เว็บไซต์คืออะไร?

https://www.facebook.com/173316773146724/

อาศรมบัณฑิตาราม

หน้าหลัก
ประเทศไทย
Phatthana Nikhom
อาศรมบัณฑิตาราม

สถานปฏิบัติธรรม เจริญสติ สู่มรรคผลนิพพาน

09/11/2025

หลังจากทำงานอย่างต่อเนื่องหลายปี คราวนี้คณะลูกศิษย์ ได้นิมนต์พระอาจารย์ทั้ง 2 มาเป็นกำลังใจ เปิดคลินิค #หมอปานสิริน ที่ระยอง
จึงได้โอกาส เจาะเลือด ตรวจสุขภาพ
ผลตรวจ ตับ ไต หัวใจ ปอด แข็งแรงดีทั้ง 2 รูป พอได้รับใช้พระพุทธศาสนากันต่อไป

07/11/2025

สรุปโครงการโสดาบันวิถียกจิตตื่นรู้สู้ภัยทุจริต

Enjoy the videos and music you love, upload original content, and share it all with friends, family, and the world on YouTube.

26/10/2025

#คอร์สภาวนาครั้งที่74
#รุ่นซักอบรีด
วันที่20-26ตุลาคม2568
#สติปัฏฐาน4
#สัมปะชัญญะบรรพพะ

“ซัก”
ถ้าหากจะเปรียบจิตของเราเป็นดั่งผ้าหนึ่งผืน และถูกใช้จนเปื้อนสกปรกเศร้าหมอง มาวันนี้ต้องการทำให้สะอาดเหมือนเดิม ตามคำสอนในบทโอวาทปาฏิโมกข์ว่าต้องชำระจิตของตนให้ขาวรอบ กระบวนการนั้นคือการทำความเพียรด้วยการลงมือปฏิบัติด้วยกายใจจริงๆ การเดินจงกรมมีสติรู้สึกตัวอยู่ที่กาย อันนี้คือการซักการขยี้ คราบใคลสิ่งสกปรกในชั้นแรกที่ถูกชำระออกไปคือนิวรณ์ทั้ง๕อันเนื่องด้วยกามและอกุศล ทำให้จิตเข้าถึงความสะอาดในเบื้องต้นเป็นจิตที่มีความพร้อมที่จะทำกุศลให้ยิ่งๆขึ้นไป กระบวนการซักการขยี้ให้นิวรณ์หลุดออกจากจิตนี้เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการทำความเพียรต่อเนื่อง และเอาจริงไม่เหยาะแหยะ เพื่อให้ผ้าหรือจิตมีความพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการถัดไปนั่นคือ การ…
“อบ”
หมายถึงอบรมปัญญาให้เกิดขึ้นกับจิตอันเรียกว่า“วิปัสสนาญาณ” เป็นตาของจิตที่จะมองลงที่ขันธ์๕คือรูปนาม กายใจอันนี้ให้รู้แจ้งเห็นจริงๆโดยปราศจากทิฏฐิและตัณหาเข้าแทรก จนถึงที่สุดแห่งการเห็น ว่าขันธ์๕ไม่ใช่ตน ตนไม่ใช่ขันธ์๕ ขันธ์๕ไม่เที่ยง ไม่คงที่ บังคับเอาตามใจไม่ได้ จนจิตนั้นได้พบนิโรธคือสภาพที่จิตสงบสงัดปราศจากตัณหา และเข้าสู่กระบวนการถัดไปอันเป็นความสุขุมแห่งชีวิตนั่นคือการ…
“รีด”
หมายถึงการตระหนักรู้สิ่งที่เรียกว่า“ ทิฏฐิ” อันเป็นธรรมชาติชีวิตฝ่ายนามธรรม ที่ต้องมีเป็นธรรมดาตามธรรมชาติของทุกชีวิต จิตปล่อยมโนทวารได้เต็มที่ เป็นอิสระ เป็นอภิภายตนะ

ภาพบรรยากาศคอร์สภาวนาครั้งที่74รุ่น “ซัก_อบ_รีด”
ณ สำนักสงฆ์บัณฑิตาราม บ้านดีลัง ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี

25/10/2025

#สังโยชน์ทั้ง 10 ก็คืออารมณ์ต่างๆนั่นเอง พวกเราเพียรทำความรู้สึกตัวให้มากเข้าไว้
เพราะอารมณ์ต่างๆ ย่อมมีจรเข้ามา ...ถ้ารู้สึกตัวไม่พอ จิตก็จะเผลอจากฐานกาย ไปเสวยอารมณ์ต่างๆ อารมณ์สังโยชน์ต่างๆ ถ้าเกิดขึ้นกับจิตแล้วเรายังเห็นกายอยู่ได้ จึงจะเรียกว่าบรรลุธรรม
1.หากสังโยชน์ ข้อ1,2,3 เกิดขึ้น แล้วยังรู้สึกตัวกายได้อยู่ ก็บรรลุโสดาบัน
2.หากสังโยชน์ข้อ 1,2,3 และความตระหนี่ ความผูกโกรธ เกิดขึ้นกับจิต แล้วยังรู้สึกตัวได้ ก็บรรลุเป็น สกทาคามี
3.หาก กามและปฏิฆะ เกือบโกรธ เกิดขึ้นกับจิต แล้วยังรู้สึกตัวกายอยู่ ก็บรรลุธรรมเป็นอนาคามี
4.หาก จิตตั้งมั่นมีอารมณ์ สมาธิ รูปฌาน อรูปฌาณ ศักดิ์ศรี ตัวตน วิตก วิจารปรุงแต่งธรรม เกิดขึ้นกับจิต แล้วยังรู้สึกถึงการดำรงอยู่ของตัวกายได้ ก็บรรลุธรรมเป็นอรหันต์ขีณาสพ
เพราะการบรรลุธรรมนั้น คือการวางอารมณ์ เห็นตรงต่อธรรม หมดการอุปาทานในนามรูป จิตทราบชัดว่า อารมณ์ทั้งหลายนั้นเป็นเพียงแค่นามรูป เป็นเงา เป็นมายา....
ที่เนื่องด้วยขันธ์ 5.....เราคือจิต มาอาศัยขันธ์ อยู่ชั่วคราว และจะไม่อาศัยภพ อาศัยขันธ์ ใดๆอยุ่อีกแล้วในอนาคต....
#กิเลสละได้ด้วยการเห็น

18/10/2025

“การทำความรู้สึกตัว รับทราบการมีอยู่ของกาย เป็นการอยู่กับปัจจุบัน
การอยู่กับปัจจุบันเป็นธรรมที่สบาย จิตหมดภาระ ส่วนการอยู่กับอดีตหรืออนาคตนั้น
ล้วนเป็นธรรมที่มีภาระ เพราะต้องคิดเอา ...เป็นมายา
สติปัฏฐาน 4 หมวดสัมปชัญญะนี้ เป็นกรรมฐานที่ใกล้นิพพานที่สุด แต่คนไม่คุ้น วางจิตไม่ค่อยตรง มักจะเตลิดไปสู่อารมณ์คิด ติดเหตุผลต่างๆ อันเป็นวิสัยโลก ถ้าหากทำถูกตามสูตรสัมปชัญญะบรรพะแล้ว ผลลัพธ์ของสูตรนี้ก็คืออยู่เหนือโลก เหนือความคิดเป็นนิพพานน่ะ“