06/08/2025
ยาสามัญประจำบ้านควรมีไว้ติดบ้านเพื่อ
1. บรรเทาหรือรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยด้วยตนเอง
2. เมื่อมีเหตุทำให้บาดเจ็บฉุกเฉินจะมีชุดยาไว้พร้อมปฐม พยาบาลได้ทันท่วงที
💦😷ไอเท็มที่ควรมี ในตู้ยาสามัญประจำบ้าน เมื่อลูกน้อยป่วย 💊🌡
💊 จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ 💊
💉1. เกลือแร่สำหรับเด็ก
หรือที่เรียกว่า ผงน้ำตาลเกลือแร่ (Electrolyte Powder Packet) เป็นสารที่ช่วยทดแทนการสูญเสียเกลือแร่ ช่วยเพิ่มพลังงาน เกลือแร่ และน้ำในร่างกาย จากอาการท้องเสสียและอาเจียน สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ให้ผสมเกลือแร่ดื่ม 2-3 แก้ว / และอายุ 2-5 ปี ให้ผสมเกลือแร่ดื่ม 3-4 แก้ว ถ้าอายุมากกว่า 5 ปี ให้ดื่มเรื่อยๆ จนกว่าจะอาการดีขึ้นนั้นเอง
หากนำมาละลายน้ำแล้ว ไม่ควรเก็บไว้เกิน 24 ชั่วโมง และห้ามละลายในน้ำร้อนโดยเด็ดขาด หากครบ 4 ชั่วโมงหลังดื่มเกลือแร่แล้ว
จึงให้เริ่มรับประทานอาหารอ่อนๆ ได้ เว้นแต่เด็กที่มีอาการอาเจียนร่วมด้วย ควรรอให้เด็กอาการดีขึ้นก่อนถึงจะรับประทานอาหารอ่อนได้นั้นเอง แต่ถ้าหากพบความผิดปกติในระหว่างการใช้ผงเกลือแร่ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อความปลอดภัยค่ะ
💉2. ยาทาผื่นผ้าอ้อม
หากลูกน้อยรู้สึกระคายเคือง ไม่สบายตัว จนเป็นผื่นแดงเป็นปื้นๆ บริเวณที่ใส่ผ้าอ้อม นอกจากคุณพ่อคุณแม่จะต้องทำความสะอาดบริเวณที่เกิดผื่นให้สะอาดแล้ว ควรทายาที่เป็นครีมหรือขี้ผึ้งสำหรับผื่นผ้าอ้อมบางๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้บริเวณนั้นเกิดการเสียดสีเพิ่มมากขึ้น
ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของเบกกิ้งโซดา หรือที่รู้จักกันก็คือผงฟู กรดบอริก การบูร ฟีนนอล เบนโซเคน ไดเฟนไฮดรามีน หรือซาลิซัยเลท เพราะจะเป็นอันตรายต่อผิวลูกน้อยได้นั้นเองค่ะ
ทางที่ดีก่อนการใช้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ในการเลือกประเภทยาให้เหมาะสมกับลูกน้อยและควรคำนึงถึงยาที่ออกแบบมาเฉพาะเด็กนั้นเองค่ะ
💉3. มหาหิงค์
ยามหาหิงค์เป็นยาน้ำสมุนไพรสีดำๆ ที่อยู่กับคนไทยมานาน เป็นยาที่มีกลิ่นออกฉุนๆ ใช้เป็นยาขับลม แก้อาการเกร็ง แก้ท้องเฟ้อ เสียดท้อง เป็นยาทาภายนอกเท่านั้น . โดยวิธีการใช้ก็คือ นำสำลีมาชุบ และทาที่บริเวณหน้าท้อง ฝ่าเท้าของเด็ก ที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ต้องอ่านฉลาก อ่านข้อมูลทุกครั้งก่อนใช้ยา ห้ามนำมาทานหรือผสมน้ำเด็ดขาด ควรเก็บไว้ไกลมือเด็กๆ และควรทาในที่ที่มีอากาศถ่ายเทที่ดีด้วยนั้นเอง
💉4. ขี้ผึ้งสำหรับทาเวลาแมลงกัดต่อย
ขี้ผึ้งสมุนไพรใช้ทาผิว เป็นยาที่ลดการอักเสบติดเชื้อ รวมทั้งแผลจากคมมีด ฟกช้ำ หรือแม้แต่บรรเทาอาการหวัด แก้ปวด และแมลงกัดต่อยได้ เจ้าขี้ผึ้งนี้ใช้เป็นยาภายนอกเท่านั้น ใช้ทาบริเวณที่เกิดการอักเสบหรือแมลงกัดต่อย ที่สำคัญห้ามวางไว้ใกล้เด็กเล็กหรือเผลอเปิดฝาทิ้งไว้ ไม่อย่างนั้นเด็กจะนำขี้ผึ้งเข้าปากไปได้ค่ะ
สำหรับยานี้สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาหรือตามตลาดทั่วไป โดยเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้เสมอ อย่าลืมล้างมือทุกครั้งหลังใช้และห้ามใช้หรือเก็บยาที่หมดอายุไปแล้ว ควรตรวจสอบยาทุกครั้งก่อนใช้นั้นเองค่ะ
💉5. คาลาไมล์โลชั่น
ยาคาลาไมล์โลชั่น เป็นยาน้ำแขวนตะกอน แป้งน้ำจะเป็นสีชมพู ที่ใช้บรรเทาอาการคันตามผิวหนัง เช่น ผดผื่นคัน ลมพิษ ผื่นแพ้ เริม งูสวัส เป็นต้น ยานี้เป็นยาที่ปลอดภัยคุณแม่ๆ ที่ตั้งครรภ์ก็สามารถใช้ยานี้ได้ค่ะ
ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ซึ่งตัวยาสำคัญของยานี้ก็คือ ซิงค์ออกไซด์ มีฤทธิ์ฝาด ช่วยบรรเทาการระคายเคืองของผิวหนัง ลมพิษ ผื่นคัน ลดอาการอักเสบได้ระดับหนึ่ง ยานี้ห้ามทาบริเวณริมฝีปาก ภายในช่องปาก รอบตา หรือทาลูกตา
ใช้ทาบริเวณที่มีอาการคันในขนาดที่พอเหมาะ วันละ 3-4 ครั้ง (หลังอาบน้ำ เช้าเย็น)
การเก็บรักษานั้นควรปิดให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็กๆ ต้องเก็บที่อุณหภูมิห้องและให้พ้นแสงแดดหรือที่ที่ร้อนกว่า 30 องศาเซลเซียส นั้นเอง หากมีอาการแพ้ควรรีบล้างยาออกด้วยน้ำสะอาดและไปพบแพทย์โดยทันที
💉6. ยาน้ำแก้ปวดลดไข้
ปัจจุบันยาน้ำแก้ปวดลดไข้ต่างๆ มีรสต่างๆ ให้เด็กๆ ได้รับประทานได้อย่างง่ายขึ้น ใช้บรรเทาอาการปวดลดไข้ และปราศจากแอสไพรินและแอลกอฮอล์ รับประทานทุก 4-6 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ
🌡- เด็กอายุ 1-2 ปี รับประทานขนาด 1.2 – 1.8 มล.
🌡- เด็กอายุ 6-12 เดือน รับประทานขนาด 0.6 – 1.2 มล.
🌡- เด็กอายุ 0-6 เดือน รับประทานขนาด 0.3 – 0.6 มล.
ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 4 ครั้ง หรือไม่ควรรับประทานยาตัวนี้ร่วมกับยาอื่นที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบและไม่ควรรับประทานยาเกิดขนาดที่แนะนำไว้นั้นเองค่ะ ที่สำคัญ ยาลืมอ่านฉลากก่อนใช้ยาทุกครั้งด้วยนะคะ คุณแม่ๆ
💉7. ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก
อาการเป็นหวัดของเด็กๆ ทำลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็จะหายาลดน้ำมูกมาให้เด็กๆ ได้รับประทานกัน ซึ่งยากแก้แพ้ มีทั้งชนิดน้ำเชื่อม และชนิดเม็ด ซึ่งยาแก้แพ้ชนิดน้ำเชื่อม เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 4 ปี ลงไป แต่ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 สับดาห์เพราะจทำให้เด็กๆ มีเสมหะที่เหนียวขับออกยากนนั้นเอง
🌡- ส่วนยาชนิดเม็ด จะเป็นยาที่คุ้นเคยกันดี เป็นยาที่เมื่อเรามีอาการป่วยเป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม หรือแพ้อาหารบางอย่างมาก็มักจะกินเพื่อบรรเทา
🌡- ยาที่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ ก็คงจะเป็นยาชนิดน้ำเชื่อ ซึ่งเด็ก 4-7 ปี ทานครั้งละ ครึ่งถึงหนึ่งช้อนชา เด็กอายุ 1-4 ปี กินครั้งละ ครึ่งช้อนชา โดยไม่มากกว่า วันละ 3-4 ครั้งต่อวัน และเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี กินครั้งละ ครึ่งช้อนชา และต้องไม่มากกว่าวันละ 2 ครั้งต่อวัน
💉8. ยาแก้ไอเจ็บคอเด็ก
ยาแก้ไอมักพบในท้องตลาดจะมีทั้งแบบน้ำ แบบเม็ด ยาแผนปัจจุบัน ยาสามัญประจำบ้านต่างๆ และยาที่เป็นอันตรายที่คุณพ่อคุณแม่ไม่รู้ ซึ่งการดูแลเบื้องต้นเมื่อเด็กๆ ไอคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องใช้ยาให้ถูกลักษณะการไอของเด็กๆ ด้วย
ถ้าใช้ผิดอาจจะทำให้อาการกำเริบมากกว่าเดิมก็ได้ และเป็นอันตรายกับเด็กๆ ได้เหมือนกันค่ะ เพราะฉะนั้นควรทานยาตามคำสั่งจากคุณหมอเท่านั้น แต่หากมีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องทานเอง แนะนำว่าควรมีใบสั่งยาจากแพทย์ หรือไม่ควรเลือกร้านขายยาที่มีเภสัชกรแนะนำการใช้ยาเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยกับเด็กๆ นั้นเอง
การรับประทานยานั้น
🌡- เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ให้ใช้ตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
🌡- เด็กอายุ 2-5 ปี ควรรับประทานครั่งละ ค่อน (¼) -1 ช้อนชา วันละ 3-4 ครั้งเมื่อมีอาการไอ
🌡- เด็กที่มีอายุ 6-12 ปี ควรรับประทานครั่งละ ค่อน (½)-1 ช้อนชา ทุก 4 ชั่วโมง
💉9. ยาทาแผลสด
เด็กๆ กำลังซนก็ต้องคู่กับบาดแผลเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหายาและอุปกรณ์ทำแผลติดตู้ยาไว้ก็ดีนะคะ หากมีกรณีฉุกเฉินเกิดเลือดออกแบบแผลไม่ลึกมากขึ้นมา ก็สามารถนำน้ำเกลือล้างแผลได้ และใช้ยาพวกโพวิโดน-ไอโอดีน หรือพวกยาครีมขี้ผึ้งที่ผสมยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย มาทาให้กับเด็กๆ ได้ค่ะ
💉10. อุปกรณ์ทำแผลเบื้องต้น
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่เว้นแต่ในบ้านของเรา เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมพร้อมสิ่งที่จะเกิดขึ้นทุกเมื่อกับคนในครอบครัวโดยเฉพาะลูกๆ
และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คืออุปกรณ์ทำแผลเบื้องต้นนั้นเอง สิ่งที่จำเป็น เช่น ยาล้างแผล ช่วยให้แผลไม่ติดเชื้อ ไม่เป็นบาดทะยัก , สำลี เช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่างๆ , พลาสเตอร์ปิดแผล เอาไว้ปิดไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่แผลของเด็กๆ หลังทำความสะอาดแผลเรียบร้อยแล้ว , ผ้าพันแผลแบบยืด เมื่อเกิดอาการบวม เคล็ด หรือข้อพลิกต่างๆ ผ้าพันแผลแบบยืดนี้จะช่วยรัดไม่ให้ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งขยับได้ ลดอาการบวม อีกทั้งยังช่วยห้ามเลือดได้ด้วย
💉11. ยาทาปาก
ใช้ยาพวกกลีนเซอรีน บอแรกซ์ ที่เป็นนำ้ใสข้น ไม่มีสี หรือจะใช้ เจนเชี่ยนไวโอเล็ต ทาแก้ปวดเปื่อย เป็นแผล ลิ้นแตก เป็นฝ้าขาวได้ แต่ทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ควรให้เด็กๆ ได้ดื่มน้ำเป็นประจำ หรือทานผักผลไม้พวก กล้วยน้ำว้า แก้วมังกร แคนตาลูป แตงโม มะพร้าว เป็นต้น
เพื่อช่วยให้ลูกลดอาการร้อนใน และทำให้แผลหายได้เร็วยิ่งขึ้นนั้นเองค่ะ
💉12. ปรอทวัดไข้
ปรอทวัดไข้เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ควรมีประจำบ้านสักอัน สามารถใช้ได้หลายวิธี ทั้งอมใต้ลิ้น หนีบรักแร้ หรือสอดทางทวารหนัก แต่สำหรับเด็กเล็กหรือทารกคุณพ่อคุณแมไม่ควรให้เขาอมหรือหนีบปรอท
ควรสอดทางทวารหนัก (กรณีปรอทธรรมดา) ส่วนเด็กที่โตมาหน่อย แต่ยังไม่เกิน 5 ขวบ อาจจะงอแงไม่ยอมอม อาจจะต้องให้หนีบใต้รักแร้ ประมาณ 5 นาที ส่วนเด็กที่โตแล้วควรอมไว้ใต้ลิ้นลึกประมาณ 3-4 เซนติเมตร และที่สำคัญก่อนใช้ควรสะบัดปรอทเบาๆ เพื่อให้ปรอทไหลกลับลงกระเปาะให้หมดก่อนนั้นเอง แล้วจึงใช้งานได้ค่ะ
💉13. เจลลดไข้
ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับคุณแม่ๆ ที่มีลูกเล้กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 10 ขวบ ใช้เมื่อลูกน้อยมีไข้สูงตลอดเวลา คุณพ่อคุณแม่ก็ใช้แปะตรงหน้าผากให้ลูก โดยไม่ต้องเช็ดตัวตลอดเวลา
คุณสมบัติก็คือ ดูดซับเอาความร้อนมาไว้ที่เจล ทำให้อุณหภูมิที่หัวของลูกลดลง ซึ่งสะดวกสบายอย่างมาก ควรมีติดบ้านไว้เลยนะคะ
💉14. วิคส์ หรือน้ำมันยูคาลิปตัส
เมื่อไหร่ที่เด็กๆ เป็นหวัดคัดจมูก คุณพ่อคุณแม่ใช้น้ำมันยูคาลิปตัสหรือวิคส์ทาอก ฝ่าเท้า ทาหลัง หรืออาจจะป้ายไว้ที่เสื้อผ้าของเด็กๆ แต่ไม่ควรทาไปที่จมูกของลูกโดยตรง เพราะจะทำให้ลูกน้อยแสบจมูก อีกทั้งเมื่อเด็กๆ เอามือไปโดนจมูกเข้า ก็จะทำให้เด็กๆ เอามือไปป้ายหน้าป้ายตา ทำให้แสบตาไปด้วย หรือถ้าเป็นน้ำมันยูคาลิปตัส คุณแม่ๆ อาจจะหยดบนผ้าหรือหมอน ทำให้เด็กๆ จมูกโล่งเวลาเป็นหวัดคัดมูกนั้นเองค่ะ
💉15. น้ำเกลือล้างจมูก
ถ้าเมื่อไหร่ที่เด็กๆ เป็นหวัดแล้วหายใจไม่สะดวก คนเป็นพ่อเป็นแม่เห็นลูกแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ซึ่งวิธีหนึ่งที่ง่ายๆ นั้นก็คือการล้างจมูกนั้นเอง เพราะการล้างจมูกจะทำให้ล้างน้ำมูกทำให้เด็กๆ หายใจได้คล่องขึ้น แถมยังช่วยกำจัดของเสียและเชื้อโรคในจมูกอีกด้วยค่ะ ซึ่งก็หาซื้อได้ง่ายๆ ตามร้านขายยา ซึ่งเดี๋ยวมีมีสูตรสำหรับเด็กเล็กและเด็กโตให้คุณแม่ๆ ได้เลือกใช้กับลูกกัน
💉16. ยาแก้ท้องผูก
ท้องผูกเป็นปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระที่มีลักษณะที่ค่อนข้างแข็งมากกว่าปกติ ซึ่งการท้องผูกก็เป็นปัญหาทำให้เด็กๆ มีอาการเจ็บปวดตามมา หรือบางครั้งก็มีเลือดไหลปนมากับอุจจาระด้วยนั้นเอง
เมื่อไหร่ที่เด็กๆ มีอาการคุณพ่อคุณแม่ควรหายาแก้ท้องผูกโดยควรปรึกษาแพทย์ถึงการเลือกใช้ยาจึงจะปลอดภัยที่สุด แต่ทั้งนี้ลองให้ลูกดื่มน้ำเปล่าและผักผลไม้ที่มีกากและเส้นใยมากขึ้น ก็ช่วยลดอาการท้องผูกให้กับเด็กๆ ได้ดีอีกด้วยค่ะ
💊💊ยาทั้งหมดนี้ หากมีติดไว้ที่บ้านก็จะเป็นผลดีกับลูก และเมื่อไหร่ที่ลูกน้อยมีอาการแพ้ยาตัวไหนขึ้นมา ควรหลีกเลี่ย อีกทั้งการเก็บรักษายาก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ วิธีการเก็บรักษายามีดังนี้ 💊💊
🌡- ก่อนการใช้ยาควรอ่านสลากยาให้ครบถ้วนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
🌡- ควรเก็บยาที่อุณหภูมิห้อง ไม่มีแสงแดดส่อง หรือทิ้งไว้ในรถ เพราะยาจะเสื่อมสภาพได้อย่างง่าย
🌡- ไม่ควรเก็บไว้ในที่ที่เด็กสามารถหยิบยาได้เอง
🌡- หากยาระบุว่าให้เก็บไว้ในตู้เย็น ห้ามแช่แข็งเด็ดขาด ควรเก็บในช่องปกติ เพราะถ้าแช่ในช่องแข็งจะทำให้ยานนั้นตกตะกอนได้
🌡- ยาน้ำสำหรับเด็กที่มีขวดเป็นสีชา นั้นหมายความว่า ยานั้นต้องไม่ให้โดนแสง ไม่ควรเปลี่ยนภาชนะเป็นแบบใสหรือสีขาว จะทำให้ยาเสื่อมได้นั้นเอง
🌡- ยาบางชนิดที่ต้องระวังเรื่องความชื้นนั้น ควรใส่สารกันชื้นที่มักเห็นเป็นซองเล็กๆ ไว้ในขวดยาตลอดเวลา และปิดภาชนะให้แน่น
🌡- ควรเก็บยาไว้ในภาชนะที่บรรจุเดิมเพราะจะมีการระบุชื่อยาและวันที่ได้รับยา จะทำให้ทราบถึงระยะเวลาในการเก็บยาและทิ้งยาเมื่อหมดอายุนั้นเอง
🌟อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.parentsone.com/items-medicine-for-child/