ชิซุกะโตเกียวมารีน: ประกันทุกรูปแบบ

ชิซุกะโตเกียวมารีน: ประกันทุกรูปแบบ บรรเทาความเสี่ยงความทุกข์ด้วยการประกันทุกรูปแบบ
ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ แนะนำการทำประกัน ฟรี

28/09/2024
07/07/2024
25/06/2024

ร.ศ.112
พระราชโอรสพระองค์น้อย ได้ทำการสักคำว่า "ร.ศ.122" กับ คำว่า "ตราด" ลงบนหน้าอกของตนเองเพื่อย้ำเตือนความทรงจำที่เเผ่นดินสยามถูกกองทัพเรือของฝรั่งเศส เข้ารุกล้ำเข้าสู่เเม่น้ำเจ้าพระยาได้ ภาพพระราชบิดาของพระองค์ต้องโศกเศร้าพระทัยครั้งใหญ่หลวง
"เอกราชของสยามอยู่ในความเสี่ยงอย่างใหญ่หลวงอีกครั้งในหน้าประวัติศาสตร์ของไทย" อธิปไตยของชาติจะอยู่รอดได้ เราต้องมีองค์ความรู้ที่เข้มเเข็งเเละเเสนยานุภาพทางเรือ เมื่อมีโอกาสได้ไปศึกษาต่อที่ทวีปยุโรป พระองค์ไม่ลังเลที่จะศึกษาต่อในโรงเรียนนายเรืออังกฤษ ต่อจากนั้นศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยทหารเรือ โรงเรียนปืนใหญ่ และโรงเรียนตอร์ปิโด รวมเวลาศึกษาในราชนาวีอังกฤษหกปีเศษ ได้รับยศเป็นเรือเอก
"ทรงมุ่งมั่นที่จะรักษาอธิปไตยของชาติจากองค์ความรู้ที่ท่านเรียนรู้เเละฝึกฝนมาเป็นอย่างดี"
พ.ศ. 2443
ทรงเสด็จกลับสยาม รับพระราชทานยศเป็นนายเรือโท และพระอิสริยยศเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการกรมทหารเรือ และเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ทรงฝึกสอนเหล่าทหารเรือให้มีความรู้ความสามารถเเละกล้าหาญ ตามความมุ่งมั่นตั้งพระทัยที่พระองค์ต้องการให้นายทหารเหล่านี้เติบใหญ่ขึ้นมาในการรักษาอธิปไตยของเเผ่นดินในกาลข้างหน้าสืบไป
20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2449
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานเขตพระราชวังเดิมในสมเด็จพระเจ้าตากสินให้เป็นโรงเรียนนายเรือ เพื่อเป็นรากฐานให้กองทัพเรือซึ่งพระราชโอรสทรงทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในกาลครั้งนั้น
โดยทรงมีพระราชหัตถเลขาว่า
“...ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจที่ได้เหนการทหารเรือมีรากหยั่งลงแล้ว จะเปนที่มั่นสืบไปในภายน่า"
ทรงมีพระเมตตาเเละเป็นกันเองกับผู้ใต้บังคับบัญชาเเละคนทั่วไปเป็นอย่างมาก มีเรื่องเล่าตำนาน สนุกๆ เกี่ยวกับพระองค์ท่านหลายๆเรื่อง เช่น
"ทรงไปเป็นเถ้าเเก่สู่ขอเจ้าสาวให้นายทหารเรือของท่านบ้าง"
"ทรงเอาตนเองเป็นเกราะกำบังให้ลูกน้องของท่านในตอนที่ถูกนักเลงหัวไม้รุมตีบ้าง"
ทรงปลอมตัวเข้าไปสืบข่าวของพวกกบฏ ที่คอยจะหาทางปั่นป่วนบ้านเมืองตามเเหล่งอโคจรต่างๆ ในสมัยนั้นที่พวกโจรมันจะชอบรวมตัวกันบ้าง เพื่อจะได้สกัดเเผนร้ายของพวกมันได้ทันท่วงที จนมีคนเอาเรื่องไปรายงานสมเด็จพระราชบิดาของท่านว่าลูกชายของท่านทำตัวไม่เหมาะสม
เเต่ด้วยพระราชวินิจฉัยของ สมเด็จพระปิยมหาราช ท่านไม่ใช่คนหูเบาเชื่อข่าวลือหรืออะไรใครง่ายๆ ทรงต้องการไปตรวจสอบด้วยตัวพระองค์เอง ท่านปลอมตัวไปบริเวณเเหล่งอโคจรด้วยตัวพระองค์เอง เพื่อต้องการจะสืบรู้ให้เห็นกับตา เมื่อทรงมาดักเจอก็ทรงพบพระราชโอรสหนุ่ม
" อาภากรณ์ เป็นอย่างที่เค้าว่ากันจริงๆด้วย"
พระราชโอรส ทรงรีบก้มลงกราบพระราชบิดา เเละถวายรายงานข้อมูลต่างๆที่ได้ทรงสืบมาเเละเหตุจำเป็นในการเข้ามาในที่เเหล่งอโคจรนี้
พระราชบิดารู้ซึ้งในน้ำใจความรักบ้านรักเเผ่นดินของพระราชโอรสพระองค์นี้เป็นอย่างดีที่สุด ทรงไม่มีข้อสงสัยในคำตอบของพระราชโอรสพระองค์นี้
"อย่างงี้นี้เองรึ ขอบใจเจ้ามาก เรากลับบ้านกันเถอะ"
สองพ่อลูกนั่งคุยกันระหว่างทางในเรื่องต่างๆทั้งเรื่องบ้านเมืองเเละส่วนพระองค์ระหว่างทางเสด็จดำเนินกลับ
พ.ศ. 2454
ทรงให้ถูกออกจากราชการ เกิดความบาดหมางระหว่างรัชกาลที่ 6 กับกรมหมื่นชุมพรฯ ประกอบกับช่วงเวลานั้นเกิดเหตุทหารเรือนายหนึ่งเมาสุราในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ตำบลบ้านหม้อ แล้วทะเลาะวิวาทกับมหาดเล็กหลวงจนเรื่องล่วงรู้ไปถึงพระกรรณ รัชกาลที่ 6 ทรงพระพิโรธ ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาตอนหนึ่งว่า
“ปรากฏชัดว่าได้ฝึกสอนนักเรียนนายเรือในหนทางไม่ดี ทำให้มีจิตร์ฟุ้งสร้านจนนับว่าเสื่อมเสียวินัย และนายของทหารสมควรลงโทษเป็นตัวอย่าง”
ทรงยอมออกจากราชการเเต่โดยดี ไม่มีปริปากบ่นเเต่ประการใด เพราะท่านต้องการรับผิดชอบเเทนพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง ทรงเป็นเจ้านายองค์เเรกที่ยอมรับผิดเเทนผู้น้อยอย่างเเท้จริง
ภายหลังออกจากราชการทหารเรือ พระองค์ท่านก็ใช้เวลาในการศึกษาการเเพทย์ตำรับตำรายาต่างๆ เเละตระเวณเที่ยวรักษาผู้คนเจ็บป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยส่วนมากเป็นคนจนยากไร้เสียเป็นส่วนมาก ทรงไม่ได้ออกตัวเเก่ผู้ใดว่าพระองค์คือใครมาจากไหน เเต่พระนามของพระองค์ท่านนั้นถูกผู้คนเรียกขานต่อกันมาว่า "หมอพร"
1 สิงหาคม 2460
6 ปีผ่านไป สงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้อุบัติขึ้น
สยามประกาศสงครามกับเยอรมนี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กรมหมื่นชุมพรฯกลับไปรับราชการกองทัพเรืออีกครั้ง ดำรงตำแหน่งจเรทหารเรือและหนึ่งปีต่อมาทรงดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ
พ.ศ. 2462
ทรงเดินทางไปจัดหาซื้อเรือที่อังกฤษ ชื่อ เรือหลวงเรเดียนท์
เรือลำนี้ได้รับพระราชทานนามว่า "เรือรบหลวงพระร่วง"
กรมหมื่นชุมพรฯเป็นผู้บังคับการเรือ นำเรือรบหลวงพระร่วงข้ามทวีปจากประเทศอังกฤษ มาถึงกรุงเทพฯ
พ.ศ. 2463
"กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ทรงได้รับเลื่อนเป็นกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์"
ตั้งแต่เกิดความขัดแย้งกับชาติมหาอำนาจตะวันตกในรัชสมัยรัชกาลที่ 4-5 กรมหลวงชุมพรฯทรงเห็นว่ากองทัพเรือต้องพร้อมรับศึกแห่งกระแสล่าอาณานิคม สยามจำเป็นต้องมีฐานทัพเรือที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกันตัวเอง
ทรงสำรวจไปทั่ว และพบว่าพื้นที่อำเภอสัตหีบเป็นอ่าวน้ำลึกขนาดใหญ่ ปกป้องด้วยเกาะแก่งบังคลื่นลม เหมาะต่อการฝึกซ้อมยิงตอร์ปิโด อีกทั้งตำแหน่งที่จะวางฐานทัพเรือมิดชิด เรือภายนอกที่แล่นผ่านไม่สามารถมองเห็นฐานทัพได้
พ.ศ. 2465
จึงได้ทูลเกล้าฯขอพระราชทานที่ดินในอำเภอสัตหีบ เพื่อสร้างเป็นฐานทัพเรือ เป็นจุดกำเนิดของฐานทัพเรือสัตหีบ
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์เป็นผู้วางรากฐานกองทัพเรือ และพัฒนากองทัพเรือตามแบบตะวันตก
พ.ศ. 2466
ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ต่อจากจอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
19 พฤษภาคม พ.ศ. 2466
ทรงขอออกจากราชการด้วยปัญหาสุขภาพเเละทรงสิ้นพระชนม์อย่างสงบด้วยวัย 42 ชันษา เเต่จิตวิญญาณเเห่งความเข้มเเข็งเเละเมตตาของพระองค์ท่านยังคงสถิตอยู่ในเเผ่นดินสยามสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

โรคมะเร็ง 10 ชนิดที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงและมักพบที่อายุเท่าไหร่กัน1. มะเร็งปอดอายุที่พบ: 50 ปีขึ้นไปพ...
24/06/2024

โรคมะเร็ง 10 ชนิดที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงและมักพบที่อายุเท่าไหร่กัน
1. มะเร็งปอด
อายุที่พบ: 50 ปีขึ้นไป

พฤติกรรมเสี่ยง: การสูบบุหรี่, การสัมผัสฝุ่นละออง PM2.5, มลพิษทางอากาศ, การทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมบางประเภท

2. มะเร็งต่อมลูกหมาก
อายุที่พบ: 50 ปีขึ้นไป

พฤติกรรมเสี่ยง: พันธุกรรม, อาหารไขมันสูง, ฮอร์โมนเพศชาย

3. มะเร็งหลอดอาหาร
อายุที่พบ: 50 ปีขึ้นไป

พฤติกรรมเสี่ยง: การดื่มแอลกอฮอล์, การสูบบุหรี่, การกินอาหารร้อนจัด, อาหารหมักดอง, อาหารรมควัน

4. มะเร็งปากมดลูก
อายุที่พบ: 30 ปีขึ้นไป

พฤติกรรมเสี่ยง: การติดเชื้อไวรัส HPV, การมีเพศสัมพันธ์หลายคน, การมีบุตรหลายคน, การสูบบุหรี่

5. มะเร็งกระเพาะอาหาร
อายุที่พบ: 50 ปีขึ้นไป

พฤติกรรมเสี่ยง: การกินอาหารเค็มจัด, อาหารรมควัน, อาหารหมักดอง, การดื่มแอลกอฮอล์, การสูบบุหรี่

6. มะเร็งตับ
อายุที่พบ: 40 ปีขึ้นไป

พฤติกรรมเสี่ยง: การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B และ C, การดื่มแอลกอฮอล์, อาหารไขมันสูง, ภาวะอ้วน

7. มะเร็งลำไส้ใหญ่
อายุที่พบ: 50 ปีขึ้นไป

พฤติกรรมเสี่ยง: อาหารไขมันสูง, เนื้อแดงแปรรูป, ใยอาหารต่ำ, ภาวะอ้วน, พันธุกรรม

8. มะเร็งเต้านม
อายุที่พบ: 30 ปีขึ้นไป

พฤติกรรมเสี่ยง: พันธุกรรม, ฮอร์โมนเพศหญิง, ประจำเดือนเร็ว, หมดประจำเดือนช้า, ภาวะอ้วน, การดื่มแอลกอฮอล์

9. มะเร็งเม็ดเลือด
อายุที่พบ: ทุกวัย

พฤติกรรมเสี่ยง: สัมผัสสารเคมีบางชนิด, รังสี, พันธุกรรม

10. มะเร็งกระดูก
อายุที่พบ: ทุกวัย

พฤติกรรมเสี่ยง: พันธุกรรม, รังสี, ภาวะกระดูกพรุน



จากที่กล่าวมาข้างต้น เรามาค้นพบความเสี่ยงแล้ว อายุเท่าไหร่ถึงจะเสี่ยง ซึ่งส่วนมากขอให้เผื่อไว้เสมอว่า โรคมะเร็งจริงๆแล้วตัวโรคนั้นไม่ค่อยเลือกอายุเท่าไหร่ ทุกเพศ ทุกวัยสามารถมีโอกาสเกิดได้ทั้งสิ้น แต่ในอายุที่พบส่วนมากนั้นจะเป็นการคัดกรองเบื้องต้นว่า อายุประมาณนี้ ควรเริ่มตรวจคัดกรองแบบเฉพาะเจาะจงได้แล้ว เนื่องจากเริ่มมีความเสี่ยงจากสุขภาพร่างกาย และระยะเวลาที่มักพบบ่อยของโรคเท่านั้นเอง

และหลังจากเราพบจุดเสี่ยงแล้ว ในทางการรักษา ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่บ้าง เพื่อที่จะทำการรักษาพยาบาลกับโรคมะเร็งที่กล่าวมาข้างต้น



ราคาค่ารักษาเบื้องต้นของ 10 โรคมะเร็งร้าย
มะเร็งปอด: 50,000 - 300,000 บาท

มะเร็งต่อมลูกหมาก: 50,000 - 200,000 บาท

มะเร็งหลอดอาหาร: 50,000 - 200,000 บาท

มะเร็งปากมดลูก: 20,000 - 100,000 บาท

มะเร็งกระเพาะอาหาร: 50,000 - 200,000 บาท

มะเร็งตับ: 100,000 - 500,000 บาท

มะเร็งลำไส้ใหญ่: 50,000 - 200,000 บาท

มะเร็งเต้านม: 50,000 - 200,000 บาท

มะเร็งเม็ดเลือด: 100,000 - 500,000 บาท

มะเร็งกระดูก: 50,000 - 200,000 บาท



และระยะเวลาเฉลี่ยในการรักษามะเร็งแต่ละชนิด
มะเร็งปอด: ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6-12 เดือน

มะเร็งต่อมลูกหมาก: ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-6 เดือน

มะเร็งหลอดอาหาร: ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6-12 เดือน

มะเร็งปากมดลูก: ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-6 เดือน

มะเร็งกระเพาะอาหาร: ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6-12 เดือน

มะเร็งตับ: ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-12 เดือน

มะเร็งลำไส้ใหญ่: ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6-12 เดือน

มะเร็งเต้านม: ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6-12 เดือน

มะเร็งเม็ดเลือด: ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6-12 เดือน

มะเร็งกระดูก: ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6-12 เดือน

โดยข้อมูลดังกล่าวนี้เป็นเพียงข้อมูลเฉลี่ยเท่านั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ละท่านจะมีปัจจัยที่แตกต่างกัน ทั้งในแง่ระยะของมะเร็ง พื้นที่ของมะเร็ง และสุขภาพของผู้ป่วยด้วย หากเป็นการรักษาด้วยการรักษาทางเลือก หรือยามุ่งเป้า ก็จะมีโอกาสหายและผลข้างเคียงที่น้อยกว่า ทำให้พักฟิ้นได้เร็วมากขึ้น แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นตามมาด้วยนั้นเอง เนื่องจากสิทธิการรักษาพื้นฐานอาจจะไม่ครอบคลุมการรักษาทางเลือกมากนัก

จากค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและระยะเวลาในการพักฟื้นค่อนข้างนาน หากเราเกิดเป็นอะไรขึ้นมา และต้องเป็นคนที่ออกค่าใช้จ่ายเองอีกด้วยนั้น คงไม่ดีนัก การทำประกันสุขภาพ หรือประกันโรคมะเร็ง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเป็นหลักประกัน ในค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตได้อีกทางหนึ่งอีกด้วย

Ref

1. https://www.bkkcs.com/

2. https://www.nci.go.th/th/New_web/index.html

รองผู้อำนวยการด้านการพยาบาล สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมหลักสูตร..

22/06/2024

ทหารทั้ง 4 ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่อยู่ในธนบัตรใบละ 20 บาท คือใคร
ธนบัตรราคา 20 บาท เป็นภาพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประดิษฐาน ณ สวนสาธารณะทุ่งนาเชย อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ทรงม้าศึกพร้อมทหารคู่พระทัยทั้งสี่ ซึ่งหลายคนคงอยากจะทราบว่า 4 ทหารคือใคร ซึ่งเขาคือ พระเชียงเงิน หลวงพิชัยอาสา หลวงราชเสนา และหลวงพรหมเสนา
"มือซ้ายถือดาบอยู่ในฝักดาบ มือขวาชี้ไปข้างหน้า" คือ หลวงพิชัยอาสา (พระยาพิชัยดาบหัก)
"แบมือ ไม่ถือดาบ" คือ พระเชียงเงิน (พระยาสุโขทัย)
"มือขวาถือปืน แอบอยู่ข้างอาชา" คือ หลวงราชเสน่หา (กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท)
"ชักดาบเตรียมสู้ เหลียวระวังหลัง" คือ หลวงพรหมเสนา
๑.หลวงราชเสน่หา (กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท)
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท หรือ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระนามเดิม บุญมา เป็นพระราชอนุชาร่วมพระราชชนกชนนีกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ มีพระนามเดิมว่า "บุญมา" ต่อมาได้ทรงรับราชการในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสุริยามรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) ตำแหน่ง นายสุจินดาหุ้มแพร (ได้รู้จักกับพระยาตากมาก่อน เมื่อครั้นรับราชการอยู่นั้น) เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาใกล้จะเสียกรุงแก่พม่า นายสุจินดากับเพื่อน ๆ ได้ลอบหนีออกจากเมือง ได้มาอาศัยอยู่กับพี่สาวที่บางกอก (คงจะเมื่อกรุงแตกแล้วหรือใกล้จะแตกแล้ว) และได้ข่าวเกี่ยวกับพระยาตากไปตั้งตัวที่จันทบูร มีกำลังมากจะยกทัพมาตีอยุธยาคืน นายสุดจินดาหุ้มแพรได้ฝากภรรยาและทรัพย์สมบัติไว้กับพี่สาว แล้วพาพรรคพวกบางคนเดินทางไปจันทบูรทางบกโดยผ่านบางปลาสร้อย พระเจ้าตากได้รับนายบุญมาเข้าไว้เป็นพรรคพวก
ด้วยความสามารถส่วนตัวของนายบุญมาเด่นมาก จนทำให้ได้รับความไว้วางพระทัยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และไปสมัครรับราชการอยู่กับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระมหามนตรี เจ้ากรมพระตำรวจในขวา พระเกียรติคุณแห่งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคลนั้นนับว่าเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งสิบทิศ พระองค์ได้ทรงร่วมศึกสงครามขับไล่อริราชศัตรูปกป้องพระราชอาณาจักรตลอดพระชนมชีพของพระองค์ ได้เสด็จไปในการพระราชสงครามทั้งทางบก และทางเรือ ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ถึง ๑๖ ครั้ง และในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ต่อมาอีกหลายครั้ง
๒.หลวงพิชัยอาสา (พระยาพิชัยดาบหัก)
พระยาพิชัยดาบหัก ขุนนางในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในชั้นเชิงการต่อสู้ ทั้งมือเปล่าแบบมวยไทย และอาวุธแบบกระบี่ กระบอง เดิมชื่อ จ้อย เกิดที่บ้าน ห้วยคา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๘๔ ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ศึกษาอยู่กับท่านพระครูวัดมหาธาตุหรือวัดใหญ่ เมืองพิชัย ภายหลัง จ้อยได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นทองดี หรือ ทองดีฟันขาว มีความสามารถทั้งทางเชิงมวยและเชิงดาบ
จากนั้นได้เข้ารับราชการกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาตาก ต่อมานายทองดีได้รับแต่งตั้งเป็นองครักษ์มีบรรดาศักดิ์เป็น "หลวงพิชัยอาสา" เมื่อรับราชการมีความดีความชอบจึงได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าหมื่นไวยวรนาถ พระยาสีหราชเดโช และพระยาพิชัย ผู้สำเร็จราชการครองเมืองพิชัย ซึ่งรับพระราชทานเครื่องยศเสมอเจ้าพระยาสุรสีห์ ตามลำดับ ภายหลังข้าศึกยกทัพมาตีเมืองพิชัย ๒ ครั้ง ในการรบครั้งที่ ๒ พระยาพิชัยถือดาบสองมือออกต่อสู้จนดาบหักไปข้างหนึ่ง และรักษาเมืองไว้ได้ ดังนั้นจึงไดัรับสมญานามว่า "พระยาพิชัยดาบหัก"
พระยาพิชัยดาบหัก ได้สร้างวีรกรรมอันควรเป็นเยี่ยงอย่าง อันควรแก่การยกย่องสรรเสริญให้สืบทอดมาถึงปัจจุบันได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความกตัญญูกตเวที ความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดกล้าหาญ รวมถึงความรักชาติ ต้องการให้ชาติเจริญรุ่งเรืองมั่นคงต่อไป
๓.พระยาเชียงเงิน
พระยาเชียงเงิน หรือพระยาท้ายน้ำ เดิมเป็นเจ้าเมืองเชียงเงิน หัวเมืองชั้นจัตวาขึ้นกับเมืองระแหง (ในพระราชพงศาวดารกล่าวชัดเจนซึ่งแย้งกับบางแหล่งข้อมูลว่า หลวงพรหมเสนามีเชื้อสายจีน) เข้ามาสวามิภักดิ์กับพระยาตาก และร่วมรบตั้งแต่ครั้งตีฝ่าทัพพม่าออกมาจนถึงจันทบุรี พระเชียงเงินไม่มีชื่อเสียงในด้านการทัพเป็นพิเศษ และออกจะอ่อนแอในบางครั้งด้วยซ้ำ จนเกือบจะถูกประหารชีวิตไปแล้ว แต่ก็เป็นข้าราชบริพารที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงพระเมตตาเป็นพิเศษ และเป็นเจ้าเมืองคนหนึ่งที่โปรดปรานให้มาเฝ้าเพื่อทรงสั่งสอน "วิธีการ" ต่อสู้กับข้าศึก
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า ในคราวที่ทรงต่อสู้กับอริราชศัตรูที่เมืองระยองนั้น ได้มีบันทึกว่า "พระยาเชียงเงิน" เป็น "พระยาท้ายน้ำ" ครั้นเมื่อปราบปรามก๊กต่างๆ ทางเมืองเหนือได้ราบคาบแล้ว ทรงมีพระกรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้พระยาท้ายน้ำรั้งเมืองสุโขทัย ท่านเป็นทหารหาญคนสนิทที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยยิ่ง
๔.หลวงพรหมเสนา (เจ้าพระยานครสวรรค์)
หลวงพรหมเสนา เกิดเมื่อวันอังคาร เดือน ๖ ปีมะโรง พุทธศักราช ๒๒๗๙ ณ บ้านเชียงของ (ปัจจุบันคือบ้านเชียงทอง) จ.ตาก บิดาท่านสืบเชื้อสายมาจากเมืองเชียงของ หลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มารดาท่านเป็นญาติใกล้ชิดกับพระเชียงเงิน (ธงชัย) ท่านได้ไปเติบโตที่ฝั่งลาว และได้กลับมาเป็นเจ้าคุ้มเชียงทอง ท่านจึงมีอีกนามหนึ่งว่า "เจ้าฟ้าเชียงทอง" และคุ้มของท่านอยู่บานเนินเขาเตี้ยๆ ริมฝั่งแม่น้ำปิง (ปัจจุบันคือวัดเชียงทอง จ.ตาก) จากนั้นท่านได้ติดตามสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมาเป็นทหารเอกคู่พระทัย อาทิ พระเชียงเงิน (ธงชัย) หลวงพิชัยอาสา (จ้อย) หลวงราชเสน่หา
ต่อมาได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระพรมเสนา,พระยาอนุรักษ์ภูธร และพระยานครสวรรค์ ตามลำดับ ท่านได้รับความไว้วางใจเป็นพิเศษจากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีคนหนึ่ง จนได้รับพระราชอาญาสิทธิ์ให้ลงโทษผู้ย่อหย่อน ในการศึกได้ถึงตัดศีรษะ ในคราวศึกบางแก้ว ก่อนที่พระยานครสวรรค์จะไปช่วยหนุนพระยาธิเบศบดีนั้นได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระ เจ้ากรุงธนบุรีพระองค์ได้ทรงมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้ลงโทษตัดศรีษะทหารผู่ย่อหย่อนในการศึกได้และให้พรแก่พระยานครสวรรค์และทหาร ว่า "ชะยะตุภวัง สัพพะศัตรูวินาสสันติ" อันเป็นที่มาของคาถาบูชาสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีในปัจจุบันคือ "ชะยะตุภะวัง สัพพะศัตรูวินาสสันติ"
ขอสดุดีวีรกรรมของวีรบุรุษ ที่ท่านเป็นบุคคลสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทยในการปกปักษ์รักษาสยามประเทศไว้ ณ ที่นี้

16/06/2024
15/06/2024
04/06/2024

รายชื่อ Black List บริษัทประกัน ( รถยนต์ )

สำหรับผู้ที่จะถอยป้ายแดงทั้งหลาย รวมทั้งที่ถอยแล้วมาป้ายไม่แดงแล้ว

รายชื่อ Black List บริษัทประกัน ( รถยนต์) ข้อมูลจากบริษัท ทิสโก้ รู้ไว้ก็ดีนะ

จากนสพ.ผู้จัดการ

บ.ประกันดังกล่าวคือ

อันดับที่ 1. ลิเบอร์ตี้ประกันภัย มี ดร.พาชื่น รอดโพธิ์ทอง และพ.ต.ท.พงษ์ชัย วราชิต ถือหุ้นใหญ่

อันดับที่ 2. มิตรแท้ประกันภัย ( ไทยประสิทธิ์เดิม )

อันดับที่ 3. บ.สัมพันธ์ประกันภัย นายศรีศักดิ์ ณ นคร ถือหุ้นใหญ่

บ.ทั้ง 3 ข้างต้น อู่ต่างๆ ส่ายหน้าหนี ไม่รับรถเข้าซ่อมเพราะเบี้ยวค่าซ่อมหลายร้อยล้านบาท โดยลิเบอร์ตี้เป็นสุดยอดแห่งการเบี้ยว

ยังมีบ.ประกันภัยที่อยู่ในข่ายจะโดนอู่ต่าง ๆ ขึ้นบัญชีดำอีกคือ

อันดับที่ 4. บ.อาคเนย์ประกันภัย เพราะถึงแม้จะไม่ชักดาบแต่จะใช้วิธี 'HairCut ' คือจะต่อรองกับอู่ว่าจะจ่ายให้น้อยกว่าค่าซ่อมที่ค้างไว้ ซึ่งอู่ต่างๆ หลายแห่งก็ต้องยอม เพราะไม่อยากยุ่งยากเรื่องฟ้องร้อง

ยังมีอีกประเภท คือ จ่ายค่าซ่อมช้ามาก บางที่เป็นปีถึงจะชำระให้'ได้แก่

อันดับที่ 5. พัชรประกันภัย

และอันดับที่ 6. เอราวัณประกันภัย

อันดับที่ 7. พาณิชยการประกันภัย บริษัทนี้คนที่เรารู้จักเพิ่งโดนสดๆร้อน รถชนมา 4 เดือนแล้วยังไม่ได้เริ่มแตะเลย เนื่องจากว่าไม่มีเงินจ่าย ให้อู่ซ่อม พูดง่ายๆว่าจะเจ๊งแล้ว

ข้อมูลข้างบนนี้คงมีประโยชน์กับท่านที่กำลังมองหา บ.ประกันจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง เพราะจ่ายเบี้ยประกันแล้ว ใครๆ ก็อยากได้รับบริการที่ดี ไม่มีตุกติก

และก็เพิ่งมีรายล่าสุดก็คือ
อันดับ8 บ.สินทรัพย์ประกันภัย อยู่ในอาการง่อนแง่น

31/05/2024
31/05/2024

ที่อยู่

Maha Chai

เบอร์โทรศัพท์

+66926525299

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ชิซุกะโตเกียวมารีน: ประกันทุกรูปแบบผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ชิซุกะโตเกียวมารีน: ประกันทุกรูปแบบ:

แชร์