Sutat Clinic คลินิกหมอสุทัศน์ ผิวหนัง และ ความงาม ลพบุรี

Sutat Clinic คลินิกหมอสุทัศน์ ผิวหนัง และ ความงาม ลพบุรี คิดถึงเลเซอร์...คิดถึงคลินิกหมอสุทัศน์

ผื่นผิวหนังที่เป็นมานานโปรดอย่าไว้ใจคนไข้รายนี้มาด้วยผื่นที่หน้าท้องมา5ปี(ดูรูป) หมอตรวจแล้วให้การวินิจว่าเป็นมะเร็งผิวห...
08/08/2025

ผื่นผิวหนังที่เป็นมานานโปรดอย่าไว้ใจ
คนไข้รายนี้มาด้วยผื่นที่หน้าท้องมา5ปี(ดูรูป) หมอตรวจแล้วให้การวินิจว่าเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดBowen's Diseaseและทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจผลยืนยันว่าเป็นมะเร็งBowen's Diseseดังที่หมอวินิจแัย(ดูรูป)
มะเร็งสความัสเซลชนิดอยู่เฉพาะที่ (Squamous Cell Carcinoma in Situ; SCCIS)

สาเหตุสำคัญ

รังสีอัลตราไวโอเลต (UVR)

การติดเชื้อไวรัส HPV

สารหนู (arsenic)

น้ำมันดิน (tar)

การสัมผัสความร้อนเรื้อรัง (chronic heat exposure)

ผิวหนังอักเสบเรื้อรังจากรังสี (chronic radiation dermatitis)

อาการทางคลินิก (Clinical manifestation)

ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่บางรายอาจมีเลือดออกได้

หากมีการเกิดก้อน (nodule) หรือเริ่มมีอาการปวด/กดเจ็บ → อาจบ่งบอกว่ารอยโรคกำลังลุกลามเป็นมะเร็งสความัสเซลชนิดลุกลาม (invasive SCC)

ลักษณะทางผิวหนัง (Skin findings)

รอยโรคมีขอบเขตชัดเจน (sharply demarcated)

พื้นผิวมีเกล็ดลอก (scaling) หรือหนาตัว (hyperkeratotic) อาจเป็นรอยแบน (macule), ตุ่มนูน (papule) หรือปื้น (plaque)

สีชมพูหรือสีแดง อาจมีสะเก็ด (crust) หรือผิวถลอก (erosion)

พบได้ทั้งเดี่ยวหรือหลายตำแหน่ง

ชนิดย่อยและตำแหน่งที่พบบ่อย

Bowen disease: ปื้นสีชมพู/แดง ขอบชัด ผิวมีเกล็ด มักพบที่ผิวหนัง (รูป 1)

Erythroplasia of Queyrat: ปื้นหรือปื้นนูนสีแดงเป็นมัน ขอบชัด มักพบที่ g***s p***s หรือ l***a minora

Bowenoid papulosis: รอยโรค SCCIS บริเวณอวัยวะเพศจาก HPV สีอาจเป็นแดง น้ำตาล แทน หรือดำ พื้นผิวอาจถลอกและมีสะเก็ด

หากปล่อยทิ้งไว้นาน รอยโรคอาจมีขนาดใหญ่ขึ้น มีขอบเป็นวงแหวน (annular) หรือหลายวงซ้อนกัน (polycyclic)
การกระจายตัวของรอยโรค (Distribution)

UVR-induced SCCIS: มักเกิดบนพื้นของ solar keratosis ในผิวที่มีการเสื่อมจากแสงแดดเรื้อรัง (photoaging/dermatoheliosis)

HPV-induced SCCIS: พบมากบริเวณอวัยวะเพศ หรือรอบเล็บ โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่มือ หรือตรงใต้เล็บ

X-ray–induced SCCIS: พบในผิวหนังอักเสบเรื้อรังจากรังสี (chronic radiodermatitis)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (LABORATORY EXAMINATION)
พยาธิวิทยาทางผิวหนัง (Dermatopathology)

มะเร็งชนิดอยู่เฉพาะที่ (carcinoma in situ) พบการสูญเสียโครงสร้างของหนังกำพร้า (loss of epidermal architecture) และการแยกตัวที่เป็นระเบียบ (regular differentiation)

พบความหลากหลายของรูปร่างเซลล์ keratinocyte (keratinocyte polymorphism)

พบ dyskeratosis ในเซลล์เดี่ยว

อัตราการแบ่งตัวของเซลล์สูง (increased mitotic rate)

มีเซลล์ multinuclear

หนังกำพร้า (epidermis) หนาตัวขึ้น แต่เยื่อฐาน (basement membrane) ยังปกติ

การวินิจฉัยและการวินิจฉัยแยกโรค (DIAGNOSIS AND DIFFERENTIAL DIAGNOSIS)

การวินิจฉัยทางคลินิกยืนยันได้ด้วยผลพยาธิวิทยาทางผิวหนัง

การวินิจฉัยแยกโรค ได้แก่ รอยโรคปื้นสีชมพู-แดงที่ขอบเขตชัดทุกชนิด เช่น

กลากนัมมิวลาร์ (Nummular eczema)

สะเก็ดเงิน (Psoriasis)

Seborrheic keratosis

Solar keratosis

หูดธรรมดา (Verruca vulgaris)

หูดราบ (Verruca plana)

หูดหงอนไก่ (Condyloma acuminatum)

มะเร็งผิวหนังชนิด basal cell carcinoma แบบตื้น (Superficial BCC)

Amelanotic melanoma

โรคเพจเก็ต (Paget disease)

การดำเนินโรคและการพยากรณ์โรค (COURSE AND PROGNOSIS)

หากไม่ได้รับการรักษา SCCIS จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งสความัสเซลชนิดลุกลาม (invasive SCC)

ในผู้ป่วย HIV/AIDS อาจหายได้เองหากการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) ได้ผลดี

การกระจายไปต่อมน้ำเหลืองสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีการบุกรุกที่เห็นชัดเจน

การแพร่กระจายจากต่อมน้ำเหลืองสามารถเกิดขึ้นในรูปแบบ metastatic dissemination
การรักษา Squamous Cell Carcinoma in Situ (SCCIS)

1. การใช้ยาทาเคมีบำบัดเฉพาะที่ (Topical chemotherapy)

5-Fluorouracil cream: ทาวันละครั้งหรือวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับหรือไม่ร่วมกับการปิดด้วยเทป (tape occlusion) ก็ได้ ให้ผลการรักษาที่ดี

Imiquimod: มีประสิทธิภาพเช่นกัน แต่ทั้ง 5-FU และ Imiquimod ต้องใช้เวลารักษานาน

2. การทำลายด้วยความเย็น (Cryosurgery)

ให้ผลการรักษาสูง

มักต้องทำอย่างเข้มข้นกว่าที่ใช้รักษา solar keratoses

อาจเกิดรอยแผลเป็นตื้น ๆ หลังการรักษา

3. การรักษาด้วยแสงร่วมกับยาที่ไวต่อแสง (Photodynamic therapy; PDT)

ให้ผลดี แต่ใช้เวลานานและทำให้รู้สึกเจ็บขณะทำ

4. การผ่าตัดเอาออก (Surgical excision) รวมถึงการผ่าตัด Mohs micrographic surgery

มีอัตราการหายสูงที่สุด

แต่มีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นที่ส่งผลต่อความสวยงามมากที่สุด

ควรทำในรอยโรคที่ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ของการลุกลามออกได้จากการตัดชิ้นเนื้อ (biopsy)

Nail Pitting(เล็บเป็นหลุม)ในคนไข้สะเก็ดเงินคนไข้มาตรวจด้วยเรื่องผื่นแดงมีสะเก็ดที่ไรผมด้านท้ายทอยมานานเป็นปี หมอยังตรวจเ...
08/08/2025

Nail Pitting(เล็บเป็นหลุม)ในคนไข้สะเก็ดเงิน
คนไข้มาตรวจด้วยเรื่องผื่นแดงมีสะเก็ดที่ไรผมด้านท้ายทอยมานานเป็นปี หมอยังตรวจเจอNail Pitting(เล็บเป็นหลุม)โดยที่คนไข้ยังไม่เคยสังเกตตัวเองว่ามีหลุมที่เล็บเคสนี้เข้าได้กับโรคสะเก็ดเงินโดยอาศัยลักษณะผื่นและNail Pitting(เล็บเป็นหลุม)
Nail Pitting(เล็บเป็นหลุม)ในคนไข้สะเก็ดเงิน
คือรอยบุ๋มแบบจุดเล็ก ๆ ที่ผิวเล็บ โดยลักษณะเฉพาะคือ:

มีขนาดเล็ก

มีความลึก ขนาด และรูปร่างไม่สม่ำเสมอ (ดูรูป ประกอบ)

อาจพบในโรคผิวหนังอื่น เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)และโรคAloplecia areata(โรคผมร่วงหย่อม) ได้เช่นกัน แต่รอยบุ๋มในกรณีนั้นมักจะตื้นกว่า และเรียงตัวอย่างสม่ำเสมอมากกว่า

Urticarial Vasculitis (ลมพิษอักเสบหลอดเลือด)คนไข้รายนี้มาตรวจด้วยเรื่องผื่นดังรูปมา2สัปดาห์หมอให้การวินิจฉัว่าเป็นUrtica...
08/08/2025

Urticarial Vasculitis (ลมพิษอักเสบหลอดเลือด)
คนไข้รายนี้มาตรวจด้วยเรื่องผื่นดังรูปมา2สัปดาห์หมอให้การวินิจฉัว่าเป็นUrticarial Vasculitis (ลมพิษอักเสบหลอดเลือด)ผลการตัดชิ้นเนื้อยืนยันUrticarial Vasculitis (ลมพิษอักเสบหลอดเลือด)และผลตรวจเลือดมีภูมิแพ้ตนเองดังรูป
Urticarial vasculitis เป็นโรคที่มีผลต่อหลายระบบของร่างกาย (multisystem disease) โดยลักษณะเด่นคือผื่นผิวหนังที่ดูคล้ายลมพิษ แต่ต่างกันที่ตุ่มนูนแดง (wheals) จะคงอยู่ นานเกินกว่า 24 ชั่วโมง ซึ่งผิดจากลมพิษทั่วไปที่มักหายภายในไม่กี่ชั่วโมง

ลักษณะทางคลินิกของผื่น:
ลักษณะคล้ายลมพิษ: มีแผ่นบวมแดง (edematous plaques) และตุ่มนูนแดง (wheals)

อาจมีลักษณะแข็งแน่นเล็กน้อย (indurated)

ขอบเขตชัดเจน สีแดง (circumscribed, erythematous)

มักมีอาการร่วม เช่น คัน แสบ ร้อน เจ็บ หรือปวดบริเวณผื่น

บางรายอาจมี angioedema ร่วมด้วย (บวมลึกใต้ผิวหนัง)

ลักษณะของการเกิดผื่น:
ผื่นมักขึ้นเป็น “กลุ่ม ๆ” (transient crops) และอยู่ได้นาน >24 ชั่วโมง บางครั้งนานถึง 3–4 วัน

รูปร่างของผื่นเปลี่ยนแปลงช้า ไม่เหมือนลมพิษทั่วไปที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

เมื่อลองกดผื่นด้วยแผ่นสไลด์ (glass slide) จะเห็นจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง (purpura)

หลังผื่นหายจะทิ้งร่องรอยเป็นสีเหลืองเขียว และเกิดรอยดำ (hyperpigmentation)
อาการร่วมของระบบต่าง ๆ (Systemic symptoms):
ไข้ (Fever)

ปวดข้อ (Arthralgia)

ESR สูง (บ่งชี้การอักเสบ)

อาการอื่น:

คลื่นไส้, ปวดท้อง

ไอ, หายใจลำบาก, เจ็บหน้าอก, ไอมีเลือด (hemoptysis)

ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงเทียม (pseudotumor cerebri)

ไวต่อความเย็น (cold sensitivity)

ไตอักเสบแบบกระจาย (diffuse glomerulonephritis)

ความเกี่ยวข้องกับระบบอื่น (Extracutaneous involvement):
ข้อ (joints): 70%

ระบบทางเดินอาหาร (GI tract): 20–30%

ระบบประสาทส่วนกลาง (CNS): >10%

ดวงตา (ocular system): >10%

ไต (kidneys): 10–20%

ต่อมน้ำเหลืองโต (lymphadenopathy): 5%

สาเหตุและพยาธิกำเนิด:
เชื่อว่าเป็นโรคจาก ภูมิคุ้มกันชนิด immune complex, คล้ายกับ hypersensitivity vasculitis

อาจเป็นอาการหนึ่งของโรค SLE

อาจพบในภาวะ serum sickness, ไวรัสตับอักเสบบี, หรือ ไม่ทราบสาเหตุ (idiopathic)

ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory findings):
พบรอยโรคของ leukocytoclastic vasculitis ในชิ้นเนื้อผิวหนัง

ปัสสาวะมีเลือดปนระดับกล้องจุลทรรศน์ (microhematuria), โปรตีนในปัสสาวะ (proteinuria) ~10%

ระดับ complement ต่ำ (hypocomplementemia) พบใน ~70% ของผู้ป่วย

พยากรณ์โรค:
โดยทั่วไปโรคมีลักษณะเรื้อรังแต่ไม่รุนแรง (chronic but benign)

อาการกำเริบได้เป็นพัก ๆ นานเป็นเดือนหรือปี

ภาวะไตอักเสบ มักเกิดเฉพาะในผู้ที่มี hypocomplementemia

การรักษา (Management):
ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamines):

H1: Doxepin (10 มก. วันละ 2 ครั้ง ถึง 25 มก. วันละ 3 ครั้ง)

H2: Cimetidine (300 มก. วันละ 3 ครั้ง) หรือ Ranitidine (150 มก. วันละ 2 ครั้ง)

ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs):

Indomethacin (75–200 มก./วัน)

Ibuprofen (1600–2400 มก./วัน)

Naproxen (500–1000 มก./วัน)

Colchicine: 0.6 มก. วันละ 2–3 ครั้ง

Dapsone: 50–150 มก./วัน

Prednisone (ยาสเตียรอยด์)

ยากดภูมิ: เช่น Azathioprine, Cyclophosphamide

Plasmapheresis (การฟอกพลาสมา)

TNF-α blockers (ในกรณีรุนแรง)

✨ Belotero Revive Filler ✨ฟิลเลอร์งานผิวรุ่นใหม่ ที่ไม่เน้นวอลุ่ม แต่ฟื้นฟู “คุณภาพผิว” อย่างแท้จริงผิวสวยสุขภาพดี ไม่ได...
01/08/2025

✨ Belotero Revive Filler ✨

ฟิลเลอร์งานผิวรุ่นใหม่ ที่ไม่เน้นวอลุ่ม แต่ฟื้นฟู “คุณภาพผิว” อย่างแท้จริง

ผิวสวยสุขภาพดี ไม่ได้วัดแค่ความเต่งตึงหรือไม่มีริ้วรอย แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพโดยรวมของผิว เช่น
🔹 ความชุ่มชื้น
🔹 ความกระจ่างใส
🔹 ความเรียบเนียน
🔹 ความยืดหยุ่น

ซึ่งล้วนเสื่อมถอยลงตามอายุและการทำร้ายผิวจากมลภาวะหรือแสงแดด



💧 Belotero Revive คือฟิลเลอร์ในกลุ่ม “Skinbooster” ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อปรับคุณภาพผิว ไม่ใช่เพื่อเติมวอลุ่ม
ด้วยเทคโนโลยี Cohesive Polydensified Matrix ผสาน Hyaluronic Acid 20 mg/mL + Glycerol 17.5 mg/mL
ให้ผิวอิ่มน้ำ ยืดหยุ่น และแข็งแรงขึ้นจากภายใน



🔍 กลไกการออกฤทธิ์หลักของ HA Microdroplet Injection ได้แก่
• การดึงน้ำเข้าสู่ผิวชั้นลึก (Hydrophilic Effect)
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Neocollagenesis)
• เติมเต็มจุดเล็ก ๆ ในระดับหนังแท้ (Microfilling)
• ได้ผลเสริมจากการฉีดแบบตาข่าย (Microneedling-like effect)



🧬 4 จุดเด่นของ Belotero Revive Filler

1️⃣ Foundation of Skincare
วางรากฐานผิวให้แข็งแรง พร้อมรับการบำรุง
2️⃣ Improve Skin Quality
ผิวดูชุ่มฉ่ำ เรียบเนียน ฉ่ำวาว แบบไม่ต้องแต่ง
3️⃣ Natural Result
ให้ผลลัพธ์ที่กลมกลืน ดูเป็นธรรมชาติ
4️⃣ Simplification
ลดขั้นตอนสกินแคร์ในชีวิตประจำวัน



📌 เหมาะสำหรับใคร?
• ผู้ที่มีผิวแห้ง หมอง ขาดน้ำ
• ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวหยาบ
• ผู้ที่ไม่ต้องการเติมวอลุ่ม แต่ต้องการให้ผิวดูฟู ฉ่ำใส
• ผู้ที่เริ่มดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ (Prejuvenation)
• ผู้ที่ไม่ชอบฟิลเลอร์แบบเดิม



🗓️ การดูแลหลังฉีด
✔ หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า/บีบ แกะ ถูหน้า 12 ชม.
✔ งดซาวน่า เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ร้อน 1 สัปดาห์
✔ อาการบวม ช้ำ เล็กน้อยอาจเกิดขึ้น และหายภายใน 48 ชม.
สนใจปรึกษาฉีดBelotero Revive Fillerได้ที่คลินิกครับ นอกจากนั้นทางคลินิกยังมีJuvederm Skinviveฟิลเลอร์งานผิวอีดตัวให้บริการด้วยนะครับ

🎯 “ลมพิษเรื้อรัง…สาเหตุจากอะไร?”หลายคนที่มีอาการลมพิษเรื้อรัง (ผื่นแดงนูนคันเป็นๆ หายๆ เกิน 6 สัปดาห์) มักตั้งคำถามว่า “...
24/07/2025

🎯 “ลมพิษเรื้อรัง…สาเหตุจากอะไร?”
หลายคนที่มีอาการลมพิษเรื้อรัง (ผื่นแดงนูนคันเป็นๆ หายๆ เกิน 6 สัปดาห์) มักตั้งคำถามว่า “ฉันแพ้อะไร?” หรือ “โรคนี้จะรักษาหายไหม?”
🧠 ภาพนี้ช่วยให้คุณเข้าใจ สาเหตุของลมพิษเรื้อรัง (Chronic Urticaria) ได้ดีขึ้น 👇
🟣 75% ของผู้ป่วยเป็นกลุ่ม Spontaneous Urticaria (ไม่เกี่ยวกับสิ่งกระตุ้นทางกายภาพ เช่น ความร้อน หนาว หรือแรงกด) ซึ่งแบ่งย่อยได้เป็น:
• 🔍 Idiopathic (ไม่ทราบสาเหตุ) 45% – พบได้บ่อยที่สุด ยังไม่สามารถระบุสาเหตุชัดเจน แต่เกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของเซลล์แมสต์ (mast cells)
• 🔬 Autoimmune 20% – ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้านตนเอง(Autoimmune Urticaria) เช่น ตรวจพบ autoantibodies ต่อ IgE receptor หรือพบร่วมกับโรคไทรอยด์ (Autoimmune Thyroid Disease),SLEเป็นต้น
• 🧪 Pseudoallergic 5% – คล้ายการแพ้ แต่อยู่ในกลไกที่ไม่ใช่ภูมิแพ้แบบ IgE เช่น การตอบสนองต่อสารกันเสีย/วัตถุเจือปนอาหาร หรือ NSAIDs
• 🦠 Infection-related 5% – เช่นมักพบร่วมกับการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย(ฟันผุ),H.Pyroriที่เป็นสาเหตุของโรคกระเพาะ,เชื้อราในช่องคลอดหรือพยาธิ
🟤 25% ของผู้ป่วยเป็นกลุ่ม Inducible Urticaria (ลมพิษที่เกิดจากสิ่งกระตุ้นเฉพาะ เช่น):
• ☀️ แสงแดด (solar)
• ❄️ อากาศเย็น (cold)
• 💦 น้ำ (aquagenic)
• 🏃‍♀️ ความร้อนจากร่างกายขณะออกกำลังกาย (cholinergic)
• 🧴 การเสียดสีหรือเกา (dermographism)
• 🎒 แรงกดต่อผิวหนังนานๆ (delayed pressure)
💬 สิ่งที่ควรรู้ & แนวทางปฏิบัติ
1. ✅ ไม่ใช่ทุกคนจะแพ้อาหารหรือยา – อย่ารีบงดโดยไม่มีข้อมูลชัดเจน
2. 💊 เริ่มต้นรักษาด้วยยากลุ่ม antihistamines ชนิดไม่ง่วง (เช่น cetirizine, loratadine)
3. 🔍 หากไม่ตอบสนองต่อยา อาจพิจารณาเจาะเลือดหาสาเหตุ autoimmunity, thyroid, หรือ infectionรวมทั้งหากสงสัยว่าจะเกิดจากกลุ่มลมพิษชนิดInducible สามารถมารับคำปรึกษาและทดสอบด้วยวิธีง่ายๆด้วยตนเองได้
4. ❗ หากมีอาการบวมที่ปาก ลิ้น หรือหายใจลำบาก → รีบพบแพทย์ด่วน
📌 สุดท้ายนี้ ลมพิษเรื้อรัง ไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ต้องใช้เวลาในการควบคุมอาการ
รักษาต่อเนื่อง + เข้าใจกลไกของโรค = ช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ ❤️

📍ร้อยไหมยกหน้า… "Lunchtime Facelift" ที่เห็นผลทันทีและกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาวเทคนิคการร้อยไหมได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อ...
23/07/2025

📍ร้อยไหมยกหน้า… "Lunchtime Facelift" ที่เห็นผลทันทีและกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว

เทคนิคการร้อยไหมได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสายเวชกรรมความงาม เพราะสามารถยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ โดย ไม่ต้องผ่าตัด ✅ ไม่ต้องพักฟื้นนาน ✅ เห็นผลทันทีบางส่วน และจะค่อย ๆ ดีขึ้นในระยะยาวจากการสร้างคอลลาเจน

🧵 ไหมเงี่ยงปลา (Barbed PDO threads) คือไหมละลายชนิดพิเศษที่มีเงี่ยงเล็ก ๆ ยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังได้มั่นคง ช่วยพยุงและยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย พร้อมกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ

💡 ทำไมหลายคนถึงเลือกไหมละลาย?

ผลข้างเคียงน้อยกว่าไหมถาวร

ร่างกายยอมรับได้ดี ไม่เกิดปฏิกิริยาแทรกซ้อนบ่อย

เข้าใจกลไกการกระตุ้นคอลลาเจนของไหมได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

📸 ด้านล่างนี้คือเคสจริงที่หมอร้อยไหมเงี่ยงปลาให้กับคนไข้ที่คลินิก
ขั้นตอนจะใช้เวลาไม่นาน คล้ายการ "ดึงหน้าในมื้อกลางวัน" ตามที่ต่างประเทศเรียกกัน (lunchtime facelift)

ฝ้าต่างกับกระอย่างไรคนไข้กระหลายรายมักเข้าใจว่าตนเองเป็นฝ้าเช่นคนไข้รายนี้ หมอขอแนะนำให้ดูง่ายๆคิอ ถ้าฝ้าจะเป็นปื้นๆและข...
23/07/2025

ฝ้าต่างกับกระอย่างไร
คนไข้กระหลายรายมักเข้าใจว่าตนเองเป็นฝ้าเช่นคนไข้รายนี้ หมอขอแนะนำให้ดูง่ายๆคิอ ถ้าฝ้าจะเป็นปื้นๆและขอบไม่ชัด แต่ถ้าเป็นกระจะเป็นจุดๆหรือดวงๆมีขอบชัดเจน สำหรับฝ้าการรักษาห้ามทำเลเซอร์เลยนะครับเพราะฝ้าจะยิ่งแย่ลงเพราะผิวจะอ่อนแอลงและกลับดำขึ้นกว่าเดิมและฝ้าจะมีอิทธิพลของฮอร์โมนทำให้เรากลับมาเป็นใหม่ วิธีการรักษาฝ้ามี่ดีคือการใช้ยาทานและยาทาอาจเสริมด้วยการผลัดเซลล์ผิวหน้าชนิดตื้นและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นได้แก่แสงแดด ฮอร์โมนและความร้อน
สำหรับกระจะรักษาด้วยยาไม่ได้ผลเลยต้องเลเซอร์จึงหายครับดังรูปคนไข้ที่นำมาโชว์

ผมร่วงชนิดTrichotillomaniaหมอมีคนไข้ผมร่วงชนิดTrichotillomaniaแบบนี้หลายราย และการรักษาต้องให้เวลา และให้ความเห็นใจ เปิด...
06/07/2025

ผมร่วงชนิดTrichotillomania
หมอมีคนไข้ผมร่วงชนิดTrichotillomaniaแบบนี้หลายราย และการรักษาต้องให้เวลา และให้ความเห็นใจ เปิดใจรับฟังปัญหาทั้งคนไข้และผู้ปกครอง และต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งคนไข้ ผู้ปกครอง บุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นคุณครู ญาติ คนรู้จัก รวมถึงเพื่อน คนไข้รายนี้โชคดีที่ปกครองเข้าใจและให้ความร่วมมืออย่างดี และนำปัญหาไปขอความร่วมมือจากคุณครู ทำให้การรักษาเป็นไปด้วยดีครับ เรามารู้จักกับโรคนี้กันครับ
Trichotillomania

เป็นโรคในกลุ่มพฤติกรรมซ้ำที่มุ่งเน้นไปที่ร่างกาย (Body-focused repetitive behavior disorder) โดยมีลักษณะการดึงผมตนเอง

บริเวณศีรษะล้านมักพบเส้นผมยาวสั้นไม่เท่ากัน

ลักษณะเฉพาะที่เห็นได้จากการตรวจด้วย trichoscopy ได้แก่: เส้นผมขด (coiled hairs), เส้นผมแบบเปลวไฟ (flame hairs), และลักษณะ v-sign

โรคที่เกี่ยวข้องกันคือ trichotemnomania ซึ่งผู้ป่วยจะโกนหรือเล็มผมตนเองด้วยความย้ำคิดย้ำทำ
Trichotillomania ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "โรคย้ำคิดย้ำทำและความผิดปกติที่เกี่ยวข้อง" โดยสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยในกลุ่มนี้มีความหลากหลาย ตั้งแต่ผู้ที่มีพฤติกรรมดึงผมเล็กน้อย ไปจนถึงผู้ที่มีความผิดปกติในการควบคุมตนเอง บุคลิกภาพ หรือมีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
ที่น่าสังเกตคือ ผู้ป่วยหลายรายที่มีศีรษะล้านจากการดึงผม ไม่เข้าเกณฑ์วินิจฉัยโรคทางจิตเวชใดๆ เลย
ลักษณะทางคลินิก (Clinical Features)
ผู้ป่วยมักดึงผมบริเวณหนังศีรษะ ส่งผลให้เกิดผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือศีรษะล้านทั้งแถบ (ดูรูป) นอกจากนี้บางรายอาจดึงขนบริเวณอื่น เช่น คิ้ว ขนตา แขนขา หรือบริเวณอวัยวะเพศ
บริเวณศีรษะล้านอาจมีรูปร่างไม่แน่นอน ร่วมกับมีแผลถลอก ตกสะเก็ด และเส้นผมที่มีความยาวไม่เท่ากัน

การวินิจฉัยสามารถช่วยยืนยันได้โดยการโกนผมบริเวณที่สงสัยเล็กน้อย ซึ่งมักพบการงอกใหม่ของผมที่แน่นและปกติ เนื่องจากเส้นผมสั้นมากมักไม่ถูกดึงออกโดยผู้ป่วย

ลักษณะจาก trichoscopy ที่มีความจำเพาะสูงสุด 7 ประการ ได้แก่:

Hook hairs

Coiled hairs

V-sign (เส้นผมสองเส้นในรูขุมขนเดียวกันหักในระดับเดียวกัน)

Hair powder

Flame hairs (เส้นผมที่เป็นเศษคล้ายรูปเปลวไฟ กึ่งโปร่งแสง โค้งงอ ปลายเรียว)

Tulip hairs (เส้นผมสั้นที่ปลายมีลักษณะคล้ายดอกทิวลิป)

Trichoptilosis (เส้นผมแตกปลาย)

Broken hairs และ black dots พบได้บ่อยแต่ไม่จำเพาะ
การรักษา (Treatment)
ยังไม่มีแนวทางการรักษาใดที่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพในงานวิจัยขนาดใหญ่
แนวทางที่เคยใช้ ได้แก่ การสะกดจิต การบำบัดปรับพฤติกรรม (behavioral modification) การบำบัดแบบเจาะลึก (insight-oriented psychotherapy) และการใช้ยา ซึ่งผลสำเร็จยังค่อนข้างต่ำ

แนวทางการบำบัดที่นิยมใช้เป็นลำดับแรกคือ habit reversal training ซึ่งเป็นการบำบัดแบบไม่ใช้ยา

หากจะใช้การรักษาด้วยยา อาจพิจารณา:

N-acetylcysteine

Clomipramine

Olanzapine

สำหรับเด็กก่อนวัยเรียน พฤติกรรมดึงผมมักหายไปเองโดยไม่ต้องรักษาใดๆ

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดทีเซลล์ที่ผิวหนัง (Cutaneous T Cell Lymphoma, CTCL);ผื่นผิวหนังเรื้อรังอย่าปล่อยไว้นานจนเกินแก้ไข...
18/06/2025

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดทีเซลล์ที่ผิวหนัง (Cutaneous T Cell Lymphoma, CTCL);ผื่นผิวหนังเรื้อรังอย่าปล่อยไว้นานจนเกินแก้ไข
คนไข้หญิงอายุ60ปีเป็นผื่นมานานหลายปี เดิมเป็นผื่นราบ(Patch type) ต่อมาผื่นเริ่มหนาขึ้น(Plaque Type) ประมาณ3-4เดือนเริ่มมีก้อนนูนเป็นทั่วร่างกายและใบหน้า(ดูรูปประกอบ) หมอได้ทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ รวมทั้งส่งทำการตรวจลักษณะทางภูมิคุ้มกัน (Immunophenotyping) ผลและอาการทางคลินิกเข้าได้กับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดทีเซลล์ที่ผิวหนัง (Cutaneous T Cell Lymphoma, CTCL)
เรามาทำความรู้จักกับโรคร้ายนี้กันครับ คลิ๊กดูที่ลิงค์ได้เลยครับ
http://www.sutatclinic.com/b/37

โรค Confluent and Reticulated Papillomatosis of Gougerot and Carteaud (CARP)คนไข้เคสนี้รักษาหลายแห่งไม่ดีขึ้นจึงมาปรึกษา...
13/06/2025

โรค Confluent and Reticulated Papillomatosis of Gougerot and Carteaud (CARP)
คนไข้เคสนี้รักษาหลายแห่งไม่ดีขึ้นจึงมาปรึกษาหมอ และหมอให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรค Confluent and Reticulated Papillomatosis of Gougerot and Carteaud (CARP) หลังให้การรักษา1เดือนก็หาย มาทำความรู้จักกับโรคนี้กันครับ
โรค Confluent and Reticulated Papillomatosis of Gougerot and Carteaud (CARP)

เป็นโรคที่ถูกอธิบายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1927
CARP มักเริ่มแสดงอาการในช่วงวัยเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น (puberty) โดยอัตราการเกิดในเพศหญิงหรือเพศชายอาจแตกต่างกันไปในแต่ละรายงานการศึกษา ส่วนการเกิดโรคนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับเชื้อชาติที่แตกต่างกันด้วย โดยส่วนใหญ่แล้ว CARP มักเกิดขึ้นแบบประปราย (sporadic) แต่ก็มีรายงานว่าพบในลักษณะครอบครัว (familial cases) อยู่บ้างเช่นกันพยาธิสรีรวิทยา (Pathogenesis)
บางทฤษฎีเชื่อว่าโรค CARP อาจเกิดจากความไม่สมดุลของระบบต่อมไร้ท่อ (endocrine imbalance) โดยเฉพาะภาวะดื้อต่ออินซูลิน (insulin resistance) เนื่องจากโรคนี้พบร่วมกับภาวะอื่น ๆ เช่น โรคอ้วน (obesity), รอบเดือนมาไม่ปกติ (menstrual irregularities), โรคเบาหวาน (diabetes mellitus), รวมถึงความผิดปกติของต่อมใต้สมองและต่อมไทรอยด์ ทั้งนี้ลักษณะทางคลินิกของโรค CARP ยังคล้ายกับโรค acanthosis nigricans ด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำนวนมากก็ไม่ได้มีโรคหรือภาวะอื่นร่วมด้วย
อีกทฤษฎีหนึ่งเสนอว่า CARP เป็นความผิดปกติของกระบวนการสร้างเคราติน (keratinization) โดยมีการสังเกตว่าผู้ป่วยหลายรายตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยยากลุ่มเรตินอยด์ทั้งชนิดทาและชนิดกิน (topical and systemic retinoids)
มีข้อเสนออีกประการหนึ่งว่า CARP อาจเป็นปฏิกิริยาผิดปกติของร่างกายต่อเชื้อรา Malassezia furfur เนื่องจากพบเชื้อนี้ในบริเวณรอยโรคในรูปแบบยีสต์ (yeast) หรือบางครั้งในรูปแบบเส้นใย (hyphal) และการรักษาด้วย selenium sulfide ทาเฉพาะที่อาจได้ผลในบางราย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่พบการเพิ่มจำนวนของ M. furfur
ลักษณะทางคลินิก (Clinical Features)
รอยโรคเริ่มแรกของ CARP จะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก 1–2 มม. โดยมักเริ่มที่บริเวณร่องอก (intermammary area) และพบน้อยลงในบริเวณระหว่างสะบัก (interscapular) หรือบริเวณยอดกระเพาะอาหาร (epigastric region)
ตุ่มจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 4–5 มม. มีลักษณะเป็นตุ่มสีน้ำตาล ผิวหนา แข็ง คล้ายหูด หรือเป็นแผ่นหนาบาง ๆ (thin plaques)
ตุ่มเหล่านี้จะรวมตัวกัน (coalesce) กลายเป็นแผ่นหนาตรงกลาง (confluent centrally) และมีลักษณะเป็นตาข่ายหรือเส้นร่างแหบริเวณขอบนอก (reticulated peripherally)
อาจมีการลามไปยังบริเวณคอ ลำตัวส่วนบน หรือรอยพับอื่น ๆ แต่ยังไม่เคยมีรายงานพบรอยโรคในช่องปาก (oral lesions)
ผื่นส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ (asymptomatic) แต่บางรายอาจมีอาการคันเล็กน้อย (mildly pruritic)
พยาธิวิทยา (Pathology)
ในการตรวจทางจุลพยาธิวิทยาของ CARP พบลักษณะเด่นดังนี้:
• มีการหนาตัวของชั้นขี้ไคล (hyperkeratosis)
• หนาตัวของชั้นหนาม (acanthosis)
• มีการยกตัวเป็นปุ่มนูนของผิวหนัง (papillomatosis)
• พบการแทรกตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์แบบเบาบางเฉพาะบริเวณรอบหลอดเลือดในชั้นผิวหนังตื้น ๆ (sparse superficial perivascular infiltrates of lymphocytes)
• ลักษณะเด่นพิเศษคือ rete ridges (รอยต่อของหนังกำพร้าที่แทรกตัวลงในหนังแท้) มีรูปร่างกลมตุ้มคล้ายตะปุ่มตะป่ำ (club-shaped หรือ bulbous) และยื่นลงไปในชั้น papillary dermis โดยที่ฐานของ rete ridges เหล่านี้จะมีเม็ดสีสะสมอยู่ เรียกว่า “dirty feet” (คล้ายเท้าที่เปื้อนดิน)
การวินิจฉัยแยกโรค (Differential Diagnosis)
CARP มีลักษณะทางคลินิกคล้ายกับโรคต่อไปนี้:
1. Acanthosis nigricans
o แผ่นผิวหนังจะหนาและนุ่มคล้ายกำมะหยี่มากกว่า CARP
o มักเกิดในบริเวณรอยพับของร่างกาย (intertriginous areas)
o ไม่มีลักษณะเป็นร่างแห (reticulated) อย่างที่พบใน CARP
o มักสัมพันธ์กับภาวะดื้อต่ออินซูลิน และมักดีขึ้นเมื่อผู้ป่วยลดน้ำหนัก
o ในบางกรณี เรียกว่ารูปแบบหนึ่งของ pseudoacanthosis nigricans
2. Tinea versicolor
o อาจมีลักษณะคล้าย CARP เนื่องจากมีเกล็ดผิวสีน้ำตาล และพบเชื้อ Malassezia furfur เช่นเดียวกัน
o อย่างไรก็ตาม Tinea versicolor ไม่แสดงลักษณะเป็นร่างแห (reticulated) หรือ papillomatous
3. Terra firma-forme dermatosis (retention hyperkeratosis)
o บางครั้งอาจสับสนกับ CARP
o แต่สามารถแยกได้โดยการเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ ซึ่งจะสามารถล้างคราบหนาออกได้ง่าย
ทางพยาธิวิทยา (Histology)
CARP อาจถูกวินิจฉัยผิดว่าเป็นโรคอื่นหากไม่มีข้อมูลทางคลินิกร่วมด้วย ได้แก่:
• Seborrheic keratosis (SK)
• Epidermal nevus
• Acanthosis nigricans
• ภาวะอื่นที่มีการเจริญเติบโตของเซลล์เยื่อบุผิวแบบ papillomatous
การรักษา (Treatment)
การรักษาโรค CARP มักสร้างความยุ่งยาก เนื่องจากผู้ป่วยบางรายไม่ตอบสนองต่อการรักษา หรือมีอาการกลับมาเป็นซ้ำหลังหยุดการรักษา โดยยังไม่มีวิธีการรักษาใดที่ได้ผลอย่างสม่ำเสมอในการควบคุมโรคในระยะยาว
มีรายงานว่าอาการดีขึ้นชั่วคราวเมื่อใช้:
• ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน เช่น tetracycline
• ยากลุ่มเรตินอยด์ชนิดรับประทาน เช่น isotretinoin และ acitretin
• ยาทาเฉพาะที่ เช่น
o กรดซาลิไซลิก (salicylic acid)
o ไฮโดรควิโนน (hydroquinone)
o tacrolimus
o sirolimus
o ยาต้านเชื้อรา เช่น selenium sulfide
o อนุพันธ์ของวิตามินดี 3 (vitamin D3 analogues)
o 5-fluorouracil
โดยเฉพาะ ยารับประทาน minocycline มีรายงานว่าให้ผลดีในผู้ป่วยประมาณ 50% บางรายไม่มีอาการกลับมาอีกเลย ในขณะที่บางรายมีช่วงเวลาที่โรคไม่กลับมาเป็นใหม่ได้นานถึง 18 เดือน
อย่างไรก็ตาม ยากลุ่มเรตินอยด์ชนิดรับประทานก็ไม่ได้ให้ผลในการควบคุมโรคดีกว่ายาปฏิชีวนะ และเนื่องจากอาจก่อให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูง (hypertriglyceridemia) และมีฤทธิ์ก่อความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ (teratogenicity) จึงมักถูกพิจารณาให้เป็นทางเลือกที่สองหรือสามในการรักษา

"ผื่นรูปปีกผีเสื้อ (butterfly rash)":เป็นลักษณะเด่นของรอยโรคในAcute Cutaneous Lupus Erythematosus (ACLE)(โรคภูมิแพ้ตนเอง...
12/06/2025

"ผื่นรูปปีกผีเสื้อ (butterfly rash)":
เป็นลักษณะเด่นของรอยโรคในAcute Cutaneous Lupus Erythematosus (ACLE)(โรคภูมิแพ้ตนเอง)
ลักษณะเด่นของรอยโรคใน ACLE คือ:
• การเกิด รอยแดงบริเวณแก้มทั้งสองข้าง (malar erythema)
• เรียกกันทั่วไปว่า "ผื่นรูปปีกผีเสื้อ" (butterfly rash)
☀️ ลักษณะทางคลินิกของรอยโรค:
• มักเกิดขึ้น ภายหลังการสัมผัสแสงแดด
• มีลักษณะ ชั่วคราว (transient)
• หายได้เองโดยไม่ทิ้งแผลเป็น
o แต่บางรายอาจมี สีผิวเปลี่ยน (dyspigmentation) ตามมา
🧬 ความสัมพันธ์กับภาวะทางระบบ:
• มีการเสนอว่ารอยโรคแบบนี้ อาจสัมพันธ์กับแอนติบอดี anti-dsDNA และ ภาวะไตอักเสบจากลูปัส (lupus nephritis)
• อย่างไรก็ตาม:
o ผู้ป่วยบางรายที่มีผื่นรูปปีกผีเสื้อ อาจไม่มีทั้ง anti-dsDNA และ lupus nephritis ก็ได้
⚠️ คำแนะนำทางคลินิก:
• ผู้ป่วยที่มาพบด้วย ผื่นรูปปีกผีเสื้อ (malar rash) ควรได้รับการ ประเมินอย่างละเอียด เพื่อค้นหาว่ามี โรคภายใน (systemic involvement) ร่วมด้วยหรือไม่
ลักษณะรูปร่างของผื่นใน ACLE (Morphology of ACLE lesions)
• รูปร่างของรอยโรคใน ACLE มีความหลากหลาย ตั้งแต่:
o ผิวแดงเล็กน้อย (mild erythema)
o ไปจนถึง บวมแดงอย่างรุนแรง (intense edema)
🔍 องค์ประกอบเพิ่มเติมที่อาจพบได้ และช่วยแยกจากโรคผิวหนังทั่วไป เช่น:
• เส้นเลือดฝอยขยาย (telangiectasias)
• แผลถลอกหรือแผลตื้น (erosions)
• ความผิดปกติของสีผิว (dyspigmentation)
• ผิวหนังบางลงจากการฝ่อของชั้น epidermis (epidermal atrophy)
→ เรียกรวมกันว่า poikiloderma
✴️ จุดเหล่านี้ช่วยแยก malar erythema จาก ACLE ออกจาก:
• Seborrheic dermatitis
• Rosacea ชนิด erythematotelangiectatic
📌 ลักษณะเพิ่มเติมที่อาจพบ:
• บางครั้งอาจมี ตุ่มนูน (papular component)
• หรือ มีขุยร่วมด้วย (scaling)ตัวอย่างในภาพ C
🕒 ระยะเวลาของผื่น:
• มีตั้งแต่เพียง ไม่กี่ชั่วโมง ไปจนถึง หลายสัปดาห์
________________________________________
📍 ตำแหน่งที่พบผื่นบ่อย:
• ใบหน้า โดยเฉพาะ บริเวณโหนกแก้ม (malar area)
• มักพบว่า ร่องข้างจมูก (nasol***al fold) ไม่ถูกกระทบ (ลักษณะเฉพาะที่ช่วยในการวินิจฉัย)
✋ ผื่นที่มือ:
• หากมีผื่นเกิดที่มือ มักไม่พบบนข้อโคนนิ้ว (knuckles)
→ จุดสังเกตช่วยแยกจากโรคผื่นอื่น ๆ เช่น dermatomyositis
________________________________________
👄 อาการร่วมที่พบได้:
• ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ป่วย ACLE จะมี แผลในปาก (oral ulcerations) ร่วมด้วย

เครดิต;Lupus Erythematosus ;Lela A. Lee and Victoria P. Werth in Dermatology 5th edition Jean L Bolognia;Julie V Schaffer;Lorenzo Cerroni

Jaw Line Cotouring(การฉีดฟิลเลอร์เพื่อความคมชัดของขากรรไกร)ในอดีต การเสริมใบหน้าส่วนล่างมักทำด้วยการผ่าตัดเป็นหลัก แต่ปั...
11/06/2025

Jaw Line Cotouring(การฉีดฟิลเลอร์เพื่อความคมชัดของขากรรไกร)
ในอดีต การเสริมใบหน้าส่วนล่างมักทำด้วยการผ่าตัดเป็นหลัก แต่ปัจจุบัน แพทย์ที่มีทักษะสามารถสร้างผลลัพธ์ทางความงามที่คล้ายคลึงกันได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เนื้อเยื่ออ่อน (soft tissue fillers)
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะมีข้อดีหลายประการ แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยกลับละเลยใบหน้าส่วนล่าง ซึ่งอาจเป็นเพราะเทคนิคที่ต้องใช้มีความซับซ้อนและบริเวณนี้มีลักษณะเฉพาะที่ท้าทายต่อการรักษา
การประเมินใบหน้าส่วนล่างจึงเป็นเรื่องสำคัญในศาสตร์ด้านความงามของใบหน้า ทั้งในเพศชายและหญิง เพราะการรักษาแนวขากรรไกรอย่างเหมาะสมสามารถช่วยปรับภาพรวมของใบหน้าให้ดูดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
การปรับรูปแนวขากรรไกร (Jawline Contouring)
แพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์มักเข้าถึงการปรับแนวขากรรไกรด้วยแนวคิดว่าจะสร้างรูปหน้าที่ดูเป็นชายหรือหญิง อย่างไรก็ตาม แม้แนวคิดนี้จะใช้ได้ในกรณีส่วนใหญ่ แต่ควรตระหนักว่าแต่ละบุคคลมีเป้าหมายด้านความงามที่ไม่เหมือนกัน จึงควรมีการพูดคุยกับผู้ป่วยก่อนทำการฉีดเพื่อให้เข้าใจตรงกันเกี่ยวกับความต้องการและอุดมคติด้านความงามของแต่ละคน
• แนวขากรรไกรของเพศชาย มักมีความเหลี่ยมชัด และประกอบด้วยเส้นสองเส้นที่เกือบตั้งฉากกัน มาบรรจบกันที่มุมขากรรไกรล่าง (mandibular angle)
• แนวขากรรไกรของเพศหญิง โดยทั่วไปจะเป็นเส้นโค้งนูนลง (convex curve) อย่างต่อเนื่อง จากบริเวณ antegonial notch ไปยังขอบล่างของบริเวณหน้ากกหู (preauricular area)
แนวทางการฉีด
• ในผู้ป่วยที่ ไม่มีแก้มห้อย (jowls) สามารถฉีดฟิลเลอร์ตามแนวขากรรไกรทั้งหมดได้ตามความเหมาะสม
• หากมี jowls ควรหลีกเลี่ยงการฉีดตรงบริเวณนั้นโดยตรง เพื่อไม่ให้ดูเด่นชัดขึ้น
• การปรับรูปแนวขากรรไกรให้ดูเป็นหญิงมากขึ้น (Feminine Jawline Profile)
• สำหรับการสร้างแนวขากรรไกรที่ดูเป็นผู้หญิงมากขึ้นแบบดั้งเดิม สามารถฉีดฟิลเลอร์แบบ threading โดยใช้ cannula จาก จุดเข้าเพียงจุดเดียว ที่อยู่ด้านหลังของ antegonial notch แล้วไล่ฟิลเลอร์ไปตามแนวล่างของ preauricular area (หน้ากกหู) เพื่อสร้างแนวโค้งนูน (convex contour) ที่ดูนุ่มนวลและเป็นผู้หญิงมากขึ้น
• การเพิ่มความยาวแนวขากรรไกร
• ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจต้องการให้แนวขากรรไกรดูลากยาวมากขึ้น ซึ่งสามารถทำได้โดยการเติมฟิลเลอร์ ด้านหลังของมุมขากรรไกรล่าง (posterior to the mandibular angle) โดยใช้ เข็มหรือ cannula
• หากใช้ cannula จุดเข้าสารที่เหมาะสมคือบริเวณด้านหลังของมุมขากรรไกร ซึ่งสามารถฉีดฟิลเลอร์ชิดกระดูก (on bone) เพื่อขยายความยาวของแนวขากรรไกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่อยู่

245/9-10 หมู่2 ต. ท่าศาลา ตรงข้ามบิ๊กซีสาขา2 ถ. พหลโยธิน อ. เมือง จ. ลพบุรี
Lop Buri
15000

เวลาทำการ

จันทร์ 10:00 - 18:00
อังคาร 10:00 - 18:00
พุธ 10:00 - 18:00
พฤหัสบดี 10:30 - 18:00
ศุกร์ 10:30 - 19:00
เสาร์ 10:30 - 18:00

เบอร์โทรศัพท์

+66818524464

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Sutat Clinic คลินิกหมอสุทัศน์ ผิวหนัง และ ความงาม ลพบุรีผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Sutat Clinic คลินิกหมอสุทัศน์ ผิวหนัง และ ความงาม ลพบุรี:

แชร์

ประเภท