คลินิกหมอนิลุบล

คลินิกหมอนิลุบล ตรวจรักษาโรคทั่วไปเด็กและผู้ใหญ่ ตรวจรักษาเฉพาะทางด้าน โรคหู คอ จมูก ไซนัส ภูมิแพ้

~~เวลาเปิดทำการคลินิก~~
***จันทร์ - ศุกร์***
เช้า 07.00 น - 09.00 น.
เย็น 17.00 น. - 20.00 น.
***เสาร์ - อาทิตย์***
เช้า 08.00 น - 12.00 น.
เย็น 17.00 น. - 20.00 น.

เช็ค✔️✔️สัญญาณที่เตือน เมื่อร่างกายขาดวิตามินBอาการที่ผิวหนังและเยื่อบุ📌มุมปากแตกหรืออักเสบ หรือที่เรียกว่า"โรคปากนกกระจ...
07/08/2025

เช็ค✔️✔️สัญญาณที่เตือน เมื่อร่างกายขาดวิตามินB
อาการที่ผิวหนังและเยื่อบุ
📌มุมปากแตกหรืออักเสบ หรือที่เรียกว่า"โรคปากนกกระจอก "
📌ริมฝีปากแห้ง แตก หรือลอก
📌ผิวหนังอักเสบ โดยเฉพาะบริเวณหน้า จมูก และปาก
📌ลิ้นอักเสบ แสบหรือแดงผิดปกติ
✔️โรคขาดวิตามิน B2 เป็นภาวะที่ป้องกันได้ด้วยการรับประทานอาหารที่หลากหลายและอุดมด้วยไรโบฟลาวิน เช่น นม ไข่ ผักใบเขียว และเนื้อสัตว์ สำหรับคนไทย การลดอาหารแปรรูป และอาหารลดจัด และเพิ่มเมนูที่มีวิตามิน B2 จะช่วยลดความเสี่ยงได้ หากมีอาการ เช่น มุมปากแตก ตาแดง หรืออ่อนเพลีย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจและรักษาทันที การดูแลโภชนาการตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้มีสุขภาพผิว ตา และร่างกายที่แข็งแรง

📌กระเพาะปัสสาวะอักเสบ📌มีอาการปวดจี๊ด ๆ แสบตอนปล่อยฉี่ ฉี่บ่อยแต่น้อยแถมบางคนมีไข้ หนาวสั่น หรือปวดหลังร้าว ๆ ขึ้นมาด้วย ...
01/08/2025

📌กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
📌มีอาการปวดจี๊ด ๆ แสบตอนปล่อยฉี่ ฉี่บ่อยแต่น้อย
แถมบางคนมีไข้ หนาวสั่น หรือปวดหลังร้าว ๆ ขึ้นมาด้วย อาการที่พูดมาเราก็จะนึกนึก “กระเพาะปัสสาวะอักเสบ”
ซึ่งจะเกิดบ่อยกับ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ท่อปัสสาวะสั้นกว่าผู้ชาย ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่า
1. กลั้นฉี่นานเกินไป
“ไม่ว่างฉี่ เดี๋ยวก่อน ยังไม่ปวดมาก” หลายคนอ่านแล้วตรงกับตัวเองนะ
การกลั้นฉี่นาน ๆ โดยเฉพาะนานเกิน 3–4 ชั่วโมงต่อครั้ง จะทำให้แบคทีเรียที่อาจเข้าไปอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ
มีเวลาเติบโต แบ่งตัว และสร้างการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เพราะเราไม่ยอมปล่อยน้ำออกไป
เพราะอย่ากลั้นฉี่นะ ถ้าปวดให้ไปฉี่ แม้จะยุ่งแค่ไหนก็ตาม
ยิ่งตอนก่อนนอน ถ้าอยากนอนยาวไม่ลุกกลางดึก ก็แค่ฉี่ให้สุดก่อนนอนครับ
2. เช็ดผิดทางหลังเข้าห้องน้ำ
เรื่องเล็กๆอย่าง “แค่เช็ดจากหลังมาหน้า” ก็เป็นอีกสาเหตุได้นะ
เพราะแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค เช่น E. coli ออกมากับอุจจาระ ถ้าเราเช็ดจากด้านหลังมาหน้า = พาเชื้อมาวางไว้ที่ปากท่อปัสสาวะพอดี
ก็จะยิ่งแต่เสี่ยง ซึ่งอยากจะแนะนำแบบนี้
หลังถ่ายให้เช็ดจาก “หน้าไปหลัง” เสมอ ไม่ว่าจะใช้กระดาษทิชชูหรือผ้าเปียก
และเลี่ยงการเช็ดแรงหรือขัดถูจนระคายเคือง เพราะอาจทำให้ผิวหนังถลอก อันนี้ยิ่งเสี่ยงติดเชื้อนะ
3. ดื่มน้ำน้อยเกินไป
หลายคนทำงานแล้วชอบบอกขอทำงานต่ออีกนิดให่มันเสร็จ
ไม่ค่อยลุก ไม่ค่อยดื่มน้ำ เพราะกลัวเข้าห้องน้ำบ่อย
แต่รู้มั้ยว่า การดื่มน้ำน้อย = ปัสสาวะน้อย = เชื้อไม่ถูกล้างออก
แก้ง่ายๆครับดื่มน้ำอย่างน้อย 6–8 แก้วต่อวัน หรือดูง่าย ๆ ว่า ปัสสาวะต้องไม่เข้มมาก
สีที่ดีคือ “เหลืองอ่อนใส ไม่มีกลิ่นฉุน”
อย่ารอให้กระหายน้ำแล้วค่อยดื่ม เพราะนั่นแปลว่าร่างกายขาดน้ำไปแล้ว
4. ไม่เปลี่ยนชุดชั้นในหรือเสื้อผ้าที่อับชื้น
ชุดรัดแน่น กางเกงในชื้น ๆ เหงื่อออกแล้วไม่เปลี่ยน…พฤติกรรมแบบนี้แหละ ตัวดีเลย
เพราะจุดซ่อนเร้นเป็นบริเวณที่อบอุ่นและชื้นง่าย
ถ้ามีเหงื่อ ตกขาว หรือเปียกจากการออกกำลังกาย แล้วไม่เปลี่ยนชุดทันที
จะเป็นแหล่งบ่มเพาะของแบคทีเรียและเชื้อราเลยครับ
เพราะฉะนั้นปรับนะครับ
ใส่กางเกงในผ้าฝ้ายที่ระบายอากาศได้ดี
ถ้าเหงื่อออกเยอะ หรือรู้สึกเปียก ๆ ก็เปลี่ยนวันละ 2 ครั้งไปเลย
เลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือเสียดสีบ่อย ๆ เพราะทำให้ผิวระคายเคืองและติดเชื้อได้ง่าย
5. ไม่ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์
อันนี้หลายคนไม่รู้ แต่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของกระเพาะปัสสาวะอักเสบในผู้หญิงเลยครับ
เรียกกันว่า “Honeymoon cystitis” หรือโรคฉี่แสบหลังมีเซ็กซ์
เพราะระหว่างมีเพศสัมพันธ์ อาจมีแรงดันหรือเสียดสีที่พาเชื้อจากช่องคลอดหรือรอบรูทวาร
เข้าไปใกล้ท่อปัสสาวะได้มากขึ้น
ถ้าไม่ล้างมือ ไม่ล้างอวัยวะ หรือไม่ฉี่หลังเสร็จ = เพิ่มความเสี่ยงแบบชัดเจน
แนะนำนะครับว่า
•ล้างมือและอวัยวะก่อน–หลังมีเซ็กซ์ทุกครั้ง
•ปัสสาวะทันทีหลังเสร็จกิจ
•ใช้ถุงยางเพื่อลดการเสียดสีและป้องกันเชื้อจากภายนอก
•ถ้าเป็นบ่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาปัจจัยเสี่ยงแฝง เช่น รูท่อปัสสาวะสั้นหรือมีความผิดปกติทางกายภาพครับ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาจดูไม่ร้ายแรงในตอนแรก
แต่ถ้าปล่อยไว้นานหรือเป็นบ่อย ๆ มีโอกาสลามขึ้นไปถึง “กรวยไต” ได้
อาจต้องนอนโรงพยาบาล เจาะน้ำเกลือ และเสี่ยงไตอักเสบตามมา
เรารู้ความเสี่ยงทั้ง 5 อย่างแล้ว อย่าลืมเอาไปปรับใช้นะ
หลายคนก็จะถามต่อว่ามีอะไรที่ช่วยได้อีกไหม
จริงๆ“โพรไบโอติกส์” หรือจุลินทรีย์ตัวดีก็เป็นอีกตัวช่วยนะ
โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ชื่อว่า Lactobacillus
ตัวนี้อยู่แถว ๆ ช่องคลอดของผู้หญิงและระบบขับถ่าย ถ้าสมดุลดีจะช่วย “กัน” ไม่ให้เชื้อร้าย (E. coli) เข้ามา
📌ถ้ายังไม่แน่ใจ ปรึกษาเภสัชกรหรือคุณหมอก่อนได้ครับ
แต่ก็ต้องย้ำนะว่าโพรไบโอติกส์ไม่ได้แทนยาฆ่าเชื้อ แต่เป็นตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันเหมาะกับคนที่ติดเชื้อซ้ำบ่อย ๆ หรืออยากเสริมแนวป้องกันจากภายใน เพราะฉะนั้นใครที่ฉี่แสบขัดต้องเอาไปทำตาม

📌โรคกลากในเด็ก คืออะไร?กลากเป็นโรคติดเชื้อทางผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อรา มีลักษณะเป็นผื่นแดงที่ผิวหนังและก่อตัวเป็...
01/08/2025

📌โรคกลากในเด็ก คืออะไร?
กลากเป็นโรคติดเชื้อทางผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อรา มีลักษณะเป็นผื่นแดงที่ผิวหนังและก่อตัวเป็นวงแหวนรอบผิวหนังที่ปกติ กลากมีหลายชนิด คุณสามารถติดเชื้อกลากที่ผิวหนัง หนังศีรษะ หรือเล็บได้ โรคกลากที่เท้าและโรคกลากที่ขาหนีบเป็นการติดเชื้อประเภทหนึ่ง
🔍 สาเหตุของโรคกลากในเด็ก
-เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Dermatophytes
-ติดต่อได้จากผู้อื่น สิ่งของ เครื่องนุ่งห่ม หรือสัตว์เลี้ยง (โดยเฉพาะแมว-สุนัข)
-ในเด็กเล็ก ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง ผิวบอบบาง จึงติดเชื้อได้ง่าย
💊 การรักษา
-หมอจ่ายยาทาฆ่าเชื้อรา (Antifungal cream) ทาวันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) นาน 6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
-ห้ามซื้อยาสเตียรอยด์มาทาเอง เพราะอาจทำให้ผื่นแย่ลง (เรียกว่า Tinea incognito)
👩‍⚕️ การป้องกัน
-หมั่นรักษาความสะอาดผิวลูก
-หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าห่มหรือเสื้อผ้าร่วมกับผู้อื่น
-ดูแลสัตว์เลี้ยงให้สะอาด ตรวจสุขภาพสัตว์เป็นประจำ
-หากพบผื่นผิดปกติ อย่าปล่อยไว้นาน ควรรีบพบแพทย์
📌 ผื่นในเด็กแม้จะดูเล็กน้อย แต่บางครั้งอาจเป็นสัญญาณของโรคติดเชื้อที่ควรได้รับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม
📌 หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตว่าลูกมีผื่นแดงขอบชัด ขยายตัว ไม่หายไปใน 1 สัปดาห์ ควรรีบพามาพบแพทย์นะครับ
#โรคกลาก

📌โรคมือ เท้า ปาก     #โรคมือเท้าปาก  เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส มักพบในเด็กเล็กและมี...
01/08/2025

📌โรคมือ เท้า ปาก
#โรคมือเท้าปาก
เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส มักพบในเด็กเล็กและมีการระบาดในช่วงฤดูฝน
📌อาการที่พบบ่อยคือมีไข้ เป็นแผลในปาก มีตุ่มน้ำใสตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า และลำตัว
📌โรคนี้ติดต่อจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำลาย น้ำมูก หรืออุจจาระ
📌อาการ:
1. ไข้: เด็กอาจมีไข้สูง 39 องศาเซลเซียส หรือมีไข้ต่ำๆ
2. แผลในปาก: มีลักษณะเป็นตุ่มแดงหรือตุ่มน้ำใสในปาก บริเวณลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก ทำให้เจ็บและทานอาหารลำบาก
3. ตุ่มน้ำใส: พบตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า อาจมีตามลำตัว แขน และขา
4. น้ำลายไหล: เนื่องจากเจ็บแผลในปาก
5. ไม่ยอมทานอาหาร: จากอาการเจ็บปาก
ติดต่อได้โดยการ...
👉 สัมผัสโดยตรง: กับน้ำลาย น้ำมูก หรืออุจจาระของผู้ป่วย
👉 สัมผัสทางอ้อม: ผ่านของเล่นหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ
👉 การหายใจ: การไอ จาม รดกัน
✅ การรักษา:
💉 รักษาตามอาการ: ส่วนใหญ่โรคจะหายได้เองภายใน 7-10 วัน
💉 ลดไข้: ให้ยาพาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน
💉 ยาชาเฉพาะที่: สำหรับทาหรือพ่นในช่องปาก เพื่อลดอาการเจ็บ
💉 ดูแลโภชนาการ: ให้ทานอาหารอ่อนๆ หรืออาหารเหลว เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือไอศกรีม และให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
💉 พักผ่อนให้เพียงพอ: เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว
💉 พบแพทย์: หากมีอาการรุนแรง เช่น ซึมลง หายใจหอบ หรือชัก ควรไปพบแพทย์ทันที
✅ การป้องกัน:
1. หมั่นล้างมือ: ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ หรือก่อนรับประทานอาหาร
2.หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน: เช่น แก้วน้ำ ช้อน หรือของเล่น
3.ทำความสะอาดของเล่น: และสิ่งของเครื่องใช้ของเด็กเป็นประจำ
4.สวมหน้ากากอนามัย: เมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก
5.หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในที่แออัด: โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาด
6.หากลูกป่วย: ให้หยุดเรียนและพักผ่อนที่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
7.แจ้งโรงเรียน: หากลูกป่วย เพื่อให้ทางโรงเรียนได้เฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด

📌Ramsay Hunt Syndrome (RHS) คือ การติดเชื้อไวรัสงูสวัด (Varicella Zoster Virus) ที่เส้นประสาทใบหน้าคู่ที่ 7 (CN VII faci...
01/08/2025

📌Ramsay Hunt Syndrome (RHS) คือ การติดเชื้อไวรัสงูสวัด (Varicella Zoster Virus) ที่เส้นประสาทใบหน้าคู่ที่ 7 (CN VII facial nerve ) โดยเชื้องูสวัดเป็นเชื้อเดียวกับอีสุกอีใส ที่เคยเป็นเมื่อตอนเด็ก พออีสุกอีใสหาย แล้วเชื้อไวรัส จะไปฝังตัวในปมประสาท (dorsal root ganglion) พออายุมากขึ้น โดยเฉพาะมากกว่า 55 ปี มีโรคประจำตัว เบาหวาน พักผ่อนน้อย โรคที่ภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้กระตุ้นเชื้อโรคมาอีกครั้ง
✔️อาการของ RHS มักเริ่มโดยอาการปวดนำมาก่อน 1-3 วัน ปวดหู ปวดใบหน้าข้างเดียว ต่อมาจึงมีตุ่มน้ำใส ที่หู และ ใบหน้า ข้างเดียว และโดยเฉพาะที่เพดานปาก และ 2/3 ด้านหน้าของลิ้น ข้างเดียว
และยังมีอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อใบหน้า มุมปากตก หลับตาไม่สนิท ยักคิ้วไม่ได้ (facial nerve palsy)
วิงเวียนศีรษะ ปวดหู มีเสียงในหู หรืออาจได้ยินเสียงลดลง
✔️อาการอัมพาตของกล้ามเนื้อใบหน้า อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน จะดีขึ้น แต่บางคนจะมีปวดใบหน้าหรือปวดหู(Post herpetic neuralgia) นานหลายเดือน ถึงเป็นปีได้
✔️การรักษา
1.ให้ยาต้านไวรัสโดยเร็ว ใน 24-72 ชั่วโมง ให้ Acyclovir 800 mg * 5 เวลา/ วัน หรือ Valciclovir 1000 mg * 3 เวลา / วัน ยิ่งให้เร็วยิ่งดีมากๆ
2. oral steroids เช่น Prednisolone พร้อมยาต้านไวรัสช่วยลดการบวมและอักเสบของเส้นประสาทและลดระยะเวลาของอััมพาตครึ่งซีกของใบหน้า อาจให้ dose สูงแล้วค่อยๆ taper ลง (ระวังในผู้ป่วยเบาหวาน ภูมิคุ้มกันต่ำ อาจน้ำตาลพุ่งสูง และติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่าย)
3. ยาลดปวดเส้นประสาท เช่น Gabapentin (600-900 mg/ day). หรือ pregabalin (150-200 mg/day)
4. การทำกายภาพบำบัด กระตุ้นเส้นประสาทใบหน้า
5. วัคซีนงูสวัด ช่วยได้มากในผู้สูงอายุ คนภูมิคุ้มกันต่ำ แต่ราคาสูง (2 เข็ม 12000 บาท+)
#การติดเชื้อไวรัสงูสวัด
https://my.clevelandclinic.org/.../6093-ramsay-hunt-syndrome
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/18646170/

คนไข้มักเข้าใจว่าเป็นเชื้อรา  #ผื่นรูปเหรียญ (Nummular eczema) เป็นอาการผื่นผิวหนังอักเสบ คัน อาจเป็นๆหายๆ มีปัจจัยให้กำ...
30/07/2025

คนไข้มักเข้าใจว่าเป็นเชื้อรา #ผื่นรูปเหรียญ (Nummular eczema) เป็นอาการผื่นผิวหนังอักเสบ คัน อาจเป็นๆหายๆ มีปัจจัยให้กำเริบคือ
1.ผิวแห้ง และระคายเคืองง่าย การใช้สบู่แรง สบู่ก้อน และอาบน้ำร้อนจัด การไม่ได้ทาครีมบำรุงผิว
2.การบาดเจ็บ การแกะเกาผิวหนัง
3.แมลงกัดต่อย
4.ความเครียด
5.อากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะ อากาศแห้ง เย็น
6.ดื่มสุรา (เพิ่มการอักเสบ)
7.การติดเชื้อที่ผิวหนัง (Staphylococcus aureus)
📌ผิวหนังอักเสบรูปเหรียญ(Nummular Eczema) เป็นโรคผิวหนังอักเสบ ให้ชื่อตามรูปร่างผื่นหนา(Plaque ) รูปกลมรี ขอบชัด ขนาดประมาณเหรียญ มีอาการคันมาก มักขึ้นตามแขนและขา
เริ่มแรกผื่นอาจเป็นตุ่มเล็กๆ บางคนมีตุ่มน้ำใส คันมากคนไข้เกาและขยายตัวเป็นผื่นหนา กลม มีขุยสะเก็ด(scaling) คนไข้มักเป็นผื่นภูมิแพ้ ผิวแห้ง
📌กลไกการเกิดโรคผื่นรูปเหรียญ คล้ายกับผิวหนังอักเสบทั่วไป โดยมักมี การสูญเสียการทำงานของเกราะผิว คือ ไขมันที่ผิวชั้นนอก (epidermal lipid barrier dysfunction) ทำให้สิ่งแปลกปลอมและแบคทีเรียเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ ประกอบกับกลไกการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อสิ่งแปลกปลอม
การศึกษาบางอย่าง พบว่ามีความเกี่ยวข้องระหว่าง เซลล์เม็ดเลือดขาว Mast cells และ เส้นประสาทรับความรู้สึก sensory nerves โดย mast cells จะปล่อย histamine และ สารอักเสบต่างๆ ไปที่ ใยเส้นประสาท C(Neural C fibers) โดยจำนวน mast cells และเส้นประสาท ที่สัมผัสกันมีปริมาณเพิ่มขึ้นในคนเป็นผื่นรูปเหรียญ ทำให้เกิดอาการคันอย่างรุนแรง
📌สาเหตุของโรค ส่วนใหญ่ของคนไข้ ผื่นรูปเหรียญจะมีผิวแห้งมาก(xerotic,very dry skin) มีโรคประจำตัวเช่น ผื่นภูมิแพ้(Atopic dermatitis) และสัมพันธ์กับผื่นแพ้ต่างๆ เช่น แพ้สารเคมี แพ้แมลงสัตว์กัดต่อย แพ้โลหะ นิกเกิล โครเมี่ยม รวมถึง ผื่นเรื้อรังจากการไหลเวียนเลือดไม่ดี (มีธาตุเหล็กมาเกาะที่ผิวหนัง)
📌พยากรณ์โรค เป็นโรคเรื้อรัง เป็นๆหายๆ บางคนเกามากอาจมีติดเชื้อแบคทีเรีย โดยมากจะเป็น staphylococcus aureus และถ้าเรื้อรังนานไปอาจเป็นผิวหนังอักเสบเรื้อรังขุยหนา (Lichen simplex chronicus) และเกิดเป็นแผลเป็นหลังผื่นหายได้
📌วินิจฉัยแยกโรค อาจคล้ายกับ ผื่นภูมิแพ้(atopic dermatitis) ,สะเก็ดเงิน ,กลากที่ผิวหนัง, cutaneous T cell lymphoma
📌การรักษา
1)ซ่อมแซมเกราะผิว ใช้สบู่อ่อนเหลว งดสบู่ก้อนสบู่ยาสบู่สมุนไพร และ ทาครีมบำรุงผิวบ่อยๆครับ หลังอาบน้ำทันที ถ้าแห้งมากอาจใช้ Vaseline petroleum jelly หรือ cream เนื้อข้นที่มี ceramide (Cerave) หรือ Eucerin สำหรับผิวแห้งมาก
2)สเตียรอย ทา ถ้าเป็นไม่แรงใช้ potency กลาง เช่น 0.1 triamcinolone cream แต่ถ้าผื่นหนา อาจใช้ potency แรงเช่น betamethasone (plus neomycin ในคนที่ติดเชื้อแบคทีเรีย) ,ถ้าพัฒนาจนเป็น ผื่นคันหนาเรื้อรัง ให้ใช้ super potent steroids เช่น 0.05% clobetasol (dermovate)
ถ้าใช้นานๆอาจมีผลข้างเคียง สามารถใช้ calcineurin inhibitors เช่น tracolimus ,pimecolimus (Elidel,protopic) ก็ได้ผลดี ราคาสูงหน่อย
3) systemic steroids ให้ prednisolone 2*2 ระยะสั้นๆ ถ้าหายอักเสบแล้วก็หยุดได้
กลุ่มยา Biologics คือ ยา Dupilumab, a monoclonal antibody targeting interleukin (IL)-4 and IL 13 ใช้ได้ดี ในผื่นรูปเหรียญและ ผื่นภูมิแพ้ Atopic dermatitis . แต่แพงมาก เข็มละ 2 หมื่นกว่า ฉีดทุก 2-4 สัปดาห์
ถ้าอาการหนักมาก อาจใช้ยากดภูมิ เช่น cyclosporin ,methotrexate ได้
JAK inhibitors ก็ได้ผล แต่ราคาสูงมาก
4)ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ส่วนใหญ่ เป็น staph เราให้ dicloxacillin Cephalexin ได้
5) ยาแก้คัน พวก antihistamine กลางวันอาจให้แบบไม่ง่วง cetirizine/fexofenadine ตอนกลางคืนอาจให้แบบง่วงช่วยด้วยจะได้หลับดีขึ้น (Atarax 25 mg hs)
โรคผื่นรูปเหรียญ มักเรื้อรัง เป็นๆหายๆ สร้าง หายแล้วทิ้งรอยดำได้ ความเครียดวิตกกังวลให้คนไข้ การดูแลผิวให้ครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นผิวมากๆ(heavy moisturizer) ช่วยป้องกันการกำเริบได้ครับ ❤️
Reference
https://emedicine.medscape.com/article/1123605-treatment
https://nationaleczema.org/types-of-eczema/nummular-eczema/

ทาสน้องหมาน้องแมวควรรู้  💬📌การติดเชื้อราจากสัตว์เลี้ยง (สุนัข แมว กระต่าย หนู วัว) พบได้บ่อย ปัญหาคือ วินิจฉัยในช่วงแรก ...
30/07/2025

ทาสน้องหมาน้องแมวควรรู้ 💬
📌การติดเชื้อราจากสัตว์เลี้ยง (สุนัข แมว กระต่าย หนู วัว) พบได้บ่อย ปัญหาคือ วินิจฉัยในช่วงแรก ผื่นวงเล็กๆ อาจคล้ายตุ่มยุงกัด คนไข้อาจมาในช่วงแรก อาจได้ยาสเตียรอยด์ไปทา ทำให้โรคเหมือนดีขึ้นชั่วคราว แล้วต่อมาอาจมีอาการแรงขึ้นทีหลัง หรือเกิดจากการไม่แน่ใจในวินิจฉัย จึงจ่ายยาทา ที่ผสมสเตียรอยไป ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง ไม่หายขาดง่าย ทั้งที่จริง ทา Clotrimazole cream อย่างเดียว 2-3 สัปดาห์ก็หาย ไม่ต้องกินยาแก้เชื้อราก็หายครับ
📌 การติดเชื้อราจากแมวหรือสุนัขสู่คน เชื้อในแมวส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อกลาก (dermatophyte) คือ Microsporum canis ซึ่งเชื้อราแพร่กระจายง่ายมากไปสู่สิ่งแวดล้อมและคนเชื้อราอาจติดโดยตรงสู่คน หรือ โดยอ้อมจากสิ่งแวดล้อมที่แมวไปอยู่ เช่น เตียง โซฟา แล้วมาติดคน โดยเชื้อราสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้เป็นเวลานาน
ตำแหน่งในแมวที่เชื้อรามากคือ ใบหน้า จมูกหาง เท้า แมว
ส่วนคนที่ติดง่ายคือ คนที่ภูมิคุ้มกันต่ำ เด็ก คน
สูงอายุ เบาหวาน บริเวณที่ติดเชื้อบ่อย ที่หมอเจอ
คือ ข้อเท้า ,แขน (อุ้มแมว) , ใบหน้า แมวเลียหน้า
ลักษณะเมื่อติดสู่คน ช่วงแรกอาจเป็นจุดเล็กๆ
คล้ายยุงกัด บางคนไม่คิดว่าแมวมีเชื้อรา (บางทีก็มองไม่เห็น ต้องส่องไฟ wood 'S lamp ดู) เอายาแก้ผื่นคันมาทาซึ่งมีสเตียรอย ก็เหมือนจะดีขึ้น แต่หายไปสักพัก กลับมาเห่ออีก กว้างขึ้น ก็ทาสเตียรอยซ้ำไปอีก หลายๆรอบ เกิดเป็นวงแดงกว้างบางครั้งลักษณะกลากเปลี่ยนไป กลายเป็น กลาก ดื้อยา วินิจฉัยยาก รักษายาก ไปอีก
📌การรักษา ทายาแก้เชื้อรา (ไม่ผสมสเตียรอย)เช่น Clotrimazole,Ketoconazole,Terbinafine
อย่างเดียวก็เพียงพอ 2-3 สัปดาห์ ถ้าไม่หายหรือ เป็นปริมาณกว้าง ควรใช้ยากินได้ เช่น Itraconazole 100 mg 10 วัน ในผู้ใหญ่ , เด็กอาจให้ ketoconazole 3-5 mg/kg/day 7 วัน พร้อมทายา
ในเด็กอายุไม่เกิน 2ขวบ,เด็กเล็กมาก ควรทาอย่างเดียว เช่น
Clotrimazole cream, Ketoconazole cream
📌ยารวมมิตร มีมากในประเทศไทย หลอดเดียวมี ยาแก้เชื้อรา ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาสเตียรอยแบบกลางหรือแรง ;บางยี่ห้อก็ผสม Superpotent steroid อย่าง betamethasone dipropionate ซึ่งกดภูมิคุ้มกันแรง บางที ถ้าคนไข้เอาไปทาหน้า หรือซอกพับ นานไปมีผลข้างเคียงสเตียรอยด์รุนแรง
📌บางทีก็เจอคนไข้แพ้นิดเดียว แต่ได้ยา Clobetasol ที่เป็น Ultra potent steroid ความแรงสูงสุดมาทาหน้า อันนี้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงกับหน้าได้
Reference
https://www.msdvetmanual.com/.../ringworm-dermatophytosis...

📌จากกรณีคุณเปิ้ล นาคร ได้ออกมาชี้แจงผ่านการไลฟ์สดในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับอาการหูอื้อข้างเดียว และได้ไปตรวจหมอสรุปว่าเป็น “โรค...
26/07/2025

📌จากกรณีคุณเปิ้ล นาคร ได้ออกมาชี้แจงผ่านการไลฟ์สดในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับอาการหูอื้อข้างเดียว และได้ไปตรวจหมอสรุปว่าเป็น “โรคหูดับเฉียบพลัน” แบบไม่ทราบสาเหตุ
“พญ.ปิยมาภรณ์ อิทธิโสภณพิศาล” แพทย์เฉพาะทางโสตศอนาสิกวิทยา โรงพยาบาลศิครินทร์ ช่วยวิเคราะห์กรณีของเปิ้ล - นาคร เกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดโรคหูดับ
“เท่าที่เจอคนไข้หูดับเหล่านี้จะเสียการนำเสียงผ่านเส้นประสาท ส่วนใหญ่ถ้าเส้นประสาทเสียฉับพลันมันจะมีทั้งแบบหาสาเหตุไม่เจอ ซึ่งจะเป็นส่วนใหญ่ของคนไข้ สัก 90% แต่ที่หาสาเหตุได้จะมีแค่ 10-15% เท่านั้นเอง คราวนี้ก็ต้องมาแบ่งว่าคุณเปิ้ล นาคร อยู่ในกลุ่มที่หาสาเหตุไม่เจอหรือหาสาเหตุเจอ

▶️เรื่องการนอนน้อย ใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ พักผ่อนไม่เพียงพอ พวกนี้มันก็บอกยากว่าเป็นสาเหตุที่กระตุ้นหรือเปล่า หรือมีการติดเชื้อไวรัสเข้าไปด้วยหรือเปล่า การอุดตันหลอดเลือดเข้าไปเลี้ยงหูชั้นใน หรือในกลุ่มบางกลุ่มที่เป็นโรคของหูชั้นใน เช่น น้ำในหูไม่เท่ากันก็อาจจะอยู่ในกลุ่มที่หาสาเหตุไม่ชัดเจนได้

▶️ประวัติของคุณเปิ้ล - นาคร ประวัติไม่ชัดเจนในเรื่องของการติดเชื้อ หรือโรคประจำตัว ตรงนี้จะหาสาเหตุได้ไม่ชัดเจน อย่างถ้าเป็นเบาหวาน ไขมันสูง หรือคนที่มีประวัติกินอาหารสุกๆ ดิบๆ เนื้อหมูดิบ และทำให้ไม่ได้ยินขึ้นมาฉับพลัน มีไข้ขึ้น ปวดศีรษะมากก็จะเป็นกลุ่มที่หาสาเหตุได้”
โรคหูดับเฉียบพลันเป็นโรคที่พบเจอได้น้อย คือ การที่มีภาวะได้ยินที่ลดลงจากเดิมอย่างเฉียบพลัน เสียการนำเสียงผ่านเส้นประสาท ทำให้ไม่ได้ยินเสียงใดๆขณะที่อีก 10% ที่สามารถหาสาเหตุของการเกิดโรคหูดับได้ คุณหมออธิบายให้ฟังว่า มีตั้งแต่การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ หรือผ่านการผ่าตัดมาก่อน รวมถึงมีเนื้องอกที่สมอง และกินอาหารไม่สุกก็เป็นหนึ่งที่ก่อให้เกิดอาการนี้ได้ด้วยเช่นกัน“ในกลุ่ม 10 - 15% เป็นได้หมดเลย ขึ้นอยู่กับการซักประวัติตรวจร่างกายคนไข้ อาจมาจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ การผ่าตัดมาก่อน หรือว่ามีเนื้องอกที่ก้านสมองไปกดทับก็ได้เหมือนกัน เหล่านี้จะเป็นกลุ่มที่ทราบสาเหตุ หรือว่าการติดเชื้อหูชั้นในอย่างฉับพลัน จากการกินอาหารสุกๆ ดิบๆ นั่นเอง

▶️หรือบางกลุ่มที่มีประวัติว่าได้ยาบางชนิดแล้วฉีดเข้าไป เพื่อรักษาโรคแล้วอยู่ดีๆ หูไม่ได้ยินฉับพลันก็จัดว่าเป็นกลุ่มที่ทราบสาเหตุเหมือนกัน ถ้าหยุดยาทันที บางทีอาการก็สามารถดีขึ้นได้ ส่วนความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ ยกตัวอย่าง 1 แสนคนจะเจอ 5-25% เท่านั้นเอง ถือว่าเจอน้อย แต่ก็ต้องซักประวัติ ตรวจร่างกายค่อนข้างต้องละเอียด ถ้าตรวจหมดแล้วว่าไม่ได้มีสาเหตุตรงนี้ ก็จะให้คนไข้ตรวจการได้ยิน คนที่สูงอายุอาจจะพบได้บ่อยขึ้น ผู้หญิง ผู้ชายเจอได้พอๆ กัน ถ้าอายุเยอะขึ้นพบว่ามักจะสัมพันธ์กับการเจอโรคนี้ที่มากขึ้นค่ะ แต่เท่าที่รักษามาคนไข้อายุน้อยหมอก็เจอเหมือนกัน”

▶️สาเหตุของการเกิดโรคหูดับยังไม่สามารถตัดสินได้ชัดเจน 100% ว่าจากความเสี่ยงใด ขณะที่แพทย์เฉพาะทางโสตศอนาสิกวิทยาก็ได้เผยให้ฟังถึงการรักษา อย่างในกรณีของเปิ้ล - นาคร ที่ต้องกินยาสเตียรอยด์ 7 วัน หากไม่หายดีอาจมีความเสี่ยงไม่ได้ยินระยะยาว #มันเป็นไกด์ไลน์เลยในการรักษาหูดับฉับพลันถ้าคนไข้มาในช่วง14วันแรกการกินสเตียรอยด์จะต้องให้ในปริมาณที่สูงมันจะมีผลในการช่วยทำให้การได้ยินกลับมาปกติได้กินประมาณ7วันและให้ตรวจการได้ยินซ้ำถ้าเส้นประสาทไม่ได้เสื่อมในระดับที่สูงมากเมื่อได้กินสเตียรอยด์ได้เร็วการได้ยินก็สามารถกลับมาปกติได้เลย
แต่ถ้าอายุเยอะและการได้ยินเสียไปค่อนข้างมาก บางทีการกินสเตียรอยด์อาจไม่ได้ทำให้กลับมาในระดับที่ปกติได้ ส่วนหลังจากรักษาครบ 1 สัปดาห์แล้ว กินยาแล้วแนวโน้มดีหรือเปล่าต้องดูอีกที

▶️แต่ในกลุ่มที่ค่อนข้างรุนแรง กินยาแล้ว 1 อาทิตย์ไม่ดีขึ้นเลย ลองดูอีก 1 อาทิตย์ก็ยังแย่อยู่อีก อีกตัวเลือกคือ ลองทำการฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในแก้วหู ผ่านเข้าไปในหูชั้นกลางเลย ถ้ารักษาแบบนี้แล้วยังไม่ได้ผล คราวนี้ก็จะยากแล้ว โอกาสที่จะกลับมาดีก็ถือว่ายาก

▶️สุดท้าย หมออยากแนะนำว่าต้องดูก่อนว่าหูอื้อ เราไปทำอะไรมาก่อนหรือเปล่า เช่น ไปแคะหู ไปดำน้ำ หรือมีหวัด มีการติดเชื้อมาก่อน ถ้ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ตรวจร่างกายจะเจอความผิดปกติ เช่น อาจจะมีขี้หู หรือหูชั้นนอกบวมอักเสบ หรือมีน้ำคั่งในหูชั้นกลางจากการติดเชื้อหวัดหรือไซนัส จะรักษาด้วยการให้ยา อย่างที่บอก 1 แสนคนอาจจะเจอไม่ถึง 25 คนด้วยซ้ำ แต่แนะนำให้ระวัง เช่น เรามีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน เป็นเกาต์ หรือมีไขมันในเลือดสูง จะเป็นกลุ่มที่เจอโรคหูดับขึ้นมาได้ด้วย แต่ถ้าเราเป็นคนสุขภาพดี ไม่ได้ไปทำกิจกรรมอะไรเลย อยู่บ้านเฉยๆ แล้วเป็น ก็ควรพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจเฉพาะทางดีกว่า”
#โรคหูดับเฉียบพลันไม่รักษาภายใน7วันมีสิทธิ์หูหนวก
ข่าวโดย MGR Live

🏠🌧️ ดูแลบ้านช่วงฤดูฝนอย่างไร... ปลอดภัยจากเชื้อรา
26/07/2025

🏠🌧️ ดูแลบ้านช่วงฤดูฝนอย่างไร... ปลอดภัยจากเชื้อรา

สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม ขอเสนอ
🏠🌧️ ดูแลบ้านช่วงฤดูฝนอย่างไร... ปลอดภัยจากเชื้อรา

เมื่อความชื้นในฤดูฝนเพิ่มสูงขึ้น การสะสมของเชื้อราในบ้านอาจเกิดขึ้นได้ง่าย ⚠️ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคาร และสุขภาพของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก 👶 ผู้สูงอายุ 👵 และผู้ที่มีภาวะภูมิแพ้หรือโรคหอบหืด 🤧💨

☣️ อันตรายจากเชื้อรา
🔸 เชื้อราอาจทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ หอบหืด และผื่นคัน🤧
🔸กระทบต่อระบบทางเดินหายใจ 🫁
🔸ทำลายโครงสร้างบ้าน เช่น ไม้ ผนัง และฝ้าเพดาน 🧱

🛠️ วิธีจัดการเชื้อรา
1️⃣ ทำความสะอาดบริเวณที่มีเชื้อราด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น น้ำส้มสายชู 🍶 ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือ น้ำยาฟอกขาว🧴
️2️⃣เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท หรือติดพัดลมดูดอากาศ 💨 เพื่อลดความชื้นภายในบ้าน
3️⃣ซ่อมแซมรอยรั่ว รอยแตก เพื่อป้องกันน้ำซึมสะสม🔧
4️⃣หมั่นทำความสะอาดบ้าน เสื้อผ้า และเครื่องนอน 🧺🛏️ เป็นประจำ

📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://env.anamai.moph.go.th

#สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม #กรมอนามัย
#กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข #กรมอนามัยส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี

🔈ไข้หวัดใหญ่ Vs ไข้หวัดธรรมดา ต่างกันอย่างไร?      ช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ บ้าน คงกังวลกันไม่น้อยในช่วงฤดูฝนแบบนี้ ทั้...
24/07/2025

🔈ไข้หวัดใหญ่ Vs ไข้หวัดธรรมดา ต่างกันอย่างไร?
ช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ บ้าน คงกังวลกันไม่น้อยในช่วงฤดูฝนแบบนี้ ทั้งไวรัสหรือเชื้อหวัดต่าง ๆ ที่รายล้อมอยู่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าตนเองหรือเจ้าตัวเล็กจะป่วยเมื่อไหร่ แล้วถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมา จะรู้ได้ไงว่าเราเป็น ไข้หวัด แบบไหน วันนี้เรามีอาการของไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรรมดามาฝากทุกคนค่ะ
👩‍⚕️อาการของไข้หวัดธรรมดา
1. มีไข้ต่ำ ๆ
2. ไม่ค่อยพบอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
3. อ่อนเพลียเล็กน้อย เป็นระยะ ๆ
4. ไม่ค่อยพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย5.
5. พบอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และเจ็บคอในระยะแรกเริ่ม

👩‍⚕️อาการของไข้หวัดใหญ่
1. มีไข้สูง
2. พบอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก
3. มีอาการอ่อนเพลียตลอดเวลา
4. มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย
5. พบอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และเจ็บคอในระยะหลัง

📌เราสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง และดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์โดยการ
“ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด”
☑️ปิด ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม
☑️ล้าง ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ
☑️เลี่ยง หลีกเลี่ยงคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย
☑️หยุด หยุดเมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรมในสถานที่แออัด
#ไข้หวัดธรรมดา #ไข้หวัดใหญ่ #ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยตนเอง

24/07/2025

📣การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในจมูกออกไป ช่วยลดจำนวนเชื้อโรค ของเสีย และสารก่อภูมิแพ้ สามารถทำได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และสามารถล้างได้บ่อยๆ เมื่อมีอาการคัดจมูก หรือวันละ 2 – 3 ครั้ง และอาการคัดจมูกช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้นอีกด้วย การล้างจมูกไม่ได้จำเป็นสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้เท่านั้น แต่คนที่มีสุขภาพแข็งแรง ผู้ใหญ่ และเด็ก (ที่สามารถกลั้นหายใจ และสั่งน้ำมูกเองได้) ก็สามารถล้างจมูกได้เช่นกัน
- ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้
- ผู้ที่เป็นไซนัสอักเสบ
- ผู้ที่เป็นหอบหืด พ่นยาเป็นประจำ
- ผู้ที่ต้องเผชิญมลภาวะ สูดดมฝุ่น ควันบ่อยๆ
- ผู้ที่เป็นหวัดคัดจมูก มีน้ำมูกหรือเสมหะมากๆ จนรบกวนการหายใจ
📌อุปกรณ์ที่ใช้ในการ ล้างจมูก
- น้ำเกลือปราศจากเชื้อ Sodium Chloride 0.9%
- ไซริงค์ (Syringe) ขนาด 5-10 cc (สำหรับเด็ก) ขนาด 10-20 cc (สำหรับผู้ใหญ่)
- ภาชนะที่สะอาด สำหรับใส่น้ำเกลือในการล้างจมูก
อื่นๆ เช่น ภาชนะรองน้ำ กระดาษทิชชู แก้วสะอาด
📌ขั้นตอนการล้างจมูก
1.ล้างมือและไซริงค์ให้สะอาด
2.เทน้ำเกลือใส่ในภาชนะที่สะอาด
3.ใช้ไซริงค์ดูดน้ำเกลือจากภาชนะที่สะอาดประมาณ 10-20 มิลลิลิตร ตามขนาดของไซริงค์ และโน้มตัวเหนือภาชนะรองน้ำ
4.ดันไซริงค์ให้แนบสนิทกับรูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง แล้ว “กลั้นหายใจ ก้มหน้า อ้าปาก”
5.ค่อยๆ ฉีดน้ำเกลือเข้ารูจมูก น้ำเกลือจะไหลเข้าไปในโพรงจมูก และไหลออกทางรูจมูกอีกด้านหนึ่ง
6.สั่งน้ำมูกที่ค้างอยู่ออกเบาๆ บางคนอาจมีน้ำเกลือบางส่วนไหลออกทางปากให้บ้วนทิ้งไป
7.ล้างจมูกอีกข้างหนึ่ง ด้วยขั้นตอนแบบเดียวกัน
8.ทำซ้ำโดยล้างจมูกสลับกันไปมา หรือล้างจนกว่าจะรู้สึกหายใจโล่ง ไม่มีน้ำมูก
❌ข้อควรระวังเมื่อล้างจมูก❌
ควรใช้น้ำเกลือ Sodium Chloride 0.9% ชนิดปราศจากเชื้อ เท่านั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อนและไม่ระคายเคืองโพรงจมูก
ห้ามใช้น้ำเปล่าล้างจมูก เพราะจะทำให้เกิดอาการสำลักน้ำ และแสบโพรงจมูก
ไม่ควรฉีดน้ำเกลือแรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองโพรงจมูก หรือโพรงจมูกอักเสบได้
ควรสั่งน้ำมูกและเช็ดจมูกเบาๆ เพราะการสั่งน้ำมูกแรงๆ อาจทำให้เกิดอาการหูอื้อหรือหูอักเสบได้ และขณะที่สั่งน้ำมูกไม่ควรอุดรูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง ควรสั่งพร้อมกันทั้งสองข้าง
หากต้องการใช้ยาพ่นหลังจากล้างจมูก ควรรอให้โพรงจมูกแห้งก่อนอย่างน้อย 3-5 นาที จึงพ่นยา

24/07/2025

📌แจ้งเวลาเปิดบริการ คลินิกแพทย์นิลุบล แพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก
เวลาเปิดทำการ
จันทร์ - ศุกร์
เช้า : 07.00 - 09.00 น.
เย็น : 17.00 - 20.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์
เช้า : 08.00 - 12.00 น.
เย็น : 17.00 - 20.00 น.
วันหยุดนเปิดเฉพาะเวลาเย็น 17.00 - 20.00 น.
❌❌คลินิกปิดทุกเช้าวันพฤหัสบดี❌❌
เปิดเย็น 17.00 - 20.00 น.
โทร 055-512033 (ติดต่อได้เฉพาะเวลาเปิดคลินิก) :

ที่อยู่

52/17 ถ. มหาดไทยบำรุง ต. ระแหง อ. เมือง จ. ตาก
Muang Tak
63000

เวลาทำการ

จันทร์ 07:00 - 08:30
17:00 - 20:00
อังคาร 07:00 - 08:30
17:00 - 20:00
พุธ 07:00 - 08:30
17:00 - 20:00
พฤหัสบดี 17:00 - 20:00
ศุกร์ 07:00 - 08:30
17:00 - 20:00
เสาร์ 08:00 - 12:00
17:00 - 20:00
อาทิตย์ 08:00 - 12:00
17:00 - 20:00

เบอร์โทรศัพท์

+6655512033

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกหมอนิลุบลผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท

Our Story

~~เวลาเปิดทำการคลินิก~~ ***จันทร์ - ศุกร์*** เช้า 07.00 น - 08.30 น. เย็น 17.00 น. - 20.00 น.

***เสาร์ - อาทิตย์*** เช้า 08.00 น - 12.00 น.

เย็น 17.00 น. - 20.00 น.