Pause and feel เมื่อใจพูด ฉันฟัง

Pause and feel เมื่อใจพูด ฉันฟัง เหนื่อยใช่ไหม? ที่นี่คือพื้นที่ให้คุณได้หยุดพักและฟังเสียง…ของหัวใจตัวเองอีกครั้ง 💗✨

“Nature Healing”เราพึ่งไปเดินป่ามาค่ะ เป็นเส้นทางธรรมชาติที่ไม่ยาวนัก แต่เต็มไปด้วยความสงบและความสดชื่นเราได้สูดกลิ่นป่า...
23/07/2025

“Nature Healing”

เราพึ่งไปเดินป่ามาค่ะ เป็นเส้นทางธรรมชาติที่ไม่ยาวนัก แต่เต็มไปด้วยความสงบและความสดชื่น

เราได้สูดกลิ่นป่า ได้ฟังเสียงนก เสียงน้ำตก และสายลมที่พัดผ่านต้นไม้ ก็เหมือนได้ปลดปล่อยความวุ่นวายในใจออกไปทีละนิด

การได้สัมผัสกับต้นไม้ใหญ่ ที่อาจยืนหยัดอยู่มาหลายสิบ หลายร้อยปี เตือนให้เรารู้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่และเราก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ บนโลกใบนี้เท่านั้น …

ในช่วงเวลาที่ชีวิตเต็มไปด้วยความวุ่นวาย การได้ออกไปเชื่อมต่อกับธรรมชาติ เหมือนเป็นการเติมพลังบวกให้กับใจอย่างแท้จริง

ระหว่างที่เราเดินปีนขึ้นไปบนโขดหิน เพื่อพิชิตยอดน้ำตก เราก็ตกผลึกความคิดออกมาได้ 3 ข้อใหญ่ๆ

ข้อ 1 – ทุกย่างก้าวคือการฝึกสติ

เส้นทางบนภูเขาเต็มไปด้วยหินและดินลื่น ทุกย่างก้าวต้องมีสติ ถ้าเรามัวแต่คุยเล่น คิดฟุ้งซ่าน หรือเร่งรีบ ก็อาจพลาดและล้มได้ง่ายๆ

เราคิดว่ามันเหมือนกับชีวิตในแต่ละวันของเราเลยค่ะ ถ้าเราไม่อยู่กับปัจจุบัน ไม่เฝ้าระวังใจตัวเอง ก็อาจก้าวพลาด หรือตัดสินใจผิดได้เหมือนกัน

ข้อ 2 – ไม่มีทางไหนผิด มีแต่ “ทางของเรา

ระหว่างทาง บางคนอาจเลือกทางลัด บางคนเลือกทางอ้อมเพื่อความปลอดภัย บางคนเผลอเลือกทางที่ยากกว่า แต่ก็ไม่มีทางไหนที่ผิด ทุกคนแค่กำลังเดินในเส้นทางของตัวเอง

บางครั้งเราก็ต้องหยุดคิด หยุดพักบ้าง และบางครั้งเราอาจได้พบมิตรภาพดีๆ ระหว่างทางด้วยค่ะ

ข้อ 3 – ความสวยงามที่สุด อาจไม่ใช่ปลายทาง

ตอนที่เราปีนขึ้นไปถึงยอดน้ำตก มันสวยจริงค่ะ แต่จุดนั้นกลับลงไปเล่นน้ำไม่ได้ เพราะมีรั้วกั้น

สิ่งที่เราประทับใจที่สุด กลับกลายเป็นช่วงที่เราแวะลงเล่นน้ำตกเล็กๆ ระหว่างทาง ความเย็นสดชื่นของน้ำ เสียงหัวเราะของเด็กๆ

ภาพธรรมชาติที่อยู่ใกล้ชิด ทำให้เราเข้าใจว่า…บางทีสิ่งที่มีค่าและน่าจดจำที่สุด ไม่ใช่จุดหมาย แต่คือเรื่องราวระหว่างทางต่างหาก

นี่คือเรื่องราวเล็กๆ ของการเดินป่าครั้งนี้ค่ะ

ธรรมชาติรอบนี้ได้มอบพลังดีๆ ให้เราเยอะมาก ทำให้เราได้กลับมาเชื่อมต่อกับตัวเองอีกครั้ง ทั้งกายและใจ

แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ ช่วงนี้มี “เรื่องราวระหว่างทาง” อะไรกันบ้าง มาแชร์กันได้นะคะ ☺️💕


#เมื่อใจพูดฉันฟัง

"เมื่อเสียงภายนอกดังเกินไป... ลองหันกลับมาฟังหัวใจของตัวเอง"สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ วันนี้เรากลับมาพร้อมบทความใ...
14/07/2025

"เมื่อเสียงภายนอกดังเกินไป... ลองหันกลับมาฟังหัวใจของตัวเอง"

สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ
วันนี้เรากลับมาพร้อมบทความใหม่
ว่าด้วยเรื่องที่เราทุกคนต่างต้องเจอ
นั่นก็คือ… การรับมือกับ feedback

ช่วงนี้เราอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ชื่อว่า
“จิตวิทยาสบายใจ ใช้ชีวิตในแบบตัวเอง"
เป็นหนังสือแปลจากภาษาญี่ปุ่น เขียนโดย คุณฟุจิโนะ โทโมยะ

มีบทหนึ่งที่อ่านแล้วสะดุดใจมาก เลยอยากนำมาแบ่งปันกับทุกคนค่ะ

“อย่าคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะ การประเมินค่าจากคนอื่น
เพราะการกังวลกับ การประเมินค่าจากคนอื่น
เปรียบเสมือนการยอมให้คนอื่นมาตัดสินคุณค่าของตัวเอง”

“อย่ายอมให้ใครมาตัดสินคุณค่าของคุณสิ
เมื่อไหร่ที่คุณพยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ขอให้ใช้มุมมองของตัวเองเป็นแกนหลัก แบบที่มาจากตัวเราจริง ๆ”

เพราะว่า...
เรานั้นต่างมีช่วงเวลาหลากหลาย
ช่วงที่เราสดใส และช่วงที่เราหม่นหมอง

ช่วงที่เราแสดงน้ำใจกับผู้อื่นได้และช่วงที่เราไม่อาจใจดีกับใครได้

มีทั้งช่วงเวลาที่เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้แสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่
และช่วงเวลาที่…อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำอย่างนั้นไม่ได้

เรามีทั้งช่วงเวลาที่สามารถทุ่มเทอย่างหนัก
และช่วงเวลาที่ิแค่ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตให้ผ่านไปได้ ก็นับว่ากล้าหาญมากแล้ว

เราต่างมีช่วงเวลาและจังหวะชีวิตแบบนี้กันทั้งนั้นค่ะ
ดังนั้น ...
การประเมินจากผู้อื่น ก็เป็นเพียงการมองแค่ บางช่วงของชีวิตเราเท่านั้น
ซึ่งอาจไม่ได้สะท้อนตัวเราทั้งหมด
และอาจไม่ได้มีความหมายอะไรมากนักเลยก็ได้

ถ้าจะมีใครสักคนที่ควรกำหนดคุณค่าของเรา
ก็ขอให้เป็น “ตัวเราเอง” นั่นแหละ

และหากวันใดคุณอยากเปลี่ยนแปลง
ก็ขอให้เป็นเพราะ คุณรู้สึกอยากเปลี่ยนจริง ๆ
ในจังหวะที่คุณรู้สึกมั่นคง พร้อม และไม่ต้องฝืนตัวเอง

เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการฟังเสียงภายใน
จะนำพาเราไปสู่การเติบโต
ในแบบที่เป็น “เรา” อย่างแท้จริง



ลองหรี่เสียงจากภายนอกลงสักนิด
แล้วหันกลับมาฟังเสียงของตัวเอง
ว่าเราต้องการอะไร รู้สึกอย่างไร และอยากเป็นใคร

ขอให้วันนี้เป็นวันที่คุณใจดีกับตัวเองได้
แม้เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วค่ะ ☁️


#เมื่อใจพูดฉันฟัง

นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่เราเขียนบทความที่แม้แต่ตัวเราเอง…ก็อาจจะยังไม่เข้าใจมันมากนัก‘Self-awareness’การรู้จักตัวเองหลายคร...
01/07/2025

นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่เราเขียนบทความที่แม้แต่ตัวเราเอง…ก็อาจจะยังไม่เข้าใจมันมากนัก

‘Self-awareness’
การรู้จักตัวเอง

หลายครั้ง… เราละเลยความรู้สึกของตัวเอง
หลายครั้ง… เราไม่เข้าใจตัวเอง
หลายครั้ง… เราไม่ได้ฟังเสียงหัวใจเราจริงๆ

เราพยายามพิสูจน์ตัวเอง เพื่ออะไรบางอย่าง
จนลืมไปว่า..
เราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรเลย

ทุกคนล้วนมีคุณค่า ในแบบของตัวเอง ..

ถ้าเรารู้จักตัวเองมากพอ ว่าเราคือใคร
เป้าหมายของเราคืออะไร
สิ่งไหนทำให้เราหมดแรง…
สิ่งไหนเติมพลังให้กับเรา

คนแบบไหนที่เราสบายใจที่ได้อยู่ด้วย
คนแบบไหนที่เราควรค่อยๆ เดินออกห่าง

เมื่อเราตั้งคำถาม และสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้
เราจะค่อยๆ เข้าใจและรู้จักตัวเองมากขึ้นค่ะ

และ “การรู้จักตัวเอง”
คือกุญแจสำคัญของการเป็นคนที่เรารักและภูมิใจ

เมื่อไม่นานนี้ เราได้ฟัง podcast หนึ่ง
และได้ลองทำกิจกรรมเล็กๆ ที่อยากชวนเพื่อนๆ ทำไปพร้อมกัน

ขอเรียกมันว่า…

“การเยียวยาหัวใจตัวเอง”

มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
- List สิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข
- List สิ่งที่เราทำแล้วไม่มีความสุข

เช่น เราชอบอยู่ใกล้ธรรมชาติ ชอบทำโยคะ ชอบดื่มมัทฉะ

เราไม่ชอบที่คนเยอะ เสียงดัง หรือที่ๆ เราต้องฝืนยิ้ม

การมีลิสต์พวกนี้ จะทำให้เราเลือกได้มากขึ้น
ทั้งการดูแลใจตัวเอง และการไม่ต้องฝืนไปในที่ที่ใจไม่อยากไป หรือไม่อยากทำ

แล้วเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราเจอเรื่องที่ทำให้เราหมดพลัง
ก็ลองออกไป…ทำตามลิสต์ของสิ่งที่ทำให้เราใจฟูดูค่ะ
มันจะช่วยเยียวยา และทำให้วันแย่ๆ ของเรา ดีขึ้นได้ค่ะ

เราอยากเชิญชวน ให้ผู้อ่านของเรา
ทำความรู้จักและการทำความเข้าใจตัวเอง ไปพร้อมๆ กับเรานะคะ

การที่เรารู้จักตัวเองดีพอ
จะทำให้เรา ได้เป็นตัวเอง
เป็นคนที่เรารักและภูมิใจ
เป็นคนที่ดีพอ ในแบบของเรา

และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…เมื่อเราได้เดินตามเสียงของหัวใจ แล้วเราจะไม่หลงทาง

เราเชื่ออย่างนั้นค่ะ
ขอให้เป็นวันนี้เป็นวันที่ดี ของคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ 💙


#เมื่อใจพูดฉันฟัง

“แค่กลับมา อยู่กับลมหายใจ…”คุณผู้อ่านเคยมีวันแบบนี้ไหมคะ …วันที่อะไรๆ ก็ดูไม่เป็นใจสักอย่างวันที่คุณเหนื่อยล้า จนแทบอยาก...
23/06/2025

“แค่กลับมา อยู่กับลมหายใจ…”

คุณผู้อ่านเคยมีวันแบบนี้ไหมคะ …
วันที่อะไรๆ ก็ดูไม่เป็นใจสักอย่าง
วันที่คุณเหนื่อยล้า จนแทบอยากจะหายไป


แล้วคุณจัดการ กับวันเหล่านั้นยังไงคะ?

วันที่เหมือนโลกไม่เข้าข้าง
วันที่เราอาจจะเผลอ ก้าวขาผิดข้าง ตอนเดินออกจากบ้าน
หรือบางที … ดาวอาจจะโคจร ไม่เข้าทาง

ไม่ว่าเหตุผลคืออะไร
เราแค่อยากชวนคุณกลับมา
อยู่กับลมหายใจของตัวเอง…สักครู่

เรากำลังนั่งอยู่ในสวนสาธารณะ สูดอากาศเข้าไปในปอด

ด้วยสมองที่ว่างเปล่า … จริงๆ มันอาจจะแค่เหนื่อยมาก จนไม่สามารถบรรยายความรู้สึกออกมาได้

ปล่อยให้สายตาเราทอดยาว มองแอ่งน้ำที่ไหลเอื่อยเบื้องหน้า

หูฟังเสียงนก ที่บินจากต้นไม่ไกลๆ
ลมหายใจถูกพาเข้าไปในปอด…และผ่อนออกมายาวๆ

เรากลับมาอยู่กับ ปัจจุบัน …

บางครั้งการใช้สมองมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เราหลงลืมอะไรบางอย่างไป…

หลงลืม … การฟังเสียงหัวใจของเราเอง

เราอาจพยายามหาคำตอบว่า “ทำไม?”
แต่บางคำตอบ อาจยังไม่ใช่สิ่งที่ต้องรีบรู้ตอนนี้

แต่บางครั้ง สิ่งที่เราอาจพอทำได้
อาจเป็นการสูดลมหายใจเข้าให้
และการปล่อยลมหายใจออกให้ยาว
เพื่อให้ใจเราได้พักจากโลกที่วุ่นวาย

และเมื่อใจสงบลง

บางที… คำตอบอาจค่อยๆ โผล่ขึ้นมา
หรือไม่เช่นนั้น…
เราอาจเลือก “ปล่อยมันไป” ก็ได้เหมือนกัน

ลองดูนะคะ แค่กลับมาอยู่กับ…ลมหายใจของเราเอง


#เมื่อใจพูดฉันฟัง

“Love letter to myself”เนื่องจากวันนี้ เป็นวันพิเศษของเราเราเลยอยากแชร์ episode พิเศษ ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ 🥰คุณผู้อ่านเ...
19/06/2025

“Love letter to myself”

เนื่องจากวันนี้ เป็นวันพิเศษของเรา
เราเลยอยากแชร์ episode พิเศษ ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ 🥰

คุณผู้อ่านเคยเขียนจดหมายรักถึงตัวเองไหมคะ?

มันอาจจะฟังดูตลกนิดหน่อย แต่เราอยากชวนให้ลองเขียนดูนะคะ


เขียนง่ายๆ เหมือนเราเขียนถึงเพื่อนสนิทคนหนึ่ง

เพื่อนที่เราเห็นว่าเขาเติบโต และผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย
เพื่อนที่เรารู้ดีว่าเส้นทางที่เขาเดินมาถึงวันนี้ ไม่เคยง่ายเลย


วันนี้ เราเลยอยากมาแบ่งปันจดหมายฉบับหนึ่ง
จดหมายที่เราเขียนถึง “ตัวเราเอง”


ถึง ตัวฉัน

เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ช่วงนี้เหนื่อยหรือเปล่า? ระบายให้เราฟังได้นะ
กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ มันไม่ง่ายเลยใช่ไหม 🙂

เราแค่อยากให้เธอรู้ว่า …
เรามองเห็นความพยายามของเธอมาตลอด
เห็นความตั้งใจในการใช้ชีวิตในทุกๆ วัน

เห็นความเข้มแข็งของเธอ ที่ไม่ใช่แค่ในวันที่ดี
แต่ในวันที่แย่… เธอก็ยังลุกขึ้นสู้

เราจะอยู่ตรงนี้เสมอ กอดเธอไว้อย่างอบอุ่น และรักเธอสุดหัวใจ

ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราเชื่อในตัวเธอเสมอ
ไม่ว่าเธอจะฝันถึงอะไร หรืออยากตั้งใจทำสิ่งใด
เราขอให้มันเป็นจริงนะ

เธอเก่งมากนะ… ที่ผ่านมามันก็มีเรื่องที่เธอทำสำเร็จ และหลายๆ เรื่องที่เธอยังพยายามอยู่

และถึงแม้วันนี้ มันอาจจะยังไม่สำเร็จ…
แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเธอล้มเหลว

คนเราใช้ชีวิตในวันนี้กันเป็นครั้งแรกกันทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น มันไม่เป็นอะไรเลย ถ้าเธอจะผิดหวัง หรือผิดพลาดบ้าง …
นั่นคือสีสันของชีวิต

เธอจะเรียนรู้จากมัน…
และเติบโตเป็นเธอในเวอร์ชั่นที่ตัวเธอชอบที่สุด
หรือต่อให้เธอล้มบ้าง ร้องไห้บ้าง ก็ไม่เป็นไรเลย
เพราะเรารู้ว่าเธอลุกขึ้นได้เสมอ

เราขอให้เธอมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
ขอให้เธอพักในวันที่สมควรพัก
มีความกล้าหาญ ที่จะยืนหยัดเพื่อการเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่เธอชอบที่สุด
ขอให้เธอยิ้ม และมีความสุขกับเรื่องราวที่เข้ามาในชีวิต

ฉันอยากให้เธอยังเชื่อในความดีและความใจดีที่เธอมี
และความใจดีที่ได้รับจากคนรอบข้าง
… เพราะนั่นคือคุณค่าที่สำคัญสำหรับเธอเสมอ

ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร
หรืออยู่ในอารมณ์แบบไหน

เราขอให้เธอรู้ไว้เสมอว่า
เรายังอยู่ตรงนี้ ข้างๆ เธอเสมอ
จะยิ้ม หัวเราะ และร้องไห้ไปกับเธอ

ขอบคุณนะคนเก่ง
ขอบคุณที่ยังหายใจอยู่ในวันนี้
ขอบคุณที่เธอดูแลทั้งร่างกายและจิตใจของตัวเอง
ขอบคุณที่เธอยังรัก และส่งต่อพลังดีๆ ให้กับโลกใบนี้

เรารักเธอนะ — รักที่สุดเลย
เธอคู่ควรกับความรัก และความเคารพ
เราภูมิใจในตัวเธอมากๆ เลยนะ

รักเสมอ
จาก เราเอง 💖

#เมื่อใจพูดฉันฟัง

“Toxic Productivity”พักผ่อนได้…ไม่ต้องรู้สึกผิดคุณผู้อ่านเคยไหมคะรู้สึกผิดเมื่อไม่ได้ทำงาน — แม้ในเวลาว่างก็ยังรู้สึกว่า...
15/06/2025

“Toxic Productivity”

พักผ่อนได้…ไม่ต้องรู้สึกผิด


คุณผู้อ่านเคยไหมคะ

รู้สึกผิดเมื่อไม่ได้ทำงาน — แม้ในเวลาว่างก็ยังรู้สึกว่าควรทำอะไรให้เกิด *productivity* ตลอดเวลา?

จะพักผ่อน จะนั่งหรือนอนนิ่ง ๆ กลับรู้สึกไม่สบายใจ

ยิ่งเมื่อเห็นเพื่อน ๆ หรือคนในโซเชียลมีเดียดูเหมือนประสบความสำเร็จ
ก็ยิ่งเผลอเปรียบเทียบกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว

การวิ่งตามเป้าหมายโดยไม่ให้โอกาสตัวเองได้พัก
อาจนำไปสู่ความรู้สึกหมดไฟ หรืออ่อนล้าอยู่บ่อยครั้ง

เพราะทั้งร่างกายและจิตใจไม่ได้รับการฟื้นฟูที่เพียงพอ

หากคุณเคยรู้สึกแบบนี้ อาจเป็นไปได้ว่าเรากำลังเผชิญกับ “Toxic Productivity” อยู่ก็ได้ค่ะ


Toxic Productivity คืออะไร?

“Toxic Productivity” คือสภาวะที่เรารู้สึกว่าต้อง *productive* อยู่ตลอดเวลา

จนแม้แต่เวลาพักผ่อนก็รู้สึกผิด หรือรู้สึกว่า “ไร้ค่า”

สิ่งนี้อาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น

วัฒนธรรม “hustle culture” ที่ยกย่องความขยันเกินพอดี

ความกดดันจากครอบครัวหรือสังคม

การเสพโซเชียลมีเดียบ่อย ๆ และเผลอเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่น

ความเชื่อที่ว่า “ต้องประสบความสำเร็จถึงจะมีคุณค่า”


เราจะดูแลตัวเองอย่างไรดี?

สิ่งแรกที่อยากชวนคือ ยอมรับว่า "การพักผ่อนก็สำคัญไม่แพ้การทำงาน"

ลอง…

ตั้งขอบเขตเวลา “งาน” และ “เวลาส่วนตัว” ให้ชัดเจน

เมื่อถึงเวลาพัก ก็พักให้เต็มที่โดยไม่รู้สึกผิด

ฝึก *mindfulness* หรือการอยู่กับปัจจุบัน

หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

ให้คุณค่ากับ “ความสุขเล็ก ๆ” ที่ไม่จำเป็นต้อง productive เสมอไป

ออกไปทำสิ่งที่ชอบ — ไปออกกำลังกาย ทำอาหาร ทานข้าวกับครอบครัว เจอเพื่อน หรือแค่ได้นอนนิ่ง ๆ ก็เพียงพอแล้ว


แน่นอนว่าการพิชิตเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ

แต่การมีความสุขระหว่างทางก็สำคัญไม่แพ้กัน

ขอให้คุณได้เดินทางไปถึงจุดหมาย โดยไม่ต้องแลกกับสุขภาพใจหรือสุขภาพกาย

และเมื่อถึงเวลาพัก ก็ขอให้คุณกล้าหยุดพักอย่างเต็มที่ — เพื่อที่จะเดินต่อได้อย่างยั่งยืน


พักแล้วเดินต่อ

เพื่อไม่ต้องหมดไฟกลางทาง และไปถึงเป้าหมายอย่างสง่างามค่ะ


แล้วคุณผู้อ่านล่ะคะ เคยรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำอะไรบ้างไหม? มาแชร์กันนะคะ


#เมื่อใจพูดฉันฟัง

”Please be kind to yourself“ใจดีกับตัวเองหน่อยนะค่อยๆ หลับตาลงเบา ๆหายใจเข้าลึก ๆ…หายใจออกยาว ๆ…บางวันโลกก็ดูเหมือนจะใจร...
11/06/2025

”Please be kind to yourself“

ใจดีกับตัวเองหน่อยนะ
ค่อยๆ หลับตาลงเบา ๆ
หายใจเข้าลึก ๆ…
หายใจออกยาว ๆ…

บางวันโลกก็ดูเหมือนจะใจร้ายกับเรา
บางเรื่องก็ไม่ได้ดั่งใจเลย…
แต่อย่าหมดหวังในตัวเองนะ

ให้ตัวเราได้พัก
ออกจากความคาดหวังของตัวเอง
ออกจากความคาดหวังของใคร ๆ

กลับมาเป็นเรา
ในแบบที่เราเป็น
เชื่อมั่น และรักตัวเองนะ 🌿


#เมื่อใจพูดฉันฟัง

“Self-esteem: เมื่อเราตั้งคำถามกับคุณค่าของตัวเอง”วันหนึ่ง ขณะที่เรานั่งจิบกาแฟอุ่น ๆ และเปิดหนังสือเล่มใหม่ “แด่วัย 30 ...
08/06/2025

“Self-esteem: เมื่อเราตั้งคำถามกับคุณค่าของตัวเอง”

วันหนึ่ง ขณะที่เรานั่งจิบกาแฟอุ่น ๆ และเปิดหนังสือเล่มใหม่ “แด่วัย 30 ผู้คิดมาก” ของคุณคิมอึนจู (Head of UX ที่ Google)

เราก็สะดุดกับบทหนึ่งที่พูดถึงคำว่า
“Self-esteem” หรือ “การเห็นคุณค่าในตัวเอง”

…และรู้ทันทีว่ามันเชื่อมโยงกับสิ่งที่เรากำลังเผชิญตลอดปีที่ผ่านมา

“เรา…ดีพอหรือยัง?”

“เรามีคุณค่าจริง ๆ หรือเปล่า?”

คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวบ่อยครั้ง โดยเฉพาะหลังได้รับฟีดแบ็กจากการทำงาน ซึ่งทำให้เรากลับมาทบทวนตัวเองอย่างลึกซึ้ง

Self-esteem คือ ความรู้สึกที่เรามีต่อตัวเองว่า เรา “มีคุณค่า” และ “ดีพอ” แค่ไหน

คนที่มี self-esteem สูง จะมั่นใจในตัวเอง กล้าตัดสินใจ และเคารพทั้งตัวเองและผู้อื่น

ในทางตรงกันข้าม หาก self-esteem ต่ำ เราอาจจะ…

• กลัวความผิดพลาด ไม่กล้าแสดงออก
• เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่ตลอด
• วิจารณ์ตัวเองอย่างรุนแรง
• ไม่กล้าปฏิเสธ หรือเรียกร้องสิ่งที่ควรได้
• ทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ดี
• มองอนาคตในแง่ร้าย

เราเอง…ก็เคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกแบบนั้น

และหนังสือเล่มนี้ก็แนะนำทริกดี ๆ ที่เราอยากส่งต่อค่ะ

เทคนิคที่ 1: “แยกขยะหัวใจ”

เคยไหม เวลามีคนชมเรา แต่สมองกลับเถียงทันทีว่า
“ไม่หรอก เขาชมไปงั้นแหละ”
“ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่เราทำไม่ได้อยู่ดี…”

คำตอบเหล่านี้คือ ขยะในใจ ที่ควรแยกทิ้งด้วยความตั้งใจ

สำหรับเรา วิธีที่ช่วยได้คือ…

การถ่ายรูป หรือ Screenshot เก็บคำชมไว้ในรูป ไม่ว่าจะมาจากอาจารย์ หัวหน้า หรือเพื่อนร่วมงาน แล้วรวบรวมไว้ในอัลบั้มพิเศษ

ทุกครั้งที่รู้สึกผิดหวังหรือสงสัยในตัวเอง เราจะเปิดดูสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง เพื่อเตือนตัวเองว่า

เราเคยทำได้ดีแค่ไหน และเราเดินมาไกลแค่ไหนแล้วจากจุดเริ่มต้น

และนอกจากขยะในใจ ยังมีขยะจากภายนอก เช่น ข่าวสารลบ ๆ หรือคำพูดแดกดันจากคนอื่น

เราต้องเรียนรู้ที่จะเป็น “เจ้านายของจิตใจ” ไม่ปล่อยให้ความรู้สึกลบกัดกินเราไปเรื่อย ๆ

เทคนิคที่ 2: ”เปลี่ยนเสียงในหัว ให้กลายเป็นพลัง“

ตัวอย่างเช่น…

”เราไม่เก่งพอหรอก” → ตอนนี้เราอาจยังไม่เก่ง แต่เรากำลังเรียนรู้อยู่

“เราแย่มาก เราทำผิดตลอดเลย” → ทุกคนผิดพลาดได้ แค่เรียนรู้จากมันและพัฒนาให้ดีขึ้นก็พอแล้ว

คุณค่าในตัวเรา ไม่ได้วัดจากความสำเร็จหรือคำชมจากคนอื่นเท่านั้น

แต่วัดจากการที่… เรายังคงพยายามทุกวัน และกล้าที่จะรักตัวเองในเวอร์ชันที่ยังไม่สมบูรณ์นี้

ขอให้บทความนี้เป็นเหมือนการโอบกอดเบา ๆ ให้ทุกคนกลับมาเห็นคุณค่าในตัวเองอีกครั้ง

เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
ขอให้เป็นวันที่ดีของทุกท่าน 💛


#เมื่อใจพูดฉันฟัง

“Self-assertive”เป็นหนึ่งในคำที่เปลี่ยนชีวิตเรามากในปีนี้ตั้งแต่เด็ก เราเป็นคนวางตัวอยู่ในกฎเกณฑ์ประนีประนอม และมักจะตาม...
03/06/2025

“Self-assertive”
เป็นหนึ่งในคำที่เปลี่ยนชีวิตเรามากในปีนี้

ตั้งแต่เด็ก เราเป็นคนวางตัวอยู่ในกฎเกณฑ์
ประนีประนอม และมักจะตามใจคนอื่น
จนลืมถามใจตัวเองว่า…
“เราต้องการอะไร?”

เราเคยคิดว่าการเป็น people pleaser คือ “คนดี”
แต่เมื่อโตขึ้น… มันกลับทำให้เราถูกมองข้าม
และบางครั้งก็ถูกเอาเปรียบ


จนวันหนึ่ง เราเจอเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต
เรา ถูกต่อว่าในเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดของเราเพียงคนเดียว
มันเป็นการตัดสินใจร่วมกันของทีม

แต่เรา ไม่ได้ปกป้องตัวเองมากพอ
และ ความรู้สึก “ไม่ยุติธรรม” นั้น
วนซ้ำอยู่ในหัวเรา และกลายเป็นจุดที่ทำให้เรารู้สึก… หมดไฟ


เราได้ปรึกษาผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
และเขาแนะนำให้เรารู้จักกับคำว่า
“Assertive”

“พี่ก็เป็นคนที่ประนีประนอมเหมือนกัน
แต่พี่ Assertive ด้วยนะ”

เราได้ยินแล้วก็สงสัยทันที…
Assertive คืออะไร?


“Assertive” คือ
การกล้าแสดงความคิด ความรู้สึก และความต้องการของตัวเอง
อย่างชัดเจนและมีเหตุผล
โดย ไม่ใช้อารมณ์ และ
ไม่ยอมให้ใครควบคุมหรือเอาเปรียบเรา

“Assertive ไม่ใช่ความก้าวร้าวนะคะ มันคือการยืนหยัดเพื่อตัวเอง และการเคารพตัวเองรูปแบบหนึ่ง และเมื่อเรายืนหยัดเพื่อตัวเอง คนอื่นๆ ก็จะเคารพ ให้เกียรติ และเกรงใจเราเช่นกัน”
พี่ผู้ใหญ่ย้ำเตือนคำนิยามกับเรา

เราสามารถเริ่มต้นฝึกจากคำถามง่ายๆ กับตัวเองเสมอว่า

“เรารู้สึกยังไง?”
“เราคิดยังไงกับเรื่องนี้?”

และเตือนตัวเองให้กล้า
พูดความคิดอย่างมีเหตุผล


เราได้นำคำแนะนำนี้มาปรับใช้
ผลลัพธ์ที่ได้คือ…

เรารู้สึกดีที่ได้แสดงจุดยืนของตัวเอง เราได้รับความเคารพจากคนรอบข้างมากขึ้น และเรารู้สึกภูมิใจ ที่ได้เป็นตัวของตัวเอง


เราอยากแชร์สิ่งนี้ไว้
เป็นกำลังใจให้ทุกคน 💙

ใครที่ยังรู้สึกว่า
“กลัวจะพูด” หรือ “ไม่กล้าแสดงความเห็น”

ลองเริ่มจากการ
ยอมรับและเคารพความรู้สึกของตัวเองก่อน

เพราะ…
ทุกความคิดเห็นมี คุณค่า
ทุกความรู้สึกมี ความหมาย

อย่ามองข้ามความคิดและหัวใจของตัวเองเลยนะคะ

ลอง “ยืนหยัดเพื่อมัน” ดู…
แล้วโลกของคุณจะเปลี่ยนไป

เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านนะคะ
#เมื่อใจพูดฉันฟัง

”เท่าทันความรู้สึก ตกผลึกความคิด“เราพึ่งอ่านหนังสือ Rawit Midlife ของคุณแท๊ป รวิศ หาญอุตสาหะ และสะดุดใจกับบทความหนึ่งที่...
26/05/2025

”เท่าทันความรู้สึก ตกผลึกความคิด“

เราพึ่งอ่านหนังสือ Rawit Midlife ของคุณแท๊ป รวิศ หาญอุตสาหะ และสะดุดใจกับบทความหนึ่งที่พูดถึงเรื่อง “Labeling Emotions” หรือ “การตั้งชื่อความรู้สึก” ซึ่งเป็นเรื่องที่ฟังดูง่าย แต่กลับทรงพลังมาก

ทำไมการตั้งชื่อความรู้สึกจึงสำคัญ?

ในแต่ละวัน เราเผชิญกับเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ไปจนถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหตุการณ์เหล่านี้มักดึงอารมณ์ต่างๆ ขึ้นมาภายในใจเรา แต่บางครั้งเรากลับไม่สามารถอธิบายสิ่งที่รู้สึกออกมาได้

คุณเคยไหมคะ ที่รู้สึกอึดอัด เหนื่อยล้า หรือไม่อยากทำอะไรเลย โดยไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร?

อารมณ์ที่ยังไม่ถูกนิยามเหล่านี้ มักจะรวมตัวกันเป็นก้อนๆ อยู่ภายใน และเมื่อเรายังไม่สามารถแยกแยะมันออกมาได้ ก็ยากที่จะแก้ไขหรือดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธี

เช่น บางครั้งเราทำงานอย่างต่อเนื่อง จดจ่ออยู่กับหน้าจอ จนเริ่มมีอาการปวดเมื่อย หรือแม้กระทั่งนอนไม่หลับ เพราะไม่รู้ว่าร่างกายกำลังตอบสนองต่อความเครียดที่สะสมโดยไม่รู้ตัว

หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกได้ดีขึ้นคือ “Wheel of Emotions” หรือ วงล้อแห่งอารมณ์ เมื่อเรามองลงไปในรายละเอียดของอารมณ์แต่ละชนิด เราจะพบว่าความรู้สึกของมนุษย์มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนมากกว่าที่คิด การสามารถ “ตั้งชื่อ” ความรู้สึกได้อย่างแม่นยำจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าใจตนเอง

ตัวอย่างเช่น:

- หากเรารู้สึกเบื่อหน่าย แล้วสามารถระบุได้ว่า “เราเบื่อเพราะประชุมมา 2 ชั่วโมงแล้วยังหาข้อสรุปไม่ได้” เราก็สามารถหาทางรับมือ เช่น จดโน้ตสรุป หรือหาเวลาพักสั้น ๆ เพื่อรีเฟรชตัวเอง

- หรือหากเรารู้สึกภูมิใจที่ลุกให้คุณป้าบนรถไฟฟ้า เราอาจตระหนักได้ว่า เราให้คุณค่ากับการช่วยเหลือผู้อื่น

เมื่อเราฝึกตั้งชื่ออารมณ์ได้บ่อยขึ้น เราจะเริ่มมองเห็น “แพทเทิร์น” ความรู้สึกและการกระทำของตัวเอง เช่น อะไรที่ทำให้เราหงุดหงิด? อะไรที่เติมพลังให้เรา? หรือกิจกรรมแบบไหนที่กระตุ้นความรู้สึกใหม่ ๆ ในตัวเรา

ไม่แน่ว่าเราก็อาจค้นพบอารมณ์บางอย่าง ที่เราไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ในตัวมาก่อนเลยก็ได้

ดังนั้น ในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่าลืมหยุดสักนิด แล้วถามตัวเองว่า … “ฉันรู้สึกอย่างไร?”

เพราะการเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของการเข้าใจตัวตน และการดูแลหัวใจของเราอย่างแท้จริงค่ะ

ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของทุกคนนะคะ ☺️
#เมื่อใจพูดฉันฟัง

ขอบคุณภาพประกอบจาก Facebook: United Nations Thailand https://www.facebook.com/share/1LbYmKCJCs/?mibextid=wwXIfr

”มีความสุข ให้ง่ายเข้าไว้“เมื่อไม่นานมานี้ เราพึ่งมีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรมมาค่ะบางครั้ง การได้หยุดพักจากกิจวัตรเดิมๆอย่าง...
18/05/2025

”มีความสุข ให้ง่ายเข้าไว้“

เมื่อไม่นานมานี้ เราพึ่งมีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรมมาค่ะ

บางครั้ง การได้หยุดพักจากกิจวัตรเดิมๆ
อย่างการทำงาน 9 โมงเช้า เลิกงาน 6 โมงเย็น ประชุมติดๆ กันทั้งวัน แถมยังต้องรับมือกับปัญหาสารพัด
…การได้ออกมาอยู่กับตัวเองสักพัก ก็ช่วยให้ใจเราผ่อนคลายขึ้นมาก

แค่ได้หายใจอย่างมีสติ เดินอย่างรู้ตัว กินข้าวช้าๆ รับรู้ทุกคำที่เคี้ยว หรือแม้แต่นั่งเฉยๆ ก็รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมานาน

นอกจากจะได้พักใจแล้ว ฉันยังได้ฟังคำสอนจากพระอาจารย์ที่อยากแชร์ให้ทุกคนฟัง
เป็นคำสอนง่ายๆ แต่ลึกซึ้งมาก คือ…

“การมีความสุขแบบง่ายๆ ในชีวิต คือการสังเกตความคิดของตัวเอง แล้วพยายามคิดบวกให้ได้”

ฟังดูง่ายใช่ไหมคะ?
แต่ความจริงแล้ว ถ้าเราไม่มีสติที่จะเห็นความคิดตัวเอง มันก็ไม่ง่ายเลย

หลายครั้งที่ความทุกข์ของเรา ไม่ได้มาจากเหตุการณ์ตรงหน้า
แต่มาจากความคิดของเราเอง—ที่ไปกังวลกับอนาคตที่ยังไม่เกิด หรือหมุนซ้ำเรื่องในอดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้

แต่ถ้าเราจับมันได้ทัน แล้วลองเปลี่ยนมุมมองดู… อะไรๆ ก็อาจดีขึ้น

เช่น สมมุติวันนี้เจ้านายดุเรา
แวบแรก เราอาจคิดว่า “ทำไมต้องดุเรา เราทำผิดตรงไหน” แล้วก็รู้สึกแย่

แต่พอเรามีสติ รู้ทันความคิดตัวเอง
เราลองตั้งคำถามใหม่ว่า — “ถ้าลองมองจากมุมเขา เราได้ข้อคิดอะไรบ้างนะ ที่จะช่วยพัฒนาตัวเองในอนาคต?”

ใช่ค่ะ วันนี้เราอาจยังไม่เก่งที่สุด แต่นั่นก็ไม่เป็นไร
มนุษย์ทุกคนมีวันที่พลาดได้ทั้งนั้น เราแค่เรียนรู้แล้วพัฒนาต่อก็พอ

แค่เปลี่ยนมุมคิด… ใจก็เบาลงเยอะแล้ว

ฉันลองฝึกแบบนี้อยู่เรื่อยๆ และพบว่า
ใจเราสงบขึ้น ทุกข์น้อยลง และมีความสุขง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

อย่าลืมนะคะ… เหรียญมีสองด้านเสมอ
ทุกเรื่องร้าย อาจมีบางอย่างดีซ่อนอยู่เสมอ
แค่เราลองมองให้เห็นมันก็พอ

ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของทุกคนนะคะ 🙂
#เมื่อใจพูดฉันฟัง

ที่อยู่

Phasi Charoen

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Pause and feel เมื่อใจพูด ฉันฟังผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์