08/08/2025
Urticarial Vasculitis (ลมพิษอักเสบหลอดเลือด)
คนไข้รายนี้มาตรวจด้วยเรื่องผื่นดังรูปมา2สัปดาห์หมอให้การวินิจฉัว่าเป็นUrticarial Vasculitis (ลมพิษอักเสบหลอดเลือด)ผลการตัดชิ้นเนื้อยืนยันUrticarial Vasculitis (ลมพิษอักเสบหลอดเลือด)และผลตรวจเลือดมีภูมิแพ้ตนเองดังรูป
Urticarial vasculitis เป็นโรคที่มีผลต่อหลายระบบของร่างกาย (multisystem disease) โดยลักษณะเด่นคือผื่นผิวหนังที่ดูคล้ายลมพิษ แต่ต่างกันที่ตุ่มนูนแดง (wheals) จะคงอยู่ นานเกินกว่า 24 ชั่วโมง ซึ่งผิดจากลมพิษทั่วไปที่มักหายภายในไม่กี่ชั่วโมง
ลักษณะทางคลินิกของผื่น:
ลักษณะคล้ายลมพิษ: มีแผ่นบวมแดง (edematous plaques) และตุ่มนูนแดง (wheals)
อาจมีลักษณะแข็งแน่นเล็กน้อย (indurated)
ขอบเขตชัดเจน สีแดง (circumscribed, erythematous)
มักมีอาการร่วม เช่น คัน แสบ ร้อน เจ็บ หรือปวดบริเวณผื่น
บางรายอาจมี angioedema ร่วมด้วย (บวมลึกใต้ผิวหนัง)
ลักษณะของการเกิดผื่น:
ผื่นมักขึ้นเป็น “กลุ่ม ๆ” (transient crops) และอยู่ได้นาน >24 ชั่วโมง บางครั้งนานถึง 3–4 วัน
รูปร่างของผื่นเปลี่ยนแปลงช้า ไม่เหมือนลมพิษทั่วไปที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
เมื่อลองกดผื่นด้วยแผ่นสไลด์ (glass slide) จะเห็นจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง (purpura)
หลังผื่นหายจะทิ้งร่องรอยเป็นสีเหลืองเขียว และเกิดรอยดำ (hyperpigmentation)
อาการร่วมของระบบต่าง ๆ (Systemic symptoms):
ไข้ (Fever)
ปวดข้อ (Arthralgia)
ESR สูง (บ่งชี้การอักเสบ)
อาการอื่น:
คลื่นไส้, ปวดท้อง
ไอ, หายใจลำบาก, เจ็บหน้าอก, ไอมีเลือด (hemoptysis)
ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงเทียม (pseudotumor cerebri)
ไวต่อความเย็น (cold sensitivity)
ไตอักเสบแบบกระจาย (diffuse glomerulonephritis)
ความเกี่ยวข้องกับระบบอื่น (Extracutaneous involvement):
ข้อ (joints): 70%
ระบบทางเดินอาหาร (GI tract): 20–30%
ระบบประสาทส่วนกลาง (CNS): >10%
ดวงตา (ocular system): >10%
ไต (kidneys): 10–20%
ต่อมน้ำเหลืองโต (lymphadenopathy): 5%
สาเหตุและพยาธิกำเนิด:
เชื่อว่าเป็นโรคจาก ภูมิคุ้มกันชนิด immune complex, คล้ายกับ hypersensitivity vasculitis
อาจเป็นอาการหนึ่งของโรค SLE
อาจพบในภาวะ serum sickness, ไวรัสตับอักเสบบี, หรือ ไม่ทราบสาเหตุ (idiopathic)
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory findings):
พบรอยโรคของ leukocytoclastic vasculitis ในชิ้นเนื้อผิวหนัง
ปัสสาวะมีเลือดปนระดับกล้องจุลทรรศน์ (microhematuria), โปรตีนในปัสสาวะ (proteinuria) ~10%
ระดับ complement ต่ำ (hypocomplementemia) พบใน ~70% ของผู้ป่วย
พยากรณ์โรค:
โดยทั่วไปโรคมีลักษณะเรื้อรังแต่ไม่รุนแรง (chronic but benign)
อาการกำเริบได้เป็นพัก ๆ นานเป็นเดือนหรือปี
ภาวะไตอักเสบ มักเกิดเฉพาะในผู้ที่มี hypocomplementemia
การรักษา (Management):
ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamines):
H1: Doxepin (10 มก. วันละ 2 ครั้ง ถึง 25 มก. วันละ 3 ครั้ง)
H2: Cimetidine (300 มก. วันละ 3 ครั้ง) หรือ Ranitidine (150 มก. วันละ 2 ครั้ง)
ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs):
Indomethacin (75–200 มก./วัน)
Ibuprofen (1600–2400 มก./วัน)
Naproxen (500–1000 มก./วัน)
Colchicine: 0.6 มก. วันละ 2–3 ครั้ง
Dapsone: 50–150 มก./วัน
Prednisone (ยาสเตียรอยด์)
ยากดภูมิ: เช่น Azathioprine, Cyclophosphamide
Plasmapheresis (การฟอกพลาสมา)
TNF-α blockers (ในกรณีรุนแรง)