Sutat Clinic คลินิกหมอสุทัศน์ ผิวหนัง และ ความงาม ลพบุรี

Sutat Clinic คลินิกหมอสุทัศน์ ผิวหนัง และ ความงาม ลพบุรี คิดถึงเลเซอร์...คิดถึงคลินิกหมอสุทัศน์

21/11/2025

ภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (Hemifacial Spasm):โบท็อกไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงามเท่านั้น
คนไข้ท่านนี้มาหาด้วย ภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (Hemifacial Spasm) และได้ตรวจกับแพทย์อายุรกรรมและศัลยกรรมระบบประสาทรวมทั้งได้ตรวจอย่างละเกียดและทำMRIแล้วไม่พบความผิดปกติใดๆจึงแนะนำให้รักษาด้วยการฉีดโบท็อก คนไข้จึงมาหาผมเพื่อช่วยฉีดแก้ไขให้ และหมอได้ทำการฉีดให้ซึ่งได้ผลดีตามคลิปวีดีโอก่อนฉีดและหลังฉีด มาทำความรู้จักกันครับ

การรักษาภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีกด้วยโบท็อกซ์: คู่มือสำหรับผู้ป่วย

บทนำ

เราเข้าใจดีว่าภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีกอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและความมั่นใจของคุณ เอกสารฉบับนี้จึงถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนและครบถ้วนเกี่ยวกับการรักษาด้วยโบทูลินัมทอกซิน (โบท็อกซ์) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจในกระบวนการรักษา ประสิทธิภาพ และการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจเข้ารับการรักษาได้อย่างมั่นใจ

--------------------------------------------------------------------------------

1. ทำความเข้าใจภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (Hemifacial Spasm)

การทำความเข้าใจลักษณะของอาการที่เป็นอยู่อย่างถ่องแท้ คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดของการวางแผนการรักษาที่ถูกต้อง ภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีกเป็นอาการที่กล้ามเนื้อบนใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งเกิดการกระตุกหรือเกร็งขึ้นมาเองโดยที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ในทางการแพทย์ เราถือว่าสิ่งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

โดยทั่วไป อาการมักจะปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่อมีปัจจัยกระตุ้นบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ได้แก่:

* ความเครียด
* การพักผ่อนน้อย
* การใช้สายตาเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงและไม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งสามารถช่วยควบคุมอาการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

2. โบท็อกซ์: ทางเลือกการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

การฉีดโบทูลินัมทอกซิน (Botulinum Toxin หรือ Botox®) เป็นหนึ่งในทางเลือกการรักษาที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลกสำหรับภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีก โดยเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัดและมีความปลอดภัยสูง กลไกการทำงานของตัวยาคือการออกฤทธิ์เฉพาะจุดเพื่อ ช่วยคลายการกระตุกของกล้ามเนื้อ ที่ทำงานผิดปกติ ทำให้ใบหน้ากลับมาสงบและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

การรักษานี้มีข้อดีที่สำคัญหลายประการ:

* เห็นผลชัดเจน: ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสังเกตได้ว่าอาการกระตุกลดลงและดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลา 1–2 สัปดาห์หลังการฉีด
* ผลลัพธ์ยาวนาน: ผลการรักษาสามารถควบคุมอาการได้ต่อเนื่องนานเฉลี่ย 3–5 เดือน ก่อนที่อาการจะค่อยๆ กลับมาและจำเป็นต้องฉีดซ้ำ
* ความปลอดภัยสูง: เป็นวิธีการรักษาที่ผ่านการรับรองและมีข้อมูลยืนยันว่ามีความปลอดภัยสูงและพบผลข้างเคียงน้อยมาก
* ไม่ต้องผ่าตัด: เป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

3. กระบวนการรักษา: สิ่งที่ผู้ป่วยควรทราบ

กระบวนการฉีดโบท็อกซ์จะเริ่มต้นจากการที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินอาการและตำแหน่งของกล้ามเนื้อที่กระตุกอย่างละเอียด เพื่อออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยสูงสุด

ตำแหน่งที่ฉีดโบท็อกซ์

แพทย์จะเลือกฉีดตัวยาเข้าไปยังบริเวณกล้ามเนื้อที่มีอาการกระตุกจริงเท่านั้น โดยตำแหน่งที่จำเป็นต้องฉีดในผู้ป่วยแทบทุกราย (100%) คือกล้ามเนื้อรอบดวงตาและรอบปาก เนื่องจากเป็นบริเวณที่อาการมักจะเริ่มต้นและแสดงออกชัดเจนที่สุด

* Orbicularis oculi (กล้ามเนื้อรอบดวงตา)
* Orbicularis oris (กล้ามเนื้อรอบปาก)

นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาฉีดในตำแหน่งอื่นๆ เพิ่มเติมตามลักษณะอาการของผู้ป่วยแต่ละราย เช่น:

* Zygomaticus (กล้ามเนื้อแก้มด้านบน)
* Nasalis (สันจมูก)
* Mentalis (คาง)
* Platysma (ลำคอด้านหน้า)
* Frontalis (หน้าผาก)
* Corrugator (หัวคิ้ว)

เทคนิคการฉีดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

แพทย์จะใช้เทคนิคการฉีดตัวยาในปริมาณน้อยๆ ต่อจุด (ประมาณ 3–5 ยูนิต) โดยจะฉีดให้ครอบคลุมเฉพาะกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการกระตุกเท่านั้น เหตุผลเบื้องหลังเทคนิคนี้คือเพื่อ ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการหน้าเบี้ยวหรือใบหน้าอ่อนแรง ทำให้ผลการรักษามีความเป็นธรรมชาติและแม่นยำ

4. ประสิทธิผลและผลลัพธ์ที่คาดหวัง

ผลการรักษาภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีกด้วยโบท็อกซ์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก ข้อมูลเชิงสถิติชี้ให้เห็นว่า 96.7% ของผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น อย่างชัดเจนหลังการรักษา และที่สำคัญคือ ไม่มีผู้ป่วยรายใดที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา

ยิ่งไปกว่านั้น การรักษายังให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง:

* การฉีดครั้งแรก: ผลการรักษามักจะอยู่ได้นานเฉลี่ย 3.5 เดือน
* การฉีดครั้งถัดไป: เมื่อทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง กล้ามเนื้อจะตอบสนองต่อยาได้ดีขึ้น ทำให้ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานขึ้นเป็น 4–5 เดือน

5. ความเข้าใจเรื่องผลข้างเคียง

แม้ว่าการรักษาด้วยโบท็อกซ์จะมีความปลอดภัยสูง แต่การทราบข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น (แม้จะพบได้น้อยและเป็นเพียงชั่วคราว) ถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความเข้าใจที่รอบด้าน ผลข้างเคียงส่วนใหญ่สามารถหายได้เองภายใน 1-4 สัปดาห์

ผลข้างเคียง โอกาสในการเกิด ลักษณะและระยะเวลา
หนังตาตกชั่วคราว 2.9% โดยมากหายได้เองภายใน 1–4 สัปดาห์
ใบหน้าอ่อนแรงเล็กน้อย 3.0% โดยมากหายได้เองภายใน 1–4 สัปดาห์
เห็นภาพซ้อนชั่วคราว 1.7% โดยมากหายได้เองภายใน 1–4 สัปดาห์
น้ำตาไหลเพิ่มขึ้น 0.6% โดยมากหายได้เองภายใน 1–4 สัปดาห์

จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงเหล่านี้พบได้น้อยมาก และที่สำคัญคือเป็นภาวะชั่วคราวที่สามารถหายกลับมาเป็นปกติได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องมีการรักษาเพิ่มเติมและไม่ส่งผลเสียในระยะยาว

6. การดูแลตัวเองหลังการฉีดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การปฏิบัติตัวหลังการฉีดอย่างถูกต้องเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงให้น้อยที่สุด โดยมีคำแนะนำที่ปฏิบัติตามได้ง่ายดังนี้:

1. วันแรกหลังฉีด: ควรใช้การ ประคบเย็น บริเวณที่ฉีดเป็นเวลาประมาณ 20 นาที เพื่อช่วยลดอาการบวมหรือช้ำที่อาจเกิดขึ้นได้
2. วันที่ 2–14 หลังฉีด: ให้เปลี่ยนมาใช้การ ประคบอุ่น นาน 20 นาที ร่วมกับ การนวดคลึงเบาๆ บริเวณที่ฉีดเป็นประจำทุกวัน

การประคบอุ่นและนวดคลึงเบาๆ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและส่งเสริมให้ตัวยาซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อมัดเป้าหมายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและลดผลข้างเคียงได้

7. การรักษานี้เหมาะกับใครและความถี่ในการรักษา

การรักษาด้วยโบท็อกซ์เป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยในกลุ่มต่อไปนี้:

* ✓ ผู้ที่มีอาการใบหน้ากระตุกครึ่งซีกแบบเรื้อรัง
* ✓ ผู้ที่ไม่ต้องการเข้ารับการผ่าตัด หรือมีความกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัด
* ✓ ผู้ที่เคยรักษาด้วยยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากยา

สำหรับความถี่ในการรักษา โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้เข้ารับการฉีดซ้ำ ทุก 4–6 เดือน เพื่อควบคุมอาการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อดีของการรักษาอย่างสม่ำเสมอคือจะช่วยให้อาการโดยรวมลดลงเรื่อยๆ และในระยะยาวอาจทำให้ปริมาณยาที่ต้องใช้ในครั้งถัดไปลดลงได้อีกด้วย

8. บทสรุปและขั้นตอนต่อไป

การรักษาภาวะใบหน้ากระตุกครึ่งซีกด้วยโบท็อกซ์เป็นทางเลือกมาตรฐานที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย สามารถช่วยควบคุมอาการที่รบกวนการใช้ชีวิตและฟื้นฟูความมั่นใจให้กลับคืนมาได้

เป้าหมายสำคัญของการรักษาคือการช่วยให้คุณกลับมาควบคุมชีวิตและรอยยิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคือจุดเริ่มต้นของเส้นทางนั้น เพื่อรับการประเมินและคำแนะนำที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับคุณ ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์การรักษาที่ดีและปลอดภัยที่สุด

แก้ไขใบหน้าอิดโรยด้วยฟิลเลอร์ถ้ามีถุงใต้ตาและร่องตาลึกทำให้ดูมีอายุและดูอิดโรย (ลูกศรขาวในรูป) และเมื่ออายุมากขึ้นจะเกิด...
21/11/2025

แก้ไขใบหน้าอิดโรยด้วยฟิลเลอร์
ถ้ามีถุงใต้ตาและร่องตาลึกทำให้ดูมีอายุและดูอิดโรย (ลูกศรขาวในรูป) และเมื่ออายุมากขึ้นจะเกิดรอยMid cheek Groove(ลูกศรดำในรูป) การฉีดฟิลเลอร์จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ครับ เคสนี้หมอฉีดBeloteroใต้ตาข้างละครึ่งซีซีและฉีดBelotero Volumeที่หน้าแก้ม(Anterior medial cheek)ข้างละครึ่งซีซี แก้ไขให้ครับ

มะเร็งผิวหนังBasal cell carcinoma(BCC)คนไข้คิดว่าตนเองเป็นไฝธรรมดา ต่อมาเริ่มเกิดแผลบริเวณรอยโรคจึงมาปรึกษา หมอให้การวิน...
31/10/2025

มะเร็งผิวหนังBasal cell carcinoma(BCC)
คนไข้คิดว่าตนเองเป็นไฝธรรมดา ต่อมาเริ่มเกิดแผลบริเวณรอยโรคจึงมาปรึกษา หมอให้การวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งผิวหนังBasal cell carcinoma(BCC) และทำการผ่าตัดและส่งชิ้นเนื้อตรวจยืนยันว่าเป็นมะเร็งผิวหนังBasal cell carcinoma(BCC)และการผ่าตัดได้ตัดมะเร็งออกหมด
ความสำคัญในเคสนี้คือไม่ควรนิ่งนอนใจหากมีรอยโรคที่เป็นมานานแล้วเกิดมีการเปลี่ยนแปลงของรอยโรคเช่นเป็นแผล เลือดออก สีของรอยโรคเปลี่ยนไป ควรปรึกษาแพทย์

Porokeratosis:โรคผิวหนังที่พบได้ไม่บ่อยในฐานะที่เป็นแพทย์ที่ดูแลโรคผิวหนังจึงพบโรคผิวหนังที่อาจไม่ค่อยพบเจอทั่วๆไปมาปรึก...
22/10/2025

Porokeratosis:โรคผิวหนังที่พบได้ไม่บ่อย
ในฐานะที่เป็นแพทย์ที่ดูแลโรคผิวหนังจึงพบโรคผิวหนังที่อาจไม่ค่อยพบเจอทั่วๆไปมาปรึกษา
Porokeratosisเป็นโรคผิวหนังที่เจอไมบ่อย จึงอยากเอามาแชร์ให้รู้จักกันบ้าง
คนไข้รายนี้เป็น Porokeratosisชนิด disseminated superficial actinic porokeratosis (DSAP) ลักษณะพิเศษของ Porokeratosisทุกชนิดคือ ขอบหนาเป็นวง (keratotic ridge) และมี ร่องตรงกลาง (central groove)
ซึ่งร่องนี้จะตรงกับโครงสร้างทางพยาธิวิทยาที่เรียกว่า cornoid lamella
Porokeratosis เป็นกลุ่มของโรคทางผิวหนังที่มีความหลากหลาย (heterogeneous group) ซึ่งบางชนิดสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ autosomal dominant (AD) ได้
มีรายงานพบการกลายพันธุ์ของยีน MVD, MVK, PMVK, และ FDPS ทั้งในกรณีที่เกิดแบบประปราย (sporadic) และแบบครอบครัว (familial form)
ปัจจุบัน ครีมผสม lovastatin/cholesterol ถือเป็นแนวทางใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา porokeratosis หลายชนิด
ส่วนการรักษาแบบเดิม เช่น 5-FU, PDT หรือยาทากลุ่ม retinoids และวิตามิน D3 อาจช่วยได้บางรายแต่ผลไม่แน่นอน
การทำลายรอยโรคด้วยเลเซอร์หรือการจี้สามารถใช้ได้ในกรณีจำเป็น แต่ต้องทำให้ลึกพอเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
***Plaque-type porokeratosis (Mibelli) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่มีลักษณะจำเพาะคือ
รอยโรคแบนยุบตรงกลาง มีขอบนูนแข็งเป็นวง หรือคดเคี้ยว มีร่องเล็ก ๆ บนขอบ
พบบ่อยที่มือ เท้า และหนังศีรษะ บางครั้งสัมพันธ์กับภาวะกดภูมิหรือการได้รับยา/รังสี
และมีลักษณะทางพยาธิวิทยาที่โดดเด่นคือการเกิด cornoid lamella

***ชนิด disseminated superficial actinic porokeratosis หรือDSAP(ดังคนไข้รายนี้) เป็นโรคผิวหนังชนิด porokeratosis ที่สัมพันธ์กับแสงแดด
พบบ่อยในหญิง มีรอยโรคตื้นเป็นวง ขอบหนา สีน้ำตาลแดงในบริเวณที่โดนแดด
อาการมักกำเริบในฤดูร้อน และแย่ลงเมื่อภูมิคุ้มกันถูกกด
บางรายเกิดร่วมกับโรคมะเร็งหรือโรคภูมิคุ้มกันอักเสบ
และในบางกรณีสามารถดีขึ้นได้หากระดับภูมิคุ้มกันกลับสู่ปกติ

***Linear porokeratosis เป็นชนิดของโรคพอโรเคราโตสิสที่รอยโรคเรียงตามเส้น Blaschko
พบได้ทั้งแบบจำกัดเฉพาะส่วนหรือกระจายทั่วร่างกาย
บางรายอาจมีแผลถลอกทำให้วินิจฉัยผิดเป็นโรคผิวหนังอื่น โดยเฉพาะในทารก
เป็นชนิดที่มีความเสี่ยงสูงสุดต่อการกลายเป็นมะเร็งผิวหนัง (SCC, Bowen, BCC)
และหากเกิดที่บริเวณก้นหรือร่องก้นจะเรียกว่า porokeratosis ptychotropica

***Porokeratosis palmaris, plantaris, et disseminata
เป็นโรคผิวหนังที่เริ่มจากตุ่มหนาเคราตินบริเวณฝ่ามือหรือฝ่าเท้าในวัยหนุ่มสาว
จากนั้นค่อย ๆ ลามไปทั่วร่างกาย
ลักษณะพิเศษคือมีคอลัมน์ parakeratosis คล้าย cornoid lamella หลายตำแหน่งในชิ้นเนื้อ
ถ้ารอยโรคจำกัดเฉพาะที่มือและเท้า จะเรียกว่า porokeratosis punctata palmaris et plantaris

22/09/2025

Pyogenic Granuloma:ตุ่มเนื้อที่แตะปุ๊บเลือดออกปั๊บ.
ความสำคัญ;ตุ่มเนื้อที่เลือดออกง่าย
หลายคนอาจเคยมีตุ่มเล็ก ๆ สีแดงคล้ำขึ้นตามผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ปาก หรือมือ เวลากระทบโดนมักจะมีเลือดออกง่าย Pyogenic Granuloma หรือ ตุ่มเนื้องอกหลอดเลือดชนิดไม่ร้ายแรง ที่มักเกิดหลังการระคายเคืองหรือบาดเจ็บเล็กน้อย

เคสนี้ผู้ป่วยมีตุ่มที่ แนวขากรรไกรขวา มานานกว่า 6 เดือน และมีเลือดออกง่ายเมื่อตุ่มถูกกระทบ หลังประเมินแล้วหมอจึงเลือกใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า (Electrocautery)และCO2 Laser เพื่อทำลายก้อนเนื้องอกนี้โดยตรง ผลคือเลือดหยุดไหลและแผลค่อย ๆ แห้ง หลังทำแผลจะมีรอยบาง ๆ ซึ่งจะจางลงตามเวลา Pyogenic granuloma เป็นรอยโรคหลอดเลือดที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว มักเกิดตามหลังการบาดเจ็บเล็กน้อย เป็นตุ่มหลอดเลือดเดี่ยวที่พบบ่อยมาก ซึ่งผิวถูกกัดเซาะและมีเลือดออกได้เองหรือหลังจากการบาดเจ็บเล็กน้อย

ลักษณะทางคลินิก: มักเห็นเป็นตุ่มสีแดงสด สีแดงหม่น สีม่วงคล้ำ หรือสีน้ำตาลดำ โดยมีขอบของหนังกำพร้าที่หนาขึ้นล้อมรอบบริเวณฐาน

ลองดูคลิปที่หมอใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า (Electrocautery)และCO2 Laser เพื่อทำลายก้อนเนื้องอกนี้กันครับ

สะเก็ดเงิน:การรักษาด้วยสารชีวโมเลกุล(Biologic Therapy)แนวทางการักษาใหม่ที่ตรงเป้าของสาเหตุการเกิดที่เห็นผลและมีประสิทธิภ...
19/09/2025

สะเก็ดเงิน:การรักษาด้วยสารชีวโมเลกุล(Biologic Therapy)แนวทางการักษาใหม่ที่ตรงเป้าของสาเหตุการเกิดที่เห็นผลและมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันโลกเราก้าวหน้าไปมากในทุกๆด้านรวมทั้งวงการแพทย์ของเราด้วย ปัจจุบันเราค้นพบแล้วว่าสาเหตุของโรคสะเก็ดเงินเกิดจากกระบวนการของภูมิคุ้มกันของผิวหนังไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของควาผิดปกติของผิวหนังจนนำไปสู่การเกิดโรคสะเก็ดเงิน
สารชีวโมเลกุลหรือBiologic Therapyได้นำมาใช้ในโรคสะเก็ดเงินโดยออกฤทธิ์ทีมุ่งเป้าไปที่สารชีวเคมีในระดับเซลล์เพื่อลดกระบวนการเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันที่เป็นต้นเหตุให้เกิดโรคสะเก็ดเงินโดยตรง
ริวิวคนไข้ท่านนี้(ในรูป) เป็นสะเก็ดเงินมา30ปีได้รับการรักษามาทุกอย่างทั้งยากินกดภูมิต้านทาน ยาทา ฉายแสง แต่ไม่ดีขึ้นเลยจึงมาปรึกษาหมอ และผมได้แนะนำให้ใช้Biologic Therapy (อนึ่งหมอต้องบอกว่ายาชนิดนี้แพงมากเพราะเป็นยาใหม่ซึ่งติดค่าวิจัย ราคายาต่อเข็มเป็นหมื่น คอร์สหนึ่งราวแสนบาท นอกจากนั้นก่อนรักษาหมอต้องกลั่นกรองคนไข้หลายอย่างโดยเฉพาะต้องไม่มีการติดเชื้ออยู่ภายในร่างกายก่อนการรักษา)
ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ หลังจากฉีดเข็มที่3(ฉีดทุก1สัปดาห์จำนวน5คร้ง ต่อจากนั้นทุก1เดือน)และไม่มีผลข้างเคียง(การรักษาจะได้ผลดีมากๆโรคจะสงบได้และอาจทำให้ถึงหายขาดได้ในคนไข้บางราย)
สนใจปรึกษาและรับการรักาาได้ที่คลินิกเลยนะครับ

รอยย่นหน้าผาก:ทำไมบางรายควรใช้ฟิลเลอร์แก้ไขแทนการฉีดโบท็อก คนไข้เคสนี้(ในรูปก่อนฉีด)มาปรึกษาอยากแก้รอยย่นหน้าผาก เหตุผลท...
02/09/2025

รอยย่นหน้าผาก:ทำไมบางรายควรใช้ฟิลเลอร์แก้ไขแทนการฉีดโบท็อก
คนไข้เคสนี้(ในรูปก่อนฉีด)มาปรึกษาอยากแก้รอยย่นหน้าผาก เหตุผลที่ไม่ควรฉีดโบท็อก
1.หนังตาหย่อน;หากฉีดโบท็อกจะทำให้กล้ามเนื้อยกคิ้วอ่อนแรงทำให้หนังตาตก
2.รอยย่นหน้าผากเป็นชนิดStatic Wrinkleคือไม่เลิกคิ้วหรือแสดงสีหน้ารอยย่นก็มี(โบท็อกจะได้ผลในกรณีDynamic Wrinkleคือเมื่อเลิกคิ้วแล้วมีรอย)
3.เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังฝ่อทำให้เกิดแอ่งที่หน้าผาก
ด้วยเหตุผลดังกล่าวการฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เคสนี้หมอจึงฉีดฟิลเลอร์หน้าผากแก้ไขให้ครับ (ดูภาพหลังฉีด) หลังฉีดคนไข้พึงพอใจ

01/09/2025

PROFHILO: Skin Bio-remodeling
มารู้จักกับหัตถการฟื้นฟูผิว"ช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรง ทำงานได้ปกติ และดูอ่อนเยาว์ขึ้นจากภายใน"ที่คลินิกนำมาให้บริการครับ
PROFHILO คืออะไร?

PROFHILO ไม่ใช่ฟิลเลอร์ ไม่ใช่การเติมน้ำให้ผิว แต่เป็นการ ฟื้นฟูโครงสร้างผิว หรือ Bio-remodelling

ใช้เทคโนโลยี NaHYCO Hybrid Technology รวมทั้ง HA โมเลกุลเล็กและใหญ่ ทำให้กระจายตัวได้ดี อยู่ได้นานหลายเดือน

กลไกการทำงาน

HA โมเลกุลเล็ก ช่วยต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการซ่อมแซม และพาโมเลกุลใหญ่ซึมลึก

HA โมเลกุลใหญ่ ให้ความชุ่มชื้น สร้างคอลลาเจน อีลาสติน และทำหน้าที่เป็นโครงสร้างค้ำจุน

ผลลัพธ์คือผิวเฟิร์ม เด้ง ตึงขึ้นจากการฟื้นฟูการทำงานของเซลล์

การกระจายตัว

PROFHILO กระจายกว้างได้ถึง 2 เซนติเมตรต่อจุด และซึมลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อใน 72 ชั่วโมง

จึงสามารถฉีดเพียง 5 จุดต่อข้างบนใบหน้า แต่ครอบคลุมได้ทั่ว

ข้อบ่งใช้

ใช้สำหรับ แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหน้าและลำคอ

ใช้ช่วยในกรณี รอยแผลเป็นจากสิว โดยเฉพาะรอยสิวหลุมแบบ Rolling scars

ผลลัพธ์เห็นชัดหลังการฉีดครั้งที่ 2 ประมาณ 1 เดือน

เทคนิคการฉีด

เทคนิคมาตรฐานคือ BAP (Bio Aesthetic Point) ฉีด 5 จุดต่อข้าง

สามารถใช้ เข็มทู่ (cannula) ในบริเวณเสี่ยง เช่น หน้าผากและขมับ เพื่อความปลอดภัย

ความปลอดภัย

ทั่วโลกยัง ไม่พบรายงานการเกิดหลอดเลือดอุดตัน

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยเพียงรอยแดงหรือบวมเล็กน้อย

โปรโตคอลการรักษา

แนะนำ 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน

หลังจากนั้นฉีดซ้ำทุก 4–6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์

ควรเข้าใจว่า PROFHILO ไม่ได้ทำให้ผิวโกลว์หรือฉ่ำวาวทันที แต่เป็นการฟื้นฟูโครงสร้างผิวลึก ๆ

ผลลัพธ์ที่แท้จริงคือ ผิวเฟิร์มขึ้น เด้งขึ้น และมีสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

👉 หากสนใจการรักษาด้วย PROFHILO สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้ที่ คลินิกหมอสุทัศน์ ลพบุรี หมอและทีมงานพร้อมดูแลทุกท่านอย่างใกล้ชิดครับ
ชมวีดีโอPROFHILO: นวัตกรรมฟื้นฟูผิวSkin Bio-remodelingได้ที่ช่องยูทูบของคลินิกครับ
https://youtu.be/WlWq0xvaiow?si=pciESaYALkeOHFLx

Send a message to learn more

31/08/2025

🎯 เมื่อ “ยาชีววัตถุ” (Biologic Therapy) กลายเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคสะเก็ดเงิน

โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ ไม่ใช่โรคติดต่อ และไม่ได้เกิดจากความสกปรกอย่างที่หลายคนเข้าใจ ผู้ป่วยมักมีอาการผื่นแดงนูน มีขุยขาวหนา คัน เจ็บ และมีผลต่อคุณภาพชีวิตทั้งด้านกายและใจอย่างมาก

💉 Biologic Therapy คืออะไร?

เมื่อการรักษาด้วยยาทา ยากิน หรือฉายแสง ไม่ได้ผลหรือได้ผลไม่เพียงพอ
แนวทางใหม่ในการรักษาคือ "ยาชีววัตถุ" หรือ Biologic Therapy
ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ “จำเพาะต่อจุดก่อโรค” โดยตรงในระบบภูมิคุ้มกัน

กลุ่มยานี้เรียกว่า Targeted Immune Modulators
เนื่องจากยับยั้งการทำงานของสารสื่อกลางอักเสบ เช่น TNF, IL-17, IL-23 ที่เป็นตัวกระตุ้นอาการผื่นในโรคสะเก็ดเงิน

👨‍⚕️ Scapho: ตัวเลือกจากประสบการณ์คลินิก

ทางคลินิกของเราได้เลือกใช้ Scapho® (secukinumab)
ซึ่งเป็นยาชีววัตถุในกลุ่ม IL-17A inhibitors
สำหรับผู้ป่วยสะเก็ดเงินที่:

✅ มีผื่นรุนแรง กระจายเป็นวงกว้าง
✅ ไม่ตอบสนองหรือทนต่อยารักษาเดิม
✅ ได้รับการประเมินอย่างละเอียดว่าเหมาะกับการใช้ยาชีววัตถุ

📈 ประสิทธิภาพสูง ตอบสนองเร็ว

จากการศึกษาระดับโลก (ERASURE และ FIXTURE trial) พบว่า:

ผู้ป่วย กว่า 80% ได้ผลดีภายใน 12 สัปดาห์แรก

อาการผื่นดีขึ้นมากกว่า 75–90% (PASI75-90)

คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

รอยโรคส่วนใหญ่ลดลงเร็วภายใน 3 สัปดาห์แรก

⚠️ ข้อควรรู้ก่อนเริ่มยา

แม้ Scapho จะให้ผลดีมาก แต่ก็มีข้อควรพิจารณา:

💸 ราคาสูง: เป็นยานำเข้าที่ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

🔎 ต้องตรวจคัดกรองวัณโรคก่อนเริ่ม

🚫 ห้ามใช้ในผู้ติดเชื้อรุนแรง

🧫 เฝ้าระวังเชื้อราในช่องปาก/จุดซ่อนเร้น และการติดเชื้อซ้ำซ้อน

💬 สำหรับใครที่เหมาะกับยาชีววัตถุ?

ผู้ป่วยที่ เป็นสะเก็ดเงินระดับรุนแรง และมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

ผู้ที่ ไม่ตอบสนองต่อยาเดิม

ต้องได้รับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มทุกครั้ง

🩺 สรุปจากหมอ

“Scapho เป็นยาที่เปลี่ยนชีวิตคนไข้สะเก็ดเงินจำนวนมากให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
แม้ราคาจะสูงและต้องมีการดูแลใกล้ชิด แต่หากเลือกผู้ป่วยอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่ามากครับ”

หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการสะเก็ดเงินที่เป็นมากและยังหาทางออกไม่ได้
สามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือปรึกษาที่คลินิกเราได้เลยครับ
เราพร้อมดูแลคุณอย่างเข้าใจ และเลือกวิธีที่เหมาะที่สุดเฉพาะราย

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางช่องยูทูบของเราได้นะครับ
https://youtu.be/jhiiwtf96ys?si=EAyaZME7jSqVZKHS

Send a message to learn more

อยากเตือนผู้ใช้ให้ระมัดระวังครีมทาผิวขาวคนไข้รายนี้มาปรึกษาเรื่องรอยผิวแตกลายที่แขนจากการสั่งครีมผิวขาวทางออนไลน์มาใช้เอ...
12/08/2025

อยากเตือนผู้ใช้ให้ระมัดระวังครีมทาผิวขาว
คนไข้รายนี้มาปรึกษาเรื่องรอยผิวแตกลายที่แขนจากการสั่งครีมผิวขาวทางออนไลน์มาใช้เอง นอกจากนั้นยังมีคนไข้อีกหลายรายที่เป็นรอยแตกลายเพราะใช้ครีมแบบเดียวกันนี้ ปัจจุบันการซื้อขายบนโลกออนไลน์เฟื่องฟูมาก อาจมีผู้ขายบางรายที่อาจไม่มีความรับผิดชอบเพียงพอใช้ครีมผิวขาวสูตรKligmanที่ประกอบด้วย Hydroquinone+ VitA Analogue +Steroidที่อนุญาตให้แพทย์สั่งใช้ได้เท่านันแพทย์ต้องเป็นคนควบคุมและจะให้เพียงช่วงสั้นๆไม่ให้เกิดผลข้างเคียง ดังนั้นหากมีการลักลอกนำมาใช้โดยไม่มีความรู้ความเข้าใจจะเกิดผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์ที่อยู่ในครีมได้แก่อาการและความผิดปกติทางผิวหนังที่พบ เช่น

จ้ำเลือด (purpura)

เส้นเลือดฝอยขยาย (telangiectasias)

ผิวบาง/ฝ่อ (atrophy)

รอยแตกลาย (striae)

รอยแผลเป็นเทียม (pseudoscars)

ผื่นคล้ายสิวหรือ rosacea (acneiform/rosacea-like eruptions)

หน้าแดง (facial plethora)

สำหรับรอยผิวหนังแตกลายจากสเตียรอยด์ทา(Steroid Induced Striae)โดยกลไกที่ corticosteroids ส่งผลต่อผิวหนังดังนี้

1การสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง

corticosteroids ยับยั้งการสร้าง collagen และ elastin ซึ่งเป็นโปรตีนหลักที่ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น

2การทำงานของไฟโบรบลาสต์ลดลง

fibroblasts ซึ่งเป็นเซลล์ที่สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน จะมีการทำงานลดลงเมื่ออยู่ภายใต้อิทธิพลของ corticosteroids

3การสลายคอลลาเจนเพิ่มขึ้น

corticosteroids กระตุ้นให้เกิดการสลายของคอลลาเจนเดิมในผิวหนัง ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลง

4การไหลเวียนเลือดลดลง

corticosteroids บางชนิดทำให้เกิด vasoconstriction (หลอดเลือดตีบ) ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงผิวลดลง ทำให้กระบวนการสมานแผลและซ่อมแซมเนื้อเยื่อล่าช้า

ผื่นผิวหนังที่เป็นมานานโปรดอย่าไว้ใจคนไข้รายนี้มาด้วยผื่นที่หน้าท้องมา5ปี(ดูรูป) หมอตรวจแล้วให้การวินิจว่าเป็นมะเร็งผิวห...
08/08/2025

ผื่นผิวหนังที่เป็นมานานโปรดอย่าไว้ใจ
คนไข้รายนี้มาด้วยผื่นที่หน้าท้องมา5ปี(ดูรูป) หมอตรวจแล้วให้การวินิจว่าเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดBowen's Diseaseและทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจผลยืนยันว่าเป็นมะเร็งBowen's Diseseดังที่หมอวินิจแัย(ดูรูป)
มะเร็งสความัสเซลชนิดอยู่เฉพาะที่ (Squamous Cell Carcinoma in Situ; SCCIS)

สาเหตุสำคัญ

รังสีอัลตราไวโอเลต (UVR)

การติดเชื้อไวรัส HPV

สารหนู (arsenic)

น้ำมันดิน (tar)

การสัมผัสความร้อนเรื้อรัง (chronic heat exposure)

ผิวหนังอักเสบเรื้อรังจากรังสี (chronic radiation dermatitis)

อาการทางคลินิก (Clinical manifestation)

ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่บางรายอาจมีเลือดออกได้

หากมีการเกิดก้อน (nodule) หรือเริ่มมีอาการปวด/กดเจ็บ → อาจบ่งบอกว่ารอยโรคกำลังลุกลามเป็นมะเร็งสความัสเซลชนิดลุกลาม (invasive SCC)

ลักษณะทางผิวหนัง (Skin findings)

รอยโรคมีขอบเขตชัดเจน (sharply demarcated)

พื้นผิวมีเกล็ดลอก (scaling) หรือหนาตัว (hyperkeratotic) อาจเป็นรอยแบน (macule), ตุ่มนูน (papule) หรือปื้น (plaque)

สีชมพูหรือสีแดง อาจมีสะเก็ด (crust) หรือผิวถลอก (erosion)

พบได้ทั้งเดี่ยวหรือหลายตำแหน่ง

ชนิดย่อยและตำแหน่งที่พบบ่อย

Bowen disease: ปื้นสีชมพู/แดง ขอบชัด ผิวมีเกล็ด มักพบที่ผิวหนัง (รูป 1)

Erythroplasia of Queyrat: ปื้นหรือปื้นนูนสีแดงเป็นมัน ขอบชัด มักพบที่ g***s p***s หรือ l***a minora

Bowenoid papulosis: รอยโรค SCCIS บริเวณอวัยวะเพศจาก HPV สีอาจเป็นแดง น้ำตาล แทน หรือดำ พื้นผิวอาจถลอกและมีสะเก็ด

หากปล่อยทิ้งไว้นาน รอยโรคอาจมีขนาดใหญ่ขึ้น มีขอบเป็นวงแหวน (annular) หรือหลายวงซ้อนกัน (polycyclic)
การกระจายตัวของรอยโรค (Distribution)

UVR-induced SCCIS: มักเกิดบนพื้นของ solar keratosis ในผิวที่มีการเสื่อมจากแสงแดดเรื้อรัง (photoaging/dermatoheliosis)

HPV-induced SCCIS: พบมากบริเวณอวัยวะเพศ หรือรอบเล็บ โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่มือ หรือตรงใต้เล็บ

X-ray–induced SCCIS: พบในผิวหนังอักเสบเรื้อรังจากรังสี (chronic radiodermatitis)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (LABORATORY EXAMINATION)
พยาธิวิทยาทางผิวหนัง (Dermatopathology)

มะเร็งชนิดอยู่เฉพาะที่ (carcinoma in situ) พบการสูญเสียโครงสร้างของหนังกำพร้า (loss of epidermal architecture) และการแยกตัวที่เป็นระเบียบ (regular differentiation)

พบความหลากหลายของรูปร่างเซลล์ keratinocyte (keratinocyte polymorphism)

พบ dyskeratosis ในเซลล์เดี่ยว

อัตราการแบ่งตัวของเซลล์สูง (increased mitotic rate)

มีเซลล์ multinuclear

หนังกำพร้า (epidermis) หนาตัวขึ้น แต่เยื่อฐาน (basement membrane) ยังปกติ

การวินิจฉัยและการวินิจฉัยแยกโรค (DIAGNOSIS AND DIFFERENTIAL DIAGNOSIS)

การวินิจฉัยทางคลินิกยืนยันได้ด้วยผลพยาธิวิทยาทางผิวหนัง

การวินิจฉัยแยกโรค ได้แก่ รอยโรคปื้นสีชมพู-แดงที่ขอบเขตชัดทุกชนิด เช่น

กลากนัมมิวลาร์ (Nummular eczema)

สะเก็ดเงิน (Psoriasis)

Seborrheic keratosis

Solar keratosis

หูดธรรมดา (Verruca vulgaris)

หูดราบ (Verruca plana)

หูดหงอนไก่ (Condyloma acuminatum)

มะเร็งผิวหนังชนิด basal cell carcinoma แบบตื้น (Superficial BCC)

Amelanotic melanoma

โรคเพจเก็ต (Paget disease)

การดำเนินโรคและการพยากรณ์โรค (COURSE AND PROGNOSIS)

หากไม่ได้รับการรักษา SCCIS จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งสความัสเซลชนิดลุกลาม (invasive SCC)

ในผู้ป่วย HIV/AIDS อาจหายได้เองหากการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) ได้ผลดี

การกระจายไปต่อมน้ำเหลืองสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีการบุกรุกที่เห็นชัดเจน

การแพร่กระจายจากต่อมน้ำเหลืองสามารถเกิดขึ้นในรูปแบบ metastatic dissemination
การรักษา Squamous Cell Carcinoma in Situ (SCCIS)

1. การใช้ยาทาเคมีบำบัดเฉพาะที่ (Topical chemotherapy)

5-Fluorouracil cream: ทาวันละครั้งหรือวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับหรือไม่ร่วมกับการปิดด้วยเทป (tape occlusion) ก็ได้ ให้ผลการรักษาที่ดี

Imiquimod: มีประสิทธิภาพเช่นกัน แต่ทั้ง 5-FU และ Imiquimod ต้องใช้เวลารักษานาน

2. การทำลายด้วยความเย็น (Cryosurgery)

ให้ผลการรักษาสูง

มักต้องทำอย่างเข้มข้นกว่าที่ใช้รักษา solar keratoses

อาจเกิดรอยแผลเป็นตื้น ๆ หลังการรักษา

3. การรักษาด้วยแสงร่วมกับยาที่ไวต่อแสง (Photodynamic therapy; PDT)

ให้ผลดี แต่ใช้เวลานานและทำให้รู้สึกเจ็บขณะทำ

4. การผ่าตัดเอาออก (Surgical excision) รวมถึงการผ่าตัด Mohs micrographic surgery

มีอัตราการหายสูงที่สุด

แต่มีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นที่ส่งผลต่อความสวยงามมากที่สุด

ควรทำในรอยโรคที่ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ของการลุกลามออกได้จากการตัดชิ้นเนื้อ (biopsy)

Nail Pitting(เล็บเป็นหลุม)ในคนไข้สะเก็ดเงินคนไข้มาตรวจด้วยเรื่องผื่นแดงมีสะเก็ดที่ไรผมด้านท้ายทอยมานานเป็นปี หมอยังตรวจเ...
08/08/2025

Nail Pitting(เล็บเป็นหลุม)ในคนไข้สะเก็ดเงิน
คนไข้มาตรวจด้วยเรื่องผื่นแดงมีสะเก็ดที่ไรผมด้านท้ายทอยมานานเป็นปี หมอยังตรวจเจอNail Pitting(เล็บเป็นหลุม)โดยที่คนไข้ยังไม่เคยสังเกตตัวเองว่ามีหลุมที่เล็บเคสนี้เข้าได้กับโรคสะเก็ดเงินโดยอาศัยลักษณะผื่นและNail Pitting(เล็บเป็นหลุม)
Nail Pitting(เล็บเป็นหลุม)ในคนไข้สะเก็ดเงิน
คือรอยบุ๋มแบบจุดเล็ก ๆ ที่ผิวเล็บ โดยลักษณะเฉพาะคือ:

มีขนาดเล็ก

มีความลึก ขนาด และรูปร่างไม่สม่ำเสมอ (ดูรูป ประกอบ)

อาจพบในโรคผิวหนังอื่น เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)และโรคAloplecia areata(โรคผมร่วงหย่อม) ได้เช่นกัน แต่รอยบุ๋มในกรณีนั้นมักจะตื้นกว่า และเรียงตัวอย่างสม่ำเสมอมากกว่า

ที่อยู่

245/9-10 หมู่2 ต. ท่าศาลา ตรงข้ามบิ๊กซีสาขา2 ถ. พหลโยธิน อ. เมือง จ. ลพบุรี
Lop Buri
15000

เวลาทำการ

จันทร์ 10:00 - 18:00
อังคาร 10:00 - 18:00
พุธ 10:00 - 18:00
พฤหัสบดี 10:30 - 18:00
ศุกร์ 10:30 - 19:00
เสาร์ 10:30 - 18:00

เบอร์โทรศัพท์

+66818524464

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Sutat Clinic คลินิกหมอสุทัศน์ ผิวหนัง และ ความงาม ลพบุรีผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Sutat Clinic คลินิกหมอสุทัศน์ ผิวหนัง และ ความงาม ลพบุรี:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท