08/09/2024
ทำไม? ร้านยาเภสัชกรจึงไม่รับคืน
หรือ เปลี่ยนยาที่ซื้อไปแล้ว??
แปลกใจไหมว่า เวลาเราไปซื้อยาแล้ว
ไม่ว่าจะมีเหตุผลฝั่งเราอย่างไรก้อตาม
ทำมั้ย? ทำไม??
เภสัชกรที่ร้านยาจึงมักไม่นิยม
รับคืนยาที่ซื้อไปแล้ว
คำถามโลกแตกแบบนี้
ถ้าคนไข้ใจเย็นๆ มาฟังเหตุผลกันไหมครับ
จริงๆแล้วการที่เภสัชกรไม่เปลี่ยนยาให้ เค้ากำลังปกป้องพวกเราอยู่
ลองมาฟังเหตุผลดีกว่านะครับ ว่าทำไม:
เมื่อใดที่คุณไปร้านยา เลือกซื้อยาตามความต้องการของเราเอง เมื่อรับยากลับมาถึงบ้านแล้ว ไม่ว่าเหตุผลใดๆ พอเอายาไปเปลี่ยนหรือคืน เหตุผลหลักๆที่ร้านยาไม่รับยาคืน
มีดังนี้อ่ะ:
1. #ความปลอดภัยของยา:
ยาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องรักษาคุณภาพและความปลอดภัย ยาทุกตัวในร้านยา "ต้องเก็บในที่เหมาะสม" เพื่อให้มั่นใจว่ายาทุกตัวยังคงมีคุณภาพเมื่ออยู่ในร้านยาและมั่นใจได้ว่าให้ผลการรักษาแน่นอนเมื่อส่งมอบสู่มือคนไข้ที่หน้าร้าน ทุกตัว ทุก lot
ร้านยาทุกร้าน เค้ามีเกณท์ที่เรียกว่า หรือ Good Pharmacy Practice คือหลักวิธีปฏิบัติทางเภสัชกรรมชุมชุน หรือเรียกว่าเป็นข้อกำหนดการให้บริการทางเภสัชกรรมด้านยาในร้านขายยาแผนปัจจุบันทุกประเภท จะต้องปฏิบัติตาม และต้องผ่านการประเมิน GPP ดังกล่าวเพื่อให้สามารถต่อใบอนุญาตได้ เพื่อให้มั่นใจว่ายาทุกตัวมีคุณภาพเมื่อจ่ายให้เรา
เกณท์ที่ว่าครอบคลุมไปถึง #การเก็บยาให้รักษาคุณภาพยา:
ต้องมีอุณหภูมิถูกต้องในการเก็บรักษา,
เก็บในที่แห้งสะอาด ไม่เปียกชื้น,
ไม่โดนแดดส่องโดยตรง,
ยาบางตัวต้องเก็บในภาชนะทึบแสง เพื่อป้องกันแสงที่แรงเกินไป ส่องจนยาเสื่อมคุณภาพ,
ยิ่งไปกว่านั้นยาบางตำรับ เค้าต้องเก็บในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิเหมาะสมในการปกป้องคุณภาพยา
ยาทุกตัวต้องมีการตรวจสอบสภาพ เม็ดสี, ยาน้ำไม่ตกตะกอนหรือจับตัวเป็นก้อนเสื่อมคุณภาพ, กล่องบุบบู้บี้ เพื่อดูการเสื่อมสภาพจะได้ส่งคืนบริษัท และ ตรวจสอบวันหมดอายุ เพื่อส่งทำลายทิ้ง (อย่างถูกวิธี ไม่ทำให้เกิดมลพิษต่อสภาพแวดล้อม) ต่อไป
จะเห็นได้ว่า ยาหนึ่งเม็ด หรือ ยาน้ำหนึ่งช้อน ก่อนถึงมือหรือใส่ปากเรา เภสัชกรร้านยาเค้ามีการตรวจสอบคุณภาพเช่นไร?? ได้ยาที่รับคืนมาไม่มีคุณภาพ ก้อเหมือนเอายาเสี่ยงอันตรายต่อคนไข้รายต่อไป รวมถึงคุณๆด้วย หากร้านยานั้นเอายาที่คืนแล้ว มาขายต่อให้เรา
#รับคืนยามาแล้วมีความเสี่ยงอย่างไร?
คนไข้บางรายเมื่อรับยาออกไปจากร้านแล้ว
ทางร้านไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ายานั้นถูกเก็บรักษาในสภาพที่ถูกต้องหรือไม่ เช่น อุณหภูมิที่เหมาะสม หรืออยู่ในสภาพที่ปลอดภัยจากการปนเปื้อน
ลองนึกดูนะครับ หากผู้ป่วยเอายาไปแล้ว
เก็บไว้ไม่ได้ดูแลให้ดีเหมือนที่ร้านยา สมมุติว่าโดนความร้อนจนเสื่อมคุณภาพ ยานับเม็ดบางตัวปนเปื้อนจากมือคนที่ซื้อยาไปแล้ว
หากเภสัชกรรับมา แล้วนำมาขายต่อ
หากคุณเป็นคนซื้อรายต่อไป ก้อเสี่ยงจะรับยาที่ไม่มีคุณภาพในการรักษา คุณเองจะรับได้หรือไม่? นี่คือมาตรการในการป้องกันความเสี่ยงในการรักษา ไม่ใช่เพื่อให้ร้านยารวย แต่ปกป้องคนไข้ให้ได้รับบริการที่ดีที่สุด #คิดดูด้วยตรรกะแห่งความปลอดภัยนะครับ
2. #การป้องกันการปลอมแปลงหรือปนเปื้อน:
เพื่อป้องกันไม่ให้มีการปลอมแปลงยา หรือปนเปื้อนยาที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการจัดส่ง การรับคืนยาที่ผ่านการขายไปแล้วอาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนหรือปัญหาด้านความปลอดภัย
ตอนนี้ กรณี ยาพิษกำลังดัง สมมุตินะ ผู้ซื้อบางรายอยากแก้แค้นสังคม แอบเอายาพิษใส่ไว้ในยาที่คืน หากมีการรับยาคืนแล้วนำมาขายต่อ คนที่ซวยที่สุดคือเราเอง คนที่ไปซื้อยาต่อมา
3. #กฎหมายและข้อบังคับ:
กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมยาในหลายประเทศไม่อนุญาตให้ร้านขายยารับคืนยาหลังจากขายไปแล้ว เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภค ตามที่เราเกริ่นมาแล้ว ตามกฏของ GPP
4. #ข้อยกเว้น:
ไม่ใช่ทุกรายนะที่เปลี่ยนคืนยาไม่ได้
หากมีที่ ยาเสียหาย หรือ ผิดพลาดจากทางร้าน
เช่น ยาหมดอายุหรือได้รับยาผิด
กรณีเช่นนี้ ร้านยามักจะเปลี่ยนยาให้ ส่วนยาที่ได้รับมักส่งคืนไปทำลายที่บริษัทยา ต่อไปครับ
#สุดท้าย ทำไมบางร้านรับยาคืนหล่ะ?
บางร้านยาเค้ามี #เภสัชกรใจดี บางร้านเค้าก้อรับคืน เพื่อ #ตัดความรำคาญ หากเป็นความผิดพลาดของลูกค้า
เช่นคนมาซื้อยาไม่ใช่คนใช้ยาเอง บอกชื่อหรือความแรงของยาผิด จริงๆแล้วิธีนี้ป้องกันได้คือ เภสัชกรมักจะถามท่านเสมอว่า มาซื้อยาไปกินเอง หรือ ใครฝากมา ที่ร้านยาเราหากไม่แน่ใจ เราจะบอกคนไข้ให้โทรไปถาม หรือ ส่งรูปยามาให้ดู จะได้ชัวร์ๆ ไม่ทำให้เกิดการซื้อยาผิดจนต้องตามมาด้วยการคืนยา แล้วก้อทะเลาะกันอีก
ร้านยาดีๆ เค้าไม่อยากมี Drama กับใครหรอกครับ เพราะยาที่ได้รับคืนมา ยังไงเราก้อส่งไปทำลายทิ้งอยู่ดี การเอายามาหมุนเวียนขายต่อ ไม่ได้ช่วยให้เราได้รับกำไรมากมายจนไปซื้อบ้านได้ ยิ่งมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ลูกค้าเอาไปพูดต่อๆกันหรือฟ้องในสื่อ Social ไม่ได้เกิดผลดีเลย เภสัชกรเค้ามาทำหน้าที่ดูแลคนไข้ ไม่ใช่เปิดร้านมาเพื่อตบตีกับผู้ป่วย
#เภสัชกรอุทัย #ဆေးဝါးပညာရှင်utai