ธรรมอารี วิถีสู่ความร่มเย็น

  • Home
  • ธรรมอารี วิถีสู่ความร่มเย็น

ธรรมอารี วิถีสู่ความร่มเย็น เพจนี้จัดทำโดย
คณะศิษยานุศิษย์"วัดสวนธรรมพุทธรังสี"
ร่วมกับ "มูลนิธิธรรมอารี"

12/08/2025

Live สวดพระพุทธมนต์
ถวายพระพรชัยมงคล
แด่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ฟังธรรม ภาวนา 12 ส.ค. 68

11/08/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามเช้า
ฟังธรรม เจริญจิตตภาวนา
ณ สวนธรรมอารี
12 ส.ค. 68

ใครที่ฝึกฝนสนใจการปฏิบัติธรรม ทำได้ต่อเนื่อง จิตตั้งมั่นเนือง ๆต้องรู้จัก "ปฏิปทาเป็นที่สบาย" เอาไว้เลย เพราะว่า..เขาจะส...
11/08/2025

ใครที่ฝึกฝนสนใจการปฏิบัติธรรม ทำได้ต่อเนื่อง จิตตั้งมั่นเนือง ๆ
ต้องรู้จัก "ปฏิปทาเป็นที่สบาย" เอาไว้เลย เพราะว่า..

เขาจะสามารถ อาศัยชีวิตประจำวัน ในการเข้าไปเห็นความจริง
แล้วจะนำไปสู่การถอดถอน "สักกายทิฏฐิ" ได้แบบสบาย ๆ

🍀ปฏิปทาเป็นที่สบาย แห่งการบรรลุพระนิพพานเป็นอย่างไร
---

ภิกษุ..ในกรณีนี้ ย่อมเห็นจักษุว่า
รูปทั้งหลายว่า "ไม่เที่ยง"

จักษุวิญญาณ จักษุสัมผัส
เวทนาอันเป็นสุขเป็นทุกข์ หรือไม่สุข ไม่ทุกข์
อันเกิดแต่จักษุสัมผัสว่า "ไม่เที่ยง"

ตรงนี้เป็นการเห็น "วงจรปฏิจจสมุปบาทตรงกลางสาย"
เห็นตรงนี้ เรียก "ดับผัสสะ ดับกรรม"
เหตุให้เกิดกรรม คือ ผัสสะ

เห็นตรงนี้ พระองค์ตรัสว่า ปฏิบัติธรรมได้สบายนั่นเอง

"จักษุ" มันคือ..ถ้าองค์ธรรมก็คือ ประสาทตา
หรืออีกมิตินึง คือ การมองเห็นก็ได้

การมองเห็น มันไม่เที่ยง
คือ ประสาทตามันไม่เที่ยง เดี๋ยวมันก็เสื่อมตามวัย
บางทีอายุมาก ก็มองไม่เหมือนเดิม
มันก็ไม่ชัดเหมือนตอนอายุน้อย

ประสาทตาตรงนี้ไม่เที่ยง
เป็นองค์ธรรมในการรับ กระทบ
เป็นธาตุกระทบ เป็นธาตุในการรับรู้..รูป

รูป คือ สีที่กระทบ
รูป คือ กลุ่มแสงที่กระทบ
กลุ่มสี กลุ่มแสงกระทบ

ก็เห็นอย่างนี้
ทุกอย่างที่มันกระทบ มันเป็นแค่..รูปที่กระทบ
ไม่ใช่สัตว์บุคคล เป็นแค่ธรรมชาติที่กระทบ
หลับตาลง ทุกอย่างหายหมด
ไม่เที่ยงเลย

จักษุวิญญาณ คือ ผู้รู้ที่เกิดที่ตา รับรู้เกิดที่ตา
มันเป็นสภาพรับรู้ที่มันเกิดที่ตานะ

สิ่งที่ปรากฏ ที่รับรู้ที่ตา หายลง ดับลง
สิ่งที่รับรู้ที่ตาดับลง
สิ่งที่รับรู้ที่ตา เขาเรียกว่า "จักขุวิญญาณ" นั่นเอง

ก็เห็นว่าไม่เที่ยง
เดี๋ยวมันก็รับรู้ที่ตา เดี๋ยวมันก็ไปรับรู้ที่หู
รับรู้ที่กาย รับรู้อยู่ที่ใจ
.สภาพรับรู้เกิดดับ แบบนี้นะ

เห็นแบบนี้แล้ว เมื่อสามส่วนกระทบกัน
(1) ประสาทตา (2) รูปที่มากระทบ แล้วก็ (3) จักขุวิญญาณตรงนี้
ถ้าเป็นธาตุ แง่มุมของธาตุก็เป็น (1) ธาตุรับ (2) ธาตุกระทบ (3) ธาตุรู้ นะ

รับ คือ จักษุ ตรงนี้คือธาตุรับ
กระทบ คือ รูป รูปมันกระทบแล้ว
มันมีธาตุรู้เข้าไปรู้ ก็คือ จักขุวิญญาณ นั่นเองนะ

สามส่วนประกอบกัน ก็เรียกเป็นสมมุติว่า "จักษุสัมผัส" คือการกระทบที่เกิดที่ตา

เดี๋ยวบางทีการกระทบก็เกิดที่หู
เสียงได้ยิน
รู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัส เดี๋ยวการกระทบที่ใจ เช่น ไม่สบายใจ
กระทบมโน มีใจ มีวิญญาณไปรับรู้ ก็กระทบมา
ก็เป็นสภาพการกระทบทางใจ

เดี๋ยวการกระทบก็เกิดที่ตา ที่หู ที่จมูก ที่ลิ้น ที่กาย ที่ใจ แบบนี้
ก็เห็นการกระทบ เรียกภาษาว่า มันไม่เที่ยง มันเปลี่ยนแปลง
ไหนเรา?

ถ้าเห็นแบบนี้ แล้วมันขาดลง
ไหนเรา?

มีแค่กระทบ รับรู้กระทบ
รับรู้ธาตุกระทบ ธาตุรับ ธาตุรู้
แล้วก็เป็นธาตุสัมผัส
กระทบ รับรู้ เกิดสัมผัส เป็นธาตุสัมผัส
สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่เที่ยงเลย

พอมันเกิดการสัมผัสผัสสะมาแล้ว
มันเกิดความสุข ทุกข์ เฉย ๆ ขึ้นมา
เห็นแล้ว เดี๋ยวก็สัมผัส มาทางตา
เดี๋ยวมันก็เกิดความสุขทุกข์ เฉย ๆ เกิดขึ้น
.มีเราที่ไหน ?

มันเกิดเอง..ดับเอง..
เกิดเอง.. ดับเองนะ..
เห็นแบบนี้

เหตุส่งเป็นผล ผลส่งเป็นเหตุ
เกิดเอง ดับเอง..ไหนเรา ?

ถ้าเห็นแบบนี้ ปฏิปทาเป็นที่สบาย ต่อการบรรลุพระนิพพานเลยนะ

แสดงว่า..
นี่เป็นเหลี่ยมมุมเลยนะ
เนี่ยเห็นตรงนี้ แง่มุมเกี่ยวกับเรื่องนี้

ท่านก็จะตรัสอีก คือ เป็นเคสศึกษา (showcase กรณีศึกษา)
แล้วมันก็จะมีเกี่ยวกับโสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และมนะ (ใจ) นั่นเองนะ

มันเป็นแง่มุมเดียวกันเลย คือ
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ก็ใช้แง่มุมเดียวกันนะ
มีธาตุรับ กระทบ รู้
รู้แล้วก็เป็นธาตุของผัสสะ
ธาตุผัสสะเสร็จ เกิดเวทนาธาตุ

แต่ถ้ามองแง่มุมของความเป็นธาตุเกิดผัสสะ
แล้วก็เกิดเวทนา แบบนี้นะ
ถ้าธาตุรู้ เกิดผัสสะ แล้วเกิดเวทนา..ไหนเรา?

เห็นแบบนี้ มันมี.กระทบ รับ รู้ .กระทบ รับ รู้
เกิดสัมผัส เกิดเวทนา
มีแต่เหตุส่งเป็นผล ผลส่งเป็นเหตุ

ธาตุไปกระทบ ก็ไม่เที่ยงนะ
ประสาทตา หู จมูก ลิ้น กาย นี่ก็ไม่เที่ยงนะ
สี เสียง กลิ่น รส สัมผัสนี่ ก็ไม่เที่ยง. เสียงก็ไม่เที่ยง. เห็นสีก็ไม่เที่ยง. เสียงก็ไม่เที่ยง. กลิ่นก็ไม่เที่ยง. รสก็ไม่เที่ยง. สัมผัสเย็นร้อนไหวกระทบก็ไม่เที่ยง
มีแต่ของเปลี่ยนแปลง
..ไหนเรา ?

ตรงเนี้ยมันจะขาดลงนะ
สภาพที่ถือว่า.. นี่คือเรา
ความเป็นสัตว์บุคคล ตัวตน เราเขา จะขาดลง
เป็นการถอดถอน "สักกายทิฏฐิ"
ถอดถอนความเห็นผิด นั่นเอง

ปฏิบัติแบบนี้เป็นปฏิปทาเป็นที่สบาย
แสดงว่า..
ผู้ที่เห็นตรงนี้ได้เนือง ๆ ต้องมีจิตตั้งมั่นในชีวิตประจำวัน แบบสงบเลย

จิตตั้งมั่นแล้ว ทุกการกระทบ
ประสาทกระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
นี่เป็นแค่ธรรมชาติกระทบ
แบบนี้เลยนะ

เห็นแต่มีการกระทบมาส่งเป็นผล
เหตุส่งเป็นผล ผลส่งเป็นเหตุ
มันต้องเห็นแบบนี้
มันขาดจากคำว่า "เรา"
มีแต่ "รูปนามกระทบ นามสั่นไหว" เห็นแบบนะ

แล้วก็จะเห็นอีกนัยยะหนึ่ง คือ
ไม่ใช่เห็นแค่..ไม่เที่ยง

แล้วก็เห็นอีกหลายนัยยะ
นัยยะที่สอง ก็คือ เป็นเรื่องเดียวกัน
แต่จะเห็นความเป็นทุกข์
แล้วก็ความเป็นอนัตตา นั่นเองนะ

นี่เรียกว่า "ปฏิปทาเป็นที่สบาย"
สุดท้ายจะนำไปสู่การเห็นความเป็นอนัตตา

เห็นไหม?
แสดงว่า ถ้าใครถนัดแบบไหน
สามารถเข้าช่องนั้นได้เลย
บางคนชอบเห็นความเป็นไม่เที่ยง
ก็เห็นความไม่เที่ยงของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจได้เลย
เห็นความไม่เที่ยงของรูป เสียง กลิ่นรส สัมผัส ธรรมารมณ์ได้เลยนะ

เห็นความไม่เที่ยงของผัสสะ
เห็นความไม่เที่ยงของวิญญาณ
ได้หมดเลยนั่นเอง...


🧘ธรรมบรรยาย โดย พระวรินทร นิททโร
🌙 ค่ำวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568

#ปฏิปทาเป็นที่สบาย #ปฏิจจสมุปบาท #วิปัสสนา #ผัสสะ #อายตนะ #สร้างบารมี #พระวรินทรนิททโร #เลิกทุกข์

11/08/2025

Live คอร์สอบรมสติปัฏฐาน 4 ยามค่ำ
สวดมนต์ทำวัตรเย็น
ฟังธรรม เจริญจิตตภาวนา ณ สวนธรรมอารี
11 ส.ค. 68

10/08/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามเช้า
ฟังธรรม เจริญจิตตภาวนา
ณ สวนธรรมอารี
11 ส.ค. 68

โยมบางคนบอก เขาเทรดหุ้นไปด้วย เขาก็ฟังธรรมไปด้วย หือ..ยังงี้ก็ได้เหรอ? อย่ามองข้ามอะไรแบบนี้นะโยม อันนี้เป็นอุบาย เป็นอุ...
10/08/2025

โยมบางคนบอก เขาเทรดหุ้นไปด้วย เขาก็ฟังธรรมไปด้วย หือ..ยังงี้ก็ได้เหรอ? อย่ามองข้ามอะไรแบบนี้นะโยม อันนี้เป็นอุบาย เป็นอุบายสำหรับบางคน

ถ้าเจออาการแบบนี้อยู่ คือ ท้อละ งานก็เครียด ปัญหาก็เยอะ รับข่าวสารก็เต็มไปหมด ดราม่าก็เพียบเลย ท็อกซิก (toxic พิษ) ในใจก็มาก..ขี้เกียจภาวนาแล้ว

ขี้เกียจภาวนา..ให้สวดมนต์
ขี้เกียจสวดมนต์..ให้ฟังธรรม
ขี้เกียจไปหมด ให้รู้ว่า..โดนกิเลสหลอกแล้ว ต้องสวนกลับเลย

💫🌏 คลุกโลก . . ก็ขี้เกียจภาวนา
---

เจอโลกแต่ละวันก็หมดแรงแล้วนะโยม
นี่คือสภาพจิตของคนส่วนใหญ่เลยนะ เป็นแบบนี้เลย
.ก็คือ แค่ใช้ชีวิตมันก็ช้ำมากแล้ว

ในการใช้ชีวิตเจอเรื่องราวต่าง ๆ
เจอที่ทำงาน บางทีมันเจอเรื่องที่บ้าน
อาจจะมีจุดอะไรที่บางทีมันเกิดการกระตุ้นอารมณ์ได้
มันก็หมดแรงแล้ว

หมดแรง หมดกำลังใจนะ

บางทีหมดกำลังใจภาวนา มันขี้เกียจ

พูดง่าย ๆ เลยนะ เหมือนเด็กที่แบบ..
ถูกแม่บังคับให้ทานของมีประโยชน์

เรากำลังกินของหวานอยู่ แล้วแม่ตักผักคะน้าให้
ยี้เลยนะ อย่างนี้เลย
อยากตักออก อย่างนั้นเลยนะ
.นี่คือ สภาพจิตของเมื่อไปคลุกกับโลกมานั่นเองนะ

มันจะอย่างนี้เลย
มันจะขี้เกียจภาวนา.ให้รู้ พอเรารู้ทัน อ๋อ . . เราสวนกลับเลย ไม่สนใจ
จะขี้เกียจ ก็ขี้เกียจไป ไม่สนใจ

ทำไมล่ะ?
ก็รู้เท่าทันกิเลสไง ไม่ให้กิเลสมันครอบงำ

ก็สวนไปเลย ภาวนาไปเลยนะ

เพราะเราไม่ได้ภาวนา เอาสงบ เอาไม่สงบ หรือจะเอาอะไรอยู่แล้ว
เราปฏิบัติบูชานั่นเองนะ

แค่ทิฏฐิมันวางไว้จุดนึงว่า
'ปฏิบัติบูชา'
ก็ลงลุยไปเลย ปฏิบัติไปเลย
สงบไม่สงบ ไม่ได้ไปสนใจเลย
.มันก็อิสระ

มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับไม่สงบ
มันไม่มีปัญหาอะไรกับการปวด
ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับสภาวธรรม
เพราะว่าไม่ได้มาเอาอะไร

อันนี้เป็นอุบายนะโยม เป็นอุบายสำหรับบางคน
ถ้าเจออาการแบบนี้อยู่ คือ
ท้อละ งานก็เครียด ปัญหาก็เยอะ
รับข่าวสารก็เต็มไปหมด
ดราม่าก็เพียบเลย
ท็อกซิก (toxic พิษ) ในใจก็มาก
ขี้เกียจภาวนาแล้ว
.ไม่เป็นไร ลุยไปเลยนะ
อย่าไปถูกกิเลสหลอก

เพราะว่า..
เราภาวนาเราไม่ได้เอาสงบ
เราสร้างเหตุ สร้างนิสัย

สร้างเส้นทางใหม่นะโยมนะ

ถ้ารู้สึกว่ายังภาวนาไม่ไหว
อย่างน้อยสวดมนต์ได้
ให้ใจเป็นกุศลบางทีสวดไป ท่องบทสวดไปเรื่อย ๆ
มันเปลี่ยนวิถีจิต มันอยู่ฝั่งเย็น
มันก็ไปได้เรื่อย ๆ สวดไป สบายใจ

แต่จุดนึงก็ต้องขยับมา ฟังธรรม บางทีเปิดฟังธรรมไป

อย่างพระที่ท่านเคยเล่าให้ฟัง มีแง่มุมนึงคือ
ตั้งแต่ท่านไปเจอหนังจีนพูดถึงพระอรหันต์
ท่านก็เหมือนปึ้งขึ้นมาเลยนะ
เหมือนสวิตช์อะไรบางอย่างมันเปิด

แล้วพอไปมีเรื่องในชีวิต เจอเรื่องทุกข์ในชีวิต หาทางออกไม่เจอ
ท่านก็รู้สึกสนใจศึกษาเลย
ท่านไปเอาหนังสือสายวัดป่ามาอ่านเลยนะ
หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัวต่าง ๆ

การฟังธรรมะ บางทีก็เปิดฟังหลวงปู่ชาไปเลยก็ยังดีนะ
เปิดฟังธรรม ไปฟังธรรมก็ดี มันได้อัธยาศัย
ฟังไปเรื่อย ๆ นะ

บางคนก็บอก เขาเทรดหุ้นไปด้วยเขาก็ฟังธรรมไปด้วย
คือ ทำงานไปด้วย ก็เปิดเสียงธรรมฟังไปด้วย
บางทีข้อคิดสะกิดใจ มันอาจจะกระแทกจิตเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้

มันได้หลักใจเพราะว่า..ฟังธรรม

มันก็เป็นไปเพื่อความร่มเย็น .ได้ขัดอะไรบางอย่างออก .ได้เกิดพลังในการตั้งใจภาวนา
.พลังในการเจริญกรรมฐาน .ได้พลังในการทำข้อวัตร .ฟังแล้วมันมีพลัง

มันมีกำลังใจ มีพลังในการไม่ย่อท้อต่อชีวิต
เราก็ทำของเราไปนั่นเองนะ
ก็เรียกว่า ฟังธรรมหล่อเลี้ยงชีวิตได้

ช่วงเวลาอาตมาตอนเป็นฆราวาส
เน้นฟังธรรมเหมือนกัน ก็ฟังไปเรื่อย ๆ
แล้วก็บางทีมันไม่มีแรงภาวนา อันนี้เข้าใจเลย
เข้าใจโมเมนต์นี้ทุกอย่างเลย มันไม่มีแรงภาวนา

เพราะมันเจอเรื่องเยอะ เรียนหนังสือเครียด จะสอบ
มันจะเอาเวลาที่ไหนมานั่งสมาธิ ภาวนาเป็นเรื่องเป็นราว

ขอให้ฟังธรรมก็ยังดี ช่วงเวลาว่าง
ก็ฟังธรรมได้หลักใจไปก็ยังดีนะ

ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี โยมก็ทำไปนะ

พอมีกำลัง เราก็ภาวนา

แต่มิติหนึ่งที่ให้ไว้ คือว่า

"อย่าไปถูกกิเลสหลอก" ก็คือ "ขี้เกียจ"

พอมันเจอเรื่องเยอะ มันจะขี้เกียจ
พอมันขี้เกียจ มันจะไปหาสิ่งบันเทิง
จิตเขาจะเป็นแบบนี้นะ เขาก็วิ่งหาสิ่งบันเทิง

ถ้าแบบนั้น เราต้องสวนกลับ
สวนกลับ คือ เราฟังธรรมไปเลยนะ
หรือไหว้พระสวดมนต์ไปเลย
หรือว่าเจริญภาวนาไปเลยนั่นเอง
ได้ทั้งหมดเลยนะ


🧘ธรรมบรรยาย โดย พระวรินทร นิททโร
🌙 ค่ำวันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2568

#คลุกโลก #ขี้เกียจภาวนา #ปฏิบัติบูชา #อย่าถูกกิเลสหลอก #รู้เท่าทันกิเลส #สร้างบารมี #พระวรินทรนิททโร #เลิกทุกข์

10/08/2025

Live คอร์สอบรมสติปัฏฐาน 4 ยามค่ำ
สวดมนต์ทำวัตรเย็น
ฟังธรรม เจริญจิตตภาวนา ณ สวนธรรมอารี
10 ส.ค. 68

09/08/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามเช้า
ฟังธรรม เจริญจิตตภาวนา
ณ สวนธรรมอารี
10 ส.ค. 68

เห็นกิเลส เห็นใจที่อยาก เกิด-ดับ เรียกว่า..เห็นอริยสัจแล้วยัง? โยมถามสมมุตินะ มีคนนึง เขาชอบดื่ม เชื่อไหม..บางที ลึก ๆ ต...
09/08/2025

เห็นกิเลส เห็นใจที่อยาก เกิด-ดับ เรียกว่า..เห็นอริยสัจแล้วยัง? โยมถาม
สมมุตินะ มีคนนึง เขาชอบดื่ม เชื่อไหม..บางที ลึก ๆ ตอนกิเลสดันขึ้นมา
เขาก็เคยเห็นนะว่า ตอนใจอยากกิน..มันก็ทุกข์

อาตมาก็ถามอีกว่า เขาเห็นไหมล่ะว่ามันคือปัญหา?

ถ้าเห็นว่าอยาก เห็นว่าทุกข์ แต่ก็..ไม่เห็นเป็นไรนี่ ออกไปดื่มต่อ
หากเห็นเพียงมุมนั้น ทุกข์เขาจะดับไหม?

---
🌟เห็นกิเลสแล้ว เห็นอริยสัจไหม ?
.สมมุติว่าเห็นการเกิดดับ
สมมุติอาตมาเอาเด็กคนนึงก็ได้
ถามเลย รู้สึกไหมการกระพริบตา
เห็นไหมกระพริบตาเกิดดับ
อาตมาเชื่อว่า..เห็นนะโยม

รู้สึกไหม แขนมันมีอาการไหว ๆ
เย็น ๆ รู้สึกได้ไหม.. รู้สึกได้
เห็นไหมเกิดดับ.. เห็น
แล้วแบบนี้ 'ใช่' เห็นอริยสัจไหม?

อย่างเช่น เห็นไหว ๆ เกิดดับ
ใช่เหรอ นั่น..อริยสัจหรือเปล่า?

การเห็นอริยสัจ..
คือ ต้องเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นปัญหา

ถ้าย่อลงคือ ..
ปัญหา สาเหตุ ผลลัพธ์ ทางออก
ต้องเห็นแบบนี้ ถึงจะเรียกว่า "เห็นอริยสัจ"

เพราะว่าอริยสัจเป็นไปตามกฎธรรมชาติ
แล้วศาสตร์บนโลก จะอยู่บนหลักนี้ทั้งหมดเลย
ปัญหา สาเหตุ ผลลัพธ์ ทางออก

เหตุมันมาจากอะไร ?

บางทีก็เห็นคำตอบเลย
ทำไปจุดนึง กำลังแก้ปัญหาไปจุดนึง
เห็นคำตอบปิ๊งมาเลย

แต่ถามนี้ว่า แม้เห็นอย่างนั้น..ใช่อริยสัจไหม ?

ก็เป็นส่วนหนึ่ง เป็นแค่ส่วนหนึ่ง
เพราะอริยสัจ..จะโฟกัส (focus มุ่งเน้น) เรื่องทุกข์ และสาเหตุให้เกิดทุกข์
.แสดงว่า เห็นกิเลส เช่น
โยมถามมาว่า เห็นกิเลส กิเลสเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เรียกว่า เห็นอริยสัจหรือยัง?

ก็จะตอบว่า..ขึ้นอยู่กับว่า
โยมเห็นมิติของอริยสัจหรือเปล่า

สมมุตินะ คนที่เขาผิดศีลข้อห้า
เชื่อไหมบางที ลึก ๆ เขาก็เคยเห็นนะว่า ใจอยากกินมันก็ทุกข์
อาตมาก็ถามอีกว่า เขาเห็นไหมล่ะว่ามันคือปัญหา ?

เช่น อยากกินทุกครั้ง ดูว่ากำลังบีบเค้น อยากไปดื่มแบบนี้ทุกครั้ง
แล้วเห็นไหมว่า มันเป็นปัญหา

ถ้ายัง..ก็แสดงว่า "ไม่เห็นอริยสัจ"

ดังนั้น จะเห็นอริยสัจไหม
ก็ขึ้นอยู่กับว่า เห็นในสี่มุมนี้หรือเปล่า.เห็นว่าเป็นปัญหาไหม?.เห็นสาเหตุไหม?.เห็นผลลัพธ์ไหม?.เห็นทางออกไหม?

สมมุติเห็นกิเลส อาจจะดันขึ้นมาเป็นทุกข์มากเลย
อยากจะไปดื่ม ผิดศีล

สมมุตินะ คนที่ชอบผิดศีลข้อห้า
เริ่มเห็นแล้วว่า นี่คือทุกข์นี่นา
แต่ก่อนทำไมไม่เห็น
แต่ก่อนก็เห็นแค่กิเลสเกิดขึ้น
แต่ทีนี้เริ่มเห็นปัญหา และเริ่มมากำหนดรู้ทุกข์

เห็นแล้วว่ามันเป็นปัญหา และ
พอเห็นปัญหา บางคนเห็นมิติของสาเหตุ
อ๋อ เข้าไปติดมันนะเนี่ย ไปติดเพราะ..ไปเคยคุ้นไปดื่มบ่อย ๆ
มันก็ติดใจ ต้องไปดื่มอีก

เวลาอยู่เฉย ๆ มันดันมาเพียบเลยอะ
ตกเย็นต้องไปดื่มตลอดเลย สมมุตินะ สมมติ

เนี่ยเห็นแล้ว..ปัญหา คือ ใจเป็นทุกข์นะ
เห็นสาเหตุเลย อ๋อ มาจากกิเลส

บางคนเห็นกิเลสดันขึ้นมานะ อยากดื่ม
เห็นละว่า ถ้าเลิกได้ ชีวิตมันอิสระเลยนะ
นี่คือ เริ่มเห็นปลายทางละ

เห็นปลายทาง
เดี๋ยวเขาจะเห็นวิธีการที่จะเลิกอันนี้
อย่างเนี้ย เรียกว่า เห็นอริยสัจ
คือ เห็นในมิติของทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

ดังนั้น เห็นอริยสัจ
เห็นกิเลสดันขึ้นมา
โยมต้องเห็นว่า กิเลสนั้นมันเป็นปัญหา มันทำให้ใจเป็นทุกข์
อันนี้ จะเริ่มเห็นอริยสัจละ

ทุกข์กำหนดรู้แล้ว
ก็คือเห็นมันดันขึ้นมาแล้ว
ก็เห็นเลย มันทำให้ใจเป็นทุกข์นะ
กิเลสดันขึ้นมาทำให้ใจเป็นทุกข์นะ

เห็นเลย ทุกข์เพราะว่า ใจมีกิเลส
เห็นเหตุเลย
เห็นเหตุปุ๊บ ก็ชีวิตนี้ถ้าดับได้ก็ดีนะ
จะได้ไม่ต้องทุกข์ใจอีก
ก็เดินทางสู่การลดละเลิก
เกิดเจริญมรรค

จะออกจากสิ่งใด
ต้องเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นปัญหา

ก็เหมือนหลักการที่ทางโลกเขาชอบสอนกัน
สอนกันเป็นปกติอยู่แล้วเกี่ยวกับเรื่องปัญหา
ปัญหาต้องชี้เหตุของปัญหา

ในด้านศาสตร์ต่าง ๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นเรียนอะไรก็ตาม
คนเรา ถ้าไม่เห็นว่าเป็นปัญหา ก็จะไม่ลดละเลิก
ก็เหมือนกัน เรื่องเดียวกัน

แต่อริยสัจ จะสโคปเข้ามาที่
"ทุกข์มาแต่เหตุ"
ภาพใหญ่ คือ "อิทัปปัจจยตา"

ดังนั้น ทุกอย่างบนโลก จะมีแต่
ปัญหา สาเหตุ ผลลัพธ์ ทางออก ทั้งหมดเลย

โยมไปดูได้เลยศาสตร์ทางโลกทุกศาสตร์
เพราะว่าทุกศาสตร์บนโลกอยู่ภายใต้ธรรมชาติไง
อยู่ภายใต้กฎธรรมชาติทั้งหมด

โยมจะรู้สึกว่า การเกิดปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะว่า มันเป็นกฎธรรมชาติ
แล้วจะไปหลบกฎธรรมชาติได้ยังไง

ไม่มีที่ไหนที่ทำงานแล้วไม่เกิดปัญหา
โยมก็ใช้ชีวิตก็จะเข้าใจโลกมากขึ้น
ทำอะไรเข้าใจมากขึ้น

ปัญหามีทุกที่แหละโยมนะ
เพราะว่ามันก็เป็นตามกฎธรรมชาติ
เหตุปัจจัยส่งเป็นผล ผลส่งเป็นเหตุ

แต่อริยสัจจะโฟกัสเฉพาะทุกข์มาแต่เหตุ แล้วดับไปเพราะหมดเหตุ
เป็นสโคปย่อยของอิทัปปัจจยตา

ย่อยซูม (zoom ย่อ) ลงมาหน่อยนึง
ทุกข์มาแต่เหตุ อันนี้คือ อริยสัจสี่

ทุกข์มาแต่เหตุ
แต่เห็นกิเลสว่าเป็นปัญหา
ถ้าเห็นแล้ว กำหนดรู้ทุกข์แล้ว
ก็ละสมุทัย นิโรธทำให้แจ้ง มรรคเจริญอยู่

ทำอันไหนก็ได้ เห็นมิติไหนก็ได้
แบบนี้ เขาเรียกว่า เห็นอริยสัจนั่นเอง...


🧘ธรรมบรรยาย โดย พระวรินทร นิททโร
🌙ค่ำวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568
🎥
🔗

#อริยสัจสี่ #กิเลส #ปัญหาสาเหตุผลลัพธ์ทางออก #อิทัปปัจจยตา #กฏธรรมชาติ #สร้างบารมี #เลิกทุกข์ #พระวรินทรนิททโร

09/08/2025

Live คอร์สอบรมสติปัฏฐาน 4 ยามค่ำ
สวดพระปริตร 7 ตำนาน
ฟังธรรม เจริญจิตตภาวนา ณ สวนธรรมอารี
9 ส.ค. 68

08/08/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามเช้า
ฟังธรรม เจริญจิตตภาวนา
ณ สวนธรรมอารี
9 ส.ค. 68

มีโยมเคยส่งคำถาม ถามมาว่า เล่นอบายมุข ผิดศีลหรือเปล่า?เคยตอบไว้..ไม่ผิดศีล แต่..ปลายทางคือ ความเสื่อม ไม่เป็นอย่างอื่นเห...
08/08/2025

มีโยมเคยส่งคำถาม ถามมาว่า เล่นอบายมุข ผิดศีลหรือเปล่า?
เคยตอบไว้..ไม่ผิดศีล แต่..ปลายทางคือ ความเสื่อม ไม่เป็นอย่างอื่น

เหมือนไม่มีอะไรนะ แต่ถ้าไปยุ่งกับมันอยู่
มันจะค่อย ๆ ไต่เลเวล (level ระดับ) ขึ้นไปในการทำผิด
จนทลายกำแพงของ..ศีล

👺 อบายมุข ๖ ทางแห่งความเสื่อม
---
..ถ้าใครทำศีลได้ดีแล้วนะ
ถ้าใครปิดช่องอบายมุขได้ยิ่งดี

อบายมุข ๖ . .

อบายมุขนี่แสบสุด แสบมากเลย
มันเหมือนไม่มีอะไรนะ

แต่หกข้อนี้ เขาเรียกว่า "ทางแห่งความเสื่อม" นะ

พระอริยเจ้า เป็นผู้ที่ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา
ดังนั้น หกข้อนี้ ไม่มีในพระอริยเจ้า
พระอริยเจ้าท่านละหมดแล้ว ทั้งหกข้อนี้

เหมือนไม่มีอะไร
แต่ถ้าไปยุ่งกับมันอยู่ มันจะค่อย ๆ ไต่เลเวล (level ระดับ)
ขึ้นไปในการทำผิดทลายกำแพงของศีล

เหมือนไม่มีอะไร แต่ศีลจะค่อย ๆ
ถูกทลายลงจากหกข้อนี้นะ

๑. ติดสุรา ติดของมึนเมา

๒. เที่ยวกลางคืน
ไปเที่ยวกลางคืน ออกเที่ยวกลางคืน
เดี๋ยวอดไม่ได้ เดี๋ยวผิดศีลข้อห้า
เดี๋ยวอดไม่ได้ ผิดศีลข้อสาม
อดไม่ได้ ผิดศีลข้อสี่
อดไม่ได้ ผิดศีลข้อสอง

๓. เที่ยวดูการละเล่น
อะไรที่มันสนุกบันเทิงกลางคืน
ไปเที่ยวดู ขับร้องฟ้อนรำ
ก็ว่ากันไป

๔. ติดพนัน

๕. คบคนชั่ว

ที่พระองค์ตรัสว่า . .
"ถ้าคบคนชั่ว คบคนที่คุณธรรมต่ำกว่า
จะดึงคุณธรรมของเราให้ร่วงลง

ถ้าคบคนที่คุณธรรมเสมอกัน
จะทรงคุณธรรมนั้นไว้

ถ้าครบคนที่คุณธรรมสูงกว่า
จะดึงให้เรายกระดับคุณธรรมขึ้นมา.."

๖. เกียจคร้านการงาน

อบายมุขหกข้อนี้ คือ หนทางแห่งความเสื่อม
มันจะเป็นจุดที่จะทลาย ทะลวงกำแพงของศีลในใจให้แตกลง

ใครยังเลิกไม่ได้ เราก็ตั้งใจ เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
แล้วในอดีตที่ทำไปแล้ว ก็แล้วไป
แต่ปัจจุบัน..ก็ไม่ทำอีก

ถ้าหากไม่ทำแล้ว จะส่งผลอย่างไร?

โยมลองดูพระมหาโมคคัลลานะ
ชาตินึงเคยไปฆ่าพ่อแม่ไว้
ชาติสุดท้าย ขนาดเป็นผู้เลิศทางฤทธิ์
สร้างบารมีมาหนึ่งอสงไขยกับแสนมหากัป
ผลกรรมก็ยังเหวี่ยงมาถึงชาติสุดท้าย
ที่ต้องถูกโจรทุบทำร้าย นั่นเองนะ

ถ้าดูกฎแห่งกรรมของพระพุทธเจ้า
ท่านก็รับเอฟเฟกต์ (effect ผล) หมายถึง
ในชาติแต่ละชาติ ที่บางทีเคยไปทำเหตุปัจจัยที่ไม่ดีไว้
ก็รับผลหมด ส่งผลที่ขันธ์

ต่อให้พระอรหันต์ไม่ยึดถือ แต่มันจะส่งผลที่ขันธ์
เพราะสรรพสิ่งมันเป็นไป ตามกฎธรรมชาติ

มันส่งผลแบบตรงไปตรงมา
โดยเป็นอะไรที่ตรงไปตรงมา
โดยที่ไม่ขึ้นกับความรู้สึกของเรา

เช่น โยมจับน้ำร้อน
โยมจะบอกให้เย็น มันก็ร้อน

จับน้ำเย็น ก็เย็น
จะบอกให้ร้อน มันก็เย็น

อันนี้เพราะว่ามันส่งผล ตรงไปตรงมานั่นเอง...


🧘ธรรมบรรยาย โดย พระวรินทร นิททโร
🌙 ค่ำวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2568

#อบายมุขหก #ทางแห่งความเสื่อม #ศีล #ภาวนา #สร้างบารมี
#พระวรินทรนิททโร #เลิกทุกข์

Address

สวนธรรมอารี 99/9 (อย. 3005) ตำบลบ้านชุ้ง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

13260

Opening Hours

Monday 06:00 - 16:00
Tuesday 06:00 - 16:00
Wednesday 06:00 - 16:00
Thursday 06:00 - 16:00
Friday 06:00 - 16:00
Saturday 06:00 - 16:00
Sunday 06:00 - 16:00

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when ธรรมอารี วิถีสู่ความร่มเย็น posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Practice

Send a message to ธรรมอารี วิถีสู่ความร่มเย็น:

  • Want your practice to be the top-listed Clinic?

Share

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

Our Story

“เดินจิต” ถ่ายทอดธรรมจากจิตสู่จิต

..............

เดินจิต สติปัฎฐานสี่ อานาปานสติ ๑๖ ขั้น นำปฏิบัติโดย พระมหาวรพรต กิตติวโร(ป.ธ.๖) ..............................

💻ช่องทาง Social Media ของ เดินจิต DUENJIT