คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้บริการด้านสุขภาพด้านการแพทย์แผนไทยประยุกต์

โรคลมพิษ คืออะไร ?        โรคลมพิษ (urticaria) โรคที่ผิวหนังมีอาการเป็น ผื่น หรือนูนแดง ไม่มีขุย มีหลายขนาดตั้งแต่ 0.5-1...
29/07/2025

โรคลมพิษ คืออะไร ?
โรคลมพิษ (urticaria) โรคที่ผิวหนังมีอาการเป็น ผื่น หรือนูนแดง ไม่มีขุย มีหลายขนาดตั้งแต่ 0.5-10 เซนติเมตร ทำให้มีอาการคัน ผื่นจะเกิดขึ้นเร็วและกระจายตามลำตัว แขน ขา แต่จะอยู่ไม่นานระยะเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง แต่เมื่อหายแล้วอาจมีผื่นใหม่ขึ้นที่อื่น ๆ ได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีริมฝีปากบวม ปวดท้อง แน่นจมูก หายใจไม่สะดวก ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการหืด หรือเป็นลม เกิดจากความดันเลือดต่ำได้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ – โรคลมพิษช่วงอากาศเปลี่ยน

ชนิดของโรคลมพิษ แบ่งได้ 2 ชนิด คือ
👉🏻ชนิดเฉียบพลัน มีอาการต่อเนื่องไม่เกิน 6 สัปดาห์ สาเหตุเกิดจากการแพ้อาหาร แพ้ยา แมลงกัดต่อย หรือการติดเชื้อบางชนิด บางรายอาจมีอาการที่อวัยวะอื่น เช่น แน่นหน้าอก แน่นจมูก ปวดท้อง ความดันต่ำ บริเวณริมฝีปากและตาบวม
👉🏻ชนิดเรื้อรัง มีอาการแบบเป็น ๆ หาย ๆ อย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องกันนานเกิน 6 สัปดาห์ ซึ่งมีทั้งชนิดที่มีสาเหตุกระตุ้น เช่น การติดเชื้อเรื้อรัง ยา ระบบฮอร์โมน หรือเกิดจากปัจจัยทางกายภาพ เช่น ความเย็น การกดทับ และชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน เกิดจากความแปรปรวนภายในร่างกาย

ผื่นแบบไหนที่เรียกว่าลมพิษ?
ลักษณะเป็นผื่นบวม นูน แดง กระจายตามลำตัว แขน ขา หรือใบหน้า มีอาการคันโดยทั่วไป ผื่นจะค่อย ๆ ยุบลงภายใน 24 ชั่วโมง แต่สักพักก็กลับมาขึ้นใหม่ บางรายเกิดที่บริเวณเนื้ออ่อน เช่น ริมฝีปากหรือหนังตา เรียกว่า ภาวะแองจิโออีดีมา (angioedema) อาจเป็นได้นาน 2-3 วัน ถึงจะค่อย ๆ ยุบ และบางรายอาจมีอาการบวมในระบบทางเดินอาหารทำให้รู้สึกปวดแน่นท้องหรือมีอาการในระบบทางเดินหายใจทำให้แน่นจมูก หายใจไม่สะดวก หากมีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

สาเหตุที่ทำให้เกิด โรคลมพิษ ดังนี้
1. แพ้อาหาร เช่น อาหารทะเล สารกันบูดในอาหาร สีผสมอาหาร
2. แพ้ยาบางชนิด เช่น กลุ่มยาแก้ปวด แอสไพริน
3. แพ้ฝุ่น ละอองเกสร หรือขนสัตว์
4. การติดเชื้อ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา พยาธิ
5. แพ้แสงแดด ความร้อน ความเย็น หรือเหงื่อ (เช่น เหงื่อหลังจากออกกำลังกาย) การสัมผัสน้ำ อุณหภูมิในร่างกายสูง หรือรอยขีดข่วนที่เกิดขึ้นกับผิวหนัง
6. สารทึบรังสี (contrast media) ที่ใช้ในการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
7. ผิวหนังสัมผัสสารเคมีหรือยาบางชนิด เช่น ยาทาแก้อักเสบ
8. การให้เลือดหรือผลิตภัณฑ์จากเลือด
9. ภาวะแพ้ภูมิตัวเอง ผื่นอาจเกิดจากโปรตีนในเลือดของผู้ป่วยเองที่ไปกระตุ้นเซลล์อักเสบให้หลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการของลมพิษขึ้น
10. การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
11. แพ้พิษจากแมลงกัดต่อย
12. พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ
13. ภาวะเครียด วิตกกังวล

อาหารที่คนเป็นลมพิษควรหลีกเลี่ยง
1. ผัก เช่น ผักปวยเล้ง มะเขือเทศ พืชตระกูลถั่ว
2. เนื้อสัตว์แช่แข็งไว้เป็นเวลานาน เช่น ปลา หอย
3. อาหารกระป๋องและอาหารรมควันต่าง ๆ เช่น ปลากระป๋อง ไส้กรอก
4. ชีส โยเกิร์ต อาหารหมักดอง ชาสมุนไพร ไข่
5. อาหารจานด่วน เช่น ไก่ทอด ฮอตดอก ชีสเบอร์เกอร์ น้ำอัดลม เฟรนช์ฟรายส์ พิซซ่า
6. เครื่องปรุงรส เช่น พริกป่น อบเชย กานพลู น้ำส้มสายชู
7. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
8.วัตถุเจือปนในอาหาร เช่น สารกันบูด

วิธีรักษาลมพิษด้วยตัวเอง
✅ไม่เกาบริเวณที่เป็น ผื่น ลมพิษ เพราะจะทำให้เป็นแผลติดเชื้อ
✅ใช้ยาต้านฮีสตามีนหรือยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ง่วงเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง
✅ทาครีมหรือโลชั่นแป้งที่มีส่วนผสมของเมนทอล เช่น คาลาไมน์
✅ไม่อาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน เพราะจะทำให้ผิวแห้ง
✅ประคบด้วยน้ำเย็น น้ำแข็ง หรือเจลเก็บความเย็น (cold pack)
✅งดใช้สบู่ ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอาง และน้ำหอมที่มีสารเคมีรุนแรง
✅กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ
✅ลดความเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ

สมุนไพรรักษาโรคลมพิษ อาการคัน
​• ไพล - ทำให้ผิวไม่คัน เอาเหง้าไพลไปตำหรือบดละเอียด ผสมกับน้ำจะช่วยให้ผิวที่คันคะเยอปวดแสบปวดร้อนหายไป
• ขมิ้นชัน - สวยเนียน เมื่อทาผิว เอาขมิ้นชันสดๆ มาล้าง ตำให้ละเอียด แล้วเอามาทาแผล ก็จะช่วยให้ผิวหายคันและเนียนสวยอีกด้วย
• พลู - ทาแก้คัน เอาพลู 3-4 ใบ ตำจนได้น้ำออกมา เติมเหล้าขาวลงไปนิดหน่อย จากนั้นก็กรองเอาน้ำไปทาแผล อาการคันก็จะหายไปเป็นปลิดทิ้ง
• ใบกะเพรา - จัดการตุ่มและรักษาหนอง เอาใบกะเพราะสดมาขยี้แรงๆ จนละเอียด แล้วทาตรงบริเวณจุดแผลที่คันก็จะหายไป แถมยังไม่มีตุ่มคันบวมหรือหนองขึ้นด้วย

ข้อมูล พท.ป.สุพรรณิการ์ วงษ์วิลา
เรียบเรียง พท.ป.ศศิกานต์ จันทเดช
แหล่งที่มา : อ. พญ.สัญชวัล วิทยากรฤกษ์ สาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้ป่วยนอกเด็กและวัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. โรคลมพิษ ผื่นแดงบนผิวหนังอันตรายกว่าที่คิด. จาก https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/โรคลมพิษ-ผื่นแดงบนผิวหน/

#โรคลมพิษ #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกเวชกรรมแพทย์แผนไทยประยุกต์ #โรงพยาบาลสุทธาเวช

สมุนไพรรักษาน้ำกัดเท้า   นํ้ากัดเท้า มักเป็นกันบ่อยในช่วงที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งนอกจากยารักษาโรคแล้ว ยังมีสมุนไพรรักษาโรคน้...
23/07/2025

สมุนไพรรักษาน้ำกัดเท้า
นํ้ากัดเท้า มักเป็นกันบ่อยในช่วงที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งนอกจากยารักษาโรคแล้ว ยังมีสมุนไพรรักษาโรคน้ำกัดเท้าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้วย ได้แก่
✅ทองพันชั่ง มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา เนื่องจากพบสาร Diospyrol สารที่มีฤทธิ์รักษาเชื้อรา รักษากลาก เกลื้อน และต้านอาการผิวหนังอักเสบ โดยใช้ใบทองพันชั่งประมาณ 1 กำมือตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหรือทาบริเวณที่เป็น วันละ 3-4 ครั้ง ติดต่อกันทุกวัน จนกว่าแผลจะหาย
✅ข่าแก่ มีฤทธิ์เชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคน้ำกัดเท้าได้ ข่ายังมีฤทธิ์ ในการรักษากลาก เกลื้อน และแก้ลมพิษได้ด้วย โดยใช้เหง้าข่าแก่เท่าหัวแม่มือตำให้ละเอียด แล้วผสมเหล้าโรงจนเข้ากันดี จากนั้นนำมาเป็นยาสำหรับทาแผลน้ำกัดเท้าหลาย ๆ ครั้งจนกว่าอาการจะทุเลาลง
✅ใบพลู มีน้ำมันหอมระเหย ที่เรียกว่า Betel oil ที่มีสรรพคุณยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบนผิวหนัง เป็นสมุนไพรรักษาโรคมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยนำใบพลูมาล้างสะอาด แล้วตำใบพลูผสมกับเหล้าขาว หรือแอลกอฮอล์ ใช้ทาแก้อาการคัน ลมพิษ หรือคั้นน้ำใบพลู มารักษาโรคกลาก เกลื้อน ฝี หนอง สิว และแผลอักเสบต่างๆ

เพื่อป้องกันการเกิดโรคผิวหนังและโรคน้ำกัดเท้า ในช่วงฤดูฝน ในกรณีถ้ามีความจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ หรือ แช่เท้าในน้ำเป็นเวลานานๆ ควรสวมรองเท้าบูธ และดูแลความสะอาดของเท้าอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะง่ามนิ้วเท้า ระวังอย่าให้เกิดการอับชื้น ควรสวมถุงเท้าที่สะอาดและไม่อับ

ข้อมูล พท.ป.ปฏิคม พาสว่าง
เรียบเรียง พท.ป.ศศิกานต์ จันทเดช
แหล่งที่มา : สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
น้ำกัดเท้า โรคที่มาพร้อมกับน้ำท่วม.คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.จาก https://www.med.cmu.ac.th/web/news-event/news/pr-news/10066/

#น้ํากัดเท้า #คลินิกเวชกรรมแพทย์แผนไทยประยุกต์ #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #โรงพยาบาลสุทธาเวช

โรคน้ำกัดเท้า 🌧️👣     เป็นอาการที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งก่อให้เกิดความอับชื้นบ...
21/07/2025

โรคน้ำกัดเท้า 🌧️👣
เป็นอาการที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งก่อให้เกิดความอับชื้นบริเวณเท้า ตำแหน่งซอกนิ้วเท้า เนื่องจากมีการเสียดสีและเป็นที่เก็บสะสมของสิ่งสกปรกและความอับชื้น ทำให้เชื้อรามีการเจริญเติบโตได้ดีและติดเชื้อราตามมา

อาการของโรคแบ่งเป็น 3 ระยะคือ
👉🏻ระยะที่ 1 ช่วง 1-3 วันแรก ผิวหนังเปื่อยเมื่อแช่น้ำ แดงคัน แสบ ระคายเคืองและมีการลอกเล็กน้อย
👉🏻ระยะที่ 2 ช่วง 3-10 วัน อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อรา ผิวหนังจะเปื่อยมีรอยฉีกขาด มีอาการแดง บวม ปวดเจ็บ อาจจะมีหนอง หรือน้ำเหลืองซึม
👉🏻ระยะที่ 3 ช่วง 10-20 วัน ถ้าแช่น้ำต่อเนื่อง และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผิวหนังจะเริ่มแดง คันมีขุยขาว เปียก เหม็น ผิวหนังจะเปื่อยเป็นสีขาวเป็นขุย หรือลอกบางเป็นสีแดง

❗️วิธีการป้องกันตัวเองจากโรคน้ำกัดเท้า❗️
✅หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำบ่อย ๆ หากต้องแช่น้ำเป็นเวลานานหรือเดินย่ำน้ำ ควรสวมรองเท้าที่กันน้ำได้
✅รีบเช็ดเท้าให้แห้งทุกครั้งหลังเท้าเปียก โดยเฉพาะตามซอกนิ้วเท้า และหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าที่อากาศระบายยาก ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
✅รักษาความสะอาดของเท้าอยู่เสมอ โดยการล้างเท้าและฟอกสบู่ และทาครีมให้ความชุ่มชื้นทุกครั้ง ควรตัดเล็บให้สั้น
✅ในกรณีที่มีเหงื่อออกมากบริเวณฝ่าเท้า อาจใช้แป้งโรยเล็กน้อยหรือยาทาลดเหงื่อ เพื่อให้ช่วยดูดซับเหงื่อส่วนเกิน
✅หากเกิดบาดแผล ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสของแผลกับน้ำขังและรีบรักษาให้หายโดยเร็ว

ข้อมูล พท.ป.ปทุมวรรณ หาญบาง
เรียบเรียง พท.ป.ศศิกานต์ จันทเดช
แหล่งที่มา https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/676/view/
https://doi.nrct.go.th/Article/article/36
https://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_20.htm
https://www.thaihealth.or.th/วิธีป้องกันตัวเองจากโร/

#โรคน้ำกัดเท้า #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกเวชกรรมแพทย์แผนไทยประยุกต์ #โรงพยาบาลสุทธาเวช

📣ขอเรียนเชิญ ผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นิสิตและศิษย์เก่าแพทย์แผนไทยประยุกต์ทุกท่าน ร่วมพิธีไหว้ครูและครอบครูแพทย์แผ...
11/07/2025

📣ขอเรียนเชิญ ผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นิสิตและศิษย์เก่าแพทย์แผนไทยประยุกต์ทุกท่าน ร่วมพิธีไหว้ครูและครอบครูแพทย์แผนไทยประยุกต์ ประจำปีการศึกษา 2568

🗓️ วันเสาร์ ที่ 4 สิงหาคม 2568
🏢ณ ห้องเรียน เรือนสมณะ ชั้น 2 อาคารคณะแพทยศาสตร์ หลังที่ 1 (ตึก 4 ชั้น) คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (เขตพื้นที่ในเมือง)

การลงทะเบียนเข้าร่วมงาน
✅ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ตาม QR CODE ด้านล่าง
ตั้งแต่ วันนี้ ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568
✅ศิษย์เก่าเข้าร่วมพิธีครอบครู ค่าลงทะเบียน 500 บาท / คน
✅ศิษย์เก่าเข้าร่วมพิธีไหว้ครู ค่าลงทะเบียน 300 บาท / คน

ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมจะได้รับ ดังนี้
1. ของที่ระลึกจากนิสิตสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์
2. พานธูปเทียนแพสำหรับผู้เข้าร่วมพิธีครอบครู
3. ดอกไม้สำหรับผู้เข้าร่วมพิธีไหว้ครู
4. อาหารกลางวันและของว่าง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
อ.ดร.พท.ป.ปิยาภรณ์ แสนศิลา โทร.081-3801498
อ.พท.ป.นรากร เส็งเล็ก โทร. 086-9282547

คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ เปิดให้บริการ ณ อาคารผู้ป่วยนอก ชั้น 2 แผนกอายุรกรรม ห้องตรวจ 8 ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวล...
08/07/2025

คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ เปิดให้บริการ ณ อาคารผู้ป่วยนอก ชั้น 2 แผนกอายุรกรรม ห้องตรวจ 8 ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 08.30 - 11.00 น.

#คลินิกเวชกรรมแพทย์แผนไทยประยุกต์
#คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช
#โรงพยาบาลสุทธาเวช

🏥คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์
🔸️ให้บริการตรวจรักษา คลินิกเวชกรรมไทยประยุกต์ คลินิกเข่าเสื่อม คลินิกโรคสตรีวัยทอง คลินิกไมเกรน
#ตรวจรักษาโดยแพทย์แผนไทยประยุกต์
🔹️เปิดให้บริการ
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 11.00 น.
สถานที่ : ห้องตรวจ 8 ชั้น 2 (แผนกอายุรกรรม) อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลสุทธาเวช
☎️สอบถามรายละเอียด โทร. 043-722144 ในวันเวลาราชการ
#คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ #โรงพยาบาลสุทธาเวช

📣ประกาศวันหยุดราชการ ประจำเดือน มิถุนายน 2568 #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกเวชกรรมแพทย์แผนไทยปร...
02/07/2025

📣ประกาศวันหยุดราชการ ประจำเดือน มิถุนายน 2568

#คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช
#คลินิกเวชกรรมแพทย์แผนไทยประยุกต์
#โรงพยาบาลสุทธาเวช

วันที่ 27 เดือนมิถุนายน 2568 แพทย์แผนไทยประยุกต์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ โรงพยาบาลสุทธาเวช ร่วมกันออกเยี่ยมบ้านให้บริการติดตา...
30/06/2025

วันที่ 27 เดือนมิถุนายน 2568 แพทย์แผนไทยประยุกต์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ โรงพยาบาลสุทธาเวช ร่วมกันออกเยี่ยมบ้านให้บริการติดตามผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคไขมันในเลือดสูง และเคยมีโรคประจำตัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ประเภทผู้ป่วยติดบ้าน ซึ่ง ปวดหลังและสะโพกมาก ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลง โดยมีเป้าหมายประเมินสภาพผู้ป่วยทั่วไป ประเมินศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยของผู้ดูแล แนะนำการรับประทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง ทำกายภาพฟื้นฟูกล้ามเนื้อแขนขา และแนะนำให้ไปพบแพทย์ตามนัด
ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง และโรคไต ประเภทโรคเรื้อรัง ซึ่งไตมีปัญหาในการทำงานลดลง โดยมีเป้าหมายประเมินสภาพทั่วไปของผู้ป่วย ประเมินศักยภาพครอบครัวและการดูแลตนเองของผู้ป่วย แนะนำการรับประทานอาหาร รับประทานยา ชะลอไตเสื่อม พูดคุยให้กำลังใจผู้ป่วยและญาติ
แพทย์แผนไทยได้ตรวจประเมินอาการของผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังและสะโพกมาก ทำหัตถการพร้อมประคบร้อน และยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ให้คำแนะนำด้านการปฏิบัติตัวทางการแพทย์แผนไทย

ไข้หวัด (Common Cold)        โรคไข้หวัด คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่ติดต่อกันได้ง่าย เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีมากกว่า 20...
25/06/2025

ไข้หวัด (Common Cold)
โรคไข้หวัด คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่ติดต่อกันได้ง่าย เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีมากกว่า 200 สายพันธุ์ แต่สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดจะเป็นเชื้อไรโนไวรัส โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใหญ่อาจป่วยเป็นไข้หวัด 2-3 ครั้งต่อปี

อาการทางการแพทย์แผนไทย
✅ สะบัดร้อนสะบัดหนาว
✅ ปวดศีรษะมาก ระวิงระไว
✅ ไอ จาม
✅ น้ำมูกตก

👉🏻 สาเหตุโรคไข้หวัด
เชื้อไวรัสชนิดต่าง ๆ นั้นอาจก่อให้เกิดอาการของโรคไข้หวัดได้ แต่ไรโนไวรัสเป็นเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุหลักของโรคไข้หวัดที่พบได้บ่อย เฉพาะไรโนไวรัสชนิดเดียวก็มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ เมื่อติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่ง ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสสายพันธุ์นั้น ๆ แต่ยังมีอีกหลายสายพันธุ์ที่ร่างกายของคนเราไม่มีภูมิคุ้มกัน จึงทำให้เราเป็นไข้หวัดกันได้บ่อย ๆ
1. การสัมผัสโดยตรง
การสัมผัสโดยตรงเป็นวิธีติดเชื้อหลักของโรคไข้หวัด ผู้ป่วยโรคไข้หวัดมักจะมีเชื้อไวรัสปนเปื้อนติดอยู่ที่มือ ซึ่งเชื้อดังกล่าวมีชีวิตอยู่ได้ถึง 2 ชั่วโมง หากไปสัมผัสมือผู้ป่วย แล้วนำมือนั้นมาสัมผัสหน้าของตนเอง เชื้ออาจหลุดเข้าไปในร่างกาย ทำให้ติดเชื้อไข้หวัดได้
2. การสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อ
ไวรัสโรคไข้หวัดสามารถมีชีวิตอยู่พื้นผิว เช่น หน้าเคาน์เตอร์ ลูกบิดประตู หรือโทรศัพท์ ได้นานหลายชั่วโมง หากสัมผัสพื้นผิวดังกล่าวแล้วนำมาสัมผัสตา จมูก หรือปากตนเอง ก็อาจทำให้ติดเชื้อได้
3. การสูดละอองฝอยที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส
ผู้ป่วยอาจจะไอจามละอองฝอยที่มีเชื้อไวรัสออกมาทางอากาศ ผู้ที่อยู่ใกล้อาจสัมผัสละอองฝอยดังกล่าว ทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายทางตา จมูก หรือปาก หากผู้ป่วยปิดปากขณะไอหรือจามก็จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อได้ เชื้อไวรัสโรคไข้หวัดนั้นไม่ติดต่อกันผ่านทางน้ำลาย โรคไข้หวัดจึงไม่ติดต่อกันผ่านการจูบ แต่ถ้าหากอยู่ใกล้ผู้ป่วยก็อาจติดเชื้อจากการสูดละอองฝอยได้ นอกจากนี้โรคไข้หวัดไม่ได้เกิดจากอากาศที่หนาวเย็นแต่เชื้อไวรัสบางชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคอาจจะเติบโตได้ดีในบางฤดู เช่น ฤดูหนาว

การรักษาทางการแพทย์แผนไทย
1. ยาจันทน์ลีลา ✅
สรรพคุณ บรรเทาอาการไข้ตัวร้อน ไข้เปลี่ยนฤดู 
วิธีใช้ รับประทานครั้งละ 1-2 กรัม ทุก 3-4 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ 
🚫ข้อควรระวัง
1. ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออกเนื่องจากอาจบดบังอาการของไข้เลือดออก
2. หากใช้ยาเป็นระยะเวลานานเกิน 3 วัน แล้วอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ 

2.ยาปราบชมพูทวีป✅
สรรพคุณ บรรเทาอาการหวัดในระยะแรก และอาการที่เกิดจากการแพ้อากาศ 
วิธีใช้ รับประทานวันละ 3-4 กรัม แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง หลังอาหารเช้า เที่ยง เย็น
❌ข้อห้าม
1. ห้ามใช้เมื่อพบภาวะแทรกซ้อนจากการแพ้อากาศ เช่น ไซนัสอักเสบ การติดเชื้อแบคทีเรียที่มีอาการเจ็บบริเวณไซนัส ไข้สูง น้ำมูกและเสมหะเขียว
2. ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ผู้ที่มีไข้สูงและเด็ก 
🚫ข้อควรระวัง
1. ควรระวังการใช้กับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคแผลเปื่อยเพปติก และโรคกดไลค์ย้อน เนื่องจากเป็นตำรับยารถร้อน
2. ควรระวังการใช้ยาเกินขนาดในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของตับ ไต หรือทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากอาจเกิดพิษจากการบูร 
3. ควรระวังการใช้ยานี้ร่วมกับยา Phenytoin,Propranolol,Theophylline และ Rifampicin เนื่องจากตำรับนี้มีพริกไทยในปริมาณสูง
❗️อาการไม่พึงประสงค์
แสบร้อนยอดอก 

3.ยาฟ้าทะลายโจร✅
สรรพคุณ บรรเทาอาการหวัด เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
วิธีใช้ รับประทานครั้งละ 115 มิลลิกรัม - 3 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน
❌ข้อห้าม
1. ห้ามใช้ในผู้ที่มีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจร เช่น มีผื่น ปากบวม ตาบวม หน้าบวม 
2. ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรเนื่องจากอาจทำให้เกิดทารกวิรูปได้
3. ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรสำหรับแก้เจ็บคอในกรณีต่างๆดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A
- ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคไตอักเสบ เนื่องจากเคยติดเชื้อ  Streptococcus group A
- ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจรูมาติก
- ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรียและมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง และหนาวสั่น 
** หากใช้ยานี้แล้วมีผื่น ปากบวม ตาบวม หน้าบวม ให้หยุดใช้ทันที และพบแพทย์ 
🚫ข้อควรระวัง
1. หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เขียนขามีอาการชาหรืออ่อนแรง
2. หากใช้ติดต่อกันเกินสามวัน แล้วไม่ดีขึ้นหรืออาการรุนแรงขึ้นระหว่างการใช้ยา ควรหยุดใช้และพบแพทย์ 
3. ควรระวังการใช้ยานี้ร่วมกับสารกันเลือดเป็นลิ่มและยาต้านการจับตัวของเกร็ดเลือด
4. ควรระวังการใช้ยานี้ร่วมกับยาลดความดันเลือดเพราะอาจเสริมฤทธิ์กันได้ 
5. ควรระวังการใช้ยานี้ร่วมกับยาที่กระบวนการเมแทบอลิซึมผ่านเอนไซม์ Cytochrome P450 เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ CYP1A2,CYP2C9,CYP3A4
6. ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการของตับผิดปกติ
❗️อาการไม่พึงประสงค์
อาจทำให้เกิดความผิดปกติของทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ เบื่ออาหาร วิงเวียนศรีษะ ใจสั่น และอาจเกิดลมพิษได้ 

👉🏻 การดูแลตัวเองที่บ้าน เมื่อเป็นไข้หวัด
1. พักผ่อนอยู่ที่บ้านจนกว่าจะไม่มีไข้หรือไอ
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยอาจดื่มน้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำอุ่นผสมมะนาว หรือรับประทานซุปใส 3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ร่างกายขับน้ำออกเร็วขึ้น ทำให้ร่างกายขาดน้ำ
4. ดื่มน้ำอุ่นเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอและอาการคัดจมูก โดยอาจเติมน้ำผึ้งเพื่อบรรเทาอาการไอได้
5. หากอากาศแห้ง เปิดเครื่องทำความชื้นในอากาศเพื่อช่วยบรรเทาอาการไอและคัดจมูก แต่ควรหมั่นทำความสะอาดตัวเครื่องอยู่เสมอเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
6. กลั้วคอด้วยน้ำเกลือเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ
7. ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเพื่อลดอาการคัดจมูกและทำให้โพรงจมูกชุ่มชื่นขึ้น
8. อมน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ หรือยาอมแก้เจ็บคอเพื่อบรรเทาอาการ

👩🏻‍⚕️ควรพบแพทย์เมื่อไร
สำหรับผู้ใหญ่ แนะนำให้พบแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้
1. มีไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียสนานเกิน 3 วัน
2. กลับมามีไข้สูงอีกครั้งหลังที่ไข้ลดลงแล้ว
3. หายใจหอบเหนื่อย หายใจมีเสียงหวีด เจ็บคอมาก ปวดศีรษะ ปวดไซนัส

ข้อมูล/เรียบเรียง พท.ป.ศศิกานต์ จันทเดช
ที่มา พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์'" และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์. วิชาการแพทย์แผนไทย คณะแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก มหาวิทยาลัยราชภัฎ. การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด. จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094
ไข้หวัด ตามฤดูกาล (Common Cold) จาก https://www.medparkhospital.com/disease-and-treatment/common-cold
คัมภีร์ตักศิลา จาก https://www.samunpri.com/medicine/คัมภีร์ตักศิลา/

#ไข้หวัด #หวัดแพ้อากาศ #ไข้หวัดธรรมดา #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์

อาการปวดหลังเป็นปัญหาที่หลายคนประสบอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม การบริหารร่างกายที่ถูกวิธีนั้นสามารถลดอาการปวดและเพิ่มความ...
24/06/2025

อาการปวดหลังเป็นปัญหาที่หลายคนประสบอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม การบริหารร่างกายที่ถูกวิธีนั้นสามารถลดอาการปวดและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อหลังได้ โดยเราได้รวบรวม 3 ท่าบริหารเฉพาะสำหรับช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อหลังพร้อมบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่าที่ 1 นอนหงายโดยให้ขาทั้ง 2 ข้างวางราบกับพื้น ยกขาขวาขึ้นและกอดเข่าให้ชิดอกไว้เป็นเวลา 15 - 20 วินาที จากนั้นวางขาลงออกกำลังกายท่านี้ให้ครบ 10 ครั้ง จากนั้นสลับไปเป็นขาซ้าย ทำซ้ำกันเช่นเดิม
ท่าที่ 2 นอนหงาย โดนชันเข่าข้างหนึ่งขึ้น ใช้ขาอีกข้างยกไขว้ขา แล้วโน้มไปด้านข้าง จนรู้สึกตึงบริเวณสะโพกเป็นเวลา 15 - 20 วินาที จากนั้นวางขาลงออกกำลังกายท่านี้ให้ครบ 10 ครั้ง จากนั้นสลับไปเป็นขาซ้าย ทำซ้ำกันเช่นเดิม
ท่าที่ 3 นั่งขัดสมาธิ จากนั้นใช้ฝ่าเท้าประสานกัน ใช้มือสองข้างจับปลายเท้า ค่อยๆก้มตัวมาด้านหน้า จนรู้สึกตึงบริเวณเอว สะโพก และขา จนรู้สึกตึงบริเวณสะโพกและต้นขาเป็นเวลา 15 - 20 วินาที จากนั้นทำท่านี้ให้ครบ 10 ครั้ง ทำซ้ำกันเช่นเดิม

ข้อมูล พท.ป.สุพรรณิการ์ วงษ์วิลา
เรียบเรียง พท.ป.ศศิกานต์ จันทเดช
ที่มา : นพ.มาโนชญ์ จันทรศร. 7 ท่าบริหารเฉพาะส่วนหลังสลายปวดจากคำแนะนำของแพทย์. จาก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/1106
ปวดหลังส่วนล่าง บรรเทาง่าย ๆ ด้วยท่ากายบริหาร จาก https://www.exta.co.th/how-to-reduce-low-back-pain-by-exercise-and-stretching/

#ท่ากายบริหาร #สลักเพชรจม #ปวดหลังร้าวลงขา #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์

วันที่ 13 เดือนมิถุนายน 2568 แพทย์แผนไทยประยุกต์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ โรงพยาบาลสุทธาเวช ร่วมกันออกเยี่ยมบ้านให้บริการติดตา...
20/06/2025

วันที่ 13 เดือนมิถุนายน 2568 แพทย์แผนไทยประยุกต์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ โรงพยาบาลสุทธาเวช ร่วมกันออกเยี่ยมบ้านให้บริการติดตาม
✅ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง(Stroke) ประเภทผู้ป่วยติดบ้าน ซึ่งแขนขาเกร็ง อ่อนแรงซีกซ้าย โดยมีเป้าหมายฟื้นฟูกล้ามเนื้อแขนขา และเสริมพลังให้กำลังใจผู้ป่วย

✅ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไตและโรคหลอดเลือดสมอง ประเภทติดเตียง ซึ่งแขนขาอ่อนแรงซีกขวา ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย โดยมีเป้าหมายฟื้นฟูกล้ามเนื้อแขนขา ติดตาม ประเมินศักยภาพการดูแลผู้ป่วยของผู้ดูแลผู้ป่วย และติดตามประเมินภาวะแทรกซ้อน

แพทย์แผนไทยได้ตรวจประเมินอาการของผู้ป่วยที่มีอาการแขนขาเกร็งและแขนขาอ่อนแรง พร้อมตรวจร่างกาย ทำหัตถการ ประคบร้อน และยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ให้คำแนะนำด้านการปฏิบัติตัวทางการแพทย์แผนไทย

กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (Piriformis syndrome)        หากมีอาการปวดสะโพก ร้าวชาลงขา หรือปวดบริเวณก้น อาจเป็นไปได้ว่...
20/06/2025

กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (Piriformis syndrome)
หากมีอาการปวดสะโพก ร้าวชาลงขา หรือปวดบริเวณก้น อาจเป็นไปได้ว่ากำลังประสบกับภาวะที่เรียกว่า ‘สลักเพชรจม’ หรือ Piriformis Syndrome ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากการกดทับเส้นประสาทไซอาติก นอกจากจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล้ว อาการนี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของอีกด้วย หากมีอาการสลักเพชรจมและปล่อยไว้อย่างยาวนานอาจพัฒนาเป็นโรคอื่นๆ อย่างกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือโรคเส้นประสาทถูกกดทับส่วนล่าง ดังนั้นหากใครกำลังสงสัยว่าตัวเองกำลังประสบปัญหาสลักเพชรจม แนะนำให้ปรึกษาและพบแพทย์ เพื่อรักษาอย่างถูกวิธี
กล้ามเนื้อ Piriformis อยู่บริเวณสะโพก โดยเกาะจากกระดูกก้นกบ และไปเกาะอยู่บริเวณกระดูกต้นขา ทำหน้าที่หมุนสะโพกออก (Hip external rotation) และเหยียดสะโพก (Hip extension) นอกจากนี้ กล้ามเนื้อมัดนี้ยังมีความสำคัญในการเดิน ช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับข้อสะโพก

สาเหตุของการเกิด Piriformis syndrome สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
• Primary piriformis syndrome
เกิดจากการบาดเจ็บทางกายวิภาศาสตร์ จากลักษณะของกล้ามเนื้อ Piriformis กับเส้นประสาท Sciatic ซึ่งถ้ากล้ามเนื้อ Piriformis มีการเกร็งตัวขึ้น อาจจะสามารถหนีบเส้นประสาท Sciatic ได้
• Secondary piriformis syndrome
เกิดจากกล้ามเนื้อได้รับการบาดเจ็บรุนแรง (Macro trauma) หรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย (Micro trauma)
การบาดเจ็บรุนแรง (Macro trauma) พบประมาณ 50% ของผู้ป่วย โดยเกิดจากการบาดเจ็บ หรืออุบัติเหตุบริเวณสะโพก ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการอักเสบ การเกร็งของกล้ามเนื้อ และสามารถส่งผลให้เส้นประสาท Sciatic ถูกกดทับตามมาได้ โดยการเกร็งของกล้ามเนื้อ Piriformis ส่วนมากสาเหตุจะเกิดจากอุบัติเหตุโดยตรง การบาดเจ็บหลังการผ่าตัด หรือปัญหาจากข้อต่อกระดูกสันหลังระดับเอว (Lumbar spine) หรือข้อต่อเชิงกราน (Sacroiliac joint) อีกทั้ง อาจเกิดได้จากการหดสั้นของกล้ามเนื้อ Piriformis จากการเปลี่ยนแปลงทางชีวกลศาสตร์ของกระดูกขา หลังส่วนล่าง และบริเวณเชิงกราน ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดการกดทับหรือรบกวนต่อเส้นประสาท Sciatic ได้ ทำให้เกิดอาการแสดงต่าง ๆ ได้ เช่น อาการปวดไปตามบริเวณที่เส้นประสาท Sciatic ไปเลี้ยงแถวบริเวณสะโพก ต้นขาด้านหลัง ขาส่วนล่าง และบริเวณด้านนอกของเท้า
การบาดเจ็บเล็กน้อย (Micro trauma) เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อที่มากเกินไป (Overuse) เช่น การเดินระยะทางไกล การวิ่ง หรือเกิดทับบริเวณกล้ามเนื้อจากการนั่งนาน ๆ

อาการและอาการแสดง ดังนี้ ✅
1. มีอาการปวดสะโพกขณะนั่ง ยืน หรือนอนนานมากกว่า 15-20 นาที
2. มีอาการปวดสะโพก หรือมีอาการชา (Paresthesia) ไปตามบริเวณเชิงกราน ก้น และต้นขาด้านหลัง ซึ่งส่วนมากจะอยู่บริเวณเหนือเข่า
3. อาการปวดสะโพกจะดีขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหว แต่อาการปวดจะเพิ่มมากขึ้นเมื่ออยู่ในอิริยาบถนิ่ง ๆ เช่น นั่ง หรือนอนนาน ๆ
4. มีอาการปวดสะโพกขณะเปลี่ยนท่า เช่น จากท่านั่งลุกขึ้นยืน หรือทำท่าย่อตัว (Squat)
5. อาการปวดมักจะไม่หายทันทีเมื่อเปลี่ยนท่าทาง เดินได้ลำบาก (เดินกระเพลก หรือปลายเท้าข้างที่มีปัญหาตก) อาจมีอาการชาเท้า หรืออาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อขาข้างนั้น

การรักษาแพทแผนไทย
1. นวดรักษาอาการ
2.ประคบร้อนสมุนไพร
3.ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว

ข้อมูล : พท.ป.วิรา นิลดำ
เรียบเรียง : พท.ป.ศศิกานต์ จันทเดช
ที่มา : อาการกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (Piriformis syndrome).มหาวิทยาลัยมหิดล จาก https://pt.mahidol.ac.th/ptcenter/knowledge-article/musculoskeletal/อาการกล้ามเนื้อสะโพกหน/
กรดา ผึ่งผาย,วท.บ. , วริษฐา กังธีรวัฒน์,วท.บ. การรักษาทางกายภาพบำบัดในผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท. สาขากายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/simedbull/article/download/181523/131395
สลักเพชรจม (Piriformis Syndrome) จาก https://www.abhaiwellness.com/piriformis-syndrome.php

#สลักเพชรจม #ปวดสะโพกร้าวลงขา #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ #โรงพยาบาลสุทธาเวช

เจ้าหน้าที่คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้ความรู้เรื่อง ยาธาตุบรรจบสรรพคุณ ✅     ช่วยขับลม แ...
19/06/2025

เจ้าหน้าที่คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้ความรู้เรื่อง ยาธาตุบรรจบ
สรรพคุณ ✅
ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ

วิธีรับประทาน
รับประทานก่อนอาหาร 2-4 แคปซูล

ข้อควรระวัง🚫
- ระวังการใช้ยาต่อเนื่อง
- ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของตับ ไต

ณ ตึก OPD หลังใหม่ ชั้น 2 โรงพยาบาลสุทธาเวช เวลา 08.00 น. ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน และได้รับการตอบรับจากผู้มารับบริการเป็นอย่างดี

ข้อมูล พท.ป.พัชริน ภูผาลินิน
เรียบเรียง พท.ป.ณัฐนิช ฤทธิวงศ์

ที่อยู่

79/99 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ต. ตลาด
Maha Sarakham
44000

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
18:00 - 19:00
อังคาร 09:00 - 17:00
18:00 - 19:00
พุธ 09:00 - 17:00
18:00 - 19:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
18:00 - 19:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00
18:00 - 19:00
เสาร์ 09:00 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม:

แชร์