Boom Cocoa Plus 36 in 1 โกโก้พลัส ลดหุ่น ช่วยชะลอวัย V171247

Boom Cocoa Plus 36 in 1 โกโก้พลัส ลดหุ่น ช่วยชะลอวัย  V171247 Boom Cocoa Plus 36 in 1 โกโก้พลัส ลดหุ่น ช่วยชะลอว?

05/06/2022

การออกกำลังกายที่บ้าน ภาคต่อ มีอะไรน่าสนใจติดตามค่ะ🌈🌈

03/06/2022

ออกกำลังกายที่บ้านภาคต่อค่ะ💘💘💗

🌈Boom Cocoa Plusดาร์กโกโก้แท้ เข้มข้น กลมกล่อมใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล🌈ไฟเบอร์ก็มาเน้นๆ โปรตีนก็มีแบบจัดเต็ม!   #ดาร์ก...
03/06/2022

🌈Boom Cocoa Plus

ดาร์กโกโก้แท้ เข้มข้น กลมกล่อม
ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล

🌈ไฟเบอร์ก็มาเน้นๆ โปรตีนก็มีแบบจัดเต็ม!


#ดาร์กโกโก้ #โกโก้

💥อาหารไขมันดี เลือกกินให้ถูกเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพแม้อาหารที่มีไขมันคอเลสเตอรอลสูงนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นภัยร้ายต่อสุขภาพ เป...
02/06/2022

💥อาหารไขมันดี เลือกกินให้ถูกเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ

แม้อาหารที่มีไขมันคอเลสเตอรอลสูงนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นภัยร้ายต่อสุขภาพ เป็นตัวการให้เกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง แต่ไขมันในอาหารมีทั้งชนิดที่ดีและไม่ดี โดยการบริโภคอาหารที่มีไขมันดีในปริมาณเหมาะสมจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยลดไขมันชนิดที่ไม่ดีในร่างกาย และอาจลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ด้วย

💟ไขมันดี คืออะไร ?

ไขมันดี (High-Density Lipoprotein: HDL) คือ ไขมันคอเลสเตอรอลที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำหน้าที่กำจัดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ที่สะสมอยู่ตามหลอดเลือด แล้วส่งไปที่ตับเพื่อกำจัดออกจากร่างกาย การบริโภคไขมันดีในปริมาณที่เหมาะสมจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดหัวใจได้

ทั้งนี้ ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ควรเริ่มเข้ารับการตรวจวัดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด โดยระดับไขมันดีที่ปกติควรอยู่ประมาณ 40-60 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หากอยู่ในระดับ 60 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป จะยิ่งส่งผลดีต่อร่างกาย แต่จะมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพเมื่ออยู่ในระดับต่ำกว่า 40 มิลลิกรัม/เดซิลิตร

❤การกินอาหารส่งผลต่อระดับไขมันในเลือดอย่างไร ?

ร่างกายคนเราผลิตทั้งคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีและไม่ดี บางส่วนก็ได้รับจากอาหารที่กินเข้าไป โดยอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์สูงก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารทอดที่ต้องใช้น้ำมันปริมาณมาก ขนมขบเคี้ยว เค้ก ครีม มาการีน เนย ผลิตภัณฑ์จากนม เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ติดมัน น้ำมันจากสัตว์ น้ำมันปาล์ม กะทิ รวมถึงอาหารแปรรูปอย่างเบคอนและไส้กรอก เป็นต้น ในขณะที่การกินอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวก็อาจช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีได้เช่นกัน

💗อาหารอุดมไขมันดีที่ควรเลือกกิน

การเลือกกินอาหารที่มีไขมันดีหรืออาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจะช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีและลดคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีได้

โดยผู้บริโภคควรใส่ใจดูแลสุขภาพและเลือกกินอาหารเพื่อให้ได้รับไขมันดี ดังนี้

•น้ำมันที่ให้กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันทานตะวัน น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วลิสง เป็นต้น ซึ่งไขมันชนิดนี้จะช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีและลดการอักเสบในร่างกายที่เกิดจากคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี แต่ควรนำมาปรุงอาหารโดยใช้อุณหภูมิต่ำ ๆ เพราะความร้อนที่สูงเกินไปจะทำให้ไขมันดีสลายไป และควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น

•ผักผลไม้กากใยสูง เช่น แอปเปิ้ล ลูกพรุน สตรอว์เบอร์รี่ บร็อกโคลี่ เป็นต้น เพราะช่วยลดไขมันชนิดไม่ดีและเพิ่มไขมันดีในร่างกาย ทั้งยังกินง่าย สร้างสรรค์เมนูได้อย่างหลากหลาย อย่างการนำมาปั่นกินโดยไม่แยกกากใย หรือกินผสมกับธัญพืชอื่น ๆ และนม

•ปลาที่มีกรดไขมันสูง เช่น แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล และซาร์ดีน เป็นต้น เพราะเนื้อปลาเหล่านี้มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี หรืออาจปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการกินอาหารเสริมอย่างน้ำมันปลาและคริลล์ออยล์ที่สกัดจากสัตว์น้ำตระกูลเคย แต่ก็อาจไม่ให้ประโยชน์เทียบเท่ากับที่ได้รับจากอาหาร

•ธัญพืช เป็นอาหารอีกชนิดที่ช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี เนื่องจากมีกากใยสูง โดยเฉพาะกากใยชนิดละลายน้ำได้ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น ทั้งยังลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้ โดยตัวอย่างอาหารที่ควรรับประทาน ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต รำข้าว เป็นต้น

•เมล็ดแฟลกซ์และเมล็ดเจีย อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 กากใย และสารอาหารที่มีคุณค่า สามารถนำมาผสมกับอาหารเช้าธัญพืช ข้าวโอ๊ต ขนมปังอบ โรยบนสลัด น้ำสลัด หรือโยเกิร์ต ส่วนเมล็ดแฟลกซ์ควรเลือกซื้อที่บดละเอียดแล้ว เพราะย่อยง่ายและมั่นใจได้ว่ามีประโยชน์ ในขณะที่การกินเมล็ดแฟลกซ์แบบเต็มเมล็ดอาจไม่ให้สารอาหารใด ๆ

•ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ ถั่วลิสง ถั่วพิตาชิโอ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น เนื่องจากอุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ มีกากใยสูง และมีสารสเตอรอลที่ช่วยยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลในร่างกาย แต่ควรกินอย่างพอดีเพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับแคลอรี่มากเกินไป รวมทั้งควรเลือกถั่วที่ไม่คลุกหรืออบเกลือ

•เต้าหู้และถั่วเหลือง แหล่งอาหารไขมันอิ่มตัวต่ำสำหรับทดแทนเนื้อสัตว์ การกินอาหารจากถั่วเหลืองและลดปริมาณการกินเนื้อสัตว์ให้น้อยลงนั้นดีต่อสุขภาพหัวใจ ทั้งยังลดปริมาณคอเลสเตอรอลที่จะได้รับจากเนื้อสัตว์ด้วย

•อะโวคาโด อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว การได้รับไขมันชนิดนี้ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยลดคอเลสเตอรอลและอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด นอกจากนี้ อะโวคาโดยังมีกรดโฟเลตและมีกากใยอาหารสูง

•แอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์หรือไวน์แดงในปริมาณที่พอดีช่วยเพิ่มไขมันดีและลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ แต่ผู้หญิงควรดื่มไม่เกินวันละ 1 ดื่มมาตรฐาน ส่วนผู้ชายควรดื่มไม่เกินวันละ 2 ดื่มมาตรฐานเท่านั้น ส่วนผู้ที่มีระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สูงก็ไม่ควรดื่มไวน์แดง และหากมีโรคประจำตัวใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มเสมอ
นอกจากการเลือกกินอาหารที่มีไขมันดีสูงและมีไขมันอิ่มตัวน้อยแล้ว การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันไม่ดีทั้งหลายก็สำคัญเช่นกัน และควรระมัดระวังในการเลือกอาหารแต่ละชนิด โดยอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อาหารใด ๆ ให้ละเอียดทุกครั้ง หากมีไขมันอิ่มตัวมากกว่า 5 กรัมต่อปริมาณอาหาร 100 กรัม หรือ 2.5 กรัมต่อมิลลิลิตร จะถือว่ามีไขมันนี้ในปริมาณสูง ควรเลือกบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวไม่เกิน 1.5 กรัมต่อ 100 กรัม หรือ 0.75 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร

เปลี่ยนการกินอย่างเดียวไม่พอ ต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วย

แม้การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมีส่วนช่วยลดไขมันชนิดที่ไม่ดีและเพิ่มไขมันดีได้ แต่การเลือกกินอาหารที่ดีอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะต้องทำควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านอื่น ๆ ด้วย ดังนี้

⛔️ออกกำลังกาย การออกกำลังและเคลื่อนไหวร่างกายเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มไขมันดีและลดไขมันไม่ดี ในระยะแรกอาจเริ่มเดินหรือวิ่งเหยาะ ๆ วันละ 15 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มเป็นออกกำลังกาย 30 นาที อย่างน้อย 5 ครั้งต่อสัปดาห์
ลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักส่วนเกินมีส่วนสำคัญในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอล เพราะเมื่อน้ำหนักตัวลดลง ไขมันไม่ดีก็จะลดลงไปด้วย ในขณะที่ไขมันดีจะเพิ่มขึ้น ซึ่งทำได้ด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหารอย่างสม่ำเสมอ
ดูแลระบบย่อยอาหาร เพิ่มจุลินทรีย์ชนิดที่ดีหรือโปรไบโอติกส์ในระบบทางเดินอาหารด้วยการกินโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวเป็นประจำ เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เลิกสูบบุหรี่ การเลิกบุหรี่ไม่เพียงช่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายหลายชนิด แต่ยังส่งผลให้มีระดับไขมันดีเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ หากต้องการทราบว่าระดับคอเลสเตอรอลในเลือดของตนเองเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด สามารถไปตรวจวัดระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีและคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีกับแพทย์ได้เป็นระยะ เพื่อทำตามเป้าหมายในการลดไขมัน และยังเป็นการเพิ่มแรงผลักดันให้ตนเองด้วยหากผลลัพธ์ออกมาในทางที่ดี

.http://www.pabpad.com.co.th.

36in1

💢เป็นคนรักกาแฟ แต่ถ้ากินมากๆ ก็มีเบื่อบ้างแหละBoom Cocoa Plusดาร์กโกโก้เข้มข้น ไม่มีน้ำตาลเอามาทำมอคค่ากับ Room Coffee ย...
31/05/2022

💢เป็นคนรักกาแฟ แต่ถ้ากินมากๆ ก็มีเบื่อบ้างแหละ

Boom Cocoa Plus

ดาร์กโกโก้เข้มข้น ไม่มีน้ำตาล
เอามาทำมอคค่ากับ Room Coffee ยังได้


#ดาร์กโกโก้เข้มข้น
#โกโก้

#บ.อารมณ์ดี

31/05/2022

การออกกำลังกายที่บ้านมี9 แบบค่า🌷🌷

9 วิธี ออกกําลังกายที่บ้าน ออกกำลังกายแบบไหนเหมาะกับใคร เคล็ดลับหุ่นปังช่วงนี้หลายๆ คนไม่ได้ออกไปไหน ทำงานที่บ้านวนไป บา...
31/05/2022

9 วิธี ออกกําลังกายที่บ้าน ออกกำลังกายแบบไหนเหมาะกับใคร เคล็ดลับหุ่นปัง

ช่วงนี้หลายๆ คนไม่ได้ออกไปไหน ทำงานที่บ้านวนไป บางคนได้ออกไปทำงานแล้ว แต่ก็ยังไม่อยากไปออกกำลังกายนอกบ้านอยู่ดี มีใครเจอปัญหาเดียวกันอยู่มั้ย? ยิ่งทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่ได้เดินไปไหนไกลๆ หุ่นก็เริ่มกลับมาหย่อนคล้อย อยู่บ้านกินเยอะ ไม่ได้เผาผลาญออกเลย ต้องหันมา ออกกําลังกายที่บ้าน กันซักหน่อยแล้ว

9. วิธี ออกกําลังกายที่บ้าน เคล็ดลับลดน้ำหนักให้ตรงจุด หุ่นกลับมาสวยปังเหมือนเดิมแน่นอนไปดูกันว่าจะมีวิธีออกกำลังกายที่่บ้านยังไงบ้าง
ออกกําลังกายที่บ้าน ยังไงดี

1. ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ CARDIO

การออกกำลังกายเเบบคาร์ดิโอ เป็นการออกที่เน้นเพิ่มความแข็งแรงให้ระบบการไหลเวียนของเลือด เพื่อให้ปอดใช้ออกซิเจนได้มากขึ้น การออกแบบคาร์ดิโอจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ สลายไขมันได้ถ้าออกติดต่อกันด้วยความเข้มข้นคงที่ ทำให้ลดน้ำหนักได้ดี
ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ มี 2 แบบ

Lower Impact Cardio ออกกำลังกายแบบแรงกระแทกต่ำ เหมาะกับคนที่น้ำหนักตัวเยอะ หรือบาดเจ็บที่ข้อต่อ

– การเดิน
– ปั่นจักรยาน
– การว่ายน้ำ
– ออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรี

Higher Impact Cardio การออกกำลังกายที่เเรงกระแทกสูง เหมาะกับผู้ที่มีความแข็งเเรง เเละ ไม่มีปัญหาเรื่องข้อกระดูกต่างๆ

– การวิ่ง
– การเต้นแอโรบิค
– การกระโดดเชือก

วันละประมาณ 20 – 30 นาที

2. การออกกำลังกายเเบบ HIIT(HIGH INTENSIVE INTERVAL)

การออกกำลังกายแบบ HIIT กำลัังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนออกกำลังกาย เป็นการออกกำลังกายที่เน้นความเข้มข้นสูง ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น 80 – 90% เเละพักเพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจลด เเละกลับไปออกกำลัังแบบเข้มข้นสูงวนไปอีกครั้ง

การออกกำลังกายแบบ HIIT จะช่วยดึงพลังงานคาร์โบไฮเดรต เเละไขมันออกมาใช้ หลังจากออกกำลังกายไปแล้วจะมี การอาฟเตอร์เบิร์นมากถึง 48 ชัั่วโมงเลยทีเดียว ใครอยากออกกำลังกายแบบเบิร์นเยอะๆ ต้องลองออกกำลังเเบบ HIIT

วิธีการออกกำลังกายแบบ HIIT

เป็นการออกกำลังกายแบบหนักสลับกับเบา เช่น

การวิ่งเร็วสลับกับวิ่งช้า เช่น วิ่งเร็ว 15 วินาที : วิ่งช้า 30 วินาที ทำเเบบนี้ไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 – 10 นาที
เน้นท่าออกกำลังกายแบบใช้น้ำหนักตัว อย่าง High Knees, การสควอท, Jumping Jack, Up and Down Plank เเละ Mountain Climber เป็นต้น เน้นทำครั้งละ 30 วินาที เเละพัก 30 วินาที ใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาที
สามารถปรับประยุกต์กับการออกกำลังกายได้หลากหลาย อย่างการกระโดตบ วิดพื้น ปั่นจักรยาน เป็นต้น

การออกกำลังกายแบบ HIIT เหมาะกับใคร

เหมาะกับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ลดไขมัน เสริมสร้างกล้ามเนื้อของร่ายกายภายในเวลาอันสั้น

3. การออกกำลังกายแบบ เวทเทรนนิ่ง

การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง เป็นการออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักตัวเเละออกแรงดัน ที่จะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง เเละช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น

วิธีออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง

ใช้อุปกรณ์อย่างดััมเบล หรือ คานเหล็ก
ออกกำลังกายโดยใช้เครื่อง อย่างพวกเครื่องบริหารหน้าท้อง

เวลาที่ควรใช้ในการเล่นเวทเทรนนิ่ง

ประมาณ 20 – 30 นาทีต่อครั้ง เล่นอาทิตย์ละ 3 – 4 ครั้ง ควรเล่นสลับกับคาร์ดิโอ เพื่่อเร่งกายเผาผลาญ

การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง เหมาะกับใคร

เหมาะกับผู้ที่ต้องการรูปร่างที่สมส่วน อยากกำจัดไขมันส่วนเกิน เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

4. การออกกำลังกายแบบพิลาทิส

การออกกำลังกายแบบพิลาทิส
เป็นหนึ่งในการออกกำลังกายแบบ บอดี้เวท เน้นการสร้างกล้ามเนื้อ ออกกำลังกายได้ในพื้นที่จำกัด เพียงมีเสื่อโยคะ ก็สามารถออกกำลังกายเเบบพิลาทิสได้แล้ว

หลายๆคนชื่นชอบการออกกำลังกายแบบพิลาทิส เพราะทำให้เหนื่อยหอบ ต้องค่อยๆทำแบบไม่เร่งรีบ เเละยังช่วยฝึกการหายใจให้ดีขึ้น บรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมได้ด้วย มีทั้งท่ายืดกล้ามเนื้อ คล้ายเส้นต่างๆให้เลือกทำตามหลากหลายพิลาทิศยังช่วยฟิตกล้ามเนื้อในส่วนหน้าท้อง แขนขาต่างๆได้ดี

เวลาที่ควรใช้ในการเล่นพิลาทิส
ประมาณ 50 – 1 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่ต้องการหุ่นสวยไว เเละน้ำหนักลง ทำประมาณสัปดาห์ละ 4 ครั้ง

พิลาทิสเหมาะกับใคร

เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย หรือคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ก็เล่นได้เช่นกัน เหมาะผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเเบบบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง แขน ขาให้กระชับ เเละผู้ที่จ้องการเพิ่มบุคลิกภาพที่ดีก็สามารถเล่นพิลาทิสได้

5. การเล่นโยคะ

โยคะ รูปแบบการออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายๆที่บ้าน โดยเฉพาะคนที่ทำงานออฟฟิศ ช่วง Work Fromm Home ต้องทำงานที่บ้าน อยากยืดเส้นสาย สร้างกล้ามเนื้อแข็งเเรง ต้องลองฝึกโยคะกันเลย

ประโยชน์ของการเล่นโยคะ จะช่วยยืดกล้ามเนื้อ เคลื่อนไหวได้คล่องตัวขึ้น เหนื่อยน้อยลง ระบบการหายใจดีขึ้น สามารถจััดระเบียบร่างกายให้สวยงามได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียด เเละ ทำให้ร่างกายผ่อนคลายได้อีกด้วย

เวลาที่ควรใช้เล่นโยคะ
วันละ 30 – 60 นาที

การเล่นโยคะเหมาะกับใคร

การเล่นโยคะ เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ผู้สูงอายุก็สามารถเล่นได้ในท่าที่ไม่หักโหมมากเกินไป นอกจากนีี้ผู้ที่สนใจลดน้ำหนัก ก็สามารถเล่นโยคะได้ เพราะมีหลายท่าที่ช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีเลยทีเดียว

6. การเต้นซุมบ้า

ใครสายแดนซ์ ชอบออกกำลังกายตามจังหวะสนุกๆ เเถมยังได้เหงื่อเเละช่วยเบิร์นไขมันได้ดี ต้องลองฝึกเต้นซุมบ้าเลย รับรองว่าเรียกเหงื่อ เผลาผลาญได้ดีมากๆ

ประโยชน์ของการเต้นซุมบ้า นอกจากได้ความสนุกสนานแล้ว ยังช่วยสร้างกล้ามเนื้อ รูปร่างที่สมส่วน ลดไขมัน เเละกระชับสัดส่วน โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณแขน สะโพก ต้นขา หน้าท้องเเละหลัง เรียกว่าครบเลยทีเดียว

เวลาที่ควรใช้ในการเต้นซุมบ้า
ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เพียง 3 ครั้งต่อสัปดาห์

การเต้นซุมบ้าเหมาะกับใคร

การเต้นซุมบ้าจะมีหลากหลายที่ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต่างกัน เช่น การเต้นเพื่อกระชับสัดส่วน เต้นเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซุมบ้าสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุก็มีเช่นกัน

7. การเล่นฮูลาฮูป

การเล่นฮูลาฮูป อีกหนึ่งวิธีออกกำลังกายที่สาวๆชื่นชอบ เพราะจะช่วยสร้างเอวเอส สลายพุง ลดต้นแขน ต้นขา ได้เป็นอย่างดี

เวลาที่ควรใช้ในการเล่นฮูลาฮุป
ประมาณ 30 – 40 นาทีต่อวัน (เริ่มเล่นแรกๆ อาจจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที เเละค่อยๆ เพิ่มเวลาให้นานขึ้น ตามความแข็งแรงของร่างกาย)

การเล่นฮูลาฮูปเหมาะกับใคร

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูเเลหุ่น กระชับต้นแขน เอว เเละต้นขา หรือผู้ที่มีพื้นที่ออกกำลังกายจำกัด

8. การออกกำลังกายด้วยเครื่องบริหารหน้าท้อง

ใครสายออกกำลังกายแบบจัดเต็ม อยากหาอุปกรณ์ตัวช่วยสำหรับออกกำลังกาย เครื่องบริหารหน้าท้องก็เป็นตัวเลือกที่ดีีอีกอย่างหนึ่ง

ข้อดีของเครื่องบริหารหน้าท้อง คือ นอกจากจะช่วยกระชับส่วนหน้าท้องได้ดีเเล้ว ยังออกเเบบให้สามารถออกกำลังกายได้หลากหลายท่า ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหลายส่วนทั้งสะโพก ก้น กล้ามเนื้อต้นขาได้อีกด้วย

เครื่องบริหารหน้าท้องเหมาะกับใคร

เหมาะกับผู้ที่ต้องการบริหารเฉพาะส่วนหน้าท้อง ต้องการหน้าท้องที่สวย

9. เล่นแบดมินตัน

หากบ้านของคุณมีพื้นที่กลางแจ้งซักหน่อย ลองชวนคนที่บ้านมาออกกำลังกายกัน การเล่นแบดถือเป็นเล่นกีฬาที่ได้เผาผลาญหลายส่วนเลยทีเดียว

ประโยชน์ของการเล่นแบดมินตัน นอกจากจะช่วยเผาเผลาญได้ดีขึ้นเเล้ว ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับส่วนต่างๆของร่างกาย ให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวขึ้น ช่วยให้อัตราการเผาผลาญอาหารดีขึ้นอีกด้วย

เวลาที่เหมาะกับการเล่นแบดมินตัน
เล่นเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จะเผาผลาญได้ประมาณ 500 แคลอรี่

การเล่นแบดมินตันเหมาะกับใคร

เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ก็สามารถเล่นแบดมินตันได้ง่ายๆ

เลือกกันได้เเล้วใช่มั้ยคะ ว่าออกกำลังกายแบบไหนดี ทุกคนล้วนมีเป้าหมายในการออกกำลังกายต่างกัน บางคนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพท่ี่ดี บางคนออกกำลังกายเพื่อเเก้อาการออฟฟิศซินโดรม เเละหลายๆคนออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก ลองดูวิธีที่พี่หมีบิ๊กกี้แนะนำมา เเล้วเอาไปออกกำลังกายตามกันได้เลย เเล้วเราจะแข็งเเรงอยู่บ้าน หุ่นปังไปด้วยกัน!💮💮

https//:www.bigc co.th.com.
# TheiCongroup
36in1

28/05/2022

ขาดโปรตีนได้หรือไม่...ร่างกายนี้..😄

5 สัญญาณเตือน ร่างกายขาดโปรตีน นี่แหละตัวการลดน้ำหนักไม่ได้ผลสาวๆ ย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าอาหารจำพวกโปรตีน มีความสำคัญต่อร่...
28/05/2022

5 สัญญาณเตือน ร่างกายขาดโปรตีน นี่แหละตัวการลดน้ำหนักไม่ได้ผล

สาวๆ ย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าอาหารจำพวกโปรตีน มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมาก เพราะช่วยให้อิ่มเร็วและอิ่มนาน แม้จะอยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก ร่างกายก็ไม่สามารถขาดสารอาหารประเภทนี้ได้ แต่ในขณะเดียวกันมีหลายคนที่ลดน้ำหนักต้องเจอกับภาวะร่างกายขาดโปรตีน ซึ่งจะทราบได้อย่างไรว่าร่างกายของเรากำลังขาดโปรตีน วันนี้เราได้รวบรวม 5 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังขาดโปรตีนในช่วงลดน้ำหนัก ทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผลมาบอกกันค่ะ

1.หิวบ่อยมาก💢
ในช่วงของการลดน้ำหนัก หากมีอาการหิวบ่อย อาจเป็นเพราะว่าร่างกายได้รับปริมาณโปรตีนที่น้อยเกินไป แม้จะกินอาหารในแต่ละมื้ออิ่มมาก แต่ผ่านไปสักพักก็รู้สึกหิวขึ้นมาอีก สิ่งที่จะตามมาก็คือ การกินไม่หยุด รวมทั้งอาจเผลอไปกินจุบจิบ ซึ่งนั่นย่อมทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผลตามที่หวังไว้ อีกทั้งยังเสี่ยงทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกด้วย

2.ไม่สบายบ่อยเกินไป😅😅
หากรู้สึกว่าร่างกายเริ่มป่วยบ่อย นั่นเป็นเพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่ดีเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งภูมิคุ้มกันที่แย่ลง อาจเกิดจากการที่ร่างกายได้รับปริมาณโปรตีนที่น้อยเกินไป ตราบใดที่ภูมิคุ้มกันแย่ ก็ทำให้ร่างกายติดเชื้อง่าย โดยปกติแล้วร่างกายควรได้รับปริมาณสารอาหารอย่างโปรตีนประมาณวันละ 1.5 – 2 กรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม

3.น้ำหนักขึ้นง่าย🍰🍰
อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก แต่น้ำหนักตัวกลับยิ่งเพิ่มขึ้น บอกเลยว่าสัญญาณเตือนนี้กำลังบ่งบอกว่าร่างกายกำลังขาดโปรตีน ซึ่งเมื่อใดที่ร่างกายได้รับปริมาณโปรตีนไม่เพียงพอ ก็จะเริ่มเกิดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น ซึ่งมวลกล้ามเนื้อในร่างกาย เปรียบดั่งสถานที่เก็บโปรตีนที่ใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ การกินโปรตีนในปริมาณน้อย จะส่งผลให้ร่างกายเริ่มดึงโปรตีนจากมวลกล้ามเนื้อมาใช้ หากใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้ร่างกายสูญเสียมวลกล้ามเนื้อในที่สุด ส่งผลให้อัตราการเผาผลาญพลังงานลดลงไปด้วย สิ่งที่จะตามมาเมื่อการเผาผลาญในร่างกายไม่ดีก็คือ การมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

4.สูญเสียมวลกระดูก🦴🦴🦴🦴
ทราบหรือไม่ว่าการมีกระดูกที่แข็งแรง ไม่เพียงแต่ต้องอาศัยการกินแคลเซียมเท่านั้น เพราะโปรตีนก็เป็นส่วนสำคัญของสุขภาพกระดูกด้วยเช่นกัน หากร่างกายไม่ได้รับสารอาหารประเภทโปรตีนที่เพียงพอ ก็จะทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกไปด้วย ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องกระดูกแตกหักง่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ที่สำคัญยังส่งผลให้เกิดปัญหากระดูกบางด้วยเช่นกัน

5.ผิวหนังเหี่ยว ผมร่วง👩‍🦳👩‍🦳👩‍🦳
อีกหนึ่งสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าร่างกายขาดโปรตีนในช่วงลดน้ำหนักก็คือ ผมร่วงและผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่น เพราะเมื่อร่างกายได้รับปริมาณโปรตีนที่น้อยติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้เส้นผมร่วงง่าย ผมบาง ผมขาด ผมแห้ง และเส้นผมแตกปลาย อีกทั้งยังส่งผลให้ผิวหนังแห้งกร้าน ไม่มีความยืดหยุ่น ผิวเหี่ยวย่นจนสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้อย่างชัดเจน

💥จะเห็นได้ว่าเมื่อใดที่ร่างกายขาดสารอาหารประเภทโปรตีน ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดผลเสียต่อการลดน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายในด้านอื่นๆ อีกด้วย ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการกินอาหารประเภทโปรตีนให้มากๆ รวมทั้งการควบคุมสารอาหารชนิดอื่นๆ ให้เหมาะสมตามที่ร่างกายต้องการ เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย โดยเฉพาะร่างกายที่อยู่ในช่วงที่กำลังลดน้ำหนัก

:httpsll:www.snook.com.th.

# TheiCongroup
36in 1

23/05/2022

คุยสบายๆๆ เรื่องควบคุมนน.❤️

5 สูตรเครื่องดื่มช่วยเผาผลาญ ส่วนผสมแค่ 2 อย่าง ดื่มตอนเช้าแล้วดี ลดน้ำหนักได้ อยากกระตุ้นระบบเผาผลาญ เพื่อให้การลดน้ำหน...
23/05/2022

5 สูตรเครื่องดื่มช่วยเผาผลาญ

ส่วนผสมแค่ 2 อย่าง ดื่มตอนเช้าแล้วดี ลดน้ำหนักได้ อยากกระตุ้นระบบเผาผลาญ เพื่อให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แนะนำ 5 สูตรเครื่องดื่มช่วยเผาผลาญนี้เลยค่ะ บอกเลยว่าเป็นสูตรที่ง่ายแต่ได้ผล แถมยังใช้ส่วนผสมเพียงแค่ 2 อย่างเท่านั้น ที่สำคัญหากดื่มในช่วงเวลาเช้าก็จะยิ่งเป็นผลดีอีกด้วยค่ะ

❤️น้ำผึ้ง + อบเชย

น้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำหนัก และเมื่อดื่มในขณะท้องว่างยามเช้า ก็จะเป็นการช่วยเร่งระบบเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งการเผาผลาญถือเป็นสิ่งสำคัญในการลดน้ำหนักเลยก็ว่าได้ค่ะ ในขณะที่ชินนามอนหรืออบเชย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมในการช่วยเผาผลาญไขมันได้อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อดื่มด้วยกันแล้วจึงเวิร์คสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ

วิธีทำ

•ใส่ผงชินนามอนหรืออบเชยลงในแก้ว
▪︎เติมน้ำผึ้งลงไป
▪︎ใส่น้ำอุ่นลงไป
▪︎คนจนส่วนผสมเข้ากัน

❤️❤️อบเชย + ชาเขียว

อบเชยยังถือได้ว่าเหมาะกับชาเขียวด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งเมื่อดื่มด้วยกันแล้วจะช่วยลดอาการผิดปกติของระบบย่อยอาหารและกระเพาะอาหารได้ดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายในการย่อย สลายและดูดซับสารอาหาร รวมถึงยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและบำรุงสุขภาพหัวใจได้อีกด้วยค่ะ

วิธีทำ

▪︎แช่อบเชยแท่งในน้ำชาเขียวร้อน ประมาณ 5 นาที
▪︎สามารถใส่มะนาวหรือน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มรสชาติได้
▪︎กรองเยื่อออก จนได้น้ำชาใสพร้อมดื่ม

❤️❤️❤️ชาเขียว + ขมิ้น

ชาเขียวเมื่อดื่มคู่กับขมิ้นก็มีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้ดีเช่นกันค่ะ รวมถึงยังช่วยดีท็อกซ์ร่างกายและต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วย เพราะชาเขียว เรียกได้ว่าอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาชนิดอื่นๆ นั่นเอง อีกทั้งดื่มแล้วยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ดี จึงทำให้สามารถช่วยลดน้ำหนักได้นั่นเองค่ะ

วิธีทำ

▪︎ต้มชาเขียว ประมาณ 5 นาที แล้วพักไว้ให้เย็น
▪︎ใส่ผงขมิ้นลงไป แล้วคนให้เข้ากัน
สามารถใส่อบเชย หรือ โป๊ยกั๊ก ลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติได้
▪︎กรองเยื่อออก จนได้น้ำชาใสพร้อมดื่ม

❤️❤️❤️❤️ขมิ้น + พริกไทย

ขมิ้นยังสามารถจับคู่กับพริกไทยได้ด้วยนะคะ บอกเลยว่าประโยชน์เพียบ ดื่มแล้วดีต่อสุขภาพ สามารถช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร ลดอาการอักเสบต่างๆ รวมถึงยังช่วยต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมที่เรียบง่ายแต่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายได้ดีสุดๆ ค่ะ

วิธีทำ

•ต้มน้ำ 300-500 มล. ให้อุ่น
•ใส่ขมิ้นและพริกไทยลงไป
•สามารถใส่มะนาวเพื่อเพิ่มรสชาติได้
•คนจนส่วนผสมเข้ากัน

❤️❤️❤️❤️❤️
สับปะรด + ชาเขียว

ชาเขียวยังสามารถจับคู่กับผลไม้อย่างสับปะรดได้ด้วยนะคะ เรียกได้ว่าดื่มแล้วมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้ดีสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ เนื่องจากส่วนผสม 2 อย่างนี้จะช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่ต้องกินเยอะจนเสี่ยงน้ำหนักขึ้น รวมถึงยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ เร่งการลดน้ำหนักได้อีกด้วย

วิธีทำ

•เติมชาเขียวอุ่นๆ ครึ่งถ้วย ลงใน
•น้ำสับปะรดครึ่งถ้วยตวง
•สามารถใส่แอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนชาได้เพื่อเพิ่มรสชาติ
•แนะนำให้ดื่มตอนชากำลังอุ่นๆ

Cr.truid

22/05/2022
🌈IF คือ เช็คข้อดี-ข้อเสีย หากคิดจะลดน้ำหนักวิธีนี้ มือใหม่ควรเริ่มยังไง?IF ย่อมาจาก Intermittent Fasting ซึ่ง Intermitte...
22/05/2022

🌈IF คือ เช็คข้อดี-ข้อเสีย หากคิดจะลดน้ำหนักวิธีนี้ มือใหม่ควรเริ่มยังไง?

IF ย่อมาจาก Intermittent
Fasting ซึ่ง Intermittent แปลว่า ทำอะไรเป็นช่วงๆ ส่วน Fasting คือ การอดอาหาร เมื่อมารวมกันก็จะหมายความว่า "การอดอาหารในช่วงเวลาแต่ละวัน" โดยในแต่ละวันเราจะมีการแบ่งเป็นช่วงเวลาที่เรียกว่า Fasting การอด และก็ช่วง Feeding คือช่วงกิน

ในหนึ่งวันของแต่ละสูตรก็จะอดหรือว่ากินในเวลาที่ไม่เท่ากัน เรียกง่ายๆ ว่า IF เป็นวิธีที่ใช้ในการลิมิตหรือจำกัดในการกิน เพื่อให้มีวินัยในการกินที่มากขึ้น หลักการทำงานของ IF คือ พอมีระบบที่ใช้ในการกินร่างกายก็จะได้รับพลังงานในรูปแบบที่สามารถคาดคะเนได้ง่ายขึ้น

สำหรับ สูตรการทำ IF ก็มีมากมายหลายสูตรด้วยกัน ดังนี้

สูตรที่ 1 คือสูตร Lean Gains เป็นสูตรที่ได้รับความนิยมสูงมาก คือเป็นการอด 16 ชั่วโมง และกิน 8 ชั่วโมง หรือที่เรียกกันว่า 16/8 นอกจากสูตรนี้ก็ยังมีอีกหลายสูตรหลายวิธีด้วย

สูตรที่ 2 เป็นวิธีที่คล้ายคลึงกันและสามารถแบ่งออกได้เป็น 1 วัน คือแบบ Fasting คือช่วงที่ไม่กิน และ Feeding คือช่วงที่กิน ซึ่งก็มีหลายสูตรเหมือนกันที่จะเอาไปประกอบใช้ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำ 18/6 หรือ 20/4 แต่หลักๆแล้วจะเป็น Fasting แบบ 1 วันและทำทุกวันในแบบที่ต่อเนื่องกันไป

นอกเหนือจากการทำทุกๆวันแล้วก็จะมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำวันเว้นวันหรือที่เรียกว่า Alternate day Fasting หมายถึงการเริ่มทำ 1 วัน สลับกับการกินปกติ 1 วันที่ไม่ใช่เป็นการอด 1 วัน และอีกวันตามใจปากกินไม่สนโลกแบบนั้น ซึ่งการสลับวันก็ต้องดูแลและควบคุมด้วยว่ากินอะไรบ้างในแต่ละวัน นับได้ว่ามีการคอนโทรลในเรื่องของสารอาหารต่างๆด้วย

สูตรที่ 3 Eat Stop Eat เป็นการกินแบบ 5 วัน และทำแบบ Fasting 1-2 วัน/สัปดาห์

⛎️IF ช่วยทำให้ผอมหรือลดไขมันได้อย่างไร?

•ในช่วงเวลาที่กินอาหารร่างกายจะมีปริมาณอินซูลินที่สูงขึ้น ช่วงนี้จะทำให้ร่างกายไม่ดึงพลังงานที่สะสมมาใช้ก็คือไม่เผาผลาญไขมันนั้นเอง

•ในเส้นทางที่กลับกันช่วงที่ท้องว่าง ๆ ปริมาณอินซูลินเราจะลดต่ำลงทำให้ร่างกายต้องดึงพลังงานที่สะสมมาใช้ก็คือการเกิดการเผาผลาญไขมันหรือที่เรียกว่าเกิดจากภาวะ Ketosis ซึ่งจะทำให้วิธี IF สามารถลดไขมันได้ดีขึ้นในช่วงเวลาที่อดนั้นเอง

•ระดับการเผาผลาญไขมันช่วงอดอาหาร ก็คือช่วงเวลากินอาหารปกติร่างกายจะมีอินซูลินที่สูงขึ้นแล้วก็จะดึงพลังงานจากแหล่งอื่นมาใช้ ส่วนในช่วงอดอาหารอินซูลินจะลดต่ำลงร่างกายก็จะดึงพลังงานจากไขมันมาใช้แทน

♓️ข้อควรระวังสำหรับคนที่คิดจะทำ IF

•การทำ IF ไม่ใช่สูตรในการกินอาหาร แต่จะเน้นช่วงเวลาในการกินอาหารคืออดเป็นช่วงเวลา เพราะถ้าทำถูกวิธีจะไม่มีปัญหา ทั้งนี้ข้อควรระวังสำหรับคนที่คิดจะทำ IF มีดังนี้

•คนที่มีโรคกระเพาะและโรคเบาหวานไม่แนะนำให้ทำ IF เพราะมีโอกาสให้เกิดปัญหาได้ การอดอาหารสำหรับโรคกระเพาะนั้นมีปัญหาอยู่แล้ว และบางครั้งการมีปัญหาของโรคเบาหวานอยู่น้ำตาลตกก็จะมีปัญหาได้ง่าย ถ้าอดอาหารในระยะเวลานานๆก็ส่งผลได้โดยตรง คนไข้ที่เคยได้รับการผ่าตัดกระเพาะหรือผ่าตัดทางเดินอาหารอื่นๆก็ไม่ควรทำ IF เพราะกระเพาะมีขนาดเล็กอยู่แล้ว ยังไงน้ำหนักก็ลดลงแน่นอน

▪︎เมื่อ IF กำหนดช่วงระยะเวลาที่อดแล้วช่วงที่กินจะกินอะไรก็ได้ไม่อั้นซึ่งเขาทำในสูตร 20 คือ อด 20 ชั่วโมงและกำหนดช่วงเวลาที่กินได้ก็คือ 4 ชั่วโมงต่อวัน คือ 14.00 - 18.00 น. ที่เหลือคืออด หลักการของ IF คือจำกัดช่วงระยะเวลาการกินก็จริง แต่ช่วงเวลาการกินได้ถ้าแคลอรีรวมเกินยังไงน้ำหนักก็ไม่ลดและจะส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วย
คนอดอาหารบางครั้งไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด บางทีคิดว่าทำตามหลัก Fasting อยู่ ซึ่ง Fasting และการอดอาหารไม่เหมือนกัน การอดอาหารคือไม่ทานเลย หรือพยายามทานแล้วอ้วกออกมา อีกทั้งทนหิวแม้ในช่วงที่ต้อง feed

✅️ประโยชน์ของ IF คือ

•ร่างกายจะดึงไขมันมาใช้มากขึ้น ช่วยลดไขมันทำให้กินอาหารเป็นเวลา และเป็นระบบมากขึ้น ลดปัญหาการกินจุกจิก ทั้งหมดนี้ทำให้ควบคุมน้ำหนักได้ดีและง่ายมากขึ้นยังไงก็ตามสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักสิ่งที่ต้องคำนึงถึงตลอดเวลาก็คือเราควรที่จะรับพลังงานเข้ามาให้น้อยกว่าที่ใช้ออกไป

•IF ทำให้ฮอร์โมนอินซูลินต่ำ มีการใช้ ketone เป็นพลังงานแทนช่วงอดอาหาร ซึ่งมีงานวิจัย จำนวนมากที่ชี้ว่าทำให้เกิดประโยชน์กับร่างกายหลายด้าน ทั้งลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง แม้กระทั่งโรคมะเร็ง

⛔️ผลเสีย หากทำ IF ไม่ถูกวิธี

•อดอาหารมากเกินไปจนเสี่ยงขาดสารอาหาร
รับประทานอาหารมากเกินไป เพราะต้องรีบกินก่อนถึงช่วงเวลางดมื้ออาหาร
เลือกเวลาในการกิน และงดการกินผิดเวลา อาจเสี่ยงโรคที่เกี่ยวกับลำไส้

•นอนดึก ในคนกลุ่มที่เข้านอนดึกมีความเสี่ยงในความอ้วนง่ายอยู่แล้ว เนื่องจากระบบฮอร์โมนที่ซ่อมแซมร่างกาย และระบบความอิ่มในร่างกายจะรวนทำให้คนนอนดึกไม่สามารถงดมื้ออาหารได้ต้องกินอาหารหวาน และนำไปสู่ความอ้วน

•ไม่ออกกำลังกาย เนื่องจากในการลดความอ้วนไม่ใช่แค่การควบคุมแคลอรี แต่ยังรวมถึงการสร้างระบบการเผาผลาญที่ถาวรขึ้นด้วย ในส่วนนี้คือการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อไม่ให้เกิดอาการโยโย่ขึ้นภายหลัง

•ยังติดหวาน หากทำ IF แล้วยังติดกินอาหารหรือขนมหวานๆ อยู่ อาจเสี่ยงติดหวาน ซึ่งเมื่อทำการงดมื้ออาหารจะทำให้เกิดอาการโหยน้ำตาล และอาจทำให้กินของหวานๆ มากกว่าเดิม

.https://www.bangkokbiznews.com.
.rattinan.com/apexprofoundbeauty.com
36in1

21/05/2022

6วิธีแก้โยโย่เอฟเฟค⁉️

6 วิธีแก้ โยโย่เอฟเฟค ทำได้ง่าย ลดน้ำหนักได้ตามเดิม❤️  โยโย่เอฟเฟค (YOYO Effect) นั้นถือเป็นอาการที่เรียกว่าสร้างความน่า...
21/05/2022

6 วิธีแก้ โยโย่เอฟเฟค ทำได้ง่าย ลดน้ำหนักได้ตามเดิม

❤️ โยโย่เอฟเฟค (YOYO Effect) นั้นถือเป็นอาการที่เรียกว่าสร้างความน่ากลัวให้กับผู้ที่ลดน้ำหนักได้เป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ เพราะอาการโยโย่เอฟเฟคคือการที่น้ำหนักเหวี่ยงขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งมักเกิดกับคนที่ลดน้ำหนักแบบผิดวิธี ซึ่งโดยมากแล้วโยโย่เอฟเฟคมักจะเกิดขึ้นหลังจากที่เราลดน้ำหนักด้วยความหักโหม ไม่ยอมควบคุมอาหารให้พอเหมาะกับการออกกำลังกาย ทำให้ระบบเผาผลาญการไม่สมดุล สุดท้ายจึงทำให้เกิดโยโย่เอฟเฟคในที่สุดค่ะ
แต่การเกิด โยโย่เอฟเฟค นั้น หากเกิดขึ้นมาแล้ว ก็สามารถแก้ได้เหมือนกัน นอกจากการกระตุ้นระบบเผาผลาญให้กลับมาดีดังเดิมด้วยวิธีการอออกแบบการกินและออกกำลังกายเสียใหม่ ยังมีวิธีง่ายๆ ที่ช่วยแก้ให้ โยโย่เอฟเฟค นั้นหายไปได้ ตามนี้ค่ะ

6 วิธีแก้ โยโย่เอฟเฟค ทำได้ง่าย ลดน้ำหนักได้ตามเดิม

1. กินให้บ่อยขึ้น
สาเหตุสำคัญของการเกิด โยโย่เอฟเฟค นั่นก็คือการอดอาหารจนระบบเผาผลาญพัง การจะกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญกลับมาทำงานได้ดีตามเดิมนั้นไม่ใช่การอดอาหาร แต่เป็นการแบ่งกินเป็นมื้อเล็กๆ แทนการกิน 3 มื้อใหญ่ เพื่อที่จะได้กระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานตลอดทั้งวันค่ะ

2. กินมื้อเช้า
เมื่อเราอดอาหารโดยเฉพาะมื้อเช้านั้นจะทำให้ร่างกายเข้าสู่การลดการเผาผลาญพลังงานและจะส่งผลให้ร่างกายสะสมพลังงานในรูปแบบของไขมันมากขึ้น หากคุณต้องการให้ร่างกายกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วก็ไม่ควรหลีกเลี่ยงการกินมื้อเช้าค่ะ

3. กินโปรตีน
โปรตีนช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ อีกทั้งโปรตีนยังเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและอวัยวะต่างๆ ให้ทำงานได้อย่างปกติอีกด้วย โดยเราควรเลือกกินโปรตีนที่ไม่มีไขมันปนหรือมีไขมันน้อย เช่น เนื้อไม่ติดมัน อกไก่ เนื้อปลา เพื่อหลีกเลี่ยงการรับไขมันเข้าไปสะสมในร่างกายเพิ่มค่ะ

4. ดื่มน้ำเปล่า
จิบน้ำบ่อยๆ ระหว่างวันเพื่อกระตุ้นการเผาผลาญ การดื่มน้ำน้อยจนเกินไปแทนที่ร่างกายจะได้น้ำไปเลี้ยงเนื้อเยื่อและอวัยวะส่วนต่างๆ แต่จะทำให้ตับเก็บน้ำไว้แทน เพื่อเป็นการกระตุ้นการเผาผลาญให้กลับมาเป็นปกติและกหลักเลี่ยงอาการ โยโย่เอฟเฟค ก็คือการหมั่นจิบน้ำบ่อยๆ ค่ะ

5. ลดของหวาน
อาหารหวานๆ ที่มีน้ำตาลผสมอยู่มาก เช่น ขนม น้ำหวานต่างๆ หากเรากินเข้าไปมากเกินกว่าที่ร่างกายจะใช้หมด น้ำตาลส่วนเกินเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน เก็บไว้ในส่วนต่างๆ ของร่างกายทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นไปอีก หากอยากกินอาหารรสหวานลองเปลี่ยนมากินผลไม้แทนก็จะดีกว่าค่ะ

6. ออกกำลังกาย
เพื่อเป็นการเผาผลาญพลังงานส่วนเกิด และกระตุ้นให้ร่างกายได้ใช้กล้ามเนื้อในการเผาผลาญไขมัน การออกกำลังกายเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยได่ค่ะ โดยเราสามารถที่จะออกกำลังกายด้วยวิธีไหนก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องไปเข้าฟิตเนสแต่อย่างใด หากเราไม่มีเวลามากนักอาจเลิกออกกำลังกายง่ายๆ ที่บ้าน การทำงานบ้าน เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน ก็ถือเป็นการเผาผลาญพลังงานที่สามารถทำเพื่อทดแทนการออกกำลังได้เช่นกัน

การจะลดน้ำหนักให้ได้ผลนั้น ต้องมีการควบคุมอาหารให้สมดุลกับการออกกำลังกาย ในรายที่อดอาหารมากๆ หรือกินยาลดความอ้วน นอกจากจะเป็นการทำร้ายร่างกายตัวเองแล้ว ยังเป็นการลดน้ำหนักที่ผิดวิธีอีกด้วย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเลิกอดอาหารหรือเลิกกินยา โยโย่เอฟเฟค ก็มีโอกาสที่จะกลับมาหาคุณได้ทุกเมื่อค่ะ ทางที่ดีเรามาลดน้ำหนักอย่างถูกต้องดีกว่า เน้นวิธีธรรมชาติไม่ต้องพึ่งยาหรือสารเคมี สุขภาพของเราจะดีได้ในระยะยาวอย่างแน่นอนค่ะ

. https://women.trueid.net

💢โยโย่ เอฟเฟค คืออะไร💢YOYO Effect เป็นคำเรียกลักษณะการเหวี่ยงขึ้นอย่างรวดเร็วของน้ำหนักตัว คำว่าโยโย่ ถ้าให้เห็นภาพก็เหม...
21/05/2022

💢โยโย่ เอฟเฟค คืออะไร

💢YOYO Effect เป็นคำเรียกลักษณะการเหวี่ยงขึ้นอย่างรวดเร็วของน้ำหนักตัว คำว่าโยโย่ ถ้าให้เห็นภาพก็เหมือนลูกข่างชนิดนึงซึ่งหมุ่นโดยแกน และเชือก เวลาเราเล่นโยโย่ เราจะต้องจับลูกโยโย่โยนลงพื้น โดยถ้าหากเราส่งแรงน้ำหนักทิ้งลงไปมาก ลูกโยโย่ก็จะดีดกลับขึ้นมาเร็วและแรง เราจึงเรียกการเหวี่ยงตัวขึ้นของน้ำหนักตัวหลังจากทำการลดน้ำหนักอย่างผิดวิธีว่า โยโย่ เอฟเฟค

อะไรคือ โยโย่ เอฟเฟค เพราะหลายครั้งที่เจอกับคำถามที่ใคร ๆ ก็ชอบคิดว่า ไอ้การที่จะเกิดโยโย่เนี่ย ต้องเกิดจากการที่เราทานยาลดความอ้วนเท่านั้น การเกิด โยโย่เอฟเฟค นั้นสามารถเกิดจากการที่เราพยายามควบคุมอาหาร เปลี่ยนชนิดอาหารได้ด้วย นะคะ ไม่ได้เกิดจากการทานยาลดความอ้วนได้เพียงอย่างเดียว

♊️อันที่จริงแล้วมันคือภาวะการขาดความสมดุลของร่างกายนั่นเอง ร่างกายของคนเรามีความสลับ ซับซ้อนมากกว่า คอมพิวเตอร์เครื่องนึงซะอีก ระบบการทำงานสามารถสั่งได้ ด้วยกิจวัตรประจำวัน สมดุลเคมี ฮอร์โมนจาก ต่อมไร้ท่อ ระบบประสาทส่วนกลาง และอื่นๆอีกมากมาย ร่างกายคนเราอาศัยความเคย ชินกับปริมาณอาหารและปริมาณแคลลอรี่ ที่ได้รับในแต่ละวัน รวมทั้งกิจกรรมที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองในแต่ละวัน กำหนดขนาดการเมตาบอลิ ซึ่ม (การเผาผลาญพลังงานนั่นเอง)

✝️ซึ่งจะต้องทำงานควบคุมกับการผลิต ฮอร์โมนบางตัวจากต่อมไร้ท่ออย่าง ไทรอยด์ฮอร์โมน เพื่อควบคุมการเผาผลาญพลังงาน ความสมดุลของการกิน การใช้พลังงานและ ระดับไทรอยด์ฮอร์โมนในคนปกติจะแตกต่างจากผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ (มี 2 แบบนะคะ คือทำงานมากไปกับน้อยไป ถ้ามากไปจะกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มมากเกินไป จะผอม ใจสั่น เหนื่อยง่าย ถ้าน้อยไปจะอ้วนง่าย เฉื่อยชา หนาวง่าย เพราะเมตาบอลิซึ่มน้อยเกินไป)

⭐️การลดน้ำหนักโดยการลดปริมาณอาหารที่ ทาน หรือเปลี่ยนชนิดอาหาร เพื่อควบคุมแคลลอรี่ที่ได้รับให้แต่ละวัน เป็นวิธีที่นิยมและน่าจะไม่เป็นอันตราย อย่างสูตร สามวันเจ็ดวันที่เห็นๆกันอยู่ มันก็เป็นวิธีที่ดีและถูกต้อง เช่น ปกติเราใช้พลังงานวันละ 800 – 1,200 kcal ถ้าเราทานอาหารวันละ 400 kcal เราก็จะสามารถดึงเราของเก่าที่สะสมใน ร่างกายเราออกมาใช้ได้วันละ 400 – 600 kcal

แต่.. เมื่อเราลดปริมาณอาหารลงอย่างรวดเร็วอย่างนี้ติดต่อกันสัก 3 วัน ร่างกาย จะรับรู้ไปว่า ชั้น…กำลังจะอดตาย ช่วยด้วย…. จะลดการเผาผลาญ พลังงานลง จากวันละ 800-1200 kcal เป็น 400-600 kcal เพื่อกักเก็บไอ้ ที่เราสะสมไว้ให้มากที่สุด แหม…ก็กำลังจะอดตายนี่นา แล้วน้ำหนักก็จะลดลงในระยะแรกเร็วมาก แต่พอซักระยะ มันก็ไม่ลงซักขีด ก็จะท้อพอดีกว่า กลับมากินอย่างเดิม อาหารแบบเดิม ยัดเข้าไปวันละ 1,200 kcal

แต่… ร่างกายที่กำลังจะอดตายของเรากลับยังเผาผลาญวันละ 400 kcal เท่านั้นเอง หมายความว่าเราเหลือวันละ 800 kcal ที่เปลี่ยนเป็นไขมันไปกักเก็บตามส่วนต่างๆ เหมือนเดิม จากที่ลดไป 9 กิโล ก็สามารถกลับมาเพิ่มอีก 15 กิโลได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้น วิธีการลดน้ำหนักที่ได้ผลในระยะยาวคือการควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับออกกำลังกายค่ะ เพื่อคงระดับการเมตาบอลิซึ่มให้พอดี กับอาหารที่ทาน และกิจกรรมที่ทำ

อย่าง สูตรต่าง ๆ 3 วันบ้าง 7 วันบ้าง 15 วันบ้าง เนี่ย…. ไม่ใช่ไม่ดีนะ คะ ทำได้ค่ะ แถมลดเร็วด้วยเป็นกำลังใจให้คนลดความอ้วน อย่างมากเลยค่ะ แต่หลังจากสูตรนั้นแล้วก็ขอให้ยังคงควบคุมปริมาณ อาหารอย่างต่อเนื่องค่ะ เพื่อให้ร่างกายชินกับปริมาณอาหารที่ได้รับ จนไม่เกิดอาการคิดว่าจะอด ตายแล้ว จึงค่อย ๆ ปรับมากินเท่าคนปกติค่ะ

แต่จะให้ดีนี่ต้องเปลี่ยน อุปนิสัยในการกินเลยค่ะ เพราะถ้าลดได้ 10 กิโล แต่ยังกลับมาทานขาหมู พิซซ่าขอบชีส จังก์ฟู๊ดต่างๆ มันก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ อีกอย่างที่ห้าม ลืม…คือ ระดับการเมตาบอลิซึ่มเนี่ย ยิ่งอายุมากก็จะยิ่งน้อยลงนะ สรุปว่ายิ่งเรามีอายุเพิ่มขึ้น เราก็ยิ่งต้องหาทางเพิ่มกระบวนการนี้เพื่อให้เกิดความสมดุลในร่างกายนะคะ



: red-kimono.com
:lovefitt.com
36in 1

ที่อยู่

Nonthaburi
11000

เบอร์โทรศัพท์

+66659397933

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Boom Cocoa Plus 36 in 1 โกโก้พลัส ลดหุ่น ช่วยชะลอวัย V171247ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram