11/05/2025
☢ ไขข้อข้องใจเรื่อง "การแพ้ยา": รู้ทัน ป้องกันได้ ปลอดภัยกว่า
หนึ่งในคำถามที่ผมมักจะได้รับอยู่เสมอคือเรื่อง "การแพ้ยา" หลายท่านอาจจะยังมีความสับสน กังวล หรือไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้วการแพ้ยาคืออะไรกันแน่ วันนี้ผมจะมาไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ เพื่อให้ทุกท่านมีความเข้าใจที่ถูกต้อง สามารถสังเกตอาการเบื้องต้น และรู้วิธีป้องกันการเกิดซ้ำได้อย่างเหมาะสมครับ
Ⓐ "การแพ้ยา" คืออะไร? ใช่ "ผลข้างเคียงจากยา" หรือไม่?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า การแพ้ยา (Drug Allergy) ไม่ใช่สิ่งเดียวกับ ผลข้างเคียงจากยา (Drug Side Effects) ครับ
✡ การแพ้ยา คือปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ตอบสนองต่อยาตัวใดตัวหนึ่งหรือส่วนประกอบในตำรับยาอย่างผิดปกติ โดยมองว่ายานั้นเป็น "สิ่งแปลกปลอม" ที่ต้องกำจัดออกไป ทำให้เกิดอาการแสดงต่างๆ ซึ่งความรุนแรงมีได้ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงมากจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ปฏิกิริยานี้มักไม่ได้เกิดขึ้นในการใช้ยาครั้งแรก แต่อาจเกิดขึ้นเมื่อได้รับยาซ้ำในครั้งต่อไป
✡ ผลข้างเคียงจากยา คืออาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นจากการออกฤทธิ์ของยาโดยตรง และมักจะสามารถคาดการณ์ได้ เช่น ยาแก้แพ้บางชนิดทำให้ง่วงนอน ยาแก้ปวดบางชนิดทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะระบุอยู่ในเอกสารกำกับยา และความรุนแรงมักไม่มากเท่าการแพ้ยา
Ⓐ อาการแสดงของการแพ้ยาเป็นอย่างไร?
อาการแพ้ยาสามารถเกิดขึ้นได้กับหลายระบบในร่างกาย และมีความหลากหลายมากครับ ที่พบบ่อย ได้แก่
✪ อาการทางผิวหนัง: เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด เช่น ผื่นคัน ลมพิษ ผิวหนังบวมแดง มีตุ่มน้ำพอง ผิวลอก ซึ่งอาจเกิดขึ้นเฉพาะที่หรือกระจายทั่วตัว
✪ อาการทางระบบทางเดินหายใจ: เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด หรือหลอดลมตีบ ทำให้หายใจไม่ออก
✪ อาการทางระบบทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย
✪ อาการทางระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตต่ำ วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด หรืออาจรุนแรงถึงขั้นช็อกหมดสติ
✪ อาการบวม: เช่น หนังตาบวม ริมฝีปากบวม หน้าบวม ลิ้นบวม ซึ่งหากเกิดบริเวณทางเดินหายใจอาจทำให้อุดกั้นและเป็นอันตรายได้
✪ อาการแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis): เป็นภาวะแพ้ที่รุนแรงที่สุดและเป็นอันตรายถึงชีวิต อาการมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังได้รับยา เช่น มีผื่นขึ้นทั่วตัวร่วมกับหายใจลำบาก ความดันโลหิตตก ช็อก ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
Ⓐ เราสามารถคาดเดาการเกิดและความรุนแรงของการแพ้ยาได้ไหม?
เป็นคำถามที่สำคัญมากครับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การคาดการณ์ว่าจะเกิดการแพ้ยากับใครนั้นทำได้ยากมาก ไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ว่าใครจะแพ้ยาตัวไหน หรือเมื่อแพ้แล้วอาการจะรุนแรงเพียงใด เพราะการแพ้ยาขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะของแต่ละบุคคล เช่น พันธุกรรม และการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยงได้บ้าง เช่น
☣ ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งมาก่อน
☣ ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด
☣ การได้รับยาในขนาดสูง หรือได้รับยาเป็นเวลานาน (สำหรับยาบางชนิด)
☣ วิธีการบริหารยา เช่น ยาฉีด อาจมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงและรวดเร็วกว่ายารับประทาน
ส่วนความรุนแรงของการแพ้ยาก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและชนิดของยา บางคนอาจมีเพียงผื่นคันเล็กน้อย ในขณะที่บางคนอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แม้ว่าจะได้รับยาตัวเดียวกันก็ตาม ดังนั้น จึงไม่ควรประมาทหากสงสัยว่ามีอาการแพ้ยาครับ
Ⓐ เมื่อสงสัยว่าแพ้ยา ควรทำอย่างไร?
✔ หยุดยาที่สงสัยทันที: นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ
✔ สังเกตอาการ: จดจำอาการที่เกิดขึ้น ลักษณะของผื่น ระยะเวลาที่เริ่มมีอาการหลังจากได้รับยา
✔ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรโดยเร็วที่สุด: หากมีอาการไม่รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อประเมินอาการและรับคำแนะนำ แต่ถ้ามีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หน้ามืด หรือมีผื่นขึ้นมาก ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที โดยนำยาทั้งหมดที่ใช้อยู่ไปด้วย (รวมทั้งยาที่เพิ่งหยุด)
✔ ถ่ายรูปผื่น (ถ้ามี): การถ่ายรูปผื่นที่เกิดขึ้นไว้ จะเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัยของแพทย์อย่างมาก
Ⓐ ป้องกันการเกิดซ้ำต้องทำอย่างไร?
เมื่อทราบแน่ชัดว่าแพ้ยาตัวใด การป้องกันการเกิดซ้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง โดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้:
✔ จดจำชื่อยาที่แพ้ให้แม่นยำ: ทั้งชื่อสามัญทางยา (Generic Name) และชื่อการค้า (Trade Name) หากไม่แน่ใจ ควรสอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกร
✔ แจ้งประวัติการแพ้ยาทุกครั้ง: ก่อนรับการรักษาหรือรับยาจากแพทย์ ทันตแพทย์ หรือเภสัชกรทุกครั้ง ต้องแจ้งชื่อยาที่ท่านแพ้และลักษณะอาการที่เกิดขึ้นให้พวกเขาทราบเสมอ
✔ พกบัตรแพ้ยาติดตัวเสมอ: โรงพยาบาลหรือคลินิกมักจะออกบัตรแพ้ยาให้ ควรพกบัตรนี้ติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญในกรณีฉุกเฉิน หรือเมื่อต้องรับบริการจากสถานพยาบาลแห่งใหม่
✔ หลีกเลี่ยงยาในกลุ่มเดียวกัน (ถ้าแพทย์แนะนำ): ยาบางชนิดมีโครงสร้างทางเคมีคล้ายคลึงกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดการแพ้ข้ามกลุ่มได้ แพทย์หรือเภสัชกรจะให้คำแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงยาตัวใดบ้าง
✔ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาใหม่เสมอ: ไม่ว่าจะเป็นยาที่แพทย์สั่งจ่าย ยาที่ซื้อใช้เอง สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ได้รับยาที่ท่านแพ้หรือยาที่อาจมีปฏิกิริยาต่อกัน
✔ อย่าใช้ยาของผู้อื่น: แม้ว่าจะมีอาการป่วยคล้ายกัน ก็ไม่ควรนำยาของผู้อื่นมาใช้เอง เพราะอาจเป็นยาที่ท่านแพ้ได้
✔ สังเกตอาการผิดปกติหลังได้รับยาใหม่เสมอ: หากได้รับยาที่ไม่เคยใช้มาก่อน ให้สังเกตอาการของตนเอง หากมีอาการที่สงสัยว่าอาจเป็นการแพ้ยา ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
การแพ้ยาเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่หากเรามีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง รู้จักสังเกตอาการ รู้วิธีปฏิบัติตัวเมื่อสงสัยว่าแพ้ยา และที่สำคัญคือรู้จักวิธีป้องกันการเกิดซ้ำ ก็จะช่วยให้เราใช้ยาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดครับ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ยาหรือการแพ้ยา สามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรใกล้บ้านท่านได้เสมอ ด้วยความห่วงใยครับ
ภก. นคร ใบศรี
ร้านยานครเภสัช