30/08/2025
น้ำมันมะพร้าว กรดไขมันอิ่มตัว สายกลาง กับอัลไซเมอร์
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Virgin coconut oil) สกัดแบบบีบเย็น จากเนื้อมะพร้าวสด โดยกระบวนการที่ไม่ใช้ความร้อนหรือสารเคมี (Coldpressed coconut oil) เป็นที่นิยมใช้กัน
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นแม้เชื่อว่าจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าการสกัดร้อน แต่องค์ประกอบกรดไขมันจะไม่ต่างกันนัก โดยที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง หรือ Medium chain triglycerides (MCT) (มีจำนวนคาร์บอน 6-12 ตัว) 63% ซึ่งส่วนมากคือกรด ลอริกที่มีคาร์บอน 12 ตัว (Lauric acid, C12 : 0) กรดไขมันอิ่มตัวสายยาว (มีจำนวนคาร์บอน >12 ตัว) 30% และกรดไขมันไม่อิ่มตัวสายยาว (มีจำนวนคาร์บอน >12 ตัว) 7%
กรดไขมันอิ่มตัวสายกลางมีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถดูดซึมที่ลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง นำไปใช้ที่ตับได้อย่างรวดเร็ว แตกต่างจากกรดไขมันสายยาวที่ดูดซึมผ่านระบบน้ำเหลืองก่อนเข้ากระแสเลือดและการเปลี่ยนนำไปใช้เป็นพลังงานที่ตับมีกระบวนการซับซ้อนกว่า
ทางการแพทย์จึงสกัดเอากรดไขมันอิ่มตัวสายกลางจากน้ำมันมะพร้าวไปใช้เพื่อเป็นส่วนประกอบอาหารทางการแพทย์ชนิดรับประทาน สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาในการดูดซึมสารอาหารผิดปกติ (Semi-elemental diet)
และเป็นส่วนประกอบสำหรับอาหารคีโตเจนิก (Ketogenicdiet) ในการรักษาผู้ป่วยเด็กโรคลมชัก และเป็นส่วนประกอบของไขมันในอาหารที่ให้ทางเส้นเลือดดำ
ซึ่งการนำมาใช้ทางการแพทย์ที่กล่าวมานี้ต้องผ่านการสกัดแยกมาจากน้ำมันมะพร้าวอีกทีเพื่อเอาเฉพาะกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางเท่านั้น ไม่ใช่ ใช้น้ำมันมะพร้าวแบบที่ขายทั่วไปในท้องตลาดที่มีกรดไขมันอื่นๆประกอบอยู่ด้วย
ส่วนประกอบของน้ำมันมะพร้าวที่เฉพาะเจาะจงสำหรับโรคสมองฝ่ออัลไซเมอร์มี caprylic triglyceride กรดไขมันอิ่มตัวสายกลางเป็นสำคัญ
* สมองตามปกติจะได้พลังงานจากกลูโคส เมื่อกลูโคสขาดแคลน ตับจะเป็นตัวสร้างคีโตน ให้เป็นแหล่งพลังงานแทน
* ในกรณีที่นำมาใช้เป็นการรักษาคือต้องอดอาหารแป้ง กินมันๆเยอะ และเสริมด้วยกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง ป้อนสารคีโตนผ่านทางตับให้สมอง โดยโรคอัลไซเมอร์คือ “เบาหวานของสมอง” และสมองเบาหวานนี้จะใช้คีโตนได้ดีกว่ากลูโคส คีโตนจะช่วยลดความเสียหายในเซลล์สมองที่เกิดขึ้นจากมวลอนุมูลอิสระ รวมทั้งจากสารอักเสบที่เป็นตัวการของโรคอัลไซเมอร์ และป้องกันการเกิดสารพิษโปรตีน amyloid และอื่นๆ
การประชุม ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในเดือนกรกฎาคม 2017 มีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการใช้พลังงานจากคีโตนในการรักษาโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์
จากการศึกษาในคนไข้ที่จะมีสมองเสื่อม (pre-dementia) และเริ่มสูงอายุพบว่าสมองส่วนบริเวณด้านหน้ามีความสามารถในการใช้กลูโคสเป็นพลังงานได้ไม่ดีและลดลงถึง 14% เมื่อเทียบกับคนในคนสูงอายุปกติและมากถึง 20 ถึง 30% เมื่อเริ่มมีอาการของสมองเสื่อมขั้นต้น
* ดังนั้น จากการที่เซลล์สมองใช้พลังงานไม่ได้หรือพูดง่ายๆคือขาดอาหาร เซลล์สมองก็จะหมดแรงและตายไปอย่างรวดเร็ว
ในการที่จะช่วยให้สมองหลุดพ้นจากภาวะการขาดอาหารก็คือการป้อนอาหารชนิดอื่น (ketogenic diet) ซึ่งก็คือต้องการทำให้มีคีโตน สูงขึ้น และยังเสริมในรูปของกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง caprylic triglyceride โดยทั้งนี้อาหารคีโตนที่ว่าคือการลดอาหารคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งน้ำตาล ซึ่งจะมีผลทำให้ร่างกายปรับเปลี่ยนไปใช้ไขมันให้แปลงเป็นคีโตน
�การลดอาหารแป้งยังเป็นการลดระดับอินซูลินในเลือดและช่วยบรรเทาภาวะการดื้ออินซูลินทั้งในเลือดและในสมองในคนที่เริ่มจะเป็นหรือเป็นสมองเสื่อมแล้วก็ตาม (โดยไม่จำเป็นต้องเป็นโรคเบาหวาน)
นอกจากลดแป้งแล้วยังเพิ่มอาหารไขมันสูงเพื่อบังคับร่างกายให้ใช้พลังงานจากไขมันให้มากที่สุด แต่ปริมาณโปรตีนยังปกติ
การศึกษาในคนที่เป็นโรคสมองเสื่อมอาการไม่มากโดยให้อาหารคีโตน และเสริมด้วยกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางเป็นเวลาสามเดือน แม้จำนวนคนไข้ที่อยู่ในการศึกษาจะไม่มากนัก แต่ 10 รายที่สามารถทนต่ออาหารที่ไม่อร่อย ต้องกินแบบฝืนธรรมชาติ รวมทั้งลดแป้งมหาศาล พบว่าการตรวจสอบการทำงานของสมองดีขึ้น 4.1 แต้มในสกอร์ของโรคอัลไซเมอร์ (ADAS Cog score) ซึ่งสูงกว่าการที่ได้รับยากระตุ้นสมองที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้และเมื่อหยุดรูปแบบอาหารและการเสริมกรดไขมัน ประสิทธิภาพของสมองก็ตกลงมาอยู่ที่เดิม
การศึกษาที่สอง (BENEFIC study) โดยพยายามหลีกเลี่ยงการกินอาหารฝืนธรรมชาติ ไม่ต้องมีการลดแป้งมหาศาลอย่างแบบที่หนึ่ง โดยการให้กินเสริมด้วยกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง วันละสองครั้งตอนเช้าและเย็น ทั้งนี้ โดยมีผู้ป่วยที่มีสมองเสื่อมที่อาการไม่รุนแรง 50 รายและเสริมด้วยกรดไขมัน ที่ผสมในนมสกิมมิลค์ ปริมาณอยู่ที่ 30 กรัมต่อวัน
การประเมินมีทั้งการทดสอบประสิทธิภาพของสมองหรือพุทธิปัญญา รวมทั้งมีการตรวจการทำงานของสมองด้วยวิธีทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ PET (positron emission tomography) scan โดยพบว่าสมองทำงานได้ดีขึ้นจากการตรวจทาง executive function และ processing speed (semantic verbal fluency score และ trail making number-letter switching test)
การตรวจสอบการใช้พลังงานของสมองซึ่งแสดงว่า สมองซึ่งบกพร่องในการใช้กลูโคสและอยู่ในระดับบกพร่อง 4 ถึง 8%
แต่เมื่อได้รับกรดไขมัน สมองสามารถใช้คีโตนได้แทน และระดับของการดีขึ้นทั้งหมดแปรผันตามระดับของคีโตนในเลือด
การเสริมด้วยกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง คนที่อยู่ในการศึกษายังสามารถกินได้อย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งครบหกเดือนได้ใน 78%
สำหรับการใช้น้ำมันมะพร้าวกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางกับโรคอัลไซเมอร์มีรายงานของผลิตภัณฑ์ชื่อ Axona (AC-1202) ของอเมริกาในปี 2009, 2011 และ 2012 ในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ความรุนแรงน้อยถึงปานกลาง 152 ราย ใช้ผลิตภัณฑ์ AC-1202 ที่ 10-20 กรัมต่อวัน ไป 90 วัน
ณ วันที่ 45 กลุ่มที่ได้รับน้ำมันมะพร้าวมีระดับการทดสอบดีขึ้น
แต่ในวันที่ 90 คะแนนกลับมาเท่ากันในกลุ่มที่ได้และไม่ได้น้ำมันมะพร้าว รวมทั้งวันที่ 104 หลังจากหยุดการกินน้ำมันมะพร้าวไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่ไม่มียีนร้ายของสมองฝ่อกลับพบว่า น้ำมันมะพร้าวเสริมความจำให้ดีขึ้นที่การทดลองทุกระยะ
ประโยชน์จากน้ำมันมะพร้าวที่สำคัญอยู่ที่ ชนิดและต้องเป็นกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง ไม่ใช่น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่ไม่ทราบส่วนประกอบ สำหรับประโยชน์ด้านการลดน้ำหนักยังไม่ชัดเจน
กรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง (มีจำนวนคาร์บอน 6-12 ตัว) ข้อมูลที่ผ่านมา ไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก ทั้งๆที่มีคุณสมบัติที่ถูกนำไปใช้ในตับได้เร็ว เชื่อว่าไม่สะสมเป็นเนื้อเยื่อไขมันในร่างกาย
การศึกษาในประเทศบราซิล (วารสาร lipids 2009) ในผู้หญิงที่มีภาวะอ้วนลงพุงอายุระหว่าง 20-40 ปี กลุ่มที่รับประทานน้ำมันมะพร้าว 30 มล.ต่อวัน และกลุ่มที่รับประทานน้ำมันถั่วเหลือง 30 มล.ต่อวัน (กลุ่มละ 20 คน) ร่วมกับรับประทานอาหารพลังงานต่ำ และออกกำลังกายโดยการเดิน 200 นาทีต่อสัปดาห์ในทั้งสองกลุ่ม เป็นเวลา 12 สัปดาห์
พบว่าทั้งสองกลุ่มลดน้ำหนักและดัชนีมวลกายและเส้นรอบพุงลงได้ไม่ต่างกัน
ในการศึกษาแบบวิเคราะห์เจาะลึก 60 รายงาน (วารสาร The American journal of clinical nutrition 2003) พบว่าการรับประทานอาหารที่ใช้
กรดลอริก ที่พบมากในน้ำมันมะพร้าวทดแทนคาร์โบไฮเดรตในพลังงานที่เท่ากัน พบว่าเพิ่มคอเลสเทอรอลในเลือดทั้งตัวดี HDL และตัวร้าย LDL โดยการเพิ่มขึ้นของตัวดีจะมากกว่า จึงนำไปสู่การตีความกันว่าน้ำมันมะพร้าวน่าจะช่วยป้องกันหรือลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
อย่างไรก็ตาม การศึกษาใน“สัตว์ทดลอง”ที่ไม่ใช่แค่การดูเฉพาะระดับคอเลสเทอรอลในเลือด กลับพบว่าในกระต่ายที่ได้รับอาหารไขมันสูงจากน้ำมันมะพร้าว 10% มีไขมันอุดตันในเส้นเลือดแดงสูงกว่ากลุ่มใช้น้ำมันมะพร้าว 3% เป็น 2 เท่า (วารสาร Atherosclerosis. 2010)
ส่วนการศึกษาในคนซึ่งต้องเป็นการศึกษาระยะเวลานานเป็นปีๆ ปัจจุบันยังไม่ชัดเจนแม้ว่าจะมีข้อมูลอยู่บ้างแต่ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน
การป้องกันหรือลดการเกิดโรคหัวใจ และโรคสมองอาจจะเป็นไปได้ โดยที่ต้องติดตามใกล้ชิด ทั้งนี้ มีข้อมูลซึ่งแสดง กรดไขมันอิ่มตัวสายกลางจากน้ำมันมะพร้าวสามารถลดการอักเสบลงได้ ซึ่งน่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยโรคสมองเสื่อม
บทบาทของน้ำมันมะพร้าวไขมันอิ่มตัวสายกลางจนถึงปัจจุบันก็ยังเป็นที่สนใจกันอยู่ในการผ่อนความเสียหายและซ่อมแซมเซลล์
Caprylic Acid Inhibits High Mobility Group Box-1-Induced Mitochondrial Damage from Heart in Myocardial Tubes. 2024
ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
และ
ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
มหาวิทยาลัยรังสิต