Alertide ฟื้นฟูและบำรุงสมอง

Alertide ฟื้นฟูและบำรุงสมอง บำรุงสมองและระบบประสาทแก้ปัญหาสมา?

alertide เป็นอาหารเสริมบำรุงและฟื้นฟูระบบสมองและประสาท

ส่วนประกอบ
bacopa พืชพรมมิ : ช่วยฟื้นฟูความจำและบำรุงสมอง
Bata Glucan: เบต้าคลูแคน ต้านเซลล์มะเร็งลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง
Fish Oil นำ้มันปลา:ช่วยบำรุงประสาทสมอง ช่วยเพิ่มความจำ และความสามรถในการเรียนรู้
Soy Protein Isolate โปรตีนจากถั่วเหลือง: ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
Choline Bitartrate โคลีน โบทาร์เทรต :ช่วยทำลายและขจัดสารพิษจากตับ
L-Theanine แอลขธีอะนิน ช่วยผ่อนคลายความเคลียด ทำให้มีสมาธิดีขึ้น คิดอ่านดีขึ้น ช่วยให้นอนหลับสนิทดีขึ้น
Taurine ทอรีน ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ต้านอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดขาว
Vitamin B1,B6,B12 วิตามิน บี1 บี6 บี12 บำบัดรักษาอาการอักเสบของเส้นประสาทและสมองเมื่อได้รับอุบัติเหตุ
L-Cysteineแอล-ซีเตอีน ช่วยป้องกันสมองและตับจากอาการดื่มแอลกอฮอล์ ยา และจากการสูบบุหรี่

เหมาะสำหรับ
-ผู้ต้องการบำรุงดูแลสมอง
-ผู้มีอาการสมาธิสั้น จำยาก ลืมง่าย
-ผู้ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ผลการเรียนไม่ดี
-วัยทำงานซึ่งใช้สมองเยอะ แก้ปัญหาสมองล้าบ่อยๆ
-ผู้วิตกกังวล เครียด
-ผู้ป่วย ความจำเสื่อม หรือเสื่อมจากอายุที่มากขึ้น
-ผู้ป่วย อัลไซเมอร์ สูญเสียความทรงจำ
-ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ สมองเบลอ ไม่ปลอดโปร่ง
สนใจสั่งสินค้า
โทร 089-0007499
line id

ฉลาดเหนือคนอื่น!! 6 เหตุผล ที่การออกกำลังกาย ช่วยให้สมองดีขึ้นจริง1. ออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการเติบโตของเซลล์สมองโดยปกติแ...
09/01/2019

ฉลาดเหนือคนอื่น!! 6 เหตุผล ที่การออกกำลังกาย ช่วยให้สมองดีขึ้นจริง

1. ออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการเติบโตของเซลล์สมอง
โดยปกติแล้ว เมื่อร่างกายยิ่งแก่ตัวลง อัตราการสร้างเซลล์สมองจะยิ่งลดลง แต่การออกกำลังกายสามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการดังกล่าวได้ค่ะ เนื่องจากทุกครั้งที่ออกกำลังกาย ระบบเลือดจะไหลเวียนดีขึ้น รวมทั้งมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงสมองมากขึ้นด้วย โดยมีการศึกษาพบว่า สมองคืออวัยวะที่ใช้ออกซิเจนมากถึง 20% ร่างกายทั้งหมด

2. ออกกำลังกายช่วยให้ความจำดีขึ้น
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการสร้างสารเคมีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า BDNF (Brain-derived neurotrophic factor) ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมองส่วนความจำ ดังนั้น ยิ่งคุณออกกำลังกายมากเท่าไหร่ จะพบว่าคุณยิ่งมีความจำดีขึ้นมากเท่านั้น

3. ออกกำลังกายรักษาโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่ส่งผลต่อการทำงานของสมองอย่างมาก มีการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามักไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดได้นาน รวมทั้งมีความสามารถในการตัดสินใจและความจำที่แย่ลงอีกด้วย หนึ่งในวิธีการรักษาโรคซึมเศร้าที่ได้ผลก็คือการออกกำลังกาย ซึ่งจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขอย่างเซโรโทนิน , โดพามีน และเอนโดรฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ดีต่อการทำงานของสมองค่ะ

4. ออกกำลังกายลดความเครียด
หลายคนอาจสังเกตได้ว่า เวลาเรามีความเครียดมักจะคิดอะไรไม่ออก นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนแห่งความเครียดอย่างคอร์ติซอลมีผลทำให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง แค่ข่าวดีคือ การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยผลิตฮอร์โมนที่ดีแล้ว ยังช่วยลดระดับฮอร์โมนแห่งความเครียดอย่างคอร์ติซอลได้อีกด้วย

5. ออกกำลังกายช่วยกระตุ้นฟังก์ชันการคิดและความจำ
เมื่อสมองที่มีฟังก์ชันการทำงานที่มีประสิทธิภาพ จะส่งผลให้เราสามารถจดจ่อกับงานที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น รวมทั้งทำให้มีความสามารถในการแก้ปัญหา การวางแผน และความคิดสร้างสรรค์ที่มากขึ้นด้วย โดยจากการทดลองพบว่า อาสาสมัครที่ออกกำลังกายวันละ 30-45 นาทีติดต่อกัน 6 เดือน มีประสิทธิภาพของสมองดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเห็นได้ชัด โดยเริ่มเห็นผลอย่างมีนัยสำคัญหลังจากเริ่มออกกำลังกายไปเพียง 4 สัปดาห์เท่านั้น

6. ออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายไวต่ออินซูลิน
ฮอร์โมนอินซูลินมีความจำเป็นในการเปลี่ยนอาหารโดยเฉพาะแป้งและน้ำตาลให้เป็นน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือด เพื่อส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงสมอง ดังนั้น เมื่อเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ก็จะส่งผลเสียต่อสมองไปด้วย แต่โชคดีที่การออกกำลังกายสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ และทำให้ร่างกายไวต่ออินซูลินมากขึ้น แถมยังช่วยป้องกันการเป็นโรคเบาหวานอันเกิดจากภาวะดื้ออินซูลินได้ด้วยค่ะ

นี่ขนาดแค่สมองส่วนเดียว การออกกำลังกายยังสร้างประโยชน์ได้มากขนาดนี้ ยังไม่รวมถึงอวัยวะอื่นๆ ของร่ายกายที่จะได้รับอานิสงส์กันอย่างถ้วนทั่ว รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมออกกำลังกายกันเป็นประจำนะคะ

“ลืม” กับ “จำ” อะไรสำคัญกว่ากันเราเคยคิดว่าการมีความ “จำ” ดี เป็นสิ่งที่พิเศษ แต่เมื่อเราเข้าใจมันมากขึ้น “ลืม” ต่างหากท...
08/01/2019

“ลืม” กับ “จำ” อะไรสำคัญกว่ากัน

เราเคยคิดว่าการมีความ “จำ” ดี เป็นสิ่งที่พิเศษ

แต่เมื่อเราเข้าใจมันมากขึ้น “ลืม” ต่างหากที่เป็น สิ่งที่พิเศษอย่างแท้จริง!

หากลืมไม่ได้ ชีวิตเราก็เหมือนกับอยู่ใน โลกสีเทา

• ลืมความรุ่งเรืองในอดีตได้ นี่คือ การยอมรับ
• ลืมความล้มเหลวในอดีตได้ นี่คือ ความกล้าหาญ
• ลืมบาดแผลที่ใครๆฝากไว้ได้ นี่คือ การให้อภัย
• ลืมความผิดพลาดของคนอื่นในอดีตได้ นี่คือ ความสำนึกคุณ
• ลืมความไม่ใส่ใจที่มิตรสหายมีต่อเราได้ นี่คือ ความใจกว้าง
• ลืมความแค้นชิงชังที่ผู้อื่นมีต่อเราได้ นี่คือ ความเมตตา
• ลืมการทะเลาะเบาะแว้งกับคนที่เรารักได้ นี่คือ ความรักอันยิ่งใหญ่

“ลืม” ยากกว่า “จำ” มากมายหลายเท่านัก

จำ คือ ฉลาด
ลืม คือ ปัญญา

ชีวิตเหลืออีกไม่นาน จงเลือกในสิ่งที่ควรจำ จงละในสิ่งที่ควรลืม ที่สำคัญ อย่าลืมยิ้มกันไว้นะครับ

Cr. ไลน์พี่วิวัฒน์

อเลอไทด์ (Alertide)ช่วยฟื้นฟูความจำและบำรุงสมอง ความจำดีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันช่วยทำลายและขจัดสารพิษจากตับต้านเซลล์มะ...
08/06/2018

อเลอไทด์ (Alertide)

ช่วยฟื้นฟูความจำและบำรุงสมอง ความจำดี

ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

ช่วยทำลายและขจัดสารพิษจากตับ

ต้านเซลล์มะเร็ง ลดความเสี่ยงของการเป็นโรค

ช่วยส่งเสริมการทำงานของต่อมหมวกไต ต่อมใต้สมอง

บำบัดรักษาการอักเสบของเส้นประสาทในสมอง

ช่วยบำรุงประสาทและสมองช่วยเพิ่มความจำและความสามารถในการเรียนรู้

ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดขาว

ช่วยกระตุ้นการหลั่งโกร๊ธฮอร์โมน ช่วยแก้ไขอารมณ์ ซึมเศร้า

ช่วยคลายเครียด ช่วยฟื้นฟูความจำ

ช่วยป้องกันสมองและตับจากการถูกทำลายจากการดื่ม

แอลกอฮอล์ ยา และ การสูบบุหรี่

ช่วยผ่อนคลายความเครียด ทำให้สมาธิดีขึ้น คิดอ่านได้ดีขึ้น

เพิ่มคุณภาพการหลับ ช่วยให้นอนหลับได้สนิทขึ้น

ช่วยป้องกัน มะเร็งต่างๆ ลดอาการภูมิแพ้และไข้หวัด

ช่วยให้มีสมาธิในการเรียน การทำงาน จดจ่อกับสิ่งนั้นๆ ได้นานยิ่งขึ้น

รายละเอียดผลิตภัณฑ์
โทร 089 000 7499

เช็คหน่อย ! คุณมี 9 พฤติกรรมที่เสี่ยงเป็น “โรคซึมเศร้า” รึเปล่า ?มีอารมณ์หงุดหงิด ก้าวร้าวความสนใจต่อสิ่งรอบข้างเสียสมาธ...
09/05/2018

เช็คหน่อย ! คุณมี 9 พฤติกรรมที่เสี่ยงเป็น
“โรคซึมเศร้า” รึเปล่า ?

มีอารมณ์หงุดหงิด ก้าวร้าว
ความสนใจต่อสิ่งรอบข้าง
เสียสมาธิ ไม่มีสมาธิจดจ่อเวลาที่ทำสิ่งต่างๆ
รู้สึกร่างกาย สมองอ่อนเพลีย
เชื่องช้า ทำอะไรก็เป็นไปอย่างช้าๆ
รับประทานอาหารน้อยลงกว่าปกติ หรือรับ
ประทานอาหารมากขึ้นกว่าปกติ
นอนน้อย หรือนอนมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น
ชอบตำหนิตัวเอง ซึ่งอาการเช่นนี้จะพบได้มาก
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า
รู้สึกอยากฆ่าตัวตาย หรือสังเกตได้ว่าตัวเองมีความคิด หรือความรู้สึกแบบนี้
ก็ขอให้ตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่า คนๆ
นั้นอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคคซึมเศร้า

📍โรคอัลไซเมอร์ 📍คือโรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของเซลล์สมอง มักพบได้ในคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป โรคนี้ทำให้เกิดความบ...
05/05/2018

📍โรคอัลไซเมอร์ 📍

คือโรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของเซลล์สมอง
มักพบได้ในคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป
โรคนี้ทำให้เกิดความบกพร่องในระดับของ
สติปัญญา ทั้ง ความคิด ความจำ การตัดสินใจ
ซึ่งอาการของโรคนี้จะแบ่งออกเป็นสามระยะได้แก่

👉ระยะแรก ผู้ป่วยจะเสียความจำ ที่ไม่เหมือน
การหลงลืมทั่วไป แต่จะจำอดีตไม่ได้ จำสิ่งใหม่ ๆ
ที่เพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้าก็ไม่ได้

👉ระยะที่สอง ผู้ป่วยจะเริ่มเห็นภาพหลอน หูแว่ว
ก้าวร้าว อาจเดินออกจากบ้านแล้วกลับบ้านไม่ถูก

👉ระยะสุดท้าย สมองจะถูกทำลายจนไม่สามารถ
ควบคุมการทำงานต่างๆ ของร่างกายได้
อาจเสียชีวิตได้ในที่สุด

จะมีความยากลำบากในการสื่อสาร การคิด
การเรียนรู้ การใช้เหตุผล ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่ง
ผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตอย่างรุงแรง
จนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ต้องพึ่งพา
จากคนในครอบครัวตลอดเวลา

03/05/2018

10 เคล็ดลับเรียนเก่ง

สมองหนูดี เพราะมีอเลอไทด์
30/04/2018

สมองหนูดี เพราะมีอเลอไทด์

26/02/2018

สาระน่ารู้หยุดทำร้ายลูก ถ้าไม่อยากให้ลูกเป็น “โรคสมาธิสั้น” อย่าหยิบยืนสิ่งนี้ให้ลูก มกราคม 26, 2018กุมภาพัน.....

คำสอนของ ”แม่”  กับนิ้วมือทั้ง5
15/12/2017

คำสอนของ ”แม่” กับนิ้วมือทั้ง5

08/09/2017
08/09/2017

อาหารบำรุงสมองลูก มีอะไรบ้าง?

ความฉลาดของลูกน้อยคุณแม่สามารถสร้างได้ตั้งแต่ลูกยังเด็ก ด้วยการเลือกสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับลูก การกินอาหารที่มีโภชนาการสูงตรงตามวัยจะทำให้สมองของลูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วค่ะ.. ซึ่งจะมีอาหารอะไรบ้างที่มีสารอาหารช่วยเสริมสร้างและพัฒนาระบบสมอง ดูได้ดังนี้ค่ะ

อาหารที่ช่วยบำรุงสมองของลูกน้อย มีดังนี้ค่ะ
* เนื้อปลา เพราะเนื้อสมองของคนเราประกอบไปด้วยไขมัน ดังนั้นจึงควรบำรุงสมองลูกน้อยด้วยไขมันชั้นดีอย่างเนื้อปลา ปลาทู ปลาซาดีน ปลาแซลมอน โดยเฉพาะปลาแซลมอนที่อุดมไปด้วย กรดไขมัน มีโอเมก้า 3, DHA และ EPA ที่ช่วยในการสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง ส่วนปลาที่หาทานได้ง่ายที่สุดคือ ปลาทู ดังนั้นใน 1 สัปดาห์คุณแม่ควรมีเมนูที่ทำมาจากปลาไว้ให้ลูกได้รับประทานซัก 3 มื้อก็จะดีมากเลยค่ะ
* ไข่ไก่ ในไข่ไก่จะมี สังกะสีและธาตุเหล็ก ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมองในไข่ 1 ฟองจะอุดมไปด้วยโปรตีน ยิ่งตรงไข่แดงจะมีโปรตีนเยอะที่สุด ดังนั้นลูกควรได้รับประทานไข่อย่างน้อยวันละ 1ฟองค่ะ
* ธัญพืช จะให้พลังงานสูง และมีเส้นใย ช่วยในการควบคุมระดับของน้ำตาลในเลือด และมีวิตามินบี และมีส่วนช่วยในความจำ และบำรุงสมองของเด็ก ซึ่งธัญพืชต่างๆนี้จะหาได้จาก ซีเรียลธัญพืช รำข้าว หรือข้าว-ซ้อมมือ เป็นต้น
* ผัก โดยเฉพาะผักที่มีสีสดใส อย่างเช่น กะหล่ำปลีม่วง บร็อกโคลี พริกหวาน อโวคาโด ผักพวกนี้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยบำรุงเซลล์สมองให้แข็งแรงค่ะ
* ถั่ว จะช่วยเรื่องเสริมความจำ และบำรุงสมอง และยังเป็นแหล่งอาหารสำคัญของ โปรตีน และ คาร์โบไฮเดรต อีกด้วยค่ะ
* ผลเบอร์รี่ต่าง ๆ ผลเบอร์รี่จะช่วยเรื่องความจำของระบบประสาทและสมอง ในผลเบอร์รี่จะมีวิตามินซี และโอเมก้า 3 ด้วยค่ะ
* เนย เพราะว่าเนยมีสารอาหารที่จะช่วยบำรุงสมองและเพิ่มความจำ และยังต่อต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วยค่ะ
* นมโฟร์โมสต์ โอเมก้า 3 6 9 คือแหล่งรวมสารอาหารที่สำคัญสำหรับเด็กที่กำลังเจริญเติบโต เพราะในนมนั้นมีทั้งโอเมก้า 3 6 9 และวิตามินบี12 ที่เป็นส่วนสำคัญของการช่วยพัฒนาสมอง การมองเห็นและระบบประสาทส่วนกลางด้วยค่ะ
อาหารบำรุงสมอง ที่กล่าวมาด้านบนเป็นอาหารที่อยู่ใกล้ตัวคุณแม่ทั้งนั้นเลยนะคะ เพียงคุณแม้รู้จักนำอาหารใกล้ตัวมาทำให้ลูกรับประทาน รับรองค่ะ ว่าลูกน้อยของคุณแม่จะเป็นเด็กที่ฉลาดแน่นอนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก www.foremostomega.com

ALERTIDE (อเลอไทด์) อาหารเสริม ที่มีสารอาหารที่สำคัญ10ชนิด บำรุงสมอง เสริมสร้างพัฒนาการในเด็ก

รายละเอียดสินค้า โทร 089 000 7499 คุณส้มค่ะ

16/08/2017

พ่อแม่หลาย ๆ คนอยากได้ลูกที่เก่ง แต่ว่าถึงจะมีคำแนะนำหรือเคล็ดลับต่าง ๆ ที่ทำให้ลูกเก่งได้ แต่ความจริงแล้วการเลี้ยงเด็กนั้นไม่มีอะไรตายตัว คุณแม่ชาวยิวนั้นไม่ต้องอ่านบทความเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กมาก…

"9 อาหาร แก้หวัด หายเป็นปลิดทิ้งพออากาศเปลี่ยน อุณหภูมิร่างกายก็เปลี่ยน แล้วยิ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ทันตั้งตัวแล้ว อ...
20/06/2017

"9 อาหาร แก้หวัด หายเป็นปลิดทิ้ง

พออากาศเปลี่ยน อุณหภูมิร่างกายก็เปลี่ยน แล้วยิ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ทันตั้งตัวแล้ว อาการหวัดและไข้หวัดก็จะถามหาเอาได้

แล้วที่สำคัญคือ ปัจจุบัน แค่ยาปฏิชีวนะเพียงอย่างเดียว นั้นไม่อาจสู้หสัดให้หายได้ในเร็ววัน เพราะเชื้อไข้หวัดนั้น ก็พัฒนาตัวเองตามกาลเวลา ดังนั้น การรักษาโรคหวัดทีดี คือนอกจากทานยาแล้ว ยังต้องดูแลตนเองให้ถูกสุขลักษณะ เลือกอาหารที่มีสารอาหารในการป้องกันหวัดช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ดังอาหาร 9 ชนิดที่เรารวบรวมมาให้นี้ค่ะ

1. ซุบไก่ร้อนๆ

ไม่น่าเชื่อว่าอาหารยอดนิยมที่ทุกชาติใช้ต้านหวัดคือ ซุปไก่ ซึ่งว่ากันว่าใช้กันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 นั่นเลย ตามรายงานวิจัยพบว่าซุปไก่มีฤทธิ์ยับยั้งการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวชนิดที่เรียกว่า นิวโทรฟิลด์ ไปยังเนื้อเยื่อปอด ทำให้ลดกระบวนการอักเสบในปอด และลดอาการไอได้ โดยตำรับซุปไก่ที่ใช้ศึกษาประกอบด้วย ไก่ มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง ก้านขึ้นฉ่าย ผักชี แครอท หัวผักกาด เกลือ และพริกไทย นอกจากนั้นซุปไก่ที่รวมถึง ต้มยำไก่ แกงไก่ ยังมีสมุนไพรที่ช่วยต้านหวัดรวมอยู่อีกหลายชนิด

2. อาหารรสเผ็ด

อาหารที่ช่วยให้จมูกโล่ง หายคัดจมูก ก็คืออาหารรสเผ็ดร้อนที่มีพริกเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็น พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า พริกแห้ง รวมไปถึงพริกไทย และสมุนไพรรสเผ็ดร้อนอื่น ๆ เราสามารถกินเผ็ดอย่างเอร็ดอร่อยและหลากหลายในอาหารหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น พริกขี้หนูในต้มยำ พริกชี้ฟ้าในผัดเผ็ด พริกไทยในแกงเลียง พริกแห้งในลาบ หรืออาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพรรสเผ็ดร้อนต่าง ๆ เช่น ขิง กะเพรา โหระพา เป็นต้น

3. กระเทียม

กระเทียม นั้นเป็นยาดีช่วยลดอาการหวัดได้ เมื่อมีอาการหวัด ให้นำกระเทียม 1 กลีบเล็กมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วใช้ช้อนบี้ให้แตก เติมน้ำร้อนลงไป 1 ถ้วย ปิดฝาทิ้งไว้ 5 นาที จากนั้นเติมน้ำผึ้ง และมะนาวเล็กน้อย ดื่มวันละ 2 ถ้วย จะช่วยบรรเทาอาการได้ เมื่อหายแล้วให้ดื่มต่ออีกสัก 3 วัน วันละ 1 ถ้วย หรือถ้าติดใจจะดื่มเป็นประจำก็ได้ เพราะกระเทียมจะช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัดได้อย่างดี นักวิจัยชาวจีน ดร.เบนจามิน เลา แห่งมหาวิทยาลัยโลมาลินดาในแคลิฟอร์เนีย ได้ศึกษายารักษาโรคตามแบบแพทย์ตะวันออกมานาน ได้ทำการศึกษาแล้วพบว่า “กระเทียม” มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ ซึ่งออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสหวัดได้โดยตรง และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวได้

4. ดื่มน้ำมากๆ

ผู้ป่วยควรดื่มน้ำมาก ๆ เวลาที่เป็นหวัด แต่ไม่ควรดื่มน้ำเย็นซึ่งจะทำให้เจ็บคอและไอมากขึ้น ควรจิบน้ำอุ่นหรือน้ำสมุนไพรอุ่น ๆ ตลอดเวลา เช่น น้ำตะไคร้ น้ำมะตูม น้ำใบเตย น้ำเก๊กฮวย จะช่วยให้ชุ่มคอ บรรเทาอาการไอ และละลายเสมหะ การจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ ร่วมกับการรักษาความสะอาดภายในช่องปาก จะช่วยให้อาการเจ็บคอทุเลาและฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วย

5. ผลไม้ตระกูลส้ม

ผลไม้ตระกูลส้มนั้นจะมีวิตามินซีสูง โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่หรืออยู่ในแวดวงคนสูบบุหรี่ บุหรี่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นหวัดและทำให้ร่างกายต้องการวิตามินซีสูงขึ้น วิตามินซีป้องกันหวัดได้ ถ้ารู้ตัวว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ติดหวัด เป็นหวัดง่าย ก็ต้องกินผักและผลไม้ให้วิตามินซีมากๆ เช่น ส้ม มะละกอสุก มะม่วง ฝรั่ง สับปะรด ส้มโอ ชมพู่ พุทรา มะขาม แตงโม ฯลฯ

6. ขิง

ขิงช่วยขับเหงื่อ มีฤทธิ์ แก้หวัด เย็น (หวัดเย็น คือรู้สึกหนาว มีไข้ต่ำ ไม่ค่อยมีเหงื่อออก มีเสมหะมักเหลวใส) และยังช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด และข้ออักเสบได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจอีกด้วย ช่วงฝนพรำ สภาพอากาศเปลี่ยนและชื้น ๆ แบบนี้ เมื่อเริ่มจะรู้สึกเซื่อง ๆ เฉื่อยชา หนาว ๆ มีน้ำมูกใสไหลจี๊ด ๆ หรือเริ่มมีเสมหะ ก็อย่าได้ชะล่าใจ ขอให้รีบต้มน้ำขิงดื่มเลย

7. น้ำผักผลไม้สด

ผักผลไม้ในกลุ่มที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบตาแคโรทีน (วิตามินเอ) วิตามินซี วิตามินอี จะช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อ ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น แครอท ผักใบเขียวจัด ส้ม ฝรั่ง องุ่น แคนตาลูป มะละกอสุก เป็นต้น สามารถเลือกตามที่ชอบและนำมาปั่นทานกันได้เลย เน้นว่าควรเป็นผักและผลไม้สด เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระกันแบบเต็ม ๆ หรือถ้าไม่อยากเสียเวลาปั่น ก็ทานผลไม้สด ๆ ก็ได้

8. ชาร้อน

ชาร้อนทุกชนิดล้วนมีสารโพลิฟีนนอล สารแอนติออกซีเดนต์ในพืชที่ช่วยลดอาการติดเชื้อ ทำให้เยื่อบุโพรงจมูกชุ่มชื้น หายใจสะดวก ควรชงชาในน้ำร้อนตั้งทิ้งไว้ราว 1 นาที จะดึง

9. โยเกิร์ต

มีการศึกษาพบว่า โยเกิร์ตช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยเพิ่มการสร้างสารแอนติบอดีบางชนิดได้ การศึกษากับอาสาสมัครทั้งคนหนุ่มและคนสูงอายุ พบว่าการรับประทานโยเกิร์ตทุกวันเป็นเวลา 1 ปี ช่วยลดอาการจากหวัดและภูมิแพ้ ผู้ป่วยหายเร็วขึ้น และร้อยละ 25 เป็นหวัดน้อยลง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน แนะนำให้เลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติชนิดไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย และมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ จะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่

นอกเหนือจากเมนูที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและบรรเทาอาการหวัดดังที่กล่าวมานี้ อย่าลืมรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ คนรักสุขภาพทั้งหลายก็พอจะสู้กับหวัดได้แล้ว แต่หากไม่ดีขึ้น

ดื่มน้ำอัดลม 1 กระป๋องต่อวัน "เสี่ยงโรคหัวใจล้มเหลวมากขึ้นไม่รู้ตัว" ‼ 🙌🏿 โทษของน้ำอัดลมจากที่เสี่ยงโรคเบาหวาน มะเร็ง โร...
14/06/2017

ดื่มน้ำอัดลม 1 กระป๋องต่อวัน "เสี่ยงโรคหัวใจล้มเหลวมากขึ้นไม่รู้ตัว" ‼

🙌🏿 โทษของน้ำอัดลมจากที่เสี่ยงโรคเบาหวาน มะเร็ง โรคอ้วน และโรคอัมพาต ตอนนี้นักวิจัยเผยว่าแค่ดื่มน้ำอัดลมวันละ 1 กระป๋อง ก็เสี่ยงโรคหัวใจล้มเหลวเพิ่มขึ้นได้อีก !

🙌🏿 หลายคนรู้ทั้งรู้ว่าน้ำอัดลมไม่ได้ให้ประโยชน์กับสุขภาพสักเท่าไร แต่ใจก็ยังแพ้รสชาติหวานซ่าจากน้ำอัดลมที่ดื่มแล้วชื่นใจทุกที ยิ่งบางคนขอแค่ได้ดื่มสักวันละกระป๋องก็สบายใจ โดยที่หารู้ไม่ว่านั่นคือการพาตัวเองไปสู่ความเสี่ยงโรคหัวใจล้มเหลวชัด ๆ ไม่เชื่อมาดูงานวิจัยกันเลย

🙌🏿 โดยนักวิจัยชาวสวีเดนได้เก็บสถิติจากกลุ่มผู้ทดลองวัยกลางคนในช่วงอายุระหว่าง 45-79 ปี ราว 42,400 คน ต่อเนื่องยาวนานกว่า 12 ปี โดยที่กลุ่มผู้ทดลองเหล่านี้ก็รับประทานอาหารและเครื่องดื่มตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ทว่าเรื่องมาแดงตรงที่ระหว่างการทดลอง มีผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวหน้าใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวน 3,604 คน และมีเคสผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ไปแล้วถึง 509 คน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงก็ทำให้ทราบว่า ผู้ป่วยเหล่านี้มีพฤติกรรมบริโภคน้ำอัดลมทุกวัน

🙌🏿 ทางทีมวิจัยจากสถาบันแคโรลินสกา ในสตอกโฮล์มจึงได้ข้อสรุปว่า พฤติกรรมการดื่มน้ำอัดลมวันละ 200 มิลลิลิตร อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจล้มเหลวได้ถึง 23% เมื่อเทียบกับกลุ่มทดลองที่ไม่ได้ดื่มน้ำอัดลมหรือดื่มน้ำอัดลมน้อยมาก
-----------------------------------------------------------------------

👉 ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้การดื่มน้ำอัดลมทุกวันเสี่ยงต่อโรคหัวใจล้มเหลวก็เพราะว่า ปริมาณน้ำตาลที่มากกว่า 7 ช้อนชาในน้ำอัดลม จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงความดันเลือดและส่งผลกระทบไปถึงการสูบฉีด รวมทั้งระบบภายในต่าง ๆ จนอาจทำให้หัวใจทำงานผิดปกติได้ อีกทั้งธรรมชาติของมนุษย์เมื่อได้บริโภครสหวาน ความอยากอาหารอื่น ๆ ก็จะลดลง นำมาซึ่งการบริโภคอาหารไม่ครบทั้ง 5 หมู่ได้ ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ใช่แนวทางที่ดีต่อสุขภาพเลยจริง ๆ

👉 อย่างไรก็ดี ผลการวิจัยไม่ได้เหมารวมไปถึงการบริโภคน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มประเภทชาและกาแฟ ทว่าจุดสำคัญที่ทำให้น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจล้มเหลวได้อยู่ที่สารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลนั่นเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการศึกษาหลาย ๆ ชิ้นที่ออกมาเตือนว่าการบริโภครสหวานจัดเกินไป (บริโภคน้ำตาลมากกว่า 7 ช้อนชาต่อวัน) โดยเฉพาะการบริโภคสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลจากเครื่องดื่มสำเร็จรูปเหล่านี้อาจทำให้เสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคอัมพาต โรคอ้วน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจล้มเหลวในเวลาต่อมาได้

👉 ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีเราไม่ควรบริโภครสหวานเกินไป รวมทั้งรสเค็มและรสมันก็ไม่ควรให้เกินพอดีด้วย เท่านี้ก็จะทำให้เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้แล้ว

Cr. Life Health

รู้งี้แล้วหันมาดื่มนมจะดีกว่านะคะ

"อาหารเป็นยา "กินอาหารเป็นยา ดีกว่า กินยาเป็นอาหาร..!!1.ไขมันในเลือดสูงแทนที่จะหายามากินให้ปวดหัว ตับพังก็หากระเทียมสดมา...
14/06/2017

"อาหารเป็นยา "

กินอาหารเป็นยา ดีกว่า กินยาเป็นอาหาร..!!

1.ไขมันในเลือดสูง
แทนที่จะหายามากินให้ปวดหัว ตับพังก็หากระเทียมสดมากินวันละ 10 กลีบ หรือกินหอมหัวใหญ่สดวันละครึ่งหัว
----------------------------
2.ปวดหัว
ให้หาผักคะน้าหรือปวยเล้ง(แมกนีเซียม)
กินวันละ 4 ขีดและกินปลาทูอีกวันละ 2 ตัว(น้ำมันปลาลดการอักเสบได้)หรือจะชงโกโก้กินก็ช่วยได้
--------------------------
3.เป็นหวัด ไอ จามบ่อย ให้หมั่นแปรงลิ้นและกินกระเทียม หอม พริกให้มากๆ
-----------------------------
4.ภูมิแพ้
แค่กินฝรั่งวันละ 4 ชิ้นกินเมล็ดฝักทองวันละ 1 กำมือ(สังกะสี)
---------------------------
5.แพ้ฝุ่นละอองไรฝุ่น
หาโยเกิร์ตรสธรรมชาติและนมเปรี้ยวไม่หวานจัดมากิน
----------------------------
6.โรค หืดหอบ ไอเรื้อรัง
กินต้มยำไก่ กินหัวหอมใหญ่ หอมแดง ต้นหอมและเอาหอมซุกไว้ใต้หมอน
----------------------------
7.ไขข้ออักเสบ
หาปลาเนื้อมันกินวันละ 2 ขีด เช่นปลาทู ปลาสวาย ปลาแซลมอน หรือปลากระป๋อง
----------------------------
8.กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย
กินน้ำกระเจี๊ยบไม่หวานจัดวันละ 3 มื้อ
--------------------------
9.ท้องอืด แก๊สมาก
ให้กินกล้วยหักมุกปิ้งหรือขิงบ่อยๆ
----------------------------
10.ท้องผุก
ชงน้ำผึ้งดื่มวันละ 3 ช้อนโต๊ะ และให้กินน้ำมะขามต้มติดเนื้อมาก เช้า/เย็น.
-------------------------
11.โรคกระเพาะอาหาร
หากล้วยหักมุกปิ้งกิน. กล้วยน้ำหว้าหรือกระหล่ำปีเยอะให้มาก
----------------------------
12.เวียนหัว คลื่นไส้ง่าย
ให้หาอาหารทำจากขิงรับประทานเช่น ปลาผัดขิง ไก่ผัดขิง น้ำขิง ชาขิง
----------------------------
13.วัยทอง วูบวาบ อารมณ์แปรปรวน
ให้กินปลาทูน่าให้มากและกินเต้าหู้เหลืองวันละ 1 แผ่นหรือถั่วลิสงวันละ 1 กำมือ
---------------------------
14.หงุดหงิดง่ายให้กินอาหารร่าเริง
คือข้าวเหนียวดำ ข้าวโพด กลอย กล้วยหอมและทูน่า
--------------------------
15.กระดูกพรุน
ให้กินงาดำวันละ 4 ช้อนโต๊ะ(ได้แคลเซียมมาก)
--------------------------
16.ความจำไม่ดี
ให้กินปลาทูวันละ 2 ขีด หอยแครงและหอยนางรมซึ่งมีธาตุสังกะสีช่วยสมองได้
----------------------------
17.มะเร็งเต้านม
ให้กินบร็อกโคลีหรือคะน้าวันละ 5 ขีด
---------------------------
18.มะเร็งปอดทางเดินหายใจ
ให้กินเสาวรส ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะขามป้อม มะละกอ มะม่วงให้มากเพราะวิตามินซีช่วยสมานหลอดเลือดในปอดได้ดี
--------------------------
19.ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน
กินแอปเปิ้ลเขียววันละ 1-2 ผลหรือน้ำแอปเปิ้ลเขียวปั่นทั่งกากจะเป็นการล้างพิษไปในตัว
---------------------------
20.เจ็บอกโรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ
กินปลาทะเล น้ำมันมะกอก ผลอโวคาโดเพราะเหล่านี้มีไขมันดีไปช่วยขับตะกรัน น้ำมันเก่าออกถ้าชอบดื่มชาให้หาชาเขียวสดมาชงดื่มวันละถ้วย
---------------------------
21.ความดันสูงต้องงดบุหรี่และความเค็ม
ลองหาข้าวโอ๊ตไม่ขัดสีมากินหรือผักขึ้นฉ่ายสดหรือปั่นก็ได้จะช่วยควบคุมความดันให้ดีขึ้น
----------------------------
22.เบาหวานถามหา ให้เลี่ยงแป้งกับน้ำตาลและกินผักเขียวจัดอย่างคะน้า บร็อกโคลี ผักโขมให้มากถ้าอยากหวาน ให้กินส้มโอและฝรั่งเพราะมีน้ำตาลอยู่น้อยมาก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ชมรมรักษ์สุขภาพ

โรคอัลไซเมอร์ ไม่ใช่แค่โรคที่จำอะไรไม่ได้ แต่ยังเป็นโรคที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  เราควรเริ่มดูแลผู้สูงอายุตั้งแต่ก่อนมีอ...
14/06/2017

โรคอัลไซเมอร์ ไม่ใช่แค่โรคที่จำอะไรไม่ได้ แต่ยังเป็นโรคที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เราควรเริ่มดูแลผู้สูงอายุตั้งแต่ก่อนมีอาการ เพราะโรคอัลไซเมอร์นอกจากจะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แล้ว เมื่อเป็นแล้ว ยังไม่สามารถรักษาให้หายได้อีกด้วย แต่เราสามารถ “ชะลอ” ได้

☝เสาหลักแห่งการป้องกันอัลไซเมอร์

1.💃ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ 50% เพราะสมองทานออกซิเจนเป็นอาหาร โดยมีเลือดเป็นตัวส่ง ดังนั้นเราต้องทำให้หัวใจเต้นแรงด้วยการออกกำลัง เพื่อให้เลือดสูบฉีดไหลเวียน .. แต่สำหรับผู้สูงอายุ การทำงานบ้าน ทำสวนดูแลสวนหรือการขยับร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีและเหมาะสมแล้ว

2.📚อ่านหนังสือและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ใช้สมองให้มากขึ้น เพราะสมอง เมื่อเราไม่ใช้ เราจะเสียมันไป

3.(salad)ทานผักและอาหารสดต้องเยอะ น้ำมันปลา (fish oil) เป็นอาหารเสริมที่ดี

4.😴นอนวันละ 7-8 ชั่วโมง เพราะการนอนน้อย เป็นการสั่งสมอง ให้ทำลายสุขภาพของตัวเอง ..

ผู้สูงอายุควรนอนกลางวันด้วย เพราะสมองของผู้สูงอายุ ต้องการการพักผ่อนมากกว่าวัยรุ่นหรือวัยทำงาน

5.😄เมื่อเราเครียด เซลล์สมองจะทำลายตัวเองเร็วมาก มากกว่าการไม่นอน ดังนั้นพยาย๊ามพยายามทำให้ตัวเองอยู่ในสภาวะที่เครียดน้อยที่สุด

6.(three legged race)อยู่กับคน เพราะสมองถูกสร้างมา ให้อยู่ร่วมกับผู้อื่น เมื่อไหร่ที่เราไม่ได้เข้าสังคม หรือขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นบ่อยๆ จะทำให้สมองฝ่อ..... ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะ แต่จำเป็นต้องมีเพื่อนที่มีคุณภาพ

การปฏิบัติตาม 6 ข้อข้างต้น สามารถชะลอ การเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ หรือหากเป็นแล้วก็จะช่วยให้ใช้ชีวิตไปจนเสียชีวิตได้ โดยที่ลูกหลานไม่เป็นทุกข์ หรือหากดีที่สุด ก็คือ ไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์เลย

☺“กันไว้ ดีกว่าแก้ แย่แล้ว จะแก้ไม่ทันนะ" เดี๋ยวจะหาว่าเพื่อนคนนี้ไม่บอก ไม่เตือน 😉

ข้อมูลจาก : คุณขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร นักจิตวิทยาด้านสมอง

ที่อยู่

54/4-5 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงมีนบุรี
Min Buri
10510

เบอร์โทรศัพท์

0890007499

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Alertide ฟื้นฟูและบำรุงสมองผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Alertide ฟื้นฟูและบำรุงสมอง:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram