ซ่อมสร้างสไตล์คนนอกกะลา

ซ่อมสร้างสไตล์คนนอกกะลา #สุขภาพทางเลือก #สุขภาพดีได้ไม่ใช้ยา #อาหารเป็นยา #โภชนาการบำบัด

🤔 สาเหตุที่ทำให้ตาแห้งและอักเสบตาแห้ง (Dry Eye) และการอักเสบของดวงตา (Ocular Inflammation) มักมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้...
12/12/2025

🤔 สาเหตุที่ทำให้ตาแห้งและอักเสบ

ตาแห้ง (Dry Eye) และการอักเสบของดวงตา (Ocular Inflammation) มักมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด และมีสาเหตุที่เป็นไปได้หลายอย่าง ดังนี้ค่ะ:

💧 สาเหตุหลักของตาแห้ง

ตาแห้งเกิดขึ้นเมื่อดวงตาไม่สามารถสร้างน้ำตาได้เพียงพอ หรือน้ำตามีคุณภาพไม่ดีพอที่จะเคลือบและหล่อเลี้ยงผิวดวงตาได้อย่างเหมาะสม

1. การผลิตน้ำตาลดลง (Reduced Tear Production):

อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตน้ำตาจะลดลงตามธรรมชาติ

โรคทางระบบ: เช่น โรคโชเกรน (Sjögren's Syndrome), โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)

ยาบางชนิด: เช่น ยาแก้แพ้ (Antihistamines), ยาแก้คัดจมูก, ยาต้านเศร้า, ยาลดความดันโลหิต

การผ่าตัดตา: โดยเฉพาะการผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์ (LASIK)

2. น้ำตาระเหยเร็ว (Increased Tear Evaporation):

สภาพแวดล้อม: ลม, อากาศแห้ง, ความชื้นต่ำ, ควันบุหรี่, เครื่องปรับอากาศ, พัดลม

การจ้องจอ: การใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เป็นเวลานาน ทำให้กระพริบตาน้อยลง

ปัญหาหนังตา: เช่น หนังตาม้วนออก (Ectropion) หรือม้วนเข้า (Entropion) ทำให้ปิดตาไม่สนิท

ภาวะต่อมไขมันที่ขอบตาผิดปกติ (Meibomian Gland Dysfunction - MGD): ต่อมเหล่านี้สร้างน้ำมันเพื่อป้องกันน้ำตาระเหย เมื่อต่อมผิดปกติ น้ำตาจึงระเหยเร็วขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดตาแห้งและอักเสบ

💥 สาเหตุของการอักเสบและการเชื่อมโยงกับตาแห้ง

เมื่อตาแห้งเกิดขึ้น จะทำให้เซลล์ที่ผิวดวงตา (กระจกตาและเยื่อบุตาขาว) ถูกทำลาย และกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบ ซึ่งทำให้เกิดวงจรของความเสียหาย: ตาแห้ง → อักเสบ → ตาแห้งมากขึ้น

1. ภาวะตาแห้งเรื้อรัง (Chronic Dry Eye):

เมื่อดวงตาแห้ง ผิวตาจะขาดความชุ่มชื้นและเกิดการเสียดสี ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายส่งสัญญาณการอักเสบออกมาเพื่อพยายามรักษา

การอักเสบนี้จะทำลายเซลล์ที่สร้างน้ำตาและต่อมไขมัน ทำให้สถานการณ์ตาแห้งแย่ลงไปอีก

2. เปลือกตาอักเสบ (Blepharitis):

เป็นการอักเสบเรื้อรังของขอบเปลือกตา มักเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียหรือการทำงานผิดปกติของต่อมไขมัน (MGD)

เมื่อเปลือกตาอักเสบ จะส่งผลต่อคุณภาพของน้ำตาโดยตรง ทำให้เกิดตาแห้งและอาการอักเสบที่ผิวดวงตาตามมา

3. ภูมิแพ้ที่ดวงตา (Ocular Allergies):

การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ ทำให้เกิดการอักเสบและอาการคัน แดง ระคายเคือง แม้ว่าอาการหลักไม่ใช่ตาแห้งโดยตรง แต่อาการภูมิแพ้ก็สามารถกระตุ้นหรือทำให้อาการตาแห้งแย่ลงได้

🚩 อาการที่ควรรู้

อาการที่บ่งบอกว่าคุณอาจมีภาวะตาแห้งและ/หรืออักเสบ ได้แก่:

รู้สึกเหมือนมีทรายหรือสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา

แสบตา คันตา

ตาแดง

น้ำตาไหลมากผิดปกติ (เป็นกลไกของร่างกายที่ตอบสนองต่อการระคายเคือง)

มองเห็นไม่ชัดเป็นบางครั้ง (มัวลงแล้วชัดขึ้นเมื่อกระพริบตา)

แพ้แสง

🥗 อาหารบำรุงดวงตาที่สำคัญ

การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา ชะลอความเสื่อม และลดความเสี่ยงของโรคตาต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจก

นี่คือกลุ่มสารอาหารหลักและแหล่งอาหารที่คุณควรเพิ่มในมื้ออาหารค่ะ:

1. ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin)

สารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มนี้ทำหน้าที่เหมือน "แว่นกันแดดภายใน" ช่วยกรองแสงสีฟ้าและแสง UV ที่เป็นอันตรายต่อจอประสาทตา และเป็นส่วนประกอบสำคัญในจุดรับภาพของดวงตา

แหล่งอาหาร:

ผักใบเขียวเข้ม: คะน้า, ผักโขม (ปวยเล้ง), ตำลึง, บรอกโคลี

ผลไม้และผักสีสันสดใส: ไข่แดง, ข้าวโพด, ฟักทอง, มะม่วงสุก, พริกหยวก

2. วิตามิน A (Vitamin A) และ เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene)

วิตามิน A มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของจอประสาทตา และช่วยในการมองเห็นในที่มืด รวมถึงช่วยป้องกันอาการตาแห้ง

แหล่งอาหาร:

ผักและผลไม้สีส้ม/เหลือง/เขียวเข้ม: แครอท, ฟักทอง, มันเทศ, ผักบุ้ง, ตำลึง

ผลิตภัณฑ์จากสัตว์: ตับ, ไข่แดง, นม, น้ำมันตับปลา

3. กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acids)

โดยเฉพาะ DHA และ EPA ซึ่งเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม รวมถึงช่วยลดการอักเสบในร่างกายและดวงตา ซึ่งดีต่อผู้มีภาวะตาแห้ง

แหล่งอาหาร:

ปลาทะเลน้ำลึก: ปลาแซลมอน, ปลาแมคเคอเรล, ปลาซาร์ดีน, ปลาทูน่า

พืช: เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed), เมล็ดเจีย (Chia Seed), วอลนัท

4. วิตามิน C และ E (Vitamin C & E)

เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ดวงตาจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจก

แหล่งอาหาร (วิตามิน C):

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี (บลูเบอร์รี, สตรอว์เบอร์รี), ฝรั่ง, กีวี, ส้ม, พริกหวาน, คะน้า

แหล่งอาหาร (วิตามิน E):

ถั่วเปลือกแข็ง (อัลมอนด์, เฮเซลนัท), เมล็ดทานตะวัน, น้ำมันพืช (เช่น น้ำมันจมูกข้าวสาลี)

5. สังกะสี (Zinc)

เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยนำวิตามิน A จากตับมาสู่จอประสาทตา และเป็นส่วนหนึ่งของเอนไซม์ที่ปกป้องดวงตา

แหล่งอาหาร:

เนื้อสัตว์ (โดยเฉพาะเนื้อวัว), หอยนางรม, ถั่ว, ไข่, ธัญพืชไม่ขัดสี

👩‍⚕️ คำแนะนำ

หากคุณมีอาการตาแห้งและอักเสบต่อเนื่อง หรืออาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบ จักษุแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัด การรักษาตาแห้งอย่างถูกต้องมักจะต้องรวมถึงการรักษาภาวะอักเสบที่เกิดขึ้นพร้อมกัน

ปรึกษาฟรี Line@somsrang

😴 สาเหตุของอาการตื่นนอนแล้วเพลีย ไม่สดชื่น และมึนงงอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อย และสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่เกี่ยวข้...
10/12/2025

😴 สาเหตุของอาการตื่นนอนแล้วเพลีย ไม่สดชื่น และมึนงง

อาการที่เกิดขึ้นได้บ่อย และสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับโดยตรงและสาเหตุอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไปค่ะ

นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยและเป็นไปได้:

1. ปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับโดยตรง

คุณภาพการนอนไม่ดี (Poor Sleep Quality):

นอนหลับไม่ลึก/ตื้น (Light Sleep): ทำให้ร่างกายและสมองไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่

จำนวนชั่วโมงไม่เพียงพอ (Insufficient Sleep): นอนน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ (โดยเฉลี่ยผู้ใหญ่ควรนอน 7-9 ชั่วโมง)

ตารางการนอนไม่สม่ำเสมอ (Irregular Sleep Schedule): เช่น นอนดึกตื่นสายในวันหยุด หรือทำงานเป็นกะ (Shift Work) ทำให้วงจรการนอนหลับ-ตื่น (Circadian Rhythm) เสียสมดุล

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea): เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการเพลียตอนตื่น

อาการ: หยุดหายใจเป็นช่วงๆ ขณะนอน ทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง และทำให้สมองต้องตื่นขึ้นมาหายใจซ้ำๆ ตลอดคืน (แม้จะไม่รู้ตัว) ส่งผลให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง

ผล: ตื่นมาจึงรู้สึกไม่สดชื่นและมึนงง

การเคลื่อนไหวของขาที่ผิดปกติขณะนอนหลับ (Restless Legs Syndrome - RLS หรือ Periodic Limb Movement Disorder - PLMD): ทำให้การนอนถูกรบกวนบ่อยๆ

สภาพแวดล้อมการนอนไม่เหมาะสม: ห้องสว่างไป, มีเสียงดัง, หรืออุณหภูมิไม่สบาย

2. ปัญหาสุขภาพและโรคประจำตัว

ภาวะขาดน้ำ (Dehydration): การขาดน้ำเล็กน้อยก็สามารถทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและมึนงงได้

ความเครียดและวิตกกังวล (Stress and Anxiety): ความเครียดสะสมสามารถรบกวนการนอนหลับ และทำให้จิตใจวุ่นวายจนนอนไม่หลับลึก

ภาวะซึมเศร้า (Depression): หนึ่งในอาการหลักของโรคซึมเศร้าคือความเหนื่อยล้าอย่างต่อเนื่องและการนอนหลับผิดปกติ

ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ (Thyroid Issues): เช่น ภาวะพร่องไทรอยด์ (Hypothyroidism) ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลา

ภาวะโลหิตจาง (Anemia): การขาดเม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบินทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยและมึน

โรคเบาหวาน (Diabetes): ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงหรือต่ำเกินไปสามารถทำให้รู้สึกอ่อนเพลียได้

ผลข้างเคียงจากยา (Medication Side Effects): ยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ หรือยาแก้ปวดบางตัว อาจทำให้รู้สึกง่วงหรือมึนงงตอนตื่น

3. พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

ดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนก่อนนอน: แม้แอลกอฮอล์จะทำให้รู้สึกง่วง แต่กลับทำให้คุณภาพการนอนหลับแย่ลง โดยเฉพาะในครึ่งหลังของคืน ส่วนคาเฟอีนอาจทำให้หลับยากและตื่นง่าย

การใช้หน้าจอ (โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต) ก่อนนอน: แสงสีฟ้า (Blue Light) จากหน้าจอไปรบกวนการผลิตเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการนอนหลับ

💡 สิ่งที่คุณควรลองทำ

เพื่อปรับปรุงอาการเหล่านี้ ลองเริ่มต้นจากจุดที่สามารถควบคุมได้ง่ายก่อน:

ปรับสุขอนามัยการนอนหลับ (Sleep Hygiene): เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน, จัดห้องนอนให้มืด เงียบ และเย็นสบาย

หลีกเลี่ยง: คาเฟอีนและแอลกอฮอล์อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน และหยุดเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน 1 ชั่วโมง

ดื่มน้ำให้เพียงพอ: โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน

หากคุณปรับพฤติกรรมแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือสงสัยว่ามีอาการหยุดหายใจขณะหลับ (เช่น มีคนสังเกตว่าคุณกรนเสียงดัง หรือมีอาการหายใจสะดุด) ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง

โลหิตทุจริตโทษ 5 ประการ  หมายถึงความผิดปกติของโลหิตประจำเดือน ได้แก่ 1. โลหิตระดูร้าง (ประจำเดือนไม่มา) 2. โลหิตคลอดบุตร...
09/12/2025

โลหิตทุจริตโทษ 5 ประการ หมายถึงความผิดปกติของโลหิตประจำเดือน ได้แก่

1. โลหิตระดูร้าง (ประจำเดือนไม่มา)
2. โลหิตคลอดบุตร (พิษจากโลหิตที่คงเหลือหลังคลอด)
3. โลหิตต้องพิฆาต (โลหิตพิการ)
4. โลหิตตกหมกซ้ำ (โลหิตค้างในช่องท้อง) และ 5. โลหิตเน่า (โลหิตเสียมีกลิ่นเหม็น) ซึ่งแต่ละประเภทมีอาการและวิธีรักษาแตกต่างกันไป

อาการทางร่างกาย: มีอาการปวดตามร่างกาย ปวดข้อ ปวดท้อง อ่อนเพลีย หรือมีไข้

อาการทางจิตใจ: อาจมีอาการหงุดหงิดง่าย โกรธง่าย ซึมเศร้า หรือเสียสติได้ หากเลือดผิดปกติและกระทบกับหัวใจ

 #ผิวติดสารสเตียรอยด์ ใช้นานจนเซลล์เสียหายนูน กว่าจะสลายให้เรียบใช้เวลาเป็นปี สลายแล้วต้องมาเคลียร์ผิวดำๆ ต่ออีก ไม่จำเป...
08/12/2025

#ผิวติดสารสเตียรอยด์ ใช้นานจนเซลล์เสียหายนูน กว่าจะสลายให้เรียบใช้เวลาเป็นปี สลายแล้วต้องมาเคลียร์ผิวดำๆ ต่ออีก ไม่จำเป็นอย่าใช้กันเลย #ดีระยะสั้นทุกข์ระยะยาว

 #ขี้ บอกทุกอย่างที่มีอยู่ในร่างกาย อย่าให้ขี้มีกลิ่นที่เรียกว่า  #เหม็นเน่า
07/12/2025

#ขี้ บอกทุกอย่างที่มีอยู่ในร่างกาย อย่าให้ขี้มีกลิ่นที่เรียกว่า #เหม็นเน่า

 #ขี้ บอกอะไรได้มากมาย สุขภาพดีขี้ต้องไม่เหม็นมาก
06/12/2025

#ขี้ บอกอะไรได้มากมาย สุขภาพดีขี้ต้องไม่เหม็นมาก

 #แพ้ลิป หรือจริงๆ ในลิปเขาใส่อะไรมา เริ่มอยู่ยากตรงที่แข่งกันทำสินค้าที่ลืมเรื่องสุขภาพระยะยาวผิวติดสารสเตียรอยด์https:...
06/12/2025

#แพ้ลิป หรือจริงๆ ในลิปเขาใส่อะไรมา เริ่มอยู่ยากตรงที่แข่งกันทำสินค้าที่ลืมเรื่องสุขภาพระยะยาว

ผิวติดสารสเตียรอยด์
https://www.facebook.com/share/1DNhaZRhkv/

 #หนังศีรษะมันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมร่วงได้ เนื่องจาก:การสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค: เมื่อหนังศีรษะมัน จะทำให้สิ่...
05/12/2025

#หนังศีรษะมันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมร่วงได้ เนื่องจาก:

การสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค: เมื่อหนังศีรษะมัน จะทำให้สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และเชื้อโรคสะสมได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบหรือการติดเชื้อที่รากผม ทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงมากขึ้น

การอุดตันของรูขุมขน: น้ำมันส่วนเกิน (ซีบัม) ที่ผลิตออกมามากเกินไป อาจไปอุดตันรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้การงอกใหม่ของเส้นผมเป็นไปได้ยาก หรือทำให้เส้นผมที่งอกใหม่ไม่แข็งแรง

💡 สาเหตุที่ทำให้หนังศีรษะมันและผมร่วง

การมีหนังศีรษะมันและผมร่วงอาจเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน:

กรรมพันธุ์: บางคนมีแนวโน้มที่จะมีหนังศีรษะมันตามธรรมชาติ

การผลิตฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงหรือความไม่สมดุลของฮอร์โมน อาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น

พฤติกรรมการดูแลผม:

สระผมบ่อยเกินไป อาจทำให้หนังศีรษะแห้ง และต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาทดแทนมากเกินไป

ใช้น้ำร้อนสระผม ความร้อนจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น

ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่มีสารเคมีเข้มข้น ทำให้เกิดการระคายเคือง

การจับหรือหวีผมบ่อยเกินไป เป็นการกระตุ้นหนังศีรษะ

อาหาร: การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือของทอดมากเกินไป

ความเครียด: ความเครียดส่งผลต่อฮอร์โมนและการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงหนังศีรษะ

✅ แนวทางการดูแลเบื้องต้น

สระผมอย่างเหมาะสม: อาจสระผมวันเว้นวัน แทนการสระทุกวัน เพื่อไม่ให้หนังศีรษะแห้งจนเกินไป และเลือกใช้แชมพูสูตรที่เหมาะกับผมมัน

หลีกเลี่ยงน้ำร้อน: ใช้น้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำเย็นในการสระผม

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: ลดอาหารมัน ของทอด และเพิ่มวิตามินและเกลือแร่ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ และถั่ว

จัดการความเครียด: หาเวลาพักผ่อนและผ่อนคลาย

สำหรับปัญหา หนังศีรษะมันควบคู่ไปกับผมร่วง แนะนำให้เลือกแชมพูที่เน้นการทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างอ่อนโยนเพื่อควบคุมความมัน โดยไม่ทำให้หนังศีรษะแห้งจนเกินไป และมีส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของรากผม

ปรึกษาฟรี Line@somsrang

 #ฝ้าจากครีมที่เน้นขาว ทำให้หน้าบางแดง พอหน้าแดงเวลาเจอแดด สิ่งระคายเคืองจะโดนทำลายได้เร็วกว่าการแก้ฝ้าของเราจึงไม่ใช่กา...
04/12/2025

#ฝ้าจากครีมที่เน้นขาว ทำให้หน้าบางแดง พอหน้าแดงเวลาเจอแดด สิ่งระคายเคืองจะโดนทำลายได้เร็วกว่า

การแก้ฝ้าของเราจึงไม่ใช่การลอกให้หน้าบาง แต่ใช้วิธีฟื้นฟูให้ผิวกลับมาแข็งแรง และดันฝ้าใต้ผิวออกมา แรกๆหลังหยุดครีมอื่น(ที่หน้าอาจดูดำคล้ำขึ้น จากครีมมีสาร) คอยได้ใจเย็น ก็จะได้สีผิวธรรมชาติที่คอกับหน้าขาวเท่ากันกลับมา พร้อมความยืดหยุ่นของผิว

ปรึกษาฟรี Line@somsrang

 #ขาลาย จากน้ำเหลืองเสียมาตั้งแต่เด็กๆ จะเลิกลายได้ไหม ? ก็ตอบว่าได้ แต่มีเงื่อนไข ต้องหยุดกินของแสลงน้ำเหลือง หมักดอง ด...
03/12/2025

#ขาลาย จากน้ำเหลืองเสียมาตั้งแต่เด็กๆ จะเลิกลายได้ไหม ? ก็ตอบว่าได้ แต่มีเงื่อนไข ต้องหยุดกินของแสลงน้ำเหลือง หมักดอง ดิบ คาว แปรรูป ทั้งหลาย และเรื่องลดรอยด่างดำงานถนัดของเรา

 #ปวดท้องประจำเดือน รับมืออย่างไร🤢 อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณลงในช่วงมีประจำเดือน เนื่องจากอาจกระตุ้นให้เกิดการอั...
02/12/2025

#ปวดท้องประจำเดือน รับมืออย่างไร

🤢 อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณลงในช่วงมีประจำเดือน เนื่องจากอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ท้องอืด หรือทำให้อาการปวดท้องประจำเดือนแย่ลง มีดังนี้ค่ะ

อาหารที่มีโซเดียม/เกลือสูง: เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป ขนมขบเคี้ยว อาหารเค็มจัด การรับประทานเกลือมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำ (ตัวบวม) และท้องอืดได้

อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง: เช่น ขนมหวาน ไอศกรีม น้ำอัดลม น้ำตาลจะทำให้น้ำตาลในเลือดแกว่ง และอาจทำให้อารมณ์แปรปรวนหรือทำให้อาการปวดแย่ลงได้

อาหารที่มีไขมันสูง/ไขมันอิ่มตัว/ไขมันทรานส์: เช่น อาหารทอด อาหารมันจัด ฟาสต์ฟู้ด เนื้อสัตว์ติดมัน ผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันสูง (เช่น เนย ชีส ไอศกรีม) ไขมันเหล่านี้อาจกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย

คาเฟอีน: ในชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มชูกำลัง คาเฟอีนอาจทำให้ร่างกายคั่งน้ำ ท้องอืด หรือทำให้ปวดศีรษะมากขึ้น

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ทำให้ร่างกายขาดน้ำและอาจนำไปสู่อาการปวดศีรษะและท้องอืด

อาหารรสจัด/เผ็ด: อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร ท้องเสีย หรือคลื่นไส้ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออาการโดยรวมในช่วงมีประจำเดือนได้

✅ อาหารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน

ในทางตรงกันข้าม การเลือกรับประทานอาหารเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการได้ค่ะ:

อาหารที่มีไขมันดี (โอเมก้า 3): เช่น ปลาทะเลน้ำลึก (แซลมอน, ทู), เมล็ดแฟลกซ์, ถั่วและธัญพืช ช่วยลดการอักเสบ

ผักและผลไม้: เช่น กล้วย (มีวิตามิน B6 และโพแทสเซียม), ตำลึง (มีแมกนีเซียม)

ขิง: มีฤทธิ์ช่วยลดอาการปวดเกร็งและการอักเสบ

น้ำอุ่น: ดีต่อร่างกาย

ปรึกษาฟรี Line@somsrang

ที่อยู่

ถนนบางศรีเมือง
Nonthaburi
11000

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00
เสาร์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+66863134308

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ซ่อมสร้างสไตล์คนนอกกะลาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ซ่อมสร้างสไตล์คนนอกกะลา:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

อาหารที่ใช้ซ่อมร่างกายตามแนวป๋า ดร.สันติ มานะดี( SANTI MANADEE)

Nature Red เมื่อร่างกายอ่อนเพลียแสดงถึงอนุมูลอิสระที่สะสมเกิน คุณควร“ล้างพิษ”ในลำไส้

เมื่อใดคุณควรล้างพิษในร่างกาย หากคุณมีอาการเหล่านี้เกิน 5 ข้อ

- ปวดเมื่อยตามข้อต่อ - เซื่องซึม - นอนหลับยาก - เป็นสิวมาก - ชอบกินเนื้อสัตว์ - ชอบกินขนมหวาน - กลิ่นตัวแรง - จุกเสียดแน่นเฟ้อบ่อยๆ - มีอาการปวดมึนศีรษะ - อ่อนเพลียเหนื่อยง่าย - กินผักผลไม้น้อย - ท้องผูกเป็นประจำ - ชอบกินของทอด,ของมัน - ชอบกินนม-เนย - ติดชา กาแฟ - ท้องเสียง่าย - ผิวแห้ง หยาบกร้าน หมองคล้ำ - เครียดบ่อย อารมณ์เสียง่าย - อ้วนหรือผอมเกินไป - ผายลมบ่อย - ติดน้ำอัดลม - เป็นไข้และเป็นหวัดบ่อย