D-Pot - ดีพอต เพื่อ ปอด ระบบหายใจ ภูมิแพ้ หอบหืด ถุงลมปอดโป่งพอง

D-Pot - ดีพอต เพื่อ ปอด ระบบหายใจ ภูมิแพ้ หอบหืด ถุงลมปอดโป่งพอง ดีพอต ช่วยบำรุงดูแลปอด #ระบบทางเดิน?

D-POT บำรุงปอด มีส่วนช่วยในเรื่อง #ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ #ถุงลมโป่งพอง #ปอดอักเสบ #วัณโรค #หอบหืด #ไซนัส ด้วยสารสกัดอาหารธรรมชาติ 7 ชนิด ได้แก่
1.กระเทียม (Garlic Extract)
เป็นสมุนไพรไทยที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน
มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา เชื้อไวรัสในร่างกายโดยเฉพาะ ปอด
มีผลดีต่อผู้เป็นหอบหืด

2.แอปเปิ้ล (Apple Extract)
ลดความเสี่ยงของโรคหอบหืดได้ถึง 32%
สามารถเปิดทางเดินหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น
มีสารต้านเซลล์มะเร็ง

3. แครอท (Carrot Extract)
มีเบต้าแคโรทีนที่มีประโยชน์ต่อ ปอด
ช่วยป้องกันระบบทางเดินหายใจ
ช่วยขับพิษออกจากร่างกาย
มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านมะเร็ง
กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

4. ขิง (Ginger Extract)
สมุนไพรไทยที่ดีต่อระบบทางเดินหายใจ
ช่วยล้างพิษในปอด
ช่วยให้หายใจได้โล่งขึ้น
ต้านการอักเสบภายในร่างกายรวมถึง ปอด
ลดอาการติดเชื้อ เป็นยาปฎิชีวนะ ธรรมชาติ
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในโรคมะเร็ง

5. โสม (Ginseng Extract)
เป็นราชาสมุนไพรที่มีประโยชน์มากมาย
สร้างภูมิคุ้มกันให้กลับมาแข็งแรง
ปรับสภาวะในร่างกายให้เกิดความสมดุลย์

6. บร๊อคโคลี (Broccoli Extract)
ช่วยเปิดกลไกกำจัดสารพิษที่จะทำลายปอด
ช่วยในเรื่องของผู้ที่เป็นภูมิแพ้
ปกป้องปอดจากมลภาวะต่าง ๆ
ช่วยบำรุงปอดให้แข็งแรง

7. เมล็ดลินิน (Flax Seeds Extract)
อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และแมกเนเซียม ช่วยบำรุงให้ปอดแข็งแรง
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และหลอดเลือด

นอกจากนั้นยังมีส่วนประกอบของ วิตามิน และ แร่ธาตุ ได้แก่

วิตามินซี (Ascobic Acid)
เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยช่วยยับยั้ง และต้านทานโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียและไวรัส
ยับยั้งการหลั่งสารฮิสตามีน
มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ขับสารพิษจากบุหรี่ ทำทำให้เกิด COPD และช่วยฟื้นฟูเซลล์ปอดให้ดีขึ้น
ช่วยให้หลอดเลือดยืดหยุ่นดีขึ้น

วิตามินดี 3 (Vitamin D3)
เสริมภูมิต้านทานปอด และระบบทางเดินหายใจ ป้องกันการติดเชื้อ
กระตุ้นการทำงานของ T-Cell และ Microphages
ช่วยลดอาการหอบหืด (Asthma)

สังกะสี (Zinc Amino Acid Chelate)
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว T-Cell ให้มีประสิทธิภาพทำงานดีขึ้น
ช่วยลดการอักเสบ และทำให้การตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้
ลดลง

สารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุสังกะสี ประสานการทำงานที่ลงตัว ช่วยให้ปอดแข็งแรง ค่อย ๆ ทำการฟื้นฟูปอด ทำให้หายใจได้โล่งขึ้น การอักเสบของส่วนต่าง ๆ ก็ดีขึ้น เสริมภูมิคุ้มกัน และต้านสารอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง

สั่งเลย โทร. 094 587 7667 คุณกาญจนา (กาญจน์)

โควิด-19 กับระบบหายใจเป็นที่ทราบกันแล้วว่า เมื่อท่านใดติดเชื้อโควิด 19 ก็จะมีผลกระทบกับระบบหายใจโดยตรง ซึ่งเริ่มต้นจากระ...
19/08/2021

โควิด-19 กับระบบหายใจ

เป็นที่ทราบกันแล้วว่า เมื่อท่านใดติดเชื้อโควิด 19 ก็จะมีผลกระทบกับระบบหายใจโดยตรง ซึ่งเริ่มต้นจากระบบหายใจส่วนบน ตั้งแต่ผ่านจากทางจมูก เข้าไปถึงยังคอหอย ซึ่งอยู่เหนือกล่องเสียงขึ้นไปและถ้ายังสกัดเชื้อไวรัสตัวนี้ไม่ได้ เค้าก็จะเดินทางต่อไปยังระบบหายใจส่วนล่าง โดยผ่านไปถึงกล่องเสียง หลอดคอ หลอดลมใหญ่ จนถึง จุดเป้าหมายที่ไวรัสตัวนี้จะโจมตีคือ “ปอด” นั่นเอง

แต่ไม่ใช่ว่าทุกท่านที่ติดโควิดแล้วจะแสดงอาการออกมาทันที บางท่านก็ไม่มีอาการเลย มีอาการเล็กน้อย หรืออาการรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบ จนถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อหายแล้วจะยังทิ้งรอยโรคไว้ เหลือเป็นพังผืด และแผลเป็นในปอด ทำให้สมรรถภาพปอดลดลง รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด เหนื่อยง่าย

💥ปอดถูกทำลายได้อย่างไรจากเชื้อไวรัสโควิด 19

เชื้อก่อโรคโควิด-19 นั้นเข้าสู่ร่างกายโดยผ่านจมูกมาสู่ปอด ซึ่งแหล่งเก็บเชื้อนี้ก็คือปอดของมนุษย์นั่นเอง
ดังนั้นเมื่อติดโควิด-19 แล้วก็จะส่งผลกระทบในระบบทางเดินหายใจโดยตรง
ในระยะแรก ๆ ผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนติดเชื้อไวรัสทั่วไป เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยเนื้อตัว แต่อาการทางระบบทางเดินหายใจยังไม่ค่อยเด่นชัดนัก แต่หากผ่านไปสักระยะหนึ่ง ประมาณวันที่ 3-4 ของการติดเชื้อ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการไอ เหนื่อยหอบ แบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อผู้ป่วยได้รับการเอ็กซเรย์ปอด จะเริ่มเห็นความผิดปกติ พบฝ้าขาวเกิดขึ้นในปอดจากฟิล์มเอ็กซเรย์ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องกังวล เนื่องจากผู้ปวยจะเริ่มมีอาการอักเสบของปอดจนกลายเป็นปอดอักเสบในที่สุด
โดยทั่วไปแล้วลักษณะเฉพาะของคนที่เป็นโรคโควิด-19 นั้น ปอดอักเสบจะเกิดขึ้นมากกว่า 1 ตำแหน่ง โดยมักจะเกิดขึ้น 3-4 ตำแหน่ง และจะเป็นที่ปอดทั้ง 2 ข้าง ทั้งนี้หากในระยะนี้ทำการรักษาได้ทันท่วงที ให้ยาที่เหมาะสม ทั้งยาต้านไวรัส ยาเสตียรอยด์และยาอื่น ๆ ปอดจะค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับไป จะมีอยู่ประมาณ 10% ที่จะเป็นปอดอักเสบรุนแรง และมีเพียงแค่ 1% เท่านั้นที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

💥ปัจจัยของการที่ปอดถูกทำลาย
เมื่อเกิดการติดเชื้อก่อโรคโควิด-19 จะเกิดปฏิกิริยา
ของร่างกายที่เกิดจากการอักเสบของปอด ทำให้มีพังผืดและแผลเป็นต่าง ๆ ในปอดตามมา ซึ่งจะมีมากน้อยแค่ไหน หรือสามารถฟื้นตัวหลังจากที่หายได้มากเท่าไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับ
-ปริมาณของเชื้อหรือมีการติดเชื้อชนิดอื่นซ้ำซ้อนหรือไม่
-พื้นฐานของสุขภาพร่างกายหรือระบบการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ
เป็นอย่างไร
-ความเร็วในการให้การรักษาอย่างทันท่วงที

💥สภาพของปอดหลังได้รับการรักษาจากโรคโควิด-19
เมื่อหายจากโรคโควิด-19 แล้ว การอักเสบของร่างกายอย่างรุนแรงจากเชื้อก่อโรคจะมีผลทำให้เกิดเป็นรอยโรคพวกแผลเป็น หรือพังผืดต่าง ๆในเนื้อปอด ทำให้เนื้อปอดขาดความยืดหยุ่น และแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ไม่ค่อยดีนัก หากตรวจวัดสมรรถภาพปอด จะพบว่าต่ำกว่าปกติ ซึ่งหากอยู่เฉย ๆ อาจไม่ค่อยรู้สึก แต่หากต้องออกไปออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมอะไรที่หนัก ๆ จะรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติมาก
ในส่วนของการฟื้นตัวของปอดหลังจากโรคโควิด-19 จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือช่วงแรก เป็นช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังหายจากโรค สิ่งที่จะพบคือ ยังพบฝ้าขาวที่ปอดในฟิล์มเอ็กซเรย์อยู่ แต่มีปริมาณเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงที่ติดเชื้อ และช่วงหลัง คือ ช่วงสัปดาห์ที่ 3-4 หลังจากที่หายจากโรค ร่างกายมีการฟื้นฟูกลับมาบ้างแล้ว แต่จะยังรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ไม่แข็งแรง ไม่กะปรี้กะเปร่า

💥การฟื้นฟูสมรรถภาพปอด ทำได้อย่างไร
ผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นตัวจากโรคโควิด-19 และมีอาการปอดอักเสบร่วมด้วย เนื้อปอดจะมีพังผืดและแผลเป็นเกิดขึ้น ในช่วงแรกระบบการหายใจและสมรรถภาพของปอดนั้นจะยังไม่เป็นปกติ ทั้งนี้สามารถฟื้นฟูสมรรถภาพปอดได้โดยให้มีการเคลื่อนไหวหรือขยับช่วงปอด เพื่อให้เนื้อปอดและถุงลม
ต่าง ๆ ค่อย ๆ ฟื้นฟูตัวเองกลับมามีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงการออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อที่จะสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดังเดิม ดังนี้

🔹การฝึกการหายใจ (Breathing Exercise)
การฝึกการหายใจนั้นจำเป็นในช่วง 2สัปดาห์แรกหลังการฟื้นตัว ทำได้โดยการออกแรงในการหายใจเข้าทางจมูกจนสุด แล้วควบคุมลมที่หายใจออกมาทางปากช้า ๆ หรือพูดคำว่า “อู” ยาว ๆ ช้า ๆ จนกระทั่งลมหมดปอด แล้วหายใจเข้าใหม่ให้เต็มปอดแล้วออกช้า ๆ เหมือนเดิม เนื่องจากพังผืดจะทำให้เนื้อปอดมีความแข็ง พังผืดที่แข็งเมื่อได้ขยับบ่อย ๆ ก็จะมีการยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้ elasticity หรือความยืดหยุ่นของเนื้อปอดค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมา

🔹การบริหารปอด
จำเป็นในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการฟื้นตัวเช่นกัน เรียกว่าเป็นกลยุทธ์การฟื้นฟูสมรรถภาพปอดอย่างหนึ่งที่ได้ผลดี ทำได้โดยการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่เรียกว่า Triflow โดยให้คนไข้ดูดลูกปิงปองที่มีทั้งหมด 3 ลูกใน 3ช่อง ซึ่งจะลอยขึ้นกี่ลูกก็ขึ้นอยู่กับปริมาณลมที่สูดเข้าไป ยิ่งสูดลมเข้าไปมาก ลูกปิงปองก็จะลอยขึ้นเยอะ การดูดลมเข้าปอดโดยใช้เครื่อง Triflow นั้นจึงถือเป็นเทคนิคการบริหารปอดรูปแบบหนึ่งที่ทำให้ปอดขยายเต็มที่ ช่วยให้ปอดมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และค่อย ๆฟื้นตัวได้

🔹การออกกำลังกายเบา ๆ
สามารถทำได้ในสัปดาห์ที่ 3-4 เป็นต้นไปในช่วงนี้ร่างกายอาจจะยังมีอาการอ่อนเพลีย แต่ปอดอาจจะเริ่มฟื้นตัวบ้างแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการออกกำลังกาย มีการเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น โดยอาจเริ่มจากการออกกำลังกาย
เบา ๆ เช่น การลุกเดินบ่อย ๆ ไม่อยู่เฉย พอร่างกายเริ่มชินแล้วค่อยขยับความหนักขึ้นไป อาจจะเดินให้ไวขึ้น หรือวิ่ง jogging เบา ๆ ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูสมรรถภาพปอดนั้น นอกจากการฝึกการหายใจ การบริหารปอดโดยใช้ Triflow และการออกกำลังกายเบา ๆ แล้ว สิ่งที่จำเป็นและควรปฏิบัติตามเป็นประจำสม่ำเสมอเมื่ออยู่ในช่วงฟื้นตัวนั้นก็คือ
-การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
-การพักผ่อนให้เพียงพอ
-หลีกเลี่ยงการสูดควันบุหรี่ และมลพิษต่าง ๆ
เมื่อทำได้อย่างนี้แล้ว สุขภาพปอดก็จะดีขึ้น ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็แข็งแรงขึ้น และสามารถกลับไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ปกติโดยเร็วที่สุด

แอดมินขอให้กำลังใจทุกท่านที่ติดเชื้อโควิด-19 และขอให้รักษาให้หายเป็นปกติโดยเร็ววัน

ส่วนผู้ที่รักษาหายแล้ว อย่าลืมปฏิบัติตัวตามคำแนะนำด้วยนะคะ เพื่อฟื้นฟูปอด และร่างกายให้ฟื้นโดยเร็วและกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมค่ะ

ด้วยความปรารถนาดีจากผลิตภัณฑ์ดีพอต (D-POT) ดีต่อปอด สู้สู้ค่ะ

12/08/2021
30/06/2021

ผู้ที่มีอาการ #ไอเรื้อรัง #จามบ่อย ๆ #เหนื่อยง่าย #หอบ #หายใจไม่โล่ง
#ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ #ปอดอุดกั้นเรื้อรัง

ให้ #ดีพอต ดูแลคุณสิคะ
โทร. 094-587-7667 กาญจน์ค่ะ

💥อุปกรณ์พ่นยา กับการรักษากลุ่มโรคทางเดินหายใจผู้ที่มีปัญหาสุขภาพด้านระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็นโรคหอบหืด ถุงลมโป่งพอง ...
15/06/2021

💥อุปกรณ์พ่นยา กับการรักษากลุ่มโรคทางเดินหายใจ

ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพด้านระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็นโรคหอบหืด ถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง หรือที่อยู่ในกลุ่มอาการโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จะหายใจหอบเหนื่อย ทำให้ต้องไปพบแพทย์

การรักษาส่วนใหญ่ จะให้ยารับประทานควบคู่กับการปฎิบัติตัวเพื่อลดการกำเริบของโรค แต่ก็ยังมีการใช้ยาอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นก็คือกลุ่มยาสูดพ่นในทางเดินหายใจเพื่อช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น

ในการรับประทานยามีความสะดวกและคุ้นเคยดีกันอยู่แล้ว แต่ข้อจำกัดคือ มีผลข้างเคียงกับร่างกายด้วย เช่น ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น มือสั่นได้
สำหรับยาสูดพ่นในทางเดินหายใจ มักอยู่ในรูปของผงละเอียดเล็ก หรือละอองยาขนาดเล็กมาก โดยมีอุปกรณ์พ่นยา ทำหน้าที่เป็นภาชนะบรรจุและนำส่งยาออกไป
ข้อดีของการใช้อุปกรณ์พ่นยาในทางเดินหายใจคือ สามารถนำส่งยาขนาดเล็กไปยัง่ส่วนลึกของปอดและถุงลมได้โดยตรง อีกทั้งผลข้างเคียงต่อร่างกายน้อยกว่า เมื่อเทียบกับยารับประทาน

แต่ทั้งนี้ แพทย์จะพิจารณาการสั่งยา โดยประเมินว่า ผู้ป่วยสามารถใช้อุปกรณ์พ่นยาได้หรือไม่ เช่น ในผู้สูงอายุจะต้องประเมินแรงในการสูดหายใจทางปาก แรงในการกดอุปกรณ์พ่นยา และความสัมพันธ์ของการกดอุปกรณ์พ่นยาและการสูดยา ในผู้ป่วยเด็กอาจมีอุปกรณ์เสริมเพื่อให้เด็กใช้ยาง่ายขึ้น
ดังนั้นการใช้เครื่องพ่นยา จะมีประโยชน์ต่อการรักษา เมื่อผู้ป่วยสามารถใช้อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์

จริง ๆ แล้ว อุปกรณ์ที่ใช้ในการพ่นยาขยายหลอดลมมีอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดมีการใช้งานที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอายุและอาการของผู้ใช้ และการใช้เครื่องพ่นยาจะมีประโยชน์ต่อการรักษา เมื่อผู้ใช้สามารถใช้อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ใช้ยาพ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

🔶มาทำความรู้จัก..อุปกรณ์พ่นยา ที่ใช้รักษาโรคระบบหายใจ

🔹อุปกรณ์พ่นยาที่นำส่งยาในรูปแบบ “หมอก” คือ Respimat การสูดยาตัวนี้จะสูดเข้าทางปาก โดยอาศัยแรงสูดที่ช้า และลึก
🔹อุปกรณ์พ่นยาที่นำส่งยาในรูปแบบของสารละลาย แต่เมื่อกดที่อุปกรณ์ตัวยาจะถูกปล่อยออกมาในรูปแบบละอองฝอย ควรเขย่าอุปกรณ์นี้ในแนวขึ้นลงก่อนสูด 5-10 ครั้ง การสูดยาตัวนี้จะสูดเข้าทางปาก โดยอาศัยแรงสูดที่ช้า และลึก
🔹อุปกรณ์พ่นยาที่นำส่งยาในรูปแบบของผงแห้ง ละเอียดเล็ก
มี 3 ชนิดคือ Easy haler , Turbuhaler และ Accuhaler การสูดยาตัวนี้จะสูด
เข้าทางปาก โดยอาศัยแรงสูดที่ เร็ว แรง และลึก
🔹อุปกรณ์พ่นยาที่นำส่งยาในรูปแบบของผงแห้ง ละเอียดเล็ก ซึ่งบรรจุอยู่ในตัวแคปซูล มี 2 ชนิด คือ Beezhaler และ Handihaler ก่อนใช้อุปกรณ์จะต้องทำการบรรจุเม็ดแคปซูลยาลงในอุปกรณ์ และทำการกดที่อุปกรณ์เพื่อเจาะเม็ดแคปซูลยา จึงจะพร้อมสูดยาได้ การสูดยาตัวนี้จะสูดเข้าทางปาก
โดยอาศัยแรงสูดที่เร็ว แรง ลึก
🔹อุปกรณ์กักเก็บยา ใช้ในกรณีผู้ป่วยมีการหายใจไม่สัมพันธ์กับการกดอุปกรณ์พ่นยา อุปกรณ์พ่นยามี 2 ชนิด คือ AeroChamber และ Spacer อุปกรณ์นี้จะช่วยในการส่งยาเข้าสู่ปอดได้ง่ายขึ้น ทั่วไปมักมีลักษณะเป็นกระบอกแนวยาว หรือรูปกรวย โดยต่อตัวอุปกรณ์ช่วยเข้ากับอุปกรณ์พ่นยาในข้างต้นด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่ง อาจเป็นท่อให้ใช้ปากอมเพื่อสูดยา หรือมีลักษณะเป็นหน้ากากครอบจมูกและปาก
อุปกรณ์กักเก็บยาชนิดที่เป็นหน้ากากให้ผู้ป่วยครอบหน้ากากบริเวณจมูกและปากและหายใจตามปกตินาน 10-15 วินาที กรณีเด็กเล็ก แนะนำให้หายใจเข้าออก 3-4 ครั้ง ต่อการกดยา 1 ครั้ง

วิธีการเบื้องต้นสำหรับการสูดยาผ่านอุปกรณ์พ่นยา
(ขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์พ่นยา อาจแตกต่างกันเล็กน้อย)
-เปิดฝาครอบอุปกรณ์ออก
-หายใจออกทางปากจนสุด ระวังอย่าให้ลมหายใจเข้าไปในตัวเครื่อง จากนั้นอมอุปกรณ์พ่นยาให้แนบสนิท
-หายใจเข้าทางปาก นำกระบอกพ่นยาออกจากปาก กลั้นหายใจ 5-10 วินาที หายใจออกตามปกติ
-ทำความสะอาดปากอุปกรณ์ และปิดฝาให้สนิทหลังใช้งานเสร็จแล้ว
-บ้วนปากทุกครั้งหลังใช้ยา (กรณีที่ยาพ่นมีส่วนผสมของสเตียรอยด์) เพื่อป้องกันอาการเสียงแหบ คอแห้ง หรือการเกิดเชื้อราในช่องปาก

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรใช้ยาภายใต้คำสั่งของแพทย์ และปฎิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาของเภสัชกรทุกครั้ง ไม่ควรซื้อยารักษาเอง เพราะยาพ่นบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ทั้งยังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกให้ยาแก่ผู้ป่วยอีกหลายประการ เช่น โรคประจำตัว อายุของผู้ป่วย ประวัติแพ้ยาบางชนิด ฉะนั้นการใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง จึงจะปลอดภัยกับตัวผู้ป่วยอย่างสูงสุด

ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก รพ.เวชธานี

และด้วยความปรารถนาดี จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดีพอต (ดีต่อปอด)

 #หอบหืดกำเริบ ช่วยเหลืออย่างไรดีในยุคที่ความเจริญเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นด้านการคมนาคม หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่...
27/05/2021

#หอบหืดกำเริบ ช่วยเหลืออย่างไรดี

ในยุคที่ความเจริญเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นด้านการคมนาคม หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นผลดีต่อการดำรงชีวิต แต่ในอีกแง่หนึ่งเรา
ปฎิเสธไม่ได้เลยกับผลที่ตามมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฝุ่นควันจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง หรือน้ำเน่าเสียจากการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเราเรียกว่ามลพิษในอากาศ ซึ่งถือว่าเป็นภัยที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ หรือใกล้กับเขตอุตสาหกรรม ส่งผลให้ในปัจจุบันมีผู้ที่ป่วยในทางเดินหายใจมากขึ้น ซึ่งโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจมีหลากหลายโรค เช่นโรคหอบหืด ซึ่งถือว่าเป็นโรคยอดฮิต

โรคหอบหืด เกิดจากหลอดลมที่ไวต่อสิ่งกระตุ้น ทำให้หลอดลมตีบลง เกิดอาการหอบ หายใจเร็วมากขึ้น
สิ่งเร้าที่กระตุ้นให้เกิดอาการหอบ คือสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ เช่น ฝุ่น รวมถึง PM2.5 ไรฝุ่น เชื้อรา แมลงสาป เกสรดอกไม้ เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงของอากาศ ยาบางชนิด และการได้รับสารระคายเคือง

อาการจับหืด
เมื่อหลอดลมมีความไวที่ผิดปกติต่อสิ่งกระตุ้น หรือสิ่งเร้าดังกล่าว ทำให้หลอดลมอักเสบ เยื่อบุหลอดลมจะบวม ทำให้หลอดลมตีบแคบลง การอักเสบของหลอดลมก็เพิ่มความไวต่อการกระตุ้นและตอบสนอง โดยการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม ทำให้หลอดลมตีบแคบลงไปอีก นอกจากนั้นหลอดลมที่อักเสบจะมีเมือกออกมา ทำให้ท่อทางเดินหายใจตีบแคบ และทำให้กล้ามเนื้อท่อทางเดินหายใจเกิดการหดตัว
ทั้งหมดนี้ทำให้หายใจลำบาก รู้สึกแน่นหน้าอก ไอ หายใจก็จะมีเสียงวี๊ด และบางรายที่เป็นมากอาจทำให้ริมฝีปาก และเล็บเขียวคล้ำ

ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด ควรพกยาพ่นขยายหลอดลมตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการอยู่นอกบ้าน แต่ถ้ามีความจำเป็นจะต้องออกนอกบ้าน ควรใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง และสิ่งกระตุ้น สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ
ผู้ที่เป็นหอบหืดถ้านำส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้ เนื่องจาก หลอดลมตีบ จะมีการแลกเปลี่ยนแก๊สที่น้อยลง ของเสียจะคั่งเยอะ จะขาดอากาศหายใจอย่างรุนแรง และก็อ๊อกซิเจนในเลือดต่ำลงเรื่อย ๆ จนเสียชีวิต

วิธีการปฐมพยาบาล
ผู้ที่เกิดอาการหอบหืดหรือ จับหืด ที่มียาพ่น ให้พาไปนั่งพักและนำยาพ่นของผู้ป่วยมาพ่น ประมาณ 4-6 ครั้ง และให้หายใจลึก ๆ
ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ได้พกยาพ่น ต้องพาไปนั่งพัก ให้ตัวตรงและโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ให้หายใจลึก ๆ ขณะเดียวกันรีบโทรแจ้งหมายเลข 1669 เนื่องจากรถพยาบาล จะมีอ๊อกซิเจน และยาพ่น จะได้ช่วยได้ทันเวลา

ข้อควรปฎิบัติดูแลตัวเอง
เมื่อผู้ป่วยโรคหอบหืด ไปพบแพทย์แล้ว และได้ทราบว่าเป็นโรคนี้ ควรปฎิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ
นอกจากนั้นควรทานอาหารให้ครบหมู่
ออกกำลังกาย
นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง
ออกกำลังกายพอประมาณเพื่อไม่ให้เนื่อยจนเกินไป
ดื่มน้ำอุ่น น้ำขิงผสมมะนาว
หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่ตัวเองแพ้
หลีกเลี่ยงฝุ่นละออง ควันพิษต่าง ๆ
พกยาพ่นขยายหลอดลมติดตัวตลอดเวลา
ในช่วงหน้าฝนหรือหน้าหนาวต้องเตรียมพร้อมรับมือ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลง
ถ้าฉุกเฉินให้โทร 1669

แอดมินขอให้กำลังใจกับผู้ป่วยโรคหอบหืดนะคะ สู้ ๆค่ะ

ด้วยความปรารถนาดีจาก ผลิตภัณฑ์ดีพอต ดีต่อปอด
โทร 094 587 7667 คุณกาญจน์

13 14 15 เมษายน วันสงกรานต์และวันแห่งครอบครัววันสงกรานต์หรือปีใหม่ไทยแอดมินขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุข เพิ่มพูนความรักให้กั...
14/04/2021

13 14 15 เมษายน
วันสงกรานต์และวันแห่งครอบครัว

วันสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย
แอดมินขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุข เพิ่มพูนความรักให้กับครอบครัว มีความอบอุ่น ดูแลซึ่งกันและกัน ห่วงใยในสุขภาพของทุกคนในครอบครัว
ห่างไกลโควิด ตั้งการ์ดให้สูง เพื่อทุกคนในครอบครัวที่ท่านรัก

ด้วยความปรารถนาดี จาก
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดีพอต D-POT

🌹🌹สุขสันต์วันวาเลนไทน์เพิ่งผ่านตรุษจีนไป เราก็มาเจอวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก  ความรักเป็นเรื่องที่ดี รักกันไว้ดีแล้วค่...
13/02/2021

🌹🌹สุขสันต์วันวาเลนไทน์

เพิ่งผ่านตรุษจีนไป เราก็มาเจอวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก

ความรักเป็นเรื่องที่ดี รักกันไว้ดีแล้วค่ะ
ความรักก็ไม่ได้หมายถึงเฉพาะหนุ่มสาวเท่านั้น
รักที่ประเสริฐจริงแท้ คือการรักบุพการี และผู้มีพระคุณ มอบสิ่งดี ๆ ให้กับท่าน
ความรักที่บุพการีมอบให้กับลูก ๆ ซึ่งเป็นความรักที่บริสุทธิ์ มิได้หวังสิ่งใดตอบแทน

ความรักของหนุ่มสาวที่รักกัน และเอื้ออาทรต่อกัน ก็เป็นความรักที่งดงาม

แอดมินในนามของผลิตภัณฑ์ดีพอต ก็ขออวยพรให้คู่รักทุกคู่มีความสุข สมหวัง รักกันยาวนาน ตลอดไป และมอบสิ่งดี ๆ ให้แกกันและกัน

ด้วยความรักและปรารถนาดีจาก
ดีพอต-ดีต่อปอด🌹🌹

🍊ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวกใช้ตรุษจีนเวียนมาบรรจบอีก 1 ปีแล้ว ในปี 2564 ซึ่งตรงกับปีฉลู (วัวทอง)ขอให้ทุกท่านคิดอะไรสมดังปรา...
09/02/2021

🍊ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวกใช้

ตรุษจีนเวียนมาบรรจบอีก 1 ปีแล้ว ในปี 2564 ซึ่งตรงกับปีฉลู (วัวทอง)
ขอให้ทุกท่านคิดอะไรสมดังปรารถนา สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทอง

มอบอั่งเปาสุขภาพให้แด่คนที่คุณรักด้วยดีพอต บำรุงดูแลปอด

รับโปรพิเศษสุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน
โทรเลย ! 094-587-7667
ส่งฟรี มีบริการเก็บเงินปลายทาง

09/02/2021

ฟังเสียงผู้สูบบุหรี่จัด

คุณศิริโชค สูบบุหรี่จัด ทำให้เหนื่อยหอบ หายใจติดขัด จึงเลิกสูบบุหรี่ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 แต่หลังจากนั้นอาการดีขึ้นบ้างนิดหน่อย

มีผู้แนะนำให้ทานผลิตภัณฑ์ดีพอต หลังจากนั้นอาการเริ่มดีชึ้น หายใจได้โล่งขึ้น

ลองฟังเสียงจากผู้ที่ทานผลิตภัณฑ์ดีพอตค่ะ

สนใจสั่งซื้อ โทร 094 587 7667
ส่งฟรีทั่วไทย มีบริการเก็บเงินปลายทาง

 #จามเป็นอาการที่มนุษย์ทุกคนต้องประสบพบเจอ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ บางคนจามมาก จามบ่อย จามเป็นชุด หรือบางคนก็ไม่ค่อยจาม ข...
04/02/2021

#จาม

เป็นอาการที่มนุษย์ทุกคนต้องประสบพบเจอ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ บางคนจามมาก จามบ่อย จามเป็นชุด หรือบางคนก็ไม่ค่อยจาม ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่าง
แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับความหมายของ จาม กันก่อน

จาม เป็นอาการที่ร่างกายใช้ขจัดหรือขับสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองออกทางจมูกและปากอย่างแรงและรวดเร็ว
อาการจามทำให้เกิดความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าเกิดขึ้นจากปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงเสมอไป

อาการจาม
จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและไม่สามารถควบคุมการกระจายลมหายใจที่ขับออกทางจมูก หรือทางปากได้ และอาจมีอาการอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้จามเกิดขึ้นร่วมด้วยดังต่อไปนี้
-น้ำมูกไหล หรือคัดจมูก
-ตาแฉะ แสบตา หรือคันตา
-ไอ
-เจ็บคอ
หากมีอาการจามเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องร่วมกับมีไข้และดูแลตัวเองแล้ว แต่ยังไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา

สาเหตุของอาการจาม
อาการจามเป็นปฎิกิริยาที่เกิดขึ้นกับจมูก โดยจมูกมีหน้าที่กรองอากาศที่หายใจเข้าไปให้ปราศจากสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่สิ่งสกปรกและแบคทีเรียจะถูกดักจับไว้ในน้ำมูก และถูกย่อยโดยกรดในกระเพาะ
แต่บางครั้งสิ่งสกปรกก็สามารถผ่านเข้าไปภายในจมูก และทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อเมือกในจมูกและคอ จนทำให้เกิดอาการจาม หรือร่วมกับการไอด้วย

ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการจาม ได้แก่
🔸สิ่งกระตุ้นจากสภาพแวดล้อม เช่น ฝุ่น ควัน มลภาวะทางอากาศต่าง ๆ สภาพอากาศแห้งหรือเย็น การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ละอองเกสรดอกไม้ เชื้อรา สะเก็ดผิวหนังของสัตว์ และการทานอาหารรสเผ็ด
🔸โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยจามอย่างต่อเนื่อง และจามบ่อย
🔸เป็นหวัด หรือ ไข้หวัดจากการติดเชื้อไวรัส
🔸การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาพ่นจมูกคอร์ดิโคสเตียรอยด์
🔸จามจากการเกิดปฎิกิริยาหลังสัมผัสกับแสงสว่างจ้า
🔸เกิดการบาดเจ็บที่จมูก
🔸การถอนยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มโอปิออยด์

การวินิจฉัยอาการจาม
ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลตามระยะเวลา และความรุนแรงของอาการ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องทำการตรวจทางห้องปฎิบัติการ เพราะแพทย์สามารถวินิจฉัยได้จากการสอบถามประวัติทางการแพทย์ถึงลักษณะอาการจาม และอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นร่วมด้วย จากนั้นจะตรวจจมูกและคอของผู้ป่วย หรือถ้าผู้ป่วยเป็นโรค ภูมิแพ้ อาจต้องทำการทดสอบภูมิแพ้ด้วย เพื่อหาสาเหตุและหาสารก่อภูมิแพ้ของผู้ป่วยรายนั้น

การรักษาอาการจาม
ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ หากไม่รุนแรง ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้ที่บ้าน แต่ถ้าเกิดจากความเจ็บป่วย ควรได้รับการรักษาจากแพทย์

การดูแลรักษาอาการด้วยตนเอง
👉หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ หรือสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้จาม ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการจามที่มีสาเหตุจากโรคภูมิแพ้ได้ นอกจากนั้นอาจเปลี่ยนแปลงบางสิ่งภายในที่อยู่อาศัย เพื่อลดความเสี่ยงเกิดการระคายเคืองจากการสัมผัสกับสิ่งที่กระตุ้นให้มีอาการจาม เช่น
-หมั่นทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดกำจัดฝุ่น ซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนด้วยน้ำอุ่น อุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่าไรฝุ่น
-ไม่เลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้าน เพื่อป้องกันเศษผิวหนังของสัตว์ปลิวเข้าจมูก และหมั่นตัดขนสัตว์เลี้ยง
-ใช้เครื่องกรองอากาศ เพื่อให้อากาศภายในบ้านสะอาด และช่วยกรองละอองเกสรดอกไม้ได้ด้วย
-หากบ้านมีปัญหาของสเปอร์เชื้อรา ควรได้รับการตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหา แต่ถ้าในกรณีร้ายแรงอาจต้องย้ายออกจากบ้านหลังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพตามมา

ส่วนอาการจามที่ไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้ มักหายได้เองเมื่อโรคที่เป็นสาเหตุได้รับการรักษาหรือเมื่อหายป่วย

การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ
หากผู้ป่วยมีอาการจามจาก โรคภูมิแพ้ แพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ รวมถึงให้ยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาลอราทาดีน และยาเซทิไรซีน
👉ส่วนการจาม จากการติดเชื้อ เช่นเป็นหวัด หรือไข้หวัด สามารถบรรเทาอาการระคายเคืองที่ทำให้จาม และอาการคัดจมูกน้ำมูกไหลได้ด้วยการใช้ยา จากใบสั่งแพทย์ หรือจากร้านขายยา โดยใช้ยาอย่างถูกต้องและเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
👉นอกจากนั้นควรดื่มน้ำให้มากและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนของอาการจาม
อาจเกิดขึ้นร่วมกับการจามเป็นไปตามสาเหตุของการป่วยด้วย เช่น
โรคหวัด หากรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบ โรคหืดกำเริบ หลอดลมอักเสบ ติดเชื้อในหู และปอดบวม
โรคภูมิแพ้ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ผื่นผิวหนัง หากเกิดการแพ้อย่างรุนแรง อาจมีความดันโลหิตต่ำ หายใจหอบเหนื่อย หรือหมดสติ

โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หูชั้นกลางอักเสบ โพรงจมูกอักเสบ และริดสีดวงจมูก

ไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดบวม

การป้องกันอาการจาม
หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ และสารที่ทำให้ระคายเคือง เช่นหลีกเลี่ยงสถานที่ หรือกิจกรรมที่อาจต้องสัมผัสฝุ่นควัน หรือเกสรดอกไม้

💥ส่วนโรคต่าง ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไอกรน โรคอาร์เอสวี และโรคซาร์ส ที่สามารถแพร่กระจายติดต่อกันได้จากการจาม ผู้ป่วยควรดูแลตนเองไม่ให้แพร่กระจายโรคไปสู่่ผู้อื่น ดังนี้
-เมื่อจามควรใช้กระดาษทิชชู่ปิดปากและจมูกเอาไว้
-ทิ้งทิชชู่ที่ใช้ปิดปากและจมูกขณะจาม หรือ ไอ ลงถังขยะให้เรียบร้อย
🎯หากไม่มีกระดาษทิชชู่ เวลาจาม หรือ ไอ ควรใช้แขนปิดปากและจมูกเอาไว้ โดยหลีกเลี่ยงการใช้มือ เพราะเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโรคได้มากก
-ในระหว่างที่จามหรือไอบ่อย ๆ ควรหมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้งด้วยสบู่่และน้ำสะอาด หรืออาจใข้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดมือ ซึ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อย่างน้อย 60%
-หากกำลังป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจที่ติดต่อผู้อื่นได้ ผู้ป่วยควรรักษาตัวแยกออกจากผู้อื่นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค

ข้อมูลนี้ทำให้เราทราบว่าที่มาของการจามคืออะไร เมื่อขณะจาม หรือ ไอควรปกป้องโดยเอาแขนเสื้อบังป้องกันเอาไว้ ในกรณีที่ไม่มีทิชชู่อยู่ในมือ เพื่อถ้ามีเชื้อก่อโรค จะได้ปลอดภัยสำหรับผู้อื่นมากขึ้น

ด้วยความปรารถนาดีจากผลิตภัณฑ์ดีพอต ดีต่อปอด
โทร. 094 587 7667

12/01/2021

ผลลัพธ์จากผู้ที่ทานดีพอต #ภูมิแพ้

ผู้ที่เป็นภูมิแพ้อากาศ มักมีอาการจามมาก ๆ จากสิ่งเร้าที่ตัวเองแพ้ เชน ฝุ่น ไรฝุ่น เกษรดอกไม้ ขนสัตว์เลี้ยง และอื่น ๆ เป็นต้น นอกจากนั้นการหายใจก็ไม่สะดวก หายใจติดขัด เวลานอนหายใจไม่่อิ่ม จะมีเสียงวี๊ด

ซึ่งวันนี้เรามีประสบการณ์ตรงจากผู้ที่ให้ลูกทานดีพอต เนื่องจากมีอาการภูมิแพ้ และได้ผลลัพธ์ที่พีงพอใจ

เชิญชมวีดีโอจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรงจากผลิตภัณฑ์ดีพอตค่ะ

สนใจสั่งซื้อให้คนในครอบครัวทาน หรือตัวท่านเอง
โทร. 094-587-7667 คุณกาญจน์

🎁ของขวัญวันปีใหม่ 2564สวัสดีปีใหม่ทุกท่านค่ะ เข้าปีใหม่แล้ว มีเพื่อน ๆ หลายคนก็มักจะมอบของขวัญเนื่องในวาระดิถึขึ้นปีใหม่...
01/01/2021

🎁ของขวัญวันปีใหม่ 2564

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านค่ะ
เข้าปีใหม่แล้ว มีเพื่อน ๆ หลายคนก็มักจะมอบของขวัญเนื่องในวาระดิถึขึ้นปีใหม่ให้กับ ญาติผู้ใหญ่ หรือ คนที่คุณรัก ซึ่งปีนี้อาจจะไม่คึกคักนัก เนื่องจากโควิด 19 กลับมาระบาดหนักขึ้นอีกหนึ่งระลอก ก็เลยอาจจะไม่ค่อยได้ออกไปนอกบ้านซื้อหาของขวัญกันเหมือนปกติเท่าไรนัก

ปีนี้แอดมินอยากแนะนำของขวัญที่ดีให้กับญาติผู้ใหญ่ หรือคนที่คุณรัก อย่างเช่น คุณพ่อ คุณแม่ คุณตา คุณยาย ฯลฯ ด้วยการมอบสุขภาพที่ดีให้กับท่าน ด้วยผลิตภัณฑ์ดีพอต ดีต่อปอด ซึ่งเข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้เลยนะคะ
ดีพอต เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ออกแบบมาเพื่อปอด และระบบทางเดินหายใจ ช่วยบำรุง ดูแลปอด เสริมภูิคุ้มกัน ต้านเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส ด้วยสารสกัดเข้มข้น 10 ชนิด ได้แก่
1. สารสกัดจากกระเทียม
2. สารสกัดจากบร๊อคโคลี
3. สารสกัดจากขิง
4. สารกสัดจากแครอท
5. สารสกัดจากแอปเปิ้ล
6. สารสกัดจากโสม
7. สารสกัดจากเมล็ดลินิน
8. แอสคอร์บิคเอซิด (วิตามิน ซี)
9. วิตามินดี 3
10. สังกะสี อมิโนเอซิด คีเลท

สารสกัดทั้งหมดผสานกัน เพื่อช่วยในเรื่องของปอด และทางเดินหายใจได้ดี

เพื่อน ๆ ที่สนใจ มอบของขวัญสุขภาพในปี้นี้ ให้กับคนที่คุณรัก ติดต่อมาได้ค่ะที่ 094-587-7667

🎀ปีใหม่ 2564 นี้ และปีต่อ ๆไป ขอให้ทุก ๆ ท่าน มีสุขภาพที่แข็งแรงกันค่ะ

🌲Merry Christmasวันคริสต์มาสมาถึงแล้ว แต่เพื่อน ๆ คงไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านเท่าไหร่นัก เนื่องจากโควิดกลับมาแพร่ระบา...
25/12/2020

🌲Merry Christmas

วันคริสต์มาสมาถึงแล้ว แต่เพื่อน ๆ คงไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านเท่าไหร่นัก เนื่องจากโควิดกลับมาแพร่ระบาดหนักกว่าเดิม ท่านที่นับถือศาสนาคริสต์อาจจะอยู่บ้านเฉลิมฉลอง ร้องเพลงคริสต์มาสกันไป

คริสมาสต์นี้ขอให้เพื่อน ๆ มีความสุข ไม่ตื่นตระหนกมากเกินไป อยู่กับบ้าน หรือออกนอกบ้านสวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง สแกนไทยชนะ
เพื่อน ๆ ที่มีภูมิคุ้มกันที่ดี ถ้าติดโควิด ก็จะไม่ค่อยออกอาการ เนื่องจากร่างกายแข็งแรง

อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อให้ร่างกายและปอดมีภูมิต้านทานที่ดี ทานอาหารที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานปอด บำรุงปอด

ดีพอต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ออกแบบมา บำรุงปอด เสริมภูมิต้านทานให้กับปอด

มาเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัส ให้กับปอด
สั่งเลย โทร. 094-587-7667

ขอให้เพื่อน ๆ สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้าค่ะ

ด้วยความปรารถนาดีจาก ดีพอต ดีต่อปอด

 #โควิด 19 ระบาดระลอกใหม่ช่วงที่ผ่านมา PM2.5 หวนกลับมาใหม่ ทำให้ผู้คนต้องเผชิญกับภูมิแพ้ของฝุ่นพิษกันมาก และไม่สบายไปตาม...
22/12/2020

#โควิด 19 ระบาดระลอกใหม่

ช่วงที่ผ่านมา PM2.5 หวนกลับมาใหม่ ทำให้ผู้คนต้องเผชิญกับภูมิแพ้ของฝุ่นพิษกันมาก และไม่สบายไปตาม ๆ กัน
ตอนนี้เราต้องกลับมาเผชิญกับการระบาดของโควิด19อีก ซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนจะรุนแรงกว่ารอบที่แล้ว เพราะระบาดเร็วมาก อาจเป็นเพราะเชื้อกลายพันธ์ุดุขึ้นหรือเปล่าไม่แน่ใจ
เพราะฉนั้นต้องตั้งการ์ดให้ดีนะคะ ใช้หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าปิดไว้ตลอดการเดินทางไปไหนมาไหน สแกน QR Quote ไทยชนะกันทุกครั้ง และคอยล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เมื่อสัมผัสสิ่งของนอกบ้าน
ถ้าเป็นไปได้ควรพกเจลแอลกอฮอล์หลอดเล็กติดในกระเป๋า จะได้นำออกมาใช้ได้ เพราะบางสถานที่อาจจะไม่มีแอลกอฮอล์ไว้ให้

ผู้ที่ใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง ไม่ควรประมาท สแกนคิวอาร์โคตไทยชนะ ทั้งตอนเข้าและออกจากรถไฟฟ้า หรือรถสาธารณะต่าง ๆ ที่มีไว้ให้
แอดมินจะสแกนทุกครั้ง แต่ไม่เห็นคนที่ขึ้นรถไฟฟ้าจะสแกนกัน จึงอยากเตือนเพื่อน ๆ ให้เสียเวลาเล็กน้อยในการสแกน เพราะถ้าวันใดมีผู้ติดเชื้อขึ้นมา จะได้ติดตามไทม์ไลน์ หรือเช็คผู้ที่ใช้บริการในวันนั้น ๆ ได้ว่ามีท่านใดบ้าง เพื่อเรียกให้มารับการตรวจหาเชื้อ

แอดมินขอให้เพื่อนๆ มีสุขภาพที่ดีกันทุกคนค่ะ

😀😀😀😀😀

🍎🍎🍎แอปเปิ้ล ผลไม้บำรุงปอดงานวิจัยเผยว่า แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยวิตามินซี อี เบต้าแคโรทีน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงปอ...
21/12/2020

🍎🍎🍎แอปเปิ้ล ผลไม้บำรุงปอด

งานวิจัยเผยว่า แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยวิตามินซี อี เบต้าแคโรทีน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงปอดให้แข็งแรง นอกจากนั้นยังมีสารต้านเซลล์มะเร็งหลายชนิด รวมไปถึงมะเร็งปอดอีกด้วย
ช่วยให้ปอดทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหอบหืด

19/12/2020

🎯 ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System)

คือระบบที่คอยปกป้องร่างกายของเราจากสิ่งแปลกปลอม
ต่าง ๆ ที่อาจเข้ามาทำอันตรายร่างกายเราได้ เช่น เชื้อโรคชนิดต่าง ๆ ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส ปรสิต พยาธิ รวมถึงสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆเช่นเซลล์ที่กำลังเจริญเติบโตไปเป็นมะเร็ง, อวัยวะของผู้อื่นที่ปลูกถ่ายเข้ามาในร่างกาย การได้รับเลือดผิดหมู่ สารก่อภูมิแพ้ ฯลฯ สิ่งต่าง ๆเหล่านี้มีคุณสมบัติเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายยังไม่รู้จักเรียกว่า antigen
การที่มีระบบภูมิคุ้มกันถือว่าเป็นส่วนสำคัญในระบบร่างกายที่ช่วยลดความเสียงจากการเจ็บป่วย

ระบบภูมิคุ้มกัน ประกอบขึ้นด้วยสารเคมีที่สร้างขึ้นภายในร่างกายเพื่อใช้ต่อสู้กับการติดเชื้อ และเซลล์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ได้แก่ เซลล์เม็ดเลือดขาว โดยเซลล์ชนิดนี้จะถูกสร้างขึ้นภายในไขกระดูก จากนั้นจะเคลื่อนที่เข้าสู่กระแสเลือด และเนื้อเยื่อต่าง ๆ เพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อ โดยเซลล์เหล่านี้จะเริ่มทำงานเมื่อมีเชื้อโรคอยู่ภายในร่างกายมากเกินไป หากภูมิคุ้มกันกำจัดเชื้อดังกล่าวออกไป ระบบภูมิคุ้มกันจะจดจำเชื้อโรคเหล่านั้นไว้ เมื่อมีเชื้อโรคดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง ระบบภูมิคุ้มกันก็จะกำจัดเชื้อโรคดังกล่าวออกไปได้อย่างรวดเร็ว

ระบบภูมิคุ้มกันแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

🔶 ภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิด (Innate Immunity)
เป็นภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นเองได้ เพื่อป้องกันเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ ที่มาจากสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น ทำให้มนุษย์ปลอดภัยจากการติดเชื้อที่มาจากสัตว์อื่น ๆ ได้

🔶 ภูมิคุ้มกันแบบเจาะจง (Adaptive Immunity)
เป็นภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเองหลังจากเกิดอาการเจ็บป่วย เพื่อลดความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะกลับมาติดเชื้อโรคเดิม

🔶 ภูมิคุ้มกันแบบรับมาจากภายนอก (Passive Immunity)
คือภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากภายนอกร่างกายเพื่อช่วยต่อสู้กับเชื้อโรคในระยะสั้น ๆ เช่นเด็กที่ดื่มนมแม่ก็จะได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่

ทั้งนี้ระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปเมื่ออายุมากขึ้น หรือผ่านการติดเชื้อใด ๆ มาจะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานจากการติดเชื้อนั้น ๆ มากขึ้น เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์จดจำการติดเชื้อได้ จึงช่วยให้ป้องกันเชื้อโรคเหล่านั้นได้ดีขึ้น

ที่อยู่

ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลไทรม้า
Nonthaburi
11000

เบอร์โทรศัพท์

+66945877667

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ D-Pot - ดีพอต เพื่อ ปอด ระบบหายใจ ภูมิแพ้ หอบหืด ถุงลมปอดโป่งพองผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง D-Pot - ดีพอต เพื่อ ปอด ระบบหายใจ ภูมิแพ้ หอบหืด ถุงลมปอดโป่งพอง:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

#ปอด และระบบหายใจ

ระบบหายใจรวมถึงปอด มีความสำคัญอย่างยิ่ง เป็นด่านแรกเลยทีเดียว ถ้าไม่มีอากาศ (อ๊อกซิเจน)เข้าไปในร่างกายของเรา ก็จบเห่ ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าจะเป็นอย่างไร

เพราะฉะนั้น ระบบหายใจมีความสำคัญมาก ๆ อีกระบบหนึ่งของร่างกายมนุษย์ และมีกลไกในการทำงานที่น่าทึ่ง เราจึงควรมาทำความเข้าใจกันดีกว่า ว่าระบบการทำงานของการหายใจเป็นอย่างไร

ระบบหายใจของคนเรานั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ


  • ระบบหายใจส่วนบน (upper respiratory tract) ประกอบด้วย อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการหายใจเหนือกล่องเสียงขึ้นไป ได้แก่ จมูก โพรงจมูก คอหอย และกล่องเสียง