XC clinic เอ็กซ์ซี คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม

XC clinic เอ็กซ์ซี คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม
รักษาสิว ฝ้า โปรแกรมร้อยไหมปรับรูปหน้า โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

Guide: 6 วิธีดูแลผิวในช่วงอากาศร้อนจัด 1. ใช้คลีนซิ่งที่เนื้อเบาลง เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักจะมีคลีนซิ่งออยล์หรือบาล์มเป็นส่...
25/04/2025

Guide: 6 วิธีดูแลผิวในช่วงอากาศร้อนจัด
1. ใช้คลีนซิ่งที่เนื้อเบาลง


เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักจะมีคลีนซิ่งออยล์หรือบาล์มเป็นส่วนหนึ่งของสเต็ปการล้างหน้าเสมอ แต่สำหรับหน้าร้อนนี้ลองปรับให้คลีนซิ่งมีความเบาบางลงเพื่อไม่ให้ผิวรู้สึกหนักจนเกินไป เช่น คลีนซิ่งมิลก์หรือคลีนซิ่งเจล

2. ทากันแดดซ้ำระหว่างวัน

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยไม่ว่าจะฤดูไหนก็คือกันแดด ยิ่งสภาพอากาศร้อนระอุแบบนี้แล้วยิ่งต้องใส่ใจเลือกเป็นพิเศษ แนะนำให้มองหาสูตรที่มี SPF 50 ขึ้นไป พร้อมการปกป้องแบบ Broad Spectrum ที่ครอบคลุมทั้งรังสี UVA และ UVB ตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ รวมไปถึงริ้วรอย สำหรับใครที่แต่งหน้าอาจจะสงสัยว่าจะทาซ้ำระหว่างวันอย่างไร เราแนะนำให้พกกันแดดชนิดสเปรย์ไว้ฉีดทับระหว่างวัน นอกจากจะสะดวก แล้วยังทำให้หมดห่วงเรื่องเมกอัพพังไปได้เลย


3. เลี่ยงผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวชนิดเข้มข้น

การผลัดเซลล์ผิวชนิดจริงจังคงต้องงดไปก่อนหากต้องออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้งเป็นเวลานาน เพราะถ้าสภาพผิวมีความบอบบางแล้วเจอกับแดดในช่วงนี้ไปคุณอาจจะต้องลงทุนกับสกินแคร์รักษากระฝ้า หรือไม่ก็ถึงขั้นซื้อคอร์สเลเซอร์ในคลินิกแทน


4. เพิ่มเซรั่มไฮยาลูรอนิกแอซิด

เชื่อไหมว่าการทำผิวให้ชุ่มชื่นเป็นทุนเดิมอยู่เสมอสามารถทำให้คุณลดความเสี่ยงต่อปัญหาผิวอื่นๆ ที่จะตามมาในระยะยาว ราวกับการเสริมเกราะความแข็งแรงให้กับผิวนั่นเอง ลองเพิ่มเซรั่มที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิกแอซิดเข้าไปในสกินแคร์รูทีน เพราะนอกจากจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นในชั้นผิวแล้วยังให้สัมผัสที่สบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะอีกด้วย



5. ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดออยล์ฟรี

มอยส์เจอไรเซอร์ที่เราเห็นส่วนใหญ่ในท้องตลาดมักจะมีส่วนผสมของออยล์เพื่อการบำรุงที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งใครหลายคนก็มักจะเลี่ยงการทามอยส์เจอไรเซอร์ในช่วงหน้าร้อน แต่อันที่จริงแล้วเรายังสามารถใช้ได้ตามปกติ เพียงแต่เปลี่ยนมาใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดออยล์ฟรีแทน เพื่อไม่ให้ผิวรู้สึกหนักจนเกินไป แถมยังลดการเกิดสิวอุดตันไปได้ในตัว


6. ปกป้องอีกขั้นด้วยเซรั่มวิตามินซี

วิตามินซี ส่วนผสมแสนธรรมดาตัวนี้แหละที่ตอบโจทย์หน้าร้อนนี้สุดๆ นอกจากคุณสมบัติในการเพิ่มความกระจ่างใส กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแล้ว วิตามินซียังสามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ได้อีกด้วย ดังนั้นการทาเซรั่มวิตามินซีในตอนเช้า ตามด้วยกันแดด จะยิ่งเป็นการเสริมประสิทธิภาพในการกันแดดได้อีกขั้นเลยล่ะค่ะ💕

Cr.thestandard

พบกับ xc clinicโฉมใหม่ สถานที่ใหม่ เร็วๆนี้ค่ะ💕
21/04/2025

พบกับ xc clinicโฉมใหม่ สถานที่ใหม่ เร็วๆนี้ค่ะ💕

🧭 การเตรียมตัวก่อนฉีดก่อนฉีดโบท็อกซ์ และการดูแลหลังฉีด💉✅ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์  รวมไปถึงคลินิกและแพทย์ผู้ฉีดให้ถี่...
19/04/2025

🧭 การเตรียมตัวก่อนฉีดก่อนฉีดโบท็อกซ์ และการดูแลหลังฉีด💉

✅ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ รวมไปถึงคลินิกและแพทย์ผู้ฉีดให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจทำ
✅งดการทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน วิตามินอี กิงโกะ น้ำมันปลา เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีดเพื่อป้องกันอาการฟกช้ำหลังทำ
✅งดการขัดผิว สครับผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มที่มีสารผลัดเซลล์ผิวอย่างน้อย 1-2 วันก่อนทำเพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
✅งดการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดมีการสูบฉีดอย่างหนัก

💫การดูแลหลังฉีด
✅งดการกด นวด หรือบีบผิวในตำแหน่งที่ฉีดโบท็อกซ์เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายตัวผิดตำแหน่งจนส่งผลด้านผลลัพธ์
✅งดการนอนราบที่ทำศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับหน้าอกอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงหลังทำ
✅เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังทำเพราะจะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือดจนส่งผลต่อผลลัพธ์หลังทำ
✅งดการออกกำลังกายอย่างหนักในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังฉีดเพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของตัวยาผิดตำแหน่ง
✅เลี่ยงการเผชิญความร้อนที่จะส่งผลทำให้ตัวยาโบท็อกซ์สลายตัวได้ไวขึ้น เช่น การอาบแดด ซาวน่า อบไอน้ำ การนั่งทานอาหารหน้าเตาร้อน ๆ หรือการทำหัตถการผิวที่ต้องความร้อน
✅ในกรณีหลังฉีดมีอาการปวดตึงผิว หรือมีอาการบวมที่ผิวสามารถใช้การประคบเย็นหรือทานยาแก้ปวดตามคำแนะนำของแพทย์ได้

วิธีรักษารอยสิวรอยสิวรักษายังไง? วิธีรักษารอยสิวให้จางไว เห็นผลเร็วสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณและความรุ...
31/03/2025

วิธีรักษารอยสิว

รอยสิวรักษายังไง? วิธีรักษารอยสิวให้จางไว เห็นผลเร็วสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณและความรุนแรงของสิวที่เกิดขึ้น มีวิธิการใดบ้าง มาดูกันค่ะ

1. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูสภาพผิวและลดการอักเสบของสิว ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายมีเวลาฟื้นฟูผิวอย่างเต็มที่ และรักษารอยแดงจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. หลีกเลี่ยงการแกะสิว หรือบีบสิว
การแกะหรือบีบสิวจะทำให้ผิวหนังเกิดรอยสิวได้ การหลีกเลี่ยงการแกะ แคะ บีบ หรือสัมผัสหน้าบ่อย ๆ จะเป็นวิธีลดรอยสิวเบื้องต้น และใช้วิธีการรักษาสิวอื่น ๆ เช่น การรับประทานยาแทนการบีบสิว เป็นต้น

3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิว และอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง เพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวและลดการอักเสบของผิวหนัง

4. รับประทานวิตามินเสริม
วิตามินเสริมเช่น วิตามินซี วิตามินอี และสังกะสี มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูสภาพผิวและลดรอยสิวได้ การรับประทานวิตามินเสริมควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย

5. ทาครีมลดรอยสิว
การใช้ครีมลดรอยสิวที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน เช่น วิตามินซี หรือไนอาซินาไมด์ จะช่วยให้รอยดำจางลงและผิวดูกระจ่างใสขึ้น

6. สครับหน้าลดรอยแดงจากสิว
การสครับหน้าเบา ๆ ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดรอยแดงจากสิว แต่ควรระวังไม่สครับแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแย่ลง อีกทั้งควรเลือกผลิตภัณฑ์สครับที่เหมาะสมกับสภาพผิว

7. พอกสมุนไพร
การพอกหน้าด้วยสมุนไพรเช่น ขมิ้นชัน ว่านหางจระเข้ หรือมะขามเปียก ช่วยลดการอักเสบและรอยแดงจากสิว สมุนไพรเหล่านี้มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูสภาพผิวและลดรอยสิวได้ดี

8. ทำเลเซอร์รอยสิว
การทำเลเซอร์สิวช่วยลดรอยสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรอยแผลเป็นที่ลึก การทำเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และปรับผิวให้เรียบเนียน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการทำเลเซอร์ที่เหมาะสม

9. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
หากรอยสิวไม่หายหรือมีความรุนแรงมากจนรักษาด้วยตนเองไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม เพราะแพทย์ผิวหนังสามารถแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของคุณได้อย่างตรงจุดค่ะ

ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ💕
25/03/2025

ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ💕

✅มาเช็คค่าฝุ่นวันนี้กัน อย่าลืมดูเเลสุขภาพน้า💚
📢รายงานสถานการณ์ PM2.5 ประจำวันที่ 25 มีนาคม 2568 เวลา 09.00น.🌥️
🌬️คุณภาพอากาศ อยู่ใน ระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ

💝💝คำแนะนำทางสุขภาพ🏥🩺😷
(index pointing right) งด การทำกิจกรรมกลางแจ้ง * หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง
หรือประเมินอาการผ่านคลินิกมลพิษออนไลน์
😷😷โดยท่านสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ airbkk.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK

💚💚ด้วยความห่วงใยจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน💚💚
#สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน ห่วงใยอยากเห็นคนน่านมีสุขภาพดี❤️

19/03/2025

วิตามินซี (VITAMIN C) มีประโยชน์อย่างไรกับผิว
🍊🍊🍊

วิตามินซี(Vitamin C) วิตามินพื้นฐาน สุดยอดคุณสมบัติ ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง และช่วยในเรื่องผิวพรรณให้กระจ่างใส สวยงามเปล่งปลั่งได้อีกด้วย

ถึงวิตามินซี (Vitamin C) จะเป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการ แต่ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างวิตามินซีได้เอง จำเป็นจำต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร อย่างพวกผัก ผลไม้ หรือวิตามินเสริมต่างๆ

วิตามินซี (Vitamin C) ประโยชน์เน้นๆ สำหรับผิวพรรณ
มาดูกันดีกว่า ว่าวิตามินซี (Vitamin C) มีประโยชน์อย่างไรกับผิวพรรณของเราบ้าง...

ชะลอการเกิดริ้วรอย
ปกติแล้ว เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนลดลง ทำให้ริ้วรอยเพิ่มขึ้น แต่วิตามินซี(Vitamin C) จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนขึ้นมา และเมื่อร่างกายของเรามีคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น จะช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย และสุขภาพผิวก็จะดีกว่าคนในวัยเดียวกัน

ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
วิตามินซี (Vitamin C) จะช่วยต้านเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดจุดด่างดำ กระ ฝ้า และสีผิวเกิดความไม่สม่ำเสมอ ทำให้ปรับผิวที่หมองคล้ำให้ดูกระจ่างใสเปล่งปลั่งมากขึ้น
ช่วยสมานและรักษาแผลบนผิวให้หายเร็วขึ้น
วิตามินซี (Vitamin C) มีส่วนช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาเซลล์ ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง และต่อต้านการอักเสบ และช่วยให้ผิวผลิตคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูผิว

ป้องกันผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด
วิตามินซี (Vitamin C) เป็น Antioxidant สามารถยับยั้งสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องปละฟื้นฟูผิวจากการถูกแสงแดดทำร้ายได้
บำรุงด้วยวิตามินซี (Vitamin C) จากภายนอก
เริ่มต้นด้วยการบำรุงผิวภายนอก ปัจจุบันวิตามินซี (Vitamin C) ถูกนำมาสกัดลงในสกินแคร์ต่างๆ เพื่อให้สาวๆ ได้ใช้บำรุงผิวจากภายนอกแบบเฉพาะจุด ไม่ว่าจะเป็นเซรั่ม ครีม โลชั่น มาส์ก สบู่ก้อนและครีมอาบน้ำ เมื่อใช้เป็นประจำ จะช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ผู้หญิงกับส้มที่ให้วิตามินซี
บำรุงด้วยวิตามินซี (Vitamin C) จากภายใน
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ว่าวิตามินซี (Vitamin C) นั้น ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้เองได้ จำเป็นต้องรับประทาน เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซี โดยผักและผลไม้ที่มีวิตามินซี เราสามารถหาซื้อมารับประทานได้มีอยู่ทั่วไป เช่น

ส้ม มีวิตามินซีประมาณ 69 มิลลิกรัม/100 มิลลิกรัม
ฝรั่ง มีวิตามินซีประมาณ 160 มิลลิกรัม/100 มิลลิกรัม
กีวี มีวิตามินซีประมาณ 105 มิลลิกรัม/100 มิลลิกรัม
ผักคะน้า มีวิตามินซีประมาณ 141 มิลลิกรัม/100 มิลลิกรัม
ผักเคล มีวิตามินซีประมาณ 120 มิลลิกรัม/100 มิลลิกรัม
แต่สำหรับคนที่ไม่สามารถรับประทานผักผลไม้ได้เพียงพอในแต่ละวัน ยังมีบรรดาอาหารเสริมที่มีวิตามินซี (Vitamin C) หลากหลายรูปแบบที่วางจำหน่ายให้เลือกไปรับประทานกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบเม็ด แบบแคปซูล แบบเม็ดอม แบบฉีด แบบเยลลี่ แบบน้ำดื่ม ผู้ที่ต้องการเสริมภุมิคุ้มกันและบำรุงผิวพรรณ ควรรับประทาน 1,000 มิลลิกรัม/วัน

Send a message to learn more

🪭7 วิธีดูแลผิวในช่วงหน้าร้อน ลดโอกาสผิวถูกทำร้ายได้ง่ายยิ่งขึ้น☀️⛱️โอกาสที่ผิวจะถูกทำร้ายในช่วงหน้าร้อนมีสูงมาก เพราะเป็...
05/03/2025

🪭7 วิธีดูแลผิวในช่วงหน้าร้อน ลดโอกาสผิวถูกทำร้ายได้ง่ายยิ่งขึ้น☀️⛱️

โอกาสที่ผิวจะถูกทำร้ายในช่วงหน้าร้อนมีสูงมาก เพราะเป็นช่วงที่ผิวพรรณของสาวๆ จะต้องเผชิญกับแสงแดด ฝุ่น ควัน และมลภาวะต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมช่วงหน้าร้อนผิวของสาวๆ จึงเกิดความเสียหายอย่างหนัก และนั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมจะต้องดูแลผิวในช่วงหน้าร้อนให้ดี วันนี้เราจึงเอา 7 วิธีดูแลผิวในช่วงหน้าร้อน ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดโอกาสผิวถูกทำร้ายมาแชร์ให้ได้เอาไปทำตามกันค่ะ

1.ทำความสะอาดผิวให้ถูกวิธี
การทำความสะอาดผิวให้ถูกวิธี จะช่วยลดโอกาสผิวถูกทำร้ายในช่วงหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสาวๆ ที่แต่งหน้า จะต้องเช็ดล้างเครื่องสำอางให้หมดจดก่อนนอนเสมอ เพราะเครื่องสำอางถือเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดสิวได้ง่าย

2.ทาครีมกันแดดปกป้องผิว
เนื่องจากแสงแดดเป็นตัวการที่ทำให้ผิวได้รับความเสียหายอย่างหนัก เช่น หมองคล้ำ หยาบกร้าน เหี่ยวย่น สิว กระ ฝ้า และจุดด่างดำ ดังนั้นสาวๆ จึงต้องป้องกันผิวจากแสงแดดด้วยการหมั่นทาครีมกันแดดทุกวัน โดยครีมกันแดดที่แนะนำให้ใช้ควรมี SPF15 ขึ้นไป และสามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB ที่สำคัญจะต้องทาครีมกันแดดก่อนออกกลางแจ้งอย่างน้อย 30 นาที ห้ามออกไปเผชิญแดดทันทีหลังจากทาครีมกันแดด เพราะจะไม่สามารถป้องกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้จะต้องหมั่นทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงหากจะต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน

3.มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว
แม้ว่าการทามอยส์เจอไรเซอร์ในช่วงหน้าร้อน จะทำให้ผิวของสาวๆ มีความเหนอะหนะบ้าง แต่วิธีนี้จะช่วยบำรุงผิวและช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี เป็นการช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างล้ำลึก และที่สาวๆ ไม่ควรลืมเลยก็คือ ควรทามอยส์เจอไรเซอร์แต่เพียงบางๆ เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการอุดตัน

4.กินอาหารที่ช่วยบำรุงผิว
อาหารที่ช่วยบำรุงผิว เช่น ผัก ผลไม้ และน้ำเปล่า คือตัวช่วยที่ลดโอกาสผิวถูกทำร้ายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นในช่วงหน้าร้อนแบบนี้แนะนำให้สาวๆ ดูแลผิวของตัวเองด้วยการดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ เพราะน้ำช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น และยังเป็นตัวขนส่งสารอาหารที่ดีให้แก่เซลล์ผิว พร้อมทั้งกินผักและผลไม้ให้มากๆ โดยเฉพาะผักและไม้ที่มีไฟเบอร์สูง จะช่วยขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกาย รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่อุดมอยู่ในผักผลไม้จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากรังสี UV ได้ดี

5.หมั่นออกกำลังกาย
แม้จะเป็นหน้าร้อน การออกกำลังกายก็ยังสำคัญมากๆ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดสูบฉีดได้ดี จึงทำให้ผิวของสาวๆ ได้รับออกซิเจนและสารอาหารได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งช่วยให้ร่างกายขับถ่ายของเสียไปกับเหงื่อได้อีกด้วย นั่นจึงทำให้สาวๆ มีผิวสวยอย่างอัตโนมัติ

6.นอนให้เพียงพอ
การนอนให้เพียงพอก็เป็นวิธีที่ช่วยลดโอกาสผิวถูกทำร้ายในช่วงหน้าร้อนได้เช่นกัน เพราะช่วงเวลานอนเป็นช่วงเวลาที่ผิวของคนเราทำการซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมโทรม ในขณะเดียวกันหากสาวๆ นอนไม่พอ จะทำให้ผิวไม่สดใสและผิวหยาบกร้านได้ง่าย

7.ลดโอกาสการทำร้ายผิว
การลดโอกาสทำร้ายผิว สาวๆ สามารถทำได้ด้วยการหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 10 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน งดสูบบุหรี่ หมั่นสูดอากาศที่บริสุทธิ์ พักผ่อนให้เพียงพอ และพยายามหลีกเลี่ยงความเครียด

สำหรับสาวๆ ที่รู้ว่าตัวเองมีผิวที่บอบบาง หรือผิวไม่แข็งแรงมากพอเมื่อเผชิญกับอากาศร้อนหรือแดดแรงจ้า แนะนำว่าจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลผิวให้มากๆ โดยเฉพาะ 7 วิธีที่เราได้เอามาแชร์ข้างต้น สามารถดูแลผิวของสาวๆ ในช่วงหน้าร้อนได้ดี และยังช่วยลดโอกาสผิวถูกทำร้ายได้อีกด้วย

วิธีทําให้ผิวชุ่มชื้น รวมวิธีที่สาว ๆ ควรรู้ มาดูกันว่าผิวแห้งเสีย ทำยังไงถึงจะกลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น มีชีวิตชีวาได้อี...
04/02/2025

วิธีทําให้ผิวชุ่มชื้น รวมวิธีที่สาว ๆ ควรรู้ มาดูกันว่าผิวแห้งเสีย ทำยังไงถึงจะกลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น มีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง

วิธีทำให้ผิวชุ่มชื้น

สำหรับปัญหาเรื่องผิวของสาวไทยนั้น มีจำนวนไม่น้อยเลยค่ะที่มีปัญหาเรื่องผิวแห้งกร้าน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักจะมาจากสภาพอากาศเย็น หรือแม้แต่แสงแดดก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้นได้เช่นกัน รวมไปถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างการอาบน้ำอุ่นบ่อย ๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิว ก็เป็นอีกหนึ่งตัวการที่จะทำให้ผิวยิ่งแห้งและขาดความชุ่มชื้นมากขึ้นไปอีก ซึ่งบางคนอาจมีปัญหามากน้อยแตกต่างกันไป แต่ถ้าปล่อยไว้โดยที่ไม่ดูแลเลย ผิวก็จะยิ่งแห้งตึงและเป็นขุยมากขึ้น หรือบางคนอาจมีอาการคันร่วมด้วยก็มี

ดังนั้นหากใครที่มีปัญหาผิวแห้งอยู่แล้วถ้าไม่อยากปล่อยให้ผิวยิ่งแย่ไปกว่าเดิม อย่ารอช้า รีบตามกระปุกดอทคอมมาดูวิธีทําให้ผิวชุ่มชื้นเพื่อกู้คืนผิวแห้งเสียให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งกันเลย...

วิธีทําให้ผิวชุ่มชื้น

1. มอยส์เจอไรเซอร์ ต้องทาทุกวันห้ามขาด

เพราะมอยส์เจอไรเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ดีที่สุด และช่วยกักเก็บน้ำในผิวให้อยู่ได้ยาวนาน ซึ่งปัจจุบันมีครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์มากมาย ดังนั้นสาว ๆ ต้องซื้อมาไว้ติดโต๊ะเครื่องแป้งอย่าให้ขาดเลยค่ะ แล้วทาทุกวันเช้า-เย็น แนะนำให้ทาหลังอาบน้ำ ขณะที่ผิวยังเปียกหมาด ๆ จะยิ่งทำให้มอยส์เจอไรเซอร์กักเก็บน้ำในผิวได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

2. ว่านหางจระเข้ ช่วยได้ !

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากว่านหางจระเข้มาให้สาว ๆ ผิวแห้งทั้งหลายได้เลือกใช้โดยเฉพาะ แถมยังช่วยบำรุงผิวได้ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยทีเดียว เหมาะกับคนที่ผิวแห้งกร้านมาก ๆ ให้บำรุงด้วยผลิตภัณฑ์จากว่านหางจระเข้เป็นประจำ หรือจะนำว่านหางจระเข้สด ๆ มาพอกผิวบ่อย ๆ ก็ได้ค่ะ วิธีนี้จะช่วยทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นได้เร็ว แถมยังอ่อนโยนและปลอดภัยกับผิวที่บอบบางอีกด้วย

วิธีทําให้ผิวชุ่มชื้น

3. สูตรพอกผิวจากธรรมชาติที่ต้องลอง !

ผิวที่แห้งกร้านต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ ดังนั้นในแต่ละสัปดาห์สาว ๆ ควรบำรุงผิวด้วยการพอกผิวอย่างน้อย 1-2 ครั้ง แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกบำรุงให้ถูกวิธีด้วยนะคะสาว ๆ อย่างการพอกผิวด้วยสูตรธรรมชาตินี่แหละทั้งปลอดภัยและอ่อนโยน ที่สำคัญราคาไม่แพง ถึงไม่ต้องเข้าคอร์สบำรุงผิวราคาแพง ๆ ก็กู้ผิวแห้งเสียให้กลับมาเนียนนุ่มชุ่มชื้นได้ง่าย ๆ โดยสูตรที่นิยมมากที่สุดก็คือ...

- น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าว ทำมานวดบริเวณผิวที่แห้งกร้านเป็นประจำ โดยที่ไม่ต้องล้างออก ผิวของคุณจะกลับมาชุ่มชื้นได้ทันที และหากใช้เป็นประจำผิวจะค่อย ๆ แข็งแรงและแห้งกร้านน้อยลงด้วย

- น้ำผึ้ง นำมาพอกผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก สรรพคุณของน้ำผึ้ง จะช่วยทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น และทำบ่อย ๆ ผิวจะเนียนนุ่มมากขึ้นด้วยค่ะ

4.ใช้น้ำแร่ฉีดผิว
อีกหนึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดที่ทำให้ผิวชุ่มชื้นก็คือการใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดผิว สำหรับวิธีนี้เปรียบเสมือนเป็นการเติมน้ำให้ผิวจากภายนอก ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เหมาะกับคนที่อยากให้ผิวชุ่มชื้นและสดชื่นระหว่างวัน ซึ่งสามารถพกพาได้สะดวก และสามารถใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ทั้งนี้ขอแนะนำให้เลือกใช้แบบที่มีละอองเล็ก ๆ จะสามารถซึมเข้าสู่ผิวและทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ดีและนานยิ่งขึ้นค่ะ

5. อย่าอาบน้ำนาน และหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น

เพราะการอาบน้ำนาน ผิวจะยิ่งสูญเสียความชุ่มชื้นและไขมันที่จำเป็น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วไม่ควรจะอาบน้ำนานเกิน 15 นาที รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นด้วย เพราะน้ำอุ่นจะยิ่งทำให้ผิวคลายความชุ่มชื้นออกมา เป็นสาเหตุให้ผิวแห้งกร้านมากขึ้น นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อาบน้ำก็ควรจะเลือกใช้ให้เหมาะกับผิว เพราะบางตัวอาจแรงเกินไปใช้แล้วจะยิ่งทำให้ผิวแห้งตึง ดังนั้นทางที่ดีสำหรับคนที่ผิวแห้งมาก ๆ แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำสูตรอ่อนโยนจะดีกว่า นอกจากจะดีต่อผิวแล้ว ยังไม่ทำลายไขมันที่จำเป็นในผิวอีกด้วย

6. รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงผิว

เรื่องการรับประทานอาหารสำหรับสาว ๆ ผิวแห้งก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งอาหารที่เหมาะกับคนผิวแห้งนั้นก็คืออาหารชนิดที่มีโอเมก้า 3 อย่างเช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาทู ถั่วแระ ถั่ววอลนัท ถั่วเหลือง และผักโขม เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้จะมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายและจะช่วยเสริมสร้างน้ำมันในผิว

7. อาหารเสริม อีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับสาว ๆ ผิวแห้ง

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นอาจเป็นเพราะร่างกายขาดวิตามิน ดังนั้นนอกจากการบำรุงผิวภายนอกแล้ว สาว ๆ ควรบำรุงผิวภายในเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวให้สมดุลด้วยการรับประทานอาหารเสริมช่วยด้วย โดยอาหารเสริมหรือวิตามินที่จะช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นให้กับผิวก็ได้แก่ วิตามินเอ และวิตามินอี นั่นเองค่ะ

8. ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ

ในร่างกายของคนเรา น้ำถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนั้นหากร่างกายขาดน้ำ แน่นอนว่าผิวพรรณจะแห้ง ไม่ชุ่มชื้น และไม่เปล่งปลั่งสดใส ซึ่งทางแก้ก็คือในแต่ละวันสาว ๆ ควรดื่มน้ำทดแทนให้มาก ๆ อย่างน้อยควรดื่มวันละ 7-8 แก้ว และควรเป็นน้ำอุณหภูมิธรรมดาที่ไม่เย็นจัดจนเกินไป หากปฏิบัติเป็นประจำเชื่อเถอะว่าผิวของสาว ๆ จะกลับมาชุ่มชื้นได้ในเร็ววันแน่นอนค่ะ

“โบท็อกซ์” ช่วยอะไรได้บ้าง?จุดเริ่มต้นของ “โบท็อกซ์” คือนำมาใช้ในการรักษาโรคตาเหล่ ตาเข หรือหนังตากระตุก แล้วพบว่าทำให้ร...
19/01/2025

“โบท็อกซ์” ช่วยอะไรได้บ้าง?

จุดเริ่มต้นของ “โบท็อกซ์” คือนำมาใช้ในการรักษาโรคตาเหล่ ตาเข หรือหนังตากระตุก แล้วพบว่าทำให้ริ้วรอยบริเวณที่ฉีดลดลงไปด้วย จึงมีการพัฒนามาใช้ประโยชน์ในด้านเสริมความงาม และเป็นประโยชน์ในด้านอื่นๆ ด้วย เช่น
• ใช้รักษาเรื่องริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและการแสดงอารมณ์ต่างๆ เช่น ริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก หางตา
• ใช้ในการลดกราม (ลดหน้าเหลี่ยม) ช่วยให้ใบหน้าเรียวขึ้น
• ใช้ช่วยลดขนาดของเนื้อบริเวณน่อง ทำให้น่องเรียว ขาแลดูเล็กลง
• ใช้ช่วยลดอาการปวดต่างๆ เช่น ปวดไมเกรน ปวดหลัง
• ใช้ช่วยลดเหงื่อที่ผิวหนัง เช่น บริเวณรักแร้ และฝ่ามือ

ผิวแห้ง ปัญหาผิวขาดความชชุ่มชื้น ดูแลอย่างไร     ผิวแห้ง คือผิวที่มีลักษณะแห้ง ตึง เห็นเป็นร่อง  แตกลาย เป็นเกล็ด แดงลอก...
12/01/2025

ผิวแห้ง ปัญหาผิวขาดความชชุ่มชื้น ดูแลอย่างไร
ผิวแห้ง คือผิวที่มีลักษณะแห้ง ตึง เห็นเป็นร่อง แตกลาย เป็นเกล็ด แดงลอกเป็นขุย อาจมีอาการคันได้ เกิดจากการเสียสมดุลย์ของสารสร้างความชุ่มชื้นตามธรรมชาติในผิวหนัง ทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมาน้อยกว่าปกติ และผิวหนังไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ เกิดจากสาเหตุทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
- สาเหตุภายในร่างกาย เกิดจากการเสียสมดุลย์ของการสร้างไขมันใต้ผิวหนัง ขาดสารที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น ผิวหนังเสียสมดุลย์ในการกักเก็บน้ำ ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง สะเก็ดเงิน ต่อมไขมันอักเสบ เป็นต้น หรืออายุที่มากขึ้นร่างกายจะผลิตไขมันใต้ผิวหนังลดลง สูญเสียน้ำออกจากผิวมากขึ้น ทำให้ผิวแห้ง แคก
- สาเหตุจากภายนอกร่างกาย เช่น โรคผิวหนังอักเสบจากการแพ้หรือระคายเคือง จากการสัมผัสสารต่างๆ ทำให้โครงสร้างชั้นปกป้องผิวสูญเสียไป ผิวหนังจึงแห้ง แตกลอกได้ หรือสภาพอากาศที่แห้ง หนาวเย็นจะดูดความชุ่มชื้รออกจากผิว หรือการอาบน้ำร้อนบ่อยๆ จพชะล้างไขมันที่ผิว รูขุมขนขยาย ทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย

วิธีการดูแลผิวแห้ง
1.อาบน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่อาบน้ำร้อน หรือแช่น้ำนานๆ
2.เลือกใช้สบู่ที่มีค่า pH ประมาณ5 ไม่มีน้ำหอม ไม่มีฟอง ไม่มีสารลดแรงตึงผิว
3.ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารคงความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานเช่น ยูเรีย กลีเซอรอล เซราไมด์ ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม วิตามินซี AHA BHA เนื่องจากอาจระคายเคืองผิวมากขึ้น
4.ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลังอาบน้ำ เช้า-เย็น โดยทาหลังเช็ดตัวหมาดๆทันที
5.ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ 6-8 แก้วต่อวัน รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า3 สูงเช่นปลาทู ปลาแซลมอน ผักโขม ถั่วเหลือง และวิตามิน เอ ซี อีทำให้ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น

cr.โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

ที่อยู่

Nan
55000

เวลาทำการ

อังคาร 12:00 - 20:00
พุธ 12:00 - 08:00
พฤหัสบดี 12:00 - 20:00
ศุกร์ 12:00 - 20:00
เสาร์ 12:00 - 20:00
อาทิตย์ 12:30 - 20:00

เบอร์โทรศัพท์

+66939959266

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ XC clinic เอ็กซ์ซี คลินิกเวชกรรมเสริมความงามผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์