ศูนย์ดูแลดวงตา

ศูนย์ดูแลดวงตา ดีคอนแทคคือคำตอบสุดท้ายของเรื่องด?

ดี-คอนแทค สามารถเข้าฟื้นฟูดวงตาได้อย่างไร?โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ #ระยะที่1 ดวงตา เริ่มปรับสภาพการฟื้นฟู #ระยะที่2 ดวงตา เริ่...
22/02/2019

ดี-คอนแทค สามารถเข้าฟื้นฟูดวงตาได้อย่างไร?
โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ
#ระยะที่1 ดวงตา เริ่มปรับสภาพการฟื้นฟู
#ระยะที่2 ดวงตา เริ่มซ่อมแซมตัวเอง ในส่วนที่มีปัญหาหรือผิดปกติให้ดียิ่งขึ้น
#ระยะที่3 ดวงตา เริ่มสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ทำให้ดวงตามีสุขภาพที่แข็งแรง และมองเห็นได้อย่างชัดเจน
☘️ ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราต้องให้ความสำคัญกับการถนอมดวงตาและเอาใจใส่ ดูแลและบำรุงดวงตาและสายตากันอย่างจริงจัง
☘️ การทาน "ดีคอนแทค" เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกัน บำรุง ดูแลดวงตาให้อยู่คู่กับเราไปอีกนานๆ

☘️ สนใจสอบถามเพิ่มเติม
👉👉081-7354891 คุณหนิง ลักขณา
⬇️คลิกลิ้งค์เพื่อแอดไลน์
https://line.me/R/ti/p/%

🚩🚩เพราะเรา...มองเห็นแทนกันไม่ได้🚩🚩🔅🔅🔅🔅🔅🔅🔅🔅🔅🔅🔅สำหรับคนที่กำลังเผชิญปัญหาสายตา...👁➡️ตาแห้ง ตาแดง คันเคืองตา แสบตา น้ำตาไหล...
20/02/2019

🚩🚩เพราะเรา...มองเห็นแทนกันไม่ได้🚩🚩
🔅🔅🔅🔅🔅🔅🔅🔅🔅🔅🔅
สำหรับคนที่กำลังเผชิญปัญหาสายตา...👁
➡️ตาแห้ง ตาแดง คันเคืองตา แสบตา น้ำตาไหล แพ้แสง
➡️ต้อลม ต้อเนื้อ ต้อกระจก ต้อหิน
➡️เบาหวานขึ้นตา วุ้นในตาเสื่อม
➡️จอประสาทตาเสีย มองเห็นลางๆ
➡️ตาแดงจากการใส่คอนแทคเลนส์ คันตา
➡️น้ำหล่อเลี้ยงตาน้อย จุดดำกลางภาพ
➡️ผู้ที่ใช้จอมือถือ คอมพิวเตอร์นานๆ เสี่ยงต่อการเกิดจอประสาทตาเสีย มองเห็นในที่มืดลำบาก

⛔อย่าปล่อยให้ดวงตาเสียหายเกินแก้❗❗❗❗
ให้ "ดีคอนแทค" ฟื้นฟูดูแล ปกป้องดวงตาของคุณวันนี้
ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ💯💯และนวัตรกรรมใหม่ดูแลดวงตา ที่ช่วยให้ทุกปัญหาดวงตาดีขึ้นอย่างชัดเจน ก่อนที่จะสายเกินแก้❗❗❗❗
⭐️เลขทะเบียน อย. เลขที่ 10-1-15456-5-0001
⭐️ได้รับมาตรฐาน GMP, HACCP, ฮาลาลรับรอง
⭐️ขนาดบรรจุ 1 กล่อง 30 แคปซูล

สนใจสินค้า สั่งซื้อหรือสอบถามก่อนได้ค่ะ
☎️ 081-7354891 คุณหนิง ลักขณา
Id line:

เพิ่มเพื่อนในไลน์เพื่อรับข่าวสารเพิ่มเติม👇👇
https://line.me/R/ti/p/%

❎ เห็นภาพซ้อนที่เกิดจากสมองจะเกิดขึ้นเวลามองด้วยตา 2 ข้างพร้อมๆกัน เมื่อปิดตาด้านหนึ่งแล้วมองด้วยตาข้างเดียวภาพซ้อนจะหาย...
19/02/2019

❎ เห็นภาพซ้อนที่เกิดจากสมองจะเกิดขึ้นเวลามองด้วยตา 2 ข้างพร้อมๆกัน เมื่อปิดตาด้านหนึ่งแล้วมองด้วยตาข้างเดียวภาพซ้อนจะหายไปหากยังคงเห็นภาพซ้อนอยู่แสดงว่ามีความผิดปกติของลูกตา ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากการกลอกตาถูกควบคุมด้วยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 3 4 และ 6 เมื่อเส้นประสาททำงานผิดปกติส่งผลให้ตาทั้ง 2 ข้างกลอกไม่พร้อมกันภาพซ้อนแม้จะเกิดขึ้นในบางระนาบเช่น แนวนอน แนวตั้ง หรือเมื่อมองใกล้มองไกลก็มีถือว่าผิดปกติแล้ว ตำแหน่งที่ทำให้เกิดความผิดปกติแบ่งได้เป็น

1. ความผิดปกติของก้านสมอง (brain stem) เส้นประสาทควบคุมการกลอกตาทั้งหมดตั้งอยู่ในก้านสมองส่วนที่เรียกว่า midbrain และ pons ในตำแหน่งดังกล่าวยังประกอบด้วยเส้นประสาทที่ควบคุมกำลังแขนขาและเส้นประสาทควบคุมใบหน้าอีกด้วย ความผิดปกติขนาดเล็กเช่น หลอดเลือดฝอยตีบ จุดเลือดออกหรือก้อนเนื้องอกขนาดเล็กอาจทำให้ผู้ป่วยมีเพียงภาพซ้อนเป็นอาการเริ่มต้นโดยไม่มีอาการอ่อนแรงได้

2. ความผิดปกติภายนอกก้านสมอง

การเดินทางของเส้นประสาทจากก้านสมองไปยังลูกตาต้องผ่านเยื่อหุ้มสมอง (meningeal) แอ่งหลอดเลือดดำรอบเส้นเลือดแดงใหญ่ (cavernous sinus) และรูเปิดของกะโหลกศีรษะ (superior orbital fissure) ตามลำดับ จากนั้นจึงผ่านเข้าไปยังกล้ามเนื้อรอบลูกตาเมื่อมีการติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมอง แอ่งหลอดเลือดดำอักเสบหรือเยื่อหุ้มสมองบริเวณรูเปิดของกะโหลกศีรษะหนาตัวผิดปกติ จะทำให้เส้นประสาทเกิดการอักเสบจึงเห็นภาพซ้อน หากอาการเป็นมากอาจทำให้กลอกตาไม่ได้เลย การรักษาขึ้นกับโรคที่เป็นสาเหตุซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคที่มีความเร่งด่วน

ด้วยความปรารถนาดีจากดีคอนแทคบำรุงดวง
โทร.081-7354891 คุณหนิง ลักขณา
Id line:

1. มะม่วงมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก้ร่างกาย และช่วยชะลอวัย มะม่วงทำให้ร่างกายได้รับเบต้าแคโรทีนที...
19/02/2019

1. มะม่วงมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก้ร่างกาย และช่วยชะลอวัย มะม่วงทำให้ร่างกายได้รับเบต้าแคโรทีนที่ช่วยให้ผิวพรรณสดใส

2. มะม่วงช่วยต้านมะเร็ง (มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด และมะเร็งต่อมลูกหมาก)

3. มะม่วงมีสรรพคุณช่วยคลายเครียด มะม่วงสุกมีรสหอมหวานช่วยให้ร่างกายสดชื่น แก้เครียด แก้หงุดหงิดได้ แถมยังช่วยให้สบายท้อง และทำให้นอนหลับสนิทขึ้น

4. มะม่วงเป็นผลไม้บำรุงสายตา

5. มะม่วงดิบมีแคลเซียมสูง และช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน

6. มะม่วงดิบแก้คลื่นไส้ อาเจียนได้ดี

7. ประโยชน์ของมะม่วงช่วยแก้อักเสบ มะม่วงช่วยให้แผลที่มุมปากหายเร็วขึ้น ช่วยลดการอักเสบ แก้ร้อนใน และแผลในปาก

8. มะม่วงมีไฟเบอร์สูง ทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ขับถ่ายสะดวกขึ้น ส่วนมะม่วงสุกช่วยแก้อาการบิด และอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือด

9. มะม่วงช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น แต่เผาผลาญได้เร็วด้วยเช่นกัน มะม่วงเป็นผลไม้ที่มีไขมันดีที่ร่างกายต้องการ กินแล้วไม่อ้วน ช่วยสลายไขมันเลวที่สะสมในร่างกายได้

10. มะม่วงช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ ใบมะม่วงช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยรักษาโรคลำไส้อักเสบได้

11. มะม่วงช่วยรักษาโรคตาลขโมยในเด็ก

12. มะม่วงสุกช่วยแก้ไข้หวัด

13. มะม่วงดิบสรรพคุณช่วยเยียวยาโรคเบาหวานได้ ส่วนใบมะม่วงเมื่อนำมาต้มดื่มจะช่วยเยียวยาผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ เป็นสูตรสมุนไพรโบราณ

14. มะม่วงเป็นผลไม้ที่ช่วยขับปัสสาวะได้

15. มะม่วงมีประโยชน์บำรุงผิวสวย มะม่วงเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน และมีเบต้าแคโรทีนที่ดีต่อการฟื้นฟูผิว ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว หากนำมาพอกหน้าจะช่วยให้รูขุมขนกระชับ

16. มะม่วงมีโพแทสเซียม ที่ช่วยควบคุมสมดุลในร่างกาย ป้องกันโรคลมแดด

17. มะม่วงเป็นผลไม้บำรุงร่างกายที่ช่วยกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ

18. ประโยชน์ของใบมะม่วงช่วยสมานแผล ใบของมะม่วงก็มีประโยชน์ไม่แพ้เนื้อมะม่วงเพราะสามารถรักษาบาดแผลสดได้ ใบมะม่วงเป็นสมุนไพรที่ช่วยสมานแผล แก้อักเสบได้ดี

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก"ดีคอนแทค"
ป้องกันโรคตา ฟื้นฟูได้ตรงจุด ด้วยดีคอนแทค

ติดต่อเพื่อสอบถามและรับคำปรึกษา
☎081-7354891 คุณหนิง ลักขณา
ID Line :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
http://line.me/ti/p/

เพราะดวงตา เป็นเรื่องสำคัญ #ขอแนะนำ👉 #ดีคอนแทค วิตามินบำรุงดวงตาสูตรเข้มข้น ช่วยดูแลปัญหาดวงตาได้อย่างตรงจุด  #เหมาะสำหร...
19/02/2019

เพราะดวงตา เป็นเรื่องสำคัญ
#ขอแนะนำ👉 #ดีคอนแทค วิตามินบำรุงดวงตาสูตรเข้มข้น
ช่วยดูแลปัญหาดวงตาได้อย่างตรงจุด
#เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาดวงตา
- ต้อลม
- ต้อเนื้อ
- ต้อกระจก
- ต้อหิน
- วุ้นตาเสื่อม
- จอตาเสื่อม
- เบาหวานขึ้นตา
- สายตาพร่ามัว
- เคืองตา
🤗สอบถาม/สั่งซื้อ/สมัครตัวแทน🤗

☎ 081-7354891 คุณหนิง ลักขณา
Id line:

แชร์มั่ว อ.เจษ เตือน! “อย่าเอามะนาวไปรักษาต้อเนื้อ” ‪เสี่ยงตาบอด!! สืบเนื่องจากการแชร์ความเชื่อผิดๆ ระบาดหนัก และมีการนำ...
18/02/2019

แชร์มั่ว อ.เจษ เตือน! “อย่าเอามะนาวไปรักษาต้อเนื้อ” ‪เสี่ยงตาบอด!!

สืบเนื่องจากการแชร์ความเชื่อผิดๆ ระบาดหนัก และมีการนำไปลงเผยแพร่ต่อในเว็บไซต์ต่างๆ ที่บอกว่า “เป็นต้อเนื้อแล้วเอาน้ำมะนาวสดมาบีบใส่ตา” เกี่ยวกับประเด็นนี้ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้จุดประกายให้คนไทยตาสว่าง เลิกเชื่อข่าวลือข่าวแชร์มั่ว ได้ออกโรงมาเตือนในเฟสบุกส่วนตัว jessada.denduangboripant โดยระบุว่า…..

เดี๋ยวนี้ทำไมตำรายาผีบอกแบบแปลกๆ อย่างนี้มันถึงได้ระบาดกันนัก คิดได้ยังไง เป็นต้อเนื้อแล้วเอาน้ำมะนาวสดมาบีบใส่ตา …..เดี๋ยวก็ได้ตาบอดกันจริงๆ (ทำเป็นหยอดน้ำป้าเช็งไปได้)

ต้อเนื้อ (และต้อลม) เกิดจากการที่ตาเกิดการระคายเคืองต่อเนื่องมายาวนาน เช่น รับรังสีอุลตราไวโอเลตจากแสงแดด หรือฝุ่นละออง ควัน ลม และสิ่งแวดล้อมต่างๆ (ไม่เกี่ยวกับการกิน “เนื้อ” อย่างบางคนเข้าใจผิด) จนเกิดเป็นเนื้องอกขึ้นในดวงตา ทำให้ตาพร่ามัว โรคต้อเนื้อจริงๆ ไม่ใช่โรคร้ายแรง ถ้าเป็นน้อยๆ แล้วดูแลดีๆ ก็จะหายเองได้ (เช่น ใส่แว่นกันแดด) หรือใช้ยาหยอดตาเพื่อลดการระคายเคือง แต่ถ้าเป็นมากและจะรักษาให้หาย ก็ต้องผ่าตัดลอกต้อเนื้อออกครับ
🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก"ดีคอนแทค"
ป้องกันโรคตา ฟื้นฟูได้ตรงจุด ด้วยดีคอนแทค

ติดต่อเพื่อสอบถามและรับคำปรึกษา
☎ 081-7354891 คุณหนิง ลักขณา
ID Line :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
http://line.me/ti/p/

4 สัญญาณเตือนก่อนดวงตาหมดอายุขัย!ความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้ “สมาร์ทโฟน” เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนเป็นอย่...
18/02/2019

4 สัญญาณเตือนก่อนดวงตาหมดอายุขัย!

ความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้ “สมาร์ทโฟน” เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนเป็นอย่างมาก สมาร์ทโฟน เปรียบเสมือนปัจจัยที่ 5 ที่ขาดไม่ได้สำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ในขณะที่เราใช้เทคโนโลยี ดวงตาของเราต้องทำงานหนัก ทั้งยังพบเจอกับแสงสีฟ้า ซึ่งหากใช้เวลานาน สะสมมาก ๆ จะเป็นอันตรายต่อดวงตาแน่นอน ดังนั้นเราจะมาบอกถึง “สัญญาณเตือนของดวงตา” ที่จะบอกเราว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราควรพักสายตา และใส่ใจดูแล บำรุงดวงตาของเราให้ดี

1.อาการดวงตาพร่ามัว หรือ มองเห็นภาพซ้อน

​ผู้ที่ใช้สายตาเป็นเวลานาน หรือจ้องหน้าจอติดต่อกันนานกว่า 3.5 ชั่วโมง จะเกิดกับอาการเช่นนี้ มีผลทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง สายตาพร่ามัว หรือ เกิดภาพซ้อนคล้ายคนสายตาสั้น

2.อาการเคืองตา คันตา รวมไปถึง แสบตา

​ปกติคนเราจะมีการกระพริบตาอยู่ที่ 20 ครั้งต่อ 1 นาที แต่เมื่อมีการมองหน้าจอเป็นเวลานานจะทำให้การกระพริบตาลดลง 60 % นั่นหมายความว่าการใช้น้ำตาให้คลุมผิวตาก็จะลดลงไปด้วย ส่งผลให้ผิวตาแห้ง รู้สึกแสบ หรือระคายเคืองตา

3.อาการปวดเมื่อยดวงตา ตากระตุก

​การจ้องหรือเพ่งไปยังหน้าจอ "สมาร์ทโฟน" หรือ "คอมพิวเตอร์ "ในที่ที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ จะส่งผลโดยตรงต่อกล้ามเนื้อหนังตา ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อเกร็งตัวผิดปกติ เกิดอาการตากระตุก อัตราการกะพริบตาถี่กว่าปกติ จนเป็นอาการที่ติดตัวได้ อาจส่งผลต่อบุคลิกภาพในอนาคตได้

4.อาการการปวดกระบอกตา

​อาการนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีการจ้องหน้าจอเกินกว่า 4-6 ชั่วโมง อาการที่เกิดจะมีลักษณะปวดบริเวณระหว่างหัวคิ้วและลุกลามไปยังศรีษะได้ หากมีการจ้องหน้าจอต่ออาจส่งผลให้เกิดอาการ วิงเวียน คลื่นไส้ และอาเจียนได้

สัญญาณเหล่านี้ที่เกิดขึ้นเป็นการบ่งบอกว่ามีการใช้สายตายมากเกิน หรือเกินความจำเป็น ถือได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่อันตรายหากเกิดขึ้นในระยะยาว เสี่ยงต่อการเกิดโรคดวงตา เช่น จอประสาทตาเสื่อม วุ้นในตาเสื่อมได้ ดังนั้นหากเกิดอาการดังกล่าว เราควรพักสายตาอย่างน้อยทุก ๆ 15 -20 นาที รวมถึงควรรับประทานอาหารที่บำรุงสายตา ใช้อุปกรณ์ป้องกันแสงสีฟ้าจากหน้าจอ หรือสวมแว่นกรองแสงสีฟ้าที่สามารถช่วยคุณได้จริง เพื่อปกป้องดวงตาของคุณไปได้อีกนานแสนนาน

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก"ดีคอนแทค"
ป้องกันโรคตา ฟื้นฟูได้ตรงจุด ด้วยดีคอนแทค

ติดต่อเพื่อสอบถามและรับคำปรึกษา
☎ 081-7364891 คุณหนิง ลักขณา
ID Line :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
http://line.me/ti/p/

แม่เปิดใจ อุทาหรณ์ปล่อยลูกเล่นแท็บเล็ต สุดท้ายต้องผ่าตาทั้งสองข้างเพราะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจากกรณีโซเชียลแชร์เรื่องราวจาก...
16/02/2019

แม่เปิดใจ อุทาหรณ์ปล่อยลูกเล่นแท็บเล็ต สุดท้ายต้องผ่าตาทั้งสองข้างเพราะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

จากกรณีโซเชียลแชร์เรื่องราวจากสมาชิกเฟซบุ๊ก Fahsai Winnie ซึ่งแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับ “น้องวินนี่”ลูกสาววัย 5 ขวบ ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดดวงตา โดยคาดว่า สาเหตุเกิดจากการปล่อยให้ลูกเล่นโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตเป็นเวลานานๆ

น.ส.โชษิตา ผู้โพสต์ ซึ่งเป็นแม่ของน้องวินนี่ เปิดเผยกับ “ข่าวสดออนไลน์” ว่า น้องวินนี่ อายุ 5 ขวบ สายตามีลักษณะปกติเหมือนเด็กๆ ทั่วไป ไม่ได้มีอาการตาเหล่ เข จนเห็นได้ชัด แต่เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ครูสอนพิเศษทักว่า คุณแม่เคยพาน้องไปหาจักษุแพทย์บ้างหรือไม่ เพราะดูน้องมีอาการเหมือนโรคตาขี้เกียจ หรือ Lazy Eye จึงพาน้องไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แพทย์วินิจฉัยว่า ลูกสาวตาเหล่ ต้องผ่าตัด ซึ่งครอบครัวรู้สึกตกใจเพราะน้องเพิ่ง 5 ขวบเท่านั้น จึงเลือกวิธีการบริหารลูกตา ต่อมาสามีคิดว่าควรพาลูกไปหาหมออีกครั้งที่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งคือโรงพยาบาลที่ผ่าตัดรักษาดวงตาให้ในปัจจุบัน

แพทย์ตรวจแล้ว พบว่า น้องกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ต้องผ่าตัด เพราะว่า องศาของลูกตาเหล่ออกมาประมาณ 35 องศาแล้ว ตอนนั้น เลือกใช้วิธีปิดตาเพื่อทดสอบประมาณ 1 สัปดาห์ แต่เมื่อกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง พบว่า อาการยังไม่ดีขึ้น และตายังมีอาการเหล่ออกไปเรื่อยๆ แพทย์ได้แจ้งว่า หากไม่ผ่าตัดรักษาจะทำให้สูญเสียการมองเห็นภาพ 3 มิติ และต่อไปตาจะไม่ทำงาน เราจึงตัดสินใจผ่าตัด

“คุณหมอแจ้งว่า โรคนี้เป็นโรคตาของยุคดิจิตอล ซึ่งมีสมาร์ทโฟน, แท็บแล็ต เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดโรคขึ้น เพราะภาพเคลื่อนไหวอยู่ตลอดและแสงจ้า โดยพฤติกรรมก่อนหน้า คือ น้องเริ่มดูแท็บแล็ตตั้งแต่อายุ 2 ขวบ เพราะตนเองเลี้ยงลูกลำพัง และต้องทำขนมขาย จึงเลือกใช้แท็บแล็ตเพื่อให้ลูกสงบ และช่วยให้สามารถทำงานได้ ปกติน้องจะนอนบนโซฟาเล่นประมาณครั้งละ 2-3 ชั่วโมง บางครั้งก็ครึ่งวัน ตามแต่เรามีออร์เดอร์ขนม ยอมรับว่าลูกติดแท็บแล็ตมาก เป็นความบกพร่องของเราเอง”น.ส.โชษิตา กล่าว

น.ส.โชษิตา กล่าวต่อว่า ยอมรับว่ามองด้วยตาเปล่าแทบไม่ทราบว่าตาลูกมีปัญหา ซึ่งแพทย์จะมีวิธีการทดสอบเบื้องต้นด้วยการให้จ้องปากกา เพื่อดูการทำงานของลูกตาดำ แต่จะสังเกตได้ว่า ก่อนหน้านั้น ลูกมักจะมีอาการหยีตาเมื่อออกไปที่มีแสงแดด ซึ่งแพทย์อธิบายว่า มันเป็นอาการของเด็กที่เห็นภาพซ้อน จากการที่ตาทำงานข้างเดียวจึงต้องหยีตาเพื่อให้มองเห็น ซึ่งแพทย์รักษาด้วยการผ่าตัดทั้งสองข้างเพื่อดึงกล้ามเนื้อหัวตา หลังจากน้องหายคงไม่ปล่อยให้ลูกเล่นสมาร์ทโฟนหรือแท็บแล็ตตามใจชอบเหมือนเดิมแล้ว

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก"ดีคอนแทค"
ป้องกันโรคตา ฟื้นฟูได้ตรงจุด ด้วยดีคอนแทค

ติดต่อเพื่อสอบถามและรับคำปรึกษา
☎081-7354891 คุณหนิง ลักขณา
ID Line :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
http://line.me/ti/p/

วิธีรักษาอาการ “สายตาสั้น” ด้วยวิถีธรรมชาติวิธีรักษาอาการ “สายตาสั้น” ด้วยวิถีธรรมชาติ 2-3 สัปดาห์ แล้วคุณจะเลิกใส่แว่นอ...
16/02/2019

วิธีรักษาอาการ “สายตาสั้น” ด้วยวิถีธรรมชาติ

วิธีรักษาอาการ “สายตาสั้น” ด้วยวิถีธรรมชาติ 2-3 สัปดาห์ แล้วคุณจะเลิกใส่แว่นอีกเลย

วิธีง่ายๆที่จะช่วยบำบัด อาการสายตาสั้น

สิ่งที่ต้องทำเป็นนิสัย คือ สวมแว่นสายตา เมื่อจำเป็นเท่านั้น พยายามอย่าสวมแว่น ไม่ว่าจะเวลาไหน เมื่อไรก็ตามเท่าที่จะทำได้ เพราะมันจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อตา และระบบประสาทรอบดวงตาของคุณ รู้สึกผ่อนคลาย

วิธีอ่านหนังสืออย่างถูกต้อง

เมื่อไหร่ก็ตาม ที่อ่านหนังสือ ต้องถอดแว่นออกทุกครั้ง แล้วพยายามอ่านหนังสือโดยที่ พยายามให้ตาทั้งสองข้างอยู่ห่างจากหนังสือมากที่สุด แต่ต้องเป็นระยะที่สามารถอ่านตัวหนังสือได้อย่างชัดเจน หากทำจนติดเป็นนิสัยแล้ว จะรู้สึกว่า คุณจะค่อยๆ สามารถอ่านหนังสือได้ห่างมากขึ้นไปเรื่อยๆสำหรับที่คนสายตาสั้นไม่เท่ากัน ระยะห่างที่ชัดเจนของตาแต่ละข้างนั้น ค่อนข้างจะแตกต่างกัน ดังนั้นเวลาอ่านหนังสือ ให้ใช้มือข้างใดก็ได้ ปิดตาข้างหนึ่งไว้ แล้วค่อยๆ อ่านด้วยตาทีละข้างสลับกันไป แต่ถ้าสายตาทั้งสองข้างต่างกันแค่นิดเดียว อ่านพร้อมกันทั้งสองข้างเลยก็ไม่เป็นไร

กระพริบตาให้บ่อย การฝึกกระพริบตาให้บ่อย (ประมาณ 1 ครั้ง ต่อ 10 วินาที) จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อตา รู้สึกผ่อนคลาย ไม่ตึงเครียด

วิธีบำบัดที่ต้องทำเป็นประจำ (ต้องทำทุกวิธี)

การบริหารกล้ามเนื้อดวงตา ให้ชำเลืองตาขึ้นไปข้างบน ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วชำเลืองตา ลงข้างล่าง ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วชำเลืองตา ไปทางซ้าย ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วชำเลืองตา ไปทางขวา ค้างไว้ประมาณ 5 วินาทีเสร็จแล้วพักตาสักพัก แล้วเริ่มทำใหม่ไปอีกเรื่อยๆ วันละ 10 นาทีการบำบัดด้วยน้ำเย็น

เมื่อล้างหน้าเสร็จ ก่อนจะอาบน้ำ ให้เตรียมน้ำเย็น (ไม่ใช่น้ำอุ่น) ใส่กะละมังเล็กๆ ไว้ ก้มหน้าลงไปเล็กน้อย ทำมือทั้งสองให้เป็นรูปถ้วย แล้วกวักน้ำให้เต็ม ให้มืออยู่ห่างจากดวงตาประมาณ 6 เซนติเมตร หลับตาลง แล้วค่อยๆ สาดน้ำมากระทบเปลือกตาเบาๆ น้ำเย็นจะช่วยให้กล้ามเนื้อรอบดวงตารู้ผ่อนคลายได้มา กขึ้น (ให้ทำทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที)

การบำบัดด้วยการสร้างมโนภาพ

ให้หาหนังสืออะไรก็ได้มา 1 เล่ม เปิดหน้าไหนก็ได้ที่มีตัวหนังสือ ถอดแว่นออก แล้วเลือกคำอะไรก็ได้ 1 คำจากหน้านั้น จำรูปร่าง ของคำนั้นไว้ให้ดี ยื่นหนังสือออกไปให้ไกล ในระยะที่คุณมองเห็นไม่ชัดและเบลอ แล้วหลับตาลง นึกภาพในใจให้รู้สึกว่าคุณเห็นคำนั้นได้อย่างชัดเจน การทำเช่นนี้ จะช่วยให้กล้ามเนื้อตาค่อยๆ ปรับโฟกัส ให้ดีขึ้นได้อย่างอัตโนมัติ (ให้ทำทุกวัน วันละประมาณ 10 นาที)การบำบัดด้วยอุ้งมือ

ก่อนนอน ให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่นั่งสบายๆ หลับตาลง แล้วใช้อุ้งมือซ้ายปิดตาซ้ายเบาๆ และใช้อุ้งมือขวาปิดตาขวาเบาๆ จะช่วยทำให้ไม่มี แสงเล็ดลอด เข้าสู่ตาได้ ความมืดมิดที่เห็น จะทำให้ดวงตารู้สึกสบายกว่าปกติ (ให้ทำทุกวันก่อนนอน วันละอย่างต่ำ 45 นาที)

หากปฏิบัติเป็นประจำ หรือทำเป็นนิสัย ไม่นานนักสายตาจะกลับเป็นปกติมากขึ้น จนตัวเองต้องตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ลืมไปเลยว่าเคยใส่แว่น

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก"ดีคอนแทค"
ป้องกันโรคตา ฟื้นฟูได้ตรงจุด ด้วยดีคอนแทค

ติดต่อเพื่อสอบถามและรับคำปรึกษา
☎ 081-7354891 คุณหนิง ลักขณา
ID Line :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
http://line.me/ti/p/

ตากุ้งยิง    สาเหตุเกิดจาการติดเชื้อแบคทีเรีย คือ เชื้อสแตฟีโลค็อกคัส (Staphylococcus) เป็นส่วนใหญ่ โดยการอักเสบมักเริ่ม...
16/02/2019

ตากุ้งยิง

สาเหตุเกิดจาการติดเชื้อแบคทีเรีย คือ เชื้อสแตฟีโลค็อกคัส (Staphylococcus) เป็นส่วนใหญ่ โดยการอักเสบมักเริ่มจากท่อทางออกของต่อมบริเวณหนังตาที่เกิดการอุดตัน ส่งผลให้มีเชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตในต่อมเป็นจำนวนมาก เกินกว่าที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดได้ จึงก่อให้เกิดการอักเสบของต่อมดังกล่าวตามมา แล้วตามมาด้วยการบวมเป็นก้อนนูน มีหนองสะสม ก่อให้เห็นเป็นตุ่มฝี (สาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากการมีฝุ่นหรือเชื้อโรคเข้าตาก่อน แล้วผู้ป่วยเผลอไปใช้มือที่ไม่สะอาดขยี้ตา จนทำให้ต่อมที่เปลือกตาอุดตันและเกิดการอักเสบตามมา)

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมที่ทำให้เป็นตากุ้งยิงได้ง่าย เช่น
1. ไม่รักษาความสะอาด เช่น ปล่อยให้มือ ใบหน้า ผิวหนัง หรือเสื้อผ้าสกปรก (มักพบโรคนี้ในคนที่ชอบขยี้ตา ผู้ที่ไม่ค่อยรักษาความสะอาดของใบหน้า ใช้เครื่องสำอางที่ใบหน้าและดวงตา สวมใส่คอนแทคเลนส์ร่วมกับผู้อื่น ใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์ด้วยมือที่ไม่สะอาด หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สกปรก)
2. ผู้ที่มีโรคผิวหนังบริเวณใบหน้า หรือมีใบหน้ามัน จึงทำให้เกิดการอุดตันของต่อมไขมันบริเวณใบหน้ารวมทั้งหนังตาได้สูงกว่าปกติ
3. มีความผิดปกติเกี่ยวกับสายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเข สายตาเอียง รวมถึงมีการอักเสบบริเวณหนังตาอยู่บ่อย ๆ
4. มีสุขภาพทั่วไปไม่ดีนัก เช่น เป็นโรคเรื้อรัง ไซนัสอักเสบ ขาดอาหาร อดนอน ฟันผุ
5. มีภาวะที่ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย เช่น เป็นโรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคพิษสุราเรื้อรัง กินยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ๆ ผู้ที่มีหนังตาอักเสบเรื้อรัง (ตากุ้งยิงมักพบในช่วงวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ ส่วนในวัยผู้สูงอายุจะพบได้น้อย ถ้าพบกุ้งยิงในวัยผู้สูงอายุอาจจำเป็นต้องตรวจเช็คร่างกาย ซึ่งอาจพบโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือโรคต่าง ๆ ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง)

อาการของตากุ้งยิง

1. อาการของตากุ้งยิงส่วนใหญ่จะเริ่มจากมีอาการเคืองตาหรือคันตาคล้ายมีผงอยู่ในตาในบริเวณใกล้เคียงจะเกิดตุ่มฝี อาจมีน้ำตาไหล ทำให้ผู้ป่วยต้องขยี้ตาเสมอ ต่อมาอีก 1-2 วันจะเริ่มบวมแดง เจ็บเล็กน้อย ถ้าไม่ได้รับการรักษา บริเวณที่ปวดนั้นจะขึ้นเป็นตุ่มแข็ง เมื่อแตะถูกจะเจ็บ ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกว่ามีอาการปวดที่บริเวณเปลือกตา ในลักษณะปวดแบบตุบ ๆ เฉพาะที่จุดใดจุดหนึ่ง เมื่อก้มศีรษะต่ำกว่าระดับเอว จะทำให้มีอาการปวดมากขึ้น ต่อมาตุ่มฝีจะค่อย ๆ นุ่มลง มีหนองนูนเป่ง เห็นเป็นหัวขาว ๆ เหลือง ๆ หลังจากนั้นหนองจะแตกและยุบไป นอกจากนี้ในบางครั้งผู้ป่วยอาจมีขี้ตาออกมากผิดปกติหรือมีขี้ตาไหล เปลือกตาบวม ปวดตา หรือตาแดง
2. โดยมากกุ้งยิงมักจะขึ้นเพียงตุ่มเดียว อาจจะเป็นที่เปลือกตาบนหรือล่างก็ได้ น้อยคนนักที่จะเกิดขึ้นพร้อมกัน 2-3 ตุ่ม
3. ถ้ากุ้งยิงขึ้นบริเวณหางตามักจะมีอาการรุนแรง อาจทำให้หนังตาบวมแดงจนตาปิด
4. ถ้าปล่อยทิ้งไว้ 4-5 วันต่อมา ตุ่มฝีมักจะแตกเอง แล้วหัวฝีจะยุบลงและหายปวด ถ้าหนองระบายออกได้หมดก็จะยุบหายไปภายใน 1 สัปดาห์ (ในบางรายที่ตุ่มฝีแตกและมีหนองไหลออกมา หากเชื้อรุนแรงหรือภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ อาจก่อให้เกิดการอักเสบกระจายบริเวณโดยรอบก้อนและแผ่กว้างออกไป ซึ่งในระยะนี้จะก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดมากขึ้น และเด็กบางคนอาจมีไข้ร่วมด้วย)
5. ในผู้ป่วยที่เคยเป็นตากุ้งยิงมาแล้วครั้งหนึ่ง อาจจะมีอาการกำเริบแบบเป็น ๆ หาย ๆ โดยอาจจะเป็นตรงจุดเดิม หรือย้ายที่ หรือสลับข้างไปมาก็ได้

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก"ดีคอนแทค"
ป้องกันโรคตา ฟื้นฟูได้ตรงจุด ด้วยดีคอนแทค

ติดต่อเพื่อสอบถามและรับคำปรึกษา
☎ 081-7354891 คุณหนิง ลักขณา
ID Line : @ nungningshop

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
http://line.me/ti/p/

วิธีง่ายๆ สำหรับการปกป้องดวงตาวิธีง่ายๆ สำหรับการปกป้องดวงตาที่สดใสของเราคือ เมื่อยามที่เราต้องออกไปเจอแสงแดด..ควรสวมแว่...
15/02/2019

วิธีง่ายๆ สำหรับการปกป้องดวงตา

วิธีง่ายๆ สำหรับการปกป้องดวงตาที่สดใสของเราคือ เมื่อยามที่เราต้องออกไปเจอแสงแดด..

ควรสวมแว่นกันแดด
เพื่อปกป้องดวงตาที่จะกระทบกับแสงแดดโดยตรง อย่างไรก็ดี การสวมแค่แว่นกันแดดอาจจะไม่เพียงพอ เพราะแสงแดดยังสามารถลอดเข้าทางด้านข้างของแว่นกันแดด และกระทบดวงตาของเราได้

คนที่มีปัญหาสายตาและใส่คอนแทคเลนส์
ถ้าหากเลือกใส่คอนแทคเลนส์ที่มีสารป้องกันรังสียูวีเอ/ ยูวีบีในระดับสูงสุดจาก จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มการป้องกันดวงตาจากแสงแดดที่ลอดเข้าจากทางด้านข้างแว่นตาได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ถ้าหากต้องการดูแลรักษาสุขภาพตาให้ดีในระยะยาว การเลือกใส่คอนแทคเลนส์คุณภาพดีก็นับว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยควรพิจารณาวัสดุที่ใช้ผลิต ซึ่งถ้าหากเป็นซิลิโคนไฮโดรเจล ก็จะส่งผลดีที่ดวงตาของเราจะหายใจได้เพราะเนื้อเลนส์สามารถให้ออกซิเจนซึมผ่านได้ดี รวมถึงคุณสมบัติเรื่องการกักเก็บความชุ่มชื่นไว้ในเนื้อเลนส์ ซึ่งทำให้ใส่ได้สบายตายาวนานจนกระทั่งสิ้นสุดวัน

แล้วอย่าลืมว่า อย่างน้อยทุกๆ 6 เดือนควรจะกลับไปตรวจตา เพื่อเช็คทั้งค่าสายตาและตรวจสุขภาพตาเบื้องต้น เพียงเท่านี้ คุณก็จะมีดวงตาที่สดใส สามารถใช้ชีวิตเอาท์ดอร์ได้อย่างเต็มที่

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก"ดีคอนแทค"
ป้องกันโรคตา ฟื้นฟูได้ตรงจุด ด้วยดีคอนแทค

ติดต่อเพื่อสอบถามและรับคำปรึกษา
☎ 081-7354891 คุณหนิง ลักขณา
ID Line :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
http://line.me/ti/p/

ประโยชน์ของผักบุ้งไม่ใช่แค่บำรุงสายตาผักบุ้ง เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่รู้จักมักคุ้นกันดี เพราะมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาได้...
12/02/2019

ประโยชน์ของผักบุ้งไม่ใช่แค่บำรุงสายตา

ผักบุ้ง เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่รู้จักมักคุ้นกันดี เพราะมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี แต่จริง ๆ แล้วผักชนิดนี้ยังมีประโยชน์มากกว่านั้น เพราะผักบุ้งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญมากมาย

สายพันธุ์ของผักบุ้ง
ก่อนจะทราบถึงประโยชน์ของผักบุ้ง มาดูกันก่อนว่าผักบุ้งที่ทุกคนนิยมนำมารับประทานกันนั้นมีสายพันธุ์อะไรบ้าง ในประเทศไทยจะแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์หลัก ๆ คือผักบุ้งไทยและผักบุ้งจีน สำหรับผักบุ้งไทยจะเป็นผักบุ้งสายพันธุ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองตามแม่น้ำลำคลอง จึงมียางมากกว่าผักบุ้งจีน ส่วนผักบุ้งจีนจะเป็นพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยส่วนมากที่นิยมปลูกขายก็คือผักบุ้งจีน เพราะจะมีลำต้นค่อนข้างขาวอวบ ใบเขียวอ่อน ดอกขาว มียางน้อยกว่าผักบุ้งไทย จึงเป็นที่นิยมในการรับประทานมากกว่าผักบุ้งไทย

ผักบุ้ง 100 กรัมจะให้พลังงานถึง 22 กิโลแคลอรี และประกอบไปด้วยด้วยเส้นใย วิตามิน และแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก เป็นต้น ซึ่งผักบุ้งไทยนั้นจะมีวิตามินซีสูงและมีสรรพคุณทางยามากกว่าผักบุ้งจีน แต่จะมีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีนน้อยกว่าผักบุ้งจีน หากรับประทานแบบสด ๆ ได้ก็จะทำให้คุณค่าของวิตามินและแร่ธาตุไม่เสียไปกับความร้อนอีกด้วย


แต่มีข้อยกเว้นคือผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักบุ้ง เนื่องจากผักบุ้งจะมีคุณสมบัติลดความดันโลหิต จนทำให้ความดันยิ่งต่ำลงไปอีก อาจจะก่อให้เกิดการเป็นตะคริวได้ง่ายและบ่อยขึ้น และทำให้ร่างกายอ่อนแอด้วย

27 ประโยชน์ดีๆ ที่อาจยังไม่รู้จากผักบุ้ง
1.ช่วยบำรุงสายตา รักษาอาการสายตาสั้น ตาต้อ ตาฝ้าฟาง ตาแดง และอาการคันตาบ่อย ๆ
2.มีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล
3.ช่วยป้องกันและลดโอกาสในการเป็นโรคมะเร็ง
4.เพิ่มศักยภาพในการบำรุงสมองและเพิ่มความสามารถในการจดจำ
5.มีกากใยมากช่วยในการขับถ่าย ป้องกันการท้องผูก
6.บำรุงโลหิตและช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
7.สามารถลดน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวาน
8.ช่วยให้เจริญอาหาร
9.ช่วยบำรุงหัวใจ ลดการเกิดไขมันอุดตันเส้นเลือดและหัวใจวาย
10.มีแคลอรีต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
11.ช่วยบำรุงธาตุ
12.ยอดผักบุ้งช่วยแก้โรคประสาทได้
13.ช่วยแก้อาการเหงื่อออกมาก
14.ช่วยแก้อาการปวดศีรษะและอ่อนเพลีย
15.ต้นสดของผักบุ้งไทยช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
16.ผักบุ้งมีรสเย็น จึงมีสรรพคุณช่วยถอนพิษเบื่อเมา
17.รากผักบุ้งมีรสจืดเฝื่อน มีสรรพคุณช่วยในการถอนพิษสำแดง
18.ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
19.ช่วยแก้อาการฟกช้ำ
20.ดอกของผักบุ้งไทยต้นขาวสามารถใช้เป็นยาแก้กลากเกลื้อนได้
21.ใช้ถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้
22.แก้แผลมีหนองช้ำ ด้วยการใช้ต้นสดมาต้มน้ำให้เดือดนาน ๆ ทิ้งไว้พออุ่นแล้วนำน้ำมาล้างแผลวันละครั้ง
23.แก้พิษตะขาบกัด ด้วยการใช้ต้นสดเติมเกลือนำมาตำพอกบริเวณที่ถูกกัด
24.ต้นสดของผักบุ้งไทยต้นขาวนำมาใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้
25.ต้นสดของผักบุ้งไทยต้นขาวจะช่วยลดการอักเสบและอาการปวดบวมได้
26.ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
27.สามารถใช้บำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดหรือผู้ที่ได้รับสารพิษต่าง ๆ ได้

ทำไมผักบุ้งจึงช่วยบำรุงสายตา ?

คำกล่าวแต่อดีตถึงประโยชน์ของผักบุ้งที่ช่วยในการบำรุงสายตานั้นคือความจริง เนื่องจากผักบุ้งมีสารที่ชื่อ "เบต้าแคโรทีน" จำนวนมาก (โดยเฉพาะผักบุ้งจีน) ซึ่งเบต้าแคโรทีนนี้สามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ภายหลัง และสรรพคุณของวิตามินเอคือการช่วยบำรุงสายตา เพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงในดวงตา ทำให้ตาไม่แสบ ไม่แห้ง แลดูเป็นประกาย ดังนั้นหากคุณต้องทำงานที่จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรืออาชีพที่ต้องใช้สายตาบ่อย ๆ การรับประทานผักบุ้งเป็นประจำก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างวิตามินเอให้กับร่างกาย เป็นการรับประทานอาหารเพื่อบำรุงสายตาโดยตรง

เห็นคุณประโยชน์มากมายแบบนี้แล้ว ก็ลองคิดเมนูที่ทำจากผักบุ้งเอาไว้ได้เลย ทั้งอร่อย มีประโยชน์ แถมราคายังถูกมากอีกด้วย แต่ถ้าให้ดีควรรับประทานผักบุ้งสด ๆ หรือผักบุ้งลวกก็จะได้คุณประโยชน์อย่างครบถ้วนแน่นอน

🎗ด้วยความปรารถนาดีจาก"ดีคอนแทค"
ป้องกันโรคตา ฟื้นฟูได้ตรงจุด ด้วยดีคอนแทค

ติดต่อเพื่อสอบถามและรับคำปรึกษา
☎ 081-7354891 คุณหนิง ลักขณา
ID Line :

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ เพื่อรับข้อมูลสาระน่ารู้
http://line.me/ti/p/

ที่อยู่

บางบัวทอง
Nonthaburi
11110

เบอร์โทรศัพท์

0817354891

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ศูนย์ดูแลดวงตาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram