โดยคำแนะนำแพทย์ที่ดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นสำคัญ
💢โรคลมชักถ้ารักษาด้วยการทานยาไปนานๆ จะมีโอกาสที่โรคมีความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่💢
โดยทั่วไปแล้วการรักษาโรคลมชักจะใช้ยารักษาไปนานๆในที่นี้หมายถึง มากกว่า 2 ปีขึ้นไป ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยเป็นโรคลมชักชนิดที่รักษายาก เช่น มีความผิดปกติของเนื้อสมอง ผิวสมอง ทำให้การหยุดรับประทานยามักไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งตัวโรคลมชักเองอาจจะคงที่หรือมีโอกาสที่จะรุนแรงเพิ่มขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคลมชัก
💢ความรุนแรงของโรคลมชักถึงขั้นเสียชีวิตหรือไม่ 💢
โรคลมชักบางชนิดเช่นโรคมลมชักเฉพาะที่ ที่ยังคุมอาการได้ไม่ดี และมีอาการชักแบบเกร็งกระตุกทั้งตัวบ่อยๆ เช่นมากกว่า 4 ครั้งต่อเดือน ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงที่จะชักต่อเนื่องหรือชักจนเสียชีวิตได้
💥ผู้ป่วยโรคลมชักควรดูแลตัวเองอย่างไร💥
ควรใช้หลักการทั้งดูแลตนเองทั่วไป เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายและดูแลตนเองเฉพาะโรคลมชัก ซึ่งมีสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังและต้องหลีกเลี่ยง คือไม่ดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่อดนอน ไม่เครียด การออกกำลังกายอย่างหักโหมหรือทำงานหนักจนเหนื่อยล้า หากไม่สบายมีไช้สูง ควรรีบรักษาให้หายให้เร็วที่สุด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีโอกาสทำให้อาการชักกำเริบได้ กรณีที่โรคลมชักยังไม่สงบยังอยู่ในช่วงของการปรับยากันชัก ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือสถานการณ์ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเองเมื่อมีอาการชักกำเริบเช่น ขับรถ ว่ายน้ำ การปีนขึ้นที่สูง การใช้ของมีคม เป็นต้น
🔥ถ้าเราเป็นผู้พบเห็นคนชักล้มลงกับพื้น อย่างแรกเราควรทำอย่างไร🔥
1️⃣ จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนตะแคงทางด้านขวา
2️⃣ ป้องกันผู้ป่วยจากอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ
3️⃣ หากสวมแว่นตาหรือฟันปลอมควรถอดแว่นตาหรือฟันปลอมออก (ถ้าทำได้ง่าย)
4️⃣ เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกห่างจากบริเวณที่อาจเกิดอันตราย เช่น ท้องถนน เสาไฟฟ้า ที่สูง หรือบ่อน้ำ
5️⃣ ห้ามผูกมัด หรือ กดตัวผู้ป่วย หรือทำวิธีใดๆ ให้ผู้ป่วยหยุดชัก (ไม่งัด ไม่ง้าง ไม่ถ่าง ไม่กด)
6️⃣ ไม่ควรทิ้งผู้ป่วยไว้ตามลำพังขณะชักหรือหลังชักใหม่ ๆ
7️⃣ ไม่ควรให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารทันทีหลังชักใหม่ ๆ
8️⃣ ดูแลอาการสับสนระหว่างชัก หรือหลังชักจนกว่าจะหายไปเอง
9️⃣ ไม่ควรเร่งให้ผู้ป่วยยืนหรือเดินขณะพักฟื้น ถ้าผู้ป่วยหลับให้พักจนเพียงพอ (การรีบปลุกอาจทำให้ผู้ป่วย สับสนและอาละวาด หรืออาจเกิดการชักซ้ำได้)
🆘หากเราเป็นญาติที่มีผู้ป่วยโรคลมชักอยู่ที่บ้าน จะต้องดูแลและปฏิบัติตัวอย่างไร🆘
✅ ผู้ที่เห็นอาการชัก ควรพยายามสังเกตและจดจำลักษณะอาการชัก เพื่อเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัยการรักษา
✅ ควรหลีกเลี่ยงสถานที่และการทำงานที่เสียงอันตราย ในขณะที่ยังคุมอาการชักไม่ได้ เช่น ใกล้แหล่งน้ำ, ผิวจราจร, เตาไฟ, ของร้อน, การทำงานกับเครื่องจักรกล
✅ ห้ามขับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จนกว่าจะไม่มีอาการชักอย่างน้อย 1 ปี
✅ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการชัก ได้แก่ การอดนอน, ความเครียด, ออกกำลังกายที่หักโหมหรือทำงานอย่างหนักจนเหนื่อยล้า, การดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมทั้งของหมักดอง เช่นผักหรือผลไม้ดอง
✅ ปฏิบัติตัวและรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
♦️ไม่ควรหยุดยา, ลดยา หรือรับประทานยาไม่สม่ำเสมอ
♦️ถ้าไม่เข้าใจวิธีรับประทานยา ควรสอบถามทันที
♦️ถ้าลืมรับประทานยาไปเพียงมื้อเดียว หรือวันเดียว ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าใกล้มื้อยาต่อไปให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปตามปกติ
♦️ไม่ควรรับประทานยาอื่นๆ ร่วมกับยากันชักโดยมิได้ปรึกษาแพทย์
♦️ในกรณีที่ต้องเปลี่ยนสถานที่รักษา ควรนำยาที่รับประทานในปัจจุบันไปให้แพทย์พิจารณาด้วย
✅ แม้ว่าคุมอาการชักได้ดีแล้ว ห้ามหยุดยาเองก่อนเวลาที่แพทย์แนะนำ เพราะโรคอาจยังไม่หายหรือกำเริบซ้ำใหม่ได้
✅ เมื่อตั้งครรภ์ หรือเจ็บป่วยอย่างอื่น ควรแจ้งแก่แพทย์ผู้รักษาถึงโรคที่เป็น และยาที่รับประทานทั้งหมดในปัจจุบัน
✅ ถ้ามีอาการผิดปกติใดๆ ที่สงสัยว่าอาจจะแพ้ยา เช่น เป็นผื่น มีไข้ ควรโทรศัพท์ปรึกษาทางสายด่วนทันที และกลับมาพบแพทย์ผู้รักษา พร้อมนำยาที่รับประทานมาด้วย
✴️คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคลมชัก✴️
โรคลมชักเป็นโรคที่พบได้บ่อยพบได้ทุกเพศทุกวัยตั้งแต่แรกคลอดจนถึงวัยชราโดยเฉพาะในประเทศที่ยากจนพบได้มากถึง 1% ของประชาการ ส่วนใหญ่โรคลมชักเป็นโรคที่รักษาหายได้ คือควบคุมอาการไม่ให้กำเริบได้โดยการรักษาด้วยการรับประทานยากันชัก หรือหากพบสาเหตุที่แก้ไขได้ก็อาจหายขาดได้
โรคลมชักมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วย ครอบครัวและบุคคลรอบข้าง ส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่เป็นตราบาป รู้สึกสูญเสียความมั่นใจในตนเอง และคุณค่าในตนเองเนื่องจากลักษณะอากการชักที่ปรากฏต่อหน้าบุคคลทั่วไป อาจส่งผลกระทบต่อการเรียน หน้าที่การงานโอกาสและสิทธิทางสังคมได้
เพราะฉะนั้นทั้งบุคคลภายในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงานควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคลมชัก และช่วยกันเฝ้าระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นหากผู้ป่วยมีอาการชัก จะได้ช่วยกันดูแลเบื้องต้นได้อย่างถูกต้อง ก่อนที่ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลรักษากับแพทย์ต่อไป
Source : https://bangkokpattayahospital.com/th/health-articles-th/neuroscience-th/epilepsy-th/
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
❣️Audra - ออดรา ปรับสมดุลธาตุลม by Sriya Brand❣️
9 สมุนไพร 1 เปปไทด์ 4 กรดอะมิโน 🌱🍂🌾🪵
✅ ช่วยลดอาการปวดศีรษะ อาการไมเกรน
✅ ล้างสารพิษในลำไส้
✅ ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย
✅ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
✅ ลดไขมันชนิด LDL และคอเลสเตอรอล
✅ ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
✅ บำรุงระบบประสาท สมอง หัวใจและความจำ
✅ เพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
✅ ช่วยขับลมในลำไส้
✅ บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
✅ ช่วยฟื้นฟูเซลล์ในร่างกาย และระบบหายใจที่จะถูกทำลายโดยแอลกอฮอลล์
✅ ช่วยลดอาการอักเสบ ลดอาการปวดเมื่อย
#ไมเกรน #ปวดหัว # ปวดศีรษะ #แฮงค์ #ธาตุลม #ปรับสมดุลธาตุลม #ระบบในช่องท้อง #ระบบขับถ่าย #ระบบย่อยอาหาร #ระบบประสาทและสมอง #สมอง #สายตา #แก้ลมวิงเวียน #คลื่นไส้ #อาเจียน #วิงเวียน #กรดไหลย้อน #ท้องผูก #อาหารไม่ย่อย
สนใจสั่งซื้อและสมัครเป็นตัวแทนจำหน่าย ได้ที่ https://lin.ee/qRVqzMb หรือ
Tel. 062-1644936
ID Line :