หมอปุณ กระดูกและข้อ

หมอปุณ กระดูกและข้อ หมอผ่าตัดกระดูกทั่วไป เน้นเรื่องกระดูกเด็ก มีหมวกหมอทั่วไปสวมอยู่ด้วย

เคสอุบัติเหตุที่พบบ่อยในบ้านเรา นั่นคือ "กระดูกไหปลาร้าหัก" จากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ครับเคสนี้เป็นผู้ชายอายุ 49 ปี ประสบ...
09/08/2025

เคสอุบัติเหตุที่พบบ่อยในบ้านเรา นั่นคือ "กระดูกไหปลาร้าหัก" จากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ครับ

เคสนี้เป็นผู้ชายอายุ 49 ปี ประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์จนกระดูกซี่โครงหักและมีลมในปอด (Pneumothorax) ต้องใส่สายระบายลมก่อนครับ

เมื่ออาการทุกอย่างคงที่และลมในปอดหายเป็นปกติแล้ว คุณหมอจึงทำการผ่าตัดแก้ไขกระดูกไหปลาร้าที่หักครับ

จากภาพที่เห็น (ก่อนและหลังผ่าตัด) จะพบว่าหลังผ่าตัดกระดูกไหปลาร้ากลับมาอยู่ในแนวที่ดีขึ้นอย่างมากเลยครับ ทำให้คนไข้สามารถลุกนั่งได้ง่ายขึ้น เริ่มกายภาพได้เร็วขึ้น และได้ถอดสายระบายลมออก เตรียมตัวกลับบ้านได้แล้วครับ 🎉

✨ การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดกระดูกไหปลาร้า... สำคัญที่สุด!
แม้การผ่าตัดจะสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้กระดูกติดเร็วขึ้น และฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ครับ

* การดูแลแผลผ่าตัด: 🩹
* รักษาแผลให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการโดนน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิทและคุณหมออนุญาตให้อาบน้ำได้ตามปกติ
* สังเกตอาการผิดปกติที่แผล เช่น บวมแดง ร้อน มีหนอง หรือมีไข้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
* เปลี่ยนผ้าปิดแผลตามคำแนะนำของแพทย์หรือพยาบาล
* การควบคุมอาการปวด: 💊
* รับประทานยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องกังวลว่าจะติดยา หากปวดมากสามารถแจ้งแพทย์เพื่อปรับยาได้ครับ
* ประคบเย็นบริเวณที่ปวด เพื่อช่วยลดอาการบวมและปวดในช่วงแรก

* การบริหารและการกายภาพบำบัด: 💪
* ช่วงแรก (1-2 สัปดาห์แรก): เน้นการพักแขนข้างที่ผ่าตัด โดยอาจจะต้องใส่เฝือกคล้องคอ (Arm Sling) เพื่อพยุงแขนและลดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น
* เริ่มขยับเบาๆ: แพทย์หรือนักกายภาพบำบัดจะแนะนำท่าบริหารเบาๆ เช่น การกระดกข้อมือ กำมือคลายมือ เพื่อป้องกันข้อยึดและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
* เพิ่มการเคลื่อนไหว: เมื่อแผลเริ่มหายและอาการปวดลดลง จะเริ่มมีการบริหารเพื่อเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่และแขนอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยนักกายภาพบำบัดจะเข้ามาช่วยดูแลและแนะนำท่าที่เหมาะสม
* ห้ามยกของหนัก: ในช่วงแรกต้องงดการยกของหนัก หรือออกกำลังกายที่ใช้แรงแขนข้างที่ผ่าตัด จนกว่ากระดูกจะติดสนิท ซึ่งอาจใช้เวลา 6-12 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและดุลยพินิจของแพทย์

* โภชนาการและการพักผ่อน: 🍎😴
* รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดี และโปรตีนสูง เพื่อช่วยในการสร้างกระดูก
* นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง
* ติดตามผลกับแพทย์: 🗓️
* มาตรวจตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์ประเมินความคืบหน้าของการหายของกระดูก และปรับแผนการรักษาหรือการกายภาพบำบัดให้เหมาะสม

การฟื้นตัวหลังผ่าตัดกระดูกไหปลาร้าต้องอาศัยความร่วมมือและความอดทนของผู้ป่วยเป็นอย่างมากครับ แต่หมอปุณเชื่อว่าด้วยความตั้งใจและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด คนไข้จะกลับมาใช้แขนได้เป็นปกติแน่นอนครับ! 👍

#หมอปุณกระดูกและข้อ #กระดูกไหปลาร้าหัก #ผ่าตัดกระดูก #ดูแลหลังผ่าตัด #อุบัติเหตุ

"กล้ามเนื้อคอตึงแต่กำเนิด" หรือ Congenital Muscular Torticollis ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือมีคนใกล้ตัวเป็นกันนะครับน้องค...
06/08/2025

"กล้ามเนื้อคอตึงแต่กำเนิด" หรือ Congenital Muscular Torticollis ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือมีคนใกล้ตัวเป็นกันนะครับ

น้องคนไข้รายนี้อายุ 18 ปีแล้ว กล้ามเนื้อ SCM (Sternocleidomastoid) หรือกล้ามเนื้อที่อยู่ข้างคอ ยังคงตึงอยู่ตั้งแต่เด็กๆ เลยครับ

🤔 ผ่าตัดแก้ไขดีไหม?
ในกรณีที่อายุ 18 ปีแล้ว และกล้ามเนื้อยังตึงอยู่ การผ่าตัดถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจและมักให้ผลลัพธ์ที่ดีครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการตึงของกล้ามเนื้อส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของคอ หรือทำให้เกิดความไม่สมดุลของใบหน้าและศีรษะ

✨ ภาพรวมในการผ่าตัดรักษา
การผ่าตัดที่นิยมทำคือการ "คลายกล้ามเนื้อ SCM" ครับ โดยศัลยแพทย์จะทำการตัดหรือยืดกล้ามเนื้อส่วนที่ตึงให้คลายตัวออก เพื่อให้คอสามารถเคลื่อนไหวได้อิสระมากขึ้น และศีรษะกลับมาอยู่ในแนวที่สมดุล

* ก่อนผ่าตัด: คุณหมอจะประเมินอย่างละเอียด ทั้งการตรวจร่างกาย การเอกซเรย์ หรืออาจมีการทำ MRI เพื่อดูโครงสร้างของกล้ามเนื้อและกระดูกคออย่างละเอียดครับ
* ระหว่างผ่าตัด: เป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างปลอดภัย ใช้เวลาไม่นาน โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละบุคคลครับ
* หลังผ่าตัด: หลังผ่าตัดอาจมีอาการปวดเล็กน้อย ซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวดครับ

💪 การกายภาพบำบัดหลังผ่าตัด… สำคัญมาก!
หัวใจสำคัญของการรักษาให้ได้ผลดีที่สุดคือ "การกายภาพบำบัด" ครับ! 🏋️‍♀️ หลังผ่าตัดทันที นักกายภาพบำบัดจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยฟื้นฟู
* การยืดกล้ามเนื้อ: จะมีการสอนท่าทางการยืดกล้ามเนื้อคอที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการกลับมาตึงซ้ำ และเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวของคอ
* การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ: เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวแล้ว กล้ามเนื้อรอบๆ คอจะต้องได้รับการฝึกให้แข็งแรงขึ้น เพื่อช่วยพยุงศีรษะและคอให้มั่นคง
* การปรับท่าทาง: นักกายภาพจะช่วยแนะนำการปรับท่าทางในชีวิตประจำวัน ทั้งการนั่ง ยืน เดิน หรือแม้กระทั่งท่านอน เพื่อให้คออยู่ในแนวที่ถูกต้องและลดภาระกล้ามเนื้อ

💡

การผ่าตัดและการทำกายภาพบำบัดควบคู่กันไป จะช่วยให้น้องคนไข้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ มีคอที่สมดุล และมั่นใจในตัวเองมากขึ้นแน่นอนครับ! อย่ารอช้าที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดนะครับ
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามหมอปุณได้เลยครับ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอครับ 😊

#หมอปุณกระดูกและข้อ #กล้ามเนื้อคอตึงแต่กำเนิด #ผ่าตัดกล้ามเนื้อคอ #กายภาพบำบัด #สุขภาพดี

แจ้งเตือน! ภาวะเจ็บส้นเท้าในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้จัก 🤕สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ วันนี้ผมมีเคสที่น่าสนใจมาแบ่งปัน เพื่อใ...
05/08/2025

แจ้งเตือน! ภาวะเจ็บส้นเท้าในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้จัก 🤕
สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ วันนี้ผมมีเคสที่น่าสนใจมาแบ่งปัน เพื่อให้ทุกท่านได้รู้จักและเข้าใจภาวะเจ็บส้นเท้าในเด็กที่เรียกว่า "Calcaneal Apophysitis" หรือ "โรคเซเวอร์ (Sever's disease)" กันครับ

ยกตัวอย่างเคส: เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ตรวจเด็กชายอายุ 8 ขวบ น้ำหนัก 48 กก. ที่มาด้วยอาการปวดบริเวณส้นเท้าข้างขวา โดยเฉพาะเวลาวิ่งหรือกระโดด จากการซักประวัติพบว่าน้องเป็นเด็กที่ชอบเล่นกีฬามาก ทั้งฟุตบอลและบาสเกตบอล เมื่อทำการตรวจร่างกาย พบว่ามีอาการกดเจ็บที่บริเวณด้านหลังของส้นเท้า และเมื่อเอกซเรย์ (ตามภาพประกอบ) พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่บริเวณ Growth Plate (แผ่นการเจริญเติบโต) ของกระดูกส้นเท้า ซึ่งเป็นลักษณะที่พบได้ในภาวะ Calcaneal Apophysitis ครับ

Calcaneal Apophysitis คืออะไร? ภาวะนี้เกิดจากการอักเสบของ Growth Plate ที่กระดูกส้นเท้า ซึ่งเป็นบริเวณที่เอ็นร้อยหวายมาเกาะ มักพบในเด็กวัย 8-14 ปี ที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีกิจกรรมที่ต้องลงน้ำหนักที่ส้นเท้ามาก

แนวทางการรักษาสำหรับเคสนี้: สำหรับเคสของน้อง ผมได้แนะนำแนวทางการรักษาแบบประคับประคอง ดังนี้ครับ

ปรับลดกิจกรรม: แนะนำให้งดหรือลดกิจกรรมที่ทำให้ปวด เช่น การวิ่ง กระโดด หรือเล่นกีฬาที่ต้องลงน้ำหนักที่ส้นเท้ามากในช่วงแรก หากอาการดีขึ้นค่อยๆ กลับไปทำกิจกรรมได้ แต่ต้องไม่หักโหม
ประคบเย็น: แนะนำให้ประคบเย็นบริเวณส้นเท้าที่ปวดครั้งละ 15-20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยลดอาการปวดและการอักเสบ
รับประทานยาแก้ปวด: หากมีอาการปวดมาก สามารถรับประทานยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen หรือ Paracetamol ตามขนาดที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ

ใช้แผ่นรองส้นเท้า: แนะนำให้ใช้แผ่นรองส้นเท้า (Heel Cups หรือ Heel Pads) ที่ช่วยรองรับและลดแรงกระแทกบริเวณส้นเท้าขณะเดินหรือทำกิจกรรม

ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ: สอนท่าบริหารยืดเหยียดกล้ามเนื้อน่องและเอ็นร้อยหวายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดแรงตึงบริเวณส้นเท้า

ใส่รองเท้าที่เหมาะสม: แนะนำให้สวมรองเท้าที่มีพื้นรองรับแรงกระแทกได้ดี และหลีกเลี่ยงรองเท้าที่ไม่มีส้นหรือพื้นบาง

ติดตามอาการ: นัดติดตามอาการเป็นระยะ เพื่อประเมินผลการรักษาและปรับแนวทางการรักษาหากจำเป็น

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับคุณพ่อคุณแม่:
หากลูกมีอาการปวดส้นเท้า โดยเฉพาะในช่วงวัยที่กำลังเติบโตและมีกิจกรรมมาก ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำในการรักษาที่ถูกต้อง

การรักษา Calcaneal Apophysitis ส่วนใหญ่เป็นการรักษาแบบประคับประคอง และอาการมักจะดีขึ้นเมื่อ Growth Plate ปิด (เมื่อเด็กโตขึ้น)

ความสม่ำเสมอในการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และการดูแลเอาใจใส่ของพ่อแม่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการหายของภาวะนี้
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่นะครับ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เลยครับ 😊

#ความรู้สุขภาพ #พ่อแม่ควรรู้ #โรคในเด็ก #เจ็บส้นเท้า #โรคเซเวอร์ #สุขภาพเด็ก

กระดูกต้นแขนเหนือข้อศอกหัก (Supra Condylar Fracture) ในเด็ก: หายได้ไม่ต้องผ่าตัด!สวัสดีครับทุกท่าน! หมอปุณกระดูกและข้อกล...
03/08/2025

กระดูกต้นแขนเหนือข้อศอกหัก (Supra Condylar Fracture) ในเด็ก: หายได้ไม่ต้องผ่าตัด!

สวัสดีครับทุกท่าน! หมอปุณกระดูกและข้อกลับมาพร้อมกับเคสที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุบัติเหตุในเด็กครับ วันนี้เรามาดูเรื่อง กระดูกต้นแขนเหนือข้อศอกหัก (Supra Condylar Fracture of Humerus) ในน้องอายุ 9 ขวบ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พบการหักบ่อยในเด็กๆ ครับ
เคสศึกษา: กระดูกต้นแขนเหนือข้อศอกหัก แบบไม่เคลื่อน (Non-Displaced) ในน้อง 9 ขวบ

จากภาพ X-ray "ก่อนใส่เฝือก" เราจะเห็นว่าน้อง 9 ขวบคนนี้มี กระดูกต้นแขนเหนือข้อศอกหัก ครับ แต่โชคดีที่การหักครั้งนี้เป็นการหักแบบ "ไม่เคลื่อนที่" (Non-Displaced Fracture) ซึ่งหมายความว่าปลายกระดูกที่หักนั้นยังอยู่ในแนวที่ค่อนข้างดี ไม่ได้เคลื่อนที่ออกจากกันมากนัก หรือไม่มีการบิดหมุนที่ผิดปกติครับ

ส่วนภาพ X-ray "หลังใส่เฝือก" จะเห็นว่ากระดูกยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ดีและแนวการเรียงตัวของกระดูกก็ยังเหมาะสม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการรักษาด้วยวิธีที่เราเลือกนั้นได้ผลดีครับ!

กระดูกต้นแขนเหนือข้อศอกหักในเด็ก: ทำไมถึงพบได้บ่อย?
กระดูกต้นแขนเหนือข้อศอกหัก (Supra Condylar Fracture of Humerus) เป็นการหักที่พบบ่อยที่สุดบริเวณข้อศอกในเด็กเล็กจนถึงวัยประถมครับ มักเกิดจากการที่เด็กพลัดตกหกล้ม แล้วใช้มือยันพื้นในขณะที่แขนเหยียดตึง ทำให้เกิดแรงกระแทกไปที่ข้อศอกโดยตรงครับ

ที่น่าสนใจคือ กระดูกบริเวณนี้ในเด็กจะมีจุดอ่อนพิเศษที่ทำให้หักง่ายกว่าส่วนอื่นๆ และมีความสำคัญมากเนื่องจากอยู่ใกล้กับเส้นเลือดและเส้นประสาทที่สำคัญ ดังนั้นการดูแลรักษาต้องทำอย่างระมัดระวังครับ

การรักษา: ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป!
สำหรับกระดูกหักแบบไม่เคลื่อนที่ หรือเคลื่อนที่เล็กน้อยในเด็ก เรามักจะสามารถรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัดครับ ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับคุณพ่อคุณแม่และตัวน้องๆ เอง

ในเคสของน้อง 9 ขวบคนนี้ เนื่องจากเป็นการหักแบบ "ไม่เคลื่อนที่" การรักษาที่เราเลือกใช้คือ:
* การจัดกระดูก (Reduction): หากมีการเคลื่อนที่เล็กน้อย แพทย์จะทำการจัดกระดูกให้เข้าที่ โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผล (Closed Reduction)
* การใส่เฝือก (Casting): หลังจากจัดกระดูกแล้ว เราจะใส่เฝือกปูนปลาสเตอร์ หรือเฝือกสำเร็จรูป เพื่อตรึงข้อศอกและแขนให้อยู่นิ่งๆ เพื่อให้กระดูกมีเวลาในการสมานตัวเองครับ โดยปกติจะใส่เฝือกในลักษณะที่ข้อศอกงอประมาณ 90 องศา และหันฝ่ามือเข้าหาลำตัว เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของกระดูกที่หัก
* การติดตามอาการด้วย X-ray: เราจะนัดคนไข้มาติดตามอาการและถ่ายภาพ X-ray เป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่ากระดูกที่หักยังคงอยู่ในแนวที่เหมาะสมและกำลังสมานตัวได้ดีครับ

การดูแลหลังถอดเฝือก: สำคัญไม่แพ้กัน!
เมื่อกระดูกสมานกันดีแล้ว และถึงเวลาถอดเฝือก สิ่งสำคัญต่อมาคือการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของข้อศอกครับ
* กายภาพบำบัด: ในช่วงแรกหลังถอดเฝือก ข้อศอกของน้องอาจจะยังแข็งและงอเหยียดได้ไม่สุดครับ การทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของข้อศอกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ข้อศอกกลับมาใช้งานได้เป็นปกติโดยเร็วที่สุดครับ โดยปกติเด็กจะฟื้นตัวได้ดีกว่าผู้ใหญ่มากครับ
* หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกระแทก: ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดแรงกระแทกซ้ำที่ข้อศอกในช่วงที่กระดูกยังสมานไม่เต็มที่ เพื่อป้องกันการหักซ้ำครับ

เคสนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่ากระดูกหักในเด็กหลายๆ กรณี โดยเฉพาะแบบที่ไม่เคลื่อนที่ สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการใส่เฝือก โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผลให้เจ็บตัวเลยครับ และเด็กๆ มักจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วครับ!

หากลูกหลานของท่านประสบอุบัติเหตุ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกระดูกหักในเด็ก สามารถเข้ามาปรึกษาหมอปุณกระดูกและข้อได้เลยนะครับ หมอยินดีให้คำแนะนำครับ!

#กระดูกต้นแขนหัก #กระดูกหักในเด็ก #ข้อศอกหัก #หมอปุณกระดูกและข้อ #กระดูกและข้อ #สุขภาพเด็ก #การรักษาไม่ผ่าตัด

กระดูกต้นแขนส่วนต้นหักในเด็ก: เมื่อต้องใช้ K-wire ช่วยตรึง!สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่และทุกท่าน! หมอปุณกระดูกและข้อกลับมาแล้...
30/07/2025

กระดูกต้นแขนส่วนต้นหักในเด็ก: เมื่อต้องใช้ K-wire ช่วยตรึง!
สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่และทุกท่าน! หมอปุณกระดูกและข้อกลับมาแล้วครับ วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่อง กระดูกต้นแขนส่วนต้นหัก (Proximal Humerus Fracture) ในเด็กอีกครั้งครับ แต่เป็นเคสที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย เพราะต้องมีการ ดมยาสลบและใส่ K-wire เพื่อช่วยให้กระดูกเข้าที่และมั่นคงครับ

เคสศึกษา: กระดูกต้นแขนส่วนต้นหักที่ต้องทำการจัดกระดูกและใส่ K-wire

จากภาพ X-ray ที่เราเห็น จะพบว่าน้องมีรอยหักอยู่ที่ กระดูกต้นแขนส่วนต้น ครับ ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ใกล้กับหัวไหล่ และมีความสำคัญเพราะมี แผ่นการเจริญเติบโตของกระดูก (Growth Plate) อยู่ด้วยครับ
แม้ว่ากระดูกบริเวณนี้ในเด็กจะมีศักยภาพในการ ปรับรูปทรง (Remodeling Potential) สูงมาก หมายความว่าหากกระดูกสมานตัวในแนวที่ไม่ตรงเป๊ะ 100% ร่างกายของเด็กก็ยังสามารถปรับให้เข้าที่ได้เองเมื่อเติบโตขึ้น

แต่! ในบางกรณี เช่น กระดูกมีการเคลื่อนที่มาก หรือมีมุมบิดที่ผิดปกติจนเกินกว่าที่ร่างกายจะปรับตัวเองได้ หรือในเด็กโตที่ใกล้จะหยุดการเจริญเติบโตแล้ว ซึ่งศักยภาพในการปรับรูปทรงจะลดลง เราอาจจำเป็นต้องทำการจัดกระดูกให้เข้าที่และตรึงไว้เพื่อให้มั่นใจว่ากระดูกจะสมานในแนวที่เหมาะสมที่สุดครับ

ทำไมต้องดมยาสลบและใส่ K-wire?
ในเคสที่กระดูกต้นแขนส่วนต้นหักแล้วมีการเคลื่อนที่มาก หรือตำแหน่งไม่ดี แพทย์จะพิจารณาการรักษาดังนี้ครับ:
* การดึงจัดกระดูกภายใต้การดมยาสลบ (Closed Reduction under General Anesthesia):
* ดมยาสลบ: เราจะให้น้องดมยาสลบก่อน เพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายเต็มที่ และน้องไม่เจ็บปวดระหว่างการทำหัตถการครับ
* จัดกระดูก: เมื่อน้องหลับแล้ว แพทย์จะค่อยๆ ดึงและจัดกระดูกที่หักให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องที่สุดครับ การทำภายใต้การดมยาสลบช่วยให้การจัดกระดูกทำได้อย่างละเอียดและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ลดความเครียดและความเจ็บปวดให้น้องได้เยอะเลยครับ

* การใส่ลวดตรึงกระดูก (Percutaneous K-wire Fixation):
* หลังจากจัดกระดูกให้เข้าที่แล้ว เราจะทำการประเมินความมั่นคงของกระดูกครับ หากพบว่ากระดูกที่จัดแล้วยังมีความ ไม่มั่นคง หรือมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่กลับไปได้ง่าย เราจะใช้ลวดเส้นเล็กๆ ที่เรียกว่า K-wire (Kirschner wire) สอดผ่านผิวหนังเข้าไปตรึงกระดูกที่หักเอาไว้ครับ
* ข้อดีของการใส่ K-wire: คือเป็นวิธีที่ ไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผลใหญ่ ทำให้แผลเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวได้เร็วครับ ลวดจะช่วยตรึงกระดูกไว้ได้อย่างมั่นคง ทำให้กระดูกที่หักเข้าที่และไม่เคลื่อนออกจากกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้กระดูกสมานกันในตำแหน่งที่ถูกต้องที่สุด และลดความเสี่ยงของปัญหาในระยะยาว เช่น แขนสั้นลง หรือผิดรูปได้ครับ
(จากภาพ X-ray "หลังการใส่ K-wire" จะเห็นว่าลวดช่วยตรึงกระดูกไว้ได้อย่างมั่นคง ทำให้กระดูกที่หักเข้าที่และไม่เคลื่อนออกจากกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้กระดูกสมานกันในตำแหน่งที่ถูกต้องที่สุดครับ)

การดูแลหลังการรักษา: เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หลังจากการจัดกระดูกและใส่ K-wire แล้ว น้องจะยังคงต้องใส่เฝือกหรืออุปกรณ์ประคองแขนเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวครับ โดยทั่วไปลวดจะอยู่ในแขนประมาณ 3-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการสมานของกระดูก และเราจะนัดติดตามอาการพร้อมถ่าย X-ray เป็นระยะครับ

* การถอดลวด: เมื่อกระดูกสมานกันดีแล้ว แพทย์จะนัดมาถอดลวดออกครับ ซึ่งการถอดลวดนี้มักจะทำได้โดยง่าย ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบซ้ำครับ
* กายภาพบำบัด: หลังถอดเฝือกและลวด ข้อไหล่ของน้องอาจจะยังมีการติดขัดอยู่บ้างครับ การทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของข้อไหล่เป็นสิ่งสำคัญมากครับ แม้ว่าเด็กๆ จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าผู้ใหญ่มาก แต่การทำกายภาพจะช่วยให้ข้อไหล่กลับมางอเหยียดได้เต็มที่ และใช้งานได้เป็นปกติโดยเร็วที่สุดครับ
เคสนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้จะเป็นกระดูกหักที่ต้องมีการจัดกระดูกและตรึงด้วยลวด แต่ด้วยเทคนิคการรักษาที่เหมาะสม ก็สามารถช่วยให้น้องๆ ฟื้นตัวได้อย่างปลอดภัยและกลับมาใช้แขนได้อย่างเต็มที่ครับ!

หากลูกหลานของท่านประสบอุบัติเหตุ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกระดูกหักในเด็ก สามารถเข้ามาปรึกษาหมอปุณกระดูกและข้อได้เลยนะครับ หมอยินดีให้คำแนะนำเพื่อให้ลูกหลานของท่านกลับมาวิ่งเล่นได้อย่างเต็มที่ครับ!

#กระดูกต้นแขนส่วนต้นหัก #กระดูกหักในเด็ก #หัวไหล่หัก #หมอปุณกระดูกและข้อ #กระดูกและข้อ #สุขภาพเด็ก #ดมยาสลบ

กระดูกตาตุ่มหัก (ข้อเท้า): ไม่ใช่แค่ซ่อมกระดูก แต่ต้องดูแล “เอ็น” ด้วย!สวัสดีครับทุกท่าน! หมอปุณกระดูกและข้อกลับมาพบกับท...
27/07/2025

กระดูกตาตุ่มหัก (ข้อเท้า): ไม่ใช่แค่ซ่อมกระดูก แต่ต้องดูแล “เอ็น” ด้วย!

สวัสดีครับทุกท่าน! หมอปุณกระดูกและข้อกลับมาพบกับทุกท่านอีกครั้ง วันนี้เราจะมาคุ้ยแคะแกะเกาเรื่อง กระดูกตาตุ่มหัก ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาข้อเท้าพลิก ล้ม หรือเกิดแรงกระแทกแรงๆ ครับ

เคสศึกษา: กระดูกตาตุ่มด้านนอกหัก + เอ็นข้อเท้าขาด
วันนี้เรามีเคสที่น่าสนใจมากๆ มาให้ดูกันครับ เป็นเคสคนไข้ที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ กระดูกตาตุ่มด้านนอก (Distal Fibula) หัก พร้อมกับมีปัญหาที่สำคัญคือ เอ็นข้อเท้าด้านใน (Deltoid Ligament) ฉีกขาดร่วมด้วย

จากภาพ X-ray "ก่อนผ่าตัด" เราจะเห็นว่ากระดูกตาตุ่มด้านนอกนั้นหักออกจากกันอย่างชัดเจน และอาจมีการเคลื่อนที่หรือบิดเบี้ยวไปจากตำแหน่งปกติ ซึ่งการหักในลักษณะนี้มักจะทำให้ข้อเท้าไม่มั่นคง และปวดมากครับ

ทีนี้มาดูภาพ X-ray "หลังผ่าตัด" จะเห็นว่าเราได้ทำการจัดเรียงกระดูกให้เข้าที่ และยึดตรึงด้วยโลหะ LCP distal fibular plate หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า "เหล็กดามกระดูก" นั่นเองครับ การใส่เหล็กนี้จะช่วยให้กระดูกอยู่กับที่และสมานกันได้ดีขึ้น ทำให้ข้อเท้ากลับมามั่นคงและใช้งานได้เหมือนเดิมครับ

แต่สิ่งที่พิเศษสำหรับเคสนี้คือ ในห้องผ่าตัด หลังจากที่เราจัดกระดูกและตรวจสอบข้อเท้าแล้ว พบว่า เอ็นเดลทอยด์ (Deltoid Ligament) ซึ่งเป็นเอ็นที่อยู่ด้านในของข้อเท้าและมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้แก่ข้อเท้านั้น ขาด!

ทำไมต้องซ่อมเอ็นเดลทอยด์ด้วย?
หลายคนอาจสงสัยว่า "ก็แค่กระดูกหัก ทำไมต้องไปซ่อมเอ็นด้วยล่ะหมอ?" คำตอบคือ ถ้าเอ็นข้อเท้าที่สำคัญอย่าง Deltoid Ligament ขาดและไม่ได้ซ่อมแซม แม้ว่าเราจะซ่อมกระดูกตาตุ่มด้านนอกที่หักจนหายดีแล้ว ข้อเท้าก็จะยังคงไม่มั่นคงอยู่ดีครับ
ลองนึกภาพนะครับ กระดูกก็เหมือนโครงสร้างบ้าน ส่วนเอ็นก็เหมือนเสาเข็มที่ช่วยยึดโยงให้บ้านมั่นคง ถ้าเสาเข็มไม่ดี โครงสร้างบ้านจะแข็งแรงได้อย่างไร? เช่นเดียวกันครับ เมื่อกระดูกหักและเอ็นขาดด้วย ถ้าเราซ่อมแค่กระดูก ข้อเท้าก็อาจจะยังคงหลวมคลอน ทำให้มีอาการปวดเรื้อรัง ข้อเท้าพลิกซ้ำๆ ได้ง่าย หรือในระยะยาวอาจทำให้เกิด ข้อเสื่อม ตามมาได้ครับ

ดังนั้น ในเคสนี้ เมื่อเราตรวจพบว่าเอ็นเดลทอยด์ขาด และทำให้ข้อเท้าไม่มั่นคง เราจึงตัดสินใจ ซ่อมแซมเอ็นเดลทอยด์ที่ฉีกขาด ไปพร้อมกับการยึดกระดูกตาตุ่ม เพื่อให้ข้อเท้ากลับมามีเสถียรภาพสูงสุด และคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุขมากที่สุดครับ

การดูแลหลังผ่าตัด: สำคัญไม่แพ้การผ่าตัด!
หลังการผ่าตัด กระดูกและเอ็นที่ได้รับการซ่อมแซมแล้ว ยังต้องการเวลาในการฟื้นตัวครับ คนไข้จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น:
* การใส่เฝือก หรืออุปกรณ์ประคองข้อเท้า: เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวและช่วยให้กระดูกและเอ็นสมานกันได้ดี
* การลงน้ำหนัก: อาจจะต้องงดการลงน้ำหนักที่เท้าข้างที่ผ่าตัดในช่วงแรก หรือลงน้ำหนักแบบบางส่วน ตามคำแนะนำของแพทย์
* การทำกายภาพบำบัด: เป็นสิ่งสำคัญมากในการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของข้อเท้า การทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คนไข้กลับไปใช้งานข้อเท้าได้เต็มที่โดยเร็วที่สุด

การรักษาที่ครอบคลุมทั้งกระดูกและเอ็นในเคสนี้ ทำให้คนไข้ของเรากลับมาเดินเหินได้อย่างมั่นคงและลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาในระยะยาวได้เป็นอย่างดีครับ

หากท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการปวดข้อเท้า กระดูกหัก หรือต้องการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อ สามารถเข้ามาพูดคุยกับหมอปุณกระดูกและข้อได้เลยนะครับ หมอยินดีให้คำแนะนำครับ!

#กระดูกตาตุ่มหัก #ข้อเท้าหัก #เอ็นข้อเท้าฉีกขาด #หมอปุณกระดูกและข้อ #กระดูกและข้อ #ผ่าตัดกระดูก

"เท้าปุก" ในเด็กแรกเกิด: ไม่ต้องกังวล...เมื่อน้องได้เดิน!สวัสดีครับทุกท่าน! หมอปุณกระดูกและข้อกลับมาอีกครั้ง วันนี้เรามา...
26/07/2025

"เท้าปุก" ในเด็กแรกเกิด: ไม่ต้องกังวล...เมื่อน้องได้เดิน!

สวัสดีครับทุกท่าน! หมอปุณกระดูกและข้อกลับมาอีกครั้ง วันนี้เรามาดูเคสที่ทำให้หัวใจพองโตกันครับ เป็นเคสของน้องตัวน้อยอายุเพียง 1 เดือน ที่เข้ารับการรักษาภาวะ "เท้าปุก" และตอนนี้เท้าของน้องก็กลับมาดูใกล้เคียงปกติแล้วครับ!

เคสศึกษา: เท้าปุกในเด็ก 1 เดือน หลังจบกระบวนการใส่เฝือกและเจาะเอ็นร้อยหวาย

จากภาพที่เห็น คือเท้าของน้องที่ผ่านกระบวนการรักษาภาวะ "เท้าปุก" (Clubfoot) ด้วยวิธีมาตรฐาน Ponseti Method มาอย่างต่อเนื่องจนครบขั้นตอนการใส่เฝือกและได้ทำการ เจาะเอ็นร้อยหวาย (Achilles Tenotomy) ไปเรียบร้อยแล้วครับ จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเท้าของน้องกลับมามีรูปร่างที่ดูเป็นปกติได้อย่างน่าอัศจรรย์ครับ!

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะกังวลเมื่อลูกรักคลอดมาแล้วมีเท้าที่บิดผิดรูปไป แต่จากเคสนี้เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีเลยครับว่า เท้าปุกเป็นภาวะที่สามารถรักษาได้และได้ผลดีเยี่ยม หากเริ่มรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ครับ!

"เท้าปุก" คืออะไร? และทำไมการรักษาแต่เนิ่นๆ ถึงสำคัญ?
เท้าปุก (Clubfoot) เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดที่เท้าของทารกบิดผิดรูป พบได้ประมาณ 1 ใน 1,000 ของเด็กเกิดใหม่ โดยเท้าจะบิดเข้าด้านในและลงล่าง ทำให้ดูเหมือนเท้าหักงอผิดรูปไป ส่วนใหญ่แล้วสาเหตุไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของคุณแม่ตอนตั้งครรภ์แต่อย่างใดนะครับ คุณแม่ไม่ต้องโทษตัวเองเลยครับ

ทำไมการรักษาแต่เนิ่นๆ ถึงสำคัญมาก?
* ความยืดหยุ่นของเท้า: ในเด็กเล็ก โดยเฉพาะทารกแรกเกิด กระดูกและข้อต่อต่างๆ ยังมีความอ่อนนุ่มและยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถดัดปรับรูปทรงได้ง่ายและได้ผลดีกว่าเมื่อเทียบกับการรักษาในเด็กโต
* ลดความจำเป็นในการผ่าตัดใหญ่: การเริ่มรักษาด้วยวิธีดัดและใส่เฝือกปูนปลาสเตอร์ตั้งแต่แรกเกิดมักจะช่วยให้เท้ากลับมาปกติได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ หรือลดขอบเขตการผ่าตัดในอนาคตลงไปมาก
* การพัฒนาการของเด็ก: เมื่อเท้าน้องอยู่ในรูปทรงที่ถูกต้อง น้องจะสามารถพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว เช่น การคลาน การยืน และการเดิน ได้อย่างเป็นปกติ ลดปัญหาเรื่องความเจ็บปวดหรือการเดินที่ผิดรูปในอนาคต

แนวทางการรักษาเท้าปุก: Ponseti Method
สำหรับเท้าปุก การรักษาด้วย Ponseti Method ถือเป็นวิธีมาตรฐานและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในปัจจุบันครับ โดยมีขั้นตอนหลักๆ ที่เราได้ทำไปแล้วกับน้องเคสนี้คือ:
* การดัดและใส่เฝือก (Casting): แพทย์จะค่อยๆ ดัดเท้าของน้องทีละน้อย และใส่เฝือกปูนปลาสเตอร์เพื่อคงสภาพเท้าไว้ โดยจะเปลี่ยนเฝือกใหม่ทุก 5-7 วัน ทำซ้ำประมาณ 5-7 ครั้ง จนเท้าอยู่ในตำแหน่งที่เกือบปกติ
* การเจาะเอ็นร้อยหวาย (Achilles Tenotomy): ในเด็กส่วนใหญ่ หลังจากดัดและใส่เฝือกหลายครั้ง อาจจำเป็นต้องมีการเจาะเอ็นร้อยหวายเล็กน้อย (เป็นการผ่าตัดเล็กๆ ที่ใช้เวลาไม่นาน) เพื่อให้เท้าเหยียดตรงได้เต็มที่ ซึ่งน้องเคสนี้ก็ได้ทำไปแล้วครับ
* การใส่รองเท้าดัดและบาร์ (Bracing): หลังจากถอดเฝือกแล้ว น้องจะต้องใส่รองเท้าพิเศษที่มีบาร์เชื่อมติดกัน เพื่อคงสภาพเท้าที่ดัดมาแล้วไม่ให้กลับมาปุกซ้ำ ขั้นตอนนี้สำคัญมากครับ! โดยจะต้องใส่เกือบตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงแรก และค่อยๆ ลดเวลาลงเมื่อน้องโตขึ้น (มักจะใส่จนถึงอายุประมาณ 4-5 ขวบ) เพื่อป้องกันไม่ให้เท้ากลับมาปุกซ้ำ

การรักษาเท้าปุกต้องอาศัยความร่วมมือและความสม่ำเสมอของคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมากครับ แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าแน่นอน เพราะน้องจะสามารถมีเท้าที่ปกติและใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ครับ
เห็นอย่างนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกหลานคลอดมาแล้วพบว่ามีภาวะเท้าปุก ไม่ต้องกังวลใจไปนะครับ การรักษาที่ถูกวิธีและทันท่วงทีจะช่วยให้ลูกน้อยของคุณมีพัฒนาการที่ดีที่สุด และได้เติบโตไปอย่างเต็มศักยภาพครับ!

หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับภาวะเท้าปุกในเด็ก หรือปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อของลูกน้อย สามารถเข้ามาปรึกษาหมอปุณกระดูกและข้อได้เลยนะครับ หมอยินดีให้คำแนะนำครับ!

#เท้าปุก #เด็กแรกเกิด #หมอปุณกระดูกและข้อ #กระดูกและข้อ #สุขภาพเด็ก #การรักษาเท้าปุก #เจาะเอ็นร้อยหวาย

👧🏻 กระดูกหักในเด็ก ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่รักษาได้ไม่ยาก หากเข้าใจและติดตามอย่างเหมาะสมวันนี้หมอขอแชร์เคสหนึ่งที่พบได้บ่อยใ...
20/07/2025

👧🏻 กระดูกหักในเด็ก ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่รักษาได้ไม่ยาก หากเข้าใจและติดตามอย่างเหมาะสม

วันนี้หมอขอแชร์เคสหนึ่งที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก
เด็กหญิงอายุ 6 ปี มาพบหมอหลังจาก หกล้มกระแทกพื้น แล้วมีอาการปวดที่ข้อศอกขวา

🩻 ภาพเอกซเรย์ก่อนการรักษา
พบว่ามี กระดูกร้าวบริเวณข้อศอก พร้อมกับแนวกระดูกที่แอ่นเล็กน้อย
โชคดีที่ลักษณะรอยร้าวยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดได้
จึงให้การรักษาโดยการดามและหลีกเลี่ยงการใช้งานแขนข้างนั้น

✅ ผ่านไปประมาณ 3 สัปดาห์
ภาพเอกซเรย์ซ้ำพบว่า กระดูกเริ่มติดดีขึ้น แนวกระดูกกลับมาใกล้เคียงปกติ
ไม่มีอาการบวมเพิ่ม หรือภาวะแทรกซ้อน
เด็กสามารถเริ่ม ทำกายภาพบำบัด เพื่อให้ข้อศอกกลับมาเคลื่อนไหวได้เต็มที่อีกครั้ง



📌 สิ่งที่ผู้ปกครองควรรู้เกี่ยวกับกระดูกหักในเด็ก
🔹 เด็กมักฟื้นตัวเร็ว กระดูกสามารถติดได้ดีภายใน 3–4 สัปดาห์
🔹 การเคลื่อนไหวแขนผิดปกติ บวม หรือร้องไห้มากหลังหกล้ม อย่านิ่งนอนใจ ควรพามาตรวจ
🔹 ภาพเอกซเรย์มีความสำคัญในการประเมินลักษณะกระดูก เพื่อพิจารณาการรักษาที่เหมาะสม
🔹 การดูแลระหว่างการดามหรือติดเฝือก ควรเฝ้าระวังอาการปวดมากขึ้น นิ้วมือบวม หรือสีเปลี่ยน
🔹 หลังกระดูกติด ควรทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูการใช้งานให้กลับมาใกล้เคียงเดิมที่สุด



❤️ เด็กที่ได้รับการวินิจฉัยและดูแลอย่างถูกต้อง มักจะหายได้ดีโดยไม่ต้องผ่าตัด
หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยหรือมีคำถามเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของลูก อย่าลังเลที่จะมาพูดคุยกับคุณหมอนะครับ

#กระดูกหักในเด็ก #กระดูกร้าวข้อศอก #หมอกระดูกเด็ก #สุขภาพเด็ก #ความรู้หมอๆสำหรับทุกคน

เท้าแบนในเด็ก 8 ขวบ: ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่ต้องมองข้าม!วันนี้เรามาดูเคสที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง "เท้าแบนในเด็ก" ซึ่ง...
18/07/2025

เท้าแบนในเด็ก 8 ขวบ: ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่ต้องมองข้าม!

วันนี้เรามาดูเคสที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง "เท้าแบนในเด็ก" ซึ่งหลาย ๆ ท่านอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกังวลอะไรมาก แต่จริง ๆ แล้ว เท้าแบนในเด็กบางรายอาจส่งผลกระทบกับการเจริญเติบโตและการเคลื่อนไหวในอนาคตได้นะครับ

เคสศึกษา: เด็กชาย 10 ขวบกับภาวะเท้าแบน
วันนี้เรามีภาพ X-ray ประกอบจากน้องผู้ชายอายุ 10ขวบ ที่คุณพ่อคุณแม่พามาปรึกษาเรื่อง เท้าแบน น้องมีอาการปวดเท้าและเดินได้ไม่นานก็รู้สึกเมื่อยล้า เรามาดูกันว่าจากภาพ X-ray เราเห็นอะไรบ้างครับ

จากภาพ X-ray ที่เราเห็น จะเห็นว่ากระดูกเท้าของน้องมีลักษณะที่ แบนราบ ลงไปมากกว่าปกติ ทำให้ไม่มีส่วนโค้งเว้าของอุ้งเท้า หรือที่เรียกว่า "ส่วนโค้งฝ่าเท้า" ที่ควรจะมี ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดและปัญหาในการเดินของน้องครับ

เท้าแบนคืออะไร? ทำไมต้องรักษานะ?
เท้าแบน (Flatfoot) คือ ภาวะที่ฝ่าเท้าไม่มีส่วนโค้งเว้า หรือส่วนโค้งเว้านั้นลดน้อยลง ทำให้ฝ่าเท้าส่วนใหญ่หรือทั้งหมดสัมผัสกับพื้นเมื่อยืน ซึ่งในเด็กเล็ก ๆ อายุไม่เกิน 2-3 ขวบ การมีเท้าแบนถือเป็นเรื่องปกติครับ เพราะกล้ามเนื้อและเอ็นต่าง ๆ ยังไม่แข็งแรงพอ แต่เมื่อโตขึ้น ส่วนโค้งเว้าของเท้าจะเริ่มพัฒนาขึ้นเอง

แล้วเมื่อไหร่ที่เท้าแบนกลายเป็นปัญหา? ถ้าเด็กโตแล้ว (อย่างเช่นเคสน้อง 10ขวบของเรา) ยังคงมีเท้าแบน หรือมีอาการปวดเท้า เดินผิดปกติ ล้มบ่อย ๆ หรือใส่รองเท้าลำบาก อันนี้แหละครับที่เราต้องมาดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เพราะหากปล่อยไว้ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาข้อเข่า ข้อสะโพก หรือแม้กระทั่งหลังตามมาได้ในระยะยาวครับ

แนวทางการรักษาเท้าแบนในเด็ก
สำหรับแนวทางการรักษาเท้าแบนในเด็ก จะพิจารณาจากหลายปัจจัยครับ ทั้งอายุของเด็ก อาการที่เกิดขึ้น และสาเหตุของเท้าแบน โดยทั่วไปแล้ว เราจะเริ่มจากการรักษาแบบ ไม่ต้องผ่าตัด ก่อนครับ

* การใส่รองเท้าที่เหมาะสม: เลือกซื้อรองเท้าที่มีขนาดพอดี ไม่คับหรือหลวมเกินไป และมีส่วนรองรับอุ้งเท้าที่เหมาะสมครับ บางครั้งเราอาจแนะนำให้ใช้ แผ่นเสริมอุ้งเท้า (Orthotics / Arch Support) เพื่อช่วยพยุงอุ้งเท้าและลดแรงกระแทก ซึ่งช่วยลดอาการปวดและปรับโครงสร้างเท้าให้ดีขึ้นได้ครับ

* การทำกายภาพบำบัด: การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเอ็นบริเวณเท้าและน่องเป็นสิ่งสำคัญมากครับ เช่น การเขย่งปลายเท้า การเดินบนปลายเท้า หรือการหยิบของเล็ก ๆ ด้วยนิ้วเท้า เพื่อช่วยให้ส่วนโค้งฝ่าเท้าพัฒนาได้ดีขึ้น

* การติดตามอาการ: เราจะนัดติดตามอาการของน้องเป็นระยะ เพื่อประเมินว่าการรักษาได้ผลดีหรือไม่ และอาการดีขึ้นอย่างไร
แล้วการผ่าตัดล่ะ? การผ่าตัดเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เราจะพิจารณาครับ มักจะใช้ในกรณีที่การรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัดไม่ได้ผล อาการไม่ดีขึ้นอย่างชัดเจน หรือมีภาวะเท้าแบนที่รุนแรงและมีโครงสร้างกระดูกผิดปกติชัดเจน ซึ่งการผ่าตัดก็มีหลายเทคนิค ขึ้นอยู่กับลักษณะความผิดปกติของเท้าแต่ละรายครับ

สำหรับเคสน้อง 10ขวบที่เรายกตัวอย่างมานี้ เราได้เริ่มต้นด้วยการทำกายภาพบำบัดควบคู่กับการใส่แผ่นเสริมอุ้งเท้าที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลครับ พร้อมกับนัดติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าน้องจะกลับมาเดินเหินได้อย่างมีความสุขโดยไม่มีอาการปวดรบกวนครับ

จำไว้นะครับว่า "เท้า" คือรากฐานสำคัญของการเคลื่อนไหวของเราทุกคน หากลูก ๆ หลาน ๆ ของท่านมีอาการเกี่ยวกับเท้า อย่าลังเลที่จะเข้ามาปรึกษาหมอนะครับ การวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้นครับ!

หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเท้าแบนในเด็ก หรือปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้ออื่น ๆ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ หมอปุณยินดีให้คำแนะนำครับ!

#เท้าแบนในเด็ก #หมอปุณกระดูกและข้อ #กระดูกและข้อ #สุขภาพเท้า #เด็กเท้าแบน

🧒🏻 เด็กห้าขวบหกล้มแขนหัก – แนวกระดูกกลับเข้าที่สวยงามหลังการรักษา 💪เคสนี้เป็นเด็กชายอายุ 7ขวบ หกล้มแขนหักแบบ มองเห็นกระด...
16/07/2025

🧒🏻 เด็กห้าขวบหกล้มแขนหัก – แนวกระดูกกลับเข้าที่สวยงามหลังการรักษา 💪

เคสนี้เป็นเด็กชายอายุ 7ขวบ หกล้มแขนหักแบบ มองเห็นกระดูกเบี้ยวชัดเจน โด่งนูนขึ้นมา จนดูน่ากลัวมากสำหรับผู้ปกครอง 😰

หลังส่งต่อมาที่โรงพยาบาลของเรา 🏥
👉 คุณหมอทำการ ดึงกระดูกเข้าที่ (closed reduction) ภายใต้ ยาแก้ปวดและยานอนหลับในปริมาณที่เหมาะสม
✅ เด็กเจ็บน้อยมาก ระหว่างทำก็ไม่ร้องไห้เลย
✅ จากภาพเอกซเรย์หลังดึง กระดูกกลับมาในแนวที่ดีขึ้นมาก สวยงามและมั่นคง



🔧 แนวทางการดูแลหลังการดึงกระดูก

🔹 ใส่เฝือกต่อเนื่อง ประมาณ 4–6 สัปดาห์
🔹 ให้กินยาแก้ปวดตามแพทย์สั่งในช่วงแรก
🔹 สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ปวดมากขึ้น ปลายนิ้วเขียว/บวม/ชา ❗
🔹 ห้ามให้เฝือกเปียกน้ำ
🔹 ควรมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลเอกซเรย์เป็นระยะ



ในเด็กเล็กแบบนี้ กระดูกจะงอกได้ดีมาก ถ้าทำให้กระดูกเข้าที่ตั้งแต่ต้น และดูแลเฝือกให้ดี
คุณหมอคาดว่าเด็กน่าจะกลับมาใช้งานแขนได้ปกติในไม่ช้าครับ 😊



#กระดูกหักในเด็ก
#หกล้มแขนหัก
#ดึงกระดูก
#เฝือกเด็ก
#หมอกระดูก

#ดูแลกระดูกเด็ก

🍼 เคสเด็กแรกเกิด: สงสัยสะโพกหลุด – ตรวจอย่างไร? ต้องรักษาไหม? 🩻🦴เคสนี้คุณหมอเด็กส่งมาปรึกษา เพราะสงสัยว่า สะโพกของน้องอา...
14/07/2025

🍼 เคสเด็กแรกเกิด: สงสัยสะโพกหลุด – ตรวจอย่างไร? ต้องรักษาไหม? 🩻🦴

เคสนี้คุณหมอเด็กส่งมาปรึกษา เพราะสงสัยว่า สะโพกของน้องอาจจะหลวม หรือหลุด
เป็นความผิดปกติที่พบได้ในเด็กแรกเกิดบางราย ซึ่งถ้าไม่ตรวจให้ดี อาจหลุดจริงและมีผลระยะยาวกับการเดินในอนาคตครับ

🔍 ในกรณีนี้ผมตรวจด้วย อัลตราซาวด์สะโพก ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานระดับสากลในการประเมินความมั่นคงของข้อสะโพกในทารก
(แต่ในไทยยังมีหมอไม่มากนักที่สะดวกทำการตรวจอัลตราซาวด์สะโพกในทารกเอง)

📸 จากภาพจะเห็นว่า หัวกระดูกสะโพกอยู่ในเบ้า ซึ่งเป็นข่าวดี
แม้ว่ามุมบางอย่างจะยังไม่สมบูรณ์เท่าผู้ใหญ่ (ซึ่งถือว่าเป็นปกติในวัยนี้)
👉 เราจะติดตามซ้ำอีกครั้งในอีกไม่กี่สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าการเจริญเติบโตของเบ้าสะโพกเป็นไปตามปกติ

💬 สรุป: เคสนี้ยัง ไม่จำเป็นต้องใส่อุปกรณ์หรือเฝือกใด ๆ
คุณพ่อคุณแม่สามารถสบายใจได้ว่า สะโพกของน้อง “ยังอยู่ในร่องเบ้า” และเราจะติดตามต่อเนื่องครับ 😊


#สะโพกหลุดในเด็กแรกเกิด
#พัฒนาการเด็ก
#ตรวจสะโพกทารก
#อัลตราซาวด์สะโพก
#เด็กแรกเกิด
#กระดูกเด็ก
#หมอกระดูกเด็ก
#ตรวจสุขภาพเด็ก



#กุมารแพทย์
#กระดูกและข้อ
#ศัลยกรรมกระดูก
#หมอออร์โธ
#หมอเด็กแนะนำมา
#หมอกระดูกใจดี
#ติดตามพัฒนาการเด็ก
#สะโพกอยู่ในเบ้า
#ไม่ต้องใส่เฝือกตอนนี้

🦴 เคสกระดูกในเด็ก: หัวเข่ากระแทก – กระดูกแผ่นเจริญเติบโตปริ 🩺เคสนี้เป็นน้องคนไข้อายุน้อยที่มาพบเราหลังจาก “หัวเข่ากระแทก...
12/07/2025

🦴 เคสกระดูกในเด็ก: หัวเข่ากระแทก – กระดูกแผ่นเจริญเติบโตปริ 🩺

เคสนี้เป็นน้องคนไข้อายุน้อยที่มาพบเราหลังจาก “หัวเข่ากระแทก” แล้วเริ่มปวดและบวมบริเวณหน้าแข้ง
🩻 ภาพเอกซเรย์พบว่ามี รอยปริของกระดูกแผ่นการเจริญเติบโต (growth plate) บริเวณกระดูกหน้าแข้งส่วนต้น

✅ เรารักษาโดยการใส่เฝือกและติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
จากภาพหลังการรักษา เห็นได้ชัดว่ารอยปริหายไป และกระดูกเริ่มงอกกลับมาใกล้เคียงปกติ

📌 ตอนนี้น้องสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้แล้วครับ
แต่ยัง แนะนำให้งดกิจกรรมที่มีแรงกระแทก เช่น วิ่ง กระโดด หรือกีฬาเต็มแรง ไปอีกประมาณ 2-3 เดือน
เพื่อให้แน่ใจว่ากระดูกฟื้นตัวเต็มที่และไม่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตในอนาคต

ที่อยู่

Sukumvit
Pattaya
20150

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หมอปุณ กระดูกและข้อผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง หมอปุณ กระดูกและข้อ:

แชร์