ซ่อมสร้างสไตล์คนนอกกะลา

ซ่อมสร้างสไตล์คนนอกกะลา #สุขภาพทางเลือก #สุขภาพดีได้ไม่ใช้ยา #อาหารเป็นยา #โภชนาการบำบัด

การออกกำลังกายส่งผลดีต่ออวัยวะแทบทุกส่วนในร่างกาย ไม่ได้แค่ช่วยเรื่องรูปร่าง แต่ยังช่วยให้อวัยวะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภ...
30/09/2025

การออกกำลังกายส่งผลดีต่ออวัยวะแทบทุกส่วนในร่างกาย ไม่ได้แค่ช่วยเรื่องรูปร่าง แต่ยังช่วยให้อวัยวะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นด้วย ✨

✅ อวัยวะที่ได้ประโยชน์จากการออกกำลังกาย

หัวใจและหลอดเลือด

กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง

ลดความดันโลหิตและไขมันเลว (LDL)

เพิ่มการไหลเวียนเลือด

ปอด

เพิ่มประสิทธิภาพการหายใจ

แลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ดีขึ้น

สมอง

กระตุ้นการหลั่งสาร “เอ็นดอร์ฟิน” ช่วยให้ผ่อนคลาย

เพิ่มสมาธิ ความจำ และลดความเสี่ยงสมองเสื่อม

กล้ามเนื้อและกระดูก

กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดการบาดเจ็บ

กระดูกหนาแน่น ลดความเสี่ยงกระดูกพรุน

ระบบเผาผลาญและตับ

ควบคุมน้ำหนัก

ลดไขมันพอกตับ

ปรับสมดุลน้ำตาลและลดดื้ออินซูลิน

ระบบย่อยอาหาร

การบีบตัวของลำไส้ดีขึ้น

ลดอาการท้องผูก

ผิวหนัง

เลือดไหลเวียนดี ผิวสดใส

กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

ระบบภูมิคุ้มกัน

เพิ่มการไหลเวียนเม็ดเลือดขาว

ลดการอักเสบในร่างกาย

การ  #อยู่ไฟหลังคลอด เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สืบทอดกันมายาวนานในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งไทย ...
29/09/2025

การ #อยู่ไฟหลังคลอด เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สืบทอดกันมายาวนานในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งไทย จุดประสงค์หลักคือช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังจากผ่านการตั้งครรภ์และคลอด ซึ่งร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น มดลูก ห่วงเอ็น กล้ามเนื้อ เลือดลม และฮอร์โมน

เหตุผลที่นิยมให้อยู่ไฟหลังคลอด ได้แก่

ช่วยฟื้นฟูมดลูก
ความร้อนช่วยให้มดลูกหดตัวเร็วขึ้น ลดอาการมดลูกเข้าอู่ช้า

กระตุ้นการไหลเวียนเลือดและน้ำคาวปลา
เชื่อว่าความร้อนช่วยขับเลือดคั่ง ลดการตกค้างของน้ำคาวปลา ป้องกันการติดเชื้อ

บรรเทาปวดเมื่อยและคลายกล้ามเนื้อ
หลังคลอดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นมักเจ็บปวดจากการเบ่งคลอดหรืออุ้มลูก การอบหรือประคบร้อนช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย

ช่วยลดอาการหนาวสะท้าน
ตามคติความเชื่อ มารดาหลังคลอดอยู่ในภาวะ “ธาตุไฟพร่อง” ความร้อนจึงช่วยปรับสมดุล

เสริมสุขภาพจิต
การได้พักผ่อนอยู่ไฟ อบตัว หรือประคบร้อน ทำให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดหลังคลอด

🔹 ในมุมการแพทย์ปัจจุบัน

ยังไม่มีหลักฐานวิจัยที่ยืนยันแน่ชัดว่าการอยู่ไฟจำเป็นต่อสุขภาพหลังคลอด แต่ การใช้ความร้อนในระดับที่เหมาะสม (เช่น การประคบร้อน อบสมุนไพร) สามารถช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดอาการปวดเมื่อย และช่วยฟื้นตัวได้จริง

ข้อควรระวัง คือ ต้องไม่ร้อนเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวหนังไหม้ น้ำคาวปลาออกมากผิดปกติ หรือร่างกายขาดน้ำ

สรุป: อยู่ไฟเป็นวิถีฟื้นฟูร่างกายที่มีทั้งความเชื่อและประโยชน์ทางกายใจ หากทำอย่างถูกวิธีและไม่รุนแรงเกินไปก็มีข้อดี แต่ถ้าคุณแม่มีแผลผ่าคลอด ติดเชื้อ หรือสุขภาพไม่แข็งแรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนค่ะ

การแก้ภาวะ ดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) ทำได้โดยปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตร่วมกับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องครับ🥗 การป...
29/09/2025

การแก้ภาวะ ดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) ทำได้โดยปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตร่วมกับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องครับ

🥗 การปรับอาหาร

ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสี เช่น น้ำอัดลม ขนมปังขาว ข้าวขาว ขนมหวาน

เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ควินัว มันเทศ

เพิ่มโปรตีนคุณภาพดี เช่น ปลา ไก่ ไข่ ถั่ว

กินผักและผลไม้ที่มีกากใยสูง ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล

เลือกไขมันดี เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ถั่วเปลือกแข็ง ปลาแซลมอน

งดอาหารแปรรูปและทอดมันมากเกินไป

🏃‍♂️ การออกกำลังกาย

คาร์ดิโอ (Cardio) เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ จักรยาน อย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์

เวทเทรนนิ่ง (Resistance Training) ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ทำให้เซลล์ไวต่ออินซูลินมากขึ้น

ควรทำสลับกันทั้งคาร์ดิโอและเวท

🛌 การพักผ่อนและลดความเครียด

นอนให้พอ 7–9 ชั่วโมง/คืน

ฝึกผ่อนคลาย เช่น ทำสมาธิ หายใจลึก ๆ โยคะ

ลดความเครียดที่สะสม เพราะฮอร์โมนความเครียดทำให้อินซูลินทำงานแย่ลง

⚖️ ควบคุมน้ำหนัก

การลดน้ำหนักแม้เพียง 5–10% ของน้ำหนักตัว จะช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินได้อย่างชัดเจน

🚭🍺 เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง

งดสูบบุหรี่

ลดแอลกอฮอล์

👉 ถ้าปรับพฤติกรรมแล้วยังควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์

การจัดช่วงเวลากินอาหาร (Meal timing) มีผลโดยตรงต่อ ภาวะดื้ออินซูลิน⏱️ กินห่างกี่ชั่วโมงถึงช่วยลดดื้ออินซูลินโดยทั่วไป คว...
28/09/2025

การจัดช่วงเวลากินอาหาร (Meal timing) มีผลโดยตรงต่อ ภาวะดื้ออินซูลิน

⏱️ กินห่างกี่ชั่วโมงถึงช่วยลดดื้ออินซูลิน

โดยทั่วไป ควรกินห่างกันประมาณ 4–5 ชั่วโมง ต่อมื้อ
→ เพื่อให้ระดับอินซูลินลดลงหลังจากมื้อก่อนหน้า ไม่กระตุ้นบ่อยเกินไป

หลีกเลี่ยง การกินจุบจิบบ่อย ๆ (snacking) ระหว่างมื้อ
→ เพราะอินซูลินจะถูกกระตุ้นตลอดเวลา ทำให้ร่างกายพักไม่ได้

ช่วงเวลากินอาหาร (Eating window) ควรอยู่ใน 10–12 ชั่วโมงต่อวัน เช่น กินมื้อแรก 8 โมงเช้า → มื้อสุดท้ายไม่เกิน 6 โมงเย็น

🥗 แนวทางที่ช่วยลดดื้ออินซูลิน

กินมื้อหลักวันละ 2–3 มื้อพอ (เว้นระยะให้ชัดเจน)

ลดอาหารน้ำตาลสูง คาร์โบไฮเดรตขัดสี

เพิ่มโปรตีนและใยอาหาร ช่วยให้อิ่มนาน ไม่หิวบ่อย

ดื่มน้ำเปล่าแทนของหวานระหว่างมื้อ

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยให้เซลล์ตอบสนองต่ออินซูลินดีขึ้น

📌 สรุป:

เว้นระยะ 4–5 ชั่วโมงต่อมื้อ

ไม่กินเล่นระหว่างมื้อ

จัดช่วงกินต่อวันไม่เกิน 10–12 ชั่วโมง

 #ปัจจัยที่ทำให้กรดยูริกในเลือดสูง (Hyperuricemia) มักเกี่ยวข้องกับ การสร้างมากเกินไป หรือ การกำจัดออกน้อยเกินไป โดยมีสา...
28/09/2025

#ปัจจัยที่ทำให้กรดยูริกในเลือดสูง (Hyperuricemia) มักเกี่ยวข้องกับ การสร้างมากเกินไป หรือ การกำจัดออกน้อยเกินไป โดยมีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้ค่ะ

🔹 ปัจจัยด้านพฤติกรรมและอาหาร

กินอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์ อาหารทะเลบางชนิด (ปลาซาร์ดีน กุ้ง หอย ปลาทู)

ดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์และเหล้าแดง

ดื่มน้ำไม่พอ ทำให้ร่างกายขับยูริกออกได้น้อย

ดื่มน้ำตาลฟรุกโตสสูง เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มหวาน

🔹 ปัจจัยทางสุขภาพ

โรคอ้วน / น้ำหนักเกิน ทำให้ร่างกายสร้างยูริกเพิ่ม

ดื้ออินซูลิน / เบาหวานชนิดที่ 2 ส่งผลให้ขับยูริกลดลง

ความดันโลหิตสูง และโรคไตเรื้อรัง (ไตขับยูริกได้น้อย)

ไขมันในเลือดสูง (Triglyceride สูง)

ภาวะเม็ดเลือดแตกง่าย หรือโรคที่ทำให้มีการสลายเซลล์มาก

🔹 ปัจจัยด้านยาและสารบางชนิด

ยาขับปัสสาวะ (Diuretics เช่น Thiazide, Loop diuretics)

แอสไพรินขนาดต่ำ (ใช้ระยะยาว)

ยากดภูมิ เช่น Cyclosporine, Tacrolimus

ยารักษามะเร็งบางชนิด (ทำให้เซลล์แตกและปล่อยพิวรีนออกมา)

🔹 ปัจจัยอื่น ๆ

พันธุกรรม: บางคนมีเอนไซม์ที่ทำงานผิดปกติ ทำให้ร่างกายสร้างยูริกมากกว่าปกติ

อายุและเพศ: ผู้ชายมักมีโอกาสยูริกสูงกว่าผู้หญิง (จนกว่าจะหมดประจำเดือน)

ภาวะเครียด ร่างกายขาดการพักผ่อน

 #สิวฝ้าหน้าหมองคล้ำ หลักการเดิม ต้องดีจากข้างในและใช้บำรุงภายนอก ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงโลหิตระดู สำคัญมาก ถ้าเป็นสิวฝ้ายันแ...
27/09/2025

#สิวฝ้าหน้าหมองคล้ำ หลักการเดิม ต้องดีจากข้างในและใช้บำรุงภายนอก ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงโลหิตระดู สำคัญมาก ถ้าเป็นสิวฝ้ายันแก่ ให้กลับไปแก้ที่โลหิตระดู

ย้อนดูภาพเก่าพนักงาน ภูมิใจผลิตภัณฑ์ตัวเองเหมือนกันนะ #ทำพนักงานยิ่งแก้ยิ่งแจ่ม 😄

สัญญาณเตือนภาวะ ดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) อาจไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่ร่างกายจะค่อย ๆ ส่งสัญญาณให้สังเกตได้ เช่น🔹 อ...
27/09/2025

สัญญาณเตือนภาวะ ดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) อาจไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่ร่างกายจะค่อย ๆ ส่งสัญญาณให้สังเกตได้ เช่น

🔹 อาการที่พบบ่อย

เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย โดยเฉพาะหลังมื้ออาหาร

หิวบ่อย โดยเฉพาะอยากของหวานและคาร์โบไฮเดรต

น้ำหนักขึ้นง่าย โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว (ลงพุง)

อ้วนลงพุง แม้กินไม่เยอะ

ง่วงนอนหลังทานอาหาร

สมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย

🔹 สัญญาณที่เห็นได้จากร่างกาย

รอบเอวใหญ่ (ผู้ชาย >90 ซม., ผู้หญิง >80 ซม.)

มีผิวหนังบริเวณซอกคอ รักแร้ ข้อพับคล้ำกว่าปกติ (Acanthosis nigricans)

ไขมันในเลือดผิดปกติ (ไตรกลีเซอไรด์สูง, HDL ต่ำ)

ความดันโลหิตสูง

🔹 ภาวะที่เกี่ยวข้อง

น้ำตาลในเลือดเริ่มสูงกว่าปกติ (Pre-diabetes)

ประจำเดือนมาไม่ปกติ (ในผู้หญิง อาจเกี่ยวกับ PCOS)

ไขมันพอกตับ

ถ้าเริ่มมีหลายข้อร่วมกัน ถือเป็น สัญญาณเตือนสำคัญ ควรปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกาย และพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดเช็กระดับน้ำตาลและอินซูลินค่ะ 🩺

ภาวะ ดื้ออินซูลิน (Insulin resistance) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายยังสร้างอินซูลินได้ตามปกติ แต่ เซลล์ในกล้ามเนื้อ ตับ และไขมัน...
26/09/2025

ภาวะ ดื้ออินซูลิน (Insulin resistance) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายยังสร้างอินซูลินได้ตามปกติ แต่ เซลล์ในกล้ามเนื้อ ตับ และไขมัน ตอบสนองต่ออินซูลินลดลง ทำให้น้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์ได้ไม่ดี ระดับน้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้น

สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ดื้ออินซูลิน ได้แก่

น้ำหนักเกินและไขมันสะสมมาก โดยเฉพาะที่หน้าท้อง
ไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) หลั่งสารอักเสบ ทำให้เซลล์ตอบสนองต่ออินซูลินลดลง

ไม่ค่อยออกกำลังกาย
กล้ามเนื้อไม่ถูกใช้งาน เซลล์กล้ามเนื้อจึงดึงกลูโคสจากเลือดไปใช้น้อยลง

พันธุกรรมและครอบครัว
ถ้ามีประวัติคนในครอบครัวเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น

รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง
โดยเฉพาะอาหารแปรรูป ขนม ของหวาน น้ำอัดลม ทำให้ระดับน้ำตาลและอินซูลินสูงบ่อย ๆ จนเซลล์ชินและไม่ตอบสนอง

ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ
ฮอร์โมนความเครียด (คอร์ติซอล) ทำให้ระดับน้ำตาลสูงขึ้นและเพิ่มภาวะดื้ออินซูลิน

อายุที่เพิ่มขึ้น
ความไวต่ออินซูลินของร่างกายจะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น

โรคหรือภาวะบางอย่าง
เช่น ไขมันพอกตับ (NAFLD), กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), ความดันโลหิตสูง

👉 โดยสรุป ดื้ออินซูลินมักเกิดจาก พฤติกรรมการกิน + การไม่ออกกำลังกาย + ไขมันสะสมในร่างกาย ผสมกับ พันธุกรรมและอายุ

ดื้ออินซูลิน (Insulin resistance) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดี ส่งผลให้น้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์ได้น้อย...
23/09/2025

ดื้ออินซูลิน (Insulin resistance) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดี ส่งผลให้น้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์ได้น้อย ระดับน้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้น และอาจพัฒนาไปเป็น เบาหวานชนิดที่ 2 ได้

การออกกำลังกายถือเป็นวิธีสำคัญที่ช่วยลดภาวะดื้ออินซูลิน เพราะมีผลโดยตรงต่อกล้ามเนื้อและการใช้พลังงานของร่างกาย ดังนี้:

🏃‍♀️ การออกกำลังกายช่วยอย่างไร

เพิ่มความไวต่ออินซูลิน (Insulin sensitivity)
กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานจะสามารถนำน้ำตาลจากเลือดไปใช้ได้โดยไม่ต้องพึ่งอินซูลินมาก ทำให้ระดับน้ำตาลลดลง

ลดไขมันสะสม
ไขมันโดยเฉพาะที่ช่องท้อง (Visceral fat) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดดื้ออินซูลิน การออกกำลังกายช่วยสลายไขมันนี้

กระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน
ยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก ร่างกายยิ่งใช้พลังงานมาก ทำให้น้ำตาลไม่เหลือสะสม

ลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ทำให้ดื้ออินซูลิน

🏋️‍♂️ ออกกำลังกายแบบไหนได้ผลดี

แอโรบิก (Aerobic exercise): เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน วันละ 30 นาที อย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์

เวทเทรนนิ่ง (Resistance training): ยกน้ำหนัก ใช้ยางยืด หรือออกกำลังด้วยน้ำหนักตัว 2–3 วัน/สัปดาห์ ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ

HIIT (Interval training): การออกกำลังกายหนักสลับเบา ช่วยเพิ่มการเผาผลาญและความไวต่ออินซูลินได้เร็วขึ้น

✨ หากทำต่อเนื่อง จะช่วย ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงเบาหวาน ความดัน ไขมันสูง และโรคหัวใจ ได้

 #ยูริกสูง ต้นเหตุมีไม่กี่อย่าง โดยเฉพาะแอลกอฮอล์ รู้แล้วหยุดเดี๋ยวร่างกายมันจัดการส่วนเกินเอง แต่ถ้าไม่หยุดก็ยอมรับความ...
22/09/2025

#ยูริกสูง ต้นเหตุมีไม่กี่อย่าง โดยเฉพาะแอลกอฮอล์ รู้แล้วหยุดเดี๋ยวร่างกายมันจัดการส่วนเกินเอง แต่ถ้าไม่หยุดก็ยอมรับความปวดให้ได้

ยูริกสูง (กรดยูริกในเลือดสูง หรือ Hyperuricemia) เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยครับ โดยหลัก ๆ มาจาก 2 กลไก คือ ร่างกายสร้างกรดยูริกมากเกินไป หรือ ร่างกายขับออกทางไตได้น้อยลง

สาเหตุที่พบบ่อย

1. การกินอาหารที่มีพิวรีนสูง

เครื่องในสัตว์ (ตับ ไต)

เนื้อแดง เนื้อสัตว์ปีกบางชนิด

อาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปลาซาร์ดีน ปลาทู

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์

2. การดื่มน้ำหวาน/น้ำอัดลมที่มีฟรุกโตสสูง
→ กระตุ้นการสร้างกรดยูริก

3. โรคประจำตัว

โรคอ้วน

โรคไตเรื้อรัง (ทำให้ขับกรดยูริกออกน้อยลง)

ความดันโลหิตสูง

เบาหวาน หรือดื้ออินซูลิน

4. การใช้ยา

ยาขับปัสสาวะ (diuretics)

ยาต้านวัณโรคบางชนิด

แอสไพรินขนาดต่ำ

5. พันธุกรรม

→ บางคนมีเอนไซม์ในร่างกายที่ทำให้สร้างกรดยูริกมากกว่าปกติ

6. พฤติกรรมการใช้ชีวิต

ดื่มน้ำน้อย

เครียด พักผ่อนไม่พอ

ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย

📌 ถ้ายูริกสูงมาก ๆ จะเสี่ยงเป็น โรคเกาต์ (ข้ออักเสบจากผลึกยูริก) และยังสัมพันธ์กับโรคไตเรื้อรัง รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด

การ ออกกำลังกาย สามารถช่วย เพิ่มภูมิคุ้มกัน ได้จริง เพราะร่างกายมีการกระตุ้นระบบต่าง ๆ ให้ทำงานอย่างสมดุลและมีประสิทธิภา...
22/09/2025

การ ออกกำลังกาย สามารถช่วย เพิ่มภูมิคุ้มกัน ได้จริง เพราะร่างกายมีการกระตุ้นระบบต่าง ๆ ให้ทำงานอย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพขึ้น โดยหลัก ๆ มีผลดีต่อภูมิคุ้มกันดังนี้ครับ 👇

✅ ผลของการออกกำลังกายต่อภูมิคุ้มกัน

กระตุ้นการไหลเวียนของเม็ดเลือดขาวและแอนติบอดี
ทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น ตรวจพบเชื้อโรคไวขึ้น

ลดความเครียดและฮอร์โมนคอร์ติซอล
ความเครียดสูงทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การออกกำลังกายช่วยปรับสมดุล

ช่วยควบคุมน้ำหนักและลดการอักเสบเรื้อรัง
ภาวะอ้วนหรืออักเสบเรื้อรังทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ

กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันเชิงป้องกัน (adaptive immunity)
ส่งเสริมการทำงานของระบบต่อสู้เชื้อโรคในระยะยาว

🏃‍♀️ ออกกำลังกายแบบไหนดีที่ช่วยเพิ่มภูมิ?

แอโรบิกเบา–ปานกลาง เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน (วันละ 30 นาที 4–5 วัน/สัปดาห์)

ฝึกกล้ามเนื้อ เช่น เวทเทรนนิ่งหรือบอดี้เวท 2–3 วัน/สัปดาห์

โยคะ/ไทชิ ช่วยทั้งร่างกายและลดความเครียด

⚠️ ข้อควรระวัง

ออกกำลังกายหนักเกินไป (เช่น วิ่งมาราธอนต่อเนื่องโดยไม่พัก) อาจกดภูมิคุ้มกันชั่วคราว

ควรพักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ร่วมด้วย

👉 สรุปคือ ออกกำลังกายระดับ ปานกลางและสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงครับ

 #ปัญหาผม เช่น ผมร่วง ผมบาง ผมหงอกก่อนวัย หรือเส้นผมไม่แข็งแรง มักไม่ได้เกิดจากการดูแลภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังมี ปัจ...
19/09/2025

#ปัญหาผม เช่น ผมร่วง ผมบาง ผมหงอกก่อนวัย หรือเส้นผมไม่แข็งแรง มักไม่ได้เกิดจากการดูแลภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังมี ปัจจัยจากภายในร่างกาย ที่ส่งผลด้วย ได้แก่

🔹 ปัจจัยจากภายในที่มีผลต่อเส้นผม

พันธุกรรม (Genetics)

กรรมพันธุ์เป็นปัจจัยหลักของศีรษะล้านแบบผู้ชาย (Male Pattern Baldness) และผู้หญิงบางรายก็ได้รับผลเช่นกัน

ฮอร์โมน (Hormones)

ความไม่สมดุล เช่น ฮอร์โมนแอนโดรเจน (DHT) ที่มากเกินไปทำให้รูขุมขนเล็กลง

การเปลี่ยนแปลงช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอด หรือวัยทอง

โภชนาการ (Nutrition)

ขาดสารอาหารสำคัญ เช่น โปรตีน เหล็ก สังกะสี วิตามินบี วิตามินดี

รับประทานอาหารไม่สมดุลหรือทานน้อยเกินไป

ความเครียดและสภาพจิตใจ (Stress & Mental health)

ความเครียดเรื้อรัง กระตุ้นให้เกิดผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia areata) หรือผมร่วงกระจาย

ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune system)

โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง เช่น SLE หรือ Alopecia areata

การไหลเวียนเลือด (Blood circulation)

เลือดลมไม่ดี ทำให้รากผมขาดสารอาหารและออกซิเจน

โรคเรื้อรัง (Chronic diseases)

เช่น โรคต่อมไทรอยด์ เบาหวาน โลหิตจาง ตับหรือไตทำงานผิดปกติ

การใช้ยาและการรักษา (Medication & Treatment)

ยาลดความดัน ยาละลายลิ่มเลือด ยาเคมีบำบัด ยาคุมกำเนิด หรือยาต้านซึมเศร้า

✨ สรุป: ปัญหาผมจาก ปัจจัยภายใน มักเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน พันธุกรรม สุขภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงโภชนาการ หากดูแลแต่ภายนอก เช่น การสระหรือบำรุงผม แต่ไม่แก้ที่ต้นเหตุภายใน ก็อาจไม่เห็นผลชัดเจน

ที่อยู่

ถนนบางศรีเมือง
Nonthaburi
11000

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00
เสาร์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+66863134308

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ซ่อมสร้างสไตล์คนนอกกะลาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ซ่อมสร้างสไตล์คนนอกกะลา:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

อาหารที่ใช้ซ่อมร่างกายตามแนวป๋า ดร.สันติ มานะดี( SANTI MANADEE)

Nature Red เมื่อร่างกายอ่อนเพลียแสดงถึงอนุมูลอิสระที่สะสมเกิน คุณควร“ล้างพิษ”ในลำไส้

เมื่อใดคุณควรล้างพิษในร่างกาย หากคุณมีอาการเหล่านี้เกิน 5 ข้อ

- ปวดเมื่อยตามข้อต่อ - เซื่องซึม - นอนหลับยาก - เป็นสิวมาก - ชอบกินเนื้อสัตว์ - ชอบกินขนมหวาน - กลิ่นตัวแรง - จุกเสียดแน่นเฟ้อบ่อยๆ - มีอาการปวดมึนศีรษะ - อ่อนเพลียเหนื่อยง่าย - กินผักผลไม้น้อย - ท้องผูกเป็นประจำ - ชอบกินของทอด,ของมัน - ชอบกินนม-เนย - ติดชา กาแฟ - ท้องเสียง่าย - ผิวแห้ง หยาบกร้าน หมองคล้ำ - เครียดบ่อย อารมณ์เสียง่าย - อ้วนหรือผอมเกินไป - ผายลมบ่อย - ติดน้ำอัดลม - เป็นไข้และเป็นหวัดบ่อย