Mcare Pharma ร้านยาเอ็มแคร์ฟาร์ม่า จำหน่ายยาดี มีคุณภาพ ยินดีให้บริการทุกท่านค่ะ

22/12/2024

แอดเห็นคลิปแล้วใจหายยยย...ขอบคุณน้องโจ้ เภสัชสุดหล่อของร้านยาเอ็มแคร์ฟาร์ม่าเราด้วยนะคะที่ช่วยเหลือน้องไว้ได้ทัน และขอบคุณเพจ Thairath - ไทยรัฐออนไลน์ ที่นำเสนอเรื่องราวดีๆให้กับสังคมค่ะ🙏😊

ตำแหน่งสิวบนใบหน้ากำลังบอกอะไรเรานะ?🧐หน้าผากซ้ายและขวา :สิวที่ขึ้นตำแหน่งหน้าผากซ้ายและขวาเกิดได้จากการลบเครื่องสำอางที่...
09/11/2024

ตำแหน่งสิวบนใบหน้ากำลังบอกอะไรเรานะ?🧐

หน้าผากซ้ายและขวา :
สิวที่ขึ้นตำแหน่งหน้าผากซ้ายและขวาเกิดได้จากการลบเครื่องสำอางที่ไม่สะอาดหมดจดจนทำให้ยังเหลือคราบของเครื่องสำอางค้างคาไว้อยู่บนใบหน้า อีกทั้งยังบ่งบอกได้ว่าเรากำลังปัญหาเรื่องของกระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต และการย่อยอาหารได้อีกด้วย

ระหว่างหัวคิ้ว :
สิวที่ขึ้นตำแหน่งนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังมีปัญหาด้านระบบการทำงานของตับที่ทำงานผิดปกติ หรืออาจเกิดได้จากระบบการย่อยของแลคโตสที่ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ นอกจากนั้นหากเป็นคนชอบกินอาหารมื้อดึกก็สามารถเกิดสิวบริเวณนี้ได้เช่นเดียวกัน

รอบดวงตาซ้ายและขวา :
ใครที่ดื่มน้ำในแต่ละวันไม่เพียงพอก็อาจต้องเจอกับสิวที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ได้ เพราะสิวที่ผุดขึ้นบริเวณนี้นั้นส่งสัญญาณว่าไตกำลังทำงานไม่ดีพอ เพราะดื่มน้ำน้อยนั่นเอง นอกจากปัญหาเรื่องไตแล้ว ยังบอกได้อีกว่าเราอาจกำลังต้องเผชิญกับโรคภูมิแพ้อีกด้วย

จมูกและเหนือริมฝีปาก :
สิวตำแหน่งนี้เป็นสัญญาณเตือนถึงอาการทางหัวใจและระบบสืบพันธุ์ หรือหากมีลักษณะของสิวที่แดงจัดๆ นั้นบ่งบอกถึงโรคความดันโลหิตสูง ส่วนใครที่มีสิวหัวดำเยอะๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนเรื่องของฮอร์โมนได้ด้วยเช่นกัน

ข้างริมฝีปากมุมซ้ายและขวา :
จุดที่ 5 นี้ เกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะสาวๆ ที่จะเจอกับน้องสิวจุดนี้ได้เมื่อกำลังจะมีประจำเดือนนั่นเอง นอกจากนั้นแล้วยังบ่งบอกถึงปัญหาของฟันกราม หรืออาจมีฟันคุดกำลังขึ้นอยู่ก็เป็นไปได้

แก้มซ้ายและขวา :
ในส่วนของแก้มส่วนบนเป็นสัญญาณเตือนถึงระบบไซนัสและการทำงานของปอดที่อาจมีปัญหาอยู่ ส่วนมากจะเกิดขึ้นกับคนที่สูบบุหรี่ แพ้ควันบุหรี่ หรือเป็นหวัดเรื้อรัง ส่วนทางด้านของแก้มส่วนล่างเป็นสิวที่บอกได้ถึงปัญหาของสุขภาพช่องปาก เช่น ฟันผุ โรคเหงือก ฟันไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เป็นต้น

ใบหูซ้ายและขวา :
สำหรับตำแหน่งนี้เป็นเรื่องของสุขอนามัยล้วนๆ ที่หากใครล้างแชมพูไม่หมด หรือมีสิ่งสกปรกบนโทรศัพท์มือถือของเราเองก็อาจเกิดสิวขึ้นได้ง่ายๆ ฉะนั้นทุกคนควรรักษาความสะอาดของตัวเองให้ดี

คาง :
เป็นซิกแนวว่ากระเพาะอาหารและลำไส้เล็กทำงานไม่ปกติ ซึ่งอาจเกิดสาเหตุได้จากการกินอาหารรสจัดมากจนเกินไป รวมไปถึงการกินอาหารที่ไม่ตรงเวลาเป็นประจำ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนก่อให้เกิดแผลในกระเพาะในเวลาต่อมา

คอและหน้าอก :
ความเครียดและความวิตกกังวลอาจทำให้สิวผุดขึ้นบริเวณนี้ เนื่องจากสิวที่คอและหน้าอกนั้นทำงานกันโดยตรงกับระบบสมองและหัวใจ ยิ่งเครียดยิ่งกดดัน การทำงานของหัวใจก็ยิ่งทำงานหนักขึ้น และในท้ายที่สุดก็จะมีสิวโผล่ขึ้นมาได้
ุกท่าน #สิว #ตำแหน่งสิวบอกโรค #ร้านขายยา #ร้านขายยาราชพฤกษ์

เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้วน้าาา... หนาวกี่วัน หนาวกี่โมง🥶แต่โรคภัยที่มาพร้อมหน้าหนาวนี่สิ น่าห่วง มีอะไรบ้าง? ดูข้อมูลด้านล่า...
06/11/2024

เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้วน้าาา... หนาวกี่วัน หนาวกี่โมง🥶
แต่โรคภัยที่มาพร้อมหน้าหนาวนี่สิ น่าห่วง มีอะไรบ้าง? ดูข้อมูลด้านล่างได้เลยค่ะ😊

ุกท่าน #ร้านขายยา #ร้านยาราชพฤกษ์

อยากไปเที่ยว...จาไปเที่ยวงานลอยกระทงที่เนี่ยยยยย....😍
24/10/2024

อยากไปเที่ยว...จาไปเที่ยวงานลอยกระทงที่เนี่ยยยยย....😍

🥳🌕 ลอยลอยกระทง ลอยกระทงกันแล้ว ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง🎵🎵🎵

🎊🌕 เตรียมพร้อมซ้อมเดินกินเที่ยว งานประเพณีวันลอยกระทง ณ ท่าน้ำนนทบุรี 12 – 15 พฤศจิกายน 2567

🍭🎡 มีตลาดถนนคนเดิน ขายกินของขายของเล่นเยอะแยะและชมดนตรี 🎶

🎤พร้อมเวทียิ่งใหญ่ประกวดนางนพมาศและหนูน้อยนพมาศ 🕯️และประกวดประดิษฐ์กระทง 🌟

📍ท่าน้ำนนท์ งานใหญ่คนเยอะแยะหนาแน่นเสมอ 🥳
📣 จัดโดย เทศบาลนครนนทบุรี

👉 ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่คอมเมนต์

#ข่าวคนนนท์
เทศบาลนครนนทบุรี โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์
#เพจข่าวคนนนท์ #นนทบุรี #ลอยกระทง #วันลอยกระทง #นนทบุรี

 #เล่าไปเรื่อยวันก่อนเล่าค้างไว้ถึงตอนที่คณะกรรมการร่วมความดันโลหิตสูงอเมริกัน(The Joint National Committee on the Preve...
24/10/2024

#เล่าไปเรื่อย

วันก่อนเล่าค้างไว้ถึงตอนที่คณะกรรมการร่วมความดันโลหิตสูงอเมริกัน(The Joint National Committee on the Prevention, Detection, Evaluation, and Treatment of High Blood Pressure; JNC) ได้ออกคำแนะนำ(guideline)ใน JNC 8 เกี่ยวกับการควบคุมความดันโลหิตสูงสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปโดยมีที่มาจากผลการศึกษาที่น่าเชื่อถือหลายฉบับ ว่าการปล่อยความดันโลหิตตัวบนขึ้นไปถึงระดับประมาณ 140-150 มิลลิเมตรปรอทนั้นจะดีกับผู้สูงอายุมากกว่า ดังนั้นวันนี้ก็จะมาเฉลยคำตอบครับว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

สาเหตุก็คือว่า การพยายามกดความดันโลหิตตัวบนในผู้สูงอายุมากเกินไปทำให้ผู้สูงอายุมีโอกาสหน้ามืดลื่นตกหกล้มนั่นเองครับ!

เรื่องนี้มีงานวิจัยขนาดใหญ่ที่เขาได้ทำการศึกษาผู้เอาประกันภัยที่อยู่ในโครงการความช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลของหน่วยงานในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า ไกเซอร์ เพอร์มาเนนเต้ (Kaiser Permanente) โดยเก็บข้อมูลผู้เอาประกันภัยดังกล่าวซึ่งเป็นโรคความดันโลหิตสูงจำนวนถึง 470,000 คน และติดตามผู้เอาประกันภัยเหล่านี้ไปนาน 1 ปี ผลก็คือ พบว่าหากลดความดันโลหิตตัวบนลงต่ำเกินไป เช่น ต่ำลงกว่า 110 มิลลิเมตรปรอท จะเพิ่มความเสี่ยงการลื่นตกหกล้มจนต้องเข้าโรงพยาบาลถึง 50% เลยทีเดียว งานวิจัยนี้มีการตีพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา(American Journal of Preventive Medicine-AJPM)ด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ ผู้สูงอายุบางคนยังมีลักษณะความดันเลือดที่ขึ้นๆลงๆระหว่างวันสูงกว่าคนทั่วไป จึงยิ่งเพิ่มโอกาสเวียนหัวและลื่นล้มจากความดันที่ต่ำลงอย่างมากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้คนที่อายุมาก เช่น อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป จึงควรปล่อยให้ความดันโลหิตตัวบนสูงขึ้นมาหน่อย ไม่ควรกดความดันให้ต่ำมากจนเกินไป

สรุปประเด็นเรื่องนี้จากคำแนะนำของ JNC 8 ครับ
1.สำหรับผู้ที่อายุยังไม่ถึง 60 ปีซึ่งอาจไม่เป็นหรือเป็นโรคเบาหวานร่วมด้วยก็ได้ (แต่ต้องไม่เป็นโรคไตเรื้อรังด้วย) ระดับความดันโลหิตตัวบนตั้งแต่ 140 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป หรือความดันโลหิตตัวล่างตั้งแต่ 90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงนับว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง และควรได้รับการรักษาด้วยยาลดความดันโลหิต โดยมีเป้าหมายให้ความดันโลหิตต่ำกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท
2.สำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ควรได้รับการรักษาด้วยยาลดความดันโลหิตเมื่อระดับความดันโลหิตตัวบนตั้งแต่ 150 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป หรือความดันโลหิตตัวล่างตั้งแต่ 90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีเป้าหมายให้ความดันโลหิตต่ำกว่า 150/90 มิลลิเมตรปรอท

ปิดท้ายเรื่องการรักษาโรคความดันโลหิตสูงโดยการปรับการดำเนินชีวิต(Lifestyle modification) โดยเป็นผลสรุปจากงานวิจัยต่างๆ ซึ่งถ้าใครทำได้ตามนี้รับรองได้ว่าหายขาดจากโรคความดันโลหิตสูงแน่นอนครับ
1.สำหรับผู้ที่น้ำหนักเกินมาตรฐาน หากลดน้ำหนักลงได้ 10 กิโลกรัม จะทำให้ความดันโลหิตตัวบน(systolic)ลดลงได้ 5-20 มิลลิเมตรปรอท
2.ปรับเปลี่ยนรูปแบบการกินอาหารให้เป็นแบบ DASH Diet ซึ่งเป็นสูตรอาหารสำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา รูปแบบการกิน DASH Diet นี้คือ การกินพวกธัญพืชหรือข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวกล้อง กินผักและผลไม้เยอะๆ อาหารรูปแบบ DASH Diet นี้ทำให้ความดันโลหิตตัวบนลดลงได้ 8-14 มิลลิเมตรปรอท
3.การออกกำลังกายแบบแอโรบิคระดับหนักจนเหนื่อยหอบ ให้ได้เวลารวม 150 นาทีต่อหนึ่งสัปดาห์ วิธีนี้ช่วยลดความดันโลหิตตัวบนลงได้อีก 4-9 มิลลิเมตรปรอท
4.ลดเกลือในอาหาร ช่วยความดันโลหิตตัวบนลงได้อีก 2-8 มิลลิเมตรปรอท
5.ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดความดันโลหิตตัวบนลงได้ 2-4 มิลลิเมตรปรอท

ถ้าปรับเปลี่ยนได้ทั้งหมดตามนี้ ก็เป็นอันบอกลาโรคนี้ โยนยาทิ้งได้เลยครับ

#ความดันโลหิตสูง
#ร้านยาเอ็มแคร์ฟาร์ม่า #ร้านยาใกล้ฉัน #ร้านยาใกล้เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ #ร้านยาแถวราชพฤกษ์ #ร้านยาปิดดึก

ใครกำลังมีอาการผื่นคันแบบนี้บ้างงงงง...เข้าข่าย 3 ลักษณะนี้ อาจจะกำลังเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังอยู่น้าา เพื่อให้แน่ใจและได้ร...
24/10/2024

ใครกำลังมีอาการผื่นคันแบบนี้บ้างงงงง...เข้าข่าย 3 ลักษณะนี้ อาจจะกำลังเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังอยู่น้าา เพื่อให้แน่ใจและได้รับการรักษาที่ถูกต้องมาให้เภสัชช่วยดูอาการให้อีกทีนะคะ😊

ุกท่าน #ร้านขายยา #ร้านขายยาราชพฤกษ์

 #เล่าไปเรื่อยเว้นไปหลายวันไม่ได้มาเล่าต่อเพราะติดลูกค้าเข้าร้าน วันนี้ว่างหน่อยก็ขอมาเล่าตอนต่อของเรื่องความดันโลหิตสูง...
22/10/2024

#เล่าไปเรื่อย

เว้นไปหลายวันไม่ได้มาเล่าต่อเพราะติดลูกค้าเข้าร้าน วันนี้ว่างหน่อยก็ขอมาเล่าตอนต่อของเรื่องความดันโลหิตสูงกันนะครับ ต่อกันเลย...

ในตอน 1 ได้เล่าไปเกี่ยวกับเกณฑ์ใหม่ที่วิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจ(American College of Cardiology:ACC)และสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน(American Heart Association:AHA) ได้ขยับตัวเลขเกณฑ์ความดันโลหิตสูงลงมาเมื่อปี 2017 จากเดิมต้องสูงตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป ขยับเกณฑ์ลงมาเป็นต้องสูงตั้งแต่ 130/80 มิลิเมตรปรอทขึ้นไป ก็นับเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้ว

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านั้นนิดหน่อย คือ ปี 2014 หน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดทำคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการโรคความดันโลหิตสูงอีกค่ายนึง คือ คณะกรรมการร่วมความดันโลหิตสูงอเมริกัน(The Joint National Committee on the Prevention, Detection, Evaluation, and Treatment of High Blood Pressure; JNC) ได้ออกคำแนะนำฉบับล่าสุด คือ JNC 8 ซึ่งยังคงเกณฑ์ตัวเลขความดันโลหิตสูงไว้อยู่ที่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไปจึงจะนับว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง เกณฑ์นี้สำหรับผู้ที่อายุยังไม่ถึง 60 ปีซึ่งอาจไม่เป็นหรือเป็นโรคเบาหวานด้วยก็ได้ (แต่ต้องไม่เป็นโรคไตเรื้อรังด้วย)

จะเห็นว่าเกณฑ์ของทั้ง 2 หน่วยงานกำหนดตัวเลขไว้ไม่เท่ากัน แต่สุดท้ายผู้ชนะคือฝั่งวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจ(American College of Cardiology:ACC)และสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน(American Heart Association:AHA)ครับ

แต่ที่ยกเอาคำแนะนำ JNC 8 นี้ขึ้นมาในตอนนี้ เพราะมีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจมากและอยากเอามาเล่าให้ฟังวันนี้นี่แหละ

ประเด็นสำคัญ คือว่า JNC 8 นี้ยังได้กำหนดเกณฑ์ความดันโลหิตสูงสำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปไว้ว่า ถ้าความดันโลหิตระดับตั้งแต่ 150/90 มิลลิเมตรปรอทเป็นต้นไป จึงค่อยให้เริ่มใช้ยาลดความดันโลหิต

อ่านแล้วแปลกมั้ยครับ???

เกณฑ์ดังกล่าวนี้มีที่มาจากผลสรุปของงานวิจัยที่น่าเชื่อถือหลายฉบับนั่นเอง จะขอยกขึ้นมา 2 ฉบับนะครับ

งานวิจัยแรกชื่อว่า "JATOS" เป็นงานวิจัยขนาดใหญ่ทำในประเทศญี่ปุ่น โดยศึกษาในคนไข้ชาวญี่ปุ่นที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 4,400 คน เอามาแบ่งเป็น 2 กลุ่มเท่าๆกัน
- กลุ่ม 1 (2,200 คน) คุมความดันโลหิตตัวบนอย่างเข้มงวดไม่ให้เกิน 139 มิลิเมตรปรอท
- กลุ่ม 2 (2,200 คนเท่ากัน) คุมความดันโลหิตตัวบนไม่เข้มงวดมาก โดยให้อยู่ในช่วง 141-150 มิลลิเมตรปรอท
และผลการศึกษาที่ได้ ชี้ว่าทั้ง 2 กลุ่มมีอัตราการป่วยหรือตายเท่ากัน ไม่ต่างกัน แต่ช่วงท้ายๆของการศึกษาเริ่มพบว่ากลุ่ม 2 กลับเริ่มมีอัตราการป่วยหรือตายน้อยกว่ากลุ่มที่ 1

งานวิจัยอันที่ 2 ชื่อ "VALISH" ศึกษาในคนไข้ชาวญี่ปุ่นที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปเช่นกัน จำนวน 3,260 คน เอามาแบ่งเป็น 2 กลุ่มเท่าๆกัน
- กลุ่ม 1 (1,630 คน) คุมความดันโลหิตตัวบนไว้ไม่ให้เกิน 140 มิลิเมตรปรอท
- กลุ่ม 2 (อีก 1,630 คน) ปล่อยให้ความดันโลหิตตัวบนขึ้นไปได้ถึง 150 มิลลิเมตรปรอท
ผลการศึกษานี้ยิ่งชัดเจนกว่าอันแรก คือ พบว่ากลุ่ม 2 มีอัตราการป่วยหรือตายน้อยกว่ากลุ่มที่ 1 ตั้งแต่เริ่มการศึกษาได้ไม่กี่เดือนและเห็นได้ตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ทำการศึกษา

จากผลของการศึกษา 2 ฉบับที่ยกมา แปลความได้ว่า สำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปนั้น การยอมให้ความดันโลหิตตัวบนสูงขึ้นไปซักนิดคือไม่เกิน 150 มิลลิเมตรปรอท จะเป็นผลดีมากกว่าการกดความดันโลหิตไว้ที่ไม่เกิน 140 มิลลิเมตรปรอท และนี่เองจึงเป็นที่มาของคำแนะนำ JNC 8 ที่ยกมาวันนี้แหละครับ

😅ยาวอีกแล้ว แต่ยังไม่จบจนได้ ขอยกไปจบตอนหน้าแล้วกันนะครับ จะมาเฉลยว่าทำไมถึงต้องยอมให้ความดันโลหิตตัวบนเพิ่มขึ้นไปในผู้สูงอายุ และค่อยจบด้วยวิธีการทำให้หายจากโรคความดันโลหิตสูงแบบที่เลิกกินยาความดันกันไปเลยครับ

#ความดันโลหิตสูง
#ร้านยาเอ็มแคร์ฟาร์ม่า #ร้านยาใกล้ฉัน #ร้านยาใกล้เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ #ร้านยาแถวราชพฤกษ์ #ร้านยาปิดดึก

 #เล่าไปเรื่อยมีใครเป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่บ้าง ถ้ามี มาทำความเข้าใจและอัพเดทเกี่ยวกับโรคนี้กันหน่อย เพราะมีประเด็นที่...
19/10/2024

#เล่าไปเรื่อย

มีใครเป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่บ้าง ถ้ามี มาทำความเข้าใจและอัพเดทเกี่ยวกับโรคนี้กันหน่อย เพราะมีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่างทีเดียวครับ 🙂

1. โรคความดันโลหิตสูงคืออะไรนะ
นี่เป็นเรื่องแรกเลยที่ต้องรู้ครับเกี่ยวกับโรคนี้ ปกติแล้วความดันโลหิตคือแรงดันของเลือดภายในเส้นเลือดขณะที่หัวใจบีบตัวและคลายตัว ค่าความดันโลหิตมักถูกวัดออกเป็นสองค่า คือ ค่าบน(Systolic pressure)ซึ่งเป็นความดันขณะที่หัวใจบีบตัว และค่าล่าง(Diastolic pressure)ที่เป็นความดันเมื่อหัวใจคลายตัว โดยค่าความดันโลหิตปกติจะอยู่ที่ 120/80 มิลลิเมตรปรอท แต่หากความดันโลหิตสูงกว่าเกณฑ์นี้เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอันตรายแก่อวัยวะปลายทาง ที่สำคัญได้แก่ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไต เป็นต้น ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องควบคุมความดันโลหิตของเราให้อยู่ในเกณฑ์ปกติมากที่สุด

2. สาเหตุการเกิดโรค
โรคความดันโลหิตสูงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เราแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ได้แก่
- ชนิดปฐมภูมิ(Primary hypertension) : ความดันโลหิตสูงชนิดนี้ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน แต่มักเกิดจากหลายๆปัจจัยร่วมกัน เช่น พันธุกรรม สิ่งแวดล้อม อายุเพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวเกิน กินอาหารที่มีโซเดียมสูง สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และการขาดการออกกำลังกาย
- ชนิดทุติยภูมิ(Secondary hypertension) : ชนิดนี้มักพบสาเหตุที่ชัดเจน เช่น โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ตีบแคบ โรคต่อมไทรอยด์ ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางประเภท หรืออาจเกิดจากฮอร์โมนผิดปกติก็ได้เช่นกัน

3. ระดับความดันโลหิตสูงตามเกณฑ์ล่าสุด
เกณฑ์เดิมของโรคความดันโลหิตสูง ได้กำหนดไว้ว่า โรคความดันโลหิตสูง คือ ภาวะที่มีความดันโลหิตสูงตั้งแต่ระดับ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นค่าความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัว(systolic)หรือความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัว(diastolic) สูงกว่าเกณฑ์ปกติแค่ตัวใดตัวหนึ่งหรือทั้ง 2 ตัวก็ตาม ดังนี้จัดว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้ว

แต่ล่าสุดวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจ(American College of Cardiology:ACC)และสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน(American Heart Association:AHA) ได้อัปเดตเกณฑ์การวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงใหม่ในปี 2017 โดยเขาแบ่งระดับความดันโลหิตใหม่ออกเป็นดังนี้ครับ
- ความดันปกติ(Normal) : ไม่เกิน 120/80 มิลลิเมตรปรอท
- เริ่มสูง(Elevated): ค่าบนอยู่ระหว่าง 120-129 และค่าล่างไม่เกิน 80
- ความดันโลหิตสูงระยะที่ 1(Stage 1 hypertension): ค่าบนระหว่าง 130-139 หรือค่าล่างระหว่าง 80-89
- ความดันโลหิตสูงระยะที่ 2(Stage 2 hypertension): ค่าบนมากกว่า 140 หรือค่าล่างมากกว่า 90
- ความดันโลหิตสูงระดับวิกฤติ(Hypertensive crisis): ค่าบนสูงกว่า 180 หรือค่าล่างสูงกว่า 120 ถ้าความดันโลหิตใครขึ้นถึงระดับนี้นี่ จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนครับ

จะเห็นว่าใจความสำคัญจากเกณฑ์ล่าสุดดังกล่าว คือ การขยับตัวเลขเกณฑ์ความดันโลหิตสูงลงมา
จากเดิมต้องสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป เขาจึงจะนับว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ส่วนเกณฑ์ใหม่ คือ สูงกว่า 130/80 มิลิเมตรปรอทขึ้นไป ก็เป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้ว

จากเกณฑ์ใหม่นี้เอง ก็ทำให้มีผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงหน้าใหม่เพิ่มขึ้นทันทีหลายล้านคนทั่วโลกพร้อมกัน !
ประเด็นการปรับเกณฑ์ใหม่นี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนไม่เห็นด้วยและออกมาโต้แย้ง แต่ทางหน่วยงาน ACC/AHA ก็ชี้แจงว่าการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ดังกล่าวมีผลดีในแง่ที่ทำให้คนระมัดระวังและใส่ใจความดันโลหิตของตัวเองมากขึ้น (ยาลดความดันโลหิตก็พลอยขายดีขึ้นไปด้วย)

4. สถิติผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในประเทศไทย
จากข้อมูลล่าสุดโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้รายงานว่า คนไทยในวัยผู้ใหญ่เป็นโรคความดันโลหิตสูงกันถึง 20% ของประชากรเลยทีเดียว อันนี้ยังไม่นับรวมคนไทยอีกจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าตัวเองก็เป็นโรคความดันโลหิตสูงกับเขาด้วยเพราะไม่เคยตรวจและไม่มีอาการ เนื่องจากโรคนี้มักไม่มีอาการเด่นชัดครับ

5. อันตรายของโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
ก็เพราะคนที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดงให้เห็นชัดเจน ทำให้คนจำนวนมากไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ จึงไม่ได้รับการรักษา โรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการรักษาหรือควบคุมอย่างเหมาะสมนี้ จะนำไปสู่อันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพได้หลายอย่าง เช่น
- โรคหัวใจขาดเลือด(Coronary artery disease): ความดันโลหิตสูงทำให้หลอดเลือดแดงหนาขึ้นและแข็งตัว หลอดเลือดเสียความยืดหยุ่นและเกิดการอุดตัน ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดจึงเพิ่มขึ้น
- ภาวะหัวใจล้มเหลว(Heart failure): ความดันโลหิตที่สูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจของเราต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความดันที่สูง กล้ามเนื้อหัวใจค่อยๆหนาตัวขึ้นซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว
- โรคหลอดเลือดสมอง(Stroke): ความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการรักษาหรือควบคุม เป็นสาเหตุหลักโดยตรงที่ทำให้เกิดการตีบหรือแตกของหลอดเลือดในสมอง หรือที่เรียกว่า stroke นั่นเอง ถ้าเป็นชนิดหลอดเลือดสมองตีบก็จะมีอัตราการตายน้อย คือ ร้อยละ 5-10% แต่อัตราพิการเยอะ แต่ถ้าเป็นหลอดเลือดสมองแตกก็จะมีอัตราการตายเยอะกว่า คือ ร้อยละ 25-30% ครับ
- โรคไตเรื้อรัง(Chronic kidney disease): ความดันโลหิตสูงเรื้อรังสามารถทำลายหลอดเลือดในไตโดยตรง ส่งผลให้การทำงานของไตลดลงและทำให้เกิดโรคไตเรื้อรัง
- ปัญหาสายตา(Vision loss): ความดันโลหิตสูงสามารถทำลายเส้นเลือดในดวงตา ทำให้สายตาเสื่อมหรือสูญเสียการมองเห็น

6. ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง
เป้าหมายสำคัญที่สุดของการรักษาโรคความดันโลหิตสูง คือ การลดความดันโลหิตลงมาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติมากที่สุดและต่อเนื่อง สำหรับยารักษาโรคความดันโลหิตสูงนั้นมีหลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มยามีกลไกการออกฤทธิ์ของยาที่แตกต่างกัน ดังนี้:
- ยาขับปัสสาวะ(Diuretics): เช่น ยา Furosemide, hydrochlorothiazide ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ที่ไต โดยเพิ่มการขับเกลือแร่และน้ำออกจากระบบไหลเวียนโลหิตและร่างกาย ทำให้ความดันในหลอดเลือดลดลง
- ยาต้านเบต้า(Beta-blockers): เช่น Propranolol, Atenolol ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ลดการเต้นของหัวใจและลดแรงดันเลือด
- ยาต้านแคลเซียม(Calcium channel blockers): เช่น ยา Amlodipine, Nifedipine ยานี้มีฤทธิ์ป้องกันแคลเซียมไม่ให้เข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อของผนังหลอดเลือด จึงทำให้หลอดเลือดขยายตัว ความดันโลหิตจึงลดลง
- ยาต้านเอนไซม์แองจิโอเทนซิน(ACE inhibitors): เช่น ยา Enaril, Ramipril ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ในการสร้างสารที่ชื่อ Angiotensin II สารนี้มีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว เมื่อการสร้างสารนี้ถูกยับยั้ง หลอดเลือดจึงคลายตัว ความดันโลหิตก็ลดลง
- ยาต้านตัวรับแองจิโอเทนซิน(ARBs): เช่น Losartan, Valsartan ยากลุ่มนี้ทำงานโดยการแย่งจับที่ตัวรับ(receptor)ของสาร Angiotensin II ซึ่งตัวรับนี้อยู่ที่อวัยวะต่างๆที่ทำหน้าที่ควบคุมความดันโลหิต เช่น ต่อมหมวกไต, ต่อมใต้สมอง, หลอดเลือดแดง ผลของการแย่งจับก็ทำให้ Angiotensin II เข้าจับกับตัวรับที่อวัยวะเหล่านี้ไม่ได้ หลอดเลือดจึงไม่หดตัว
- ยาขยายหลอดเลือด(Vasodilators): เช่น Isosorbide dinitrate, Nitroglycerin ยานี้ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัวโดยตรง ลดแรงต้านในหลอดเลือดและความดันโลหิต

เล่าไม่จบอีกแล้ว ขอยกส่วนที่เหลือไปตอน 2 นะครับ ตอน 2 นี่แหละที่จะเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ โดยจะเอารายละเอียดย่อๆมาเล่าให้ฟังกันเกี่ยวกับการจัดการความดันโลหิตในผู้สูงอายุ และการศึกษาใหม่ๆหลายอันที่พบว่าโรคความดันโลหิตสูงนี่จริงๆแล้วสามารถหายเป็นปกติได้ ไม่ต้องกินยาไปตลอดชีวิต ถ้าแก้ที่ต้นเหตุที่ถูกต้องครับ

#ความดันโลหิตสูง
#ร้านยาเอ็มแคร์ฟาร์ม่า #ร้านยาใกล้ฉัน #ร้านยาใกล้เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ #ร้านยาแถวราชพฤกษ์ #ร้านยาปิดดึก

 #เล่าไปเรื่อยเคสในร้านยาที่เจอได้บ่อยอีกอย่างหนึ่งและจะหยิบเอามาเล่าวันนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวซึ่งเกิดขึ้นได้กับคุณผู้หญิ...
16/10/2024

#เล่าไปเรื่อย

เคสในร้านยาที่เจอได้บ่อยอีกอย่างหนึ่งและจะหยิบเอามาเล่าวันนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวซึ่งเกิดขึ้นได้กับคุณผู้หญิงทุกคน เกริ่นมาแบบนี้ บางคนคงพอเดากันได้บ้างแหละ นั่นคือเรื่องตกขาวนั่นเองคร๊าบ

อาการตกขาวในช่องคลอด
อาการตกขาวในผู้หญิงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกาย โดยตกขาวเป็นของเหลวที่ถูกขับออกจากช่องคลอด มีหน้าที่ในการช่วยทำความสะอาดช่องคลอด และปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค อย่างไรก็ตามอาการตกขาวที่มีลักษณะหรือกลิ่นผิดไปจากปกติอาจเป็นสัญญาณถึงปัญหาบางอย่าง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากการติดเชื้อหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั่นเอง

ตกขาวปกติ และ ตกขาวที่ผิดปกติ
โดยทั่วไปแล้วตกขาวปกติจะมีลักษณะใสหรือขาวขุ่นเล็กน้อย ไม่มีกลิ่น หรือมีกลิ่นเพียงเล็กน้อยและไม่มีอาการคันหรือระคายเคือง บางครั้งอาการตกขาวแบบนี้ก็เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่มีสาเหตุจากการตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิดก็ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งมักไม่ต้องใช้ยารักษาแต่อย่างใด
แต่ถ้าตกขาวมีลักษณะผิดไปจากปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็น ลักษณะตกขาวเป็นสีเหลืองหรือเขียว มีฟอง หรือมีเลือดปน นี่เป็นตกขาวที่มักเกิดจากการติดเชื้อครับ

เล่าถึงเชื้อที่เป็นสาเหตุของอาการตกขาวผิดปกติก็มีหลายชนิดครับ แต่ชนิดที่เป็นขาประจำพบได้บ่อยได้แก่
- เชื้อรา : อาการตกขาวจะมีลักษณะเป็นสีขาวขุ่น หนาเป็นก้อนคล้ายกับนมบูด และมักมีอาการคัน แสบร้อน หรือระคายเคืองที่บริเวณช่องคลอดร่วมด้วย
- เชื้อแบคทีเรีย(Bacterial Vaginosis) : ตกขาวจะมีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นปลา ลักษณะตกขาวอาจเป็นสีเทาหรือเหลืองขุ่น
- เชื้อพยาธิทริโคโมแนส(Trichomonas) : ตกขาวจะมีลักษณะเป็นสีเหลืองเขียว มีฟอง และมีกลิ่นเหม็น อาจมีอาการคัน และแสบร้อนที่ช่องคลอดร่วมด้วย
- โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ : เช่น เชื้อหนองในแท้(เชื้อ gonorrhea) หรือหนองในเทียม(เชื้อ chlamydia) สามารถทำให้ตกขาวมีลักษณะผิดปกติ เช่น เป็นหนอง หรือมีกลิ่นเหม็นรุนแรง

ทีนี้สำหรับยาที่ใช้รักษา เราก็ใช้ยาตามชนิดของเชื้อที่เป็นต้นเหตุนั่นเองล่ะครับ
- เชื้อรา : ยารักษาที่ใช้คือยาต้านเชื้อราชนิดกิน เช่น ไอทราโคนาโซล(Itraconazole), ฟลูโคนาโซล(Fluconazole) ร่วมกับยาทาหรือยาสอดช่องคลอด ตัวยาโคไตรมาโซล(Cotrimazole)
- เชื้อแบคทีเรีย(Bacterial vaginosis) : ใช้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน เช่น เมโทรนิดาโซล(Metronidazole) หรือคลินดามัยซิน(Clindamycin)
- พยาธิทริโคโมแนส(Trichomonas) : ใช้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน คือ เมโทรนิดาโซล(Metronidazole) หรือ ทินิดาโซล(Tinidazole) ร่วมกับยาสอดช่องคลอด ตัวยาโคไตรมาโซล(Cotrimazole)
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้และหนองในเทียม : ใช้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด เช่น เซฟไตรอะโซน(Ceftriaxone) หรือยาปฏิชีวนะชนิดกิน คือ อะซิโทรมัยซิน(Azithromycin) ซึ่งกรณีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์นี้มักจำเป็นต้องให้คู่นอนกินยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาไปพร้อมกันด้วย

อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญของการใช้ยาปฏิชีวนะรักษาการตกขาวจากการติดเชื้อ คือ จำเป็นจะต้องรับประทานยาต่อเนื่องให้ครบ เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อดื้อยาในร่างกาย เช่นเดียวกับการรับประทานยาปฏิชีวนะเวลาที่เราเป็นหวัดนั่นเองครับ

#ตกขาว #ตกขาวสีน้ำตาล #ตกขาวสีเหลือง #ตกขาวสีเขียว
#ร้านยาเอ็มแคร์ฟาร์ม่า #ร้านยาใกล้ฉัน #ร้านยาใกล้เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ #ร้านยาแถวราชพฤกษ์ #ร้านยาปิดดึก

 #เล่าไปเรื่อยวันนี้ขอเล่าต่อจากเมื่อวันก่อนนะครับ ค้างไว้ตรงสาเหตุที่ทำให้เรานอนไม่หลับว่ามีอะไรบ้าง และวิธีแก้ไขอาการน...
14/10/2024

#เล่าไปเรื่อย

วันนี้ขอเล่าต่อจากเมื่อวันก่อนนะครับ ค้างไว้ตรงสาเหตุที่ทำให้เรานอนไม่หลับว่ามีอะไรบ้าง และวิธีแก้ไขอาการนอนไม่หลับ พร้อมแล้วไปกันเรยยยยยย....

สิ่งที่เราจะต้องรู้กันก่อนว่าผลของการนอนไม่หลับเรื้อรัง จะส่งผลเสียอย่างไรต่อร่างกายของเรา เพื่อให้เราตระหนักและรีบปรับแก้ที่ต้นเหตุได้อย่างถูกต้อง
ผลของการนอนไม่หลับหรือนอนไม่พอ
1.แก่และเหี่ยวเร็ว (พูดตรงไปมั้ยนะ😅)
2.กระบวนการซ่อมแซมร่างกายขณะหลับเกิดได้ไม่สมบูรณ์ เกิดโรคความดัน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง มะเร็ง ภูมิต้านทานร่างกายไม่ดี
3.เป็นโรคสมองและความจำเสื่อม

อย่างที่เล่าไว้เมื่อตอนก่อนนะครับว่า การนอนหลับที่ดีต้องนอนให้ได้วงจรการนอนหลับคืนละ 4-6 รอบ ซึ่งเท่ากับระยะเวลาการนอนหลับทั้งคืนประมาณ 7-9 ชั่วโมง ดังนั้นถ้าเราเป็นพวกที่อ้างว่าฉันนอนน้อยแต่นอนนะ ก็รับประกันอนาคตอย่างที่เล่าไว้ข้างบนได้เลยครับ

มาดูสาเหตุของการนอนไม่หลับที่คนส่วนใหญ่เป็นกัน
1.การกินอาหารเย็น : การกินอาหารเย็น โดยเฉพาะกินใกล้เวลานอน จะทำให้ระบบย่อยอาหารต้องทำงานทั้งที่เป็นเวลาหยุดพัก หากงดมื้อเย็นไม่ได้ ควรกินแบบเบาๆ และกินก่อนเวลานอนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรกินหลัง 4 ทุ่มเนื่องจากเป็นเวลาที่ระบบย่อยอาหารเริ่มหยุดทำงาน
2.ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน : การดื่มกาแฟหรือชาซึ่งมีคาเฟอีนจะกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัวและทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ปกติแล้วร่างกายเราต้องใช้เวลานานประมาณ 6 ชั่วโมงในการขับคาเฟอีนออกจากร่างกาย ดังนั้นจึงไม่ควรกินกาแฟหรือชาหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลังจากบ่ายสามโมงเป็นต้นไป
3.สภาพแวดล้อมในห้องนอนไม่เหมาะสม : สภาพแวดล้อมในห้องนอนที่เอื้อต่อการนอนหลับที่ดี ควรเป็นห้องที่เงียบ อุณหภูมิเย็นสบาย และปราศจากแสงสว่างใดๆแม้แต่แสงสลัว แสงสว่างในห้องแม้เพียงนิดเดียวก็สามารถลอดเข้าไปได้ถึงใจกลางสมองและมีผลทำให้สมองไม่หลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน(Melatonin)ออกมา ฮอร์โมนนี้เป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้เรานอนหลับได้ดีนั่นเอง
4.การดูมือถือหรือคอมพิวเตอร์ก่อนนอน : แสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์เป็นแสงที่มีความถี่สูง ทำให้นอนไม่หลับได้ ดังนั้นไม่ควรดูมือถือหรือคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนนอน
5.การไม่โดนแดดอ่อนตอนเย็น : แดดอ่อนๆตอนเย็นเป็นแดดที่มีความยาวคลื่นในช่วงอินฟราเรด(Infrared)ซึ่งสามารถกระตุ้นให้สมองหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ช่วยให้เรานอนหลับได้ดียิ่งขึ้น เราจึงควรออกไปเดินเล่นหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งนอกบ้านช่วงเย็นๆเป็นประจำ จะช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น
6.การไม่โดนแดดช่วงสาย : ทำนองเดียวกับการไม่โดนแดดช่วงเย็นล่ะครับ แดดช่วงสายๆ เป็นแดดที่มีรังสีอัลตร้าไวโอเลต B (หรือ UVB) ซึ่งสามารถกระตุ้นให้ผิวหนังของเราสร้างวิตามินดี(Vitamin D)ขึ้นมา วิตามินดีมีผลต่ออารมณ์และการนอนหลับโดยตรง พบว่าผู้ที่ขาดวิตามินดีรุนแรงจะมีอาการซึมเศร้าและมีปัญหานอนไม่หลับ ดังนั้นจึงควรตากแดดช่วงสายๆเป็นประจำวันละประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้ร่างกายสร้างวิตามินดีได้เพียงพอ
7.ผู้ที่มีปัญหานอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ : ส่วนใหญ่ปัญหานี้มักพบในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ดังนั้นการแก้ที่ต้นเหตุคือการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักส่วนเกิน เมื่อลดน้ำหนักลงได้ ก็จะนอนหลับได้ดีขึ้น
8.ขาดแร่ธาตุแมกนีเซียม (Magnesium) : แมกนีเซียมสำคัญมากต่อการทำงานของสมอง พบว่าผู้ที่ขาดแมกนีเซียมจะทำให้สมองทำงานผิดปกติ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์(Alzheimer's) มักจะมีระดับแมกนีเซียมในร่างกายต่ำกว่าคนปกติ การนอนหลับก็เช่นกัน ผู้ที่ขาดแมกนีเซียมจะนอนหลับได้ดีขึ้นเมื่อเสริมด้วยแมกนีเซียมทีเหมาะสม

ทั้งหมดข้างต้นนี้คือสาเหตุที่พบส่วนใหญ่ของปัญหาการนอนไม่หลับหรือคุณภาพการนอนหลับไม่ดี อย่างไรก็ตามในบางคนอาจมีสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับหลายสาเหตุร่วมกัน การแก้ไขที่ต้นเหตุที่ถูกต้องจะช่วยแก้ปัญหาการนอนหลับได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตและช่วยป้องกันโรคร้ายต่างๆได้อีกมาก ย้ำอีกครั้งว่าการนอนหลับที่ดีนั้นต้องนอนให้ได้วันละ 7-9 ชั่วโมง และนอนอย่างมีประสิทธิภาพคือหลับสนิทถึงช่วงหลับลึกอย่างเพียงพอนั่นเองครับ

#นอนไม่หลับ #นอนไม่หลับทำไงดี
#ร้านยาเอ็มแคร์ฟาร์ม่า #ร้านยาใกล้ฉัน #ร้านยาใกล้เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ #ร้านยาแถวราชพฤกษ์ #ร้านยาปิดดึก

เอ๋าาาาเนี่ย นอนน้อยเป็นเหตุสังเกตได้😆 เป็นบ่อยมากกกกก ทำงานหนักจนเบลอหรือติดซีรี่ย์ อย่าลืมอัดวิตามินที่ช่วยเรื่องการนอ...
13/10/2024

เอ๋าาาาเนี่ย นอนน้อยเป็นเหตุสังเกตได้😆 เป็นบ่อยมากกกกก ทำงานหนักจนเบลอหรือติดซีรี่ย์ อย่าลืมอัดวิตามินที่ช่วยเรื่องการนอนหลับกันด้วยนะคะ😊
ุกท่าน

12/10/2024

การนอนที่ดีคิดได้จากเวลานอนหลับมากกว่า 85% ของเวลาที่อยู่บนเตียง😊

ที่อยู่

15/14 ม. 4 ถ. อัจฉริยะประสิทธิ์ ซ. บางกรวย-จงถนอม ต. มหาสวัสดิ์
Nonthaburi
11130

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 22:00
อังคาร 09:00 - 22:00
พุธ 09:00 - 22:00
พฤหัสบดี 09:00 - 22:00
ศุกร์ 09:00 - 22:00
เสาร์ 09:00 - 22:00
อาทิตย์ 09:00 - 22:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Mcare Pharmaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram