คลินิกสูตินรีเวชกรรมหมออนัญญา

คลินิกสูตินรีเวชกรรมหมออนัญญา สูตินรีแพทย์โรงพยาบาลร้อยเอ็ด
ฝากครรภ์
อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก

ฝากครรภ์ วางแผนครอบครัว
ULTRASOUND 2D
ULTRASOUND 4D
(อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ)
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
คัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมจากเลือดหญิงตั้งครรภ์(NIFTY , PANORAMA)
ตรวจภายใน
ตรวจมะเร็งปากมดลูก
เนื้องอกมดลูก
โรคทางนรีเวชและโรคทั่วไป

15/08/2025

📢คลินิกฯ หยุด
วันที่
16-18 ส.ค.68
นะคะ

11/07/2025

📢คลินิกฯ หยุด
วันที่
12-14 ก.ค.68
นะคะ

10/07/2025

วันที่ 10-11 ก.ค.68
วันหยุดนักขัตฤกษ์ คลินิกฯ เปิดเวลา 09.00-12.00 น.

ข่าวดีค่ะ
08/07/2025

ข่าวดีค่ะ

สิ่งที่คุณแม่ควรรู้ก่อนตัดสินใจตรวจ NIPT

ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ล้ำหน้า การตรวจคัดกรองพันธุกรรมของทารกในครรภ์โดยไม่ต้องเจาะถุงน้ำคร่ำ หรือที่เรียกว่า NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณแม่หลายคนสนใจ เพราะตรวจจาก เลือดของแม่เพียงเล็กน้อย แต่สามารถให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพทางพันธุกรรมของลูกน้อยได้

แต่ก่อนตัดสินใจตรวจ NIPT คุณแม่ควรทำความเข้าใจหลายเรื่องให้ชัดเจน ทั้งเรื่องของ “ตรวจอะไรได้บ้าง” “ตรวจแม่นยำแค่ไหน” “ตรวจได้เมื่อไหร่” และ “ตรวจแล้วต้องทำอะไรต่อ” เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างเหมาะสม

••••••••

NIPT ตรวจหาอะไรได้บ้าง?

NIPT ออกแบบมาเพื่อตรวจหา ความผิดปกติของจำนวนโครโมโซมหลัก ๆ ที่พบได้บ่อยในทารก ได้แก่
• กลุ่มอาการดาวน์ (Trisomy 21)
• Trisomy 18 (Edwards syndrome)
• Trisomy 13 (Patau syndrome)

นอกจากนี้ แพ็กเกจบางรายการยังสามารถตรวจโครโมโซมเพศ (X, Y) และความผิดปกติที่เกิดจากการขาดหายของชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของโครโมโซม (microdeletions) ได้อีกด้วย เช่น DiGeorge syndrome หรือ Cri-du-chat syndrome (แต่ในส่วนที่บริการฟรีนี้เชื่อว่ายังไม่มีการตรวจเพิ่มเติมฟรีในกลุ่ม microdeletions นะครับ)

อย่างไรก็ตาม NIPT ไม่สามารถตรวจหาทุกโรคหรือความผิดปกติทางพันธุกรรมได้ทั้งหมด และมีข้อจำกัดที่ควรทราบ เช่น
• ไม่สามารถตรวจหากลุ่มอาการ ออทิสติก (Autism Spectrum Disorder) ได้
• ไม่สามารถตรวจหาความผิดปกติของ พัฒนาการทางสมองหรือสติปัญญา ในทุกๆอย่างได้
• ไม่สามารถตรวจหาโรคเลือด เช่น ธาลัสซีเมีย ได้ในการบริการปัจจุบันเพราะต้องแยกตรวจต่างหากโดยการตรวจเลือดพ่อแม่

••••••••

ความแม่นยำของการตรวจ NIPT

การตรวจ NIPT มีความแม่นยำสูงมาก โดยเฉพาะในโรคที่เกี่ยวกับจำนวนโครโมโซมผิดปกติ เช่น
• ความแม่นยำในการตรวจ Trisomy 21 (ดาวน์ซินโดรม) สูงกว่า 99%
• Trisomy 18 และ 13 มีความแม่นยำประมาณ 90–97%

แต่ถึงแม้จะมีความแม่นยำสูง NIPT ก็ยังไม่ใช่การวินิจฉัย (diagnostic test) หากผลตรวจออกมาว่าผิดปกติ แพทย์จะพิจารณาแนะนำให้คุณแม่ ยืนยันผลด้วยการเจาะน้ำคร่ำหรือเก็บเนื้อเยื่อจากรก เพื่อให้ได้ผลที่แน่นอนก่อนตัดสินใจเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ครับ

••••••••

ตรวจ NIPT ได้เมื่อไหร่?

NIPT สามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 10 สัปดาห์ขึ้นไป เพราะช่วงนี้ cfDNA จากทารกจะเริ่มมีปริมาณมากพอในเลือดคนท้องให้วิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ

การตรวจเร็วเกินไป (ก่อน 10 สัปดาห์) อาจทำให้ได้ผลที่ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ชัดเจน (เรียกว่า “no-call”) ซึ่งต้องตรวจซ้ำ ดังนั้นอย่ารีบร้อนนะครับ รอให้อายุครรภ์เหมาะสมก่อนครับ

••••••••

ใครบ้างที่อาจได้ผลตรวจที่ไม่แม่นยำ?

แม้การตรวจจะปลอดภัยและให้ผลแม่นยำสูง แต่ก็มีบางปัจจัยที่อาจทำให้ผลตรวจ NIPT ไม่ชัดเจนหรือคลาดเคลื่อนได้ เช่น
• คุณแม่ที่มี น้ำหนักตัวมาก (BMI สูง) อาจมี cfDNA จากทารกในกระแสเลือดต่ำกว่าปกติ
• ตั้งครรภ์แฝด โดยเฉพาะแฝดต่างเพศ อาจทำให้การวิเคราะห์สับสน การตั้งครรภ์แฝดที่ตัวอ่อนหยุดเติบโตก็อาจทำให้ผลไม่แม่นได้
• คนท้องเคยได้รับการ ปลูกถ่ายอวัยวะหรือปลูกถ่ายสเต็มเซลล์
• เคยเป็นหรือกำลังเป็นหรือกำลังรักษา โรคมะเร็งบางชนิด
• เพิ่งได้รับ การให้เลือดหรือผลิตภัณฑ์เลือดจากผู้อื่น

ในกรณีเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตรวจ เพราะอาจจำเป็นต้องเลือกวิธีอื่นที่แม่นยำกว่า เช่น การเจาะน้ำคร่ำครับ

••••••••

ต้องตรวจ NIPT ทุกคนหรือไม่?

NIPT เป็น “การตรวจคัดกรองระดับสูง” (advanced screening) แนะนำให้ทำกับคนท้องที่มีโอกาสและหลังการคุยอย่างเข้าใจถึงข้อดีข้อจำกัดในทุกคนก่อนตัดสินใจเสมอ

สรุป: NIPT เหมาะกับใคร และควรตรวจหรือไม่?

NIPT เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่ที่ต้องการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมในครรภ์โดยไม่เสี่ยงกับการเจาะน้ำคร่ำ แต่ต้องเข้าใจว่า:

• ไม่ได้ตรวจได้ทุกโรค
• ไม่ได้ตรวจโครโมโซมทุกคู่ และไม่ได้ตรวจลึกลงไปในทุกตำแหน่งของ gene การตรวจนี้เป็นการตรวจร่องรอยของ cell free DNA ของรกที่เข้ามาวนเวียบในเลือดคนท้อง บางกรณีรกที่ผิดปกติเด็กในท้องอาจไม่ได้ผิดปกติด้วยก็ได้นะ
• ไม่ได้แทนการตรวจธาลัสซีเมีย อัลตราซาวด์ หรือการตรวจวินิจฉัย
• หากผลผิดปกติ ต้องตรวจยืนยันต่อก่อนตัดสินใจทำอะไรต่อกับการตั้งท้อง

••••••••

ฝากช่วยกันส่งข่าวดีเรื่อง “บริการฟรี” ที่กำลังจะมา และช่วยกันประชาสัมพันธ์ถึงข้อดีและข้อจำกัดเหล่านี้ล่วงหน้ากันนะครับ

เป็นเรื่องดีกว่าไม่ได้ตรวจอะไรเลย แต่การตรวจนี้ไม่ได้แทนทุกอย่างและยังบอกอะไรไม่ได้อีกหลายๆอย่างครับ

ทางคลินิกมีวัคซีน RSV Abrysvo สำหรับสตรีตั้งครรภ์ ช่วง 24-32wk ฉีดเพื่อส่งภูมิคุ้มกันไปให้ลูกน้อยก่อนคลอดเพื่อลดความรันแ...
01/07/2025

ทางคลินิกมีวัคซีน RSV Abrysvo สำหรับสตรีตั้งครรภ์ ช่วง 24-32wk ฉีดเพื่อส่งภูมิคุ้มกันไปให้ลูกน้อยก่อนคลอดเพื่อลดความรันแรงของการติดเชื้อ RSV ของลูกน้อยในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต ซึ่งถือเป็นช่วงที่หากได้รับเชื้อจะมีความรุนแรงมากสอบถามเพิ่มเติมได้ค่ะ

*** สรุป วัคซีน RSV ในไทย ***

"Nirsevimab (Beyfortus)"

>> ไม่ใช่วัคซีน แต่เป็น "ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป" (passive immunity)

กลไกการทำงานคือการให้แอนติบอดีที่พร้อมใช้งานเข้าสู่ร่างกายโดยตรง แอนติบอดีนี้จะไปจับกับโปรตีน F (fusion protein) บนผิวของเชื้อไวรัส RSV

ป้องกันโรคในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจากการติดเชื้อ RSV
ในทารกแรกเกิดและทารกในช่วงฤดูกาลระบาดของ RSV
ควรให้ยาก่อนหรือในช่วงฤดูกาลระบาดของเชื้อ RSV
(มิถุนายนถึงตุลาคมในประเทศไทย)

สำหรับทารกที่เกิดในช่วงฤดูระบาด สามารถให้ยาได้ไม่นานหลังคลอด
(อายุ แรกเกิด ถึง 12เดือน และ หลัง12 เดือน-24เดือน ในกลุ่มเสี่ยง)

ฤดูกาลระบาดแรก (อายุ 0-12 เดือน):
เด็กสุขภาพดี: แนะนำให้ฉีดในทารกทุกรายที่มีอายุต่ำกว่า 8 เดือน
และอาจพิจารณาให้ในทารกอายุ 8-12 เดือน
**เด็กกลุ่มเสี่ยงสูง** : แนะนำอย่างยิ่งให้ฉีดในทารกกลุ่มเสี่ยงในขวบปีแรก

ฤดูกาลระบาดที่สอง (อายุ 12-24 เดือน):
**เด็กกลุ่มเสี่ยงสูง** : แนะนำให้ฉีดในเด็กอายุ 12-19 เดือนที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง และอาจพิจารณาให้ในเด็กกลุ่มเสี่ยงอายุ 19-24 เดือน

(คำแนะนำนี้ แนวทางการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab" จากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย (รวกท.) เป็นหลัก)

ประสิทธิภาพ >>

ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ RSV ที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล
ได้ 79.5%

ลดความเสี่ยงของการนอนโรงพยาบาลจากการติดเชื้อ RSV
ในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างได้ 83.2%

ลดความรุนแรงของโรคที่ต้องรักษาใน ICU และ/หรือ
ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจได้ 75.3%

ค่าใช้จ่ายของยาหนึ่งเข็ม (100 mg) มีราคาค่อนข้างสูง คือ
ประมาณ 17,000 - 19,000 บาท ต้องลองค้นหาเพิ่มเติมนะครับ
ส่วนเข็มที่ 2 กรณีเสี่ยงสูง ก็ฉีดไป 200 mg ราคาก็ คูณสอง ครับ

***********

"Abrysvo" (RSVpreF Bivalent Recombinant Vaccine)

สำหรับการป้องกันโรคทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจากเชื้อ RSV
ในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป วัคซีนนี้ ยังมีข้อบ่งชี้คือใช้สำหรับผู้สูงอายุและใช้สำหรับหญิงตั้งครรภ์

ตัวนี้ขอเน้น "หญิงตั้งครรภ์" นั่นคือ
เมื่อแม่ ตั้งครรภ์ ได้รับวัคซีน ร่างกายของแม่จะสร้างแอนติบอดี ต่อเชื้อในระดับสูง ซึ่งแอนติบอดีเหล่านี้จะถูกส่งผ่านรกไปยังทารกในครรภ์

กระบวนการนี้ทำให้ทารกแรกเกิดมีภูมิคุ้มกันแบบรับมา (passive immunity) ในระดับสูงตั้งแต่วันแรกของชีวิต ซึ่งจะช่วยปกป้องทารกใน "ช่วง 2-3 เดือน" แรกอันเป็นช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูงสุดต่อการเกิดโรค RSV ที่รุนแรง

ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเพียงครั้งเดียว ระหว่างอายุครรภ์ 24 ถึง 36 สัปดาห์

ประสิทธิภาพ >>>
ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคทางเดินหายใจส่วนล่างจากเชื้อ RSV ที่มีความรุนแรงในทารกได้ถึง "81.8%" ในช่วง 90 วันแรกหลังคลอด

และประสิทธิภาพในการป้องกันโรครุนแรงอยู่ที่ 69.4% จนถึงอายุ 6 เดือน

ราคา >> ต้องศึกษาจาก รพ.ที่ให้บริการ

***********

"Arexvy" (Adjuvanted RSVPreF3 Recombinant Vaccine)

สำหรับการป้องกันโรคทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจาก
เชื้อ RSV ในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป (ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงอายุ 50-59 ปี)

ฉีดเข้ากล้ามเนื้อขนาด 0.5 มิลลิลิตร เพียงครั้งเดียว

ประสิทธิภาพ >>
สามารถป้องกันโรคทางเดินหายใจส่วนล่างได้ประมาณ 82%
และป้องกันโรคที่รุนแรงได้ถึง 94%

ราคา >> ต้องศึกษาจาก รพ.ที่ให้บริการ

*******************************

ทั้ง 3 ชนิดที่เขียน ได้ผ่าน "อย.ไทย" "มีใช้จริง"
จะเห็นว่ามีเพียง 1 ชนิด ที่ให้ได้ในเด็ก อายุไม่เกิน 24 เดือน
นั่นคือ "Nirsevimab (Beyfortus)"

ส่วนอีก 2 ชนิด ไม่สามารถให้ในเด็กได้

คุณแม่ตั้งครรภ์อาจพิจารณา "Abrysvo" ช่วงอายุครรภ์ 24-36 สัปดาห์

ซึ่งการบริหารวัคซีนชนิดต่างๆ ดังกล่าว
ก็เป็นตามที่เขียนข้างต้น
คุณผู้ปกครอง "ต้องตัดสินใจด้วยตนเอง"
หลังได้รับข้อมูลอย่างรอบด้าน

#หมอจิรรุจน์

ปล. ที่เขียนนี้เป็นแค่ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น หากอยากรู้ข้อมูลเชิงลึกของวัคซีนแต่ละตัวต้อง สืบค้นกันเองเพิ่มเติม และสอบถามแพทย์ผู้ ให้วัคซีน ด้วยนะครับ

03/06/2025

วันอังคาร
ที่ 3 มิ.ย.68
วันหยุดนักขัตฤกษ์ คลินิกฯ เปิดเวลา 09.00-12.00 น.

สอบถามเพื่อสั่งจองวัคซีน RSVสำหรับฉีดในคนท้องได้ที่คลินิก หรือ inbox นะคะ   #วัคซีนRSV
25/05/2025

สอบถามเพื่อสั่งจองวัคซีน RSVสำหรับฉีดในคนท้องได้ที่คลินิก หรือ inbox นะคะ
#วัคซีนRSV

วัคซีน RSV ในหญิงตั้งครรภ์

ประโยชน์ต่อมารดาและทารกแรกเกิด ตารางการให้วัคซีน และคำแนะนำจากนานาชาติ

ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างอย่าง #รุนแรงในทารก โดยเฉพาะในช่วงอายุต่ำกว่า 6 เดือน การให้วัคซีนในระหว่างตั้งครรภ์สามารถช่วยปกป้องทารกได้ ผ่านการส่งผ่านภูมิคุ้มกันจากแม่สู่ลูกตั้งแต่ก่อนคลอด

••••••

#ประโยชน์ของวัคซีน

สำหรับทารก:

• ภูมิคุ้มกันสร้างได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง: ทารกได้รับแอนติบอดีจากแม่ ทำให้มีภูมิคุ้มกันในช่วงเดือนแรกที่มีความเสี่ยงสูง

• ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล: งานวิจัยพบว่าอัตราการนอนโรงพยาบาลจาก RSV หลังคลอดลดลงได้ถึง 50–80% สูงมากนะครับ

• ลดความรุนแรงของโรค: ทารกที่แม่ได้รับวัคซีนหากติดเชื้อ มักมีอาการไม่รุนแรงเท่าทารกที่ติดเชื้อโดยมารดาไม่ได้รับวัคซีนตอนท้อง

••••••••

สำหรับคนท้อง:

• วัคซีนมีความปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์

• แม้ RSV จะมักไม่รุนแรงในผู้ใหญ่ที่สุขภาพดี แต่การฉีดวัคซีนช่วยลดความกังวลและภาระในการดูแลบุตรป่วยหลังคลอดได้ หากลูกคลอดก่อนกำหนดแล้วเกิดติดเชื้อนี้ขึ้นมาหลังคลอดอาการจะเสี่ยงต่อความรุนแรงได้สูงเป็นต้น

••••••••

#ชนิดวัคซีนและตารางการให้

• วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติ: Abrysvo™ (ผลิตโดย Pfizer)

• กลุ่มเป้าหมาย: หญิงตั้งครรภ์ที่มีความพร้อมหรือพบว่าทารกในครรภ์มีปัจจัยเสี่ยง

• ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ฉีด 1 เข็ม ระหว่างอายุครรภ์ 32–36 สัปดาห์ ที่แนะนำช่วงเวลานี้เพราะจะช่วยให้แอนติบอดีถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกได้อย่างดี

สหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้ฉีดระหว่างสัปดาห์ที่ 32–36 ในฤดูระบาด (ก.ย.–ม.ค.) มุ่งเน้นปกป้องทารก

สหราชอาณาจักร (NHS/JCVI) อนุมัติแล้ว กำลังเตรียมเริ่มใช้งาน คาดว่าเริ่มเร็ว ๆ นี้

แคนาดา อนุมัติแล้ว อยู่ระหว่างจัดทำแนวทาง พิจารณาผลกระทบต่อประชากร

สหภาพยุโรป (EMA) อนุมัติให้ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ประเทศสมาชิกกำหนดนโยบายเอง

องค์การอนามัยโลก (WHO) สนับสนุนการใช้ในหญิงตั้งครรภ์ สำคัญในพื้นที่ที่โรคระบาดรุนแรง

ประเทศไทย มีการรับรองการใช้วัคซีนนี้ในหญิงตั้งท้องแล้ว โดยมีการกำหนดให้เป็นวัคซีนทางเลือกที่สามารถให้ได้ตามความสมัครใจครับ โดยไทยกำหนดไว้ช่วงอายุครรภ์ 24-36 สัปดาห์ครับ

••••••••

ประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณา

• ช่วงเวลาการให้วัคซีน: ควรสอดคล้องกับฤดูการระบาดของ RSV ในแต่ละพื้นที่ สำหรับประเทศไทยมีการพิจารณากันว่าสามารถให้ได้ทุกช่วงของปี โดยพิจารณาให้ตามอายุครรภ์ที่กล่าวไว้ข้างต้น

• ความเท่าเทียมในการเข้าถึง: มีความสำคัญอย่างยิ่งในประเทศรายได้น้อยหรือการเข้าถึงบริการสุขภาพต่ำ เพราะวัคซีนนี้ยังไม่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในปัจจุบัน การเข้าถึงจึงอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ในทุกๆคนท้อง โดยให้พิจารณาตามความพร้อม และความเสี่ยงของทารกแรกคลอดที่อาจได้รับอันตรายจากการติดเชื้อที่รุนแรงเช่น ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกที่มีโรคหัวใจพิการเป็นต้น

• การฉีดร่วมกับวัคซีนอื่น: สามารถให้พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือ Tdap ได้ ขึ้นอยู่กับแนวทางแต่ละประเทศครับ

•••••••

สรุป

วัคซีน RSV สำหรับหญิงตั้งครรภ์ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในการปกป้องทารก มีคุณสมบัติดังนี้:

• ปลอดภัยและได้ผลดี
• ให้ภูมิคุ้มกันตั้งแต่แรกเกิด
• ได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก

ณ เวลานี้ ประเทศไทยรับรองแล้ว ใครพร้อมและกังวลเรื่องความเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรงหลังคลอดสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมกับแพทย์ พยาบาล ได้เพื่อตัดสินใจนะครับ มีในหลายๆที่แล้วแต่อาจยังไม่ใช่ทุกสถานพยาบาลครับ

ฉีดตามเวลาที่เหมาะสม และ อย่างน้อยขอให้ทัน 2 สัปดาห์ก่อนคลอดนะครับ

08/05/2025

วันศุกร์
ที่ 9 พ.ค.68
วันหยุดนักขัตฤกษ์ คลินิกฯ เปิดเวลา 09.00-12.00 น.

02/05/2025

📢คลินิกฯ หยุด
วันที่
3-4 พ.ค.68
นะคะ

12/04/2025

📢คลินิกฯ หยุด
วันที่
13-19 เม.ย.68
นะคะ

01/03/2025

📢คลินิกฯ หยุด
วันที่ 1-3 มี.ค.68
นะคะ

12/02/2025

📢วันที่ 13 ก.พ.68
คลินิกฯ เปิดเฉพาะช่วงเย็น (17.30-19.30 น.)
นะคะ

ที่อยู่

ราชการดำเนิน
Muang Roi Et
45000

เวลาทำการ

จันทร์ 12:00 - 13:00
17:30 - 19:30
อังคาร 12:00 - 13:00
17:30 - 19:30
พฤหัสบดี 12:00 - 13:00
17:30 - 19:30
ศุกร์ 12:00 - 13:00
17:30 - 19:30
เสาร์ 09:00 - 12:00
อาทิตย์ 09:00 - 12:00

เบอร์โทรศัพท์

0892669891

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกสูตินรีเวชกรรมหมออนัญญาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์