24/09/2019
👩🏻🦳ตั้งครรภ์อายุมาก…ต้องทราบอะไรบ้าง 💋
👉🏻คิดว่าหลายๆท่านอยากทราบ ก็เลยจะเอามาเล่า และจะได้ตระหนัก เมื่อเราตั้งครรภ์ในขณะที่มีอายุมากขึ้น สังคมปัจจุบันพบว่าตั้งครรภ์ช้า และอายุคุณแม่มากขึ้น ด้วยหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศพัฒนาแล้ว พบว่าความชุกขอกการตั้งครรภ์อายุมาก พบเกือบ 40% ในประเทศนอร์เวย์ 31% ในประเทศญี่ปุ่น 15%ในประเทศสหรัฐอเมริกา และไทยพบ 15% (เอ๊ะ เราคล้ายอเมกา 555) แต่ถ้าเป็นประเทศ low income จะพบการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นที่สูงขึ้นครับ
👵🏻เมื่อไหร่เราบอกว่าอายุมาก❓
1️⃣การตั้งครรภ์อายุมาก คือ อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ทำไมเค้าตัดที่อายุนี้ ก็เพราะพบผลของการตั้งครรภ์ที่ไม่ดี เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดครับ
2️⃣การตั้งครรภ์อายุมากๆ (ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี ภาษาอังกฤษ เค้าเรียก very advanced maternal age) บางงานวิจัยให้คำจำกัดความที่ อายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป บางแหล่งบอก 48 บางแหล่งเอา 50 ปี ก็สรุปว่า เอามากกว่า 45 ปีละกันครับ
👵🏻แล้วเมื่อเราตั้งครรภ์ตอนอายุมากกว่า 35 ปี ที่เค้าเรียกอายุมาก จะมีปัญหาอะไรบ้าง ❓
➡️เราแบ่งออกเป็นด้านมารดา และด้านทารกนะครับ สำหรับผลของการตั้งครรภ์
1️⃣ด้านมารดา 🤰🏻เราพบว่าอุบัติการณ์ของเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงเบาหวานหลังการตั้งครรภ์สูงขึ้น พบภาวะความดันโลหิตสูง และครรภ์เป็นพิษสูงขึ้น พบภาวะรกเกาะต่ำ และภาวะรกลอกก่อนกำหนดสูงขึ้น และถ้าอ้างอิงงานวิจัยของ WHO ที่มีอาจารย์ที่ผมเคารพรักชาวไทยทำการศึกษา ซึ่งศึกษารวมถึงในประเทศแถบเอเชียและลาตินอเมริกา ก็พบว่า เพิ่มอัตราการตายของมารดา รวมถึงภาวะผิดปกติที่รุนแรงในมารดาด้วย…โอวดูน่ากลัวละ
2️⃣ด้านทารกในครรภ์ 🤱🏻แน่นอนว่าเพิ่มผลของการตั้งครรภ์ที่ไม่ดี ทั้งพบอุบัติการณ์ของ down syndrome หรือโครโมโซมอื่นๆผิดปกติ เช่น trisomy 13, 18 เพิ่มขึ้น (ไม่ได้หมายความว่า อายุน้อยกว่า 35 ปี จะไม่มีโอกาสเกิดนะครับ แต่น้อยกว่า) พบว่าความเสี่ยงของลูกดาวน์ตามอายุแม่ คือ
• 1 in 1,480 at age 20 years
• 1 in 940 at age 30 years
• 1 in 353 at age 35 years (เรามักจำว่า 1:300)
• 1 in 85 at age 40 years (เรามักจำว่า 1:100)
• 1 in 35 at age 45 years (จำว่า 1:50)
1:300 หมายถึงโอกาสที่ลูกจะเป็นดาวน์ 1 คน ต่อการตั้งครรภ์ 300 การตั้งครรภ์ครับ เยอะมั้ยก็ก้าวกระโดดจากพันกว่าคนเจอคนนึงเป็น 300 คนเจอคนนึง ก็ถือว่าเพิ่มขึ้นเยอะครับ
🤦🏼♀️แล้วเราจะทราบหรือป้องกันได้อย่างไร ❓
1️⃣มาฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆครับ
2️⃣ตรวจหาสารบ่งชี้ หรือเจาะน้ำคร่ำตรวจ เราแบ่งเป็น
🧬Non-invasive procedure เช่น การเจาะหาสารเคมีในเลือดแล้วมาแปลผลหาความเสี่ยง ถ้ามากกว่าความเสี่ยงเมื่อเทียบกับอายุ เราก็ต้องไปเจาะน้ำคร่ำต่อ หรือการตรวจ Cell free fetal DNA บางที่เรียก NIFT บางที่เรียกโน่นนี่ตามแต่ละยี่ห้อ เป็นการตรวจเพื่อหา DNA ของลูกจากการตรวจเลือดแม่ครับ ที่พูดมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคัดกรอง หรือ screening ดังนั้น เมื่อพบความเสี่ยงสูง หรือพบ DNA ที่ผิดปกติของลูกในเลือดแม่ ต้องมาเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจครับ การตรวจสิ่งหล่านี้เราทำที่อายุครรภ์ 10-14 สัปดาห์ครับ
💉Invasive procedure เป็นการเจาะรกมาตรวจ ทำตอนอายุครรภ์ 8-10 สัปดาห์ หรือเจาะน้ำคร่ำที่ 16-18 สัปดาห์ และถ้าคุณแม่มาฝากครรภ์ช้า ก็จะมีวิธีตรวจเลือดจากสายสะดือทารกในครรภ์ตอนประมาณ 20 สัปดาห์ เราพบว่า การเจาะน้ำคร่ำ โอกาสเกิดการแท้งต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับการเจาะอย่างอื่น ดังนั้น เราจึงเลือกเจาะน้ำคร่ำก่อน ที่จะเลือกวิธีอื่นๆครับ
🎀ผลอื่นๆต่อทารกที่อาจะเกิดได้ เช่น การคลอดก่อนกำหนด การตายคลอดหรือ still birth ทารกเสียชีวิตหลังคลอด ทารกน้ำหนักตัวน้อยหรือโตช้าในครรภ์ การต้อง admit NICU หรือหอทารกวิกฤต ทารกขาดออกซิเจนขณะคลอด เป็นต้น โดยทั่วไปกำหนดคลอดคือ 40 สัปดาห์ แต่ในมารดาที่อายุมากกว่า 35 ปี จากงานวิจัย แนะนำให้คลอดที่ 39 สัปดาห์ ครับ เพื่อลดโอกาสทารกเสียชีวิต
📩ปกติเราถือว่าทารกเกินกำหนดคลอดที่ 42 สัปดาห์ (หลังจากวันที่คุณหมอบอกกำหนดคลอด 2 สัปดาห์) แต่ในกรณีอายุมากกว่า 40 ปี เราถือว่าเกินกำหนดที่ 39 สัปดาห์ครับ การที่เราต้องมาตั้งเกณฑ์เยอะแยะ นี่ก็เพราะเราทราบดีว่า มารดาดอายุมาก อาจมีโรคแทรกซ้อน รวมถึงรกเสื่อมการทำงานเร็ว ดังนั้นเสี่ยงที่ทารกจะเสียชีวิตได้ เลยต้องดูแลอย่างใกล้ชิดกว่าปกติครับ
❤️🧡💛 สรุปดังนี้ แม่อายุมาก คือมากกว่า 35 ปี อายุมากๆๆๆคือ อายุมากกว่า 45 ปี
👩🏻🦳ความเสี่ยงด้านแม่: เบาหวาน ความดัน ครรภ์เป็นพิษ รกเกาะต่ำ รกรอกตัวก่อนกำหนด
🧒🏼ความเสี่ยงด้านลูก: ดาวน์ซินโดรมและโครโมโซมอื่นๆผิดปกติ การคลอดก่อนกำหนด การตายคลอดหรือ still birth ทารกเสียชีวิตหลังคลอด ทารกน้ำหนักตัวน้อย (