สมาธิสั้น แล้วไง

สมาธิสั้น แล้วไง "สมาธิสั้น...แล้วไง" ADHD...So What!

By ศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
เพื่อสร้างความเข้าใจ ให้กำลังใจแก่ผู้ปกครอง ครู และเด็กๆ
ในการเดินทางไกลไปกับเจ้าสมาธิสั้น

15/07/2025

เมื่อลูกบอกไม่อยากไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงหนักใจไม่น้อย แต่ก่อนจะดุหรือบังคับ ลองหยุดคิดสักนิด... ลูกอาจมีเหตุผลที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้!
มาร่วมไขข้อข้องใจและหาทางออกไปพร้อมกันใน ไลฟ์ซีรีส์ใหม่ที่เจาะลึกทุกปัญหาลูกในแต่ละวัย และในเดือนนี้เราจะมาคุยกันในประเด็น #ลูกไม่อยากไปโรงเรียน
แขกรับเชิญ
� ผศ.ดร.พัชรินทร์ เสรี
ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กพิเศษ
ผู้ดำเนินรายการ
� ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร
วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม 2568
เวลา 20.00-21.30 น.
ติดตามข่าวสาร/สอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Net PAMA ได้ทาง
FB: Net PAMA: เน็ต ป๊าม้า
Website: www.netpama.com
E-mail: contact@netpama.com
#เน็ตป๊าม้า #เลี้ยงลูกเชิงบวก #เน็ตป๊าม้าช่วยได้

� New to streaming or looking to level up? Check out StreamYard and get $10 discount! �

https://www.facebook.com/share/1FUDiZkziX/
09/07/2025

https://www.facebook.com/share/1FUDiZkziX/

📢 ขอเชิญผู้ปกครองหรือผู้ดูแลหลักของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษระดับก่อนมัธยมศึกษา 📢
เข้าร่วมกิจกรรมอบรม "ห้องเรียนหัวใจพ่อแม่" 💖💖
เรียนรู้เทคนิคเลี้ยงลูกเชิงบวก เพื่อสร้างสายใยเข้าใจระหว่างพ่อแม่และลูก
🗓️ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทุกวันเสาร์
⏰ เวลา 09:00 - 12:00 น.
📍 ณ ศูนย์ศักยวิโรฒ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม)
📒 กำหนดการอบรม 📒
- ปัจจัยพื้นฐานปรับพฤติกรรมเด็ก (9 ส.ค. 68)
- เทคนิคการสื่อสาร (16 ส.ค. 68)
- เทคนิคการชม (23 ส.ค. 68)
- เทคนิคการให้รางวัล (30 ส.ค. 68)
- เทคนิคการลงโทษที่เหมาะสม (6 ก.ย. 68)
- การทำระบบให้คะแนน (13 ก.ย. 68)
- ประยุกต์ใช้เทคนิครวมกัน (30 ก.ย. 68)
🌟คุณสมบัติผู้สมัคร 🌟
1. เป็นผู้ปกครองหรือผู้ดูแลหลักของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษระดับก่อนมัธยมศึกษา
2. มีบุตร/หลานอายุ 10-12 ปี
3. มีความพร้อมและความสมัครใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรมครบทั้ง 7 ครั้ง
4. เปิดใจเรียนรู้และต้องการพัฒนาทักษะการเลี้ยงดูที่สอดคล้องกับพัฒนาการของบุตร
5. ยินดีให้ความร่วมมือในการตอบแบบประเมินก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการ
** รับจำนวนไม่เกิน 12 คน **
ลงทะเบียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย 🖥️ https://forms.gle/FVYgbt6M651Wo22F6
📱 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมโทร : 02-260-9986 ต่อ 8200 หรือ 094-9417708

26/06/2025

ของที่ลูกอยากได้ กับงบที่เรามี ไม่ไปด้วยกัน
จะคุยกันยังไงให้ไม่พังความสัมพันธ์
EP.8
มาเรียนรู้วิธีพูดให้ลูกเข้าใจ “ของแพง” ในแบบที่ไม่เจ็บทั้งใจและกระเป๋า
แขกรับเชิญ
� ผศ.ดร.พัชรินทร์ เสรี
ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กพิเศษ
ผู้ดำเนินรายการ
� ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร
วันพฤหัสที่ 26 มิถุนายน 2568
เวลา 20.00-21.30 น.
ติดตามข่าวสาร/สอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Net PAMA ได้ทาง
FB: Net PAMA: เน็ต ป๊าม้า
Website: www.netpama.com
E-mail: contact@netpama.com
#เน็ตป๊าม้า #เลี้ยงลูกเชิงบวก #เน็ตป๊าม้าช่วยได้

� New to streaming or looking to level up? Check out StreamYard and get $10 discount! �

🔔ขอเชิญ ผู้ปกครองเด็กสมาธิสั้น เข้าร่วมงานวิจัย🔔“โครงการวิจัยผลของโปรแกรมการเลี้ยงบุตรอย่างมีสติแบบออนไลน์ต่อความเครียดข...
25/06/2025

🔔ขอเชิญ ผู้ปกครองเด็กสมาธิสั้น เข้าร่วมงานวิจัย🔔

“โครงการวิจัยผลของโปรแกรมการเลี้ยงบุตรอย่างมีสติแบบออนไลน์ต่อความเครียดของผู้ปกครองเด็กสมาธิสั้น”
โดยทีมผู้วิจัย คือ ผศ.นพ. วัลลภ อัจสริยะสิงห์ อ.นพ.นที วีรวรรณ และ พญ.นันท์นภัส ผาสุข ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

📚โปรแกรมประกอบด้วยการอบรมทุกวันอังคาร หรือ พฤหัสบดี เวลา 20:00-21:30 น. ทุกสัปดาห์ จำนวน 4 ครั้ง
📺ทาง Zoom meeting และการฝึกสติวันละ 10 นาที

📝 คุณสมบัติผู้สมัคร:
- ผู้ปกครองของเด็กที่มีอายุ 6-12 ปี
- เด็กได้รับการวินิจฉัยโรคสมาธิสั้น
- โดยเป็นผู้ดูแลหลัก คือ ดูแลเด็กมานานอย่างน้อย 1 ปี และ ดูแลเด็กอย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์
- เข้าใจภาษาไทย
- เข้าถึง internet และสามารถใช้ Line ได้

📍 สมัครง่ายๆ เพียงสแกน QR Code หรือกดลิงค์
https://forms.gle/hz2WYiNaiSUBxG8x9
📍 สอบถามเพิ่มเติม:
LINE OA: https://lin.ee/MyKJNjg
📞 0614397159 (พญ.นันท์นภัส)
(ติดต่อได้ทุกวัน เวลา 8.00 - 17.00 น.)

โอกาสดีๆ สำหรับผู้ปกครองในจังหวัดสมุทรปราการ
24/06/2025

โอกาสดีๆ สำหรับผู้ปกครองในจังหวัดสมุทรปราการ

ขอเชิญร่วมกิจกรรมอบรม
“ห้องเรียนพ่อแม่กับเน็ตป๊าม้า”
การปรับพฤติกรรมเด็กด้วยความเข้าใจ เรียนรู้การใช้เทคนิคเชิงบวก ส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว 💖
👨‍👩‍👧‍👦 สำหรับพ่อแม่หรือผู้ปกครอง 👨‍👩‍👧‍👦
✅ คุณสมบัติผู้สมัคร:
• อายุ 25 ปีขึ้นไป
• มีบุตรหลานอายุ 3-15 ปี
• สนใจเรียนรู้การเลี้ยงลูกเชิงบวก
มาร่วมเรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้จริงในการปรับพฤติกรรมเด็ก
📆 อบรมทุกวันพุธ เวลา 9.00 - 12.00 น.
📍 ณ ห้องดนตรีบำบัด อาคารกรมหลวงฯ รพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ จ.สมุทรปราการ
🗓 เริ่มอบรมวันแรก: วันพุธที่ 2 กรกฎาคม 2568
🧠 รวม 7 ครั้ง ตามกำหนดการ!
1. ปัจจัยพื้นฐานปรับพฤติกรรมเด็ก (2 ก.ค.)
2. เทคนิคการสื่อสาร (9 ก.ค.)
3. เทคนิคการชม (16 ก.ค.)
4. เทคนิคการให้รางวัล (23 ก.ค.)
5. เทคนิคการลงโทษ (6 ส.ค.)
6. กำกับพฤติกรรม (13 ส.ค.)
7. ประยุกต์ใช้เทคนิครวม (20 ส.ค.)
🆓 อบรมฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย (รับจำนวนจำกัด)
📱 สมัครง่ายๆ เพียงสแกน QR Code หรือกดลิงค์
https://forms.gle/FC85vuoCQnTXtdhFA
#โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ #การปรับพฤติกรรมเด็ก

ช่าวดีสำหรับผู้ปกครองที่อาศัยอยู่ในเขตบางกอกน้อยhttps://www.facebook.com/share/p/1AUUqg61R1/
23/06/2025

ช่าวดีสำหรับผู้ปกครองที่อาศัยอยู่ในเขตบางกอกน้อย

https://www.facebook.com/share/p/1AUUqg61R1/

✨ ห้องเรียนเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก ร่วมกับสำนักงานเขตบางกอกน้อย

จัด “โครงการอบรมการเลี้ยงดูเชิงบวกเพื่อปรับพฤติกรรมลูกและสานสัมพันธ์ในครอบครัว 💗

สำหรับผู้ปกครองและผู้เลี้ยงดูเด็กอายุ 3 - 10 ปี” ที่ …

⭕️ มีชื่อในทะเบียนบ้าน หรือ อาศัยอยู่ในเขตบางกอกน้อย

⭕️ หรือ บุตรหลานศึกษาอยู่ในโรงเรียน เขตบางกอกน้อย

⭕️ หรือ บุตรหลานเป็นผู้มารับบริการศูนย์สาธารณสุขหรือโรงพยาบาลในเขตบางกอกน้อย

(คุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง)

“เลี้ยงลูกเชิงบวกอย่างไร..? ไม่ให้บวกกับลูก”

สิ่งที่ท่านจะได้รับ คือ …
🧡 เทคนิคการปรับพฤติกรรมให้ได้ผล
🧡 วิธีการคุยกับลูก
🧡 ชื่นชมอย่างไรให้ใจฟู
🧡 ให้รางวัลแบบไหนที่ไม่ติดสินบน
🧡 ลงโทษอย่างไรไม่ให้เจ็บ
🧡 มารู้จักตารางเด็กดีกัน
🧡 พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน

การอบรมจัดขึ้นทั้งหมด 7 ครั้ง เนื้อหามีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน

ทุกวันพุธ เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2568

เวลา 9.00 - 12.00 น.

ณ ห้องประชุมจงจินต์ ตึกธนาคารไทยพาณิชย์ ชั้น 1 โรงพยาบาลศิริราช

❣️ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย (ได้รับการสนันสนุนงบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพ เขตบางกอกน้อย)

❣️ รับจำนวนจำกัด

**เป็นกิจกรรมการอบรมสำหรับผู้ปกครอง ไม่สามารถพาเด็กมาด้วย**

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครผ่านการสแกน QR code ในโปสเตอร์ หรือกด link

https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSduey9XUUbmeHVLx0D821A0e_fR0hPw6uW4seumc1NHDTdSrA/viewform

*ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เข้าอบรมจะได้รับการติดต่อกลับในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 🥰

ยาวแต่ดี อ่านเถอะนะ จะได้รีบแก้ไขอย่างถูกวิธีhttps://www.facebook.com/share/p/15jvYRMCxn/
17/06/2025

ยาวแต่ดี อ่านเถอะนะ จะได้รีบแก้ไขอย่างถูกวิธี

https://www.facebook.com/share/p/15jvYRMCxn/

"ลูกเอาแต่ใจ พ่อแม่ทำอย่างไรดี?"
คำถามสั้นๆ แต่คำตอบอาจจะไม่ได้สั้นอย่างที่คิด
เด็กเอาแต่ใจ
มีที่มาเสมอ
และแต่ละสาเหตุ
มีวิธีการรับมือที่คล้ายคลึงกัน
หรือมีความแตกต่างกันไปเลย
ซึ่งเด็กบางคนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ
เพียงเพราะสาเหตุเดียว
แต่เด็กบางคนอาจจะมีหลายสาเหตุรวมอยู่ด้วยกัน
**********
"ทำไมเด็กถึงเอาแต่ใจ?"
(1) เด็กเอาเเต่ใจ
เพราะเป็นธรรมชาติของวัย
วัยของลูกบอกให้เขาเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง (Egocentric)
เด็กๆ ในวัยก่อน 7 ปี
ต้องการความสนใจจากคนดูแล
เนื่องจากเป็นวัยที่ดูแลตัวเองไม่ได้
เพื่อเอาตัวรอดธรรมชาติจึงทำให้วัยนี้
เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางก่อนที่จะสนใจสิ่งรอบตัว
เด็กต้องเอาชีวิตรอด ผ่านการเรียกร้องความสนใจ
ให้ผู้ใหญ่ช่วยดูแลและสอนสิ่งสำคัญในชีวิตให้เขา
เมื่อเด็กยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
และใช้มุมมองความคิดตัวเองเป็นหลัก
เขาอาจจะไม่พร้อมแบ่งปันสิ่งต่างๆ
ทั้งของเล่นไปจนถึงความรักจากพ่อแม่ให้ใคร
ดังนั้นการได้รับความรัก
ความสนใจที่เพียงพอ
และมีโครงสร้างทางวินัยให้เขายึดเกาะ
เด็กช่วยเหลือตัวเองได้ดีขึ้น
รับรู้ความสามารถได้ดีขึ้น
จะทำให้เขาลดการยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางทีละน้อยๆ
วิธีรับมือ
1. ให้เวลาคุณภาพกับเด็กๆ
เพื่อให้เขาได้รับความสนใจที่เพียงพอ
2. สอนช่วยเหลือตัวเอง
เพื่อให้เขาไม่ติดการช่วยเหลือ
3. มีตารางเวลาที่ชัดเจน
จะช่วยลดความขัดแย้งลง
4. ให้เด็กๆ ช่วยทำงานบ้านหรืองานส่วนรวม
เพื่อให้เด็กๆ มองเห็นคนอื่น
5. เข้าใจ ไม่เร่งรัด
ทุกพัฒนาการเป็นเหมือนขั้นบันได
พ่อแม่และผู้ใหญ่ไม่ควรเร่งรีบ
หรือเร่งให้เด็กต้องโตเดี๋ยวนี้
ฝึกฝนวินัย ทำทุกวันสม่ำเสมอ
ดอกผลจะเบ่งบานตามเวลาของมัน
***
(2) เด็กเอาแต่ใจ
เพราะพ่อแม่สนใจน้องที่เกิดมาใหม่มากกว่าเขา
หรือ พ่อแม่ไม่มีเวลาให้เขาเหมือนเดิม
คนพี่มักรู้สึกมากกว่าคนน้องที่เพิ่งเกิดมา
เพราะพ่อแม่เคยให้เขาคนเดียว
เมื่อน้องเกิดมา พ่อแม่ต้องแบ่งให้น้อง
ช่วงที่มีน้องใหม่ๆ
พี่คนโตบางคนอาจมีพฤติกรรมถดถอย
เช่น
- ปกติกินข้าวเองได้แล้ว
พอมีน้องก็เรียกร้องให้พ่อแม่ป้อน
- ไม่ยอมเดินเอง เรียกร้องให้อุ้ม
หรือ จะนั่งรถเข็นเหมือนน้อง

พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้น
เพราะทุกคนดูแลน้องเล็กเป็นหลัก
น้องเล็กได้รับความสนใจมากมาย
พี่โตก็อยากได้รับความสนใจเหมือนกัน
จึงทำพฤติกรรมแบบน้องเพื่ออ้อนพ่อแม่
วิธีรับมือ
1. ดูแลหัวใจลูกคนโตก่อน
แม้ลูกคนโตจะดูแลตัวเองได้แล้ว
แต่หัวใจของเขายังต้องการเราเสมอ
บอกรัก กอดแน่นๆ ชื่นชมลูก
และให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลน้อง

2. กำหนดเวลา 1:1 กับลูกคนโต
เหมือนเป็นเดตระหว่างเรากับลูก
เป็นช่วงเวลาที่มีเขาและเรา
โดยไม่มีน้องมาแย่งเวลาไป
ทำกิจกรรมร่วมกัน
ทำในสิ่งที่เขาอยากทำ
3. ใส่ใจเรื่องเล็กๆ
อย่ามองข้ามสิ่งที่ลูกทำได้
ให้ชื่นชมเมื่อมีโอกาส
ขอบคุณทุกครั้งที่เขาทำสิ่งดีๆ
และขอโทษหากเราผิดพลาดไป
***
(3) เด็กเอาแต่ใจ
เพราะเขาช่วยเหลือตัวเองตามวัยไม่ได้
เด็กที่ช่วยเหลือตัวเองตามวัยไม่ได้
ทำให้เขาต้องพึ่งพาคนอื่น
กลายเป็นเด็กที่ติดการช่วยเหลือ
เมื่อคนอื่นทำไม่ได้ทันใจ
ก็หงุดหงิด โวยวาย
นำไปสู่การเอาแต่ใจที่มากขึ้นๆ
พ่อแม่และผู้ใหญ่ที่รู้ใจ
และช่วยเหลือเร็วเกินไป
เด็กจะขาดประสบการณ์
ทั้งการแก้ปัญหาและรอคอย
นอกจากความมั่นใจจะไม่เกิดขึ้น
การจัดการอารมณ์และแก้ปัญหา
ก็ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน
เด็กจึงเอาแต่ใจ
วิธีรับมือ
1. ให้ลูกลงมือทำให้มากที่สุด
สอนสิ่งใหม่ผ่าน 5 ขั้นตอน
(1) ทำให้ดู
(2) พาเขาทำ (จับมือทำ)
(3) ทำด้วยกัน
(4) ให้เขาทำเอง โดยมีเราเคียงข้าง แนะนำ
(5) ฝึกฝนจนเขาทำเองได้ แม้ไม่มีเราตรงนั้น
2. ไม่รู้ใจลูก และรอคอยให้ได้
ใช้กฎ 5 นาที
เผื่อเวลาให้ลูกทำเสมอ
ช่วงแรกอาจจะทำช้า
แต่เมื่อฝึกฝนไปเรื่อยๆ
เด็กจะทำเร็วขึ้น
ถ้าลูกไม่ยอมทำ
กำหนดเวลา 5 นาที
ก่อนเราจะลงไปจับมือทำ
(ย้ำว่าไม่ใช่ทำให้)
แต่ส่วนใหญ่เด็กจะทนรอไม่ไหว
แล้วตัดสินใจทำเองในที่สุด
3. ถ้าลูกมีปัญหาพัฒนาการ
ให้ปรึกษาแพทย์พัฒนาการ
และนักบำบัด ได้แก่
นักกิจกรรมบำบัด
นักจิตวิทยาพัฒนาการ
***
(4) เด็กเอาแต่ใจ
เพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาคุณภาพให้
บางบ้านพ่อแม่จำเป็นต้องทำงาน
ลูกจึงอยู่กับพี่เลี้ยงหรือปู่ย่าตายาย
เด็กๆ มักได้รับการตามใจ
อยากได้อะไร ต้องได้ทันที
ไม่อยากได้อะไร ไม่อยากทำอะไร
ไม่ต้องทำ เพราะมีคนทำให้
พ่อแม่บางท่านรู้สึกผิดที่ไม่มีเวลาให้ลูก
ก็ยิ่งเสริมความตามใจไปอีกเท่าตัว
ของเล่นที่ให้ไม่อั้น และการไม่ยอมขัดใจลูกเลย
แม้ว่าเด็กจะได้ดั่งใจ
แต่เขากลับไม่มีความสุขอย่างที่คิด
เพราะของเล่นไม่อาจเติมเต็มความรักได้
สิ่งที่ลูกต้องการคือเวลาจากเรา
วิธีรับมือ
1. ให้เวลาคุณภาพ
แม้จะไม่ได้ในเชิงปริมาณ
แต่ขอให้มีคุณภาพ
เวลาเดิม สม่ำเสมอ
ถ้าพ่อแม่ทำงาน
ขอให้เรากำหนดเวลาชัดเจน
จะส่งลูกเข้านอน คุยกับลูกช่วงนั้น
หรือ จะเสาร์-อาทิตย์
พ่อแม่จะใช้เวลานั้นกับลูก
ในกรณีที่ไม่อาจมาเจอกันได้
วิดีโอคอลเวลาเดิม
คุยกันทุกวัน ช่วยชดเชยได้
อย่างน้อยที่สุดเพื่อให้ลูกรู้ว่า
พ่อแม่รักเขา และนึกถึงเขาเสมอ
2. รัก ไม่จำเป็นต้องตามใจ
ถ้าลูกขอในสิ่งที่ให้ไม่ได้
หรือทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม
พ่อแม่ต้องสอนเขา
ใจดี แต่ไม่ใจอ่อน
***
(5) เด็กเอาแต่ใจ
เพราะผู้ใหญ่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย
พ่อกับแม่อาจจะเลี้ยงลูกคนละแบบ
หรือ ปู่ย่าตายายเลี้ยงหลานคนละแนว
เด็กจะเกิดความสับสน
แต่เด็กก็ยังเป็นเด็ก
เขาจะเลือกและทำตามแนวทาง
ที่สบายและตรงกับใจเขา
ดังนั้นถ้าฝั่งหนึ่งตามใจเด็กมาก
ในขณะที่อีกฝั่งไม่ตามใจและเน้นสอนวินัย
เด็กจะเลือกตามฝั่งที่ตามใจเขา
ทั้งนี้ยังมีหัวใจสำคัญที่ทำให้
เด็กไม่เอนอ่อนไปทางตามใจ
คือ "ฝั่งที่มีเวลาให้เขามากกว่า"
และ "เคียงข้างในวันที่เขาไม่น่ารัก"
เด็กจะเชื่อใจและวางใจ
พร้อมจะฟังฝั่งนั้นมากกว่า
วิธีรับมือ
1. ความสัมพันธ์คือทุกสิ่ง
ความสัมพันธ์ระหว่าง
เรากับลูกต้องแน่นแฟ้นพอ
ความสัมพันธ์เกิดจาก...
- เวลาคุณภาพ
- พ่อแม่ที่มีอยู่จริง
จะทำให้ลูกเชื่อในคำพูดเรามากกว่าคนอื่น
ดังนั้น 0-6 ปี พ่อแม่ควรเลี้ยงลูกอย่างใกล้ชิด
เพราะเป็นช่วงเวลาสร้างพ่อแม่ที่มีอยู่จริงสำหรับลูก
ถ้าปล่อยให้คนอื่นเลี้ยง
พ่อแม่ต้องสู้สุดใจหรือทำใจ
และชดเชยเท่าที่จำทำได้
ถ้าเลือกได้ "พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยตัวเองดีที่สุด"
2. ประนีประนอม และปล่อยวาง
เมื่อจำเป็นต้องเลี้ยงลูกร่วมกัน
คุยกันถึงจุดตรงกลางที่ยอมกันได้
ถ้าจำเป็นต้องสอนลูก
ให้พาลูกออกมาคุยกัน 1:1 กับเรา
***
(6) เด็กเอาแต่ใจ(กับคนอื่น)
เพราะพ่อแม่เข้มงวดมาก
เด็กที่ถูกพ่อแม่ควบคุมอย่างเข้มงวดตลอดเวลา
ก็นำไปสู่การเอาแต่ใจเวลาอยู่กับผู้อื่นได้
เพราะเขารู้สึกอยากควบคุมคนอื่นบ้าง
แม้เด็กจะไม่เอาแต่ใจเวลาอยู่กับพ่อแม่
เขาอาจจะกลายเป็นเด็กที่ชอบควบคุมคนอื่น
โดยเฉพาะเพื่อนที่อาจจะอ่อนแอกว่าตัวเอง
หรือ คนที่ด้อยกว่าตัวเอง
เช่น พี่เลี้ยง น้องของตัวเอง
วิธีรับมือ
1. ลดการบ่น การตำหนิ
และงดการซ้ำเติม
แต่ชื่นชมให้มากขึ้น
ชมในสิ่งที่ลูกทำได้ดี
สอนในสิ่งที่ลูกยังทำไม่ได้
สอนผ่านทำให้ดู พาทำ ทำด้วยกัน ทำเอง
และถ้าลูกทำไม่ถูกต้อง
ใช้การสอน และพารับผิดชอบเสมอ
2. ใช้ตารางเวลา และกฎครอบครัว
ตารางเวลาช่วยบอกว่าเด็กๆ และเราต้องทำอะไร
และกฎของครอบครัวทำให้เราไม่ควบคุมกัน
แต่เคารพซึ่งกันและกัน
เช่น กฎ 3 ข้อ
-ไม่ทำร้ายตัวเอง
-ไม่ทำร้ายผู้อื่น
-ไม่ทำลายข้าวของ
ไม่พอใจ เรามาคุยกัน
โกรธกัน เราให้เวลากัน
ขอโทษ ขอบคุณ บอกรัก
คือสิ่งที่ควรทำบ่อยที่สุด
**********
(7) เด็กเอาแต่ใจ
เพราะไม่มั่นใจในตัวเอง
เด็กที่มีความแตกต่าง
เพราะเขาอาจจะมีปัญหาบางอย่าง
ด้วยรูปลักษณ์ หรือ พฤติกรรม
เช่น
- มีน้ำหนักตัวที่มาก
- มีปัญหาสมาธิสั้น
- มีปัญหาการดูแลตัวเอง
เด็กรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง
นอกจากความไม่มั่นใจแล้ว
เด็กอาจจะถูกแกล้งจากเพื่อน
หรือ การไม่ได้รับการยอมรับ
จากคนรอบตัวที่ล้อเล่นกับเขาโดยไม่คิด
การเอาแต่ใจของเด็กกลุ่มนี้
อาจจะแสดงออกในรูปแบบ
ไม่พอใจอะไร จะเงียบหรือเดินหนี
และบางคนอาจจะเป็นแนวโวยวาย
บ่ายเบี่ยง เฉไฉ
เจอสิ่งใหม่ จะไม่อยากทำ
เจอปัญหา จะไม่กล้าเผชิญ
เพราะเขาไม่มั่นใจว่าตัวเองทำได้
และกลัวคนไม่ยอมรับในตัวเขา
วิธีรับมือ
1. ยอมรับในสิ่งที่เด็กเป็น
ยอมรับคือการเข้าใจ
แต่ไม่ใช่ยอมตาม
เมื่อเข้าใจแล้ว
ค่อยๆ ฝึกฝนในสิ่งที่เขาทำไม่ได้
แต่จำเป็นต้องทำ เช่น กิจวัตรประจำวัน
และในสิ่งที่เขาเปลี่ยนแปลงไม่ได้
ให้การยอมรับและรับฟัง
2. หากลูกถูกแกล้ง
คุยกับลูก
และคุยกับโรงเรียน
แก้ปัญหาที่เกิดจากฝั่งลูก
และแก้ปัญหาจากฝั่งโรงเรียนร่วมกัน
ถ้ายังไม่ดีขึ้น อาจจะจำเป็นต้อง
เปลี่ยนโรงเรียนที่เหมาะสมกับลูก
3. ปรึกษาแพทย์พัฒนาการ
หรือจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
ทั้งนี้เด็กอาจจำเป็นต้องบำบัด
กับนักกิจกรรมบำบัดและนักจิตวิทยาต่อไป
**********
แม้ธรรมชาติจะทำให้เด็กเอาแต่ใจตามวัย
แต่ผู้ใหญ่ที่ตอบสนองเขาในทางที่ผิด
จะทำให้ความเอาแต่ใจไม่ลดลงอย่างที่ควรจะเป็น
จนเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่เอาแต่ใจในสังคม
เด็กที่เอาแต่ใจ ไม่ใช่เด็กที่ไม่ดี
แต่เขาต้องการคนเคียงข้าง
คนที่ไม่กลัวที่จะขัดใจเขา
เพื่อพาเขาเปลี่ยนแปลง
เด็กทุกคนต้องการความรัก
และการยอมรับจากคนรอบตัว
โดยเฉพาะ "พ่อแม่" ของเขา
ความเอาแต่ใจจะลดลง
ในเด็กที่มั่นใจในตัวเอง
ซึ่งความมั่นใจนั้นต้องเกิดจากภายใน
เริ่มต้นจากการดูแลตัวเองได้
ไปสู่การทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
การยอมรับที่เกิดจากการมองเห็นคุณค่า
ในสิ่งที่ทำได้จริงๆ จะคงอยู่ในตัวเด็กๆ
และเติบโตไปพร้อมกับเขา
ด้วยรักจากใจ
เม
เพจตามใจนักจิตวิทยา

https://www.facebook.com/share/1Bn9SftH1E/
02/06/2025

https://www.facebook.com/share/1Bn9SftH1E/

“ไม่กลัวล้มเหลวจึงสำเร็จ เลี้ยงลูกให้มี GRIT ฮึด อึด สู้" บทความโดย #มัมมี่Bชวนเมาท์
#แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง
วันนี้ มัมมี่B อยากชวนคุยถึงซีรีส์ไทยกระแสแรง #สงครามส่งด่วนหรือ ทาง Netflix ส่วนตัวคิดว่าเป็นซีรีส์ที่จุดประกาย ปลุกไฟให้ข้อคิดแรงกล้า โดยเฉพาะกับเด็กยุคใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
“สันติ” เด็กดอยยากจน เกิดในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แต่กลับมีเป้าหมายในชีวิตชัดเจน มุ่งมั่นพยายามทำทุกทางไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายที่เขาตั้งไว้ให้ได้
ถึงไม่มีต้นทุนชีวิต แต่สันติมีหัวใจล้ำค่าแกร่งดัง “เพชร”
แม้จะถูกคนรอบข้าง รวมถึงพ่อของตัวเองดูถูกสักแค่ไหน ถึงจะล้มซ้ำซากแต่หัวใจก็ไม่เคยยอมแพ้ พุ่งชนทุกปัญหาลุกขึ้นยืนก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็ง
สุดท้ายสันติพาตัวเองและธุรกิจที่เขาสร้างขึ้น บินทะยานสูงขึ้นฟ้าเป็น “ยูนิคอร์นรายแรกของไทย” ที่มีมูลค่าทางธุรกิจหลายพันล้าน เขาทำได้อย่างไร ?
“GRIT" คือ คุณสมบัติที่ทำให้เด็กคนหนึ่งมีความมุ่งมั่น รักในสิ่งที่ทำ มีความเพียร อดทนและพยายามได้ในระยะยาว ถึงจะเบื่อท้อและเหนื่อยแต่จะไม่ถอย แม้เจอความล้มเหลวก็จะไม่ล้มเลิก หาทางแก้ปัญหาก้าวไปต่อจนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
GRIT จึงไม่ใช่การสอนลูกให้ #อดทนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่เป็นสร้างลูกที่มี #หัวใจนักสู้ไม่ยอมแพ้
ซึ่งพ่อแม่สามารถฝึกและสร้าง GRIT ให้ลูกได้ดังนี้
1. #รักและยอมรับเคียงข้างให้กำลังใจลูกเสมอ
“เป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยไหมลูก แม่ภูมิใจในตัวลูกนะ" ทุกครั้งที่โทรหา แม่มักจะพูดคำเหล่านี้กับสันติเสมอ

แม้จะยากจน ไม่มีความรู้ แต่แม่ของสันติมีสิ่งล้ำค่าที่มอบให้กับลูกเสมอ คือความรัก และกำลังใจ และการอยู่เคียงข้างในวันที่โลกทั้งใบอาจไม่ยอมรับเขาก็ตาม

ทำให้สันติรู้คุณค่าตัวเอง มั่นใจ ไม่ยอมแพ้ สู้เพื่อแม่ที่ยอมอดเพื่อให้เขาอิ่ม และสำคัญ คือการสู้เพื่อเป้าหมายที่ตัวเองสร้างขึ้นมา
2. #ฝึกวินัยสอนให้ลูกลำบากเป็น
สร้างวินัยและฝึกทักษะตามวัยให้กับลูก หากชินกับความสบาย ลูกจะไม่เข้าใจคำว่า “พยายาม” ฝึกให้ลูกตั้งเป้าหมายที่ต้องใช้ความพยายาม ทำซ้ำจนสำเร็จ ค่อยๆ เผชิญกับความยากขึ้นทีละน้อย

เช่น ทำงานบ้านที่ลูกไม่ชอบ, ขึ้นรถประจำทางไปโรงเรียนเอง, เจอปัญหาและได้ลองแก้ไขด้วยตัวเอง

ให้ลูกได้ค้นหากิจกรรมที่ชอบและต้องใช้ความพยายาม อดทนทำให้สำเร็จ เช่น ฝึกซ้อมดนตรี กีฬาที่ลูกสนใจ เพื่อแสดงหรือลงแข่ง วาดรูป ต่อจิกซอว์เลโก้ที่มีความยากและต้องใช้เวลากว่าจะสำเร็จ
3. #ชื่นชมในความพยายามมากกว่าผลลัพธ์

แทนที่การชมว่า “เก่งจัง” ให้พูดว่า “แม่ภูมิใจที่เห็นลูกพยายาม” สร้าง Growth mindset ให้ลูกเรียนรู้ว่า ความพยายาม คือสิ่งมีค่า ไม่ใช่ความสำเร็จที่จะต้องได้มาอย่างรวดเร็ว เพื่อแลกกับการยอมรับและคำชื่นชม
4. #ไม่ซ้ำเติมเมื่อล้มเหลวแต่สอนให้ลูกได้เรียนรู้
หลีกเลี่ยงการตำหนิ “เห็นไหม แม่บอกแล้ว” "ถ้าทำตามพ่อก็ไม่เป็นแบบนี้" อย่ารีบช่วยลูกแก้ปัญหา อย่าซ้ำเติมลูกเมื่อทำไม่สำเร็จ

“เราจะทำอย่างไรกันดี” “ลูกอยากทำยังไงต่อ” “วิธีนี้ไม่ได้ผล ไม่เป็นไรนะ ลูกอยากลองวิธีอื่นไหม”
เคียงข้างฝึกให้ลูกได้คิด เรียนรู้ หาทางแก้ไข เมื่อลูกทำได้จะเกิดเป็นความภูมิใจในตัวเอง ว่าพ่อแม่เชื่อมั่นในตัวเขา
#เพราะความสำเร็จไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ
ทุกความสำเร็จต้องผ่านความล้มเหลว และใช้ความเพียรพยายามแลกมาเสมอ
วันนี้ พ่อแม่พร้อมจะลงมือลงแรงเพื่อสร้าง GRIT ให้ลูกของเราแล้วหรือยัง ?
สำหรับพ่อแม่ที่ต้องการเรียนรู้สร้าง “GRIT” ให้กับลูก ด้วยการปลูกฝังวินัยภายใต้ความสัมพันธ์ที่ดี สื่อสารเชิงบวกสร้าง Self esteem ให้กับลูก สามารถลงทะเบียนเรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ https://www.netpama.com/
คอร์สเรียนของเราถูกออกแบบโดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น มีทั้งคลิปวิดีโอเรื่องราวต่าง ๆ ตัวอย่างคำพูดที่สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยเรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆค่ะ ♥️

#เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก

รอบพิเศษ... รอบสุดท้ายแล้วจริง ๆ พลาดครั้งนี้ไม่มีอีกแล้ว !โอกาสสุดท้ายสำหรับผู้ที่พลาดการสมัครเข้าร่วมการอบรม Level 1 แ...
06/05/2025

รอบพิเศษ... รอบสุดท้ายแล้วจริง ๆ พลาดครั้งนี้ไม่มีอีกแล้ว !
โอกาสสุดท้ายสำหรับผู้ที่พลาดการสมัครเข้าร่วมการอบรม Level 1 และ Level 2 🥰

หลักสูตรเสริมสร้างศักยภาพกระบวนกรห้องเรียนพ่อแม่
ระดับที่ 1: เพื่อนพ่อแม่ & ระดับที่ 2: กระบวนกรพ่อแม่
👉 อบรมต่อเนื่อง 5 วันเต็ม 👈
ในวันที่ 21 - 25 กรกฎาคม 2568 (วันจันทร์ - ศุกร์)
เวลา 08.30 - 17.30 น.
ณ โรงแรมเอส ดี อเวนิว (S.D. Avenue) จังหวัดกรุงเทพฯ

**สำหรับผู้ที่เคยผ่านระดับที่ 1 แล้ว สามารถสมัครเข้าร่วมเฉพาะ 4 วันหลัง หรือวันที่ 22 - 25 กรกฎาคม 2568 (วันอังคาร - ศุกร์) ได้เลยนะคะ**

สมัครได้ที่นี่
https://forms.gle/G4MjARE6SjauLoLXA
..รายละเอียดเพิ่มเติม...
- คุณสมบัติผู้สมัคร -
1) เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐที่ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาเด็กและครอบครัว ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพในการทำงาน
2) เรียน "คอร์สจัดเต็ม" ในเน็ตป๊าม้า ทำการบ้านจนครบทั้ง 6 บท และได้รับประกาศนียบัตร (เรียนที่นี่ : https://www.netpama.com/course/detail/2)

- มาอบรมกับเราจะได้อะไรบ้าง ? -
ได้เรียนรู้และฝึกทักษะ... ดังนี้
1) ทักษะการฟัง (listening skill)
2) ทักษะการตั้งคำถามชวนคิดแบบปลายเปิด (open-ended question)
3) ทักษะขั้นพื้นฐานในการทำกระบวนการกลุ่ม (group process)

**ผู้ที่ผ่านการพิจารณา จะได้รับการสนับสนุน "ค่าลงทะเบียน" เข้าร่วมการอบรม มูลค่า 25,000 บาท** (สนับสนุนโดย สสส.)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 065-472-0100 (พิมพ์ลภัส)
E-mail: contact.pamaplus@gmail.com
Line OA:
#เน็ตป๊าม้า

โอกาสดีๆ สำหรับผู้ปกครองของเด็กสมาธิสั้น ที่อยากเรียนรู้วิธีปรับพฤติกรรมเด็ก แบบไม่ต้องหลั่งน้ำตาทั้งพ่อ แม่และลูก ขอเชิ...
02/04/2025

โอกาสดีๆ สำหรับผู้ปกครองของเด็กสมาธิสั้น ที่อยากเรียนรู้วิธีปรับพฤติกรรมเด็ก แบบไม่ต้องหลั่งน้ำตาทั้งพ่อ แม่และลูก ขอเชิญลงทะเบียนเข้าอบรมอันนี้

📢 ฟรี‼️ ไม่มีค่าลงทะเบียน ห้องเรียนพ่อแม่ เพื่อการปรับพฤติกรรมเด็ก (PAMA for Child) รุ่นที่ 2

🗓วันที่ 8 เมษายน 2568 - 27 พฤษภาคม 2568

🔴ห้องเรียนพ่อแม่เพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูก เป็นห้องเรียนสำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่มีความปรารถนาเรียนรู้ตนเอง เทคนิค วิธีการและความรู้เพื่อนำไปปรับใช้กับลูกรัก โดยกระบวนการเรียนรู้เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง โดยใช้โปรแกรม NET PAMA ที่ถูกพัฒนามาจากหลักสูตรการปรับพฤติกรรมเด็กสำหรับผู้ปกครอง (Parent Management Training: PMT)

🔴กระบวนการในห้องเรียนจะเป็นรูปแบบกระบวนการกลุ่ม ที่มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เล่นกิจกรรมสนุกๆ และแสดงบทบาทสมมุติ เพื่อให้ผู้ปกครองได้ซักซ้อมเทคนิควิธีการเพื่อไปปรับใช้กับลูก

🔴 ห้องเรียนนี้มีทั้งหมด 7 ครั้งต่อเนื่อง ซึ่งเนื้อหาเป็นการเรียนรู้แบบขั้นบันได ที่มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ดังนี้

🌟 หัวข้อการเรียนรู้
1️⃣ พื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็ก
2️⃣ ทักษะการสื่อสารเชิงบวก
3️⃣ เทคนิคการชมอย่างมีประสิทธิภาพ
4️⃣ เทคนิคการให้รางวัลอย่างมีประสิทธิภาพ
5️⃣ เทคนิคการลงโทษอย่างมีประสิทธิภาพ
6️⃣ เทคนิคสร้างเกมให้คะแนน
7️⃣ สรุปบทเรียนพ่อแม่เชิงบวก

🏥สถานที่ : ห้องประชุมศ.พญ.คุณหญิงสุภา มาลากุล ณ อยุธยา ชั้น 5 สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนคริทร์

⏰วันเวลา : ทุกวันอังคาร เวลา 17.00-20.00น.

❗️รับจำนวนจำกัดเพียง 30 คนเท่านั้นนะคะ❗️
* การแต่งกายสุภาพ สวมชุดที่เหมาะกับกิจกรรมเคลื่อนไหว
** หากผู้เข้าร่วมสามารถเข้าร่วมได้ ทั้งหมด 7 ครั้งต่อเนื่อง จะเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้และฝึกฝนตนเองเป็นอย่างมาก ดังนั้นขอความร่วมมือเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างต่อเนื่อง

Link สำหรับลงทะเบียน : https://forms.gle/2hiBjQap9Pum52hw7

📢 ฟรี‼️ ไม่มีค่าลงทะเบียน ห้องเรียนพ่อแม่ เพื่อการปรับพฤติกรรมเด็ก เขตราชเทวี (PAMA for Child) รุ่นที่ 2🗓วันที่ 8 เมษายน...
24/03/2025

📢 ฟรี‼️ ไม่มีค่าลงทะเบียน ห้องเรียนพ่อแม่ เพื่อการปรับพฤติกรรมเด็ก เขตราชเทวี (PAMA for Child) รุ่นที่ 2

🗓วันที่ 8 เมษายน 2568 - 27 พฤษภาคม 2568

🔴ห้องเรียนพ่อแม่เพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูก เป็นห้องเรียนสำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่มีความปรารถนาเรียนรู้ตนเอง เทคนิค วิธีการและความรู้เพื่อนำไปปรับใช้กับลูกรัก โดยกระบวนการเรียนรู้เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง โดยใช้โปรแกรม NET PAMA ที่ถูกพัฒนามาจากหลักสูตรการปรับพฤติกรรมเด็กสำหรับผู้ปกครอง (Parent Management Training: PMT)

🔴กระบวนการในห้องเรียนจะเป็นรูปแบบกระบวนการกลุ่ม ที่มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เล่นกิจกรรมสนุกๆ และแสดงบทบาทสมมุติ เพื่อให้ผู้ปกครองได้ซักซ้อมเทคนิควิธีการเพื่อไปปรับใช้กับลูก

🔴 ห้องเรียนนี้มีทั้งหมด 7 ครั้งต่อเนื่อง ซึ่งเนื้อหาเป็นการเรียนรู้แบบขั้นบันได ที่มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ดังนี้

🌟 หัวข้อการเรียนรู้
1️⃣ พื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็ก
2️⃣ ทักษะการสื่อสารเชิงบวก
3️⃣ เทคนิคการชมอย่างมีประสิทธิภาพ
4️⃣ เทคนิคการให้รางวัลอย่างมีประสิทธิภาพ
5️⃣ เทคนิคการลงโทษอย่างมีประสิทธิภาพ
6️⃣ เทคนิคสร้างเกมให้คะแนน
7️⃣ สรุปบทเรียนพ่อแม่เชิงบวก

🏥สถานที่ : ห้องประชุมศ.พญ.คุณหญิงสุภา มาลากุล ณ อยุธยา ชั้น 5 สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนคริทร์

⏰วันเวลา : ทุกวันอังคาร เวลา 17.00-20.00น.

❗️รับจำนวนจำกัดเพียง 30 คนเท่านั้นนะคะ❗️
* การแต่งกายสุภาพ สวมชุดที่เหมาะกับกิจกรรมเคลื่อนไหว
** หากผู้เข้าร่วมสามารถเข้าร่วมได้ ทั้งหมด 7 ครั้งต่อเนื่อง จะเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้และฝึกฝนตนเองเป็นอย่างมาก ดังนั้นขอความร่วมมือเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างต่อเนื่อง

Link สำหรับลงทะเบียน : https://forms.gle/2hiBjQap9Pum52hw7

ใครว่าเด็กสมาธิสั้นเจ็บปวดไม่เป็น ภายนอกที่ดูร่าเริง ดูไม่น่าจะเก็บอะไรไว้ในใจ แต่ความจริงเด็กกลุ่มนี้มีเรื่องให้เจ็บปวด...
12/02/2025

ใครว่าเด็กสมาธิสั้นเจ็บปวดไม่เป็น ภายนอกที่ดูร่าเริง ดูไม่น่าจะเก็บอะไรไว้ในใจ แต่ความจริงเด็กกลุ่มนี้มีเรื่องให้เจ็บปวดทุกวัน เด็กสมาธิสั้นหลายคนที่หมอเจอก็มีอาการนี้

‘ภาวะความสิ้นหวังอันเกิดจากการเรียนรู้ (Learned helplessness)’ เกิดขึ้นได้เมื่อเราเจอกับเหตุการณ์แย่ๆ ที่ไม่พึงปรารถนาเป็นเวลานาน และไม่อาจควบคุมอะไรได้เลย ก็จะเฉยชาไม่ตอบสนองต่อเหตุการณ์เดียวกันนั้นอีกต่อไป แม้ว่าจะเกิดผลเสียกับตัวเองก็ตาม

มองดูราวกับว่าเกิดความ ‘สิ้นหวัง’ หลังจากต้องพบกับสภาวะดังกล่าวเป็นเวลานาน จนเกิดการเรียนรู้จดจำ เกิดความเครียด ความกระวนกระวายใจ และความซึมเศร้าอย่างไม่หยุดหย่อน

อาการทั้งหมดที่เห็นนี้อธิบายได้ผ่านสรีรวิทยา โดยกลไกการควบคุมการหลั่งหรือไม่หลั่งฮอร์โมนบางอย่าง เช่น เซโรโทนิน ควบคู่กับการทำงานของสมองบางบริเวณอย่างจำเพาะเจาะจง (เช่น ส่วนที่ชื่อว่า dorsal raphe nucleus และ medial prefrontal cortex)

ดังนั้นตามธรรมชาติแล้ว สัตว์ต่างๆ รวมทั้งมนุษย์สามารถเรียนรู้จะควบคุมเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาได้ เป็นระบบที่ติดตั้งมาตั้งแต่เกิดตามพันธุกรรม แต่การต้องพบเจอกับ ‘ตัวกระตุ้นที่เลวร้าย’ ซ้ำๆ อย่างยาวนานทำให้เราหยุดที่จะเรียนรู้ (ว่าควบคุมสถานการณ์ได้)

พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เจ็บปวดบ่อยๆ เข้า เราก็จะชาชินและทนยอมรับสภาพโดยไม่สู้อะไร ทั้งๆ ที่ร่างกายเราสร้างจิตใจที่พร้อมต่อสู้มาให้ เราเลิกเรียนรู้ที่จะต่อสู้ ยอมแพ้และยอมรับความแตกสลายกายใจ

การแก้ไขปัญหาจึงอาจทำได้ผ่านทางร่างกาย (การควบคุมระดับฮอร์โมนและการกระตุ้นสมองอย่างจำเพาะ) หรือทางจิตใจ (การฝึกฝนความคิดให้ไม่สิ้นหวัง) ฝึก ‘การมองโลกในแง่ดีเพื่อเรียนรู้ (learned optimism)’ และประยุกต์หาวิธีการเพื่อท้าทายและเอาชนะภาวะความสิ้นหวังอันเกิดจากการเรียนรู้นี้ในมนุษย์

เรื่องนี้นำมาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างในระบบการศึกษาของไทยและจะทำอย่างไรให้ไม่เกิดความสิ้นหวังกับเยาวชนของเรา?

ในระบบการเรียนการสอน นักเรียนนักศึกษาที่ตอบคำถามไม่ได้ แล้วโดนลงโทษอยู่เสมอๆ จะเป็นเช่นไร? ครูอาจารย์อาจต้องระวังในเรื่องนี้ เพราะเด็กก็เหมือนอยู่ในกรงที่หนีไปไหนไม่ได้ หากเจ็บจากการลงโทษเสมอจนถอดใจ ก็จะไม่สามารถเรียนรู้ ‘การควบคุม’ ตัวเองภายใต้ความกดดันของสถานการณ์ต่างๆ ที่ต้องเผชิญในอนาคต และไม่สามารถหล่อเลี้ยง ‘ความหวัง’ ในปัจจุบันไว้ได้

การใช้วิธีให้รางวัล เช่น การชมเชยกับเด็กทุกคน โดยไม่นำเด็กแต่ละคนมาเปรียบเทียบกัน แต่ให้ดูพัฒนาการของเด็กคนนั้นเองว่าดีขึ้นเพียงใดจากก่อนหน้า จึงเป็นเรื่องดีและเหมาะสมกว่า

แต่ที่น่ากลัวและน่าเป็นห่วงมากกว่าในระบบการศึกษาคือ ระบบการเมืองที่ทำให้ประชาชนคนไทยทั่วไปคิดว่า เราไม่อาจทำอะไรได้ เราไม่อาจแก้ปัญหาสำคัญๆ ได้เลยต่างหาก!

อ่านบทความ แค่ยอมรับสภาพ หรือเพราะภาวะความสิ้นหวังจากการเรียนรู้ ‘Learned helplessness’ https://thepotential.org/life/learned-helplessness/

เรื่อง นำชัย ชีววิวรรธน์
Illustrator ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

ที่อยู่

123/41-43 Rattanatibate
Nonthaburi

เบอร์โทรศัพท์

+66834334000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สมาธิสั้น แล้วไงผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท