ดูแลตับ ไต หัวใจ

ดูแลตับ ไต หัวใจ ตับอักเสบ โรคไต โรคหัวใจ กรดยูริค ไตวาย ไวรัสตับ มะเร็งตับ ไขมันพอกตับ Dandelion Extract (สารสกัดจากแดนดิไลออน) 140 มก. Fish Oil Powder (ผงน้ำมันปลา) 100 มก.

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดี-ไทด์ (D-Tide) อาหารเสริมสำหรับไต

เหมาะสำหรับ
-ผู้ที่ชอบทานของเค็มจัด ของหมักดอง ชอบทานอาหารรสจัด
-ผู้ที่ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะมีกลิ่น หรือปัสสาวะมีฟอง
-ผู้ที่ปวดเอว ปวดหลังบริเวณไต
-ผู้ที่มีอาการบวมน้ำ ตัวบวม
-ผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง

ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล

Schisandra Extract (สารสกัดจากโหงวบี่จี) 145 มก. Garlic Extract (สารสกัดจากกระเทียม) 125 มก. Goji Berry Extract (สารสกัดจากโกจิเบอร์รี่) 100 มก. Cranberry Juice Powder (ผงน้ำแครนเบอร์รี่) 100 มก. Brown Algae Extract (สารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาล) 80 มก. Reishi Extract (สารสกัดจากเห็ดหลินจือ) 60 มก. Black Sesami Extract (สารสกัดจากงาดำ) 40 มก. Horsetail Extract (สารสกัดจากหญ้าหางม้า) 20 มก.
สารป้องกันการจับตัวเป็นก้อน (INS 460i, INS 470iii, INS 551), สีธรรมชาติ (INS 171)
ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 30 เม็ด
ราคา 1,765 บาท
เลขสารบบ อย. : 10-1-15456-5-0023
วิธีรับประทาน : วันละ 1-2 เม็ด ก่อนนอน
คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค

02/12/2020

โรคไตไม่ได้มาจากการกินเค็ม - ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ (ความรู้ใหม่ที่น่าทึ่งมากๆ (!))

โรคไต....ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน โดยเป็นผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายกว่า 100,000 คน ที่ต้องรับ...
28/11/2020

โรคไต....

ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน โดยเป็นผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายกว่า 100,000 คน ที่ต้องรับการฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 15-20 ต่อปี

โรคไตเป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากระบบการทำงานของไตผิดปกติ ทำให้ไตไม่สามารถขับของเสีย หรือรักษาความสมดุลของเกลือและน้ำในร่างกายได้ ซึ่งโรคไตมีสาเหตุหลายอย่าง ได้แก่ โรคซึ่งเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่นโรคถุงน้ำในไต โรคที่ทำให้เกิดการอักเสบของไต โรคที่เกิดจากการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ เช่น จากนิ่ว และที่สำคัญคือโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีรสเค็มจัด หวานจัด ความเครียดสะสม พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ออกกำลังกาย ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน โรคความดันโลหิตสูง และเกิดโรคเบาหวานตามมา ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่พบบ่อยที่สุด

ไตเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย ทำหน้าที่ช่วยขับของเสีย รักษาสมดุลของเหลวและแร่ธาตุต่างๆในร่างกาย หากไตเสียหายไป ไม่มีทางทำให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้ เราควรป้องกันไม่ให้เป็นโรคไต หรือถ้าสังเกตพบอาการในระยะเริ่มต้น ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรักษา จะช่วยชะลอความเสื่อมของไตให้ช้าลงได้

อาการของโรคไตที่ผู้ป่วยสามารถสังเกตพบได้ซึ่งมักจะมีอาการ ปัสสาวะเป็นฟอง มีอาการตัวบวม ขาและเท้าบวม กดแล้วบุ๋ม มีอาการปวดหลังบริเวณใต้ชายโครงข้างกระดูกสันหลัง เป็นต้น

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้คุณเป็นโรคไต
1.กรรมพันธุ์ / ครอบครัว

โรคไตบางชนิดเป็นเพราะกรรมพันธุ์ เช่น โรคไตเป็นถุงน้ำ (Polycystic Kidney Disease) เพราะฉะนั้นคนที่มีพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นโรคนี้ ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคนี้เช่นกัน โรคนี้มี 2 แบบ ได้แก่ แบบทารก (Infantile PKD) มักจะเสียชีวิตตั้งแต่เกิด ส่วนแบบผู้ใหญ่ (Adult PKD-APKD) มักพบความผิดปกติเมื่ออายุ 20-30 ปีขึ้นไป ครอบครัวเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง เราพบว่า มีสมาชิกของครอบครัวเดียวกันเป็นโรคไตชนิดเดียวกัน พิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นจากกรรมพันธุ์หรือไม่ อาจเป็นเพราะกินอยู่ในสภาพเดียวกันหรืออุปนิสัยคล้าย ๆ กัน

2.ความดันโลหิตสูง

ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงจะมีผลกระทบต่ออวัยวะที่สำคัญ คือ หัวใจ หลอดเลือด ไต และสมอง คนที่มีความดันโลหิตสูงนาน ๆ จะมีผลทำให้ไตเสื่อมลง แรก ๆ จะมีไข่ขาวออกมาในปัสสาวะ นาน ๆ จะทำให้เกิดไตวายจนไปถึงไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ขณะเดียวกัน คนที่เป็นไตวายหรือโรคไตบางชนิดก็ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้ นอกจากนี้ยังพบว่าถ้าเกิดความดันโลหิตสูงชนิดร้ายแรง (malignant hypertension) อยู่นาน 1 ปี จะทำให้จากไตปกติกลายเป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายได้ การรักษาควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จะทำให้การเกิดโรคไตช้าลงหรือไตเสื่อมช้าลงได้ ความดันโลหิตสูงนี้มีความสำคัญ เพราะเป็นสาเหตุของไตวายเรื้อรัง ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายประมาณ 30-50%

3.โรคเบาหวาน

เป็นสาเหตุของไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายราว ๆ 30% ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน เมื่อเป็นมาราว ๆ 10-15 ปี ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ไต โดยเฉพาะที่หลอดเลือดของไต มีไข่ขาวออกมาในปัสสาวะ ต่อไปก็จะเกิดไตเสื่อม ไตวายเรื้อรัง และไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในที่สุดโรคเบาหวานยังมีผลทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อไตอีกด้วย นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานยังติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะและกรวยไตอักเสบ ซึ่งถ้าเป็นบ่อย ๆ และ/หรือรุนแรง ก็มีผลทำให้ไตเสื่อม ไตวายได้

4.ภูมิลำเนา

เป็นที่ทราบกันดีว่าในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย จะมีผู้ป่วยเป็นโรคนิ่วในไตและทางเดินปัสสาวะมาก สาเหตุอาจเกี่ยวเนื่องจากอาหาร น้ำ และปัจจัยอื่น เพราะฉะนั้นคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในบริเวณนี้ก็จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไตได้

5.ความอ้วน

คนอ้วนจะมีเมตาบอริซึมสูงกว่าคนปกติ เกิดของเสียต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้ไตและอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกายทำงานมากขึ้น ทั้งหัวใจ ปอด ความดันโลหิตสูง ไตต้องทำงานรับภาระมากขึ้น เปรียบเสมือนรถบรรทุกน้ำหนักเกิน จะมีไข่ขาวในปัสสาวะก่อน แล้วต่อมาไตจะเสื่อมหรือวายได้

6.อายุ

ไตของคนปกติจะเจริญเติมที่เมื่ออายุประมาณ 2 ปีและจะเริ่มเสื่อมเมื่ออายุ 35 ปี เพราะฉะนั้นสมรรถภาพการทำงานของไตจะเสื่อมไปตามอายุ นอกจากนี้ในผู้ชายผู้สูงอายุมีโอกาสสูงที่จะเป็นต่อมลูกหมากโต อาจทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ ทำให้การทำงานของไตเสื่อมลงได้ การรับประทานยา / ฉีดยาต่าง ๆ ที่มีพิษต่อไตจำเป็นต้องลดขนาดลงด้วย มิฉะนั้นก็อาจทำให้เกิดไตวายได้

7.ยา / อาหาร

ยาหลายชนิด อาหารบางประเภท มีพิษต่อไต ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ต้องปรับขนาดของยาให้พอเหมาะ และหมั่นติดตามการทำงานของไตอย่างใกล้ชิด มิฉะนั้นกว่าจะรู้ก็ไตวายเสียแล้ว เช่น ยาแก้ข้อ-กระดูกอักเสบ (พวกเอนเสด – NSAID) เป็นต้น อาหารพิเรนทร์บางชนิด เช่น ดีงู เป็นต้น ก็ทำให้เกิดไตวายได้ นอกจากนี้ สายทึบรังสี ที่ใช้ฉีดให้ผู้ป่วยเวลาตรวจทางเอกซเรย์ ก็อาจมีผลทำให้ไตวายได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานต้องเลี่ยง ใช้สารที่ปลอดภัยมาก ๆ หรือให้น้ำอย่างเพียงพอเมื่อต้องใช้สารจำพวกนี้

8.อาชีพ / อุบัติเหตุ

อาชีพบางอย่างอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตได้ เช่น นักมวย อาจถูกต่อย ถูกเตะบริเวณไตจนเกิดอันตรายได้ หรือบางคนทำงานในโรงงานซึ่งได้รับสารพิษต่อไตสะสมยาวนาน ก็เสี่ยงต่อการเป็นโรคไตได้ ใครที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไตก็ควรป้องกันและ พยายามหลีกเลี่ยงหรือลดความเสี่ยงต่าง ๆ ความเสี่ยงหลาย ๆ อย่างสามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น การให้ยา การกินอาหาร อาชีพ อุบัติเหตุ แต่ความเสี่ยงบางอย่างก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น กรรมพันธุ์ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และความอ้วน แต่สามารถลดความรุนแรงได้ เช่น โรคที่เป็นกรรมพันธุ์ ก็รีบตรวจกับแพทย์เป็นระยะ ๆ เพื่อให้รู้ตั้งแต่โรคเป็นน้อย ๆ จะสามารถดูแลรักษาให้ชีวิตยืนยาวได้ รวมทั้งโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวานได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ถ้าควบคุมความดันโลหิตและเบาหวานได้ดีอย่างต่อเนื่อง โรคไตที่จะเกิดหรือจะเป็นก็จะช้าลง หรือรุนแรงน้อยลง เราสามารถเริ่มดูแลสุขภาพได้ตั้งแต่วันนี้โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

20/11/2020

🎯กรีนแอล Green-L 📍อาหารเสริมบำรุงตับ🍁

✅เหมาะสำหรับ
📍-ผู้ที่ทานยาบ่อย
📍-ผู้ที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ
📍-ผู้ที่มีอาการตาเหลือง
📍-ผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับ
📍-ผู้ที่ผิวหมองคล้ำ
📍-ผู้ที่เคยทานกลูต้าไธโอน

✅ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล

👉สารสกัดจากโรสฮิป (Rosehip Extract) 240 มก.
👉อาร์ติโชค (Artichoke Powder) 200 มก.
👉สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract) 180 มก.
👉สารสกัดจากอัลฟาฟ่า (Alfalfa Extract) 125 มก.
👉แอล-ซีสเตอีน (L-Cysteine HCL anhydrois) 95 มก.
Inactive Ingredient
👉Microcrystalline Cellulose (USP/FCCV) 159.987 มก.
👉Titanium Dioxide (USP/FCC) 0.004 มก.
👉Magnesium Stearate (USP/EU/FCC) 0.004 มก.
👉Silicon Dioxide (USP/EU/FCC) 0.005 มก.
✅ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 แคปซูล รวม 30 แคปซูล ราคา 1,765 บาท(พร้อมรับsาคาโปsโมชั่นพิเศษ)
เลขสารบบ อย. : 10-1-15456-1-0018

✅วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด ก่อนนอน

❗คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค

‼ ผลลัพธ์ที่ได้รับขึ้นอยู่กับตัวบุคคล‼

สั่งซื้อ/ปรึกษา
☎️
🔥คลิกเลย🔥
099-1465698

18/11/2020

ผิวแห้งและคัน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด กล้ามเนื้อเป็นตะคริวบ่อย มีอาการบวมน้ำตามขาและเท้า ใต้ตาคล้ำ ปวดปัสสาวะบ่อย ไม่สบายตัวตลอดเวลา #ไตวาย #ไตอักเสบ #การทำงานของไตลดลง ชุดนี้ช่วยแก้อาการเหล่านี้ได้..สอบถาม/สั่งซื้อ โทร.
099-1465698​
**ส่วนประกอบสำคัญ**
-สารสกัดจากเห็ดหลินจือ
-สารสกัดจากงาดำ
-สารสกัดจากหญ้าหางม้า
-สารสกัดจากแดนดิไลออน
-สารสกัดจากโหงวบี่จี
-สารสกัดจากกระเทียม
-สารสกัดจากโกจิเบอร์รี่
-ผงน้ำมันปลา
-สารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาล

เลขที่อย.ดีไทด์ 10-1-15456-5-0023
1 กล่อง บรรจุ 30 เม็ด ราคา 1,765 บาท
#เก็บเงินปลายทางจัดส่งฟรีทั่วประเทศ
สอบถาม/สั่งซื้อ โทร.0991465698

"ภาวะไตวาย"  หมายถึง ภาวะที่ร่างกายมีการสูญเสียหน้าที่ของไต🔸 ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับน้ำ ของเสียออกจากเลือด 🔸ไม่สามารถรั...
11/11/2020

"ภาวะไตวาย"
หมายถึง ภาวะที่ร่างกายมีการสูญเสียหน้าที่ของไต

🔸 ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับน้ำ ของเสียออกจากเลือด
🔸ไม่สามารถรักษาความสมดุล น้ำ กรด ด่าง อิเล็กโทรไลต์(เกลือแร่)ของน้ำที่อยู่นอกเซลล์
🔸การสูญเสียหน้าที่ในการขับของเสียออกทำให้เกิดการคั่งของของเสีย ได้แก่ ยูเรีย ครีตินิน ฮอร์โมนพาราธัยรอยด์ โซเดียม โปนัสเซียม น้ำ และกรดจากการเผาผลาญ รวมทั้งการทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนลดลง

------------------------------------------------
ดูแลไตให้ดี ก่อนที่ไตจะเสียหน้าที่ไป

ดีไทด์..ฟื้นฟูดูแลไต

สายด่วน โทร. 099-1465698

08/11/2020

ep.2
ทุกมุมของไต

👩🧑อย่าลืมแบ่งปันเรื่องราวดีๆไปให้คนที่คุณรักเราจะมีสุขภาพดีไปด้วย

07/11/2020

ไต

ไต เป็นอวัยวะที่มีรูปร่างคล้ายเม็ดถั่วเหลือง มี 2 ข้าง อยู่ด้านหลังใต้กระดูกชายโครงบั้นเอว ซ้ายขวาข้างละ 1 อัน

หน้าที่ของไต

1. ขับของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญอาหาร

2. รักษาความสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย

3. สร้างสารควบคุมความดันโลหิต

4. กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด

5. กำจัดสารพิษ สารเคมี รวมทั้งขับถ่ายยาออกจากร่างกาย



10 นิสัยร้ายทำลาย “ไต”

1. กลั้นปัสสาวะ Holding Urine

2. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ Do not Drinking Enoungh Water

3. รับประทานอาหารรสเค็มมากเกินไป Excessive Salt Intake

4. ไม่รักษาอการติดเชื้อทั่วไปอย่างถูกต้องในทันที Do Not Treat The Intection Immediately

5. รับประทานเนื้อสัตว์มากเกินไป Excessive Animal Protein Intake

6. ใช้ยาฉีดอินซูลิน ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน To Long Use Of Insulin

7. ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป Excessive Alcohl Use

8. พักผ่อนไม่เพียงพอ Sleep Deprivation

9. ใช้ยาระงับความเจ็บปวดบ่อย ๆ Painkillers Abuse

10. รับประทานอาหารไม่เพียงพอ Vitamin and Mineral Deficiency

06/11/2020

#อย่าทำอีกนะคะ
ควันดีเซลก่อมะเร็ง
นับวันการจราจรเมืองไทยจะเลวร้ายลงทุกวัน ไม่เพียงแต่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมืองอื่นๆ ทั่วทุกภูมิภาครถราก็ติดกันไปทั่ว หลายคนความเครียดมาทักทายกันตั้งแต่เช้าในขณะที่อีกหลายคนเริ่มชาชินและมองเป็นเรื่องปกติไปแล้ว นอกจากจะเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลจากการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงทิ้งไปในท้องถนนแล้ว ควันไอเสียยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างไม่ต้องสงสัย

ความเป็นจริงของประเทศไทยเรา ภาพรถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ รถปิคอัพ รถตู้ รถเมล์ รถบัสที่มากมายเต็มท้องถนน ส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงทั้งสิ้น ยังมีพวกเรือโดยสาร รถไฟก็ใช้น้ำมันดีเซลด้วยเช่นกัน และด้วยความที่น้ำมันดีเซลราคาถูกกว่าน้ำมันประเภทอื่นๆ ทำให้เราเห็นรถปิคอัพเต็มไปหมดเกือบทุกหนแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัด แต่ที่น่ากลัวกว่าคือในเขตชุมชนเมืองที่มีทั้งรถติดและอากาศก็ไม่ถ่ายเท ควันจากท่อไอเสียพวกนี้ถ้าสูดดมเข้าไปจะเกิดอาการแสบจมูก ไอ จากการระคายเคืองทางเดินหายใจ วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ถ้าสูดดมเข้าไปมากๆ ก็ทำให้เกิดทางเดินหายใจอักเสบได้ โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจต้องระวังเป็นพิเศษ แต่ผลกระทบต่อสุขภาพที่น่ากลัวก็หนีไม่พ้นมะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งปอดซึ่งเป็นมะเร็งที่คนไทยป่วยมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งตับ มีผู้ป่วยใหม่ปีละ 14,000 รายและเสียชีวิตประมาณ 12,000 รายต่อปี ที่ทุกวันนี้ทางการมุ่งเน้นการรณรงค์เรื่องบุหรี่ แต่ควันพิษจากเครื่องยนต์ดีเซลก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ ณ เวลานี้สังคมไทยไม่ควรมองข้ามด้วยเช่นกัน

06/11/2020
💢"ไต" สำคัญกับร่างกายอย่างไร??💢ไต เป็นอวัยวะหนึ่งงของร่างกาย ​ทำหน้าที่คัดกรองสารอาหารต่างๆ​เพื่อให้ร่างกายนำกลับไปใช้ปร...
06/11/2020

💢"ไต" สำคัญกับร่างกายอย่างไร??💢

ไต เป็นอวัยวะหนึ่งงของร่างกาย
​ทำหน้าที่คัดกรองสารอาหารต่างๆ
​เพื่อให้ร่างกายนำกลับไปใช้ประโยชน์
แล้วขับน้ำส่วนเกินหรือของเสียจาก
เลือดออกมาในรูปแบบปัสสาวะ
หากไตเกิดความเสียหาย
​ย่อมส่งผลระบบต่าง ๆ
ในร่างกายและทำให้เกิดอาการป่วย
โดยโรคไตที่มักพบบ่อย
ได้แก่ ไตวาย ไตอักเสบ และ นิ่วในไต
ระยะของ โรคไต
Picture
​​ผู้ป่วยโรคไตเสื่อม ไตเรื้อรัง ไตวาย
​ในระยะ 4-5
ส่วนมากมักจะมีอาการภายนอกร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะมีฟอง มีกลิ่นฉุน ตัวบวม หนังตาบวม ขาบวม ผิวแห้ง คันตามผิวหนัง เหนื่อยง่าย หายใจไม่เต็มปอด นอนราบไม่ได้ หัวใจโต ไม่อยากทานข้าว เพลีย ไม่มีแรง แม้แต่นั่งหรือเดิน จนนอนติดเตียง
​ฟังทางนี้ !! เรามีทางออกให้
ไตเสื่อม ไตวาย ดูแลได้ด้วยสารอาหารฟื้นฟูจากธรรมชาติ "ดีไทด์"

🎯🎯🎯099-1465698​🎯🎯🎯

03/11/2020

หมดเวลากินน้ำใต้ศอกต่างชาติ!!
ถึงเวลาที่ “ไทย” ต้องยืนด้วยขาของตัวเอง
ประเทศไทยมีหมอที่เก่งที่สุด พยาบาลเสียสละที่สุด แต่จะเก่งแค่ไหนก็สู้มือเปล่าไม่ได้
หากไทยยังต้องนำเข้าเครื่องมือแพทย์ หนึ่งปีเกือบแสนล้าน!! อนาคตลูกหลานต้องจ่ายค่ารักษาเท่าไหร่? เงินที่เก็บไว้ต้องเสียไปกับค่ารักษาพยาบาลหมด
โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร คือโรงพยาบาลโดยคนไทย เพื่อคนไทย ที่ไม่ใช่แค่รักษา แต่จะสร้างเครื่องมือและวิจัยนวัตกรรมการแพทย์ครบวงจรของคนไทย!! เพื่อคนไทยเข้าถึงนวัตกรรมทางการแพทย์อย่างเท่าเทียม ไทยทำ ไทยใช้ ไทยรอด

7 สัญญาณเตือนโรคตับมาเยือน
03/11/2020

7 สัญญาณเตือนโรคตับมาเยือน

“กินเหล้า” อย่างไร ไม่ให้ "ตับพัง"?หากแบ่งแยกตามเพศ ผู้หญิงไม่ควรดื่มเกิน 1 แก้ว ในขณะที่ผู้ชายไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้ว สาเ...
02/11/2020

“กินเหล้า” อย่างไร ไม่ให้ "ตับพัง"?

หากแบ่งแยกตามเพศ ผู้หญิงไม่ควรดื่มเกิน 1 แก้ว ในขณะที่ผู้ชายไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้ว สาเหตุที่ผู้หญิงดื่มแอลกอฮอล์ได้น้อยกว่า เพราะมีการกระจายไขมันต่อแอลกอฮอล์น้อยกว่า แอลกอฮอล์ดูดซึมได้เร็วกว่า

กรรมพันธุ์ แต่ละคนจะมีระบบเผาผลาญไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากัน อาจมีคนที่คออ่อน และคนคอแข็ง ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ของคนนั้นๆ

โรคประจำตัว หากเป็นโรคตับอยู่แล้ว ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งเพิ่มอันตรายต่อโรคตับให้มากขึ้น

ช่วงเวลารับประทานอาหาร ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่าง อาจทำให้เมาได้เร็ว และทำร้ายตับได้มากกว่า

ดื่มแอลกอฮอล์เท่าไร เสี่ยงโรคตับ?
หากดื่มแอลกอฮอล์เกิน 4-5 ดริ๊งค์ต่อวันติดต่อกันเกิน 5 ปี จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคตับได้ โดยอาการเริ่มแรกอาจพบเพียงไขมันสะสมที่ตับ หากยังดื่มในปริมาณมากๆ เหมือนเดิมติดต่อกันถึง 10 ปี อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคตับแข็งได้

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในการเป็นโรคตับแข็งของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย กรรมพันธุ์ ปริมาณที่ดื่ม และพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ อีกด้วย

สิ่งที่คุณหมออยากเตือน คือ ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากรวดเดียว เพราะเสี่ยงตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน และตับอักเสบที่ทำให้เสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว และพบได้บ่อยครั้งในคนไทย หากพบว่าตัวเองเป็นคนดื่มแล้วตัวแดงง่าย แปลว่าร่างกายของเรากำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้ไม่เร็วมากพอ ไม่ควรดื่มซ้ำ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ นอกจากนี้หากมีสัญญาณของพิษสุราเรื้อรัง และแอลกอฮอล์ลิซึ่ม เช่น ตื่นเช้ามาก็อยากดื่มเลย หรือถ้าไม่ได้ดื่มจะหงุดหงิดงุ่นง่าน โมโหร้าย ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาทันที
ปรึกษา 099-1465698

โรคมะเร็งตับปัจจุบันคนไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งตับสูงที่สุดโดยอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิง มากกว่า 80% ...
02/11/2020

โรคมะเร็งตับ

ปัจจุบันคนไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งตับสูงที่สุดโดยอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิง มากกว่า 80% ของผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งตับพบว่า เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี, ไวรัสตับอักเสบซี และภาวะตับแข็ง

ปัจจัยเสี่ยง
ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทั้งชนิดบีและซี
ผู้ที่มีภาวะอ้วน
โรคทางพันธุกรรม เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน
การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิด เช่น การได้รับฮอร์โมนเพศชายเป็นเวลานาน
โรคมะเร็งตับในระยะแรกจะไม่แสดงอาการใดๆ บางคนอาจมีอาการปวดหรือเสียวชายโครงด้านขวา โดยไม่มีอาการอื่นๆ แสดงชัดเจนก็ได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะเป็นอยู่นานเป็นเดือน ทำให้กว่าจะรู้ก็อาจสายเกินไป

อาการเตือน...อาจเป็นโรคตับ

ปวดท้องข้างขวาส่วนบน
จุกเสียดท้องคล้ายอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องบวม
คลำพบก้อนบริเวณตับ
ตาเหลือง ตัวเหลือง
น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร
มีอาการอ่อนเพลีย นอนไม่ค่อยหลับ
วิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือ การตรวจพบให้เร็วที่สุด เพราะจุดเริ่มต้นมะเร็งตับคือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี แต่สามารถรักษาหายได้ หากตรวจพบในระยะแรก ดังนั้นแพทย์จึงแนะนำให้หมั่นตรวจสุขภาพและตรวจอัลตราซาวด์ตับทุก 3 เดือนโดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง

02/11/2020

ตับ เป็นอวัยวะที่อยู่ในช่องท้องส่วนบนด้านขวา ทำหน้าที่ที่สำคัญหลายอย่าง เช่น

กำจัดสารพิษ
มีส่วนสำคัญใน metabolism ของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน
สร้างน้ำดี ซึ่งมีความจำเป็นในกระบวนการย่อยอาหารของร่างกาย
เป็นที่เก็บสะสมของไกลโคเจน เกลือแร่ และวิตามิน (A, D, E, K)
สังเคราะห์โปรตีน เช่น albumin และปัจจัยในการแข็งตัวของเลือด (Clotting factors)
ตับอักเสบ เกิดได้จากหลายสาเหตุ สาเหตุที่พบบ่อยมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แต่ก็ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่พบได้ เช่น จากการดื่มแอลกอฮอล์ ยาบางอย่าง สารพิษบางชนิด หรือแม้แต่การอักเสบที่เกิดจากภูมิคุ้มกันตัวเองไปทำลายตับ



อาการ
พบได้ตั้งแต่ไม่มีอาการอะไร แต่ทราบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพ แล้วผลการทำงานของตับผิดปกติ

ต่อมาเมื่อมีการอักเสบมากขึ้น ตับถูกทำลายจนเสียหน้าที่ จะเริ่มมีอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย น้ำหนักลด

ตัวเหลือง ตาเหลือง บางคนอาจมีไข้ต่ำๆ ปวดท้องใต้ชายโครงขวาร่วมด้วย



สาเหตุของตับอักเสบ จากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
ไวรัสตับอักเสบ A
มักมีอาการเฉียบพลัน อ่อนเพลีย มีไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง มักติดทางการกินอาหารที่ปนเปื้อน (F***l oral route)

ไวรัสตับอักเสบ B
มักมีอาการเรื้อรัง ค่อยเป็นค่อยไป บางครั้งไม่แสดงอาการ ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รอยสัก เข็มฉีดยา การให้เลือด หรือแม่สู่ลูก คล้ายไวรัสตับอักเสบ C ซึ่งถ้าเรามีการคัดกรองแล้วทราบว่าผู้ป่วยรายใดเป็นพาหะ มีข้อบ่งชี้ในการกินยาต้านไวรัสตับอักเสบบี จะช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดตับแข็ง และมะเร็งตับในอนาคตได้

ไวรัสตับอักเสบ C
มักมีอาการเรื้อรัง หรือ แม้แต่ไม่แสดงอาการ รวมถึงการติดต่อก็เป็นช่องทางคล้ายกับไวรัสตับอักเสบบี ดังที่ได้กล่าวข้างต้น ความสำคัญ คือ ในปัจจุบันนี้ มียารักษาไวรัสตัวใหม่ๆ ที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ ซึ่งจะช่วยลดการเกิดผลแทรกซ้อน เช่น ตับแข็ง มะเร็งตับ เป็นอย่างมาก

ไวรัสตับอักเสบ E
มักมีอาการเฉียบพลัน อ่อนเพลีย มีไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง มักติดทางการกินอาหารที่ปนเปื้อน (F***l oral route) คล้ายไวรัสตับอักเสบ A มักพบในประเทศที่สุขอนามัยไม่ดี



สาเหตุอื่น ๆ ที่พบได้ของตับอักเสบ
การดื่มแอลกอฮอล์
ยาบางชนิด เช่น พาราเซตามอลในขนาดสูงเกิน 10 g หรือมากกว่า 200 mg/kg ครั้งเดียว ทำให้ตับอักเสบได้ , ยาลดการอักเสบกลุ่ม NSAIDs, ยาลดไขมันกลุ่ม statins, ยากันชักบางชนิด,

โรคไตและการดูแลรักษาตัวทั้งนี้ “ไต” มีหน้าที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1. การขับของเสีย ขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย ฉะนั้นถ้...
02/11/2020

โรคไตและการดูแลรักษาตัว
ทั้งนี้ “ไต” มีหน้าที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1. การขับของเสีย ขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย ฉะนั้นถ้าขับไม่ได้ จะมีอาการบวมตามตัว 2. มีหน้าที่เกี่ยวกับการสมดุลของเกลือแร่ ประเภทกรดด่างต่างๆ 3. ไตมีหน้าที่ สังเคราะห์ฮอร์โมนวิตามินต่างๆ สร้างฮอร์โมนท์ที่กระตุ้นเม็ดเลือดต่อวิตามินดี ฉะนั้นหากไตเสื่อมการทำงานของไตก็อาจจะมีเลือดจาง และมีภาวะขาดวิตามินได้
โดยโรคไตเรื้อรังเป็นภัยเงียบ ช่วงแรกจะไม่มีอาการแสดงให้เห็นและยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยผู้ป่วยอาจมาพบแพทย์อีกที เมื่อมีอาการผิดปกติมากแล้ว ซึ่งเมื่อแพทย์สอบถาม มักจะพบอาการ ดังต่อไปนี้
1. บวมตามตัว โดยเฉพาะบริเวณขาหรือเท้าและหนังตา ซึ่งคนปกติหากไม่เคยบวมแล้วบวมขึ้นมา ถือว่าน่าสงสัย
2. ปัสสาวะผิดปกติ เช่น เวลาที่ราดน้ำหรือกดชักโครก แล้วเกิดมีฟอง ยิ่งฟองเยอะหรือหลายชั้น แสดงว่าผิดปกติ รวมไปถึงสีของปัสสาวะผิดปกติ เช่น มีสีน้ำล้างเนื้อ สีแดงจางๆ การเข้าห้องน้ำบ่อย ทั้งระหว่างวัน และตอนนอน หมายถึงมีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งคนไข้ควรสังเกตอาการ
3. อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ทานได้น้อย คลื่นไส้อาเจียน

โรคไตเรื้อรังแบ่งออกเป็น 5 ระยะ สามารถทราบระยะได้จากการตรวจเลือดและดูค่าของไต ที่เรียกว่า Creatinine มาวิเคราะห์ตามสูตร โดยคำนวนอายุ เพศ น้ำหนัก และคิดออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ ถ้าได้ 100 % แสดงว่าปกติ แต่หากคำนวณแล้วอยู่ที่ระหว่าง 90% คือ เป็นโรคไตระยะที่ 1 หากค่าอยู่ที่ 60 – 90 % คือระยะที่ 2 ค่าระหว่าง 30 - 60 % เป็นระยะที่ 3 ซึ่งทั้ง 3 ระยะ แทบจะไม่มีอาการแสดงให้เห็น แพทย์ต้องซักประวัติและถามอาการอย่างละเอียด แต่หากคนไข้พบว่าเป็นโรคไต ในระยะต้นๆ ถือว่าโชคดี ที่จะทำการรักษา ต่อมาในระยะที่ 4 คือมีค่าไต 15 – 30% ระยะที่ 5 ค่าไตทำงานต่ำกว่า 15 % ถือว่าเป็นโรคไตเรื้อรัง หรือ ไตวายระยะสุดท้าย ซึ่งจะต้องมีการบำบัดทดแทนไตต่อไป
สำหรับการป้องกันภาวะไตวาย ได้แก่ การเลี่ยงการกินยาที่เราไม่ทราบสรรพคุณหรือว่ากินยาที่ไม่จำเป็นโดยเฉพาะพวกยาแก้ปวด หรือ ยาสมุนไพรเป็นระยะเวลานาน ซึ่งหากทราบว่าตนเองมีความเสี่ยงแล้ว ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อหาแนวทางป้องกัน กลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี , ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน หรือโรคเก๊าท์ , ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ตั้งแต่อายุน้อยว่า 35 ปี หรือว่ามากกว่า 60 ปี

"ไตวาย...ไม่ตายไว"ไตวายแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่1. ภาวะไตวายเฉียบพลัน คือการที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างรวดเร็ว โดยเกิ...
01/11/2020

"ไตวาย...ไม่ตายไว"

ไตวายแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. ภาวะไตวายเฉียบพลัน คือการที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างรวดเร็ว โดยเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่นภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิต โรคในระบบทางเดินปัสสาวะ การได้รับสารพิษ ผลข้างเคียงจากยา การรับประทานยาเกินขนาด รวมถึงผู้ป่วยอาการหนักจากโรคต่างๆ ซึ่งหากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็มีโอกาสที่ไตจะฟื้นกลับมาเป็นปกติได้

2. ภาวะไตวายเรื้อรัง เป็นภาวะที่ไตค่อยๆ สูญเสียความสามารถในการทำงานลง ซึ่งสาเหตุหลักๆ ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน รวมถึงสภาวะอื่นๆ เช่น ไตอักเสบ โรคถุงน้ำในไต ซึ่งภาวะนี้อาจกินเวลานานนับปีโดยไม่มีอาการ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงมักตรวจพบโรคเมื่อประสิทธิภาพการทำงานของไตลดลงไปมากและนำไปสู่ภาวะไตวาย ที่ไม่สามารถรักษาให้กลับมาทำงานเป็นปกติได้อีกต่อไป

โทร.083-9822974

ที่อยู่

Nakhon Pathom

เบอร์โทรศัพท์

+66991465698

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ดูแลตับ ไต หัวใจผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ดูแลตับ ไต หัวใจ:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram