ร้านยาคุณภาพ บ้านยาและสุขภาพ สระบุรี

14/04/2025

"เดินทางปลอดภัย สะดวกสบาย กับบริการรถตู้ให้เช่าคุณภาพจาก
PharmaexPark&Fly
🚐 พร้อมให้บริการทั่วไทย
✨ รถใหม่ สะอาด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
👨‍✈️ คนขับมืออาชีพ ชำนาญเส้นทาง
📞 ติดต่อจองง่าย พร้อมบริการ 24 ชั่วโมง
เลือกเรา...เพื่อการเดินทางที่ดีที่สุด!
โทรเลย 089-900-8645
"PharmaexPark&Fly ให้ทุกการเดินทางเป็นเรื่องง่าย!"

"เดินทางปลอดภัย สะดวกสบาย กับบริการรถตู้ให้เช่าคุณภาพจาก
PharmaexPark&Fly
🚐 พร้อมให้บริการทั่วไทย
✨ รถใหม่ สะอาด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
👨‍✈️ คนขับมืออาชีพ ชำนาญเส้นทาง
📞 ติดต่อจองง่าย พร้อมบริการ 24 ชั่วโมง

เลือกเรา...เพื่อการเดินทางที่ดีที่สุด!
โทรเลย 089-900-8645

"PharmaexPark&Fly ให้ทุกการเดินทางเป็นเรื่องง่าย!"

13/04/2025

วันหยุดเราไม่หยุด สอบถามเรื่องยาและสินค้า ติดต่อได้ที่
https://lin.ee/jto8GaDv
เนื่องจากในเพจไม่ค่อยแจ้งเตือน

Open the Friends tab in your LINE app, tap the add friends icon inthe top right, select "QR code," and then scan this QR code.

11/04/2025

ชะลอวัยด้วยสมุนไพร: เภสัชกรไขข้อสงสัย ตัวไหนช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน ในฐานะเภสัชกร ผมเข้าใจดีว่าการดูแลสุขภาพในวัยสูงอายุเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง หลายท่านอาจสนใจสมุนไพรที่ช่วยชะลอวัยและดูแลสุขภาพ วันนี้ ผมจะมาสรุปข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับสมุนไพรที่นิยมใช้กัน เพื่อให้ท่านผู้อ่านมีความเข้าใจที่ถูกต้องและนำไปใช้ได้อย่างปลอดภัยครับ

ชะลอวัย ไม่ใช่แค่เรื่องความสวย แต่คือการมีสุขภาพดี

การชะลอวัยในมุมมองของเภสัชกร ไม่ได้หมายถึงแค่การทำให้ผิวพรรณเต่งตึงเท่านั้น แต่หมายถึงการทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่มีปัญหาสุขภาพรุนแรงเมื่ออายุมากขึ้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งอาหาร การนอน การออกกำลังกาย และการใช้สมุนไพรอย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญ

ความเสื่อมที่มาพร้อมวัย และสมุนไพรทางเลือก

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะเสื่อมลงตามธรรมชาติ เพิ่มความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ปัญหาด้านสมองและความจำ สมุนไพรบางชนิดอาจมีส่วนช่วยลดความเสื่อมเหล่านี้ได้ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง

สมุนไพรยอดนิยม และข้อมูลทางเภสัชวิทยา

1. โสม (Ginseng):
* มีสารสำคัญ "จินเซนโนไซด์" ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
* งานวิจัยในคน: ผลต่อสมองและความจำยังไม่ชัดเจน, ผลต่อหัวใจและหลอดเลือดไม่ชัดเจน
* ข้อควรระวัง: อาจเพิ่มความดันโลหิต, มีผลต่อยาบางชนิด
2. ใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba):
* มีสารต้านอนุมูลอิสระ, ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
* งานวิจัยในคน: ช่วยชะลออาการความจำเสื่อม, อาจช่วยลดน้ำตาลในเลือด
* ข้อควรระวัง: ทำให้เลือดแข็งตัวช้า, ห้ามใช้ร่วมกับยาละลายลิ่มเลือด
3. เห็ดหลินจือ (Ganoderma lucidum):
* มีสารต้านอนุมูลอิสระ, อาจช่วยเรื่องภูมิคุ้มกัน
* งานวิจัยในคน: ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับประโยชน์ด้านชะลอวัย
* ข้อควรระวัง: ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในคนยังมีจำกัด
4. เจียวกู่หลาน (Gynostemma pentaphyllum):
* มีสารกลุ่มซาโปนิน, อาจช่วยเรื่องการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน
* งานวิจัยในคน: อาจลดความเครียด, ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด.
* ข้อควรระวัง: อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ, ระวังการปนเปื้อนโลหะหนัก
5. ขมิ้นชัน (Curcuma longa):
* มีสารสำคัญ "เคอร์คูมิน" ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ
* งานวิจัยในคน: ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนเรื่องความจำเสื่อม, อาจช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นเล็กน้อย
* ข้อควรระวัง: อาจทำให้คลื่นไส้ ท้องเสีย, ห้ามใช้ในผู้ที่ท่อน้ำดีอุดตัน
6. เรสเวอราทรอล (Resveratrol):
* เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง
* งานวิจัยในคน: อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความจำ, อาจช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดได้เล็กน้อย
* ข้อควรระวัง: ค่อนข้างปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย

ข้อคิดสำคัญจากเภสัชกร:

* ข้อมูลทางวิชาการยังมีจำกัด สมุนไพรไม่ใช่ยารักษาโรค
* ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้สมุนไพร โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว
* เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน

การดูแลสุขภาพในวัยสูงอายุเป็นเรื่องสำคัญ การใช้สมุนไพรเป็นทางเลือกเสริม ควรทำด้วยความเข้าใจและระมัดระวัง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับประโยชน์และความปลอดภัยสูงสุดนะครับ

14/11/2024

14/11/2024

อย่าหลงเชื่อ ยาหูทิพย์

17/09/2024

**อาหารเสริมบำรุงสมองสำหรับผู้สูงอายุที่เสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อม**

ในวัยสูงอายุ การเสื่อมของระบบประสาทและสมองถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ แต่สำหรับหลายๆ คน ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์นั้นมีมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้การดูแลสมองกลายเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่เพียงแต่การออกกำลังกายและการทานอาหารที่ดีเท่านั้น แต่อาหารเสริมบางชนิดก็อาจมีบทบาทสำคัญในการช่วยบำรุงสมอง และลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมได้

ต่อไปนี้คืออาหารเสริมที่ได้รับความนิยมในการบำรุงสมองสำหรับผู้สูงอายุที่เสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อม:

# # # 1. **โอเมก้า-3 (Omega-3)**
โอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันจำเป็นที่พบได้มากในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล และปลาทูน่า ในโอเมก้า-3 มีสาร DHA (Docosahexaenoic Acid) ที่เป็นส่วนสำคัญในการบำรุงและเสริมสร้างการทำงานของสมอง จากงานวิจัยพบว่า DHA มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และชะลอการเสื่อมของสมองในผู้สูงอายุ การรับประทานอาหารเสริมน้ำมันปลา หรืออาหารที่มีโอเมก้า-3 สูง จึงเป็นวิธีที่ดีในการดูแลสมอง

# # # 2. **วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex)**
วิตามินบีรวม โดยเฉพาะวิตามิน B6, B9 (โฟเลต) และ B12 มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบประสาทและสมอง วิตามินบีกลุ่มนี้ช่วยลดระดับโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) ในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมของสมองและโรคสมองเสื่อม นอกจากนี้ยังช่วยในการสร้างเซลล์ประสาทใหม่ และรักษาระบบสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท

# # # 3. **โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10)**
โคเอนไซม์ คิวเทน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในเซลล์ของร่างกาย และช่วยในการผลิตพลังงานให้กับเซลล์ การเสื่อมของเซลล์สมองส่วนหนึ่งมาจากอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดการอักเสบ โคเอนไซม์ คิวเทน จึงมีส่วนช่วยปกป้องสมองจากความเสื่อมของเซลล์และลดโอกาสเกิดโรคสมองเสื่อม

# # # 4. **ฟอสฟาติดิลซีรีน (Phosphatidylserine)**
ฟอสฟาติดิลซีรีน เป็นสารไขมันชนิดหนึ่งที่พบในเซลล์สมอง ช่วยเสริมสร้างการทำงานของเซลล์สมอง และเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างเซลล์ งานวิจัยบางชิ้นพบว่า การทานฟอสฟาติดิลซีรีนเป็นอาหารเสริมอาจช่วยชะลอการเสื่อมของความจำ และการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ

# # # 5. **แปะก๊วย (Ginkgo Biloba)**
สมุนไพรแปะก๊วยเป็นที่รู้จักกันดีในการช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง และเพิ่มประสิทธิภาพในการรับรู้ การศึกษาบางชิ้นพบว่าแปะก๊วยช่วยลดอาการหลงลืมและเสื่อมของสมองในผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ประสาท

# # # 6. **เรสเวอราทรอล (Resveratrol)**
เรสเวอราทรอลเป็นสารที่พบในองุ่นแดงและไวน์แดง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ และมีงานวิจัยที่สนับสนุนว่าเรสเวอราทรอลสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมของสมองในผู้สูงอายุได้ การรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยเสริมสุขภาพสมองได้

# # # สรุป
การบำรุงสมองสำหรับผู้สูงอายุไม่ใช่แค่การรับประทานอาหารที่หลากหลายและดีต่อสุขภาพ แต่การเสริมด้วยอาหารเสริมบางชนิดก็สามารถมีประโยชน์ได้ อย่างไรก็ตาม การเลือกทานอาหารเสริมควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือทานยาประจำ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

การดูแลสมองตั้งแต่วันนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ชีวิตในวัยชรามีคุณภาพและความจำที่ดีเสมอ

Call now to connect with business.

03/09/2024

30 บาทรักษาทุกที่ ที่ ร้านบ้านยาและสุขภาพ ขยายดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อยเพิ่มเป็น 32 กลุ่มอาการ ปรึกษาเภสัชกรและรับยาตามอาการได้ที่ ร้านยาคุณภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

ไม่ว่าสิทธิบัตรทองจะอยู่ที่ไหน ก็ใช้บริการได้ ใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียว

เจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ เจ็บกล้ามเนื้อ ผื่น คัน ปวดท้อง บาดแผล ท้องเสีย ปวดหัว ปวดฟัน ท้องผูก ปวดประจำเดือน เป็นต้น

15/08/2024

อาหารคีโตเจนิค คืออะไร?
อาหารคีโตเจนิค คือการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำและมีไขมันสูง โดยเน้นให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโตซิส (Ketosis) ซึ่งเป็นสภาวะที่ร่างกายเผาผลาญไขมันเพื่อสร้างพลังงานแทนการใช้คาร์โบไฮเดรต กระบวนการนี้จะสร้างสารที่เรียกว่า คีโตนบอดี้ (Ketone Bodies) ในกระแสเลือด ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการให้พลังงานแก่ร่างกายและสมอง

หลักการสำคัญของการรับประทานอาหารคีโต
อาหารคีโตเน้นให้รับประทานไขมันที่มีคุณภาพดี เช่น ไขมันจากอะโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว และปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ในขณะเดียวกัน ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานคาร์โบไฮเดรตจากแหล่งที่เป็นแป้งและน้ำตาล เช่น ข้าว ขนมปัง และขนมหวาน

ผลประโยชน์ของอาหารคีโต
ลดน้ำหนัก: การรับประทานอาหารคีโตช่วยลดน้ำหนักได้ดี เนื่องจากร่างกายจะเผาผลาญไขมันเป็นหลัก ซึ่งสามารถช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกายได้
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: อาหารคีโตช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเสถียรภาพระดับอินซูลิน ทำให้เหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาน้ำตาลในเลือดสูงหรือเบาหวาน
เพิ่มพลังงานและสมาธิ: การที่ร่างกายใช้คีโตนบอดี้แทนกลูโคสเป็นพลังงานทำให้มีความเสถียรในการให้พลังงานกับสมองมากขึ้น ช่วยให้มีสมาธิและพลังงานยาวนาน
สิ่งที่ควรระวัง
แม้ว่าการรับประทานอาหารคีโตจะมีประโยชน์ แต่ก็อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน บางคนอาจมีอาการข้างเคียงในช่วงแรก เช่น คลื่นไส้ ปวดหัว หรืออ่อนเพลีย การเริ่มต้นควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป และควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนเริ่ม

สรุป
การรับประทานอาหารคีโตเจนิคเป็นแนวทางหนึ่งในการดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยม โดยเฉพาะในเรื่องของการลดน้ำหนักและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นควรทำอย่างมีความรู้และการเตรียมความพร้อมเพื่อลดความเสี่ยงจากอาการข้างเคียง

อาหารคีโตเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ทั้งนี้ ควรใส่ใจกับการเลือกไขมันที่ดี และปรับสมดุลการบริโภคให้เหมาะสมกับสภาวะร่างกายของตนเอง

ภก.ภูริทัต ว่องพุฒิพงศ์

23/07/2024

เคลียร์ชัดทุกประเด็น! สมุนไพรชะลอวัย กับ
ความจริงที่ควรรู้ ก่อนตัดสินใจเลือกใช้
ในยุคที่ผู้คนต่างโหยหาความอ่อนเยาว์และมีอายุที่ยืนยาวขึ้น
“ศาสตร์ชะลอวัย” (Anti-aging medicine)
จึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการเลือกใช้ “สมุนไพร”
เป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง
แต่ความจริงแล้ว สมุนไพรแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพในการชะลอวัยแตกต่างกัน มีงานวิจัยรองรับมากน้อยเพียงใด และที่สำคัญคือมีความเสี่ยงอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่ บทความนี้จะพาคุณไปไขข้อข้องใจแบบหมดเปลือก เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกใช้สมุนไพรได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย
และเกิดประโยชน์สูงสุด
ความเสื่อม.. สัญญาณที่บ่งบอกวัยที่มากขึ้น
ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “ความเสื่อม” (aging) คือ กระบวนการทางธรรมชาติที่ร่างกายของคนเราต้องเผชิญเมื่อเวลาผ่านไป ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานแย่ลง เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่ายขึ้น
โดยภาวะเสื่อมที่พบได้บ่อยและสร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน
คือ
โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน
ความเสื่อมของระบบประสาทและสมอง ส่งผลให้ความจำแย่ลง
เกิดภาวะสมองเสื่อม (Dementia) หรือโรคอัลไซเมอร์
(Alzheimer's disease) ในที่สุด

สมุนไพร.. ทางเลือกที่ใช่หรือมั้ย ในการชะลอวัย?
สมุนไพรหลายชนิด ถูกนำมาใช้เป็นยาและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะสมุนไพรที่มีสรรพคุณ ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพ
แต่อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จากการศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะให้ผลลัพธ์แบบเดียวกันในมนุษย์
ดังนั้นก่อนตัดสินใจใช้สมุนไพรใด ๆ ควรศึกษาข้อมูลผลการวิจัยทางคลินิกในมนุษย์ประกอบด้วย โดยเฉพาะงานวิจัยที่ผ่านกระบวนการ
วิเคราะห์อภิมาน (Meta-analysis) ซึ่งเป็นการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยหลาย ๆ ชิ้น ทำให้ได้ผลสรุปที่มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ส่องสรรพคุณ 6 สมุนไพรยอดฮิต ตัวช่วยชะลอวัย จริงหรือ?
1. โสม (Ginseng)
ราชันแห่งสมุนไพร ขึ้นชื่อเรื่องบำรุงกำลัง เพิ่มภูมิคุ้มกัน
แต่ผลวิจัยด้านชะลอวัยยังไม่ชัดเจน
ผลต่อสมอง: มีแนวโน้มดีในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม
แต่อาจทำให้นอนไม่หลับ ใจสั่น
ผลต่อหัวใจ: ผลวิจัยยังไม่ชัดเจน
ข้อควรระวัง: อันตรายถ้ากินกับยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Warfarin, Aspirin) ยาลดน้ำตาลในเลือด (Diabetes medication)
2. ใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba)
ซุปเปอร์สตาร์เรื่องความจำ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง
ผลต่อสมอง: งานวิจัยยืนยัน ช่วยชะลออาการของโรคอัลไซเมอร์ระดับน้อยถึงปานกลางได้
ผลต่อหัวใจ: อาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้บ้าง
ข้อควรระวัง: เสี่ยงเลือดออกง่าย ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
และห้ามใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด
3. เห็ดหลินจือ (Ganoderma lucidum)
สมุนไพรจีน อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
แต่ผลวิจัยในมนุษย์ยังไม่ชัดเจน
ผลต่อสมอง: ผลการศึกษายังไม่เพียงพอ
ผลต่อหัวใจ: ผลการศึกษายังไม่เพียงพอ
ข้อควรระวัง: ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
4. เจียวกู่หลาน (Gynostemma pentaphyllum)
สมุนไพรจีน รสชาติคล้ายชา มีสรรพคุณลดไขมันในเลือด
ผลต่อสมอง: ผลการศึกษายังไม่เพียงพอ
ผลต่อหัวใจ: งานวิจัยยืนยัน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
ข้อควรระวัง: ควรระวังเรื่องสารปนเปื้อนโลหะหนัก
5. ขมิ้นชัน (Curcuma longa L)
สมุนไพรไทย ใกล้ตัว สาร Curcumin มีฤทธิ์ต้านการอักเสบสูง
ผลต่อสมอง: ผลการศึกษายังไม่ชัดเจน
ผลต่อหัวใจ: อาจช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว เพิ่มการไหลเวียนเลือด
ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีท่อน้ำดีอุดตัน
และห้ามใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด
6. เรสเวอราทรอล (Resveratrol)
สารต้านอนุมูลอิสระ พบมากในไวน์แดง องุ่นแดง
ผลต่อสมอง: มีงานวิจัยชี้ว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
ในผู้สูงอายุสุขภาพดี
ผลต่อหัวใจ: ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และอาจช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้
ข้อควรระวัง: ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม

ข้อคิดเตือนใจ ก่อนเลือกใช้สมุนไพรเพื่อชะลอวัย
สมุนไพร ไม่ใช่ยาวิเศษ: ไม่สามารถทดแทนการรักษาจากแพทย์ได้
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล: ขึ้นอยู่กับสุขภาพพื้นฐาน พันธุกรรม
สิ่งแวดล้อม
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน: ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
ปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนใช้: เพื่อความปลอดภัย
และป้องกันปฏิกิริยาระหว่างยา

การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ การเลือกใช้สมุนไพรเพื่อชะลอวัยเป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
และไม่ควรลืมดูแลสุขภาพด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
และจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เพื่อให้คุณมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อ่อนเยาว์ และมีอายุที่ยืนยาวอย่างมีความสุข
ภก.ภูริทัต ว่องพุฒิพงศ์

05/07/2024

ประโยชน์และผลต่อสุขภาพของ คอมบูชา
ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น
เครื่องดื่มธรรมชาติและโภชนเภสัชจึงได้รับความนิยมอย่างมาก
หนึ่งในนั้นคือ คอมบูชา (Kombucha)
เครื่องดื่มหมักที่มีต้นกำเนิดจากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
และเป็นที่นิยมบริโภคอย่างแพร่หลายทั่วโลก
คอมบูชามีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน มีฟองอ่อนๆ และมีสีน้ำตาลอ่อน
คล้ายน้ำชา แต่สิ่งที่ทำให้คอมบูชามีความพิเศษคือการหมักด้วยกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
เรียกว่า SCOBY (Symbiotic Culture Of Bacteria and Yeasts)
ที่มาของคอมบูชา
คอมบูชามีประวัติศาสตร์ยาวนาน เริ่มต้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน (แมนจูเรีย) ในสมัยราชวงศ์ซิน และมีการใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ในเวลาต่อมาคอมบูชาได้แพร่หลายไปยังเอเชียตะวันออกและถูกนำมาใช้เพื่อการรักษาโรค เช่น การล้างพิษและเพิ่มพลังงาน
ชื่ออื่นๆ ของคอมบูชาก็มี เช่น Tea Fungus, Kargasok Tea,
Manchurian Mushroom และ Haipao ซึ่งขึ้นอยู่กับภูมิภาคที่มีการแพร่หลายของเครื่องดื่มชนิดนี้
วิธีการผลิตคอมบูชา
การผลิตคอมบูชาเป็นกระบวนการหมักที่ค่อนข้างง่าย
คุณสามารถทำเองได้ที่บ้าน หรือหาซื้อจากร้านค้าที่ขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
ขั้นตอนการผลิตคอมบูชา
1.เตรียมน้ำชา: เริ่มต้นจากการชงใบชา (โดยทั่วไปใช้ใบชาดำ (Camellia sinensis) แต่สามารถใช้ชาเขียว ชาขาว ชาแดง หรือชาอู่หลงได้)
ในน้ำเดือด ปัจจัยสำคัญคือเวลาในการชงชา ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของชาและผู้ผลิต โดยทั่วไปอาจใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที(6)
2.เติมน้ำตาล: เมื่อน้ำชาเย็นลงจนถึงอุณหภูมิห้อง ให้นำน้ำตาลมาละลายในน้ำชา
3.เติม SCOBY: เพิ่ม SCOBY ลงไปในน้ำชาที่เย็นแล้ว
SCOBY เป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ประกอบด้วยแบคทีเรียและยีสต์ที่อาศัยร่วมกัน
4.การหมัก: ปิดปากภาชนะด้วยผ้าขาวบางเพื่อให้คอมบูชาได้สัมผัสกับอากาศ แต่ป้องกันแมลงวันและสปอร์รา เวลาในการหมักอาจแตกต่างกันไปตามปริมาณหัวเชื้อจุลินทรีย์และผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยทั่วไปจะหมักที่อุณหภูมิห้อง (20-22 องศาเซลเซียส) ประมาณ 7-10 วัน
5.การกรอง: เมื่อครบเวลาในการหมัก นำคอมบูชาที่ได้มากรองเพื่อแยกเอาแผ่นเชื้อจุลินทรีย์ออก
6.การเก็บรักษา: เก็บคอมบูชาในที่เย็นและในภาชนะปิดสนิท
เมแทบอลิซึมระหว่างการหมักคอมบูชา
กระบวนการหมักคอมบูชาเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน เกิดจากการทำงานร่วมกันของแบคทีเรียและยีสต์ โดยแบคทีเรียและยีสต์ชนิดหลักที่ใช้ในการหมัก ได้แก่ Saccharomyces cerevisiae, Acetobacter xylinum, Gluconacetobacter xylinus
แบคทีเรียและยีสต์ใน SCOBY จะย่อยน้ำตาลและผลิตสารประกอบต่างๆ
เช่น กรดอินทรีย์ (acetic acid, glucuronic acid, gluconic acid,
lactic acid, malic acid, citric acid, tartaric acid), พอลิฟีนอล (catechin), กรดอะมิโน, วิตามิน, เอทานอล, และคาร์บอนไดออกไซด์
สารสำคัญในคอมบูชา
คอมบูชามีสารสำคัญหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
- กรดอินทรีย์: มีบทบาทในการย่อยอาหาร เพิ่มความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ลดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรค และอาจช่วยควบคุมน้ำหนัก
- วิตามิน: ประกอบด้วยวิตามินบีที่ละลายน้ำได้ (B1, B2, B6, B12) และวิตามินซี
- พอลิฟีนอล: มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหาย
- กรดอะมิโน: เป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน
ประโยชน์ของคอมบูชา
คอมบูชาเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์มากมาย ได้แก่
1.ฤทธิ์ต้านจุลชีพ: คอมบูชามีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อโรคหลายชนิด เช่น Helicobacter pylori,
Salmonella typhimurium, Staphylococcus aureus, Escherichia coli และ Candida albicans โดยสารที่ทำหน้าที่นี้ ได้แก่ กรดอินทรีย์, โปรตีน, และ catechins
2.ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ: สารพอลิฟีนอลในคอมบูชาช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ และโรคความจำเสื่อม
3.ฤทธิ์ต้านอักเสบ: คอมบูชามีฤทธิ์ในการลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบ หอบหืด และโรคผิวหนัง
4.ฤทธิ์ต้านมะเร็ง: คอมบูชามีสารประกอบบางชนิดที่อาจมีบทบาทในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
5.ฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน: คอมบูชาอาจช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
6.ผลกระทบต่อสุขภาพจิต: ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอที่จะสนับสนุนว่าคอมบูชาสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพจิตได้ แม้ว่าจะมีการอ้างถึงบทบาทในการป้องกันระบบประสาทจากความเสียหาย
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดื่มคอมบูชา
แม้ว่าคอมบูชาจะเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ แต่ก็อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพได้เช่นกัน
- การแพ้: บางคนอาจแพ้สารประกอบบางชนิดในคอมบูชา
- การปนเปื้อน: คอมบูชาที่เตรียมขึ้นเองแบบ home made อาจมีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ที่ก่อโรค
- ภาวะเลือดเป็นกรดจากกรดแลคติกในเลือดสูง (lactic acidosis): อาจเกิดขึ้นได้หากดื่มคอมบูชาในปริมาณมากเกินไป
- ภาวะอุณหภูมิร่างกายสูง (hyperthermia): อาจเกิดขึ้นได้หากดื่มคอมบูชาที่เป็นกรดมาก
- พิษจากสารตะกั่ว: อาจเกิดขึ้นได้หากใช้ภาชนะที่เป็นตะกั่วใน
การเก็บคอมบูชา
ข้อควรระวังในการดื่มคอมบูชา
- เลือกคอมบูชาที่ผลิตโดยผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ
- ไม่ควรดื่มคอมบูชาในปริมาณมากเกินไป
- หากมีอาการแพ้หรือไม่สบายหลังการดื่มคอมบูชา
ควรหยุดดื่มและปรึกษาแพทย์
การใช้ประโยชน์จากฟิล์มเซลลูโลส
ระหว่างการหมักคอมบูชา จะเกิดฟิล์มเซลลูโลส (cellulosic film)
บริเวณผิวหน้าของน้ำชา ซึ่งเป็นเมทริกซ์เซลลูโลสที่แบคทีเรียได้อยู่อาศัย ฟิล์มเซลลูโลสนี้มีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ เช่น
- มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ (biocompatibility)
- สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ (biodegradable)
- สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (renewable)
จึงมีการนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น
- อาหาร: วุ้นมะพร้าว (Nata-de-coco) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก
ฟิล์มเซลลูโลสจากแบคทีเรีย มีลักษณะคล้ายวุ้น มีรสชาติกลางๆ
สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย
- เครื่องสำอาง: ฟิล์มเซลลูโลสสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสม
ในเครื่องสำอาง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องผิว
- ทางการแพทย์: ใช้เป็นวัสดุในการรักษาแผลไฟไหม้
โรคผิวหนังอื่นๆ การซ่อมแซมกระดูกอ่อน และกระดูก
สรุป
คอมบูชาเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ
มีสารประกอบที่สำคัญ เช่น กรดอินทรีย์ พอลิฟีนอล วิตามิน และแร่ธาตุ
อย่างไรก็ตาม การดื่มคอมบูชาในปริมาณมากเกินไป
หรือการบริโภคคอมบูชาที่ปนเปื้อน อาจส่งผลเสียต่อ สุขภาพได้
ข้อมูลด้านสุขภาพ โดย
ร้านบ้านยาและสุขภาพ(ร้านยาคุณภาพ)
ภก.ภูริทัต ว่องพุฒิพงศ์

12/06/2024

สีของปัสสาวะ: ความหมายและการบ่งชี้สุขภาพ

การสังเกตสีของปัสสาวะเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้เราเข้าใจสุขภาพของระบบทางเดินปัสสาวะและสุขภาพโดยรวมได้เป็นอย่างดี สีของปัสสาวะสามารถบ่งบอกถึงหลายสิ่งหลายอย่างตั้งแต่การดื่มน้ำที่เพียงพอไปจนถึงการมีภาวะทางการแพทย์ที่ต้องการการดูแลเพิ่มเติม บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับสีต่าง ๆ ของปัสสาวะและความหมายของมัน

สีปัสสาวะปกติ
1. **สีใสหรือสีเหลืองอ่อน**:
- บ่งชี้ว่าร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
- เป็นสีปกติของปัสสาวะที่บ่งบอกถึงการทำงานของไตที่ดี

2. **สีเหลืองเข้ม**:
- อาจหมายถึงร่างกายต้องการน้ำมากขึ้น
- การดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือการขาดน้ำเป็นสาเหตุหนึ่ง

สีปัสสาวะที่อาจบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพ
3. **สีเหลืองสด**:
- บ่อยครั้งเกิดจากการรับประทานวิตามินบี (โดยเฉพาะวิตามินบี 2 หรือไรโบฟลาวิน)
- ไม่มีผลกระทบทางสุขภาพที่เป็นอันตราย

4. **สีส้ม**:
- อาจเกิดจากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีน้ำมันดอกคำฝอย (carotene) หรือยาบางชนิด เช่น ไรแฟมพิน (rifampin) หรือฟีนาซิไพริดีน (phenazopyridine)
- อาจเป็นสัญญาณของภาวะขาดน้ำหรือปัญหาเกี่ยวกับตับหรือทางเดินน้ำดี

5. **สีแดงหรือชมพู**:
- อาจเกิดจากการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น บีทรูท แบล็กเบอร์รี่ หรือขนุน
- อาจเป็นสัญญาณของเลือดในปัสสาวะ (hematuria) ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต หรือปัญหาที่รุนแรงกว่า เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

6. **สีเขียวหรือฟ้า**:
- อาจเกิดจากการรับประทานอาหารหรือยา เช่น อาหารเสริมที่มีสีเขียวหรือยาปฏิชีวนะบางชนิด
- ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ (เช่น แบคทีเรีย Pseudomonas)

7. **สีม่วง**:
- เป็นภาวะที่หายากมาก เรียกว่า "Purple Urine Bag Syndrome" (PUBS) ซึ่งเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ใช้สายสวนปัสสาวะ

8. **สีน้ำตาลเข้มหรือสีชาดำ**:
- อาจเกิดจากการรับประทานถั่วปากอ้า (fava beans) ยาบางชนิด หรืออาหารเสริมที่มีเหล็ก
- อาจเป็นสัญญาณของปัญหาตับ เช่น ตับอักเสบ หรือการสลายกล้ามเนื้อ (rhabdomyolysis)

9. **สีขาวขุ่น**:
- อาจเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่มีหนองปะปนอยู่ หรือการมีสารฟอสเฟตหรือแคลเซียมสูงในปัสสาวะ

เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์
หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีปัสสาวะที่ไม่สามารถอธิบายได้จากอาหารหรือยาที่รับประทาน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม โดยเฉพาะหากมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น ปวดขณะปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่ออก หรือมีไข้

บทสรุป
สีของปัสสาวะสามารถบ่งบอกถึงสภาวะต่าง ๆ ของสุขภาพได้หลากหลาย การสังเกตและใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดี หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสีของปัสสาวะหรือสุขภาพระบบทางเดินปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

11/04/2024

สงกรานต์ไม่หยุดนะครับ มาใช้บริการได้เลย
ไม่ว่าจะเป็น
-รับยา16อาการไม่มีค่าใช้จ่าย ของผู้ป่วยบัตรทอง
-ยาคุมกำเนิด และถุงยางฟรี จากแอปพลิเคชัน เป๋าตัง https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2718074
เปิดทุกวัน 6.30-21.30
ขอบคุณทุกท่านที่มาใช้บริการครับ

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. เชิญชวนรณรงค์ให้ผู้หญิง และผู้ชายทุกคนได้มีการคุมกำเนิดอย่า....